5 ปี ที่มหาวิทยาลัยแพทย์ที่กรุงปารีส คุณหมอเพียร สามารถเรียนจบทำปริญญาแพทย์ได้สำเร็จ และเพื่อให้ความรู้ทางสาขาวิชาที่ศึกษามีมากขึ้น คุณหมอเพียร จึงเสียสละความสุขส่วนตัวที่จะเดินทางกลับบ้าน กลับเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกอีก 3 ปี จนได้รับปริญญาเอก และเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งคุณหมอเพียร สามารถสอบผ่านได้ด้วยคะแนนสูงสุด จนได้รับเหรียญทองจากสถาบันแห่งนั้น เป็นสตรีคนแรกที่สอบได้เหรียญทองของสถาบัน ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่วงการแพทย์ของเมืองไทย
คุณหมอเพียร เดินทางกลับมาเมืองไทยพร้อมกับปริญญาด๊อกเตอร์ เมื่ออายุยังไม่เต็ม 30
คุณหมอเพียร เข้ามารับราชการในกระทรวงสาธารณะสุข ตามความต้องการของตัวเอง ตอนนั้นงานด้านการสงเคราะห์แม่และเด็กยังไม่ได้เริ่มขึ้น แต่งานสุขอนามัยทาง ด้านกองควบคุมกามโรคกำลังรณรงค์ต่อต้านกันอย่างหนัก เพราะในช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม กามโรคกำลังระบาด คุณหมอเพียร จึงต้องเข้าไปสังกัดในกองควบคุมกามโรค กรมอนามัย โรงพยาบาลบางรัก ศูนย์ควบคุมใหญ่ ตั้งแต่บัดนั้นแล้วไม่ได้ออกจากกองนี้เลย
"คนใหญ่คนโตสมัยนี้หลายคน เคยเป็นคนไข้ของคุณหมอเพียร มาแล้ว อย่าไปเอ่ยชื่อเขาเลย เพราะมันเป็นเรื่องของหนุ่ม ๆ เป็นกฎธรรมชาติ"
เมื่อคุณหมอเพียร ไปทำงานในกองนี้ครั้งแรก ต้องสัมผัสกับงานเกี่ยวกับเรื่องของเพศที่ไม่เคยใกล้ชิดมาก่อน ทั้ง ๆ ที่เคยเรียนในหลักสูตรสรีรวิทยามาบ้างแล้วก็จริง แต่ในสภาพของโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งหญิงทั้งชาย ที่ผ่านสายตาเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่านั้น ทำให้คุณหมอเพียร แทบจะตัดสินใจลาออกจากงานไปเสียตั้งหลายครั้ง
แต่ในที่สุดคุณหมอเพียร เคยชินจับต้องได้เหมือนของเล่น คนไข้เสียอีกกลับอายหมอ ไม่กล้ามาหา หลายคนต้องเสียอนาคตไปเพราะกลัวหมอ คุณหมอเพียร มักเตือนหนุ่ม ๆ สมัยนี้เชื่อแต่หมอตี๋ ตามร้านขายยา หมอพวกนี้แหละที่ทำลายสถาบันแพทย์ในประเทศ กำหนดยาเอาเอง เก่งยิ่งกว่าหมอปริญญาด๊อกเตอร์ ความสู่รู้ของเขาทำลายผู้คนที่หลงเชื่อมาเสียเยอะแยะแล้ว เป็นโรคอย่ากลัวอย่าอายหมอ ค่ะ
เว็บชีวประวัติคุณหมอเพียร เวชบุล : www.pierra-vejjabul.com
แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 51 13:29:05