ความคิดเห็นที่ 1 โดยส่วนตัวผมนะ นั่นมันยังเป็นการทำลายเสนห์ของบทประพันธ์อันน้อยนิด เมื่อเทียบกับ การดัดแปลง แก้ไขบทประพันธ์เดิมมาเป็นบทภาพยนตร์ บทละคร แก้ไขซะจน แทบกลายเป็นคนเรื่องกันเลย ซึ่งมิใช่มันเกิดกับ นิยายกำลังภายในเท่านั้น ตอนแรกๆผม แทบยอมรับไม่ได้  แต่ตอนนี้ผมเฉยๆ แล้ว อายุมากขึ้น จิตใจก็เลยกว้างขึ้นมั้ง เมื่อก่อนผมชอบspecial effect แบบปล่อยพลังยิงแสง เหินฟ้า ดำดินแปลงร่าง มากเลยนะ รู้สึกว่าจะใช้กับเรื่อง ดาว(ฟ้า)ประกาศิต  เป็นเรื่องแรก แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกเฉยๆนะ กับเรื่องแบบนี้ <------แก่ขึ้นนะสิ อายุมากขึ้น วัยเปลี่ยนไป  มุมมอง ความรู้สึกต่อเรื่องราวต่าง ก็เปลี่ยนไป เพราะเห็นสิ่งประหลาดจนชาชิน ที่ว่าประหลาด ก็ว่ามิประหลาดแล้ว จากคุณ : ยาจกเงา (ryombr) - [ 8 พ.ย. 51 23:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พวก CG ที่ใช้ทำฉาก ข้าเจ้ารู้สึกเฉยๆ นะ แต่กับเอฟเฟ็คในฉากต่อสู้นั้นรู้สึกรับไม่ค่อยได้ เพราะเมื่อก่อนเวลาได้ดูหนังกำลังภายใน มีค่อนข้างน้อย กิจการในงานมัลติมีเดียยังไม่ค่อยเจริญ แล้วก็มีเฉพาะบางคนที่เทพๆ จริงๆ แต่ตอนนี้กลับพบว่า แม้แต่พวกลิ่วล้อมันก็ยังอุตส่าห์ตามมามีให้เห็นอีกต่างหาก จนต้องเลิกดูหนังกำลังภายในที่สาดเอฟเฟ็คต่อสู้ใส่กันเลยขอรับ รับไม่ได้จริงๆ จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 9 พ.ย. 51 06:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านหนังสือดีกว่า ได้อรรถรสมากกว่ากันเยอะ เรื่องไหนที่อ่านหนังสือก่อน แล้วมาดูหนังทีหลังนี่ หมดความสนุกเลยครับ บางเรื่องเล่นเปลี่ยนบทจนทนดูไม่ได้เลย อย่าง เจาะเวลาหาจิ๋นซี  นี่ผมรับไม่ได้เลย เปิดมาดูตอนแรก นึกว่าคนละเรื่องเดียวกัน เปลี่ยนบทไปคนละอย่างเลย จากคุณ : kokleang - [ 9 พ.ย. 51 10:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ข้าพเจ้าเองก็ไม่ชอบอย่างยิ่ง แก่นของ"หนัง" (ไม่ใช่นิยาย) กำลังภายในอยู่ที่ความงดงามของกระบวนท่าการวางคิวบู๊และความดุเดือดของการต่อสู้  ส่วน Special Effect เป็นแค่กระพี้  เสียดายที่ละครกำลังภายในรุ่นหลังกลับเน้นความสำคัญของกระพี้ มากกว่าแก่น  ทำให้มันส์สู้หนังกำลังภายในยุคเก่าๆ ที่เย้ยคิวบู๊ แต่ effect ธรรมดาไม่ได้เลย ล่าสุด ได้ดูเปาบุ้นจิ้น 2007 ตอนม้ามังกรขาว  ตอนที่จั่นเจาดวลกับผู้ร้ายในตอนสุดท้ายนี่(ขออภัย)ดูโหลยโท่ยอย่างมาก มี แต่ effect และเน้นมุมกล้อง matrix (ทำ slow motion จนน่ารำคาญ)  สู้ของ VER.เก่าๆอันนี้ก็ไม่ได้ จากคุณ : the scholar - [ 9 พ.ย. 51 10:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ..ชอบแบบสู้ๆกัน คิวบู๊มันส์ มากกว่า แสงสีแปร๊บปร๊าบครับ เพราะ แสงสี ยังไงก็สู้หนังจักรๆวงศ์บ้านเราไม่ได้หรอก  ของเรา ทำมานานแล้ว เนียนกริ๊ป 5 5 5... จากคุณ : GoodSowhat - [ 9 พ.ย. 51 16:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ATV เก่งเรื่องคิวบู้มากครับ จะมีหนังคิวบู้ดีๆ ออกมาเรื่อยๆเลย อย่าง ท้าฟันสะท้านบู้ลิ้ม นางพญากระบี่มาร(ดีครึ่งแรก) และอีกเพียบ  แต่ช่วงหลังไม่ค่อยมีเข้ามาไทยเลย เซ็ง จากคุณ : ราชันย์ทิวา - [ 10 พ.ย. 51 00:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่า ถ้า ใช้ CG มาช่วยพอประมาณ เช่น ในฉากที่ใช้ลมปราณ หรือ กระบวนท่าที่อานุภาพทำลายล้างสูง อย่างเช่นที่เห็นในเรื่อง ฟง-อวิ๋น (หนังโรงภาคแรก) ก็ดู โอเค นะครับ ดีกว่าปล่อยออกมาเป็นควันขาว หรือ เป็นลำแสงออกมา แต่ถ้าใช้อาวุธ อยากให้เน้นท่าสวยๆเหมือนเรื่อง Seven Sword หนังใหญ่ มากกว่า อันนี้คงขึ้นกับสไตล์ผู้กำกับคิวบู๊ และความต้องการของผู้กำกับครับ จากคุณ : ไร้จิตไร้ใจ - [ 10 พ.ย. 51 09:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^  ^ เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ จากคุณ : สีหมึก - [ 10 พ.ย. 51 14:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 - พอดีไม่ค่อยนิยมดูทีวี เลยเฉยๆ..ขอรับ - คารวะทุกท่านสามชามใหญ่..ขอรับ จากคุณ : นายหนอน - [ 10 พ.ย. 51 18:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 555 + เห็นด้วยกับทานยาจกเงาครับ เพราะบางเรื่องที่มาทำเป็นหนัง แกเปลี่ยนบทประพันธ์ซะจนรับไม่ได้เช่น เทพมารสะท้านภพ มังกรคู่สู้สิบทิศ จากคุณ : มีดที่ 13 (มีดไร้รัก) - [ 10 พ.ย. 51 20:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 5555 อ่านชื่อหนังที่ท่านมีดที่ 13 (มีดไร้รัก) ยกตัวอย่างมานี่ ผมคิดอกุศล จนลมปราณ แตกซ่านเลยนะ งี้ต้องปรับ ให้ตั้งวง"โกวเล้ง" เลี้ยงซักรอบหนึ่ง แล้วจึงไปต่อด้วย"หวงอี้"  ให้ลมปราณคืนสภาพปลอดโป่ง อิอิ... หนังยุคเก่า ดาราหนังที่แสดง เค้าใช้ความสามารถส่วนตัวเล่นจริงๆ หลายๆคน มีทักษะการต่อสู้  มีวิทยายุทธ์กันจริงๆ( แต่ก็ไม่ถึงขั้นในนิยายนะ )  บางคนถึงขนาดได้รับรางวัล แชมป์นักบู๊ ติดต่อกันหลายปี รุ่นรองๆลงมา ก็เชี่ยวชาญในศิลปะการแสดงครับ เหล่านี้แหละครับ ที่เป็นเสนห์ เป็นเอกลักษณ์ ที่หนังอื่นไม่มี หนังยุคใหม่ๆ ดารานอกจากหน้าตาดีแล้วไม่มีอะไร อาจเพราะดาราขาดความสามารถ จึงจึงหาจุดเด่นอื่นมาลบข้อด้อย หมายดีกลายเป็นร้าย จนคล้ายๆไม่มี ๓๐๐ ตำลึงทองไป คิดง่ายๆ ถ้าพระเอกนางเอกหนังบู๊ของไทย เก่งเหมื่อนจาพนม จีจ้า จะเป็นอย่างไร ?? แถมอีกนิด ข้อสังเกต รัฐบาลจีนเป็นคอมูนิสต์นะครับ คิดดูเค้ามีการปกครองเป็นอย่างไร จะมีใครอยากจะสร้างหนังจีน เคยมีคำสังห้าม เขียนอ่านนิยายกำลังภายในด้วยครับ(ตอนนี้เป็นไง ไม่รู้นะ)  ดาราหนังจีนส่วนใหญ่ ถือสัญชาติสิงคโป บ้างก็มาเลย์ บ้างก็ยูเอสเอ   หนังส่วนใหญ่ สร้างที่ฮ่องกง ตอนนี้ฮ่องกงก็ไม่ใช่ฮ่องกงเหมือนก่อนแล้ว ตอนหลังนี่ หนังจีนน่าจะสร้างที่สิงคโป เป็นส่วนมากมั้ง ปล.ไม่รู้ว่า ส่วนหลังนี้ผมเข้าใจไรผิด หรือ  ตกหล่นอะไรไปไม่บ้างรึปล่าว แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 51 21:36:48 จากคุณ : ยาจกเงาผู้ไม่สยบยอม (ryombr) - [ 10 พ.ย. 51 21:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ระวังจะโดนเหล่าฮูหยิน "ลิ้วชังเอี๊ยง" นะขอรับ ฮาฮา เห็นด้วยอย่างยิ่งขอรับว่า ดารารุ่นเก่านี่ขายฝีมือจริงๆ อย่างเฉินหลง เจ็ทลี บรูซลี นี่ก็มีวิชาบู๊อย่างยอดเยี่ยมทั้งนั้น  ไม่เน้นหน้าตามากเท่าไร   รุ่นใหม่ๆนี่เน้นแต่ขายหน้าตา  ไม่ค่อยกล้าไปฝึกวิชาบู๊จริงๆก่อนถ่ายเพราะเดี๋ยวหน้าแหก ปล. 1.ฉีเส้าเฉียน เดวิดเจียง  นี่เป็นวิชาบู๊รึเปล่าขอรับ 2.ดาราบู๊ไม่เก่ง ทำไมไม่รู้จักใช้สตันท์เล่า หายไปไหนกันหมด 3. แต่ท่านเปาภาคใหม่ เหอเจียจิ้งยังเป็นองครักษ์จั่น แต่คิวบู๊โหลยโท่ยกว่าเดิมแยะ เฮ้ออ จากคุณ : the scholar - [ 10 พ.ย. 51 22:05:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ก็อย่าให้รู้สิท่านในเคล็ด 4 อย่า และใช้"วิชาอุ้ยเสี่ยวป้อ"ด้วย ปล. 1 . เดวิดเจียงน่าจะมีนะ จำได้แต่ ท่านปรมาจาย์บรุ๊ซลี  เรียนกับอาจารย์หลายท่าน  บัญญัติวิชาจนดังไปทั่วโลก เฉินหลง หงจินเป่า และ หยวนเปียว น่าจะเป็นศิษย์ของท่าน(อันนี้ไม่มั่นใจนะ เจทลี แชมป์วูซู 5 ปีซ้อน   ส่งท้าย ตอนก๊วยเ๋จ๋งอึ้งย้งสร้างดาบกระบี่ จะกล่าวเช่นนี้ไหมนะ คริสตัลคือหัวใจของคมดาบ  หัวใจหรือคริสตัลของเจได เจไดคือคริสตัลของพลัง  พลังคือคมดาบของหัวใจ ทั้งสามสิ่งนี้หลอมหลวมเป็นสิ่งเดียวกัน คริสตัล คมดาบ และ เจได เจ้าเป็นหนึ่งเดียว ขอพลังจงอยู่กับเจ้าของ ผู้มีวิถีแห่งแรนคอร์ เย้ย ผิดที่แล้ว ช่วงนี้ชักเบลอๆ แค่ไม่ได้อ่านนิยายกำลังภายใน มา 2 วันเองนะ จากคุณ : ยาจกเงา (ryombr) - [ 11 พ.ย. 51 20:11:56 ]