ความคิดเห็นที่ 1 แล้วแต่กรณีค่ะ ถ้ามันเดาไม่ออกหรือกลัวเดาแล้วเสียความก็เปิดเถอะค่ะ (แต่ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยเปิด ไว้เจออีกรอบสองรอบค่อยเปิด) อย่ำไปอ่านแบบตั้งเป้าเอาแต่ศัพท์ค่ะ มันจะไม่สนุกเอา ใช้วิธีจดลงกระดาษและมาหาตอนจบบทแล้วอ่านเรื่องซ้ำก็ได้ค่ะ อ่อ...อย่าลืม ฟอร์มส่วนใหญ่ของศัพท์ในนิยายเป็น past นะคะ เห็นว่าเรื่อง Twilight ที่ตอนนี้ฮิตเหลือเกินเป็นนิยายแบบgrade 10-12 (หมายความว่า เด็กม.สี่ ถึง ม.หกอ่านได้สบายๆในแง่ความยากของภาษา)  สำหรับคนไทยเราก็ว่าง่ายนะคะ แต่ไม่ง่ายเกิน น่าลองหามาอ่านดู ส่วนเรา เปิดไปนิดหน่อยแล้วยังเฉยๆ (เพราะหนีไปอ่านพวกโรแมนซ์แล้ว มีหนุ่มหล่อๆมาช่วยล่อใจ เอิ๊ก) จากคุณ : kurika - [ วันลอยกระทง 23:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาหนับหนุน คห 1 จ้ะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่ออำแดงยังเป็นสาวน้อย 14-15 อ่านนิยายไทยน้ำเน่าหมดตู้จนไม่มีอะไรจะอ่าน เลยไปหยิบ โรมานซ์ ฝรั่งเล่มเล็กๆมาอ่าน ที่นางเอกต้องสวยปิ๊ง และจนๆหน่อย ไปเจอพระเอกแบบ หล่อ รวย เท่ มาหลงรัก น่าจะอ่านไปเป็นร้อยเล่ม เป็นเหตุให้อ่านภาษาอังกฤษแตกก่อนเข้ามหาวิทยาลัยเสียอีก อิอิ พอโตมาแล้วรสนิยมเปลี่ยนบ้าง อ่านวรรณกรรม วรรณคดีอีกเยอะ แต่ต้องยกความดีให้กับหนังสือ โรมานซ์ ไร้ค่าเหล่านั้น เพราะถ้าอ่านภาษาไม่ออก อ่านหนังสือดีๆ ติดดาว ไม่เข้าใจเด็ดขาด ส่วนเรื่องเปิดดิก ไม่ต้องไปสนใจมากหรอกค่ะ อยากเปิดก็เปิด ไม่อยากเปิดก็ไม่เปิด อ่านเข้าใจรวมๆก็พอแล้ว ถ้าคุณสามารถอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ (จะดี จะห่วย) ได้สัก 20 เล่ม คุณจะพบว่า คุณมีความสามารถในการเข้าใจศัพท์โดยไม่ต้องให้ใครแปล พจนานุกรมมีไว้แค่ confirm ความเข้าใจเท่านั้นเอง และศัพท์ที่คุณได้จากการ osmosis นี้ จะอยู่กับคุณไปตลอดเหมือนภาษาแม่ ไม่มีวันลืม ขอบคุณนิยายประโลมโลก ที่ทำให้อิฉันมีวันนี้ ฮา จากคุณ : อำแดงมา - [ วันลอยกระทง 23:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ ประสบการณ์คล้ายๆกันครับ ตั้งแต่เด็กชอบอ่านนิยายกำลังถายในมาก แต่พอต้องไปเรียนต่างประเทศ มันหาอ่านไม่ได้ี ไอ้เรื่องที่เอาติดตัวไปด้วยก็อ่านจนจะเปื่อยหมดแล้ว ลงแดงแทบตาย จนสุดท้ายตัดสินใจลองอ่านนิยายแนวแฟนตาซีของฝรั่งแก้ขัดไปก่อน ปรากฏว่าติดงอมแงมครับ อ่านจนไม่ได้หลับได้นอน ไปเรียนเหมือนเป็นซอมบี้ แล้วไอ้นิยายแนวนี้ของฝรั่ง มันมีเป็นซีรี่ส์ ชุดนึง 5 เล่ม 10 เล่ม บางชุด 20-30 เล่มยังไม่จบก็มี แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก แค่อยากอ่านให้รู้ว่าเรื่องมันจะจบยังไงก็อ่านมันดะไปเรื่อยๆ ไม่ค่อยได้เปิดหาศัทพ์เพราะขี้เกียจ อ่านไปอ่านมามันก็เข้าใจไปเองโดยเฉพาะเรื่องที่เขียนโดยผู้เขียนคนเดียวกัน สำนวนการใช้คำใช้ภาษามันก็ออกแนวเดิมๆไม่หนีกันมาก ได้ศัพท์และการใช้รูปประโยคและวลีต่างๆมากมายโดยไม่รู้ตัว (ถึงแม้มันจะไม่ค่อยได้ประโยชน์กับวิชาที่เรียน เพราะเรียนวิศวะ) ผ่านมา 10 กว่าปีจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นแฟนหนังสือทั้ง 2 แนว ซื้อจนเกลื่อนบ้าน ไม่มีที่จะวางแล้วครับ จากคุณ : ตี๋เขียงหมู (kominator) - [ 13 พ.ย. 51 00:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โดยส่วนตัวนะ คำถามแรก เราว่าต้องดูก่อนว่าพื้นฐานคุณขนาดไหน เล่มที่คุณยกมา เราไม่เคยอ่าน ก็ขอแนะนำว่าให้คุณลองผิดลองถูกไปก่อน ถ้าเป็นไปได้ก็ไปอ่านที่ห้องสมุด ยืม หรือเช่า ไม่ต้องซื้อเพราะเปลือง (เสียดายเมืองไทยชอบทำหนังสือแพง) ถ้าเป็นหนังสือเด็ก เข้าใจว่าหน้าปกจะเขียนว่าเหมาะกับเด็กอายุเท่าไหร่ คุณอาจจะยึดตรงนั้นช่วยการตัดสินใจก็ได้ แต่ขอแนะนำว่า ให้เลือกแนวทางที่คุณสนใจ ถึงแม้มันจะยากไปบ้างบางครั้ง เราว่า ความชอบจะทำให้คุณมีมานะในการข้ามอุปสรรค คำถามที่สอง เราก็ว่าขึ้นอยู่กับพี้นฐานของคุณอีก สมมติคุณอ่านพ็อคเก็ตบุ๊คหนึ่งหน้า ไม่รู้ศัพท์เกินสิบคำ มันก็อาจจะทำให้คุณไม่เข้าใจทั้งหน้า หรือถ้าพื้นฐานศัพท์ไม่ค่อยดี เช่นไม่รู้ว่าคำนี้ในบริบทหนึ่งหมายถึงสิ่งหนึ่ง ในอีกบริบทอาจจะหมายถึงอีกสิ่งอื่น (หาดูตัวอย่างได้เยอะแยะ เวลานักแปลหนังสือ แปลผิด) การเดาอาจจะทำให้เป็นผลเสียมากกว่าเป็นผลดี เพราะเราค่อนข้างเชื่อว่า อะไรที่เราพบเจอครั้งแรก มักจะติดตาเรามากกว่า ทีนี้ ถ้าคุณเข้าใจผิดตั้งแต่แรก แม้ว่าต่อมาจะเข้าใจถูก บางทีมันก็ต้องมาปรับความคิดอีกทีหลัง เริ่มต้นให้ถูกตั้งแต่ครั้งแรก ดีที่สุด บางครั้ง เน้นที่คุณภาพ ก็ดีกว่าปริมาณ หรือความต้องการให้มันจบ ๆ ไป ขอให้สนุกกับการอ่านนะ จากคุณ : Genuine XXX - [ 13 พ.ย. 51 02:30:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แนะนำเล่มที่คุณรู้ศัพท์เกิน80% เราจะสามารถเดาศัพท์ที่ไม่รู้ได้ ถ้าเริ่มจากหนังสือที่อ่านยากเกินไปจะทำให้เบื่อเปิด dic และรู้สึกไม่สนุกในที่สุด จากคุณ : pandha (pandha) - [ 13 พ.ย. 51 03:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ชอบเรื่องไหนก็เลือกอ่านเลย ครับ Macmillan Readers http://www.macmillanenglish.com/ProductType.aspx?id=28250 Oxford Bookworms http://www.oup.com/elt/catalogue/isbn/31050/?cc=th Penguin Readers http://plrcatalogue.pearson.com/ ---------- Free Books http://www.e-book.com.au/freebooks.htm Novel, Fiction, Story: E-book FREE http://www.ebookee.com/novel.html Free Online Literature with more than 2000 Classic Texts http://www.bibliomania.com/ http://www.bookrags.com/browse/ebooks/ http://www.sparknotes.com/lit/ http://www.freebooknotes.com/ http://www.campusnut.com/bookindex.cfm http://www.bookrags.com/browse/Book+Notes/ http://pinkmonkey.com/pinkmonkey.asp http://www.arcamax.com/books -------------- Bit torrent ESL English Advanced Learner's Megapack v6 http://thepiratebay.org/torrent/4470918/UPDATED_-_ESL_English_Advanced_Learner_s_Megapack_v6 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 51 08:04:36 จากคุณ : Chocolate_X - [ 13 พ.ย. 51 07:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 งานของ Mitch Album ก็ภาษาไม่ยากนะครับ จากคุณ : Alovera - [ 13 พ.ย. 51 17:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่าน The Notebook ดีก่าค่ะ http://www.amazon.com/exec/obidos/ASIN/0446605239 ตัวอย่าง http://www.amazon.com/gp/reader/0446605239/ref=sib_dp_pt#reader-link แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 51 17:44:19 จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 13 พ.ย. 51 17:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เราสรุปได้แล้ว กะว่าจะไปหา แบบ แนว โรแมนซ์ ที่อ่านง่ายๆ มาอ่านดูค่ะ (เพราะเคยมีช่วงนึง ติดนิยายแจ่มใส งอมแงม ไม่เป็นอันเรียน แหะๆ) แอบเล็งไว้ ได้ สองเรื่องแล้ว จาก เว็บต่างๆที่แนะนำมา ^___^ อ้อ ขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ จากคุณ : Da - [ 13 พ.ย. 51 21:01:42 A:58.8.61.182 X: TicketID:192917 ]