ความคิดเห็นที่ 1 อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง อีกสาเหตุหนึ่งก็คือทรงอยากดำรงชีวิตแบบสามัญชน แต่ตามธรรมเนียม เจ้านายราชวงศ์จะสมรสกับสามัญชนก็ต้องทรงขอพระราชทานอนุญาตอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็ต้องกลับไปเป็นสามัญชน ยกเว้นพระมหากษัตริย์จะทรงให้ดำรงพระยศดังเดิมก็ได้ ดังนั้นองค์เล็กจึงไม่เป็นสามัญชนไงครับ จากคุณ : K.Senior - [ 14 พ.ย. 51 17:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขออภัยนะคะ ไม่ถนัดใช้ราชาศัพท์ เหมือนท่านเคยให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารฉบับนึงไว้ว่า มีความตั้งใจมานานแล้วว่าอยากดำรงชีวิตแบบสามัญชน และจะลาจากฐานันดรศักดิ์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องแต่งงานค่ะ ถึงไม่แต่งงานก็ตั้งใจจะลาออกอยู้แล้ว จากคุณ : นักคุ้ยกระบะ - [ 14 พ.ย. 51 18:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 umhhh เข้าใจเเล้วครับ จากคุณ : taro-tg69 - [ 14 พ.ย. 51 18:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เนื่องจากท่านจบการศึกษาจากต่างประเทศ อาจจะชอบชีวิตอิสระเสรี  เรียบง่ายแบบสามัญชน เจ้านายไม่ว่าประเทศไหน  บางอารมณ์ก็อยากใช้ชีวิตแบบส่วนตัว  แบบชาวบ้านบ้าง เหมือนคนสามัญบางอารมณ์ก็ฝันอยากเป็นเจ้าหญิง  เจ้าชายนั่นแล จากคุณ : วสันดิลก - [ 14 พ.ย. 51 18:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อารมณ์เดียวกับเจ้าฟ้ามหิดลกับสมเด็จย่านั่นละครับ ทั้ง2พระองค์ในสมัยร.5-7ก็อยู่อย่างเรียบง่ายหรือแม้กระทั่งลำบากกว่าสมัญชนทั่วไปเสียอีก เนื่องด้วยความเป็นหมอที่ต้องดูและรักษาคนไข้ มีบันทึกด้วนว่าพระองค์ทรงเคยเช็ดตัวหรืออาบน้ำไห้คนไข้ด้วยซ้ำไป แม้ตอนไปพำนักอยู่ที่ต่างประเทษก็ปฎิบัติพระองค์เหมือนสามัญชนทุกประการไม่ถือยศถือศักดิ์ และถึงกับเคยขัดรองเท้าไห้นักศึกษาที่ไปค้างที่บ้านของพระองค์ด้วย จึงพูดได้ว่าไม่ไช่เรื่องแปลกที่(อดีต)ฟ้าหญิงอุบลรัตน์จะเป็นแบบนี้ ปล.แต่ตามหลักเค้าห้ามเชื้อพระวงศ์แต่งกับคนต่างชาติอยู่แล้วมั้ง เลยต้องออกก่อน จากคุณ : Gray Fish - [ 14 พ.ย. 51 19:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เค้าห้ามเชื้อพระวงค์แต่งกับคนต่างชาติด้วยเหรอ? ไม่ใช่มั้งครับ เห็นมีตั้งหลายคู่ จากคุณ : ผู้ชายที่หลงรักตัวอักษร - [ 14 พ.ย. 51 20:04:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาเพิ่มเติมอารมณ์อยากใช้ชีวิตแบบสามัญชนของเจ้าฟ้ามหิดลครับ แรกเริ่มเลย ท่านทรงเรียนจบนายเรือมาครับ (ไม่ทราบประเทศ) พอกลับมารับราชการในกองทัพเรือ ทางกองทัพไม่ยอมให้ท่านประจำการบนเรือรบ แต่ให้ทำงานในกระทรวงแทน ท่านเลยลาออก แล้วกลับเมืองนอกไปเรียนหมอใหม่ พอเรียนหมอกลับมา จะไปทำงานที่ศิริราช ศิริราชก็ไม่ยอมรับ เหตุผลคือท่านเป็นเจ้าฟ้าคลุกคลีอยู่กับคนไข้สามัญชนไม่ได้ ท่านเลยขึ้นเชียงใหม่ไปอยู่กับมิชชันนารีซะเลย จากคุณ : @(-_-)@ - [ 14 พ.ย. 51 20:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องเจ้านายอภิเษกกับต่างชาตินั้นไม่น่าจะมีห้ามไว้นะครับ แต่น่าจะเป็นเหตุที่ว่าประชาชนอาจจะไม่นับถือคู่อภิเษกชาวต่างชาติรวมถึงพระทายาทที่เกิดมามีหน้าตาไม่เป็นคนไทย คิดว่าเรื่องนี้สมัยก่อนน่าจะเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ส่วนเรื่องเจ้านายสตรีต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ก่อนอภิเษกกับสามัญชนนั้น ถ้าจำไม่ผิดเป็นกฏมนเฑียรบาลที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่หกนะครับ ส่วนเรื่องจะพระราชทานฐานันดรคืนให้ภายหลังนั้นเป็นพระราชอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินอยู่แล้ว กรณีทูลกระหม่อมฯ ท่านลาออกจากการเป็นเจ้าฟ้าโดยที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นไปเพื่อการอภิเษกนะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด จากคุณ : Valar - [ 14 พ.ย. 51 20:41:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหตุที่ทูลหม่อมหญิงใหญ่ ทรงลาออกจากฐานันดร มิได้เพราะต้องการจะเสกสมรส แต่เหตุที่ทรงพระดำริ พระยศเจ้าฟ้า เป็นพระยศใหญ่ เกรงว่าจะไม่สามารถปฏิบัติพระราชกรณียกิจ สนองพระเดชพระคุณได้เต็มที่ จึงทรงลาออก  หลังจากนั้นจึงทรงเสกสมรส ครับ จากคุณ : พระนายไวย - [ 14 พ.ย. 51 21:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กรณีการลาออกจากฐานันดรศักดิ์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ มีประกาศพระบรมราชโองการ ดังนี้ครับ ประกาศพระบรมราชโองการ เรื่อง ลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้ทรงพระดำริเห็นถ่องแท้ด้วยพระองค์เองแล้วว่า การดำรงฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ในฐานะสมเด็จเจ้าฟ้าเป็นกิจพิเศษ กอปรด้วยความรับผิดชอบอย่างสูงหลายด้าน ไม่ทรงสามารถจะปฏิบัติให้สมบูรณ์โดยตลอดได้ จึงขอพระราชทานกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์  และขอรับสนองพระเดชพระคุณในฐานะเป็นสามัญชน ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว พระราชทานพระบรมราชานุญาต จึงขออัญเชิญพระบรมราชโองการมาให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ จอมพล ถนอม กิตติขจร หัวหน้าคณะปฏิวัติ (ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า ๑ เล่ม ๘๙ ตอนที่ ๑๑๒ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๑๕) จากคุณ : วศินสุข - [ 14 พ.ย. 51 22:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระบรมวงศานุวงศ์ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหน้าหรือฝ่ายใน ต้องขอพระบรมราชานุญาต พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป หากจะทรงสมรสด้วยสามัญชน ต้องกราบบังคมทูลออกจากฐานันดรศักดิ์ ส่วนสาเหตุที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระองค์ใหญ่ กราบบังคมทูลพระกรุณาลาออกจากฐานันดรศักดิ ก็เป็นไปตามประกาศราชกิจจานุเบกษา ไม่มีนัยอื่นครับผม จากคุณ : natthaset - [ 14 พ.ย. 51 23:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนเรื่องการสมรสของพระราชวงศ์นี้ จะต้องเป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสมรสพระราชวงศ์แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโดยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ แล้ว โดยทรงตราขึ้นเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕) ด้วยเหตุผลเพื่อให้เหมาะแก่กาลสมัย และได้ทรงพระราชดำริมาก่อนการตรารัฐธรรมนูญแล้ว มีมาตราสำคัญที่ควรทราบดังนี้ มาตรา ๓ พระราชวงศ์ตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไป ถ้าจะทำการสมรสกับผู้ใด ท่านว่าต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเสียก่อน มาตรา ๔ เจ้าหญิงองค์ใด ถ้าจะทำการสมรสกับผู้อื่นซึ่งมิใช่เจ้าในพระราชวงศ์ อันเป็นการไม่ต้องด้วยพระราชประเพณีนิยม ท่านว่าต้องกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์เสียก่อน มาตรา ๕ ถ้าพระราชวงศ์องค์ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ ท่านว่าให้ถอดเสียจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ (ข้อมูลจากเวบไซต์ http://www.krisdika.go.th/ ) ส่วนกรณีของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ฯ ที่มีผู้สงสัยว่าทรงเสกสมรสแล้วเหตุใดจึงมิต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์ด้วยนั้น ผมก็ขออนุญาตอัญเชิญประกาศมาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ประกาศ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเสกสมรส (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทำการสมรสกับ เรืออากาศโท วีระยุทธ ดิษยะศริน ตามมาตรา ๓ และมาตรา ๔ แห่งกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการสมรสพระราชวงศ์ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาต และทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ ได้รับสนองพระราชภารกิจในการทนุบำรุงอาณาประชาราษฎรมาด้วยพระปรีชาสามารถและวิริยะอุตสาหะสม่ำเสมอตลอดมา นับว่าเป็นความดีความชอบทั้งในส่วนพระองค์และส่วนราชการแผ่นดิน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์สืบต่อไปทุกประการ ประกาศ ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๔ เป็นปีที่ ๓๖ ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พลเอก ป. ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี (ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า ๑ เล่ม ๙๘ ตอนที่ ๑๗๑ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๒๔) แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 51 23:16:59 จากคุณ : วศินสุข - [ 14 พ.ย. 51 23:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาตรา ๓ พระราชวงศ์ตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไป ถ้าจะทำการสมรสกับผู้ใด ท่านว่าต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเสียก่อน มาตรา ๕ ถ้าพระราชวงศ์องค์ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๓ และมาตรา ๔ ท่านว่าให้ถอดเสียจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ นี่คือกฎหมาย แต่ผมยังสงสัยกรณีลูกปลากับท่านชายกบ ไม่ทราบว่าได้รับพระราชทานอนุญาตหรือไม่ในการจดทะเบียนสมรส เพราะเมื่อท่านกบเสียชีวิต ลูกปลาไม่ได้อะไรเลย ทั้งที่เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย คดีมันมืดมนในสังคมเจ้ามานาน ไม่มีใครกล้ากล่าว จนวันสิ้นพระชนม์ ท่านกบ ก็ยังเป็นหม่อมเจ้าอยู่ ดังนั้นน่าจะสันนิษฐานได้ว่า ได้รับพระบรมราชานุญาต แล้ว แต่ที่สังคมสงสัย เมียแต่ง ไม่ได้อะไรเลย มันเป็นไปได้อย่างไร สินสมรสต้องมีให้ภรรยาที่แต่งถูกต้องตามกฎหมายด้วย จะอ้างท่านกบไม่ได้ทิ้งอะไรให้ในพินัยกรรม แต่กฎหมายก็บ่งบอกแล้ว ต้องแบ่งให้ภรรยา แต่ทำไมภรรยาถึงไม่ได้ ใจร้ายเกินไปจริงๆ "ในที่สุดท่านกบก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ หวังมัดใจให้หม่อมลูกปลาเป็นของท่านชั่วชีวิต โดยประกาศความเป็นเจ้าของด้วยการจดทะเบียนสมรสเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2537 จากนั้นไม่กี่เดือนก็มีพิธีแต่งงานอย่างหรูหราในโรงแรมสุดหรู ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย สร้างความฮือฮาสั่นสะเทือนแวดวงไฮโซยิ่งกว่าครั้งใด!" จากคุณ : K.Senior - [ 14 พ.ย. 51 23:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 14 พ.ย. 51 23:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ลูกปลากับท่านชายกบ คือใครครับ??? เกิดไม่ทัน งงอย่างเเรง ที่จริงมีเรื่องตั้งหลายเรื่องจะถามเกี่ยวกับเจ้านายหลายเรื่อง เอาไว้ค่อยถามทีละกระทู้ เอาเป็นเรื่องๆไปดีกว่า จากคุณ : taro-tg69 - [ 14 พ.ย. 51 23:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 16 กลายมาเป็นหม่อมลูกปลากับท่านกบได้อย่างไร แต่ก็จะขอคุยด้วยเรื่องหม่อมลูกปลาก่อนแล้วกัน หม่อมลูกปลา เป็นเด็กที่ท่านกบเลี้ยงประดุจบุญธรรมมาก่อน เพราะขอมาจากพระญาติที่ขอลูกปลามาจากโรงพยาบาล จากลูกบุญธรรม ก็เปลี่ยนสถานะภาพมาเป็นภรรยา เมื่ออายุไม่ถึงสิบห้าปี เดิมท่านกบมีหม่อมอยู่แล้วถึงสองคน ท่านกบท่านนิยมมีภรรยาอายุน้อยๆ หม่อมทั้งสองของท่านก็เกิดจากการขอพ่อแม่เขามาเลี้ยงแต่เด็กๆ หม่อมลูกปลาก็เหมือนเด็กในบ้านที่สนิทสนมกลมเกลียว วิ่งเล่นอยู่ในวังมาแต่อ้อนแต่ออด เมื่อสมัยก่อนจะเห็นประกาศที่นสพ.ไทยรัฐ ประกาศหาหม่อมลูกปลาหาย ใครพบเห็นแจ้งแหล่งได้จะให้รางวัล ครั้งแล้วครั้งเล่าที่มีประกาศตามหาหม่อมลูกปลา จนครั้งหลังสุดเมื่อตามกลับมาได้ ท่านกบหวังจะผูกใจหม่อมลูกปลาไม่ให้หนีเที่ยวอีก จึงจัดงานเชิญพระญาติพระวงศ์ ไฮโซทั่วเมืองไทย มางานเลี้ยงสมรส จดทะเบียนให้เอิกเกริก ยังจดจำภาพหม่อมลูกปลานั่งบนตักท่านกบ ที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ได้ติดตา ฮือฮากันมากเพราะไม่เคยปรากฏมาก่อน เรียกว่าท่านกบท่านรักของท่านมาก หลังจากนั้นท่านก็ครองชีวิตคู่อยู่กับหม่อมลูกปลาตามปรกติ จนหม่อมลูกปลา หนีออกเที่ยวไปเจอหนุ่มคั่วเกาลัดที่เยาวราช ก็ชอบพอกันในฐานะหนุ่มสาววัยเดียวกัน ต่อมา หม่อมลูกปลาก็หนีออกไปเที่ยวต่างจังหวัดกับหนุ่มเกาลัดเรื่อยๆ ท่านก็ตามกลับมา วนเวียนอยู่อย่างนี้ อยู่มาวันหนึ่ง ท่านกบก็ล้มลมหลังจากดื่มกาแฟ ที่หม่อมลูกปลาชงมาให้ ท่านกบสลบไม่ได้สติ ต้องเรียกรถพยาบาลมารับ และโคม่าอยู่หลายวันที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ์ เรื่องระหว่างโคม่าก็พูดไปสนุกสนานว่า วิญญาณท่านเข้าร่างไม่ได้ มีการตรวจหาสารที่อยู่ในกาแฟถ้วยนั้น และพบว่ามีสารยาพิษอยู่ในถ้วยกาแฟนั้น เรื่องสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งกว่านิยายพิศวาสฆาตกรรม หม่อมลูกปลาโดนตำรวจสอบสวนและตั้งข้อหาวางยาพิษท่านกบ คดีนี้สืบพยานอยู่นาน หม่อมลูกปลาก็ติดคุก และหลังจากโดนสอบอย่างหนัก ลูกปลาก็อ้างว่าเหนื่อยเลยสารภาพ ซึ่งต่อมาลูกปลาก็สู้คดีว่า ให้การรับสารภาพไปตอนนั้นเพราะโดนกดดัน ก็เลยรับสารภาพไปแบบส่งเดช หม่อมลูกปลาติดคุกอยู่ห้าหกปี ระหว่างนั้นแฟนหนุ่มขายเกาลัดก็ยังห่วงใยดูแลไม่ได้หนีไปไหน ออกมาก็มาอยู่กินกันในฐานะสามีภรรยา มีลูกเต้ากันอีกคนสองคน หม่อมลูกปลาก็ได้รับการอุปการะ จากพระญาติของท่านกบให้บ้านหลังเล็กๆอยู่ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวไปอย่่างลำบากยากเข็ญ ชีวิตยิ่งกว่านิยายของหม่อมลูกปลาจะเป็นอย่างไรต่อ ตอนนี้ก็ไม่เห็นข่าวคราวอะไร แต่ตำนานหม่อมลูกปลากับท่านกบ ก็เหมือนดั่งเทพนิยายที่เจ้าชายผู้สูงส่งพบรักกับสาวน้อยที่ต่ำต้อย จบลงด้วยความตายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าท่านสิ้นพระชนม์ด้วยอะไรกันแน่ เพราะหม่อมลูกปลาปฎิเสธตอนหลังว่าไม่ได้เป็นคนวางยา เพราะไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองอะไรท่าน ท่านเพิ่งจะซื้อรถราคาหลายล้านให้และให้เงินสดมาอีก แล้วจะไปฆ่าท่านทำไม และจากการอ่านจากหมอไพศาลที่เป็นเพื่อนรักของท่านที่พูดคุยสนิทสนมกับท่านกบมานาน หมอไพศาลสัณนิฐานว่า ท่านมีนิสัยชอบกัดเล็บมือ และท่านชอบฉีดยาฆ่าแมลง พิษจากยาฆ่าแมลง อาจจะติดอยู่ที่เล็บมือท่าน เมื่อท่านกัดเล็บเล่นมากๆ ยาพิษอาจจะทำให้ท่านหมดสติเสียชีวิตไป หมายเหตุ เล่าให้ฟังเท่าที่ติดตามอ่านเรื่องนี้มาตลอด ผิดพลาดประการใดขออภัยผู้เกี่ยวข้อง จากคุณ : พนอจัน - [ 15 พ.ย. 51 06:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เคยติดตามข่าวเรื่องท่านกบ-หม่อมลูกปลาเหมือนกันค่ะ ขอบคุณความเห็นข้างบนที่ให้รายละเอียดมากทีเดียว จำได้ว่าหลังจากพ้นโทษ หม่อมลูกปลาก็มีชีวิตที่ลำบากมากนะคะ ต้องเลี้ยงลูก 2 คนเอง และทำงานเลี้ยงครอบครัว เพราะสามีไม่ช่วยเท่าไหร่ ทำทุกอย่าง เป็นลูกจ้าง ขายไก่ย่าง ขายก๋วยเตี๋ยว แต่เพราะความรู้น้อยเลยหางานที่รายได้สูงๆไม่ได้ เลยต้องอดมื้อกินมื้อบ้างคะ จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากหม่อมในท่านกบค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 51 13:02:12 จากคุณ : นก-หวีด - [ 15 พ.ย. 51 13:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับเรื่องของพระราชบิดามหิดล กับสมเด็จย่า อ่านแล้ว ปลื้ม น้ำตาไหลเลยค่ะ ส่วนท่านชายกบกับหม่อมลูกปลา  เหมือนดังนิยายจริงๆ ค่ะ   พูดไม่ออก จากคุณ : ณิ (Niranarun) - [ 15 พ.ย. 51 20:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องหม่อมลูกปลา ล่าสุดก็ได้ยินตามนั้นครับ ว่า ขายไก่ย่างอยู่ชีวิตค่อนข้างลำบาก ส่วนเรื่องที่สมรสนั้นก็ไม่แน่ใจ แต่อาจต้องไปดูที่รายละเอียดมังครับว่า จดทะเบียนหรือเปล่า หรือต้องแยกระหว่างทรัพย์ของท่านกบกับ กองมรดกในเสด็จพระองค์ชายใหญ่ด้วย เพราะท่านกบน่าจะเป็นผู้ดูแลมรดกในเสด็จพระองค์ชายใหญ่ จากคุณ : ciri - [ 18 พ.ย. 51 11:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ้าวหลุดมาถึงท่านกบได้ไง   แต่ยังไงก็ตามสินสมรสเริ่มต้นจากเมื่อสมรสแล้วจนถึงวันจดทะเบียนหย่า จริงอยู่สินส่วนตัวสามารถแยกไว้ได้ก่อนสมรส แต่ทรัพย์สินที่เพิ่มพูนหลังจากสมรสแล้ว ในกรณีท่านกบต้องแยกประเด็นระหว่างกองมรดกในเสด็จพระองค์ชายใหญ่ซึ่งไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว กับทรัพย์สินของท่านกบเองที่เพิ่มขึ้นหลังสมรสนะครับ ส่วนนี้ หม่อมลูกปลาน่าจะได้ แปลกแต่จริงว่าทำไมไม่ได้อะไรเลย เงินเยอะขนาดนั้นกับการเมืองภายใน และที่สำคัญหม่อมลูกปลาเป็นแค่เด็กขอมาเลี้ยงนะครับ ใครเขาจะนำพา ญาติก็ไม่ใช้ และที่สำคัญเป็นเรื่องของเจ้าของนาย ใครจะกล้าเข้าไปยุ่ง  ให้ไม่ให้ใครจะกล้าเถียงแทนหม่อม ที่สำคัญถูกตราหน้าว่าฆ่าสามี ไม่ได้อะไรเลยก็คงจะไม่มีใครใส่ใจ ส่วนเรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ อยู่แก่ใจผู้ทำละครับ จากคุณ : Kimpu - [ 19 พ.ย. 51 05:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไหนๆก็เลื่อนเปื้อนผิดความประสงค์ของหัวข้อกระทู้จนไม่ทราบว่าจะกลับไปเริ่มเรื่องตามหัวข้อกระทู้อย่างไรจึงเหมาะ ก็ขอมาต่อเรื่องราวชีวิตดั่งนิยายของหม่อมลูกปลาและท่านชายกบ ต่อไปเลย จากการติดตามอ่าน ท่านกบท่านมีโอรสและธิดา ที่เกิดจากหม่อมเก่า สมบัติต่างๆของท่านคงตกเป็นของโอรสธิดา ซึ่งตอนที่เกิดเรื่อง โอรส ธิดา ของท่านยังอายุไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องกลับไปอยู่ในความดูแลของหม่อมแม่ที่แยกทางไปแต่งงานใหม่ ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ที่ทางหม่อมแม่ของคุณหญิง คุณชาย ต้องฟ้องร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก หม่อมลูกปลา ซึ่งถูกดำเนินคดี ในข้อหาฆ่าคนตาย ต้องติดคุกติดตะราง หาคนที่จะมาช่วยก็ยาก เพราะไร้ญาติขาดมิตร ได้รับความเมตตาจากพระญาติของท่านกบบ้างก็ช่วยอะไรมากไม่ได้ คงต้องรับกรรมที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่อาจจะไม่ก่อ ส่วนปัญหาในวังอัศวินเอง ก็มีทั้งเรื่องการแย่งกันเป็นผู้จัดการมรดกของเสด็จพระองค์ชายใหญ่ กับหม่อมไฉไล ยุคล ณ อยุธยา กับพระทายาทของเสด็จพระองค์ชายใหญ่ ที่มีหลายพระองค์ มีการปิดวังขังไม่ให้หม่อมไฉไล ออกจากวัง เมื่อครั้งไปสำรวจทรัพย์สินมีค่าที่เป็นสมบัติของเสด็จพระองค์ชายใหญ่ อ่านเรื่องราวจากนิยตสารแล้วจดจำได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่อมา หม่อมไฉไล ยุคล ณ.อยุธยา ก็ได้เป็นผู้จัดการมรดก ตอนนี้ท่านก็ไปทำรีสอร์ทคุ้มไฉไล ที่จังหวัดกาญจนบุรี มีความสุขดี (จากการดูทีวีที่ไปสัมภาษณ์) หม่อมลูกปลา ต้องลำบาก เพราะตัวคนเดียว และไม่ค่อยมีการศึกษา สติปัญญาจึงคิดเรื่องที่ควรจะทำไม่ได้ ถ้าหม่อมลูกปลาได้เรียนหนังสือมากกว่านี้ เธอคงไม่ต้องลำบาก ดังนั้นจะเห็นว่าการเรียนหนังสือมากๆจะช่วยให้ชีวิตหาทางออกได้ แม้ไม่มากก็น้อย ยังมีเพื่อนพ้องให้ได้ช่วยเหลือให้คำแนะนำที่ดีๆ จากคุณ : พนอจัน - [ 19 พ.ย. 51 10:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เช่นนั้น ในปัจจุบันท่านก็ทรงอยู่ในศักดิ์แห่งสามัญชน มีประกาศครั้งใดหรือไม่ที่ให้ออกนามท่านว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ และต้องใช้ราชาศัพท์หรือไม่ ขั้นใด เคยเข้าไปดูเว๊ปไซด์ของสำนักพระราชวัง เห็นนามภาษาอังกฤษของท่านว่า Princess Ubolratana แต่ไม่มีคำนำว่า Her Royal Highness จากคุณ : SayaKo - [ 21 พ.ย. 51 02:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ดูทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ท่านประทานสัมภาษณ์ ในรายการตีสิบ พระองค์ท่านทรงเป็นกันเอง แม้จะทรงมีพระชาติกำเหนิดสูงส่ง แต่พระองค์เลือกที่จะใช้ชีวิตที่ทรงเลือกแล้ว ทรงมีพระปรีชาทางด้านการแสดง ทรงกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย ฟังที่ท่านประทานสัมภาษณ์บอกว่า ตำหนักที่ประทับในพระบรมมหาราชวัง ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้แม้จะหาที่แขวนพระฉายาลักษณ์ยังไม่ได้ เมื่อคุณวิทวัสถามพระองค์ท่านว่า ทรงดูหนังที่ไหน ท่านก็ทรงตอบว่า ดูจากโรงภาพยนตร์ทั่วไป ทรงโปรดร้องคาราโอเกะ ร้องครั้งหนึ่งสองถึงสามชั่วโมง ดูแล้วให้ชื่นชมพระองค์ท่าน ที่เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัติรย์ แต่ท่านทรงไม่ถือพระองค์ และให้ความสนพระทัยกับเด็กๆ พระสิริโฉมยิ่งงดงามกว่าสุภาพสตรีในวัยเดียวกัน ขอถวายพระพรให้ทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคภัย จากคุณ : พนอจัน - [ 21 พ.ย. 51 12:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กลับมาอ่านอีกทีมีความเห็นเพิ่มเยอะเลย สำหรับเรื่องของท่านกบ ผมว่าคงต้องดูจาก 1 ทะเบียนสมรส (อาจไม่ได้จด หรือจดซ้อน ก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นตามนั้นก็ไม่ได้อะไรเลย) 2 พินัยกรรม ถ้ามีระบุชัดว่ายกมรดกให้ใครบ้าง และทำถูกต้อง ทุกคนก็ได้ไปตามนั้น ส่วนกรณีมรดกของเสด็จพระองค์ชายใหญ่นั้นจบแล้วครับ ส่วนทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ผมไม่แน่ใจว่ามีประกาศหรือไม่ แต่คำว่า ทูลกระหม่อม เป็นคำลำลองที่ใช้แทนพระนามลูกเธอทุกพระองค์อยู่แล้ว (สมเด็จพระบรม และสมเด็จพระเทพ ข้าราชบริพารก็แทนพระนามว่าทูลกระหม่อมเช่นกัน) ไม่เกี่ยวกับลำดับพระยศใดๆ ทั้งสิ้น จากคุณ : ciri - [ 27 พ.ย. 51 15:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตามมาสรุปเรื่องหม่อมลูกปลาครับ ชีวิตหลังจากนั้น จากดีดีจังดอทคอม ...สำหรับสาเหตุการแต่งงานนั้น หม่อมลูกปลากล่าวว่า เป็นเพราะท่านชายกบอยากเอาชนะตน ไม่ต้องการให้หนีเที่ยว ส่วนตนก็ต้องการเอาชนะหม่อมคนอื่นๆ ที่ตราหน้าตนว่ามัวแต่หนีเที่ยว ระวังจะไม่ได้สมบัติอะไรเลย การแต่งงานครั้งนั้นจึงไม่ได้เกิดจากความรัก ส่วนของแต่งงานที่ระบุว่ามีทั้งรถเฟอร์รารี่ ปอร์เช่ และแหวนเพชรโบราณที่หาค่าไม่ได้นั้น ตนไม่เคยได้รับอะไรเลย ก่อนที่ท่านชายกบจะสิ้น ท่านจองรถแลนด์โรเวอร์ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาทให้ แต่เมื่อท่านสิ้นก็ถูกยึดเป็นมรดกของกองกลาง โดยได้รับเป็นเงินสด 3 แสนบาทที่ท่านให้ไว้เพื่อจะไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกัน และอีก 4 หมื่นบาท เพื่อเตรียมไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟของวังอัศวิน... ...ส่วนเรื่องพินัยกรรมนั้น นางชลาศัยกล่าวว่า ตนทราบว่าพินัยกรรมฉบับเดิมตนจะไม่ได้อะไร แต่ท่านชายบอกว่าจะแก้พินัยกรรมให้ได้รับของบ้าง แต่ไม่ทันได้แก้ ท่านก็สิ้นเสียก่อน... ...สำหรับชีวิตหลังจากออกจากคุก นางชลาศัยกล่าวว่า ไปอยู่ที่เชียงใหม่กับเพื่อนของท่านชายกบ โดยขายก๋วยเตี๋ยว ส้มตำไก่ย่างอยู่ประมาณ 5 ปี โดยเงินทุนได้จากการเขียนไปขอเงินจากมูลนิธิทิสโก้ซึ่งช่วยเหลือเรื่องอุปกรณ์ และช่วงที่อยู่เชียงใหม่ ตนเคยไปนั่งเล่นริมน้ำกับลูกชายและบอกกับลูกว่าตายกันดีไหม แต่เมื่อมองลูกแล้ว เห็นลูกมองตาแป๋ว รู้สึกว่าสงสารลูกและไม่อยากถูกคนประณามจึงล้มเลิกความคิด จากนั้นย้ายมาอยู่ที่จ.นครสวรรค์ โดยขายของเลี้ยงลูกไปวันๆ กระทั่งในที่สุดย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯโดยอยู่บ้านเช่าของญาติสามี ปัจจุบันขายไก่ย่างห้าดาวอยู่ที่บริเวณหน้าวัดชำนิหัตถการ ตรงข้ามกับอาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ถนนพระราม 1 ส่วนสามีประกอบธุรกิจส่วนตัวกับเพื่อน นางชลาศัยกล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้มีบ้านแล้ว อยู่ที่หมู่บ้านราชพฤกษ์ รังสิตคลอง 3 โดยเป็นทาวน์เฮ้าส์ ขนาด 18 ตารางวา ซึ่งม.ร.ว.นิภานพดารา ยุคล และม.ร.ว.จุลรังษี ยุคล ลูกของท่านชายกบซื้อให้ โดยมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านร่วมกับตน ซึ่งท่านระบุว่าห้ามขาย ให้ใช้อยู่อาศัยเท่านั้น ตนคาดว่าจะใช้ขายของเล็กๆน้อยๆเลี้ยงครอบครัวต่อไปในอนาคต "ที่ผ่านได้รับความช่วยจากคนในวังอัศวินจำนวนหลายท่าน ถือเป็นโชคดี ส่วนพ่อแม่แท้ๆก็มีโอกาสได้พบ เพราะก่อนหน้านี้ใช้นามสกุลเดิม เวลาหนีเที่ยว ท่านชายจึงลงหนังสือพิมพ์ตามหา ทำให้พ่อกับแม่รู้ว่าอยู่กับท่าน แต่คาดว่าปัจจุบันคงเสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย และคิดว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีการยื่นฎีกาอีก เพราะชีวิตที่ผ่านมาทำอะไรไม่สะดวก เนื่องจากมีชนักปักหลัง" นางชลาศัยกล่าว พิธีกรถามว่า เสียดายชีวิตที่ผ่านมาหรือไม่ หม่อมลูกปลา กล่าวว่า ถ้ากลับไปแก้ไขได้ อยากแก้ไขเรื่องเที่ยว แต่ขอเลือกชีวิตที่เป็นอิสระแบบนี้ดีกว่า เพราะการมีเงินไม่ได้ทำให้มีความสุข แต่ความสุขของชีวิตคือการได้อยู่กับลูก และจะเลี้ยงดูแลลูกให้ดีที่สุด ก็จบลงได้อย่างแฮปปี้เอนดิ้ง สรุปแล้วได้อะไรไปบ้างตามสมควร และที่ไม่ได้เพราะในพินัยกรรมไม่ระบุไว้ และยังไม่ทันได้แก้พินัยกรรมครับ จากคุณ : ciri - [ 27 พ.ย. 51 15:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะที่กรุณานำข้อมูลมาให้ได้รับทราบ จากคุณ : พนอจัน - [ 29 พ.ย. 51 19:33:12 ]