*****ขอเสริมสักเล็กน้อยนะครับ*****
สกุล บุนนาค นั้นเป็นสายพุทธนะครับ
แต่จะเป็นมุสลิมได้ ก็ต่อเมื่อได้ศรัทธาอิสลามแล้วไปเปลี่ยนศาสนาเอาเอง หรือมิฉะนั้นก็ไปแต่งงานกับมุสลิมแล้วจึงเปลี่ยนศาสนา
ท่านออกญาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ชาวเปอร์เชีย (อิหร่าน) เป็นต้นวงศ์เฉกอะหมัด เข้ามากรุงศรีอยุธยาประมาณรัชกาลพระเจ้าทรงธรรม จวบจนปัจจุบันก็ประมาณ ๔๐๐ ปี
เจ้าพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) วงศ์เฉกอะหมัดชั้นที่ ๔ เปลี่ยนมานับถือพุทธ ในสมัยพระเจ้าบรมโกศ แล้วให้ลูกชายคนรองและคนเล็ก คือ เสน กับ หนู เปลี่ยนมาเป็นพุทธ แต่คนโตคือ เชน ให้นับถืออิสลามต่อไป (เชน กับ เสน ร่วมมารดากัน)
วงศ์เฉกอะหมัดสายมุสลิมล้วนสืบเชื้อสายจาก ท่านเชน (ซึ่งภายหลังได้เป็นพระยาจุฬาราชมนตรี) ทั้งสิ้น ได้แก่สกุล อหะหมัดจุฬา จุฬารัตน์ อากาหยี่ ช่วงรัศมี เป็นต้น (พล.อ. สนธิ เป็นสายอหะหมัดจุฬา แต่บิดาท่านเปลี่ยนไปใช้นามสกุลแม่ คือ บุณยรัตกลิน เพราะสมัยจอมพล ป. ข้าราชการต้องมีชื่อสกุลเป็นไทย)
ส่วนท่านเสน ซึ่งเปลี่ยนเป็นพุทธ ภายหลังได้เป็น พระยาจ่าแสนยากร เป็นบิดา เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค ต้นสกุล บุนนาค) ดังนั้นบุนนาคจึงเป็นวงศ์เฉกอะหมัดสายพุทธ
ส่วนในสมัยที่ยังไม่มีนามสกุลนั้น "เครือญาติสกุลบุนนาค" นั้นมีสำนึกร่วมกันแนบแน่นกว่าในปัจจุบันมากนัก เนื่องจากเครือญาติยังมีน้อย และมีนิวาสสถานบริเวณเดียวกัน มีการไปมาหาสู่กันตลอด
ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ "พวกบุนนาค" อยู่ฝั่งธนฯ พื้นที่เริ่มจากคลองบางหลวง (คลองบางกอกใหญ่) เลียบตามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาจนถึงเขตคลองขนอน (คลองตลาดบ้านสมเด็จเจ้าพระยา) ที่ดินเหล่านี้ได้รับพระราชทานมาจากรัชกาลที่ ๓ อาจแบ่งเป็นเขตใหญ่ๆ ๒ เขตได้แก่ เขตของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า สมเด็จองค์ใหญ่ กับเขตของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค) ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า สมเด็จองค์น้อย พื้นที่ทั้งสองเขตนอกจากเป็นที่อยู่อาศัยของบุตรหลานแล้ว ยังได้ถวายพื้นที่ สร้างวัดของตระกูล คือ วัดประยุรวงศาวาส วัดพิชยญาติการาม วัดอนงคาราม เป็นต้น วัดทั้ง ๓ แห่งนี้เป็นที่บุคคลในสกุลบุนนาคบรรพชาพระภิกษุ สามเณร ประกอบศาสนกิจ และเป็นสถานที่ศึกษาอักขระเบื้องต้นอีกด้วย
เนื่องจากบ้านของสมเด็จองค์ใหญ่อยู่ด้านบน จึงเรียกว่าบ้านบน (สมัยรัชกาลที่ ๓ จึงเรียกสมเด็จองค์ใหญ่เมื่อครั้งเป็นที่เจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่สมุหพระกลาโหมว่า "เจ้าคุณหาบน") ส่วนบ้านสมเด็จองค์น้อยอยู่ด้านล่าง จึงเรียกว่าบ้านล่าง
สกุลบุนนาค(แทบ)ทั้งหมดสืบเชื้อสายจากสมเด็จเจ้าพระยาสององค์นี้ โดยทั้งสององค์เป็นบุตร เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับ เจ้าคุณนวล (ราชินิกุลบางช้าง เพราะเป็นน้องนางใน สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๑) สกุล "บุนนาค" ผู้สืบเชื้อสายจากท่านจึงนับเป็น "ราชินิกุลบางช้าง"
ส่วนผู้สืบเชื้อสายเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) กับ ภริยาอื่น ส่วนใหญ่(แทบทั้งหมด)ไปตั้งนามสกุลของท่านเอง เช่น จาติกรัตน์ บุรานนท์ ศุภมิตร เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ ๕ เนื่องจากพวกบุนนาคอยู่ฝั่งธนฯ จึงมีศัพท์เรียกว่า พวกฟากข้างโน้น (ฟากขะโน้น) โดยแบ่งเป็น ฟากข้างโน้นบ้านบน และ ฟากข้างโน้นบ้านล่าง (ตามที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น)
นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้พระราชทานตราสุริยมณฑลให้สมเด็จองค์ใหญ่ และตราจันทรมณฑลให้สมเด็จองค์น้อย จึงเกิดแบ่งเป็นสายพระอาทิตย์-สายพระจันทร์ ขึ้น โดยสายพระอาทิตย์(บุตรสมเด็จองค์ใหญ่) มักมีราชทินนามว่าเป็นวงศ์พระอาทิตย์ เช่น ศรีสุริยวงศ์ รวิวงศ์ ทิพากรวงศ์ ภาณุวงศ์ ประภากรวงศ์ เป็นต้น เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค บุตรสมเด็จองค์ใหญ่) ก็ถือว่าตัวเองเป็นวงศ์พระอาทิตย์ โดยเมื่อเป็นเจ้าเมืองเพชรบุรี ก็ได้ตั้งชื่อถนนว่า "พงษ์สุริยา"
และเมื่อก่อนมีนามสกุลนั้น บรรดาผู้สืบเชื้อสาย สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เวลาติดต่อกับตะวันตกจะใช้นามสกุลว่า "สุรวงศ์" (สุริวงศ์ หรือ สุริยวงศ์)
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อไม่มีนามสกุลนั้น การนับญาตินับทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง(เพราะรากฐานเดิมของอุษาคเนย์เป็นสังคมแม่เป็นใหญ่) บรรพบุรุษของสกุลบุนนาคจึงนับญาติกับผู้เกี่ยวดองทางฝ่ายหญิงด้วย ซึ่งได้แก่ พวกราชินิกุลบางช้าง (เช่น ชูโต สวัสดิ์-ชูโต แสง-ชูโต ณ บางช้าง และวงศาโรจน์ เป็นต้น) ราชสกุลฉัตรกุล สกุลอภัยวงศ์ ฯลฯ
โดยได้มีการอุปถัมภ์ช่วยเหลือกัน และเกี่ยวดองกันอยู่เนืองๆ
แต่เมื่อมีพ.ร.บ. ขนานนามสกุลที่ให้สืบสกุลทางฝ่ายชายเท่านั้น กอปรกับสมาชิกในสกุลมีเป็นจำนวนมาก มีการแยกย้ายกันไปสร้างบ้านเรือน ไม่อยู่รวมกันดังแต่ก่อน จึงไม่มีการไปมาหาสู่กันมากนัก (หรือมีเฉพาะในสายใกล้ชิดกัน)
ดังนั้นถึงแม้จะมีนามสกุลเดียวกัน แต่ "สำนึกแห่งความเป็นญาติ" กลับลดน้อยลง จำนวนคนที่ไปร่วมงานทำบุญให้ท่านเฉกอะหมัด หรือ งานทำบุญอัฐิบรรพบุรุษสกุลบุนนาคก็มีแต่น้อยลงๆ และมักมีแต่ผู้สูงอายุ
และเมื่อมีการจัดงาน ญาติสมาคม พบปะสังสรรค์ ก็มาไม่ครบ และคนที่มาก็ไม่รู้จักกันโดยมาก
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 19:37:07
แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 02:25:21
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 51 02:39:12
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 51 00:32:35
แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 51 00:17:54