อุทาหรณ์สำหรับผู้ที่หลงเชื่อโฆษณาเกินจริงของสถาบันสอนภาษา Wall Street
จากประสบการณ์ตรงที่ตนเองได้ตัดสินใจเลือกเรียนภาษาอังกฤษกับสถาบันสอนภาษา Wall Street
เนื่องจากตนเองต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ทั้งพูด อ่าน และเขียน โดยเฉพาะการพูด
เพื่อต้องการความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
จึงมองหาสถาบันสอนภาษาจากการโฆษณาต่างๆ
จนหลงทางเข้าไปขอวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย
ได้ทำการทดสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษกับคอมพิวเตอร์ จะวัดระดับเพียงเรื่องการฟัง อ่าน เท่านั้น
ซึ่งตนเองได้ระดับ Waystage 2 แต่ Part Listening เพียง Survival 3
ทาง Consultant จึงเห็นว่าตนเองควรอยู่ระดับ Waystage 1
หลังจากนั้นได้พูดคุยกับ Consultant
รวมทั้งได้รับคำปรึกษาว่าระบบการเรียนของที่สถาบันจะช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษให้บรรลุเป้าหมายของเรา
ซึ่งตนเองได้บอกว่าต้องการสื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจ เพื่อช่วยให้มีโอกาสก้าวหน้าในการทำงานอีกด้วย
โดย Consultant พยายามพูดจูงใจ และหว่านล้อมสารพัด ประกอบกับยกตัวอย่างนักเรียนที่มาเรียนที่สถาบันแล้วพูดภาษาอังกฤษคล่องมาก
รวมทั้งพูดสำเนียงภาษาอังกฤษโชว์ด้วย
Consultant อธิบายว่าระบบการเรียนการสอนของสถาบันนี้ จะเน้นบรรยากาศให้พูดอังกฤษทั้งหมด
(ตนเองเริ่มสนใจ เพราะคิดว่าจะได้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ และเข้าใจว่าส่วนใหญ่จะได้พูดคุยกับครูเจ้าของภาษา)
และมีโปรโมชั่นให้เลือกเรียน 4 Level ฟรีถึง 2 Level จึงตัดสินใจเรียน โดยชำระเงิน 6 หมื่นกว่าบาท
จึงทำการเซ็นสัญญาตามที่ Consultant บอก และมีหนังสือรับประกัน ซึ่งหากไม่ได้ผลยินดีคืนเงินเต็มจำนวน
(ที่สถาบันมีรับรองผลอีกด้วย) ทำให้ตนเองเชื่อมั่นในสถาบันสอนภาษาแห่งนี้มากขึ้นอีก
วันเริ่มเรียนทาง Personal Tutor ได้อธิบายระบบการเรียนของสถาบันให้ฟัง โดย 1 Level จะมี 4 Lesson และ 1 Lesson ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
ดังนั้นหากจบ 1 Level ใช้เวลา 2 เดือน แต่ให้เพิ่มเป็น 1 Level ใช้เวลา 3 เดือน
(หากไม่เข้าใจสามารถถาม Personal Tutor ได้ ส่วนตัวรู้สึกว่า Personal Tutor ไม่ได้ช่วยอะไรเราได้ แถมบางคนยังพูดจาดูถูกนักเรียนอีกด้วย)
ใน 1 Lesson จะให้นักเรียนเรียนด้วยตนเองในห้อง com เริ่มด้วย
Part ฟังบทสนา ทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับบทสนา โดยเลือกคำตอบ ต้องทำให้ได้ 70% ขึ้นไปถึงผ่าน (ซึ่งถ้าไม่ผ่าน กลับไปฟังใหม่ แล้วมาทดสอบอีกครั้ง รับรองได้ 90-100% อยู่แล้ว เพราะตนเองจำคำตอบได้ แต่ไม่ได้เข้าใจบทสนทนาทั้งหมดหรอก) ,
Part พูดเลียบแบบประโยคที่ได้ยิน พูดถูก จะได้ยินว่า Ping ถ้าพูดผิด จะได้ยินว่า Pong (บางครั้งตนเองพูดไม่ถูกยังได้ยินว่า Pingเลย) แต่ปัจจุบันสถาบันปรับระบบคอมพิวเตอร์ ไม่มีแบบนี้แล้ว คงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ จึงตัดออก ,
Part ฟังและตอบคำถาม ไม่รู้หรอกว่าตอบผิดตอบถูก ตอบมั่วๆไปก็ได้ ,
Part อ่านและทดสอบ และ
Part ทดสอบความเข้าใจของ Lesson นี้ทั้งหมด ซึ่งหากทดสอบแล้ว น้อยกว่า 70% ทดสอบใหม่ รับรองผ่านชัวร์ ใครที่จำคำตอบเก่งๆ 100% ทุก Part แน่นอน เพราะคำถามและคำตอบเดิมทั้งหมด
หลายครั้งตนเองเคยทำทดสอบไว้ผ่านแล้ว พอมาเรียนอีกวันหนึ่ง ปรากฎว่าระบบล่ม ต้องทำใหม่ทั้งหมด แถมยังได้น้อยว่าเดิม เพราะจำคำตอบไม่ได้แล้ว แสดงว่าระบบการเรียนกับคอมพิวเตอร์ของสถาบันไม่ได้ช่วยในการพัฒนาภาษาจริง
(เห็นว่าโฆษณาหนักว่าระบบคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพ รู้สึกว่าตนเองเปรียบเทียบหนูทดลองระบบของสถาบันแห่งนี้)
พอเข้า Lab เสร็จ ให้ทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนและตรวจด้วยตนเอง (พอเข้า Encounter Class ซึ่งเป็นการสอบก่อนเลื่อนระดับ ครูแค่ดูผ่านๆเท่านั้น) จากนั้นจะต้องจอง Encounter Class เพื่อเรียนในห้องเรียนเพียง 1 ชั่วโมงกับครูและนักเรียนไม่เกิน 4 คน ซึ่งควรจองตั้งแต่เนิ่นๆ พอได้เข้าเรียนก็รู้สึกว่าครูที่สอนมีมาตรฐานแตกต่างกันอย่างมาก ครูบางคนให้ผ่านง่ายมาก ครูบางคนให้ผ่านยากมาก บางคนไม่ได้รักการสอน ไม่ได้ช่วยกระตุ้นนักเรียนเลย แถมยังทำกิริยาเบื่อหน่าย ดูเวลาให้ 1 ชั่วโมงหมดไปเร็วๆ ครูส่วนใหญ่เปลี่ยนคนบ่อยมาก ตนเองยังเคยเจอครูที่สอนไปผอดรักกับผู้หญิงที่ถนนข้าวสารอีกด้วย เห็นแล้วหมดความนับถือเลย
ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่ผ่านหลายครั้ง พอรู้ว่าไม่ผ่านต้องจอง Encounter Class อีกครั้ง หลายครั้งใช้เวลาในการจองนานมาก บางครั้งเกือบ 1 เดือน ซึ่งทำให้เสียเวลาในการเรียนบทเรียนต่อไป
ระหว่างจอง Class นักเรียนสามารถเข้าร่วมกิจกรรม Social Club เพื่อจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่สนทนาอังกฤษกัน และครูที่สอนส่วนใหญ่ ใช้เวลาหมดไปกับการให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดใน Sheet พอจะหมดเวลาค่อยเฉลย (ความเป็นจริงเค้าก็ยังมีการใช้ภาษาไทย แม้ว่าจะคนไทยพูดภาษาอังกฤษกันเอง คิดว่าจะพูดถูกหรือผิดมากกว่าล่ะ หากใครพูดคล่องเค้าก็ไม่มาสนใจหรอก) และเข้าเรียน Competementaly Class เพื่อพูดคุยกับ Personal Tutor นักเรียน 8 คนต่อห้อง บางครั้งก็เกิน 8 ครั้ง ควรจองไว้ก่อนล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์
ซึ่งการเรียนทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น นักเรียนสามารถเรียนได้ไม่จำกัดชั่วโมง แต่คุณจะหมดเวลาไปกับการจอง Class นานมาก
สรุปว่าตนเองได้มีโอกาสเป็นหนูทดลองกับคำโฆษณาเกินจริงของสถาบันสอนภาษา Wall Street เพียงแต่ 3 Level เท่านั้น แถมไม่ได้มีความมั่นใจในการสื่อสารภาษาอังกฤษมากกว่าเดิม เนื่องจากถูกลด Level เพราะระบบการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษที่ไม่มีประสิทธิภาพอย่างมาก ซึ่งตนเองได้เจรจาเรื่องการประกันคืนเงิน แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสถาบันแห่งนี้เลย ยกข้ออ้างต่างต่างนานา ว่าเราได้มีการพัฒนาแล้ว จากการทดสอบที่เราจำคำตอบได้นั่นแหละ จากบทเรียนครั้งนี้ที่ตนเองได้เสียเงินไปเป็นจำนวนมาก และเสียเวลาทดลองระบบของสถาบัน แต่ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เหมือนเดิม
**ดังนั้นประสบการณ์ของตนเองครั้งนี้ขอให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจของการโฆษณาเกินจริงของสถาบันสอนภาษาอังกฤษ Wall Street ที่เน้นปริมาณนักเรียนมากกว่าคุณภาพที่นักเรียนจะได้รับ จึงควรศึกษารายละเอียดก่อนการตัดสินใจลงทุนเรียนกับสถาบันสอนภาษาต่างๆ**
จากคุณ :
hotpepper9
- [
20 พ.ย. 51 09:51:59
]