ความคิดเห็นที่ 1 ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ขอรับ จากคุณ : บุ้นแจกวง - [ 21 พ.ย. 51 22:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เออดี...ถามเองตอบเอง ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นออกความเห็นเลย ตอนนี้คิดไม่ออก โดนจขกท.แย่งไปหมด จากคุณ : ปรานทยา - [ 21 พ.ย. 51 22:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขึ้นอยู่กับว่าเอาไปเทียบกับยุคไหนครับ ผมนั่งอ่านประวัติศาสตร์จีนมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์จนยุคปัจจุบัน สิ่งที่เห็นก็คือ ปัญหาของมนุษยืก็เดิมๆ แนวคิดการแก้ปัญหาก็เดิมๆ ความเจริญรุ่งเรือง ก็เจริญจากคนแบบเดิมๆ ความตกต่ำล่มสลาย ก็เสื่อมลงจากคนเดิมๆ สรุปว่า ความเข้าใจถูก นำไปสู่ความคิดถูก พูดถูก ทำถูก ได้นิสัยดีๆ ไปทำความเจริญ ปัญหาก็คือ จะมองปัญหาออกหรือไม่ จะได้คำตอบที่ถูกหรือเปล่า และจะมีพลังในการผลักดันให้เกิดขึ้นได้แค่ไหน เพราะคนที่เข้าใจถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก และตายบนความถูกต้องก็มีอยู่ทุกยุคสมัย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ การเข้าใจสิ่งที่ผิดว่าเป็นสิ่งที่ถูก เหมือนกำลังเดินลงนรก แต่เข้าใจว่าขึ้นสวรรค์นั่นแหละครับ อาทิ เดิมทีศาสดาของแต่ละศาสนาก็ไม่ได้สอนให้ฆ่ากัน แต่ปรากฏว่าทุกวันนี้ก็มีการอ้างศาสดาว่า ฆ่าคนนอกศาสนาแล้วจะนำไปสู่สวรรค์ หรือในยุคหนึ่งของจีน ลัทธิขงจื้อ เล่าจื้อ เม่งจื้อ และสำนักกฎหมาย ฟาดฟันกันอยู่บนแผ่นดินจีนนั่นแหละขอรับ กระผมมีความคิดเห็นอย่างนี้ล่ะครับ ลองดูจากท่านอื่นบ้าง ว่าแต่ท่าน Scolar มาแนวปรัชญาสองกระทู้แล้วนะเนี่ย จะทำวิทยานิพนธ์หรือเปล่าครับ ^_^ จากคุณ : เซียนกระบี่ฟ้าประทาน - [ 21 พ.ย. 51 22:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอ่อ... ผมว่าสมัยก่อน สิ่งที่จะมาล่อให้เลวมีน้อยกว่านะ แล้วอีกอย่าง หากเปรียบเทียบปริมาณ ที่เพิ่มขึ้น ก็ยิ่งยากที่จะนำมาเปรียบ อย่าลืมว่า ปัจจุบัน มีคนมากถึง 6,000 ล้านคน ในขณะที่ 500 ปีก่อน อาจจะมีไม่ถึง 500 ล้านคน ปริมาณคนเลวที่ จขกท.ได้ยินได้ฟังมาจะมีซักกี่คน แล้วสิ่งดีๆ ไม่เห็นพูดถึง หรือเอามาเปรียบเทียบ กับสิ่งดีๆในสมัยนี้เลย แล้วถ้าคนสมัยก่อนชั่วกว่า แล้วไงครับ คนในสมยปัจจุบันไม่จำเป็นต้องทำตัวให้ดีกว่าที่เป็นอยู่หรอ ที่เป็นอยู่นี้มันดีพอที่จะทำให้โลกรอดพ้นจากภัยทั้งหลายได้แล้วหรอ จากคุณ : นายไวรัส - [ 21 พ.ย. 51 23:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถึงท่านบุ้น ขอบคุณที่มาเจิมขอรับ ถึงท่าน เซียนกระบี่ อยากให้อมยิ้มท่านเซียนเหมือนกัน แต่ไม่สามารถให้ได้ ขอคารวะด้วยน้ำชาแล้วกันขอรับ ความจริงข้าพเจ้าพอมีวิทยานิพนธ์ให้ทำอยู่ แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปรัชญาขอรับ ^ _ ^ ถึงท่าน นายไวรัส - ข้าพเจ้าว่าการเปรียบเทียบจำนวนคนที่ตายน่าจะดู "อัตราส่วน" มากกว่า "ตัวเลข" ขอรับ ถ้าคนบนโลกในสมัยนั้นมีจำนวน 6000 ล้านคน คนที่ตายก็เยอะกว่าจำนวนในอดีตแน่นอน   แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 51 23:16:43 จากคุณ : the scholar - [ 21 พ.ย. 51 23:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทุกอย่างเหมือนเดิมครับ โลภ โกรธ หลง มันเปลี่ยนแค่รูปแบบ เปลี่ยนจาก ดาบ หอก เป็นปืน ระเบิด วัฒนธรรมแต่ละยุคก็เป็นตัวกำหนด ความดีเลวแต่ละสมัย แต่ละท้องถิ่น แต่ละชนชั้น เพศ มันมีเหตุผลในตัวเอง อย่างเมื่อก่อน มีครอบครัวกันตั้งแต่14-15 เดี๋ยวนี้เราก็มาโวยวายว่า14-15ยังเด็ก ไม่ควรริมีอะไรกัน เมื่อก่อนนุ่งสะไบเปิดหลังเปิดไหล่ เดี๋ยวนี้ก็ว่ามันโป๊ เมื่อก่อนนักโทษทำผิดต้องลงโทษอย่างสาสม เดี๋ยวนี้ไหนจะนักสิทธิมนุษยชน ไหนจะนักกฎหมาย โทษเบาเป็นตด อย่างการรัดเท้าเลิกไป ตอนนี้ก็มีการผ่าตัดเท้าแทน อะไรที่เลวๆที่ทำในสมัยนี้ผมว่ามนุษย์รู้จักทำมาทุกอย่างแล้วล่ะครับแค่เปลี่ยนเครื่องมือ อย่างเรื่องการเขียนประวัติศาสตร์ อย่าว่าแต่สมัยก่อนเลย ขนาดตอนนี้เอง เรายังไม่แน่ในเลยว่าอะไรจริงอะไรเท็จ  การเข้าถึงข้อมูลง่ายบางครั้งก็เป็นเครื่องมือที่ง่ายมากเช่นกัน มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์อุจจาระเหม็นเคี่ยวเข็ญเทวดาเหมือนเดิมครับ แต่ไม่ว่ายุคไหนๆ ผู้มีอำนาจถูกเสมอ(ตราบเท่าที่ตัวเองยังมีอำนาจ) ไม่ว่าอำนาจจะมาจากทางใดก็ตาม จากคุณ : ราชันย์ทิวา - [ 22 พ.ย. 51 01:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เทียบกันแล้ว น่าจะเป็นเรื่อง การสื่อสาร ที่มีวิวัฒนาการมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะขอรับ สื่อก็รังแต่จะส่งเสริมให้มีแต่เรื่องเหล่านี้เสียด้วยดิ (เรตติ้งไงขอรับ) ถ้าถามว่า อาชญากรรมมีเท่ากันไหม? หากเทียบกันเป็นสัดส่วนระหว่าง อาณาจักรที่ผาสุก และประเทศสมัยใหม่(อย่างเช่นกลุ่ม G8) แล้วล่ะก็ จะเห็นได้ว่าจำนวนอาชญากรรมมีขนาดไล่เลี่ยกัน เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร อาจจะยกวงแคบเข้ามาสู่เรื่องบางประการ เช่น คดีข่มขืน เป็นต้น ในสมัยโบราณก็ทราบๆ กันดีอยู่แล้วว่า มีอัตราการข่มขืนค่อนข้างมาก เพราะมีการที่ผู้กระทำผิดมีโอกาสหลบหนีได้ เช่น เป็นทางเปลี่ยว .... เป็นป่า .... เกิดเหตุสงคราม ฯลฯ เป็นต้น ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ เพราะผู้กระทำผิืดยังไงก็ต้องหาทางหนีให้ได้ เช่น เป็นทางเปลี่ยว .... ผู้เสียหายมาคนเดียว ... ฯลฯ สารพัดจะอธิบาย ดังนั้น จะเห็นได้ว่า อาชญากรรมเป็นของคู่กับมนษย์ ขอรับ และจำนวนอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสังคมแต่ละสังคม ก็เป็นเครื่องชี้วัดว่าสังคมนั้นจะเป็นอย่า่งไร หากปริมาณอาชญา่กรรมมีมากผิดปกติ อาจเป็นเพราะระบบการลงโทษของสังคมนั้นอ่อนแอเกินไป หากปริมาณอาชญากรรมมีน้อยผิดปกติ อาจเป็นเพราะระบบการลงโทษของสังคมนั้นเข้มข้นจนเกินไป และอาจกลายเป็นการละเมิดมนุษยชนไปในที่สุด สรุปแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากจะบอกว่า ที่เราเห็นคนทำชั่วกันมาก เป็นเพราะ "สื่อ" ขอรับ ไม่ใช่ว่า คนจะดีหรือเลว หรอกขอรับ เพราะคนเรานั้นเกิดมาก็มีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีอยู่ปนๆ กันไป จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 22 พ.ย. 51 02:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วิจารณ์หน่อยนะขอรับ - สมัยก่อนทำสงครามกันเป็นว่าเล่น ที่ให้ม้าวิ่งไปตามทาง เพราะต้องการให้ม้าวิ่งไปหาทรัพยากรขอรับ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ศึกแย่งทรัพยากรนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วล่ะขอรับ ส่วนกษัตริย์พม่า นี่ไม่ขอวิจารณ์ขอรับ เพราะบางทีฝ่ายไทยอาจจะบันทึกทึกทักเอาเองว่าฝ่ายเค้าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ขอรับ ดังนั้นไม่กล้าวิจารณ์จริงๆ - สมัยก่อน ฝ่ายทำสงครามชนะจะต้มยำทำแกงฝ่ายแพ้ หรือนักโทษ อย่างไรก็ได้ สมัยก่อนก็มีธรรมเนียมปฎิบัติเกี่ยวกับเรื่องสงครามด้วยขอรับ ไม่ใช่ว่าไม่มีเสียเลย อย่างเช่น กรณีห้ามสังหารทูต ซึ่งสนธิสัญญาเจนีวา(กฎหมาย Geneva อันเดียวกันล่ะขอรับ) ก็ได้นำเอามาตั้งเป็นหลักกฎหมายเด็ดขาด หรือ jus cogen ขอรับ ซึ่งมีที่มาจากธรรมเนียมปฎิบัติอันเก่าแก่อันนี้นั่นเองขอรับ - ในสมัยก่อนไม่มีการเคารพในสิทธิ สตรีเท่าสมัยนี้ ถ้าจำไม่ผิด เรื่องประเพณีการมัดเท้านี่ เป็นแฟชั่นมากกว่านะขอรับ ไม่ใช่การผูกขาดบังคับทางกายภาพ แต่เป็นไปตามการบังคับของสังคมมากกว่า อย่างเช่นว่า นางสาวหลี่ ไม่มัดเท้า ชาวบ้านก็บอกกันว่า อุ้ย ...นี่ ไม่เห็นสวยเลย มันก็เลยกลายเป็นแบบนั้นล่ะขอรับ ส่วนกรณีหลังนี่ ไม่แน่ใจเหมือนกันขอรับ ไม่มีข้อมูลเลย -*- - เจ้าชีวิตกระทำการได้ตามอำเภอใจ โดยไม่ต้องรับผิด The king can do no wrong ขอรับ เป็นหลักกฎหมายว่าด้วยความเป็นสมมติเทพของเจ้าชีวิต นับไม่ได้ว่าเป็น "ความเลว" หรือ "อาชญากรรม" ตามความหมายของกฎหมายขอรับ - การพิจารณาคดีในศาล การพิจารณาลงโทษสมัยก่อนเป็นแบบแก้แค้นตอบแทนกันขอรับ ที่มีศาลเพราะว่าหากให้ราษฎรจัดการกันเองนั้นไซร้ท่านว่า เฮ้ย... ถ้าราษฎรจัดการกันเองแล้ว อาจจะมีกรณีที่ "..ใครฆ่าท่านพ่อ" แบบนี้ขอรับ ดังนั้น เพื่อความรวดเร็ว ส่วนใหญ่พวกผู้เสียหายจะจับกุมผู้กระทำผิดมาที่ศาลเอง และกล่าวโทษผู้กระทำผิด (ซึ่งไม่รู้จะกระทำจริงหรือเปล่า) ศาลก็มีอำนาจเพียงเพื่อแก้แค้นตอบแทนให้แก่ผู้เสียหายเท่านั้นขอรับ และศาลจะใช้วิธีการไต่สวนหาความจริงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันระบบนี้ก็ยังคงมีอยู่ เราเรียกกันว่า "ระบบไต่สวน" ขอรับ แต่ตัดการทรมานออกไปเกือบทั้งหมด เพราะมันผิดมนุษยธรรม (เกิดขึ้นหลังจากที่ อาชญาวิทยาเข้าสู่ยุคปฎิฐานนิยม ก็เปลี่ยนจากระบบการลงโทษแบบแก้แค้นตอบแทน มาเป็นบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำผิดขอรับ) ระบบการพิจารณา (ไม่ใช่การลงโทษ) แบบไต่สวนนั้น ประเทศที่ใช้อยู่ก็เป็นภาคพื้นยุโรปเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นอังกฤษที่เป็นระบบกล่าวหาขอรับ และเราใช้ ระบบกล่าวหาแบบอังกฤษ ขอรับ - การประหารชีวิตในสมัยก่อนโหดร้ายมาก อันนี้ คงต้องบอกว่า เป็นความจริงทุกประการขอรับ ประเทศเรา เมื่อก่อนเป็นแบบนี้จริงๆ ต่อมาเมื่อ (อ้างจากข้างบนว่า) สำนักอาชญาวิทยาพัฒนาขึ้น รูปแบบการลงโทษก็เปลี่ยนไปขอรับ 2. ที่เราคิดว่าคนสมัยนี้ชั่วกว่าเดิม ก็เพราะเราเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น อันนี้ก็ไม่มีข้อโต้แย้งขอรับ 3.อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงข้อมูลจะทำให้เราตระหนักได้ถึงการมีอยู่ของปัญหาดังกล่าว และคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาก่อนที่จะก่อให้เกิดผลลุกลาม อันนี้ ต้องบอกว่า เราตื่นตระหนกตกใจไปเองขอรับ 4. เรื่องนี้เป็นทฤษฎีลอกเลียนแบบ ของทาร์ด(Trade)ขอรับ การลอกเลียนแบบเกิดจากการรับรู้ การเห็นจนชิน และทำให้จิตใจของเราเข้าใจว่า การกระทำนั้นๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งสมควรได้รับการแก้ไขเป็นที่สุดขอรับ มีข้อโต้แย้งเพียงเท่านี้ ขอรับ ขออำภัยพี่ท่าน แต่ข้าน้อยว่า ช่วงต้นๆ มันไม่เกี่ยวเท่าไหร่นะขอรับ m(_ _)m แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 03:43:55 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 03:29:06 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 03:26:48 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 22 พ.ย. 51 03:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แย้ง ท่านเซียนกระบี่ฯ นิดเดียวนะขอรับ เผื่อมีผู้มาอ่านจะได้ไม่สับสน หรือในยุคหนึ่งของจีน ลัทธิขงจื้อ เล่าจื้อ เม่งจื้อ และสำนักกฎหมาย ฟาดฟันกันอยู่บนแผ่นดินจีนนั่นแหละขอรับ - สำนักหยู [Ru] มีปรมาจารย์คือ ขงจื้อ เม่งจื้อ(ม่านจื่อ ในหงสาฯ ก็คนนี้ล่ะ) และ สวินจื้อ ขอรับ - สำนักเต๋า [Dao] มีปรจารย์ คือ เหล่าจื้อ และจวงจื้อ ขอรับ - สำนักนิตินิยม มีปรมาจารย์ คือ ซางเอียง และ หานเฟย (คนนี้เป็นหลานของสวินจื้อ) ขอรับ - สุดท้ายสำนักม่อจื้อ มีปรมาจารย์ คือ ม่อจื้อ ขอรับ ปล. พี่ท่านคงพิมพ์เพลิน จนลืมไปว่า เม่งจื้อ และขงจื้อ อยู่สำนักเดียวกันนะขอรับ อิอิ จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 22 พ.ย. 51 03:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สุดท้าย อยากจะบอกว่า "หาก" จะพิจารณาถึง "ความเลว" ต่อสังคม เราต้องพิจารณาที่ตัว "อาชญากรรม" เป็นสำคัญขอรับ หากไปพิจารณาถึง "สงคราม" เราจะไม่ได้ข้อยุติว่า เกณฑ์มาตราฐานมันอยู่ตรงไหนกันแน่ เพราะทุกครั้งที่มีสงคราม มักจะมีการละเมิดข้อห้ามทางจารีตประเพณีซะส่วนใหญ่ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แม้มนุษยชาติจะพัฒนาจนมี "กฎหมายระหว่างประเทศ" บังคับใช้เป็นหลักเป็นฐานแล้วนั้น ชาติที่เป็นทวินิยม และทวิภาคีทั้งหลาย ล้วนไม่ค่อยจะใส่ใจ "มัน" เท่าไหร่เลย ขนาดอยู่กันธรรมดา เรายังแหกกฎจราจรกันทุกวี่วัน ... -*- นับภาษาอะไรกับประเทศที่เป็น unit ที่ใหญ่กว่าล่ะขอรับ ดังนั้นกรณีของจำนวน "อาชญากรรม" จึงน่าศึกษา เพื่อให้ยุติได้ว่า "คนสมัยก่อนกับคนสมัยปัจจุบันนั้นยุคไหนศีลธรรมสูงส่งกว่ากัน" แม้ว่าการศึกษาเช่นนี้จะเป็นการยาก เพราะปัจจุบันเอง เรายังนับจำนวน "อาชญากรรม" กันไม่ค่อยจะถูกต้อง 100% เลย แล้วนับภาษาอะไรกับ "อาชญากรรม" ที่เกิดในยุคก่อนนั้นเล่า? อาชญากรรมในยุคโบราณ ถ้าให้ข้าพเจ้านับ ก็คงต้องมีตกหล่นไปบ้าง แต่ขอนับแล้วกันนะขอรับ 1. อาชญากรรมทางเพศ เช่น คดีข่มขืน เป็นต้น 2. อาชญากรรมต่อชีวิตและร่างกาย เช่น คดีทำร้ายร่างกาย คดีทะเลาะวิวาท คดีฆ่าคนตาย เป็นต้น 3. อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เช่น คดีคอรัปชั่น คดีค้าเกลือเถื่อน เป็นต้น 4. อาชญากรรมต่อทรัพย์ เช่น คดีลักทรัพย์ คดีปล้น เป็นต้น (อันนี้นี่ สารพัดคดีเลยขอรับ) ดังนั้น คงต้องบอกว่าหากเทียบกับปัจจุบัน แม้จำนวนคดีจะไม่มากกว่า แต่ถ้าเป็นเทียบเป็นอัตราส่วนแล้ว ก็จะเห็นได้ว่ามันมีอัตราที่ใกล้เคียงกันพอสมควร และคงต้องบอกว่า "มนุษย์กับอาชญากรรมนั้นเป็นของคู่กันขอรับ" มนุษย์เมื่ออยู่รวมฝูงย่อมต้องมีความขัดแย้ง เมื่อมีความชัดแย้งมนุษย์มักจะจบปัญหาด้วยกำลังและทางออกที่ผิดๆ เสมอ จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 22 พ.ย. 51 04:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยนะ  เพราะ คนสมัยปัจจุบันมีความอดทนอดกลั้นในเรื่องราวต่างๆ ได้น้อยกว่าคนในสมัยก่อน ความละอายเกรงกลัวในความชั่ว คนสมัยนี้มีน้อยกว่าคนสมัยก่อน สติปัญญาคนสมัยนี้ก็น้อยกว่าคนสมัยก่อน เพราะรูปธรรมอันดูดดึงใจ ให้คนใฝ่ชั่ว ในสมัยนี้มีมากกว่าคนสมัยก่อน จิตใจของคนยุคนี้จึงหยาบกระด้าง ไม่ควรแก่การงานยิ่งกว่ายุคก่อนๆ ทุกสิ่งย่อมเกิดแต่ใจ ใจเป็นใหญ่ เป็นประธานในสิ่งทั้งปวง เครื่องมือในการทำความชั่วมีมากขึ้น วิธีการมีมากขึ้น อานุภาพในการทำลายก็มากขึ้น สมัยก่อนใช้แค่ดาบใช้ปืนปล้นที่ละ พัน ทีละหมื่น  เรียก โจร 500  สมัยนี้ใช้ ปากกาปล้นทีละ ร้อยล้านพันล้าน เรียกว่า "ท่านผู้ทรงเกียรติ" โจรสมัยก่อนมีจรรยาบรรณ 5 ประการเป็นอย่างน้อย สมัยนี้ไม่มีเลย จากคุณ : ยาจกเงา (ryombr) - [ 22 พ.ย. 51 10:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาอมยิ้มคุณ ปรานทยาค่ะ จากคุณ : LArc026 - [ 22 พ.ย. 51 11:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สมัยก่อนเลวแบบไม่มีใครรู้ เดี๋ยวนี้รู้กันทั่วมั้งครับ จากคุณ : tottong - [ 22 พ.ย. 51 12:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สังเกตจากกฎหมาย กฎหมายยิ่งมาก ทั้งพิสดาร แสดงว่า ความชั่ว ยิ่งมากยิ่งพิสดาร สมัยก่อนกฎหมายน้อย และไม่พิสดาร สมัยนี้แม้กฎหมายทั้งมากทั้งพิสดาร แต่ก้ไม่เพียงพอต่อความชั่ว สมัยก่อนกฎหมายแม้น้อย แต่เข้มแข็ง โทษรุนแรงเฉียบขาด ลงโทษเปิดเผยให้สาธารณะชนได้เห็นเป็นอุทาหรณ์  แม้บางครั้งจะใช้กับผู้บริสุทธิ์อยู่บ้าง แต่ก้ได้ผลกว่าสมัยนี้ เพราะฐานะทางสังคม คนที่มีอภิสิทธิ์เป็นเพียงกลุ่มคนไม่กี่คน สมัยนี้กฎหมายแม้มาก แต่อ่อนแอ โทษเบาบาง ลงโทษในที่ลับ ไม่มีการประจานความผิด  และทุกคนเสมอภาค ขอเพียงมีเงิน ก็มีอภิสิทธิ์ - ความชั่วยิ่งมาก กฎหมายยิ่งมาก กฎหมายสมัยนี้มากกว่าสมัยก่อน จากคุณ : ยาจกเงา (ryombr) - [ 22 พ.ย. 51 19:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คนจะเลว เลวได้ไม่มียุคสมัย คนจะดี ก็ดีได้ไม่มียุคสมัยเช่นกัน ต้องดูว่าสมัยไหน และต้องดูว่าเป็นใครอีกด้วย สรุปว่าดีเลวแยกตามยุคสมัยอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะแม้แต่พี่น้องคลานตามกันมาบางทียังดีเลวไม่เหมือนกัน ที่แน่ ๆ สมัยก่อนตอบกระทู้แปะภาพไม่ได้ แล้วตัวการ์ตุนก็ยังมีไม่มากเหมือนสมัยนี้ .... จากคุณ : พักผ่อน - [ 22 พ.ย. 51 19:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 #14 พี่ท่านยาจกเงา ข้าน้อยขอโต้แย้งขอรับ การที่กฎหมายยิ่งมาก เป็นเพราะวิธีการ และเทคนิคการก่ออาชญากรรม มันพัฒนาขึ้นมาต่างหากขอรับ ไม่เกี่ยวกับกฎหมายเลยแม้แต่น้อย เพราะกฎหมาย(อาญา) คือ เครื่องมือที่พัฒนาไปตามรูปแบบของวิวัฒนาการการก่ออาชญากรรมขอรับ .... การลงโทษแบบสมัยก่อนนั้น แม้จะสามารถช่วยในระดับหนึ่ง แต่ในระดับการวิจัย (แบบวิทยาศาสตร์) กลับพบว่า คนกลับหาทางหลบเลี่ยงกฎหมายมากอยู่ดี แถมยิ่งเข้มข้นยิ่งไม่ค่อยกลัวกันซะด้วยดิ -*- และในอัตราโทษจำคุกในสมัยก่อนนั้น กลับเป็นการเพิ่มจำนวนการก่ออาชญากรรม โดยการลอกเลียนแบบต่อๆ กันไปมาระหว่างนักโทษอีกต่างหาก ดังนั้นกฎหมายไม่จำเป็นต้องเป็นโทษที่รุนแรงเฉียบขาด แต่ต้องมีประสิทธิภาพมากที่สุดขอรับ และลดปัญหามากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นข้าน้อยเห็นว่า การลงโทษในปัจจุบันนั้นดีอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่า แล้วเหตุใดประเทศสารขัณฑ์แห่งนี้ ถึงได้มีอาชญากรรมมากขึ้น หนึ่งนั้นเพราะสังคมที่เติบโตมากขึ้น เริ่มเป็นวัตถุนิยมมากขึ้น การควบคุมของภาครัฐ ต่อประชาชนเริ่มเบาบางลง เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร อาจเปรียบเทียบได้ว่าข้าราชการหนึ่งคน ดูแลราษฎรถึง 1 ต่อ 1000 ได้เลยขอรับ สองนั้นเป็นเพราะระบบการทำงานของสายงานตุลาการ ซึ่งไม่ค่อยที่จะประสานงานต่อกัน (และเป็นปัญหาของทุกรัฐบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ขอรับ) สามนั้นเป็นเพราะระบบการค้นหาหลักฐานที่ในปัจจุบัน ... บอกตรงๆ ว่า มูลนิธินั้นล่ะ ที่ทำลายหลักฐานจนสิ้นซาก ... ต่อมาก็พนักงานสอบสวน แล้วใครมันจะไปหลักฐานได้ยังไงล่ะนี่ -*- สี่นั้น เป็นเพราะเราๆ ท่านๆ พบเจอกับข่าวอาชญากรรมมากจนเกินไป จนคิดว่า มันผิดปกติเกินไปแล้ว ลองดูจากข้อมูล ปี 2549 ในเขต กทม. ขอรับ จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 22 พ.ย. 51 22:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าคนสมัยไหนก็เลวพอๆกันแหล่ะ เพียงแต่สมัยนี้ ข่าวสารมันเร็ว อุปกรณ์ไฮเทคก็เยอะ ก็เลยดูเหมือนจะเลวกว่าเท่านั้นเอง  ก็แค่ดูเหมือนน่ะครับ แต่ผมก็เชื่อว่าคนดีๆยังมีอยู่นะครับ จากคุณ : Generals - [ 22 พ.ย. 51 22:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ข้อมูลของสหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกัน http://www.fbi.gov/ucr/cius2006/data/table_04.html ส่วนประเทศอื่นๆ นี่้ กระผมหาไม่ค่อยได้ขอรับ ปล. ข้อมูลของ FBI นะขอรับ ปล. สังเกตว่า สหรัฐอเมริกานั้นมีปัญหาอาชญากรรมรุนแรงกว่าเราขอรับ และเป็นอาชญากรรมประเภททำร้ายร่างกายและชีวิตซะด้วยดิ -*- ส่วนในประเทศเรา ส่วนใหญ่เป็นอาชญากรรมประเภทลักทรัพย์ ขอรับ ดังนั้น นักอาชญาวิทยา(ผู้ศึกษาอาชญากรรม) จึ่งตั้งข้อสังเกตว่า "ประเทศในทางเขตหนาวจะมีการก่ออาชญากรรมทางชีวิตและร่างกาย มากกว่าประเทศเขตร้อน ส่วนประเทศในทางเขตร้อนจะมีการก่ออาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพย์ มากกว่าประเทศเขตหนาว" เรื่อง มันก็เป็นแบบนี้ล่ะขอรับ ^^ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 51 23:02:52 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 22 พ.ย. 51 22:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มนุษย์ก็คือมนุษย์ครับ กิเลสต่าง ๆ ไม่ได้หายไปกับกาลเวลา และก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาจากการเวลา สุดท้าย มนุษย์ก็ยังคงดีและเลวคละกันไปตามเส้นทางแหละครับ จากคุณ : et009 - [ 23 พ.ย. 51 14:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มีมากขึ้นตามอัตราส่วน จากคุณ : ตะวันแดงบูรพา - [ 23 พ.ย. 51 19:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สมัยก่อนใช้แค่ดาบใช้ปืนปล้นที่ละ พัน ทีละหมื่น  เรียก โจร 500  สมัยนี้ใช้ ปากกาปล้นทีละ ร้อยล้านพันล้าน เรียกว่า "ท่านผู้ทรงเกียรติ" ข้าน้อย ชมชอบ คำพูดนี้ของซือเฮียยาจกเงา นะขอรับ "ท่านผู้ทรงเกียรติ" ฮ่าๆ White Collar Crime เนี่ยล่ะครับ ตัวดีเลย นอกจากจะไม่โดนจับแล้ว ยังร่วม "ประนาม" ผู้กระทำผิดอีกต่างหาก ดังนั้น ผู้กระทำผิด ยิ่งถูกตราหน้าเช่นนี้ มีหรือจะไม่..... กระทำผิดต่อไป -*- (เมื่อไม่มีทางให้เดินต่อไปแล้วไซร้ ก็ต้องเลือกทางที่ไปต่อได้สินะขอรับ) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 51 01:22:16 จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ 24 พ.ย. 51 01:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เทคโนโลยี กับ คนหยาบ สารสนเทศ กับ คนแย่ๆ อบายที่มีรอบเมือง กับ คนมีเงินแล้วไม่รักบ้าน กิเลสล้วนๆครับ.... มันพัฒนาตามความเร็วของเทคโนโลยีมากกว่าครับ ส่วนความเลว มันเป็นไปตามกาลเวลาครับ จิตใจส่วนหลัก เทคโนโลยีส่วนเสริม จากคุณ : ซาเสี่ยวเอี้ยเลี่ยวม่งเซียง (คุณชายสามแห่งตระกูลเลี่ยว) - [ 24 พ.ย. 51 12:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 #16 ผมเข้าใจแล้วครับ ท่านพี่กระบี่เก้าเดียวดาย จะบอกว่า ความชั่วของคนตั้งแต่อดีตกาล จวบปัจจุบัน และอนาคต เหมือนเดิมคือ การผิด ศีล 5 หรือ อกุศลกรรมบท 10  แต่รูปแบบวิธีการอาจเปลี่ยนไปใช่ไหม ขอรับ กฎหมายก็เลยต้องเปลี่ยนรูปแบบไปด้วย (หลายๆท่านคงคิดได้เช่นนี้ ) จริงอยู่ในสมัยก่อนๆ สังคมเล็กกว่า จึงดูแลได้ง่ายกว่า ***หากสัตว์เลี้ยงไม่พยศดุร้าย ไยต้องมีโซ่ล่าม กรงกักขังกันเล่า คงไม่ต้องมีแม้ ทัณฑกรรมต่างๆ  แม้การโบยตี เป็นต้น ยิ่งสัตว์เลี้ยงมีความพยศดุร้ายมาก กรงกังขังยิ่งแน่นหนารัดกุม รั้วไม้เตี้ย ๆ สามารถกักขังเก้งกวางได้นับร้อย นับพัน เสือร้ายแค่ตัวเดียว กับต้องใช้ กรงเหล็กอันเข้มแข็งรัดกุม โอ้ หากไ่ม่มีคนทำความผิด ไยต้องมีระเบียบกฎเกณฑ์ หากไม่มีคนทำชั่ว  ไยต้องมีกฎหมายด้วยเล่า เหตุนี้ ข้าน้อยจึงกล่าวว่า "ความชั่วยิ่งมาก กฎหมายยิ่งมาก " โอ้...จะกล่าวกระไรดี มันเป็นเช่นนี้จริงๆ พิษยังมีโทษเท่าเดิม แต่สีสรรค์อาจแปลกพิสดารไปจากเดิม แต่ปริมาณพิษกลับมากขึ้นกว่าเดิม   เพราะมนุษย์วิปริต(ความชั่ว)มากขึ้น ดวงดาวก็วิปริตมากขึ้น ฤดูกาลอากาศก็วิปริตมากขึ้น พืชพันธุ์ธัญญาหารก็วิปริตมากขึ้น   มนุษย์เสพสิ่งเหล่านี้ อายุสุขภาพก็ต่ำลง ๆ ผมมีนิทานจะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง  ในสมัยครั้งบรรพกาลพระราชาผู้เป็นมหาจักรพรรดิ เดินทางไปปราบแว่นแคว้น ไปถึงที่ใด ที่นั้นก็ล้วนสยบยอมอยู่ใต้อำนาจด้วยเดชแห่งจักรแก้ว พระมหาจักรพรรดิ ให้ปวงชนในที่นั้นๆตั้งอยู่ในศีล 5 แล้วทรงจากมา...ครั้นพระมหาจักรพรรดิรู้ตัวว่าชราแล้วก็ออกบวช โดยยกราชสมบัติให้โอรสองค์โต แล้วให้โอวาท โดยให้พระราชาองค์ใหม่นั้นตั้งอยู่ในจักวัติวัตร พระราชาก็ทำตาม กลายเป็นพระมหาจักรพรรดิ ๆ องค์ใหม่ก็ทำเช่นพระราชบิดา... มีพระราชาที่ทรงตั้งอยู่ในจักรวัติวัตร จนได้เป็นพระมหาจักรพรรดิสืบต่อๆกันมา   เพราะพระมหาจักรพรรดิทรงตั้งอยู่ในข้อปฏิบัติที่เรียกว่า โลกก็สงบร่มเย็นตลอดมาจนถึงพระราชา องค์ที่ 7 ทรงไม่ไต่ถามข้อปฏิบัติ จึงไม่ได้ปฏิบัติ ใน จักรวัติวัตร ต่อมาเกิดทุพภิกภัย เกิดความแห้งแล้งไปทุกหย่อมหญ้า ทุกที่ทางมีแต่ความเดือดร้อน ปวงชนทั้งหลายก็ชุมนุมกัน ขอให้พระราชาช่วยเหลือ  พระราชาองค์ที่ 7 ทรงปรึกษาหาสาเหตุแห่งเพทภัย แล้วก็ทราบว่า เพราะพระองค์ ไม่ปฎิบัติจักรวัติวัตร จึงเกิดทุพภิกภัย เช่นนี้ จึงทรงถามหาผู้รู้จักจักรวัติวัตร ก็ได้ทราบข้อปฎิบัติจักรวัติวัตรจากคนเฝ้าประตู แต่ขาดไปข้อหนึ่ง คือการให้ทรัพย์ แก่ผู้ไร้ทรัพย์  พระองค์ก็ปฎิบัติตามนั้น ฝนก็ตกตามฤดูกาล ความมสุขสงบร่มเย็นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง    อยู่มาวันหนึ่งราชบุรุษก็จับผู้ขโมยทรัพย์ได้ ทรงไต่ถาม ว่า "เหตุใด จึงทำตนขโมย "   ผู้ขโมยนั้นตอบว่า "เพราะข้าพเจ้าไร้ทรัพย์จะยังชีพ" พระราชานึกได้ว่า "การให้ทรัพย์ แก่ผู้ไร้ทรัพย์" เป็นข้อควรปฏิบัติข้อหนึ่งจึงทรงพระราชทานทรัพย์ให้ขโมยผู้นั้น แม้มีการจับขโมยได้อีก ก็ทรงทำเช่นเดิม คือไต่ถาม แล้วพระราชทานทรัพย์ให้อีก ขโมยจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนพระราชาได้คิด ต่อมาเมื่อจับขโมยได้อีก ก็ให้โบยฟาดเฆี่ยนดีบ้าง จองจำบ้าง ใช้ศาตราอันคมกล้าทำร้ายขโมยบ้าง เหล่าชนบางกลุ่มก็ทำเช่นพระราชา คือจัดทำศาตรา เกิดการปล้นชิงทำร้ายเจ้าของทรัพย์ขึ้น เมื่อโจรเหล่านั้นถูกจับ ถูกถามก็โกหกให้ตัวรอด ... ...จดจำเรื่องเรอื่งราวต่อจากนี้ไม่ได้แล้ว.. *อ่านเรื่องนี้แล้วได้ข้อคิดใดบ้างนะ จากการศึกษาคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ความชั่วอย่างแรกของมนุษยชาติ คือการติเตียนผิวพรรณ ศีลข้อแรกที่มีการละเมืดคือ การลักทรัพย์ อายุขัยของมนุษย์ จะลดลง ตามความชั่วที่เพิ่มขึ้น ถ้าความชั่วน้อยลง คุณภาพของอากาศ อาหาร จะเพิ่มขึ้น อายุขัยก็เพิ่มขึ้น ปล. กระทู้นี้น่าไปปรากฎ ที่ห้องศาสนาด้วยนะ คงได้รับความสนใจ จากคุณ : ยาจกเงา (ryombr) - [ 24 พ.ย. 51 23:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิด เรื่องราวต่อจากที่ท่านยากจกเงาเล่าไว้ก็จะคือ พระราชาเลยสั่งให้มีโทษประหารโจรเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่ผลที่ออกมาก็คือ โจรฆ่าคนปิดปากเพื่อไม่ให้คนไปแจ้งตำรวจ ข้าพเจ้ากลับเห็นต่างออกไปว่า ข้อคิดจากนิทานเรื่องนี้ก็คือ  การกำหนดนโยบายที่ไม่ดี ไม่ศึกษาปัญหาให้รอบด้าน ย่อมก่อให้เกิดปัญหา ขอรับ ปล.ใจจริงข้าพเจ้าอยากให้กระทู้นี้ไปปรากฎที่ห้องประวัติศาสตร์มากกว่า แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 51 15:51:19 จากคุณ : the scholar - [ 25 พ.ย. 51 15:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สมัยก่อน นั่งเรือไปจับคนเผ่าอื่นๆมาเป็นทาส ซื้อขายสบายในเฉิบ สมันนี้ทำไม่ได้แล้วจ้า จากคุณ : มาลัยฯ - [ 27 พ.ย. 51 11:10:25 A:58.8.194.202 X: TicketID:108292 ]