ความคิดเห็นที่ 1 วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10891 พระมารดา อีกบทหนึ่ง สมเด็จฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดย โต๊ะเฉพาะกิจมติชน ภาพจากนิตยสารพลอยแกมเพชร ฉบับพิเศษ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เคยประ ทานสัมภาษณ์ไว้ในนิตยสารพลอยแกมเพชร ถึงเรื่องพระนามของพระองค์... "ตามปกติเจ้านายจะขอพระราชทานนาม พระโอรสพระธิดาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ทูลหม่อมพ่อของฉัน ขอพระราชทานจากรัชกาลที่ 6 ซึ่งพระราชทานชื่ออื่น แต่สมเด็จพระพันวัสสาฯ ไม่โปรด ขอให้เปลี่ยน ถึงได้ออกมาเป็นอย่างนี้ กัลยาณิวัฒนา ไม่ใช่ กัลยาณี ก็ถือว่า ณี สมาสกับคำข้างหลัง ก็จะเป็นสระอิไป คนตอนแรกๆ จะเขียนสระอีกัน แต่ถ้าไปดูในบัตรพระราชทานชื่อของ รัชกาลที่ 6 นี่ จะใส่สระอิเลย" และสำหรับพระนามเล่น "ฉันมีชื่อเล่นเหมือนกัน แต่ไม่บอก เพราะไม่มีใครเรียก ตอนนี้มีแต่แม่เพียงคนเดียว (ที่เรียก) ในปี พ.ศ.2487 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อทรงเสกสมรสกับ พันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ (2463-2525) ซึ่งเป็นบุตรของ พล.อ.หลวงเสรีเริงฤทธิ์ (จรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) อดีตแม่ทัพกองทัพพายัพในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ ได้สถาปนากลับคืนคงพระราชศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ทุกประการ พันเอกอร่าม รัตนกุลฯ เป็นบุคคลเดียวที่โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ในรถยนต์พระที่นั่งขณะที่เกิดอุบัติเหตุรถชนกับรถบรรทุก ที่ทะเลสาบเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2491 และได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อเดินทางกลับประเทศไทย พันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ได้รับราชการเป็นอาจารย์สอนหนังสือ เมื่อ พ.ศ.2500 เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนส่งเสริมอาชีพก่อสร้าง (ปัจจุบันคือ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเสกสมรสอีกครั้งกับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช (พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย และหม่อมระวี ไกยานนท์) แต่ไม่มีพระโอรส หรือพระธิดา และไม่นานก็ทรงแยกกันอยู่ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ทรงเป็นนักการทูต ทรงเป็นผู้ก่อตั้งสายการบินแอร์สยาม เมื่อ พ.ศ.2508 เป็นสายการบินนานาชาติที่บินระหว่าง กรุงเทพฯ ฮ่องกง โตเกียว ฟุกุโอะกะ โฮโนลูลู และลอสแองเจลิส สายการบินนี้เลิกกิจการไปเมื่อ พ.ศ.2520 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระธิดาเพียงองค์เดียวกับ พันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ คือ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เมื่อ พ.ศ.2488 โดยเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อตอนที่ทรงพระครรภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเคยประทานสัมภาษณ์ ถึงความรู้สึกจะเป็นลูกผู้หญิงหรือผู้ชาย ว่า... "ไม่ได้นึกอะไรนะ อะไรก็ได้...ตอนนั้นหาชื่อไว้สำหรับทั้งสอง...ตอนที่ลูกเกิด ปี 2488 เวลานั้นจนมากนะ เวลานั้นสงคราม ลูกคนนี้จึงไม่ได้กินของดีมากนัก แต่ทำไมเขาออกมาสูงอย่างนี้ไม่ทราบ สูงมากๆ ฉันเลี้ยงเอง แล้วตอนนั้นฉันได้เงินน้อยมาก พอแต่งงานแล้ว มีลูกแล้วยังไม่ได้ทำอะไร แม่เป็นคนให้เงิน ฉันมาแต่งงานก่อน เลยไม่ได้เรียนปริญญา แต่ตอนหลังเลยมาเรียนต่อจนจบ ตอนนั้นที่แม่ให้เป็นเงินเดือนก็ประมาณ 600 ฟรังก์ ถ้าเทียบสมัยนี้ก็ 1,200 บาท จะทำอะไรได้ ต้องเช่าบ้าน กินข้าว เลี้ยงลูก กินอยู่กัน 3 คนทุกอย่าง จนถึงขนาดที่ว่า เวลาฉันไปเรียนกลับมา ต้องซื้อกับข้าว ก็ต้องซื้อของกินก็ต้องเลือกเอา จะกินขนมดีหรือจะกินเนื้อ จะเอาทั้งสองอย่างไม่ได้ ต้องประหยัด "ฉันเป็นคนเลี้ยงเอง ตอนนั้นต้องเปิดกระป๋องเป็นแป้ง เอาน้ำเจือ(นม) ธรรมดาเขาชอบรับประทานตับนะ ตอนนั้นก็ทานนมแต่เลี้ยงไม่ดี เพราะให้กินนมข้นอยู่นานเกินไป ได้กินนมแม่อยู่ 3 เดือน เพราะฉันไม่มีให้เลย เป็นนมข้น และหมอก็เป็นคนบอกว่าให้ได้ แต่ควรจะให้ตอนต้นแล้วหยุด แต่เราให้นานไปหน่อย เขาเป็นคนเลี้ยงง่าย ไม่ได้กวนใจอะไร นอกจากไม่ค่อยกิน ตอนที่พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จกลับเมืองไทย ฉันไม่ได้กลับด้วย เพราะมีลูก" สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ประทานสัมภาษณ์ ขณะท่านผู้หญิงทัศนาวลัยกล่าวเช่นกันว่า  "เมื่อเด็กๆ ตอนอยู่โรงเรียนมาแตร์ฯ มีการบ้านกลับมาทำ แม่ก็จะสอน แต่รู้สึกไม่ค่อยสนุกนัก อย่างบางทีทำวาดเขียน ท่านมาช่วยวาด พอออกมาแล้วเราไม่ค่อยชอบใจนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าได้ช่วยกันทำ ตอนอยู่สวิสโตหน่อยค่อยสอนกันได้... การเป็นลูกคนเดียวไม่เหงา มีเรื่องให้ทำไปได้เรื่อยๆ ตอนเด็กๆ จะชอบเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสารพัด ทั้งสุนัข ทั้งนกต่างๆ ชะนี อีเห็น กระรอกบิน พังพอน จนถึงนาก เลี้ยงดูเองทุกอย่าง แล้วก็ชอบอ่านหนังสือ ชอบทำการฝีมือ" ชื่อ ทัศนาวลัย สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงตั้งให้ ในสายตาของคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยปรากฏข่าวคราวเกี่ยวกับท่านผู้หญิงทัศนาวลัยกับสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ มากนัก ทำให้หลายคนคิดว่าแม่ลูกคู่นี้ไม่ค่อยสนิทกัน แต่ว่าในความเป็นจริง ท่านผู้หญิงทัศนาวลัยกล่าว... "ใครๆ คิดว่าเราเหินห่างกัน ไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะเวลาที่ท่านเสด็จไปงาน เราก็ไม่ค่อยได้ไปด้วย แต่ท่านมีอะไรพูดกับใครไม่ได้ ก็มาคุยด้วย พูดอะไรๆ ให้ลูกฟัง ปรึกษาหารือกัน เราทูลท่านว่า หากมีงาน เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับวัดหรืองานศพ ก็อาสาสมัครเป็นข้าหลวงตามเสด็จ เพราะไม่ค่อยมีคนอยากไปงานอย่างนั้น ทูลท่านเสมอว่า จะให้ไปทำอะไรที่ไหน ได้ทันที งานอื่นทิ้งได้ แม่ต้องมาก่อน ..แต่ถ้าหากว่าท่านมีคนเยอะแล้ว ท่านไม่ว้าเหว่ เราก็ขอตัว เลยไม่ค่อยจะได้เห็นว่า เราไปไหนด้วยกัน.. จากคุณ : AR for You - [ 25 พ.ย. 51 12:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เวลาใต้ฝ่าพระบาทเสด็จไหน  ทำไมมีรถตำรวจตามหลัง  แทนที่จะนำหน้าหละเพคะ “ก็รำคาญ  ให้เขาไปด้วยอย่างนั้นแหละ  แต่เวลานี้ไปกลางคืนแล้วกลับไปศิริราชนี่ให้เขานำ   หรือเวลารถติด  แต่ถ้าเฉยๆ  เขาก็ขับตามไป  แต่เดี๋ยวนี้ก็เกือบจะติดตลอดเวลาแล้ว  (ทรงพระสรวล) ...ก่อนนี้ไม่ติดก็ไปเป็นประชาชนธรรมดา  แต่เวลามีอะไรฉุกเฉินหรือเวลามีงาน  ก็เริ่มไปอย่างนี้ก่อน   พอติดมากๆ  ก็เอ้า...นำไป” ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ  50  ปี   ใต้ฝ่าพระบาท  ได้ทรงเตรียมทำสิ่งใดทูลเกล้าฯถวายหรือไม่เพคะ “ไม่เตรียมอะไรเลย  คนอื่นเตรียมของเยอะมากแล้ว  เราก็จะไปนั่งในงานเท่านั่นแหละ (ทรงพระสรวล) ...คือฉันทำอะไรบางทีกะทันหัน  คือคิดอยากทำอะไร  ไม่ตัดสิน ...เหมือนวันเกิดฉันคราวนี้  ไม่มีใครทำหนังสือให้   มาคิด  เอ๊ะ !  ตายก็ไม่มีหนังสือแจกสิ  ทำยังไงดี  เลยตัดสินใจเมื่อซักอาทิตย์หนึ่งนี่เอง  ว่าจะทำ ...เวลานี้ฉันลำบากมาก  วันที่  24  นี้ต้องส่งเขา   แต่คิดว่าเป็นหนังสือที่ทำไม่ยาก  แต่ที่ว่าไม่ยากนี่บางทีออกมายากที่สุด ...ไม่รู้เคยเห็นหนังสือ ‘ไปรษนียบัตรเจ้าฟ้า’ ไหม   อันนั้นดูเหมือนง่ายที่สุดเอาโปสการ์ดมาวางเรียงๆกัน  แต่ยากที่สุด   เพราะต้องเอามารีเสิร์ชอีก  ฉันอธิบายไว้ด้วยว่ายากยังไง   ถ้าอ่านดีๆในคำนำ  ต้องรีเสิร์ชหมด  เพราะบางทีใส่ผิด   เวลานี้ยังผิดอยู่หนังสือเล่มหนึ่ง  เพราะฉันต้องการให้ถูกเปี๊ยบเลย ...แล้วฉันต้องไปสืบประวัติอะไรต่างๆของท่าน  ที่นึกว่ารู้ดีมาอีก   ต้องไปค้นไปอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับสมัยนั้น  ก็ได้มาเยอะ   ที่เขียนสั้นๆแค่นั้นนะ  แทบตายกว่าจะได้พารากราฟหนึ่ง   หนังสือเล่มนั้นหนะที่เหมือนง่ายที่สุด  แต่ยากที่สุดเท่าที่ทำมา ขอพระราชทานกราบทูลถามคำถามสุดท้าย  ว่าใต้ฝ่าพระบาททรงคิดว่า   สิ่งใดจะเพิ่มเติมความสุขให้กับพระองค์บ้างในตอนนี้ “ขอเวลาทำหนังสือมากขึ้น  เพราะฉันชอบทำหนังสือ  ชอบไปเที่ยว  ชอบมาก   แต่ทั้ง  2  อย่างที่ฉันว่านั่นแหละคือมีทั้งความสุข  แล้วก็ความทุกข์   ไปทำวีดีโอเหนื่อย  ทำหนังสือก็เหนื่อย  แต่ออกมาแล้วก็สวยดี” ก่อนใต้ฝ่าพระบาทจะเสด็จไปเฝ้าสมเด็จพระศรีฯที่โรงพยาบาลศิริราช ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระอนุญาต   ชมห้องทรงงานที่นี่ได้หรือไม่เพคะ “ไปสิ  ไปด้วยกัน  ไปดูสิ  เดินเกือบไม่ได้  ในห้องเมื่อก่อนเป็นที่ประชุม แต่เวลานี้ไม่มีที่ให้คนนั่งประชุมแล้ว    เพราะทั้งบนโต๊ะ  ตามชั้นหนังสือลุกลามไปจนถึงพื้น   เต็มไปด้วยหนังสือนานาประเภท  แต่ก็เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่รกอย่างงที่รับสั่งไว้สักนิด การสัมภาษณ์ครั้งนี้เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา  21.00 นาฬิกา พอดี บทสัมภาษณ์ท่านหญิงทัศนาวลัย (คัดมาบางส่วน) “เมื่อเด็กๆ  ตอนอยู่โรงเรียนมาแตร์ฯ   มีการบ้านกลับมาทำ  แม่จะสอนลูก   แต่ลูกจะรู้สึกไม่ค่อยสนุกนัก (หัวเราะ) ...แต่อย่างบางทีทำวาดเขียน  ท่านมาช่วยวาด  พอออกมาแล้วเราไม่ค่อยชอบใจนิดหน่อย   แต่ก็ถือได้ว่าช่วยกันทำ (หัวเราะ)  ตอนอยู่สวิส  โตหน่อย ค่อยสอนกันได้” ใครๆคิดว่าเราห่างเหิน  ไม่ค่อยได้เจอกัน  เพราะเวลาที่ท่านเสด็จไปงาน  เราก็ไม่ค่อยได้ไปด้วย ...แต่ท่านมีอะไร   พูดกับใครไม่ได้  ท่านก็มาคุยด้วย  พูดอะไรต่ออะไรให้ลูกฟัง  ปรึกษาหารือกัน ...เราทูลท่านว่า  หากมีงาน  เช่นงานที่เกี่ยวข้องกับวัดหรือเป็นงานศพ   ก็อาสาสมัครเป็นข้าหลวงตามเสด็จ  เพราะไม่ค่อยมีใครอยากไปงานอย่างนั้น ...ทูลท่านเสมอ  ว่าจะให้ไปทำอะไร  ที่ไหน  ได้ทันที  งานอื่นทิ้งได้  แม่ต้องมาก่อน ...แต่ถ้าหากว่าท่านมีคนเยอะแล้ว  ท่านไม่ว้าเหว่แล้ว  เราก็ขอตัว ...เลยไม่ค่อยจะได้เห็นว่าเราไปไหนด้วยกัน ...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  สมเด็จยายประชวร  ก็จะไม่มีทางเห็นว่าไปไหนด้วยกันได้   เพราะเราสลับกันไปเฝ้าอาการประชวรสมเด็จยายค่ะ” (เก็บบทความ มาจาก กระทู้ของห้องสมุดค่ะ  ขอขอบคุณเจ้าของเรื่องไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ) จากคุณ : AR for You - [ 25 พ.ย. 51 12:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 thank you so much จากคุณ : Fortunism - [ 26 พ.ย. 51 15:13:34 ]