ความคิดเห็นที่ 1 ก็เป็นปริศนานะคะ สามวันจากนารี เป็นอื่น น่าคิดๆ ความหมายของตรงนี้คือเหมือนเตือนใจว่า อะไรๆอาจเปลี่ยนไปได้ ไม่รักษาไว้ก็จะเสียไป สำหรับมุมเรา ขอมองว่าผู้ชายจากหญิงที่จีบไปสามวันก็ชักจะมองใหม่แล้ว (ฮา) ตอนนี้เราเผชิญกับ เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี (เปียโน) ฮืออออ จากคุณ : kurika - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สามวันจาก ... นารีเป็นอื่น น่าจะหมายถึง แบบสมัยโบราณ เวลาผู้ชายออกไปข้างนอก เช่นไปทำงาน สักสามวัน สาวๆ ก็เป็นอื่นไปเสียแล้ว อะไรทำนองนี้นะ จากคุณ : Aramoba - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า สามวันจากนารี เป็นอื่น หนึ่งวันเว้นล้างหน้า อับเศร้า หมองศรี --- จากวรรคอื่นๆ เทียบกันกับวรรคนี้ แปลว่าคนที่ "เป็นอื่น" คือฝ่ายผู้ชายค่ะ จากคุณ : 2am and the rain is falling - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หมายถึง หญิงเป็นอื่น เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี  (ทุกคน) อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า (ไม่ท่องบ่นทุกคน) สามวันจากนารี เป็นอื่น (จีบไม่ต่อเนื่อง หญิงเปลี่ยนใจ) หนึ่งวันเว้นล้างหน้า อับเศร้าหมองศรี (ทุกคน) หมายถึงให้ทำอะไรต่อเนื่องจึงจะเกิดผล จากคุณ : วสันดิลก - [ 6 ธ.ค. 51 00:37:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ครึ่งวันกลับมาล้างอีกที ดูดี นี่เรา... (ต่อกลอนขำๆ) แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 51 00:38:50 จากคุณ : หนุ่มน้อย ณ บาบิโลน - [ 6 ธ.ค. 51 00:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยถามอาจารย์สมัยม.สองค่ะ คำถามนี้เลย อาจารย์บอกไว้ว่า หมายถึง ผู้หญิงเป็นอื่นค่ะ จากคุณ : ~\MINKU/~ - [ 6 ธ.ค. 51 01:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คนเป็นอื่นคือผู้ชายค่ะ สามวันจากนารี-เป็นอื่น ไม่ใช่ สามวันจาก-นารีเป็นอื่น เอาโคลงโลกนิติซึ่งเป็นที่มามาเสริมค่ะ เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม     ดนตรี อักขระห้าวันหนี        เนิ่นช้า สามวันจากนารี         เป็นอื่น วันหนึ่งเว้นล้างหน้า   อับเศร้าศรีหมอง แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 51 03:41:00 แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 51 02:09:46 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 6 ธ.ค. 51 02:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณกุลธิดามันเป็นกฎเกณฑ์ของโคลง  หน้า 5  หลัง  2 แยกเป็น สามวันจาก  นารีเป็นอื่น ไม่ได้  จึงเป็น สามวันจากนารี  เป็นอื่น (ขยายนารี) ต้องตีความโดยรวม (คนแต่งเป็นชายจึงยกตัวอย่างจีบสาวไม่ต่อเนื่อง หญิงเป็นอื่น) จากคุณ : วสันดิลก - [ 6 ธ.ค. 51 08:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจค่ะ แต่หมายถึงให้ดูจากรูปประโยคของมันด้วย ถ้าสามวันจากนารีแล้วนารีเป็นอื่น มันก็น่าจะเป็น สามวันจากนารี นารีเป็นอื่น แต่นี่ที่บอกว่า สามวันจากนารี (คือฝ่ายชายเป็นผู้จาก เป็นการละประธานไว้ทั้งส่วนแรกและส่วนหลัง) คือส่วนที่ เป็นอื่น นั่นก็เป็นส่วนขยายการกระทำของประธานเหมือนกัน คือ ฝ่ายผู้ชายจากนารี และ ฝ่ายผู้ชายก็เป็นฝ่ายเป็นอื่น แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 51 10:02:41 จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 6 ธ.ค. 51 09:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผู้หญิงแน่นอน คนสมัยก่อนไม่เชื่อถือในผู้หญิงเลย อ้างอิง ท้าวมาลีวราชว่าความ นิทานเวตาล ปัจจุบันก็ทำตัวอย่างเช่น บอกว่าผู้ชายเลวกว่าหมา ต่อมาก็ทำท่าขอสืบพันธ์กะไอ้ตัววที่ว่าเลวกว่าหมาน่ะแล้วจะให้เชื่อถือได้อย่างไร จากคุณ : เดชอุกาบาต - [ 6 ธ.ค. 51 11:15:26 A:118.174.216.183 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 สามวันจากนารี         เป็นอื่น การตีความโคลงโลกนิติวรรคนี้  ต้องคำนึงถึงสภาพสังคมในสมัยนั้นด้วย สมัยก่อนผู้ชายมีภรรยาหลายคนเป็นที่ยอมรับในสังคม  การที่ขุนแผนมีภรรยาหลายคนไม่มีใครกล่าวว่าเป็นคนไม่ดี แต่นางวันทองมีสามีเพียง ๒ คนด้วยจะด้วยความเสียรู้หรือตกกระไดพลอยใจก็ตามที สังคมถึงกับยกเป็นตัวอย่างของหญิงเลว ดังนั้น หากผู้ชายจากภรรยาไป ๓ วันแล้วมีผู้หญิงคนใหม่ สมัยนั้นคงไม่ถือว่าผู้ชายเป็นอื่นแน่ ๆ ผิดกับผู้หญิงเพียงนางวันทองมีสามีใหม่คือขุนช้าง สังคมก็ถือว่านางวันทองเป็นอื่น เป็นนางวันทองสองใจ เป็นตัวอย่างของหญิงเลวซึ่งมิสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง นี่แหละหนอ ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในสมัยก่อน จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 6 ธ.ค. 51 12:30:15 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผู้หญิงเป็นอื่น จากคุณ : นายชินจัง - [ 6 ธ.ค. 51 13:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณกุลธิดาคะ แปลอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ ด้วยบังคับโคลงทำให้ัมันอ่านออกมาเป็นแบบนั้น ในสมัยโบราณ ผู้ชายไม่เคยเป็นของใคร และการที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนไม่ใช่เรื่องผิด โลกทัศน์การตำหนิการเป็นอื่นของผู้ชายไม่เคยปรากฏอยู่ในโลกสมัยนั้น อีกอย่าง การที่ผู้ชายหายไปสามวัน ในสมัยโบราณมันคิดอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากว่า นายคนนั้นตายหรือหนีหายไปแล้ว นารีจะ "เป็นอื่น" ก็ย่อมเป็นได้ ขอยกบทกวีของอังคาร กัลยาณพงศ์ เพื่อประกอบคำอธิบาย "สามวันจากนารี เป็นอื่น" อีกครั้ง อนิจจาน่าเสียดาย ฉันทำชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่สูญนั้นลึกซึ้ง มีน้ำผึ้งบุหงาลดามาลย์ ครึ่งหนึ่งหลงเหลือในอกนี้ สั่นชีวีเสียสะเทือนสะท้าน ซ้ำโซ่ตรวนพันธนาการ ทรมานปานทาสจะขาดใจ อีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่น้องแก้ว ขึ้งโกรธพี่แล้วจะทำไฉน ถึงใกล้ก็อย่างห่างไกล ไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน เสียแรงชายบริสุทธิ์ซึ่อ ควรหรือนางมล้างค่าใฝ่ฝัน ทิ้งให้เทวษหาจาบัลย์ ที่ไหนนั่นมิ่งขวัญกลับมา หมายทะนุถนอมน้องไว้กะอก กลับตกในมือของเขาอื่น แสนเจ็บแสนปวดปูนปืน พิษมาเสียบเสียววิญญาณ ใจนางอย่างน้ำค้างกลางดึก ดั่งผลึกเพชรใสไหวสะท้าน ครู่เดียวก็แตกดับกับดินดาน ไร้แก่นสารจะหวังมิยั่งยืน บุราณว่าพรากจากนารี ลับลี้จากสามวันเป็นอื่น เสียเจ้าโศกเศร้าทุกวันคืน สุดจะฝืนสู้ทุกข์ขุกเข็ญใจ แค้นหญิงชิงชังไปทั้งโลก จะทุกข์โศกกับนารีหรือไฉน เสียแรงเป็นบุรุษอาชาไนย มาหลงใหลหล่มล้มจมดิน จักอัปยศแก่วิญญาณ อัประมาณอดสูรู้สิ้น จึ่งตัดใจหลั่งน้ำไหลริน ลงดินขาดกันจนวันตาย จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 6 ธ.ค. 51 13:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 6 ธ.ค. 51 13:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อยากให้มองเป็นการจีบมากกว่า เพราะวรรคอื่นๆจะเกี่ยวกับการขยันฝึกซ้อม   ถ้าเป็นจากภรรยาที่บ้านแล้วฝ่ายหญิงเป็นอื่น  จะไม่เข้ากับวรรคที่เหลือ และสันนิษฐานอย่างนี้ทำให้เราขัดแย้งเรื่องสิทธิ จริงอยู่สมัยก่อนชายมีภรรยามาก (ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง)   เคร่งจับผิดฝ่ายหญิง  เพราะเป็นยุคชายเป็นใหญ่ จึงออกกฎจารีตเข้าข้างตัว  แต่ส่วนดีคือทำให้คนอยู่ในกรอบ หากเรามองประเทศอื่นๆยุคนั้นเขาก็เป็นเหมือนกัน บางประเทศหนักกว่าเราหลายเท่า  กีดกันบังคับต่างๆนาๆ ปัจจุบันสิทธิเท่าเทียม  อยู่กับปัจจุบันดีกว่า จากคุณ : วสันดิลก - [ 6 ธ.ค. 51 15:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขำดีค่ะ คือ เคยถาม ผู้ชายเขาจะบอกว่า "หญิงเป็นอื่น บลาๆๆๆๆๆๆ" พอผู้หญิงบ้างก็ตอบ "ชายสิเป็นอื่น บลาๆๆๆๆๆๆ" สรุปคือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งสองขั้วแหละ ไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก็ย่อมเป็นอื่น ขอแสดงความเห็นอีกอย่างคือ ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนใจหรอกค่ะ คือ ถ้ามองว่าผู้หญิงไทยสมัยก่อนนั้นก็ยังเป็นแบบแล้วแต่ผู้ใหญ่ ผู้ชายที่มาเกี้ยวพา บางทีผ่านไปสามวัน โน่น ผู้หญิงแต่งไปโน่นแล้ว ช้าเอง จากคุณ : kurika - [ 6 ธ.ค. 51 16:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สันนิษฐานอย่างคุณวสันดิลกก็แจ่มดีค่ะ การได้มาซึ่งหญิงที่หมายปองย่อมต้องหมั่นทำคะแนน จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 6 ธ.ค. 51 17:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าเขียน-อ่าน/เว้นวรรค แบบนี้ สามวันจากนารี     เป็นอื่น   หมายความว่า (ผู้ชาย) จากนารี(หญิงคนรัก) ไป 3 วัน       ผู้ชายก็(ปันใจ)ให้หญิงอื่น ถ้าเขียน-อ่าน/เว้นวรรค แบบนี้ สามวันจาก      นารีเป็นอื่น   หมายความว่า (ผู้ชาย) จากไป 3 วัน       นารี(หญิงคนรัก)ก็ปันใจให้ชายคนอื่ จากคุณ : ตัวกลมๆผมม้า - [ 6 ธ.ค. 51 17:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นอื่นทั้งคู่มั้งคะ แหะๆ ขำๆ จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ 6 ธ.ค. 51 19:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พอเอาโคลงโลกนิตินี้มาดูทั้งหมด บวกกับคิดถึงสภาพสังคมสมัยก่อน มองเห็นไปอีกแง่ตามที่คุณวสันดิลก คุณเพ็ญชมพู คุณอันตราคนี อธิบายเหมือนกันค่ะ ขอบคุณค่ะ แบบนี้คงต้องเอาองค์ประกอบหลายๆอย่างมาตีความแทนที่จะดูจากการวางประโยคแล้วนะคะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 6 ธ.ค. 51 23:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมจากเป็นปี ก็ไม่เป็นอื่นแน่ครับ (ถ้ามองแบบคุณกุลธิดา) ไม่มีใครให้จาก และ ไม่รู้จะไปอยู่กับใคร T^T จากคุณ : NiGht pRincE - [ 7 ธ.ค. 51 01:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดูเหมือนว่าจะเคยคุยกันเรื่องนี้เมื่อไม่ช้าไม่นานมานี้ เข้าใจว่าโคลงนี้เขียนขึ้นเพื่อชี้ว่าอะไรที่ร้างราไป ก็จะรางเลือนไปเป็นธรรมดา ถ้่าจะดูทั้งบท ก็เป็นไปได้ทั้งหญิงและชาย ในเมื่อไม่อาจถามคนเขียนได้ว่าตั้งใจจะให้มีความหมายว่าอย่างไร สิ่งที่สำคัญคือ เวลาคนอ่านอ่านแล้ว คิดยังไง ส่วนใครจะตีความหมายไปด้านใดนั้น ขึ้นอยู่กับความคิืด ความรู้สึก เหตุผลประสบการณ์ และมุมมองของแต่ละคน เรื่องการตีความจึงพึงดูจากเหตุผลประกอบว่าฟังขึ้นหรือไม่ อย่างไร มากกว่า จากคุณ : เจนจิรา - [ 7 ธ.ค. 51 04:04:37 A:70.134.106.46 X: TicketID:170090 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอแสดงความเห็นบ้าง ผิดถูกประการใดเป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น คลับคล้ายคลับคลาว่า น่าจะเป็นเหตุการณ์ในสมัยก่อน พ.ศ.2473 เพราะก่อนหน้านั้นกฎหมายไทยยังใช้ กฎหมายลักษณะผัวเมีย พ.ศ.2473 คือ ถ้าฝ่ายชายลงจากเรือนไปโดยไม่ร่ำลาเกิน 3 วัน เป็นอันขาดจากการเป็นผัวเมียกัน ดังนั้นคำว่าสามวันนี้ต้องเป็นฝ่ายชายที่ลงเรือนไปแน่นอน คือครบกำหนดนี้แล้วหญิงมีสามีใหม่ได้ เป็นอื่นแน่แล้ว เพราะในสมัยก่อนนั้นผู้หญิงถูกกดขี่มาก เขาเปรียบผู้หญิงดังสัตว์เดรัจฉาน หรือเปรียบเทียบว่า "ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคน" ผู้ชายมีเสียได้ 4 คน ผู้หญิงไม่มีสิทธิเท่าเทียมผู้ชายเลย ต่อมามีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อปี พ.ศ.2478 หญิงกับชายจึงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ขอทุกท่านลองเข้าไปเสริร์จในกูเกิ้ล โดยพิมพ์คำว่า "กฎหมายลักษณะผัวเมีย" ก็จะมีรายละเอียดครับ จากคุณ : กำนันพล - [ 7 ธ.ค. 51 19:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อาจารย์เคยบอกว่าหญิงเป็นอื่น จากคุณ : ไข่เจียวชุบชะอม - [ 9 ธ.ค. 51 20:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม        ดนตรี หมายความว่าการฝึกซ้อมดนตรีนั้น ถ้าว่างเว้นไป ไม่ฝึกซ้อมให้สม่ำเสมอย่อมไม่คล่องแคล่ว ลื่นไหล เหมือนกับฝึกซ้อมเป็นประจำทุกวัน อักขระห้าวันหนี           เนิ่นช้า หมายความว่า   การอ่าน  เขียน  หนังสือนั้น ถ้าไม่ทำสม่าเสมอปล่อยไว้นานวัน  ก็ลืมได้ สามวันจากนารี            เป็นอื่น หมายถึงชาย ที่เมื่อจากหญิงอันเป็นที่รักไป เวลาผ่านไป ก็สามารถมีรักใหม่ เป็นของคนอื่นได้ ชายอยู่กับเรา ก็เป็นของเรา จากเราไปก็เป็นของคนอื่นได้ และสมัยโบราณส่วนใหญ่ฝ่ายชายเป็นฝ่ายจาก ฝ่ายหญิงอยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือน โคลงโลกนิติ แปลมาจาก อินเดีย ซึ่งสะท้อนให้วัฒนธรรมของหญิงอินเดียได้ ส่วนชายนั้นชาติใดๆก็คล้ายๆกันเรื่องเจ้าชู้ มากบ้างน้อยบ้างหรือไม่มีเลยก็แล้วแต่ละคน เหมือนกับตัวอย่าง ชายข้าวเปลือก หญิงข้าวสาร โบราณว่า ................................................. ข้าวเปลือกอยู่ที่ใด ดินดี น้ำดี งอกงามได้เสมอ ต่างกับข้าวสาร ไม่สามารถงอกได้อีก ก็คือหญิงใจหนักแน่นกว่าชายนั่นเอง วันหนึ่งเว้นล้างหน้า อับเศร้า หมองศรี คนเราตื่นนอนไม่ล้างหน้า หวีผม สกปรก ดูหน้าตาไม่สดชื่น ก็สอนให้รักความสะอาด ดูแลตนเองให้สวยงามนั่นเอง การเขียนโคลง ใช้คำสั้นๆ มีความหมาย ส่วนใหญ่เป็นคำเตือนสติ เป็นคำสอน เป็นคำเตือนใจ ที่ไพเราะ และความงดงาม ของภาษา ฝากไว้อีกมุมมองค่ะ จากคุณ : หมุยจุ๋ย - [ 29 ธ.ค. 51 21:43:08 ]