ความคิดเห็นที่ 1 กฎหมายใหม่ จะใช้ นาง  หรือ นางสาว ก็ได้ เดิม ใช้ได้เฉพาะ นาง คุณ ใช้แทน นางสาว คุณหญิง ใช้แทน นาง กรณีนี้ ถ้า เลือกใช้ นาง จึง ใช้ คุณหญิง จากคุณ : Teru - [ วันรัฐธรรมนูญ 13:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คำนำนามสำหรับสตรี การใช้คำนำหน้าสตรีในอดีตนั้นมีการระบุเกี่ยวพันกับบรรดาศักดิ์ของ สามีที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงแม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลจะไม่มีนโยบายขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ข้าราชการ แล้ว แต่คำนำหน้าสตรีสำหรับผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ก็ยังสมควรได้รับคำยกย่องอยู่ เนื่องจากประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอัน มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเพื่อเป็นการเทอดทูนองค์พระมหากษัตริย์ ดังนั้น จึงสมควรยกย่องสตรีผู้ได้รับเกียรติจากองค์พระมหากษัตริย์ด้วย โดยอนุโลมไม่ต้องยึดถือบรรดาศักดิ์ของสามีเป็นเกณฑ์[6] สำหรับคำนำหน้าสตรีที่สมรสแล้วและได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ปฐมจุลจอมเกล้าและทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษให้ใช้คำว่า "ท่านผู้หญิง" ยกเว้น สตรีในราชสกุลตั้งแต่หม่อมเจ้าขึ้นไปให้ใช้คำนำพระนามตามเดิม ส่วนสตรีที่ยังมิได้สมรสให้ใช้คำนำหน้าว่า "คุณ"[7][6] ส่วนสตรีที่สมรสแล้วและรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ทุติยจุลจอมเกล้า ตติยจุลจอมเกล้า และจตุตถจุลจอมเกล้าใช้คำนำหน้าว่า "คุณหญิง" ยกเว้นสตรีในราชสกุลตั้งแต่หม่อมหลวงขึ้นไปให้ใช้คำนำพระนามตามเดิมและใช้คำนำหน้าว่า "คุณ" สำหรับสตรีที่ยังไม่ได้สมรส[7][6] http://th.wikipedia.org/wiki/เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า จากคุณ : กะหล่ำปลีลวกกินกับขนมจีนน้ำยา - [ วันรัฐธรรมนูญ 14:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คำนำหน้านามสำหรับสตรีที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า นับเพียงแต่ เป็นสตรี ที่สมรสแล้วหรือไม่ยัง ไม่ได้หมายรวมถึง สตรีผู้นั้น มีสถานะภาพการสมรสอย่างไร หากเป็นสตรีที่สมรสแล้ว (ไม่ได้บอกว่า ยังคงสถานะภาพสมรสอยู่หรือไม่) จะใช้คำว่า คุณหญิง หรือ ท่านผู้หญิง ตามลำดับ ครับ เก็บมาฝาก สำหรับคุณหญิงพจมาน  ดามาพงษ์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังนี้ 1. มหาประถมาภรณ์ช้างเผือก 2. มหาวชิรมงกุฎ 3. ปฐมดิเรกคุณาภรณ์ 4. ตติยจุลจอมเกล้า จากคุณ : พระนายไวย - [ วันรัฐธรรมนูญ 16:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : koong_nu - [ วันรัฐธรรมนูญ 18:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วในบัตรประชาชนของคุณหญิง  เป็นนาง  หรือว่าคุณหญิง   และภาษาอังกฤษใช้ว่ารัย จากคุณ : num7339 (num7339) - [ วันรัฐธรรมนูญ 19:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกๆคห.นะครับ นับเป็นความรุ้ที่ดีน่าสนใจจริงๆครับ จากคห.๓ ในอดีตพอจะมีบุคคลตัวอย่างหรือเปล่าครับ น่าสนใจจริงๆ ครั้งแรกนึกว่าพอหย่าแล้วสถานะก็กลายเป็นโสด ดังนั้นก็จะเป็นคุณหญิง หรือท่านผู้หญิงของสามีไม่ได้แล้วก็จะกลายเป็น น.ส. ตามปกติแต่จากคห. ๑ เข้าใจว่า (กฎหมายเก่า) เค้าให้ใช้ว่า นาง ไม่ใช้ว่า น.ส. แล้ว นี่ก็เพิ่งรู้ครับ ขอบคุณมาก ครั้งแรกนึกว่าผู้หญิงที่หย่าแล้วก็กลับเป็น น.ส. เหมือนเดิมซะอีก (หมายถึงเมื่อก่อนนะครับ) ส่วนคห.๕ ตามข่าวที่ว่าได้ไปทำบัตรใหม่เห็นว่า กลับใช้นามเดิม แต่คำนำหน้ายังใช้ว่า "คุณหญิง" ครับ จากคุณ : จขกท. - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:00:25 A:58.9.197.228 X: TicketID:143688 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วทำคุณงามความดีอะไรถึงได้อ่ะครับ รับราชการ? จากคุณ : ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บริหารงานดีๆ ทำการกุศล หรือแค่เป็นภรรยานายก ก็ได้เครื่องราชเหล่านี้แล้วครับ ยังไม่เคยมีประวัติศาสตร์ที่ภรรยานายก ไม่ได้เป็นคุณหญิงสักรายเดียว บางรายเป็นถึงท่านผู้หญิงก็ยังมี ก็คนเสนอเป็นรัฐบาลนี่ครับ แล้วข้าราชการก็มีธรรมเนียมปฎิบัติว่าต้องเสนอนามภรรยานายกให้ได้เครื่องราชระดับคุณหญิง เป็นต้นไปครับ คห 7 กระจ่างหรือยัง? จากคุณ : K.Senior - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น่าจะมีนะครับ ภริยาท่านอดีตนายกฯชวน หลีกภัยก็คือคุณภักดีพร สุจริตกุลน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 20:57:45 จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รายนี้ไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการครับ มีบุตรแค่จดทะเบียนรับรองบุตรเท่านั้น คุณชวนก็ไม่ได้ยกย่องอย่างเป็นทางการด้วยครับ ออกงานราชการก็ไม่เห็นคุณภักดีพร สุจริตกุล ไปไหนมาไหนกับคุณชวนด้วย เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้กันอยู่ อย่างนี้ข้าราชการที่ไหนจะกล้าส่งรายชือขอเครื่องราชให้คุณภักดีพร สุจริตกุล ละครับ เธอไม่ใช่ หลีกภัย นะครับ ไม่มีการแต่งงาน ไม่มีการหย่าด้วยครับ จากคุณ : K.Senior - [ วันรัฐธรรมนูญ 21:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ้าวหรอครับ อย่างนี้ก็เป็นแค่ภรรยาในนามเท่านั้น เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณคุณ K.Senior ครับ จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ วันรัฐธรรมนูญ 21:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นางภักดีพร สุจริตกุล นั้น ยังใช้นามสกุลเดิม(แก้นะครับ จากนามสกุลเดิมของสามี ซึ่งเป็นนายทหารราชองครักษ์ ผมก็ไม่ทราบว่านามสกุลอะไร) ครับ ยังมิได้จดทะเบียนสมรสกับนายชวน ฉะนั้นแล้ว ก็ถือว่า มิใช่ภริยาตามกฎหมาย จึงมิได้มีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าครับ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 11:02:10 จากคุณ : natthaset - [ วันรัฐธรรมนูญ 21:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยังไม่เคยมีประวัติศาสตร์ที่ภรรยานายก ไม่ได้เป็นคุณหญิงสักรายเดียว บางรายเป็นถึงท่านผู้หญิงก็ยังมี . . . ก็คนที่ผ่านมาไงคะ ยังไม่เห็นได้เป็นเลย หรือจะบอกว่าสามีพ้นตำแหน่งไปก่อน จากคุณ : เพ็ญปกรณ์ - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ครับ ไม่ได้อยู่ยาวนานพอที่ข้าราชการจะเสนอให้ครับ จากคุณ : K.Senior - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 "อย่างนี้ก็เป็นแค่ภรรยาในนามเท่านั้น" ก็ไม่ใช่ภรรยาในนามครับ ความหมาย ภรรยาในนาม คือมีการสมรสถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้อยู่กินกัน ต้องบอกว่าเป็นภรรยาในพฤติกรรมครับ แค่ครั้งคราวเองครับ เพราะก็ไม่ได้อยู่กินกันเหมือนชาวบ้านทั่วไป ไม่ได้อยู่ชายคาเดียวกันด้วย แค่ในระดับกิ้กเองแล้วก็เลิกกันไป บังเอิญมีลูก ก็รับผิดชอบจดทะเบียนรับรองบุตรก็แค่นั้น จากคุณ : K.Senior - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โห.. ไม่เคยรู้เลยอ่ะค่ะ เรื่องคุณชวน ตอนแรก นึกว่าสมรสแล้วเลิกรากันไปเสียอีก แล้วน้องปลื้ม ตอนนี้คงเป็นหนุ่มมากแล้วนะคะ จากคุณ : ลั่นทมสีแสด - [ วันรัฐธรรมนูญ 22:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตราจุลจอมเกล้า เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลเดียวที่จะทรงพระกรุณาโปรคเกล้าฯพระราชทานแด่ผู้ที่ทรงคัดสรรด้วยพระองค์เอง มิใช่รัฐบาลเป็นผู้ทูลเกล้าฯเสนอครับ บางสมัยที่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินที่อยู่ใต้อาณัติของท่านผู้นำนั่นแหละใช่ ภริยานักการเมืองจึงได้เป็นท่านผู้หญิงในวัยที่ยังถือว่าอายุยังน้อยกันหลายคน จากคุณ : Navarat.C - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สุจริตกุล คือ นามสกุลเดิมของคุณภักดิพรค่ะ ไม่ใช่นามสกุลของสามี จากคุณ : WIWANDA - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "บางสมัยที่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินที่อยู่ใต้อาณัติของท่านผู้นำนั่นแหละใช่ ภริยานักการเมืองจึงได้เป็นท่านผู้หญิงในวัยที่ยังถือว่าอายุยังน้อยกันหลายคน" ไม่จำเป็นครับ จำนายพลผ้าขาวม้าแดงได้หรือไม่ครับ ท่านผู้หญิงของท่านเป็นตั้งแต่ยังอายุไม่ถึง 50 ด้วยมั้ง สมัยนั้นไม่มีผู้สำเร็จราชการกันแล้ว ส่วนเรื่องเสนอ "มิใช่รัฐบาลเป็นผู้ทูลเกล้าฯเสนอครับ" ผมยังยืนยันว่า รัฐบาลเสนอได้ครับ แต่เป็นเอกสิทธิ์ที่พระองค์จะทรงพระราชทานให้หรือไม่ก็ได้ครับ เพราะพระองค์ท่านคงจะไม่มีทางทราบประวัติของใครต่อใครที่ทำความดีให้บ้านเมืองมากมาย ได้หมดหรอกครับ ถ้าไม่มีใครถวายข้อมูลให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกที่เป็น business women หรือข้าราชการสตรีชั้นสูงต่างๆ จากคุณ : K.Senior - [ 11 ธ.ค. 51 00:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เพราะพระองค์ท่านคงจะไม่มีทางทราบประวัติของใครต่อใครที่ทำความดีให้บ้านเมืองมากมาย ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล จากคุณ : ป้าปิ๋ว (ป้าปิ๋ว) - [ 11 ธ.ค. 51 02:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เช้าวันใหม่เข้ามาดู โหหลายประเด็นหลายคห.เลยขอบคุณทุกๆคนเลยครับ ผมขอสรุปความนิดนึงนะครับที่คุณหญิงพจมานยังเรียกว่าคุณหญิงได้ เพราะอนุโลมตามกฎหมายใหม่ที่ว่าจะใช้ น.ส. หรือนางก็ได้ ไช่หรือเปล่าครับ เพราะเดาเอาจากคห.1 ที่บอกว่าถ้าใช้นางก็ยังใช้เป็น คุณหญิงได้ ถ้าใช้ น.ส. จึงจะเรียกว่า คุณ เฉยๆ อยากได้ตัวอย่างในอดีตจังครับว่าพอจะมีหรือเปล่าที่หย่าสามีแล้วแต่ยังใช้เป็น คุณหญิง อยู่ขอบคุณครับ... จากคุณ : จขกท. - [ 11 ธ.ค. 51 09:44:57 A:58.9.190.192 X: TicketID:143688 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เพิ่มเติมครับ คุณหญิงพจมาน ได้รับพระราชทานตราจตุตถจุลจอมเกล้าเมื่อปี 42 ครับ ซึ่งตอนนั้นอดีตสามีของคุณหญิงยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเหตุที่ได้รับพระราชทาน คงไม่ได้มาเพราะเป็นภริยานายกรัฐมนตรี น่าจะมาจากเหตุอื่นมากกว่าครับ จากคุณ : เล (ศุภศจี) - [ 11 ธ.ค. 51 10:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อย่าง ท่านผู้หญิงวิริยา ชวกุล ก็หย่าและใช้นามสกุลเดิมครับ จากคุณ : natthaset - [ 11 ธ.ค. 51 11:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตามคุณศุภศจีครับ คุณหญิงพจมาน ได้รับ จ.จ. ตั้งแต่ก่อนที่สามีจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี และได้เพิ่มเป็น ต.จ. หลังจากที่สามีเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วนะครับ จากคุณ : พระนายไวย - [ 11 ธ.ค. 51 11:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีเหตุผลข้อนึง ที่ทุกคนอาจจะลืมนึกถึง นั่นคือ คำว่า พยุงฐานะ หรือ ถ้าพูดให้ง่ายๆคือ การให้เกียรติ ดังเช่น ยกตัวอย่าง เมื่อ พระวรชายา มี พระองค์ทีฯก็มีสถาปนาน พระยศ เป็นพระวรชายา ในสมเด็จพระบรมฯ เพื่อเป็นการพยุงพระเกียรติพระมารดา เวลาทักทาย หรือ เวลานั่ง จะได้ไม่ต้องหมอบกราบ ลูกของตัวเองตามยศ และ บรรดาศักดิ์ ในกรณีนี้ก็น่าจะคล้ายๆกัน คือ เป็นภริยานายกฯ เพื่อให้เป็นเกียรติและหน้าตาของผู้ดำรงตำแหน่งนี้ โดยส่วนมาก จึงพระราชทานเพื่อเป็นเกียรติ เป็นศรี แต่บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ถือเป็นการให้เกียรติและ ให้หน้า อย่างนึง จากคุณ : lionheart - [ 11 ธ.ค. 51 15:14:02 A:158.34.240.22 X: TicketID:183539 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คห. 13 คุณเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยา นายกสมชายฯ ยังไม่ได้เป็นคุณหญิงเลยครับ ถ้าผมจำไม่ผิดเพราะปีนี้ ในหลวงงดพระราชทาน เนื่องจากเป็นการไว้ทุกข์แด่สมเด็จพระพี่นางฯ (ผมใช้คำศัพท์ไม่ถูก ต้องขออภัยครับ) และนายกสมชายเป็นนายก ฯ คนเดียวที่ไม่ได้ทำงานในตึกไทยคู่ฟ้าครับ จากคุณ : daphuma - [ 11 ธ.ค. 51 16:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ส่วนใหญ่จะพระราชทานเครื่องราชช่วงวันจักรี ถ้าผมจำไม่ผิด ไม่ใช่ช่วงวันเฉลิมพระชนม์พรรษาครับ "เพราะพระองค์ท่านคงจะไม่มีทางทราบประวัติของใครต่อใครที่ทำความดีให้บ้านเมืองมากมาย ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล" อย่าหลงจนเลยเถิดเลยครับ พระองค์แค่สมมุติเทพ ไม่ใช่เทพนะครับ "ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล" นั่นคือมี vision ไม่ใช่ว่าจะรู้ข้อมูลของประชาราษฐร์ทั้งหมด ทุกคนที่ทำคุณงามความดีให้แก่บ้านเมือง ต้องมีคนถวายงาน ถวายข้อมูล ก็หน่วยงานรัฐบาลไงครับ ผู้นำยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็จำเป็นต้องมีผู้ทำงานรับใช้ให้ ไม่ใช่จะตรัสรู้ทุกอย่าง ที่นี่ไม่ใช่เวปโฆษณาสัมพันธ์ หรือห้องราชดำเนิน เราพูดกันด้วยเหตุด้วยผลครับ แบบคนมีสติดีกว่าครับ จากคุณ : K.Senior - [ 11 ธ.ค. 51 20:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คห.25 กรณีนี้น่าจะไม่เกี่ยวนะครับ ถ้าจำกันได้ทรงพระกรุณาโปรดให้ออกพระนามพระองค์ที เป็นพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก่อนการสถาปนาพระวรชายา และพระองค์สิริวัณณ จากคุณ : แจม. - [ 11 ธ.ค. 51 20:45:12 A:58.9.220.71 X: TicketID:143688 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ daphuma ขา จะบอกว่า "ถ้าผมจำไม่ผิดเพราะปีนี้ ในหลวงงดพระราชทาน เนื่องจากเป็นการไว้ทุกข์แด่สมเด็จพระพี่นางฯ (ผมใช้คำศัพท์ไม่ถูก ต้องขออภัยครับ) และนายกสมชายเป็นนายก ฯ คนเดียวที่ไม่ได้ทำงานในตึกไทยคู่ฟ้าครับ" จะบอกว่านี่คือเหตุผลที่ทำให้คุณนายเธอไม่ได้รับโปรดเกล้าฯเป็นคุณหญิงหรอคะ คงไม่ใช่หรอกค่ะ จริง ๆ แล้วสามีเธอเพิ่งเป็นนายกเมื่อเดือนกันยายน ปีนี้เองนี่คะเ ธันวาคมก็พ้นจากตำแหน่งไปก่อนซะละ ยังไม่ทันถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้าเลยนี่ คะ ก็คงจริงอย่างที่คุณ K.Senior เค้าว่าแหละค่ะ สามีพ้นจากตำแหน่งไปก่อน แต่ถึงอยู่ในตำแหน่งก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันนี่คะ คุณ K.Senior ขา วันฉัตรมงคลไม่ใช่หรอคะ ไม่ใช่วันจักรีนี่คะ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 23:30:37 จากคุณ : เพ็ญปกรณ์ (เพ็ญปกรณ์) - [ 11 ธ.ค. 51 23:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนใหญ่จะพระราชทานเครื่องราชช่วงวันจักรี ถ้าผมจำไม่ผิด คุณ K.Senior ขา วันฉัตรมงคลไม่ใช่หรอคะ ไม่ใช่วันจักรีนี่คะ สงสัยคงจำผิดครับ คือวันมันใกล้ๆ กัน จากคุณ : K.Senior - [ 11 ธ.ค. 51 23:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานวุฒิสภา รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง หรือข้าราชการระดับ c10 ขึ้นไปนั้น แต่เดิมข้าราชการข้างต้น คือ บรรดาศักดิ "เจ้าพระยา" หรือ "พระยา" ทั้งสิ้น หญิงผู้เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ย่อมเป็น ท่านผู้หญิง(หากเป็นภรรยาเจ้าพระยา และได้ตราทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ) หรือ คุณหญิง ตามบรรดาศักดิสามี ต่อมา มีการยกเลิกราชทินนาม จึงมิได้มีบรรดาศักดิตามสามี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชอำนาจในการพระราชทานบรรดาศักดิ์แก่หญิงเหล่านั้น ผู้เป็นภรรยาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตามสมควรแก่"ตำแหน่งสามี" หรือ"ความดีความชอบ" โดยการพระราชทานตราจุลจอมเกล้าตามที่ทรงพระราชดำริสมควร ส่วนเรื่องที่ถกเถียงกันล่างๆนั้น ผมคิดว่า พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงติดตามข่าวสารบ้านเมือง ใครเป็นใคร ใครเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ ใครเป็นภริยา หรือ ใครทำความดีความชอบอื่นใด นอกจากราชการแผ่นดิน และราชการในพระองค์แล้ว ยังรวมไปถึงงานในสมเด็จพระบรมวงศ์พระองค์อื่นๆ หรือกิจการในพระองค์ องค์กรต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อราชการ ฉะนั้น ผู้ที่เสนอชื่อ ก็อาจจะพระบรมวงศานุวงศ์ หรือ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางท่านที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย ส่วนจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯอย่างไรก้แล้วแต่ท่านจะทรงพระราชดำริครับ. จากคุณ : natthaset - [ 11 ธ.ค. 51 23:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มาเสนอข้อมูลเพิ่มเติม การเสนอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เคยมีเรื่องอื้อฉาวในการซื้อเครื่องราชในอดีต เพราะพระองค์ไม่มีทางทราบได้ทุกเรื่องราว ทางสำนักพระราชวังเสนอมา ก็ว่ากันตามไป พระองค์ท่านก็แค่สมมุติเทพเท่านั้น เคยได้ยินคำนี้หรือไม่ Garbage in, Garbage out. นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า พระองค์ท่านก็ยังต้องพึ่งความถูกต้องด้านข้อมูลจากข้าราชการ ข้าราชบริพารเหมือนกัน ไม่เหมือนคนบางคนที่ว่า "ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล " ถ้าเป็นจริง คดีซื้อเครื่องราชในอดีต คงไม่เกิดขึ้นหรอกครับ จากคุณ : K.Senior - [ 12 ธ.ค. 51 00:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มานั่งนึกๆดูแล้ว มีภริยาอดีนายกรัฐมนตรีหลายท่าน ที่ได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้าตั้งแต่ก่อนที่สามีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่มานั่งนึกอีกที จาก 30 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีส่วนใหญ่มักจะเคยดำรงตำแหน่งป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มาก่อนแล้ว เช่น ผบ.ทบ ปลัดกระทรวง เป็นต้น โดยมาจากผบ. ทบ 5 ท่าน (พล.อ เกรียงศักดิ์, พล.อ. เปรม, พล.อ. สุจินดา, พล.อ. ชวลิต และพล. อ. สุรยุทธ) และปลัดกระทรวง 2 ท่าน  (นายอานันท์ และนายสมชาย) ดังนั้นภริยาอดีตนายกเหล่านั้นคงจะได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้าในช่วงที่สามีของท่านดำรงตำแหน่งนั้นๆครับ มีข้อสังเกตว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงแรงงาน รวมเกือบแปดปี แต่ภริยายังไม่ได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้า จากคุณ : เล (ศุภศจี) - [ 12 ธ.ค. 51 00:49:14 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผู้ที่สมควร กับ บรรดาศักดิ๋ ใน ยุคปัจจุบัน โดยไม่ต้องลังเล หรือ ได้ผลพลอยได้จากสามี หรือ เงิน คือ เเพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ครับ คุณหญิงไม่ได้รับใช้ในวัง เเต่ สวรรค์มีตาครับ จริงๆๆๆ ยกย่องครับ ไม่นานครับ ถ้าคุณหญิงรักษาความดีไปอย่างนี้ ท่านผู้หญิงชัวร์ครับ จากคุณ : panard1 - [ 12 ธ.ค. 51 00:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ที่พิมพ์ไปไม่ได้บอกว่ารัฐบาลเสนอไม่ได้ แต่บอกว่าไม่ต้องเสนอ คุณมาว่าคนอื่นไม่มีสติ คุณต่างหากไม่มีสติในการอ่าน ทั้งยังตำหนิคนอื่น เปรียบเปรยต่างๆ นานา ไม่ได้แสดงว่ามีสติหรือมีเหตุผล ที่พิมพ์ไปทั้งหมดไม่ได้หลงงมงาย เนื่องจากถ้าเป็นตราช้างเผือก มงกุฎไทย ดิเรกคุณาภรณ์นั้น รัฐบาลก็จะนำความขึ้นกราบบังคมทูลตามพ.ร.ฎ.อยู่แล้ว ส่วนตราจุลจอมเกล้าไม่ได้มีกฎระเบียบใดให้นำความขึ้นกราบบังคมทูล แน่นอนว่าจะต้องมีผู้กราบบังคมทูล แต่ก็สุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ซึ่งคดีโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่คุณกล่าวถึงไม่ใช่ตราจุลจอมเกล้า นี่กำลังคุยถึงตราจุลจอมเกล้าอยู่ ที่โต้แย้งเพราะเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรเสนอ และถึงเคยเสนอก็ไม่บังควรที่จะกล่าวออกมา การพระราชทานตราจุลจอมเกล้าเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ไม่ใช่เรื่องที่จะกล่าวว่าคนนั้นคนนี้เสนอ หรือได้ด้วยเหตุผลนั้นเหตุผลนี้ และกลายเป็นได้เพราะผู้เสนอ แล้วที่กล่าวว่าทรงมีสายพระเนตรกว้างไกลก็อย่างที่กล่าวว่า สุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แสดงว่าทรงมีสายพระเนตรยาวไกลว่าผู้ใดสมควรได้รับหรือไม่สมควรได้รับอยู่แล้ว จึงมิจำเป็นต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล ถ้าคุณไปดูรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้า คุณก็น่าจะทราบมากขึ้นว่า รายชื่อที่ได้รับพระราชทานนั้น ไม่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูลก็ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว เพราะเป็นผู้ที่ถวายงานด้านต่างๆ ตราจุลจอมเกล้าไม่ใช่ตราช้างเผือก มงกุฎไทย ดิเรกคุณาภรณ์ที่มีหลักเกณฑ์แน่นอน เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยอย่างแท้จริง โปรดอ่านอีกครั้งว่าไม่ได้พิมพ์ว่าเสนอไม่ได้ แต่พิมพ์ว่าไม่ต้องเสนอ คุณเองก็มีความรู้ไม่ควรเหน็บแนมคนอื่นเช่นนี้ และเหน็บแนมถึง ๒ ครั้ง แล้วที่คุณพิมพ์ เพราะพระองค์ไม่มีทางทราบได้ทุกเรื่องราว ทางสำนักพระราชวังเสนอมา ก็ว่ากันตามไป พระองค์ท่านก็แค่สมมุติเทพเท่านั้น ไปตรองดูก่อนว่ามีสติหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 03:49:10 แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 03:42:02 จากคุณ : ป้าปิ๋ว (ป้าปิ๋ว) - [ 12 ธ.ค. 51 02:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คดีโกงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ไม่เกี่ยวข้องกับตราจุลจอมเกล้า และเป็นเรื่องของการปลอมแปลงหลักฐาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่คุยกันอยู่ ปิดฉากคดีทุจริตเครื่องราชฯ ศาลตัดสินจำคุก 5 ลูกศิษย์คนใกล้ชิดอดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ คนละพันปี ขณะ 3 จำเลยได้รับการยกฟ้อง หลังไม่พบความผิด ส.ว.ทองใบ ทองเปาด์ เตรียมยื่นอุทธรณ์ให้ลูกความของตน เผยเป็นคดีประวัติศาสตร์ จำเลยเสียชีวิตไปแล้ว 8 คน ผู้พิพากษาเสียชีวิต 1 คน และทนายความเสียชีวิต 4 คน ในการต่อสู้กันมานาน 17 ปี ในที่สุดคดีทุจริตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 17 ปี ก็ถึงฉากจบ หลังจากเมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 27 เมษายน ศาลอ่านคำพิพากษาคดีนี้ ซึ่งเป็นคดีที่พนักงานฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายผาสุก ขาวผ่อง หรือพระราชปัญญาโกศล หรือเจ้าคุณอุดม อดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ อุปถัมภ์มูลนิธินวมินทร์ และพวกหลายคน สำหรับจำเลยที่ถูกยื่นฟ้องครั้งนี้ ประกอบด้วย นายผาสุก ขาวผ่อง หรือพระราชปัญญาโกศล หรือเจ้าคุณอุดม อดีตรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ จำเลยที่ 1 (เสียชีวิตแล้ว) นายอำไพ แก้วพงษ์ จำเลยที่ 2 ผู้ใกล้ชิดเจ้าคุณอุดม (เสียชีวิตแล้ว) นายสันติ สวนแก้ว จำเลยที่ 3 (เสียชีวิตแล้ว) อดีตพนักงานธนาคารกรุงเทพ ลูกศิษย์ใกล้ชิดของเจ้าคุณอุดม นายอรุณ เพชรรัตน์ จำเลยที่ 4 นายมนตรี จำนง จำเลยที่ 5 น.ส.เฉลิมศรี อู่ทรัพย์ จำเลยที่ 6 (เสียชีวิตแล้ว) นายสมัย กาจู๊ด จำเลยที่ 7 ลูกศิษย์ใกล้ชิด (เสียชีวิตแล้ว) น.ส.พัทยา พิมพ์สอาด จำเลยที่ 8 นายอารี ศาสตรสาระ จำเลยที่ 9 นายพิภพ บุญดิเรก จำเลยที่ 10 นายเมธี บริสุทธิ์ จำเลยที่ 11 นายสุรเดช เตชะคุปต์ จำเลยที่ 12 (เสียชีวิตแล้ว) นายไพบูลย์ ทองมิตร อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 13 ( เสียชีวิตแล้ว) นางชมัยภร แสงกระจ่าง จำเลยที่ 14 นายขุนทอง ภูผิวเดือน จำเลยที่ 15 อดีต รมช.ศึกษาธิการ (เสียชีวิตแล้ว) และนายวิโรจน์ ชาทอง จำเลยที่ 16 ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 16 ถูกฟ้องในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ที่พวกจำเลยร่วมกันปลอมแปลงเอกสารใบอนุโมทนาบัตร ที่รับเงินบริจาคจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นเอกสารราชการเพื่อนำไปยื่นต่อกระทรวงศึกษาธิการ ที่จะขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องปี 2531 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์แล้ว เห็นว่าพยานบุคคล พล.ต.ต.อุไร ศรีวิไล และ พล.ต.ท.ปานศิริ ประภาวัต พนักงานสอบสวน รวมทั้งพยานซึ่งเป็นผู้บริจาคเงิน เบิกความสอดคล้อง มีเหตุผลเชื่อมโยงพยานเอกสาร รับฟังได้ข้อเท็จจริงได้เป็นที่ยุติว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะรองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ เป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา 45 พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ. 2505 มีหน้าที่ออกใบอนุโมทนาบัตรให้กับผู้บริจาค และผู้ทำคุณประโยชน์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานเสนอกระทรวงศึกษาธิการ ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดกับพวกอีก 21 คน ในการชักจูงให้ผู้อื่นบริจาคเงิน และนำเงินบริจาคให้พวกตนเอง ออกเป็นใบอนุโมทนาบัตรเพื่อขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งเป็นการปลอมเอกสารการบริจาค ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเคยช่วยเหลืองานจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำผิดด้วย ในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานซึ่งใช้อำนาจตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สิน เพื่อประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น พิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และกระทำการเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่ผู้อื่นกระทำผิด ตามมาตรา 86 ความผิดรวม 113 กระทง กระทงละ 10 ปี รวมจำคุก 1,130 ปี แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกสูงสุดได้เป็นเวลา 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นครูโรงเรียนใน จ.นครนายก ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียน ที่ได้ให้ทุนการศึกษา ส่งจำเลยที่ 5 ไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดีย มีความผิดมาตรา 148 และ 86 รวม 117 กระทง กระทงละ 10 ปี รวมจำคุก 1,170 ปี แต่ให้จำคุกสูงสุด 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยที่ 8 เป็นอดีตพนักงานธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเคยช่วยเหลืองานจำเลยที่ 1 ในวันเสาร์-อาทิตย์ และเป็นผู้ช่วยเบิกถอนเงินจากธนาคาร มีความผิดตามมาตรา148 และ 86 รวม 152 กระทง กระทงละ 10 ปี รวมจำคุก1,920 ปี แต่ให้จำคุกสูงสุด 50 ปี จำเลยที่ 9 เป็นข้าราชการพลเรือน อดีตช่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาฯ มีหน้าที่ดูและตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานบัญชีรายชื่อผู้บริจาค ตามใบอนุโมทนาบัตร ว่าบริจาคจำนวนเงินเท่าใด เหมาะสมกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับใด ได้มีส่วนรู้เห็นกับจำเลยที่ 1 ในการยื่นเอกสารปลอม เพื่อส่งให้สำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อจะขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จึงมีความผิดเป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นใดเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เพื่อกระทำการในตำแหน่งโดยมิชอบ ตามมาตรา 149 จำคุกรวม 98 กระทง กระทงละละ 15 ปี และความผิดมาตรา 148 รวม 119 กระทง กระทงละ 10 ปี รวมจำคุก 2,660 ปี แต่ให้จำคุกสูงสุด 50 ปี และจำเลยที่ 11 เป็นอดีตข้าราชการพลเรือนประจำในสำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองบัญชีรายชื่อผู้บริจาคตามใบอนุโมทนาบัตรเพื่อขอเครื่องราชฯ มีความผิดตามมาตรา 149 จำคุกรวม 98 กระทง กระทงละ 15 ปี และมาตรา 148 จำคุก 1 กระทง เป็นเวลา 10 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 1,148 ปี แต่ให้จำคุกสูงสุด 50 ปี สำหรับจำเลยที่ 10 ซึ่งเป็นข้าราชการพลเรือน อดีตช่วยงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยที่ 14 อดีตข้าราชการพลเรือนประจำสำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี และจำเลยที่ 16 อดีตศึกษานิเทศก์ 6 กรมสามัญศึกษา พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอว่ากระทำผิดตามฟ้อง ศาลจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง หลังฟังคำพิพากษา นายทองใบ ทองเปาด์ ส.ว.มหาสารคาม ซึ่งเป็นทนายความจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 กล่าวสั้นๆ ว่า จะพิจารณายื่นอุทธรณ์คดีต่อไป สำหรับคดีนี้ซึ่งยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี จำเลยที่ 1-3 จำเลยที่ 6-7 จำเลยที่ 12-13 และ 15 ได้เสียชีวิตไปแล้วระหว่างการพิจารณา ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยมีรายงานว่า คดีนี้ศาลได้สืบพยานต่อเนื่องทุกวันอังคารที่ 1 และ 3 ของเดือนมาตั้งปี 2531 และสืบพยานจำเลยเสร็จปากสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายน 2547 โดยโจทก์-จำเลยนำพยานเข้าสืบต่อสู้คดีมานาน 17 ปี ซึ่งระหว่างพิจารณาคดี ได้มีการเปลี่ยนพนักงานอัยการหลายคน โดยก่อนถึงวันพิพากษาเมื่อวันที่ 27 เมษายน จำเลยเสียชีวิตไปแล้ว 7 คน ผู้พิพากษาเสียชีวิต 1 คน และทนายความเสียชีวิต 4 คน โดยคดีนี้โจทก์นำสืบกว่า 100 ปากจากพยานที่อ้างไว้ 538 ปาก ที่มา คมชัดลึก จากคุณ : ป้าปิ๋ว - [ 12 ธ.ค. 51 03:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โห ได้ความรุ้ใหม่จำคุกพันกว่าปี มากสุดในประวัติศาสตร์เลยป่าวครับนี่ จากคุณ : แจม. - [ 12 ธ.ค. 51 09:38:17 A:58.9.185.30 X: TicketID:143688 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คห.28 สงสัยผมเว้นวรรคไม่ดี ในความหมายผมเปรียบเทียบในแง่ที่ว่า พระองค์ทีฯ เป็น พระเจ้าหลานเธอแต่กำเนิด จึงสถาปนา พระยศ พระวรชายา ในเวลาเดียวกัน เพื่อเป็นการพยุงพระเกียรติพระมารดาครับ พูดในความเป็นจริง การพระราชทานคุณหญิง หรือ ท่านผู้หญิงนั้น เป้นสิทธิขาดในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯแต่พระองค์เดียวอยู่แล้ว แต่การเสนอนั้น ก็อาจจะเป็นไปได้ที่มีผู้ทูลเกล้าถวายรายชื่อ ส่วนนึง จากพระองค์เองที่ต้องการพระราชทานส่วนนึงเช่นเห็นได้จาก คุณพนักงาน พระพี่เลี้ยงในพระองค์ต่างๆ แพทย์ และ พยาบาลส่วนพระองค์ ดังนั้นที่ทุกๆท่านเขียนก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ทรงมีพระราชวินิจฉัย ตามแต่เห็นสมควร พูดง่ายๆ เสนอน่าจะเป็นไปได้ แต่ได้หรือไม่ ท่านเลือกเอง.... จากคุณ : lionheart - [ 12 ธ.ค. 51 11:06:11 A:158.34.240.22 X: TicketID:183539 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มาไกลปานนี้เพียงเพราะความเป็นคนที่ใครเตือน ใครสอน ใครว่าไม่ได้ โอ้หนอทิฏฐิ และอัตตา จากคุณ : satitp - [ 12 ธ.ค. 51 12:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จำคุกพันกว่าปีไม่น่าใช่ประวัติศาสตร์นะคะ เพราะจำได้ว่าคดีแชร์แม่ชม้อย รายนั้นโดนไปแสนปีค่ะ จากคุณ : NAJ - [ 12 ธ.ค. 51 16:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 41 "ที่โต้แย้งเพราะเห็นว่า รัฐบาลไม่ควรเสนอ และถึงเคยเสนอก็ไม่บังควรที่จะกล่าวออกมา การพระราชทานตราจุลจอมเกล้าเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย ไม่ใช่เรื่องที่จะกล่าวว่าคนนั้นคนนี้เสนอ หรือได้ด้วยเหตุผลนั้นเหตุผลนี้ และกลายเป็นได้เพราะผู้เสนอ" รัฐบาลคือใครครับ คนที่ทำงานราชการเป็นก็ทำงานให้รัฐบาลทั้งนั้น คุณแน่ใจหรือว่า ในระดับจุลจอมเกล้าหรือสูงกว่า ไม่มีคนในรัฐบาลเป็นผู้เสนอ? แม้แต่สำนักพระราชวังก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล กินเงินเดือนหลวงกันทั้งนั้น ดูตัวอย่างอังกฤษสิครับ เป็นต้นแบบการปกครองระบอบกษัตร์ยภายใต้รัฐธรรมนูญ พวก Lord หรืออะไรต่างๆ ก็รัฐบาลเสนอทั้งนั้น แล้วทำไมรัฐบาลไทยจะเสนอไม่ได้ มันผิดธรรมเนียมปฎิบัติตรงไหน? ไม่อย่างนั้น คงไม่มีท่านผู้หญิงอายุน้อยๆ ของจอมพลผ้าขะม้าแดงหรอกครับ ศึกษาประวัติศาสตร์มาให้ดีๆ ดีกว่า อย่าเพียงแต่พูด "ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล" พวก royalist นี่บางคนเป็นเอามากจริงๆ ชอบเอาหัวซุกทรายอยู่ได้ เราพูดเรื่องประวัติศาสตร์ เชิงวิชาการนะครับ ไม่ใช่บทความออกทีวีสาธารณาให้ mass consumption ซะหน่อย ไม่ต้องเวอร์ขนาดนั้นก็ได้ ทรงเป็นแค่สมมุติเทพแค่นั้น อย่ามองข้ามความเป็นจริง แล้วคดีเครืองราช ผมบอกที่ไหนว่า มันเรื่องระดับคุณหญิง ผมแค่บอกว่าเครื่องราช ก็เครื่องราชจากในหลวง มีคนเสนอก็ให้ไปตามๆ กัน ถ้า  ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล เหตุการณ์นี้ก็ไม่มีวันเกิดได้ มันไม่มีทางหรอกครับ ไม่ว่าระดับต่ำแค่ไหน ถ้าพระองค์ไม่โปรดเกล้า ก็ไม่มีสิทธิที่จะได้นะครับ เรื่องพวกนี้ คุณก็ไม่มีวันรู้ว่า จริงๆ แล้วรัฐบาลเคยเสนอหรือไม่ ผมก็แค่เสนอว่า ทำได้ และน่าจะมีมาแล้ว คุณว่าไม่ควร แล้วยกว่า "ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล" ผมก็โต้แย้งแบบวิชาการ กว้างไกลแค่ไหน ก็ยังเป็นคนอยู่ไม่ใช่เทพ ต้องมีคนกราบทูลเสนอข้อมูล ไม่ใช่ทรงตรัสรู้เอง คุณก็เคือง น่าสงสารจริงๆ รู้จัก Privy Council หรือเปล่าครับ ถ้าไม่รู้ก็เฉยๆ ดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 18:58:03 จากคุณ : K.Senior - [ 12 ธ.ค. 51 16:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ K.Senior ครับ คุณป้าปิ๋วเขาเคืองคุณ เพราะคุณไปว่าเขาไม่มีสติ อันนี้ไม่ใช่ความเห็นครับ คุณ K.Senior ไปด่าเขาเลยครับแบบนี้ ที่นี้เขาให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ไม่ใช่ให้ด่าคนอื่นแบบเสรีครับ ขอแสดงความนับถือ จากคุณ : P.sek - [ 12 ธ.ค. 51 19:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ไหนครับ คำด่า? ยกมาซิครับ แค่แสดงความเห็นว่า ""ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทอยู่แล้ว รัฐบาลไม่ต้องนำความขึ้นกราบบังคมทูล ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล " ผมไม่ได้ว่าตัวเขาไม่มีสติ สำนวนการโพสต์แสดงความลุ่มหลงออกนอกหน้าเกินไปครับ คือผมว่า ความเห็นในวงเล็บนี้ครับ ไม่ได้ว่า ตัวเขา ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเขามีสติหรือไม่? แต่ข้อความแสดงความลุ่มหลงเกินไปครับ คุณลองอ่านดีๆ ซิครับ การโพสต์แบบนี้ เห็นได้ชัดๆ เลยครับ ผมวิจารณ์ถ้อยคำนะครับ อ่านอย่างไรก็ตีความไม่พ้นว่า ลุ่มหลงเกินไปครับ มันเหมือนพวกสาวกของศาสดาอย่างไรก็อย่างงั้นครับ นี่คือความเห็นผม ต่อข้อความที่โพสต์ ผมไม่ได้เอ่ยชื่อเขาก่อนเลยครับ ยกถ้อยคำมาเท่านั้น นี้คือธรรมเนียมปฎิบัติมานานแล้ว ในวงการ Usenet discussion ไม่เอ่ยถึงชื่อตัวบุคคลโดยตรง แต่วิจารณ์ข้อความโดยยกมาครับ คูณก็ตีความว่า ผมด่าคน ผมไม่รับครับ เพราะไม่ได้ด่าเด็ดขาด ถ้าอยากรู้ว่าการด่าคนเป็นอย่างไร ไปดูห้องราชดำเนินได้ครับ หรือเว็ปผู้จัดการ และเวปที่ทางการจะปิดทั้งหลาย คิดว่า คงเห็นข้อความนี้ด้วยนะครับ ใครว่าใครก่อน ใครวิจารณ์ถ้อยคำใครก่อน ใครเริ่มก่อน "แล้วที่คุณพิมพ์ เพราะพระองค์ไม่มีทางทราบได้ทุกเรื่องราว ทางสำนักพระราชวังเสนอมา ก็ว่ากันตามไป พระองค์ท่านก็แค่สมมุติเทพเท่านั้น ไปตรองดูก่อนว่ามีสติหรือไม่" แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 51 22:48:18 จากคุณ : K.Senior - [ 12 ธ.ค. 51 22:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เชื้อโรค เกรียน มันมีทุกที่จริงๆ จากคุณ : chairat133 - [ 12 ธ.ค. 51 22:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 45 K.Senior คำๆ นี้ "พวก royalist นี่บางคนเป็นเอามากจริงๆ ชอบเอาหัวซุกทรายอยู่ได้" ขอประทานโทษเถอะ ถ้ายังมีสติอยู่ คำๆ นี้ไม่ควรจะพูดออกมา มันไม่ใช่การแสดงความคิดเห็น แต่เป็นการด่า และดูถูกคนอื่นอย่างแรง เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 42 ที่บอกว่า "ที่นี่เขาให้แสดงความคิดเห็นอย่างเสรี ไม่ใช่ให้ด่าคนอื่นแบบเสรี" จากคุณ : พัชรสาร - [ 12 ธ.ค. 51 22:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ดู คห 44 ประกอบครับ เพราะเจอพวกนี้มามากต่อมากในเวปต่างๆ ไม่ยอมรับฟังเหตุผล เอาหัวซุกทรายอยู่ประจำ ผมว่าบางคนนะครับ และพวกเหลี่ยมบางคน นปช ก็พอๆ กันครับ ไม่ยอมใช้เหตุผลมาประกอบ พวกนี้สุดโต่งกันไปหมด เอาหัวซุกทราย บ้านเมืองถึงวุ่นวายกันไงครับ I rest my case. จากคุณ : K.Senior - [ 12 ธ.ค. 51 22:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตกลงยืนยัน ว่าไม่ได้ด่าเหรอครับ ? 43# ไหนครับ คำด่า? ยกมาซิครับ 46# ไม่ยอมรับฟังเหตุผล เอาหัวซุกทรายอยู่ประจำ ตกลงไม่ได้ด่านะครับ ??? จากคุณ : สีเขียวจัดชิดขวา - [ 12 ธ.ค. 51 23:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ps. ไปยกเวปอื่น ที่อื่น คนอื่น ทำไมครับ เค้าถามในหระทู้นี้... จากคุณ : สีเขียวจัดชิดขวา - [ 12 ธ.ค. 51 23:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เอายังงี้ดีเปล่าครับ ว่าโดยธรรมเนียมปฏิบัติแล้วเครื่องราชฯ ตระกูลนี้ท่านไม่มีหลักไว้ให้ภาครัฐทำเรื่องเสนอขึ้นโดยตรงอย่างเครื่องราชฯลำดับล่างๆลงมา (ช้างเผือก มุงกุฏไทย ฯลฯ) คือว่าโดยธรรมเนียมนิยมแล้วการทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พิจารณาพระราชทานตั้งคุณหญิงหรือทรงเลื่อนเป็นท่านผู้หญิงเป็นพระราชดุลยพินิจ พระราชอัธยาศัยส่วนพระองค์แล้วแต่พระบรมราชวินิจฉัยเห็นสมควร (อย่างกรณีคุณหญิงหมอพรทิพย์อย่างทีี่มีผุ้กล่าวไปแล้วนั้น) แต่พระองค์จะมีคณะทำงานส่วนพระองค์หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่่องหนึ่ง จากคุณ : แจม. - [ 13 ธ.ค. 51 11:06:48 A:58.9.192.151 X: TicketID:143688 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผ่านเข้ามา กระทู้ถามคำนำหน้านาม คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ แต่ได้ความเห็นเรื่องอื่นด้วย จากคุณ : CR-Rak (CR-RAK) - [ 13 ธ.ค. 51 11:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ยืนยันความเข้าใจของผมเหมือนกับ #49 นะครับ ประเด็นคดีเครื่องราชฯปลอม เป็นกรณีศึกษาที่บุคคลผู้ไม่สุจริตอาศัยจุดอ่อนของระบบ รายงานเป็นเท็จ โดยที่มีระเบียบราชการรองรับอยู่ให้มีหน้าที่รายงานตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ เมื่อมีการรายงานเท็จ มีการทุจริตต่อหน้าที่ ก็ว่ากันตามโทษานุโทษ ขอบคุณท่านที่นำข้อสรุปมาแจ้ง ประเด็นเครื่องราชตระกูลจุลจอมเกล้า ผู้ใดได้หรือไม่ได้อะไรเป็นพระบรมราชวินิจฉัยโดยสมบูรณ์แบบ และโดยนิตินัย มิได้มีระเบียบราชการและหลักเกณฑ์กำหนดให้หน่วยงานใดๆเป็นผู้รายงานเสนอขอเหมือนเครื่องราชฯตระกูลอื่น แต่จะมีผู้ใดได้รับมอบหมายให้รวบรวมขึ้นกราบบังคมทูลหรือไม่และทรงไต่ถามผู้ใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมไม่ทราบ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 13 ธ.ค. 51 15:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมไม่ได้เข้ามาในกระทู้นี้หลายวัน เพราะติดพันกับกระทู้อื่นๆที่ผมเองเปิดไว้ เข้ามาอีกทีเห็นวิวาทะที่ผมไม่ถนัดจะเล่นด้วย จึงกลับออกไป บัดนี้รู้สึกบรรยากาศจะดีขึ้นแล้ว ผมอยากจะเข้ามาสร้างความกระจ่างอีกเล็กน้อย กระทู้นี้ล่อแหลมอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ผมจึงไม่อยากเขียนอะไรให้ยาว เกรงว่าจะกลายเป็นผู้ล่อเป้าพาไปราชตำเนินเสียเอง อย่างไรก็ดี เมื่อมีผู้สวนข้อความของผมเข้ามา ผมก็อยากจะชี้แจง ข้อความที่ผมเขียนว่า “ตราจุลจอมเกล้า เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลเดียวที่จะทรงพระกรุณาโปรคเกล้าฯพระราชทานแด่ผู้ที่ทรงคัดสรรด้วยพระองค์เอง มิใช่รัฐบาลเป็นผู้ทูลเกล้าฯเสนอ”   เป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปาก คงไม่มีเอกสารใดที่จะเขียนไว้ว่ารัฐบาลเสนอไม่ได้ แต่เป็นที่เข้าใจอย่างนั้น ในสมัยสมบูรณายาสิทธิราชคงไม่มีใครสงสัย เพราะถึงอย่างไรเสียรัฐบาลก็คือพระมหากษัตริย์  หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ รัฐบาลคณะราษฎร์ก็มีปัญหาอยู่กับหลายเรื่องที่ยังทรงพระราชทานความเห็นขัดแย้งลงมา ดังนั้นคงไม่มีใครกราบบังคมทูลขอเหรียญตรามาประดับอกตนเอง  จนเมื่อมียุวกษัตริย์รัชกาลที่๘ ซึ่งต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน(มี๓คนเป็นองค์คณะ) เรื่องประเภทนี้จึงได้มีการดำเนินต่อโดยอาศัยอำนาจของคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเป็นผู้กระทำภายใต้พระปรมาภิไธย ในช่วงต้นรัชกาลปัจจุบัน เป็นยุคที่จอมพลป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี  ตอนนั้นบรรดาขุนทหารและนักการเมืองตลอดจนบรรดาภริยาทั้งหลาย  จึงล้วนแต่ประดับเครื่องราชฯชั้นสูงๆกันหมดแล้ว ความกดดันในเรื่องอยากจะได้อะไรให้มันยิ่งๆขึ้นไปอีก ก็ไม่น่าจะเกิด บัญชีรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้า แต่ละปีจึงมีจำนวนไม่มาก ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเจ้านายที่ยังดำรงพระชนมาชีพอยู่ และข้าราชสำนัก หรือผู้ที่พระองค์ทรงเห็นและทรงอยากจะตอบแทนเป็นส่วนพระองค์ ดังนั้น ผมจึงเขียนเล่าว่า “บางสมัยที่มีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินที่อยู่ใต้อาณัติของท่านผู้นำนั่นแหละใช่ ภริยานักการเมืองจึงได้เป็นท่านผู้หญิงในวัยที่ยังถือว่าอายุยังน้อยกันหลายคน” แล้วก็มีผู้สวนกลับว่า “ไม่จำเป็นครับ จำนายพลผ้าขาวม้าแดงได้หรือไม่ครับ ท่านผู้หญิงของท่านเป็นตั้งแต่ยังอายุไม่ถึง 50 ด้วยมั้ง สมัยนั้นไม่มีผู้สำเร็จราชการกันแล้ว” เลยจำเป็นต้องออกนาม ด้วยความเคารพ มิใช่จะหมิ่นวัยของท่าน แต่เป็นข้อเท็จจริงในฐานะที่เราอยู่ในห้องประวัติศาสตร์ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ เป็นท่านผู้หญิงเมื่ออายุราว ๓๓ ปี ทุกวันนี้ยังไม่มีใครลบสถิตินี้  และอีกท่านหนึ่งคือท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม เป็นท่านผู้หญิงเมื่ออายุราว ๓๖ ปี เรื่องราวอื่นๆนอกจากนี้นั้น ผมไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำซากกับท่านผู้รู้อื่นๆที่ได้ให้ข้อเท็จจริงไปแล้วในกระทู้ต้นๆ     แต่ในห้องสมุดนี้ ท่านผู้อ่านจำเป็นจะต้องวิเคราห์เอาเองนะครับว่า ควรเชื่ออะไร ไม่เชื่ออะไร แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 51 17:22:15 จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ธ.ค. 51 16:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ เคยเปรยกับลูกๆของท่านว่า ใ ครหารูปที่ท่านสวมสายสะพายจุลจอมเกล้าได้ จะมีรางวัล ผมอยากเห็นมากๆเลยครับ จากคุณ : jassb1 - [ 16 ธ.ค. 51 12:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ K.Senior นี่หละค่ะ เขียนได้สร้างสรรค์มากค่ะ ประเทศชาติต้องการคนแบบนี้ค่ะ ส่วนใหญ่พวก Ro... จะเพ้อเจ้อนิดๆนะค่ะ ถ้าประเทศชาติมีคนคิดกว้างๆ แบบคุณ K.Senior ก็จะดีค่ะ จากคุณ : gift - [ 24 ธ.ค. 51 17:46:02 A:58.64.52.11 X: TicketID:191546 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอเขียนบ้าง การพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า  นั้นปรกติจะให้ในวันฉัตรมงคล (ชัวร์) แต่บางปีอาจงดแล้วแต่จะทรงโปรด พระราชทานหรือไม่ สมัยก่อน รู้กันว่า บรรดา ภรรยาแม่ทัพ บก เรือ อากาศ ตำรวจ ถ้ายังไม่เคยได้ ในวันฉัตรมงคลถัดไปก็จะโปรด พระราชทานให้ จนแทบจะกะเก็งกันได้ ขนาดคนใช้ภายในบ้าน เรียก คุณหญิง ล่วงหน้า  เป็นไปได้ว่าสมัยก่อน ภรรยาแม่ทัพ จะมีการออกเยี่ยมทหาร ตามชายแดน ปฏิบัติในฐานะ นายกสมาคมแม่บ้านทหาร  ถือว่าทำประโยชน์ ให้แก่ชาติ เช่นกัน และเป็นการบำรุงขวัญ บรรดาแม่ทัพ จึงมีการให้เครื่องราชชั้นคุณหญิง แก่ภรรยา ปัจจุบันแม่บ้านทหารต่างไม่ค่อยได้ปฏิบัติหน้าที่แล้ว จึงไม่ได้พระราชทานให้ สมัยก่อนนักการเมืองก็ได้ อย่างคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ หรือคุณหญิงหน่อย   แต่ต่อมากระแสการเมือง ค่อนข้างแก่งแย่ง แข่งขันกันมาก จึงไม่ค่อยมีนักการเมืองได้รับเครื่องราช เนื่องจากอาจจะเอาไปใช้ในการหาเสียงว่าทำงานอยู่ในสายพระเนตร การได้เครื่องราช นั้นผู้ที่ได้รับควรเป็นบุคคลที่มีเกียรติยศที่คู่ควรด้วย เป็นเมียน้อยก็คงไม่ได้ อย่างคุณหรีด ภรรยา พลเอกสุนทร  คงฯ (หรือเปล่า) ก็ไม่ได้ ผู้ที่ได้คือพันเอกคุณหญิง อรชร (ถ้าจำไม่ผิด)  และเครื่องราชนี้เป็นการให้เฉพาะตัว ต่อมาถ้าเลิกกับสามี ก็ไม่เกี่ยว ก็ยังใช้ได้อยู่เว้นแต่จะเรียกคืน จากคุณ : ruby red - [ 26 ธ.ค. 51 23:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ข้าราชการระดับสูงอย่างปลัดกระทรวงจะได้เป็นคุณหญิงทุกคนมั้ยครับ ผมสังเกตว่าปลัดกระทรวงส่วนมากเป็นคุณหญิงครับ จากคุณ : ณัฐธร - [ 30 ธ.ค. 51 00:21:48 ]