ความคิดเห็นที่ 1 ภาพเก่าๆ เมื่อครั้งที่ญาติพี่น้องของเหล่าบัณฑิตและบัณฑิตทั้งหลายของสถาบันราชภัฏทั่วประเทศ มาแออัดยัดเยียดเบียดเสียดกันอยู่ในสวนอัมพรแห่งนี้ ได้ผุดขึ้นมาในความรู้สึก แม้ว่าผมจะไม่ใช่บัณฑิตจากสถาบันแห่งนี้และไม่เคยมารับพระราชทานปริญญาบัตรในสวนอัมพร แต่ผมก็เคยมาร่วมแสดงความยินดีกับญาติๆ และเพื่อนๆ หลายครั้ง ความประทับใจ ความรู้สึกยินดี ดีใจกับบัณฑิต ความเหนื่อย เมื่อยล้าจากการเดินตามบัณฑิตเพื่อเป็น “ตากล้อง” นั้น ยังประทับอยู่ในใจ นึกถึงครั้งแรกที่มาสวนอัมพร ในงานพระราชทานปริญญาบัตรเพื่อนรุ่นพี่ ที่จบมาจากสถาบันราชภัฎเลย เพื่อนบอกว่าให้มาหาที่ “สวนองุ่น” ผมมาถึงสวนอัมพรก็เดินหาสวนองุ่นที่เพื่อนบอกใหญ่เลย โดยผมเข้าใจว่าจะเป็นสวนองุ่น หรือไร่องุ่นแปลงใหญ่ๆ เหมือนที่ปลูกกันในไร่ทั่วไป เดินยังไงก็ไม่เจอสวนองุ่นแปลงใหญ่ เดินมาจนถึงด้านข้างอาคารเก่า ถึงเห็นป้ายปักอยู่และในป้ายมีตัวอักษรสีเขียวเขียนว่า “สวนองุ่น” แล้วก็มองผ่านหลังป้ายนั้นไป เห็นเพื่อนยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ เล่าให้เพื่อนฟังว่าเดินหาสวนองุ่นแปลงใหญ่ซะน่องโป่ง เพื่อนหัวเราะกันฮากลิ้ง นี่ล่ะครับ เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำอันงดงามกับสวนอัมพร กับเวทีเก่าครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:51:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ออกนอกเรื่องไปซะไกลเลย ผมเดินผ่านเวทีใหม่มาด้านหลัง แล้วก็มาซื้อบัตรเข้าชมงาน คือ ภายในบริเวณพระตำหนักวังสวนกุหลาบนั้น จะเสียค่าเข้าชมคนล่ะ ๒๐ บาท ซึ่งไม่แพงเลยครับ และรายได้ก็เข้าสมทบทุนมูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ด้วย พูดง่ายๆ ก็เหมือนเราบริจาคเงินเข้ามูลนิธิ นั่นล่ะครับ คนล่ะ ๒๐ บาท น้อยแสนน้อย ถูกแสนถูก จ่ายอย่างอื่นที่ไม่เกิดประโยชน์ยังมากกว่านี้เลยครับ (เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ) เดินผ่านประตูเข้ามาภายในบริเวณพระตำหนักแล้ว ผมก็เดินตรงดิ่งไปที่ท้องพระโรงที่เป็นส่วนแสดงสินค้าของมูลนิธิ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) และสินค้าจากหน่วยงานต่างๆ เช่น วังรื่นฤดี มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นต้น พอเข้าไปในท้องพระโรง เดินยังไม่ทันถึง ๑๐ ก้าวเลย เจ้าหน้าที่ก็รีบวิ่งเข้ามาบอกว่า “ยังไม่เปิดให้เข้าชมนะครับ ต้องรอก่อน” ผมกับเพื่อนที่ไปด้วยกันมองหน้ากัน ผมก็เรียนคุณเจ้าหน้าที่ท่านไปว่า “ขอโทษครับ ไม่รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาเปิด เห็นประตูเปิดอยู่ ก็เลยเดินเข้ามาเลย” คำพูด ดูดีนะครับ แต่ที่จริงน่ะ อายคนข้างในแทบตายครับ เดินไม่ได้ดูเวล่ำเวลาที่เขาเปิดให้เข้าดูงานเลย แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 00:13:33 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พอออกมาจากท้องพระโรงแล้ว ก็เดินตามถนนที่มีการจัดงานและออกร้านของหน่วยงานต่างๆ สินค้าดี ราคาถูกมีมากมายให้เลือก ผมเดินมาจนเวทีที่กำลังสาธิตวิธีการทำสังขยาใบเตย ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดูรูปร่างที่เอิบอิ่มของอาจารย์ผู้สาธิตแล้ว ผมเชื่อว่าสังขยาที่กำลังสาธิตนี้ น่าจะอร่อย “ขั้นเทพ” เลยล่ะครับ (ฮา) อาจารย์ที่สาธิตอยู่บนเวทีนั้น พูดได้สนุกสนานมาก ดูการสาธิตไป หัวเราะไป ได้ทั้งความรู้และความบันเทิงเริงใจในเวลาเดียวกัน   พูดไปแล้ว ก็นึกถึงพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของงาน ที่พระพักตร์เปื้อนรอยยิ้มอยู่เสมอ ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก หรืออยู่ในที่ๆ ไม่สะดวกสบายเลย แต่พระพักตร์ก็ยังเปื้อนยิ้มอย่างพระเมตตาอยู่เสมอ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:54:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากนั้นก็เดินต่อ มีซุ้มอบรมวิชาชีพเยอะมาก ทั้งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทั้งจากหน่วยงานต่างๆ มางานนี้ คุ้มค่าจริงๆ ครับ ไปงานอื่นๆ ที่เคยไป ส่วนมากก็เป็นการเปิดบูธขายสินค้า เพื่อดูดเงินจากกระเป๋าของผู้ไปเดินดูงาน แต่ไม่ค่อยจะเห็นว่ามีงานไหนที่จะให้ความรู้และการอบรมวิชาชีพให้กับผู้เข้าชมงานด้วยเลย วันนี้ ผมหยิบรายละเอียดการฝึกอบรมวิชาชีพมาเพียบเลยล่ะครับ เดินมาเรื่อยๆ มาถึงบ้านน็อคดาวน์สำหรับสร้างให้กับผู้ประสบภัยของมูลนิธิ เพื่อนพึ่ง(ภาฯ) เห็นจักรยานที่ใช้ปั่นออกกำลังกายแล้วก็นำพลังงานไปขับปั๊มน้ำเพื่อรดน้ำผักไปด้วย เห็นแล้วยอมรับว่าเป็นแนวความคิดที่ดีจริงๆ ครับ มองไปที่ใต้ถุนบ้านเห็นแม่ค้ากำลังนั่งแคะขนมครกอยู่ มองหน้าแม่ค้ากับขนมครกสลับกันไปมา เผอิญเหลือบไปเห็นป้ายเขียนว่า “ขนมครกโบราณ” เท่านั้นก็ถึงบางอ้อล่ะครับว่าทำไมทั้งคนขายทั้งขนมครกถึงดูโบราณได้ขนาดนี้ ก็เพราะเป็นขนมครก “โบราณ” นี่เอง แต่คนซื้อไม่โบราณนะครับ ขอยืนยัน (ฮา) แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 51 23:55:51 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เดินมาที่หน้าพระตำหนักสวนกุหลาบ เจ้าหน้าที่กำลังดูดฝุ่นที่พรมในพลับพลาที่จะรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ ในเย็นวันนี้ มองไปเห็นป้ายตัวอักษรตัวโตสีแดงเขียนว่า “ห้ามผ่าน” ก็เลยหันไปบอกเพื่อนว่า “ นี่ๆๆ เดินลัดไปตรงนี้ก็ได้นะ” เพื่อนมันหันมาบอกว่า “จะเดินไปได้ไงวะ เค้าเขียนป้ายติดไว้ตัวบะเร่อว่า ห้ามผ่าน” ผมก็บอกเพื่อนไปว่า “อ่ะ...ทำไมจะเดินไม่ได้..ก็เค้าเขียนว่า “ห้ามผ่าน” ไม่ได้บอกว่า “ห้ามเดิน” นี่หว่า” เพื่อนมันก็หันมาหัวเราะ แล้วพูดว่า “ไอ้นี่..หาเรื่อง” แล้วก็หัวเราะกัน จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เดินอ้อมพลับพลามาจนถึงหน้าท้องพระโรง มองเข้าไปข้างในเห็นคนเดินกันเต็มแล้ว ก็เลยรีบเดินเข้าไปข้างใน ตรงดิ่งไปที่ร้านของวังรื่นฤดี มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา มฤคทายวัน ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพราะได้ยินมาว่า กะหรี่ปั๊บที่นี่อร่อยมาก อร่อยถึงขนาดที่ว่า วางขายไม่ถึง ๑๐ นาที ก็ขายหมดแล้ว ผมก็เลยรีบตรงดิ่งมาก่อน เพราะกลัวจะไม่ได้ชิมลิ้มรสชาติแห่งความอร่อย ณ เวลานั้น ผมไม่รู้เลยว่าเพื่อนที่มากับผมมันหายไปไหน แต่ที่จริงมันไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ แต่ผมเป็นคนทิ้งมันเองเพราะกลัวไม่ได้กินกะหรี่ปั๊บ วังรื่นฯ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมซื้อกะหรี่ปั๊บ ๒ ถุง ในแต่ล่ะถุงมีอยู่ ๓ ชิ้น ซื้อขนม(ไม่รู้จักชื่อ) น้ำพริกส้มมะขาม ถุงผ้ารูปกวาง(เหลียวข้าง) คุ้กกี้ คนขายทุกคนบอกว่าอร่อยมาก (ก็แหงล่ะ ถ้าบอกว่าไม่อร่อยก็ขายไม่ได้อ่ะดิ) แล้วคนขายคนหนึ่ง รูปร่างเหมือนขวดโหลใส่น้ำพริกส้มมะขามที่ผมซื้อมาเลย(ฮา) ร้องเชียร์สินค้าของวังรื่นฤดีว่า “เชิญเลยค่ะ สินค้าจากห้องเครื่องวังรื่นฤดี อร่อยๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ กะหรี่ปั๊บก็อร่อยนะคะ อร่อยมากเลย ช้าหมด อดกินเลยนะคะ เพราะว่าของเรามีจำนวนจำกัด วันหนึ่ง เราทำได้แค่ ๒๐ ถุงเองนะคะ” (ฮา) ถึงตรงนี้ ผมอดหัวเราะไม่ได้ หัวเราะออกมาจริงๆ ผมรู้แล้วว่า ที่เขาบอกว่าขายหมดตั้งแต่ไม่ถึง ๑๐ นาทีแรกนั้น เพราะอะไร ก็เพราะว่า “เราทำได้แค่วันละ ๒๐ ถุงเองนะคะ” นี่เอง ฮา ฮา ฮา แต่ก็อร่อยสมกับคำร่ำลือจริงๆ นะครับ ยิ่งกินกับกาแฟ ยิ่งอร่อยมาก ไส้เยอะมาก อร่อยจริงๆ ครับ ขอยืนยัน แต่ถ้าใครใคร่รับประทาน คงต้องไปแต่เช้าหน่อยนะครับ และห้าม “เหมา” หมดแผงหรือซื้อไปรับประทานคนเดียว ต้องแบ่งซื้อ เผื่อคนอื่นจะได้มีโอกาสซื้อไปรับประทานด้วย เพราะว่า “ของเรามีจำนวนจำกัด วันหนึ่ง เราทำได้แค่ ๒๐ ถุงเองนะคะ” ตามที่ผู้ขายเขาบอกมา (ฮา) แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 15:48:47 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 07:23:48 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ วันรัฐธรรมนูญ 23:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จากนั้น ก็เดินดูของที่มีวางขายในท้องพระโรง สินค้าที่เป็นฝีพระหัตถ์ในเสด็จพระองค์โสมฯ กับพระองค์ภาฯ จะทรงลงลายพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์อยู่ทุกชิ้น ผมมองของที่วางขายเพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิ เพื่อนพึ่ง(ภาฯ) นั้นมีมากมายหลากหลายมาก จับชิ้นไหนขึ้นมา ก็เห็นลายพระหัตถ์ทุกชิ้น ตรงนี้ล่ะครับ ทำให้ผมทึ่งว่า ทั้งสองพระองค์ ทรงเอาเวลาไหนมาทรงงานเพื่อประชาชนได้ขนาดนี้ การลงลายพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์นั้น ทรงลงด้วยพระหัตถ์จริงๆ ไม่ได้ใช้วิธีการพิมพ์หรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วย แต่เป็นลายพระหัตถ์จากพระหัตถ์ล้วนๆ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 11 ธ.ค. 51 00:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมนึกถึง เวลาที่ผมต้องลงลายมือชื่อในเอกสารหลายๆ แผ่น จนเมื่อยมือ บางครั้งก็เมื่อยและเบื่อที่จะเซ็นชื่อ แต่นี้ ทั้งสองพระองค์ทรงลงลายพระหัตถ์กับของเหล่านี้ เป็นร้อย เป็นพันชิ้น ทรงอดทนจริงๆ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผู้ได้รับของไปได้เกิดความภาคภูมิใจว่า มีลายพระหัตถ์ของพระองค์ลงไว้ที่ของด้วย ผมรู้สึกทึ่งและยิ่งทำให้ผมทึ่งอีกว่า เจ้านายทั้งสองพระองค์นี้ มีพระกรณียกิจที่ต้องทรงทำมากมาย ในข่าว เห็นเสด็จพระองค์โสมฯ เสด็จในที่ต่างๆ มากมาย หลายๆ งานในวันเดียวกัน ผมสงสัยว่า ทรงเอาเวลาไหนมาทรงงานเหล่านี้....ทรงเป็นเจ้านายที่ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์จริงๆ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 11 ธ.ค. 51 00:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมนึกถึงที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพที่ทรงตรัสไว้เมื่อมีผู้ทูลถามว่า เจ้าแตกต่างกับคนธรรมดาอย่างไร เรื่องนี้ ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครทูลถาม แต่ที่ทรงตรัสไว้นั้น สรุปสั้นๆ ก็คือ “เจ้านั้นแตกต่างกับคนธรรมดา ตรงที่อดทนในสิ่งที่คนธรรมดาอดทนไม่ได้” ก็หมายถึงว่า ทรงมีขัตติยะมานะ นั่นเอง สมแล้ว เหมาะแล้ว ที่ทั้งสองพระองค์ทรงเป็น “เจ้า” ผู้เสด็จมาเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของราษฎรจริงๆ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 11 ธ.ค. 51 00:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วันนี้ ผมไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย ถ้าใครที่มีโอกาสไปและได้ถ่ายรูปในงานมาด้วย ถ้าจะกรุณาโพสต์รูปในกระทู้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ พรุ่งนี้ จะมาเล่าต่ออีก วันนี้ ดึกแล้วขออนุญาตไปพักผ่อนก่อนนะครับ อยากจะขอเชิญชวนทุกท่านให้ไปเที่ยวและช่วยอุดหนุนสินค้าในงานนี้ รับรองสนุกอย่างที่ผมไปมาในวันนี้ คาดว่าจะไปอีก เพราะยังเที่ยวงานยังไม่อิ่มหนำหัวใจเลยครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน และท่านใดจะร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ก็เชิญได้เลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 00:09:51 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 11 ธ.ค. 51 00:08:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้าว...คิดว่าจะมีรูปให้ดู อ่านจนจบแล้วก็ยิ่งนึกว่าน่าจะมีรูปให้ดู แต่พรุ่งนี้ถ้าพอมีเวลาก็ว่าจะไปอยู่เหมือนกันค่ะ ใครไปมาแล้วแบ่งรูปให้ดูบ้างนะคะ จากคุณ : papacroft - [ 11 ธ.ค. 51 00:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอ่าน  อ่านไปหิวไป จากคุณ : วสันดิลก - [ 11 ธ.ค. 51 00:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยากทราบว่าอาคารเก่า ในสวนอัมพร คือ อาคารอะไรหรอครับ  กำแพงสูงเสียดฟ้าที่ว่า คือ กำแพงพระที่นั่งอัมพรสถาน ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ หรือ เปล่าครับ จากคุณ : akkarachai - [ 11 ธ.ค. 51 01:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีภาพประกอบก็จะเลิศมาก ขอบคุณค้ะ จากคุณ : พนอจัน - [ 11 ธ.ค. 51 06:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะท่านเจ้าคุณฯ จากคุณ : biebie999 - [ 11 ธ.ค. 51 07:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านไปยิ้มไป น่าสนุกดีนะคะ จากคุณ : offita - [ 11 ธ.ค. 51 08:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อยากทราบว่า...มีงานถึงวันไหนค่ะ...ขอบคุณค่ะ จากคุณ : หนูดำจัง - [ 11 ธ.ค. 51 14:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบ คุณหนูดำจัง งานเริ่มตั้งแต่ วันที่ ๙ ถึง ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๑ ครับ ถ้ามีโอกาสก็ขอเรียนเชิญนะครับ รับรองว่าสนุกจริงๆ มีซุ้มหมอดูให้ตรวจดวงชะตาด้วยนะครับ ซุ้มนี้ได้ยินว่ามีผู้ "คอนเฟิร์ม" แล้วว่าแม่นจริงๆ แต่ไม่ขอบอกนะครับ ว่าท่านผู้ใดเป็นผู้ "คอนเฟิร์ม" ต้องลองไปเที่ยวดูเองนะครับ ฮา ฮา ฮา จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 11 ธ.ค. 51 14:31:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 * 19  ขอบคุณมากค่ะ...  เดี๋ยววันหยุดนี่จะหาโอกาสไปค่ะ แล้วจะเอารูปมาลงให้ชมกัน จากคุณ : หนูดำจัง - [ 11 ธ.ค. 51 15:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากๆครับผม กำลังวางแผนจะไปวันศุกร์พอดีเลย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 11 ธ.ค. 51 16:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่านเพลินดีค่ะ กำลังคิดจะไปศุกร์นี้เหมือนกัน จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 11 ธ.ค. 51 20:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 วันนี้ได้ไปงานมาแล้ว ขอบอกว่าตื่นตาตื่นใจมากๆๆ เงินหายแฟบๆ ไปในพริบตา เพราะอะไรก็น่าซื้อๆ ไปหมด โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปในร้านส่วนพระองค์ที่ในงาน อย่างแรกก็หมดไป 400 บาท คือ ยาดมสูตรพิมเสนน้ำกับยูคา ซื้อมาอย่างละ 10 หลอด หลอดละ 20 บาท ไว้แจกเพื่อนปีใหม่ได้เลย แล้วก็ได้เสื้อโปโลเสื้อพึ่ง(ภาฯ) มาอีก 2 ตัว ตัวละ 270 บาท มีทั้งแบบของผู้ชายและผู้หญิง เสื้อยืดก็มีตัวละ 175 บาม หมวกก็มีใบละ 250 บาท กระเป๋าก็มีใบละ 220 บาท >> หวังว่าคงไม่จำราคาคลาดเคลื่อนนะเรา ที่เห็นขายดีในร้านอีกอย่างคือตับบด เริ่มที่ 130 บาท มองดูด้วยความอยากซื้อ แต่ไม่รู้ว่าเขากินกันยังไง จะถามใครก็ไม่กล้า อายว่าอยากกินของดีแต่ไม่รู้จัก เลยแห้วไม่ได้ซื้อกลับมาด้วย แต่รู้ว่าตับบดของพระองค์หญิงนี้ ขึ้นชื่อลือชาเหลือเกิน ได้เห็นแต่ไม่ได้กิน อย่างนี้เรียกว่ามาไม่ถึงงานหรือปล่าวหนอ จากคุณ : papacroft - [ 11 ธ.ค. 51 22:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ที่สนุกอีกอย่างคือ ได้ไปซื้อผ้าทอมือต่างๆ ที่เขาเอามาขายเมตรละ 20 บาท !!! 20 บาทเท่านั้น ซื้อเอาไปทำผ้าพันคอแจกได้ประหยัดและสวยงามมากๆ เราขนซื้อกลับกับเพื่อนไปหลายเมตร แต่มาคุ้มสุดๆ ที่เพื่อนตาดีไปเห็นผ้าเขาสุมๆ อยู่ในถุงใบใหญ่มาก เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าผ้าอะไร ปรากฎเป็รผ้าที่คนให้ตัดจากม้วนแล้วไม่เอาก็มี เหลือจากม้วนแล้วก็มี เป็นเศษๆ ไม้ก็มี เขาขายยกถุง 300 บาท >>> ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ ลากกลับบ้านกันเป็นซานต้า แบบไม่ดูสังขาร คนขายใจดีอย่างนี้น่าเชียร์ให้รีบไปซื้อๆ ไว้เลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 51 22:41:20 จากคุณ : papacroft - [ 11 ธ.ค. 51 22:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 วันเสาร์นี้ ผมจะไปอีกครั้งครับ เพราะซื้อของทั้งของกินและของใช้ยังไม่ครบตามที่ต้องการ ส่วนที่อาคารใหม่สวนอัมพร ก็ยังไม่ได้เข้าไปดูครับ มัวแต่ไปแย่งซื้อกะหรี่ปั๊บจากห้องเครื่องวังรื่นฤดี อยู่ครับ ฮา ฮา ฮา ใครพอจะมีรูปภาพงาน มูลนิธิ เพื่อน พึ่ง(ภาฯ) ยามยาก ช่วยเอามาลงให้หน่อยสิครับ งานนี้ สนุกสนาน เป็นกันเองจริงๆ อบอุ่นด้วยครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 11 ธ.ค. 51 22:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตับบดอร่อยจริงครับ โดยเฉพาะที่ใส่เหล้ามาซาลา ตับบดที่พระองค์โสมฯ ทรงปรุงในครั้งนี้มี ๓ ชนิด คือ ชนิดธรรมดา, ชนิดใส่เหล้ามาซาลา และชนิดฮาลาลตามกรรมวิธีของชาวมุสลิมครับ วิธีรับประทานก็ไม่ยากเย็นอะไร ไม่ต้องกลัวเปิ่นกลัวอายอะไรนี่ครับ ป้ายขนมปังรับประทานแบบแซนด์วิชก็ได้ ป้ายแครกเกอร์รับประทานเป็นคำๆ ก็กรอบๆ ดี หรือรับประทานแบบไทยๆ นำมาคลุกข้าวสวยร้อนๆ ก็ยังได้ ส่วนผม ชอบตักกินทั้งอย่างนั้นแหละครับ ไม่ป้ายไม่คลุกอะไร ผมไปร่วมงานมาหลายวันแล้ว ขอรับรองว่างานนี้สนุก และมีของดีๆ ขายในราคาไม่แพง แต่ก็ชวนให้กระเป๋าแฟบเพราะอดซื้อโน่นซื้อนี่ไม่ได้จริงๆ ครับ จนเห็นได้ว่าตู้เอทีเอ็มที่มีตั้งอยู่ทั่วบริเวณงาน จะถูกใช้บริการบ่อยครั้งเป็นพิเศษ จากคุณ : นาย UP - [ 12 ธ.ค. 51 01:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J7307837/J7307837.html ไปเจอภาพงานมา เลยเอามาฝากคนที่ยังไม่ได้ไป ............................................................ สำหรับตับบด เคยได้ยินว่าเขาเอามาทาขนมปังกิน แต่เราก็ไม่เคยกินเนอะ >>> เป็นคนกินยาก..เรื่องมาจนอดกิน ... แหะๆๆๆ ยังบอกเพื่อนที่ไปด้วยว่า เขาเอามาทาขนมปังกิน หรือตักกินได้เลย หรือเราต้องเอาไปอบไปอุ่นก่อนว่ะ... กินไม่เป็น ทำกับข้าวก็ไม่เป็นทั้งคู่ แต่เห็นเพื่อนบอกว่าวันอาทิตย์นี้จะไปอีก จะแนะนำให้มันลองซื้อมากินดู แล้วซื้อมาฝากด้วย >>> ฮา จากคุณ : papacroft - [ 12 ธ.ค. 51 02:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตับบดอร่อยจริงค่ะ ใครไม่เคยชิมต้องลองดูค่ะ จากคุณ : นิคกับพิม - [ 12 ธ.ค. 51 13:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อยากไปจังเลยงานค่ะ เมื่อเช้าแม่ชวนๆ บริษัทที่บ้านมีส่วนช่วยทำประชาสัมพันธ์ออกสื่อ ที่ผ่านมาแม่กับพ่อผลัดกันไปประชุม ได้สนุก ได้ของถูกใจ แล้วได้ทำกุศลกันด้วย ^ ^ ว่าตับอร่อยๆ ปกติเป็นคนไม่ชอบตับ แต่คราวนี้ล่ะจะต้องทาน!!! จากคุณ : kurika - [ 12 ธ.ค. 51 17:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อวันที่ 11 ผ่านไปเลยได้ภาพมาฝากค่ะ แต่ต้องไปธุระต่อก็เลยยังไม่มีโอกาสได้แวะไป แต่แค่เห็นด้านหน้างานก็รู้สึกดีมาก ๆ เลยค่ะ จะหาโอกาสไป เห็นว่ามีถึงวันที่ 14 ธันวาคมค่ะ ขอส่งภาพมาให้ชมตามที่ ท่านเจ้าคุณ ฯ เชิญชวนนะคะ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 51 22:52:11 จากคุณ : นิลุบล (นิค่ะ) - [ 13 ธ.ค. 51 15:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ปีนี้จัดได้ยิ่งใหญ่มาก   ปีที่แล้วตอนกลับฝนตกหนัก พอดีม๊อบพธมเดินมาอยู่แถวกระทรวงศึกษา  คนเลยน้อยไปหน่อยค่ะ จากคุณ : tintila - [ 13 ธ.ค. 51 16:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่ทราบว่ามีถึงวันไหนค่ะ เมื่อวันที่ 10 ก็ผ่านถนนด้านประตูวังสวนกุหลาบแต่เย็นแล้วก็เลยผ่านไปเลย เห็นคนทะยอยออกมาพอสมควร ว่าแต่ จขกท ออกแนวแบบชวนชิมมากกว่านะคะเนี่ย... จากคุณ : ning (ura_n) - [ 13 ธ.ค. 51 20:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วันนี้ ได้ดูข่าวในพระราชสำนัก เห็นคุณยายที่มีอายุครบ ๑๐๐ ปี ในวันนี้พอดี ได้เฝ้าถวายเงินเสด็จพระองค์โสมฯ ภาพที่คุณยาย "ไหว้" พระองค์โสมฯ แลพระองค์โสมฯ ก็ทรง "รับไหว้" ตอบนั้น งดงามจริงๆ มีบางช่องที่ได้ยินเสียงของเสด็จพระองค์โสมตรัสเรียก "คุณยาย" ฟังแล้ว อบอุ่นมากครับ ยิ่งตอนที่พระองค์ภา ทรงขับร้องเพลงอยู่บนเวทีแล้วพระองค์โสมฯ เสด็จมาประทานรางวัล ประทานรางวัลเสร็จ ทรงชูนิ้วพระหัตถ์ขึ้นสองนิ้ว เหมือนจะทรงบอกพระองค์ภาว่า "สู้ตายค่ะ" แล้วก็ทรงพระสรวล ดูแล้วสนุกสนานเป็นกันเองจริงๆ ผู้ชมทั้งหลายก็มีแต่เสียงหัวเราะกับรอยยิ้ม ภาพที่ทรงโปรดให้ราษฎรได้เฝ้าและร่วมทำกิจกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด มีให้เห็นได้บ่อยๆ ในพระกรณียกิจของทั้งสองพระองค์ แต่ภาพในข่าววันนี้ มันทำให้ผมมีความสุขมากเป็นพิเศษ หัวเราะร่วมสนุกไปกับภาพนั้นด้วย ไม่ได้บ้าหรือต๊องนะครับ แต่ว่า สนุกไปกับทั้งสองพระองค์และผู้ที่อยู่ในบริเวณพระตำหนักสวนกุหลาบด้วย จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 13 ธ.ค. 51 20:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ง่ะ คุณ ning (ura_n) ครับ ก็ผมเป็นคนชอบชิม ชอบกินอ่ะครับ ฮา ฮา ฮา ก็เลยออกแนวถนัด "ชวนชิม" ซะมากกว่าครับ แต่งานนี้ มีสินค้ามากมายหลายหลากให้เลือกซื้อนะครับ พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้ว ถ้ามีโอกาสลองแวะเข้าไปดูสิครับ แล้วจะรู้ว่างานนี้ มีทั้งความสุขกาย สุขใจ อิ่มบุญ ด้วยครับผม จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 13 ธ.ค. 51 20:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ภาพประชาชนที่คลอเพลงตามพระองค์ภา ที่ทรงร้องเพลงอยู่บนเวทีนั้น ดูสนุกสนานกันจริงๆ มี "ไอ้แมงมุม" ตัวน้อยๆ คอยสร้างความ ฮา ตามประสาเด็กอยู่บนเวทีด้วย ภาพเสด็จพระองค์โสมฯ "ทรงประทับอยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์" รอยแย้มพระสรวล ก็บ่งบอกว่า "ทรงมีความสุขที่ได้ประทับอยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์" ประชาชนทั้งหลาย ต่างก็มีความสุขด้วยพระบารมีของพระองค์เช่นกัน ท่านใดที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ ช่วยบรรยายถึงความสุข สนุกสนานในงานสู่กันฟังบ้างนะครับ จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 13 ธ.ค. 51 20:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วันนี้ได้มีโอกาสฟังพระองค์ภาทรงร้องเพลงติดกัน ๕ เพลงรวด ลูกทุ่ง ๔ เพลง ลูกกรุง ๑ เพลง พระสุรเสียงใสไพเราะมาก ไม่ได้ยกยอปอปั้นเกินจริงครับ รับรอง ประชาชนที่ฟังตรงนั้นพูดกันทั้งนั้น แถมยังมีรับสั่งหยอกล้อกับเด็กๆ ที่ขึ้นไปเพ่นพ่านเดินเล่นบนเวทีด้วย จากคุณ : นาย UP - [ 13 ธ.ค. 51 23:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แ่ค่ได้ดูในทีวีก็อิ่มใจ ยิ้มได้ ความเครียดทั้งวันหาไปเลยค่ะขอบคุณจขกท.มากๆค่ะ ที่ร่วมแบ่งปันความรู้สึกให้ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นเช่นแสงสว่างทั้งยามทิวาราตรี ขอทรงพระเจริญ จากคุณ : Norikoจัง - [ 14 ธ.ค. 51 14:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 38 วันนี้ วันสุดท้ายของงานแล้วครับ ผมไปถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ราวๆ บ่ายสามโมง ภาระกิจแรกที่ต้องทำคือ "หาอะไรอร่อยๆ" เคลือบกระเพาะ เพราะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย ก็ได้ยำลูกชิ้นปลาเยาวราช เจ้คนที่ปรุง ก็ปรุงได้อร่อย "แซบ" เหลือหลาย รสชาติไม่ได้ครึ่งๆ กลางๆ เหมือนตัวเจ้ ถึงเจ้จะมีร่างกายเป็นชาย แต่หัวใจเจ้ก็ดูจะเป็นหญิง "แกร่ง" ซะเหลือเกิน อิ่มจากยำลูกชิ้นปลาเยาวราชแล้ว ก็ได้ "ทับทิมกรอบ" มาล้างปาก อร่อยมากจริงๆ เย็นๆ หอมๆ ชื่นใจ อาหารอร่อยๆ มากมายแบบนี้ คิดไปคิดมาก็อยากจะมีสักสี่กระเพาะ จะได้กินให้มันครบทุกอย่างเลย ฮา ฮา ฮา จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 14 ธ.ค. 51 22:55:57 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จากนั้น ก็เดินเข้าไปในสวนอัมพร ซื้อบัตรผ่านประตู ๒๐ บาท พอผ่านเข้าไปในบริเวณพระตำหนักสวนกุหลาบ ผมก็ตรงเข้าไปในท้องพระโรง ไปซื้อตับบดเสวยฝีพระหัตถ์เสด็จพระองค์โสมฯ แวะซื่อถุงผ้ารูปกวางที่ร้านของวังรื่นฤดี วันนี้ ผมได้รูป "กวางเหลียวหลัง" ด้วย คราวที่แล้วได้กวาง "เหลียวข้าง" ถามหา "กะหรี่ปั๊บ" แสนอร่อย ได้รับคำตอบว่า หมดตั้งแต่เช้าแล้ว ฮา ฮา ฮา ก็เขาทำได้แค่ ๒๐ ถุงต่อวันเอง เลยขายหมดไว ฮา ฮา ฮา จากนั้น ก็ซื้อหนังสือ สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลฯ และงานศิลปะ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และซื้อขนมอีก ๓ ห่อ กับคุณป้าผู้เป็นข้าหลวงในสมเด็จฯ กรมหลวงฯ มีเรื่องชวนยิ้มอยู่เรื่องหนึ่ง มีคุณยายท่านหนึ่งมากับหลานชาย อายุราวๆ ๑๓-๑๔ ปี คุณยายซื้อหนังสือ "ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้า" ที่ร้านของวังรื่นฤดี พอดีกับอาจารย์ชัชพล   ไชยพร ผู้เขียนดวงแก้วฯ ก็อยู่ในงานนั้นด้วย ก็เลยได้ลงลายมือชื่อให้กับคุณยายไว้เป็นที่ระลึก เสร็จจากร้านวังรื่นฤดี คุณยายก็มาเลือกซื้อหนังสือที่ร้านของวังเลอดีส หลังจากที่ได้หนังสือและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว คุณยายก็ให้หลานชายที่มาด้วย เอาหนังสือไปให้คุณข้าหลวง แล้วหลานชายคุณยายก็ถามว่า "พี่ๆๆ เซ็นต์ชื่อได้มั๊ยครับ" คุณข้าหลวงก็งงเลย แล้วก็ถามกลับคืนไปว่า "อะไรนะคะ" น้องก็ยื่นหนังสือมาให้ แล้วก็บอกคุณข้าหลวงวังเลอดีสว่า "พี่เซ็นต์ชื่อให้หน่อยได้มั๊ยครับ" เท่านั้นล่ะครับ คุณข้าหลวงตาเหลือกเลย แล้วรีบบอกน้องไปว่า "ไม่ได้ค่ะๆ หนังสือนี้เจ้านายทรงเขียนเอง เซ็นชื่อไม่ได้ค่ะ" น้องก็ยังงงๆ อยู่ คุณพี่ข้าหลวงก็เลยอธิบายน้องต่อไปว่า "หนังสือนี้ เป็นพระนิพนธ์ พี่จะเซ็นต์ชื่อแทนเจ้านายท่านไม่ได้ค่ะ" น้องก็เข้าใจเหตุผลแล้ว แต่คุณพี่ข้าหลวงก็มีคำพูดทิ้งท้ายแถมไปด้วยว่า "เดี๋ยวคืนนี้ท่านมาหา ถามว่าเซ็นต์ทำไมอีก" (หมายถึง มาหาคุณข้าหลวงนะครับ) ผมและข้าหลวงที่อยู่ใกล้ๆ ก็หัวเราะกัน รวมทั้งข้าหลวงของวังรื่นฤดีด้วย (หัวเราะกันเบาๆ นะครับ ไม่ใช่แบบเอิกเริกลั่นท้องพระโรง) แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 51 21:18:05 แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 51 23:24:03 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 14 ธ.ค. 51 23:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จากนั้น ผมก็ออกมาจากท้องพระโรง เดินชมงานไปเรื่อยๆ ไปเจอร้านค้าของดาราอาวุโส แต่ล่ะคน ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นดาราอาวุโส ผิวพรรณยังเปล่งปลั่งอยู่เลย เดินชมงานไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีที่อยู่หลังพระตำหนักสวนกุหลาบ วงดนตรี "รวมดาวกระจุย" จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำลังแสดงอยู่ น้องๆ แต่ละคนเสียงดีมาก เสียงยังกับน้องร้องอาชีพจริงๆ การแสดงที่ทำให้ผมหัวเราะได้ท้องขดท้องแข็งคือ แดนซ์เซอร์ที่เอาน้องนักศึกษาผู้ชายมาแต่งเป็นหญิง มีตั้งแต่อ้วนเป็นหมูจนแห้งเป็นไม้เสียบผี แต่ละคนทำหน้าที่ "หางเครื่อง" ได้สนุกมาก หัวเราะจนน้ำตาไหลกับท่าเต้นของน้องแต่ละคน งานนนี้ สนุกมาก บรรยากาศผ่อนคลายทั้งๆ ที่งานจัดอยู่ในเขตพระราชวังดุสิต แต่ทุกคนก็เดินได้อย่างสบายใจ เลือกหา เลือกซื้อสินค้า ได้อย่างสนุกสนาน ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 14 ธ.ค. 51 23:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เพิ่งได้เห็นนะคะ ขอบคุณที่นำลงค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 15 ธ.ค. 51 10:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตับบดพระองค์หญิง กระสานวลได้มีโอกาสได้ชิมตั้งแต่สมัยเมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว มีจำหน่ายที่โรงแรมแถวสีลมเพียงแห่งเดียว อร่อยมิรู้ลืม จากคุณ : กระสานวล - [ 16 ธ.ค. 51 07:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทั้งสองพระองค์ จากปกหนังสือ "ตำรับอาหาร เพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก เล่ม 2" ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 13:16:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ความจริงแล้วทั้งสองพระองค์ ทรงเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจให้กับประชาชนทั้งยามสุขและยามทุกข์ยากครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 13:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พระองค์ภา ทรงเล่าถึงที่มาของตำรับอาหารเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เล่ม ๒ ว่า "เมื่อได้สูตรแล้ว ก็ให้ทางคณะฯ ลองปรุงดู แล้วจึงปฏิบัติหน้าที่หลักที่ได้รับมอบหมาย คือ การลองชิม ก็สรุปเอาเองว่ารสชาติไม่เลว จึงให้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม เพื่อนำออกเผยแพร่ตามแนวความคิดเดิม ที่มุ่งแนะแนวทางเลือกให้กับผู้อ่านทั้งหลาย หากจะนำไปสร้างผลผลิตที่นำมาซึ่งรายได้ในระยะยาว ที่น่าจะช่วยเหลือครอบครัวของตนเองได้" ในหนังสือเล่มนี้ มีตำรับอาหารประทานจากเสด็จพระองค์โสมฯ ๒ สูตร คือ ไส้กรอกหมูบด กับ ห่อหมกเห็ดฟาง ครับ รูป : เสด็จพระองค์โสมฯ ขณะทรงต้มไส้กรอกเห็ดหมูบดให้พอสุก ก่อนนำไปทอด จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:11:51 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ทั้งสองพระองค์ทรงปรุงไส้กรอกเห็ดหมูบด ตำรับอาหารประทานจากเสด็จพระองค์โสมฯ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 หน้าตาของส่วนผสมต่างๆ ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ทรงผัดหอมใหญ่และเห็ดฟางสับให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยส่วนผสมตามสูตร ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:17:18 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เติมไข่ไก่ลงไปด้วย ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อเตรียมส่วนผสมเสร็จแล้ว ก็ทรงกรอกใส่ในไส้หมู ภาพนี้ไม่มีบรรยายนะครับ เพราะดูๆ ทั้งสองพระองค์จะทรงมีความสุขกับการปรุงอาหารมากเลย รวมทั้งคุณหมึกแดงด้วย จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อจะรับประทาน นำไส้กรอกต้มในน้ำเดือดให้พอสุก หลังจากนั้นนำมานาบในกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยทอดจนสุกเหลืองน่ารับประทาน จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:27:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ทอดจนสุก เหลืองน่ารับประทาน จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ก่อนจะจัดใส่จาน ต้องตัดด้ายที่มัดออกก่อนนะครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 จัดใส่จาน (น่ารับประทานมากเลยครับ) จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โพสต์ไปโพสต์มา เริ่มหิวแล้วสิครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 15:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อ่านกระทู้ไป น้ำลายสอไป จากคุณ : varada - [ 16 ธ.ค. 51 17:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ไปเดินมาเมื่อวันเสาร์ เห็นของกินแล้วอดใจไม่ได้ เลยเดินเข้าไปในอาคาร หอประชุม ไปได้ผ้าขาวม้าผืนละ 100 บาทมาผืนหนึ่ง ความละเอียดของเนื้อ ผ้าสู้ผ้าทอบ้านไร่ไม่ได้ แต่ที่เคยใช้แล้วชอบใจในความละเอียดของเนื้อผ้า มากที่สุดก็ต้องผ้าขาวม้าของเมืองลับแล ยิ่งใช้เนื้อยิ่งนุ่ม เดินผ่านสระน้ำเห็นมีเป็ดสีขาวและเป็ดเทศลอยเล่นน้ำอยู่ทำให้นึกว่าน่าจะ เอาห่านหรือหงส์มาปล่อยไว้ด้วยนะ พวกช่างภาพเห็นต้องตาลุกแน่ ๆ เลย ในสระน้ำนี้สมัยเป็นนักเรียนที่ วค.สวนสุนันทา เคยมาร่วมแสดงสักวาลอย เรือ เอาเรือมาพายในสระแล้วก็ร้องสักวาเรื่องพระอภัยมณีไปด้วย ตัวสิน สมุทรคือลูกสาวอาจารย์กรองแก้ว ปทุมานนท์ ผู้อำนวยการวิทยลัยาครูสวนสุ นันทา ตัวผมนั่นก็เป็นลูกเรือธรรมดาใส่โจงกระเบนเสื้อคอกลมลายดอกไม้สี สด สมัยนั้นเครื่องขยายเสียงแบบกะทัดรัดไม่มีใช้ ต้องใช้วิธีต่อสาย ไมโครโฟนยาวไปในเรือ หวาดเสียวกลัวไฟรั่ว ทางด้านหนึ่งก็มีการออกร้าน ขายอาหารของวิทยาลัย พอเสร็จจากสักวาก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ หลังจากนั้นก็มาไปในงานฉลองปริญญาของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตอนนั้นยังเป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษา เนื่องจากน้องเขาจบ แต่ตัวเองตอน นั้นเพิ่งจะได้เข้าเรียน สมัยนั้นยังนิยมกันว่าพวกที่เพิ่งจบแต่งชุดขาว มองแว้บ ๆ เหมือนเจ้าสาวเลย แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 51 17:54:37 จากคุณ : satitp - [ 16 ธ.ค. 51 17:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เห็นหลายๆท่านเล่าแล้ว  อยากไปจังเลยครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 51 18:19:56 จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 16 ธ.ค. 51 18:19:09 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณ เด็กท้ายวังครับ งานนี้สนุกจริงๆ มีความเป็นกันเองอยู่ในตัวงาน อากาศไม่ร้อนด้วย และบริเวณพระตำหนักสวนกุหลาบก็ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ปีนี้ไม่ได้มา ไม่เป็นไร เปิดโอกาสเก็บเงินอีกหนึ่งปี ปีหน้าจะได้มาช่วยกันเหมาร้านพระองค์หญิงไงครับ เอิ๊กๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 51 19:13:42 จากคุณ : พัชรสาร - [ 16 ธ.ค. 51 19:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ชอบงานนี้มากครับ นอกจากได้บุญแล้ว ยังได้ลายพระหัตถ์ทั้งสองพระองค์อีกต่างหาก จากคุณ : pitthanet - [ 16 ธ.ค. 51 20:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เสด็จพระองค์โสมฯ กำลังทรงปรุง "ห่อหมกเห็ดฟาง" อีกหนึ่งในตำรับอาหารประทาน ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ในตำรับนี้ อ่างดินที่จะนำมาใช้ต้องล้างให้สะอาด แล้วแช่น้ำทิ้งไว้ ๑ คืน ก่อนนะครับ ตำรับอาหารเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก เล่ม 2 นี้ จะทรงเน้นเรื่องการปรุงอาหารจากเห็ดเป็นหลัก นะครับ รูป : ทรงใส่เห็ดฟางลงไปในอ่างดิน จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ค่อยๆ เติมหางกะทิลงไป ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แล้วก็ใช้ไม้พายคนไปเรื่อยๆ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ดูภาพเบื้องหลังความอร่อยกันชัดๆ ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อใส่เครื่องปรุงต่างๆ ลงไปในอ่างดิน และคนให้เข้ากันเรียบร้อยแล้ว ก็ชิมรสอย่าให้เค็มเกินไป เสร็จแล้วก็หยอดใส่กระทงที่มีผักรองนึ่งไว้แล้ว จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ภาพชัดๆ ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ทั้งสองพระองค์ กำลังทรงปรุงกะทิสำหรับหยอดหน้าห่อหมก ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตั้งไฟคนกะทิกับส่วนผสมต่างให้เข้ากันจนข้น จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 70 หยอดหัวกะทิลงไปในกระทงห่อหมก ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ภาพซูมใกล้ๆ เห็นกันชัดๆ กะทิขาวข้น น่าอร่อย น่ารับประทานดีแท้ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 72 หยอดกะทิเสร็จแล้ว ก็แต่งหน้าด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยและพริกชี้ฟ้า..เริ่มน่ากินขึ้นทุกทีแล้วใช่มั๊ยล่ะครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:48:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 จากนั้น ก็นำไปนึ่งจนสุก ครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 "ห่อหมกเห็ดฟาง" ฝีพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์ น่ารับประทานมั๊ยครับ จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 22:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 75 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเล่าในที่มาของตำราอาหารเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เล่ม ๒ ว่า "ในการจัดทำตำรับอาหารเล่มนี้ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงพระกรุณาประทานตำรับอาหารที่ทรงคิดค้นสูตรส่วนพระองค์มา ซึ่งในฐานะกองเชียร์ก็ขอบอกกล่าวกันว่าอร่อยมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการทำครัวกับแม่ก็สนุกดี และก็ดูท่านจะทรงโปรดการทำครัวอย่างคงเส้นคงวามิเสื่อมคลาย นับเป็นลาภ(ปาก) แก่ลูกโดยแท้" จากตรงนี้ ทำให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ความรัก ความผูกพัน  ย่อมทำให้ผู้เป็นลูกรู้สึกปลอดภัย อบอุ่น และมีจิตใจที่เข้มแข็ง เมื่อหัวใจถูกเติมเต็มด้วยความรัก ความอบอุ่น พลังแห่งความรักนั้น ก็พร้อมที่จะแผ่มาถึงคนรอบข้าง ในฐานะที่ทรงเป็นเจ้าหญิง ผู้ที่อยู่รอบข้างของพระองค์ ก็คือ ประชาชน นั่นเอง งานของมูลนิธิ เพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย จึงอบอุ่น อบอวลไปด้วยความสุข สนุกสนาน อิ่มใจ ได้บุญ ได้เฝ้ารับเสด็จเจ้าหญิงผู้ทรงเป็น "มิ่งขวัญ" ของประชาชนทั้งยามสุข และยามยาก ทั้งสองพระองค์อย่างใกล้ชิด จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 16 ธ.ค. 51 23:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านไป นึกภาพตามไป ความรู้สึกเต็มตื้นกับความรักความผูกพันของสองพระองค์"แม่ลูก"(ภาษาสามัญ)จริงๆเลยค่ะ จากคุณ : บุษบา - [ 17 ธ.ค. 51 16:56:09 A:117.47.151.3 X: TicketID:151159 ]

ความคิดเห็นที่ 77 โอย อ่านแล้วทั้งปลื้มใจ ทั้งหิวค่ะ ฮ่าๆ จากคุณ : Norikoจัง - [ 17 ธ.ค. 51 17:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 78 โอวววว..ทั้งไส้กรอกและห่อหมก น่ากินมากๆ แต่ถ้าจะให้ลงมือทำเอง กลัวมันจะไม่เป้นไส้กรอกกะห่อหมกน่ะสิครับ...เฮ้ออออ.. จากคุณ : พัชรสาร - [ 17 ธ.ค. 51 19:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อ๊ายยยยยย ห่อหมกน่าทานมาก คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ เหยาะน้ำปลาพริก พูดแล้วหิว จากคุณ : สมพรปาก (สมพรปาก) - [ 17 ธ.ค. 51 21:30:34 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเล่าทิ้งท้ายในที่มาของตำราอาหารเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก เล่ม ๒ ว่า "หวังว่าตำรับอาหารเล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แก่ทุกๆ ฝ่ายที่คอยช่วยเหลือกัน ทั้งในยามมีและยามยาก ซึ่งความมีน้ำใจต่อกันนี้เอง จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในส่วนรวมของประเทศต่อไป" อ่านแล้ว ซาบซึ้งในน้ำพระทัยที่ทรงโอบอ้อมอารี เข้าใจ เข้าถึง และรู้ว่าประชาชนของพระองค์ต้องการอะไรจากพระองค์ ในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แค่ได้เห็นรอยแย้มพระสรวล ได้เฝ้ารับเสด็จ ก็ชื่นใจแล้ว แต่นี่ พระองค์ไม่ได้แค่ประทานรอยแย้มพระสรวลเท่านั้น ยังทรงประทานกำลังใจ แนวทางในการทำมาหากิน เปรียบเปรยให้เห็นง่ายๆ ว่า ไม่ได้ประทานข้าวหรืออาหารแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทรงประทานวิธีการปลูกข้าวและวิธีการจับปลา เพื่อมาปรุงเป็นอาหารด้วย นับว่าเป็นวิธีการที่ชาญฉลาด ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้มีความสุขตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง น้ำพระทัยที่งดงาม พระเนตรที่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาเมื่อทรงอยู่ท่ามกลางประชาชน พระพักตร์ที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่เป็นนิจนั้น ถ้าจะกล่าวว่า ทรงถอดแบบมาจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ผู้ที่ทรงเป็น "แม่" ที่ประเสริฐของลูก ก็คงจะไม่ผิดจากความเป็นจริง "หวังว่าตำรับอาหารเล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว...." ทรงหมายถึง ในระยะสั้นก็สามารถปรุงเป็นอาหารกินได้ง่ายๆ โดยใช้พืชผักที่หาได้ง่ายๆ ในท้องถิ่น แม้เมื่อยามประสบภัย ก็ยังสามารถปรุงอาหารตามตำรับอาหารในตำราเล่มนี้ได้ ส่วนระยะยาวนั้น อาจจะนำตำรับอาหารนี้ ไปปรุงเพื่อจำหน่ายหรือขายในชุมชน เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง นั่นเองครับ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 51 23:08:37 จากคุณ : เจ้าคุณวิสุทธิฯ - [ 17 ธ.ค. 51 23:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เข้ามาอ่านแล้วยิ้มด้วยคน ขอบคุณสำหรับกระทู้น่ารักน่าชื่นใจแบบนี้นะคะ โหวตให้แล้วค่ะ จากคุณ : หมูอมโรค - [ 18 ธ.ค. 51 08:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบตุณนะคะที่นำเรื่องราวมาเล่าขาน เสียดายจริง ๆ ที่อยู่ไกลบ้านขนาดนี้ นั่งอ่านแล้วก็นึกในใจว่า ถ้าฉันอยู่ไทยนะ..ไม่พลาดงานดี ๆ อย่างนี้แน่ๆ เลย เคยอ่านที่อ.ยิ่งศักดิ์เล่าไว้ประมาณว่า พระองค์โสมฯต้องทรงทอดไข่เจียวประทานผู้บริจาค จนข้าในพระองค์ต้องมาเตือนว่าจะเสด็จอีกงานไม่ทัน พระองค์ทรงตอบว่า ไม่เป็นไร เขามีน้ำใจบริจาคและคาดหวังว่าจะได้ เราจะให้เขาผิดหวังได้อย่างไร น้ำพระทัยของพระองค์ท่านงดงามเสมอนะคะ จากคุณ : ตั้งเพ็กเง็ก - [ 18 ธ.ค. 51 09:21:21 ]

ความคิดเห็นที่ 83 น่ากินอ่ะ จากคุณ : the_pams - [ 20 ธ.ค. 51 13:04:41 ]