เคยโพสไปแล้ว เมื่อนานมาแล้ว แต่หลายคนก็ต่างเดากันไป
เพราะว่าเราไมได้บอกบริบท ซึ่งตอนนี้มีบริบท มาให้เพิ่มเติม ดังนี้
1. เขาเป็นอาจารย์ผู้ชาย ชาวต่างชาติ อายุ 43 เป็นม่าย มีลูก 1คน เป็นคน สหรัฐ
2. เราชอบคุยกับเขา และก็อาจจะเรียกได้ว่า ค่อนข้างสนิทเมื่อเทียบ
กับนักศึกษาคนอื่น ๆ
3. อาจารย์คนนี้ จะช่วยงานเราดีมาก จนบางที ดีเกินปกติ (เราแอบสงสัย)
เช่น ตอนจะ defens proposal เรายังมึนและงง ยังหาทางออกกับหัวข้อ
ไมได้ และบวกกับอาจารย์เขาก็ให้เราปรึกษาได้ตลอด วันนั้นเลยเอางานไป
ให้ดูและแก้เพื่อเอามาปรับปรุงใหม่ ปรากฏว่า ตอนแรกอาจารย์ก็แก้ให้
แต่ว่าลายมือชุ่ยมาก (แอบเม้าส์) อ่านยากมากเลย เราก็จะเอากลับไปแกะ
ลายมืออันยุ่งเหยิงนั้นที่ห้องเรา แต่อาจารย์ก็พูดขึ้นว่า I m just kidding
ว่าแล้ว เขาก็บอกอาจารย์ผู้หญิงอีกคนหนึ่งว่าให้รอก่อน เพราะจะแก้งานให้
เรา....เรากับเขาก็เดินขึ้นลิฟท์ไป 2 คน โดยที่เพื่อนเราโทรศัพท์รอเราอยู่
พอขึ้นไป เราก็นั่งที่โต๊ะอีกตัวหนึ่ง แล้วก็อ่านหนังสือ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร
แล้วอาจารย์ก็เลื่อนเก้าอี้อีกฝั่งหนึ่งมาให้เรานั่ง แล้วก็เรียกเราไปนั่ง เผื่อแกมี
อะไรก็จะได้ถามเรา....แต่ก็ไม่เห็นถามอะไรเลย
พอนั่งแล้ว อาจารย์เขาก็ลงมือพิมพ์ให้เราเองเลยค่ะ (ในใจตอนนั้นก็ไม่คิด
ว่าจะมาทำให้ขนาดนี้ เหอะๆ ตกใจมาก เหมือนกัน !!)
อาจารย์เขาก็พิมพ์ให้เรา พิมพ์ไปแต่ก็อธิบายให้เราไป จนเสร็จแล้วก็ปริ้นให้
แล้วก็บอกแนวการตอบคำถามที่เราจะต้องโดนถามพรุ่งนี้
ซึ่งตอนเช้ารุ่งขึ้น แนวคำถามก็เป็นเหมือนที่อาจารย์บอกไว้ทุกประการ
อีกเรื่องหนึ่ง....เวลาอยู่ต่อหน้าคนเยอะ ๆ ทำไมอาจารย์คนนี้ไม่เข้ามาทักเรา
หรือว่าพูดกับเรา ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้จักและเคยเรียนด้วยมานานแล้ว
แต่ถ้าเราอยู่คนเดียว เขาก็จะเดินมาทักเองเลย แบบเรายังงง ?
สุดท้ายคือ ...ด้วยความที่เขาก็อนุญาตให้เราปรึกษางาน
เราก็เลยไปปรึกษางานที่ห้องพักอาจารย์ เลยสงสัยว่า...
เวลาปรึกษางาน ก้อไม่มีอะไรมาก แต่ว่าอาจารย์เขาก็นั่งกับเราตั้ง สอง สาม
ชั่วโมง แบบนี้แปลกหรือปล่าว ? ทั้งๆ ที่เราก็ไม่รู้จะคุยอะไร เพราะภาษา
ก็ไม่ค่อยจะแข็งแรง แต่ก็อดทนนั่งอ่านหนังสือจนจบ
แต่ขอบอกว่า บรรยากาศเงียบมาก จนเรารู้สึกกดดันเลย
4. เมื่อวันศุกร์ เราก็เดินไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหารกับอาจารย์ แล้วก็เลยคุยกัน
เรื่องงานแล้วก็คุยกันเรื่องเรียนต่อ เราก็เลยบอกไปว่า เราตั้งใจจะเรียนต่อ
ที่ ออสเตรเลีย ซึ่งเขาก็จะไปเรียนที่นั่นเหมือนกัน เขาก็ถามเราว่าเราจะเรียน
ที่ไหน เรียนอะไร เหอะๆๆๆ ประมาณนี้
ปล.เราส่งข้อความไป อาจารย์ก็ส่งข้อความตอบกลับมา
เราลองใช้สรพพนามเรียกเขาว่า brother เขาก็ไม่ว่าอะไร แถมยังเรียกเรา
ว่าเป็น little sister อีก....ก็ยิ่งสร้างความสับสนให้กับคนที่ไม่เคยมีความรัก
ยิ่งเรียนมาถึงปี 4 (แก่) ปูนนี้ด้วยแล้ว ____""
***ที่เราถามและเล่ามาทั้งหมด ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง มันอาจจะเป็นตัวอย่าง
ที่ไม่ดีที่เราเกิดคิดจะชอบอาจารย์ที่ (แก่)แบบนี้ และมันอาจจะดูไม่ดีต่อ
วัฒนธรรมไทยอันดีงาม หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่การคิดเข้าข้างของเรา
แต่ฝ่ายเดียวก็ได้ค่ะ เพราะฉะนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ***
สรุป...เราเลยอยากถามว่า ประโยคข้างบนนี่หมายถึงอะไรคะ??
เคยลองถาม อาจารย์ที่สอนภาษาอังกฏษ เขาก็บอกมาว่า
อาจารย์คนนี้ต้องคิดรักหรือชอบเรา เพราะว่า restraint จะให้ความหมาย
ในแง่ของ sexual connotation หรืออะไรที่เป็นความชอบ เพราะว่าคนเรา
ทำไมต้องข่มตัวเอง ทำไมต้องข่มใจ ...นี่ก็เป็นเหตุผลของอาจารย์
แต่ว่าเราก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย ได้แต่คิดและสงสัย
ว่าอาจารย์คนนี้ต้องการจะสื่ออะไร??
จากคุณ :
Loyal subject
- [
13 ธ.ค. 51 22:55:42
A:58.147.37.124 X: TicketID:185243
]