PANTIP.COM : K7385267 ปริญญาโท ภาษาศาสตร์จุฬา เรียนกี่ปีคะ []

ความคิดเห็นที่ 6

พี่เป็นศิษย์เก่าของภาควิชานี้ และตอนป.ตรี พี่ก็จบเอกภาษาอังกฤษมา

ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า ชอบภาษาศาสตร์ (Linguistics) จริงๆ หรือเปล่า ถามต่อไปอีกว่าตอนป.ตรี (ถ้า

จบเอก Eng มาก็น่าจะเคยสัมผัสกับวิชานี้มาแล้ว) ได้เรียนวิชาภาษาศาสตร์เบื้องต้นแล้วมีความสนใจใน

ศาสตร์นี้หรือไม่

ถ้ามีความสนใจและชอบก็น่าจะเรียนได้ เพราะตอนพี่เรียนป.ตรีได้มีโอกาสสัมผัสกับวิชานี้และก็เป็นการ

จุดประกายให้มาศึกษาต่อเนื่องในระดับปริญญาโท สำหรับคนที่ไม่ชอบหรือมาเรียนเพราะเห็นใน

คุณสมบัติตอนรับสมัครว่ารับทุกสาขาวิชาต้องบอกว่าคุณคิดผิด เพราะที่นี่ไม่ง่ายอย่างที่คิด กลับกันออก

จะเป็นการยากมากสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย และจะเป็นเหตุให้ต้องลาออกไปในที่สุด

ตัวหลักสูตรออกแบบมาให้จบได้ภายใน 2 ปี (แต่ทางบัณฑิตวิทยาลัยอนุญาตให้เรียนได้ถึง 4 ปี) ซึ่งก็ทำ

ได้ในกรณีที่เลือกไม่ทำวิทยานิพนธ์ เพื่อนๆ พี่ที่ไม่ทำวิทยานิพนธ์ก็จบ 2 ปีทุกคน แต่คนที่เลือกทำวิทยา

นิพนธ์นี่ยังไงๆ ก็ ต้องยืดออกไป เพราะเราจะเรียน Course work ครบใช้เวลา 1 ปี ครึ่ง จากนั้นก็คือการ

หาหัวข้อทำวิทยานิพนธ์และสอบหัวข้อนั้นให้ผ่าน ซึ่งพี่ๆ ก็จะใช้เวลาหลังจบ Course work ไปหาแรง

บันดาลใจในหัวข้อที่ต้องการจะมาศึกษาเป็นวิทยานิพนธ์ ซึ่งปกติใช้เวลา 1 เทอม เมื่อรวมกับเวลาข้างต้นก็

2 ปี พอดี (ตามกรอบระยะเวลาของบัณฑิตวิทยาลัย ที่กำหนดให้นิสิตต้องสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์ให้ผ่าน

ภายในระยะเวลา 2 ปีการศึกษา ถ้าเกินกว่านั้นก็จะถูกไทร์) จากนั้นคือขั้นตอนที่ยากและใช้เวลามากที่สุด

คือการทำวิทยานิพนธ์ ถ้าเรื่องไม่ยากหรือซับซ้อนมากใช้เวลาทำ 1 ปี ก็น่าจะสำเร็จ แต่ต้องขยันและหมั่น

ไปพบอ.ที่ปรึกษาเพื่อตรวจแก้วิทยานิพนธ์ แต่พี่ๆ ส่วนใหญ่พอสอบเสร็จแล้วจะหายแว้บ ไม่ก็มัวลอย

ชายทำไปเรื่อยๆ เพราะเห็นว่าบัณฑิตฯ อนุญาตให้ใช้เวลาได้อีก 2 ปี จึงค่อยๆทำ ก็เลยจบเอา 4 ปี ตามที่

น้องได้ยินนั่นแหละ แต่คนที่ทำวิทยานิพนธ์และจบภายใน 2 ปีก็มีนะ เป็นรุ่นพี่ของพี่เอง ขยันมาก และพี่

เค้าก็มีหัวข้อที่จะทำวิทยานิพนธ์มาแต่แรกเข้าๆ ไม่เหมือนพี่ที่มาหาเอาตอนเรียน Course work จบ ดัง

นั้นระยะเวลาการเรียนขอคอนเฟิร์มว่า 2 ปี ก็จบได้ แต่สถิติส่วนมากคือเรียนจบครบเวลา 4 ปีนะแหละ

ของพี่จบ 3 ปีครึ่งนี่แทบตาย อาจารย์เข็นแล้วเข็นอีก เพราะเรื่องที่ทำมันเป็นเรื่องใหม่ ไม่มีคนทำมาก่อน

ตอบถึงบรรยากาศการเรียน เป็นภาษาไทยทั้งหมด และเอกสารประกอบการเรียนส่วนใหญ่เป็นภาษา

อังกฤษ ยกเว้นศึกษาวิทยานิพนธ์ของรุ่นพี่ก็เป็นภาษาไทย เอกสารที่เป็นทฤษฏีมีภาษาไทยน้อยมาก ส่วน

ใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ (แต่รู้สึกว่าตอนหลังๆ จะมีเอกสารตีพิมพ์ภาษาไทยมากขึ้น แต่อาจารย์เค้าไม่เอา

มาเป็นเอกสารหลัก เน้นจะให้อ่านภาษาอังกฤษซะมากกว่า ส่วนภาษาไทยนั้นให้อ่านประกอบ) ดังนั้น

ทักษะการอ่าน การแปลและการสรุปความภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็น ทักษะที่จำเป็นอกอย่างคือการ

วิเคราะห์และหาเหตุผลมาอธิบาย เพราะอาจารย์ภาควิชานี้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ต้องมีหลักฐานมาประกอบ

ให้เห็นชัดเจน ถ้าคุณแม่น้องกลัวว่าจะไม่ได้ใช้ก็ตอบไปว่าได้ใช้แน่ๆ ใช้เยอะด้วย แต่เน้นไปที่การอ่าน การ

แปลซะเยอะ ไม่เน้นการเขียนกับการพูดนะ

ถ้าน้องจะเรียนเพราะหวังว่าจะเป็นการต่อยอดภาษาอังกฤษขั้นสูง ขอตอบว่า มาผิดทาง เพราะ

ภาษาศาสตร์ไม่ได้มุ่งศึกษาภาษาใดภาษาหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นการศึกษาแก่นหลักของสิ่งที่เรียกว่า

ภาษาว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มีปรากฏการณ์อะไรบ้าง และเอาทฤษฏีที่ได้เรียนมาจับและทดลองกับ

ภาษาที่สนใจหรือภาษาใดภาษาหนึ่ง วิทยานิพนธ์ส่วนมากจะเน้นไปที่ภาษาไทยกับภาษาถิ่น สำหรับ

ภาษาอังกฤษก็น่าจะทำได้แต่เท่าที่เห็นยังไม่มี พี่ก็ไม่ได้เลือกทำทั้งๆ ที่เข้าไปทีแรกกะจะทำในแนวนั้น แต่

พอดีไปเจอปัญหาที่น่าสนใจในภาษาไทยและมีความถนัดในทางนั้นก็เลยตัดสินใจทำวิทยานิพนธ์ในหัว

ข้อที่กล่าวนั้นแทน ขอบอกว่าภาษาไทยเรามีปัญหาที่น่าสนจะทำวิทยานิพนธ์ในแบบภาษาศาสตร์อีกมาก

แต่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม เพราะเป็นสิ่งที่คุ้นชิน

น่าเสียดายน้องมาช้าไป เพราะ ช่วง 2-3 ปีมานี้ อาจารย์ระดับตัวแม่ของภาษาศาตร์เกษียนอายุไปหลาย

ท่าน และปีนี้ก็จะมีอาจารย์เกษียนอีกคน แม้ว่าอาจารย์จะยังมาสอนเป็นอาจารย์พิเศษ แต่ก็ไม่ได้

บรรยากาศเท่าตอนที่อาจารย์เป็นอาจารย์ประจำ

ลืมบอกไป ภาควิชาภาษาศาสตร์ จุฬาฯ เป็นภาควิชาภาษาศาสตร์ที่แรกของประเทศไทย เรียกว่า ออริจิ

นอลเลยนะจ๊ะ

ขอให้โชคดีและตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองชอบจ้า

จากคุณ : Ling. Senior - [ 4 ม.ค. 52 20:11:19 A:125.24.162.41 X: ]