ช่วงนี้ไม่ได้เขียนอะไรมานาน ก่อนเปิดเทอมก็ขอเขียนอีกเรื่องที่ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอ่านนะครับ เรื่องนี้เอามาจากประสบการณ์ที่อ่านงานเขียนของ clients ที่เป็นชาวต่างชาติตอนเป็นติวเตอร์เมื่อปีที่ผ่านมา และประสบการณ์อ่านงานเขียนของเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ คนไทย ผมว่าหนึ่งในปัญหาที่คนไทยมีในการเขียนคือ ปัญหาระดับประโยค (sentence-level problems) แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้
1. เปลี่ยนระบบความคิด
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าระบบความคิดของภาษาอังกฤษในการเขียนนั้นแบ่งเป็นชุด ๆ โดยแยกออกไปเป็นประโยค ฝรั่งจะมีจุด full stop/period เพื่อบอกว่านี่นะ หมดความหมายที่ต้องการจะสื่อในประโยคนี้แล้ว โดยใส่ full stop/period คั่นไว้ แต่ในภาษาไทยนั้นเราไม่มีระบบนี้ ดังนั้นเวลาเขียนภาษาอังกฤษ ประโยคเราเลยจะดูยาว ๆ และใส่จุด full stop/period ไม่ถูก
คำแนะนำ
เขียนประโยคให้สั้น โดยเฉพาะถ้าเราเพิ่มเริ่มฝึกเขียนใหม่ ๆ เขียนประโยคที่เราไม่แน่ใจด้วย simple sentence (ประธาน + กริยา) ถ้าใครมีหนังสือ TOEFL ที่ไว้เตรียมสอบ TWE ลองอ่านตัวอย่างดูนะครับ จะเห็นว่าประโยคแต่ละประโยคนั้นจะสั้น ๆ และในแต่ละประโยคจะสื่อแค่ความหมายเดียว หรือสองความหมายเท่านั้น ทำให้คนอ่านอ่านแล้วเข้าใจง่าย
(เวลาเขียนเสร็จแล้ว ให้สังเกตดูว่าประโยคแต่ละประโยคที่คุณเขียนนั้นยาวหรือไม่ ถ้ายาวให้พยายามตัดครับ พอฝึกได้ชำนาญแล้วค่อยเขียนประโยคยาว ๆ ครับ)
2. ศัพท์ยาก ๆ
เคยไหมครับที่เวลาเขียนแล้วเรารู้สึกว่าอยากจะใช้ศัพท์ยาก ๆ? ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี แต่ว่าเป็นเรื่องที่ลำบากครับ เนื่องจากสมองเราจะทำงานหลายอย่างในขณะเดียวกัน ทั้งกังวลเรื่องแกรมม่าร์ เรื่องความคิด เรื่องการจัดระบบความคิด แล้วไหนจะต้องมาระวังเรื่องศัพท์อีก ปัญหาอีกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ศัพท์ยากก็คือ การใช้ศัพท์ไม่ถูกบริบท
คำแนะนำ
ลองใช้ศัพท์ง่าย ๆ ก็พอครับ ถ้าอยากจะใช้ศัพท์ยาก ให้ศึกษาความหมายและการใช้ของศัพท์นั้น ๆ ให้ดี โดยการอ่านและต้องสังเกตบ่อย ๆ ไม่ใช่แค่อ่านให้ผ่านหูผ่านตาไปเท่านั้น และโดยการใช้ dictionaries อังกฤษ-อังกฤษ ที่มีตัวอย่างประโยค อาจจะลองของ Cambridge, Oxford, Collins ก็ได้ครับ สำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวสอบ คงจะพอมีหนังสือพวก Vocabulary for TOEFL, Vocab for GRE/GMAT หนังสือพวกนี้ก็ดีครับ มีความหมายของศัพท์ และมีประโยคตัวอย่างให้ดู ตอนท่องอย่าท่องแค่ความหมาย และถ้าเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการแปลเป็นไทย ให้ดูประโยคด้วยครับ
บางคนอาจจะลองซื้อหนังสือพวก collocations มาด้วยก็ดีครับ ผมมีของ Oxford ติดมือไว้ ก็มีประโยชน์ดีเวลาเราสับสน
3. ความเกี่ยวเนื่อง (cohesion)
เรื่องนี้เป็นปัญหาทั้งฝรั่ง ทั้งชาวต่างชาติ แต่ผมขอพูดเฉพาะกรณีของคนไทยนะ ในการเขียนนั้นแต่ละประโยคต้องต่อเนื่องกัน เช่น ประโยคที่ 1 จะต้องสัมพันธ์กับประโยคที่ 2 ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หนังสือหลาย ๆ เล่มจึงแนะนำว่าต้องใช้ transitional words (and, although, but, however, or, etc.) จริง ๆ แล้วนอกเหนือจากนี้ยังมีการเชื่อมประโยคในรูปแบบ sentence อีก 2 วิธี
3.1 การซ้ำคำ คือประโยคที่ 2 มีคำของประโยคที่ 1 อยู่ เช่น I love eating. Eating is
ดูแล้วเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ว่าเวลาเราเขียนประโยคยาว ๆ แล้ว การซ้ำคำแบบนี้ช่วยเราได้มากทีเดียวครับ
3.2 การซ้ำรูปประโยค คือรูปแบบประโยคที่ 2 เหมือน/คล้ายกับรูปแบบของประโยคที่ 1 เช่น I enjoy talking with him. And with him, I enjoy playing soccer. Soccer is
การซ้ำรูปแบบประโยคแบบในประโยคนี้ช่วยให้เราหลุดจาก topic enjoy doing ไปเป็นเรื่อง soccer ได้ทันทีเลยครับ โดยที่ไม่เสียความลื่นไหลของ idea (flow)
จากคุณ :
เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง
- [
6 ม.ค. 52 03:20:35
]