เห็นจอมยุทธิ์ในบอร์ดนี้ทั้งหลายแสดงฝีมือกันได้น่าตื่นใจยิ่ง ข้าพเจ้าอดใจมิได้ต้องลุกมาร่ายพู่กันลองขีดเขียนนิยายสั้นดูบ้าง หากขัดหูขัดตาโปรดอภัย
นิยายเรื่องนี้ ข้าพเจ้ามิได้ตั้งชื่อ แต่ได้แรงบันดาลใจ จากกระทู้ที่พาดพิงถึงทายาทรุ่นหลังของตัวเอกในเรื่อง เล็กเซี่ยวหงส์ จึงบังอาจเขียนออกมา ดังนี้
.........................................................................................
ขึ้นสิบห้าค่ำ
จันทร์กระจ่างทอแสงนวลใยสาดส่องหลังคาพระตำหนักสะท้อนประกายแวววาวดั่งทองคำ
ลานกว้างรอบนอกงพระตำหนักคราคล่ำด้วยเหล่าชาวยุทธจุคบเพลิงสว่างไสวราวกับกลางวัน
แป๊ะไคซิม นั่งขัดสมาธิอยู่บนหลังคาฝั่งตรงข้ามตำหนักตระเตรียมจดบันทึกการสับประยุทธิ์ที่จะกลายเป็นตำนานในอีกไม่กี่ชั่วยามข้างหน้า
บนหลังคามีเพียง แป๊ะไคซิม เพียงลำพัง....มีเพียงทายาทรุ่นที่สามของ แป๊ะเฮี่ยวเซ็ง คือมัน เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาสังเกตุการณ์ได้อย่างใกล้ชิดเพื่อบันทึกเรื่องราวที่กำลังจะกลายเป็นตำนานเล่าขานไม่จบสิ้น
ใต้เงาแสงจันทร์อำไพของค่ำคืนนี้ แป๊ะไคซิม พลันรู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงชนิดมิเคยพบพานที่หลังคาพระตำหนักฝั่งตรงข้าม เมื่อเงยหน้าขึ้นกลับพบว่าไม่ทราบมีร่างในชุดดำสนิทปรากกขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
แป๊ะไคซิม ขยับพู่กันในมือเริ่มงานบันทึกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดชีวิตของมันแทบจะทันที
ยามสอง ไซมึ้งกงจื้อ ในชุดดำสนิทปรากฏกายขึ้นก่อน
มันมิเคยผิดกำหนดนัดผู้ใดมาก่อน แม้ว่าคู่ต่อสู้ของมันในคืนนี้มันเองก็มิมีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้
มันรอคอยอย่างสงบ เป็นเวลาชั่วอึดใจ คนที่มันรอคอยก็มาถึง
ฮวยมั่วเทียน ในชุดรัดกุมพลิ้วกายขึ้นบนหลังคาพระตำหนักด้วยท่าร่างที่แผ่วพลิ้วไร้สุ้มเสียง ร่ำลือกันว่ามันได้รับการชี้แนะวิชาตัวเบาจาก ซีคงเตียะแช สหายเก่าของซือแป๋มัน ท่าร่างของมันยังเหนือล้ำกว่าผู้เป็นอาจารย์อยู่ครึ่งส่วน
ไซมึ้งกงจื้อ เอยปากทักทายเสียงเย็นชาว่า ท่านมาแล้ว ฮวยมั่วเล้า พยักหน้าเป็นการตอบรั... ทราบมาว่า มันมิเคยเอ่ยวาจามาก่อน นับตั้งแต่หูของมันเริ่มพิการตอนห้าขวบ
อาจบางทีตระกูลฮวย ติดค้างกรรมเก่าไว้มากหลาย ฮวยมั่วเล้า บิดามันพิการตามืดบอด แต่ประสาทรับฟังดีเลิศกว่าคนทั่วไป ฮวยมั่วเทียน แม้สายตาเป็นปกติ แต่หูมันกลับเงียบสนิท
มันกราบ เล็กเซี่ยวหงส์ เป็นซือแป๋ตั้งแต่เด็ก บุรุษสี่คิ้วก็ให้ความเวทนาศิษย์รักที่เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวของสหายรักมันเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ไม้ตายชั่วชีวิตของมัน ดรรชนีสัมพันธ์จิตใจก็ทุ่มเทสอนให้จนหมดสิ้น ดังนั้น แม้ ฮวยมั่วเทียน เป็นบุรุษหนุ่มที่พิการ แต่มันกลับถูกจัดเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุคนี้
การประลองบนหลังคาพระตำหนักซ้ำรอยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่กำลังจะอุบัติขึ้น มิใช่เหตุบังเอิญ
รับฟังมาว่า สาเหตุมาจากอาวุธชนิดหนึ่งที่หายสาบสูญจากยุทธภพนเนนานพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง....แต่เรากลับทราบว่าเรื่องนี้ความจริงสืบเนื่องจากสตรีนางหนึ่ง เป็นสตรีที่งดงามราวเทพธิดานางหนึ่งที่เป็นผู้ครอบครองอาวุธชนิดนี้........ดาบที่โค้งดุจเดือนเสี้ยว เล่มหนึ่ง
ถูกต้อง สตรีนางนี้ย่อมแซ่ เต็ง นางปราฏขึ้นอย่างลึกลับพร้อมกับประกาศว่า ผู้ที่สามารถเอาชัย ฮวยมั่วเทียน ได้จะได้ครอบครองตัวนาง และดาบโค้งจันทร์เสี้ยว พร้อมกับบันทึกวิชาดาบโค้อันลือลั่นของ เต็งพ้ง ที่เป็นปู่ของนาง
ไซมึ้งกงจื้อนอกจากนิสัยเย็นชายิ่งกว่า ไซมึ้งชวยเซาะ ผู้เป็นบิดาแล้ว ยังมีนิสัยชมชอบเอาชัยผู้อื่นยิ่งกว่า เพลงกระบี่ของมันก็ลึกล้ำเป็นหนึ่งในแผ่นดิน ร่ำลือกันว่าแม้แต่ เอี๊ยบโกวเซี๊ยะ จ้าวนครเมฆขาวในครั้งอดีตคืนชีพมาก็ยังไม่อาจเทียบได้
ดังนั้น ไซมึ้งกงจื้อ จึงท้าประลอง ฮวยมั่วเทียน และเพื่อให้แน่ใจว่ามันมิอาจปฏิเสธ ไซมึ้งกงจื้อ จึงต้อง เชื้อเชิญ คนผู้หนึ่งมาพำนักที่บ้านของมัน คนที่ ฮวยมั่วเทียน มิอาจไม่ใส่ใจได้
น้องสาวของมัน ฮวยเยียกลั๊ง
ดังนั้น ฮวยมั่วเทียน มิอาจไม่มา และมิอาจไม่เอาชัย
นับตั้งแต่เรายังเด็ก คำบอกเล่าถึงการประลองที่เป็นตำนานระหว่าง ไซมึ้งชวยเซาะ กับ จ้าวนครเมฆขาว ยังฝังอยู่ในใจเราเสมอมา คาดมิถึงอีกสิบกว่าปีให้หลัง เรากำลังจะกลายเป็นพยานของตำนานครั้งใหม่ที่คล้ายคลึงกันนี้
ทันใดนั้น ไซมึ้งกงจื้อ ก็ชักกระบี่ออกจากฝัก ไม่มีผู้ใดสามารถบรรยายถึงระดับความเร็วของกระบี่นี้ได้....แม้แต่เราก็ไม่สามารถ
ปะรกายกระบี่ วูบขึ้นแวบเดียวก็หายวับ คมกระบี่กลับถูกนิ้วชี้และนิ้วกลางของ ฮวยมั่วเทียน คีบไว้ได้!
ดรรชนีสัมพันธ์จิตใจ ร้ายกาจสมคำร่ำลือ เราที่ได้เห็นเป็นขวัญตาแทบอดมิได้ต้องโห่ร้องออกมา....แต่เรากลับร้องมิออก เพราะเราเพิ่งพบว่าปลายกระบี่ของ ไซมึ้งกงจื้อ ได้แทงเข้าไปที่คอหอยของ ฮวยมั่วเทียน ก่อนแล้ว!
แม้แต่ดรรชนีสัมพันธ์จิตใจก็มิอาจหยุดกระบี่ของ ไซมึ้งกงจื้อได้ เรานับว่าได้คำตอบแล้ว
ฮวยมั่วเทียน ก็ล้มลงแล้ว ล้มลงแทบเท้าของ ไซมึ้งกงจื้อ ที่ยังคงสีหน้าปราศจากความรู้สึกใดๆ
เราว่า ไซมึ้งกงจื้อ นิสัยประหลาดเย็นชาและต่อต้านชนชาวโลกกว่าบิดามันหลายเท่านัก บิดามันชมชอบใส่ชุดขาวสะอาดราวหิมะ มันพาลใส่ชุดดำสนิท..บิดามันยังยอมรับ เล็กเซี่ยวหงส์ กับ ฮวยมั่วเล้า เป็นสหายร่วมตาย แต่มันกลับไม่แยแส ฮวยมั่วเทียน แม้แต่น้อย...ความจริงมันไม่เคยมีสหายแม้แต่ผู้เดียว
ทันใดนั้น สายตาของเราพลันกระจ่างจ้า ที่แท้เบื้องหน้าของเราปรากฏเทพธิดาขึ้นองค์หนึ่ง..มิใช่ ต้องบอกว่าเป็นสตรีที่งามดุจเทพธิดานางหนึ่งปรากฏกายขึ้น
สตรีนางนั้น กล่าวอะไรกับ ไซมึ้งกงจื้อ เราไม่ได้ยิน เพียงเห็นนางมอบดาบโค้งเดือนเสี้ยว กับ บันทึกเล่มหนึ่งให้กับ ไซมึ้งกงจื้อ
คาดมิถึงว่า เมื่อมันชักดาบออกจากฝักหมายชื่นชมอาวุธสุดอาถรรพ์ที่สาบสูยมานาน พลันปรากกควันขาวพวยพุ่งออกมาจากฝัก ที่แท้ในฝักดาบมีควันพิษ!
สตรีนางนั้น ระเบิดเสียงหัวร่อออกมา เราเห็นนางชูป้ายสีดำสนิทขึ้นเหนือศรีษะ ทันใดนั้นในหมู่ชาวยุทธที่อยู่เบื้องล่างก็เกิดการเข่นฆ่ากันขึ้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำสนิทที่ปะปนในฝูงชนพากันชักอาวะออกมาสังหารบรรดาชาวยุทะข้างกายชนิดที่มิทันระวังป้องกัน
เราเห็น ไซมึ้งกงจื้อ ถูกควันพิษจนร่างกายสูญสิ้นเรี่ยวแรง สตรีแซ่เต็ง พลันแสดงอาวุธที่แท้จริงของนางออกมา เป็นห่วงคู่หงส์มังกรของ เซี่ยงกัวกิมฮ้ง เราย่อมรู้จักดี...ภายหลังเราจึงทราบว่า สตรีนางนี้มิได้แซ่ เต็ง หากแต่แซ่ เซี่ยงกัว นางคือทายาทรุ่นหลังของเซี่งกัวเซียวเซียน ที่ได้รับคำสั่งตกทอดกันมาให้ดำเนินอุบายต่อยุทธถพเพื่อฟื้นฟูพรรคเหรียญทองขึ้นมาใหม่
ในเวลานั้น เรามิอาจปล่อยให้แผนร้ายของนางสัมฤทธ์ผล เราจึงต้องชักอาวุธที่มิเคยแสดงต่อผู้ใดเลยออกมา
เป็นดาบที่ด้ามดำสนิท ฝักสีดำสนิท
.
ความจริงแม้เราแซ่ แป๊ะ แต่มิใช่ทายาทของ แป๊ะเฮี่ยวเซ้ง เราเพียงสืบทอดงานของมัน เพียงแต่เราเป็นทายาทรุ่นหลังของ แป๊ะเทียนอู้...โป้วอั๊งเซาะ เป็นบิดาของเรา น้อยครั้งที่เราจะแสดงเพลงดาบของบิดาออกมา
เราพอชักดาบออกจากฝัก ประกายดาบวูบขึ้นแว่บ ก็สังหารโจรชุดดำลงจนหมดสิ้น แต่ก่อนที่เราจะลงมือกับสตรีนางนั้น เหตุการณืก็พลิกผันไป
ไซมึ้งกงจื้อ กับ ฮวยมั่วเทียน กลับลุกขึ้นอย่างปลอดโปร่งราวกับไม่มีเรื่องใด!.. ที่แท้ทั้งสองร่วมมือกันซ้อนแผนสตรีนางนั้นอย่างแยบยล เป้าหมายของพวกมัน คือกวาดล้างศษย์พรรคเหรียญทองที่มาชุมนุมในงานนี้ให้สิ้นซากในคราเดียว
สตรีนางนั้น แม้จะฝีมือสูงปานใดย่อมสำนึกว่ามิอาจต้านทานทั้ง ไซมึ้งกงจื้อ และ ฮวยมั่วเทียน ในคราเดียวกัน...มิว่าผู้ใดก็ไม่สามารถ
นางย่อมคิดหนี
ดังนั้น นางจึงตายแล้ว
ตายใต้เพลงกระบี่ที่รวดเร็วที่สุดในแผ่นดินของ ไซมึ้งกงจื้อ
.........................................................................................
เหตุการณ์ในครั้งนี้แม้ผ่านมาแล้วเนิ่นนาน แต่เรายังจดจำได้แม่นยำราวกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน"
"สิ่งที่ทำให้เราจดจำเรื่งอราวนี้ไม่มีวันลืม มิใช่การประลองที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินครั้งนั้น และก็มิใช่การปรากฏตัวของพรรคเหรียญทอง.....หากแต่เป็นสิ่งที่ทำให้เราตกใจแทบสิ้นสติเมื่อ เราเห็น ฮวยมั่วเทียน ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพร้อมกับกระทำสิ่งที่เรามิเคยคาดคิดมาก่อน แต่ไซมึ้งกงจื้อกับหัวร่อเป็นการใหญ่
.
.
.
ฮวยมั่วเทียนพูดว่าขอบคุณท่าน!.........
.......................................................................................
สหายร่วมแนวทั้งหลายได้โปรดชี้แนะครับ ขอคารวะ
แก้ไขเมื่อ 07 ม.ค. 52 17:01:42
จากคุณ :
ไร้จิตไร้ใจ
- [
7 ม.ค. 52 16:48:20
]