ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้นพอเห็นภาพที่ผมนำไปให้ดู ท่านก็ร้องเสียงดัง “คุณไปเอามาจากไหน ทำไมต้องมัดแขนมัดขา นี่มันมัดนักโทษแล้ว ไม่ใช่สุกำศพ คุณต้องเข้าใจนะ สุกำก็คือการมัดตราสังศพ เหมือนศพที่ใส่โลงทั่วๆไปนั่นเอง เมื่อก่อนที่ยังไม่มีการฉีดยา ศพจะขึ้นอืด บางที่ก็ดันจนโลงแตก จึงต้องเอาเชือกมารัดไว้ไม่ให้ศพอืดพองจนเกินไป” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ท่านให้ลูกน้องลงไปเอาด้ายสุกำมาให้ผมดู ที่ม้วนอยู่ตามรูปนี้เป็นด้ายดิบ๑เข็ด ทำจากฝ้ายแท้ๆขนาดใหญ่ประมาณนิ้วก้อย ด้าย๑เข็ดมี๕ไจ ๑ไจประมาณ๑ศอก(๕๐ซม.)  ใช้ทั้งหมด๓เข็ด “การทำสุกำ คือการมัดศพให้อยู่ในลักษณะท่านั่งที่จะนำลงโกศได้ ก็เพียงแต่จับให้ศพนั่ง ขาพับงอขึ้นมา แล้วเริ่มมัดตั้งแต่แนวสะโพกและข้อเท้า ขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงคอ ระหว่างนั้นก็สอดไม้กาจับหลักเข้าไประหว่างขา ขึ้นไปรับคาง จับแขนและมืออ้อมขึ้นมาพนม มัดสุกำตามขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อถึงปมที่ต่อด้ายแต่ละไจไว้ ก็ทำเป็นเงื่อน แบบหูแจว ดึงชะเนาะให้ขันแน่นเข้าที่ ไม่ได้ทำเป็นปล้องๆนะ ด้ายสุกำนี้ต่อๆกันยาวเป็นเส้นเดียวกัน แล้วมัดเวียนขึ้นไปเลย  เมื่อเข้าที่แล้วจึงอุ้มไปนั่งบนผ้าขาวเพื่อจะห่อก่อนเอาลงโกศ ไหนนะ เจาะรูที่ผ้าห่อศพเพื่อเอากาจับหลักเสียบหรือ เอาอีกแล้ว พูดกันไปเหมือนเอาเหล็กแทงทวารอีกแล้ว ไม่มี ไม่ได้ทำอย่างงั้นนะ” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 “.กาจับหลัก ทำด้วยไม้นะ ข้างล่างเป็นแป้น ไม่กลม เป็นสี่เหลี่ยมนะ ไม่ใช่ๆ ไม่ใหญ่ขนาดรองนั่งได้หรอก นั่น ขนาดเล็กกว่านี้หน่อย” ชี้ไปที่กระดาษขนาดA4 “ตรงที่ขึ้นไปรับคาง ไม่ใช่ๆ ไม่ยื่นออกมาอย่างนี้   นี่ก็ไม่ใช่ เป็นโค้งๆ พอดีกับรูปคางอยู่ตรงปลายไม้  กาจับหลักจะประคองไม่ให้คอศพในสมัยก่อนไม่ให้พับลงมา สมัยนี้ไม่เคยใช้เลย เขาปล่อยให้ผุพังไปหมด หาดูไม่ได้แล้ว” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 “คนสมัยก่อนที่ได้รับพระราชทานโกศ เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อายุมากๆกันทั้งนั้น ก่อนจะตายก็เจ็บป่วยผ่ายผอม ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องจะลงโกศสักเท่าไร ร่างกายก็เล็กกว่าโกศมากด้วยซ้ำ ต้องใช้หมอนเหน็บกันไว้ไม่ให้เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง”  ท่านกล่าวหลังจากดูภาพนายแบบของผมในโกศที่นำเสนอ “ แต่ขนาดอย่างนี้ก็ไม่เป็นปัญหานะ อาจจะต้องดัดแข้งดัดขาบ้าง ไหนนะ เครื่องมือหรือ ไม่มีนี่ ไม่ต้องใช้หรอก ออกแรงดัดธรรมดาๆนี่แหละ ดัดได้ ตัดเอ็นหรือ เราพยายามให้ความเคารพต่อผู้ตายเป็นอย่างสูงนะ จะไม่ยอมทำอะไรที่ไม่ดีไม่งามต่อศพของท่านเลย หากจำเป็นจริงๆก็อาจจะต้องกรีดที่ข้อพับบ้างเล็กน้อย แต่ก็น้อยรายเหลือเกิน (โปรดสังเกตุ ท่านใช้คำว่ากรีด) ปลายเท้าของศพก็ปล่อยสบายๆ ไม่ต้องดัดอะไร ธรรมดาๆนั่นแหละ คนสมัยก่อน เขาก็ไม่ได้ฉีดหยูกฉีดยาอะไรนะ ไม่นานก็เน่าเปื่อยหมด ถึงตอนจะรูดก็รูดง่าย แต่ไม่ได้มาต้มมาเคี่ยวกันเหมือนเป็ดเหมือนไก่นะ ไม่รู้ยังไงถึงเอาไปพูดกันเรื่อยเปื่อย '' ข้างล่างคือ ภาพการสุกำ และการห่อศพด้วยผ้าขาวก่อนอุ้มลงโกศ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "โกศ มีกี่ขนาดอย่างนั้นหรือ คงมี๒ขนาดเท่านั้นแหละ คือขนาดธรรมดากับขนาดย่อมขึ้นมาหน่อย แต่ทั้งสองขนาดนี่ จะดูว่าเท่าๆกันนะ ต่างกัน ถ้าคนตัวใหญ่มากก็คงต้องใช้ใบย่อม ดูเหมือนว่าจะมีอยู่๒ใบ ในประวัติศาสตร์ก็มีท่านเจ้าพระยาบดินทร์เดชาเท่านั้นที่ร่างใหญ่มาก ขนาดต้องสร้างโกศเองขึ้นมาใหม่ แต่หลังจากนั้นแล้วก็ไม่มีอีกเลย” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นี่ถามเผื่อคุณ V_Mee ที่สงสัยว่า ......ธรรมเนียมโบราณเมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว  จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระลองในที่เป็นเงินให้เป็นบำเหน็จแก่ภูษามาลาที่จัดการถวายพระเพลิง  ให้นำพระลองนั้นไปหลอมเป็นเงินแล้วแบ่งกัน  แต่เมื่อคราวถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น  ภูษามาลาที่ได้รับพระราชทานพระลองในนั้นได้นำพระลองนั้นไปหลอมแล้วหล่อเป็นพระคันธารราษฎร์  ทูลเกล้าฯ ถวายล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖  แล้วได้โปรดเกล้าฯ ให้เชิญไปประดิษฐานที่วังพญาไท  ปัจจุบันเข้าใจว่าเชิญกลับไปไว้ในพระบรมหาราชวัง  จึงอยากจะฝาก ช่วยถามให้ด้วยว่า ธรรมเนียมการพระราชทานพระลองในเป็นบำเหน็จแก่ภูษามาลานี้ยังคงมีอยู่หรือไม่? ท่านว่าท่านเกิดไม่ทันครั้งนั้น ท่านไม่เคยทราบ แต่สมัยที่ท่านมาทำงานแล้ว ไม่มี “เอ ลองในเงินแต่โบราณยังเก็บไว้ มีแค่อยู่๒ใบ ถ้าพระราชทานให้ไปแล้วจะเอาที่ไหนมาใช้ล่ะ” ท่านว่าอย่างนี้ “ โบราณท่านทำอะไรสักสิ่งหนึ่ง ท่านจะทำเป็นคู่ ใช้จริง๑  จะสำรองเอาไว้เผื่อชำรุด ขาดเหลืออีก๑เสมอ ” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 “โกศลองใน ตะแกรงไม่ใช่อย่างนี้ คุณเคยเห็นตะแกรงที่เขาปิดรูระบายน้ำใช่ไหมล่ะ ตะแกรงในโกศก็เป็นเหล็กเชื่อมเป็นซี่ๆอย่างนั้นแหละ ขนาดกลมพอดี พอวางลงไปในโกศแล้วจะล็อคนิ่งอยู่ก้นโกศ และรองรับน้ำหนักได้ ตอนเปลื้องเครื่องสุกำก็ถอดออกมาล้าง แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ได้” “ก้นโกศจะวางอยู่กับฐานโกศ แผ่นสี่เหลี่ยมในรูปนี้นี่คืออะไรหรือ คุณไปเอามาจากไหน ในinternetหรือ ไม่ทราบสิ ผมไม่เคยเห็น แล้วมันจะรองรับบุพโพได้ยังไง เขาจะใช้ถาด ทำจากดีบุก รองรับบุพโพให้ไหลไปสู่รูตรงกลาง ใต้รูมีกรวยรองรับให้บุพโพไหลลงตามท่อไปเก็บไว้ในถ้ำ ถ้ำก็คือโอ่งนั่นแหละ” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ จากคุณ : TumOhyes - [ 8 ม.ค. 52 15:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องเป็นอย่างนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สรุป 1.หลังพิธีกรรมในการรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเข้าจัดศพที่อยู่บนตั่งให้อยู่ในท่าที่ต้องการ  จัดไม้กาจับหลักเข้าที่ในท่านั่ง พร้อมทั้งมัดตรึงด้วยให้คงรูปด้วยด้ายสุกำ 2. ยกศพลงมาจากตั่งมาวางตั้งบนผ้าขาวที่ปูรองเป็นแนวกากบาทอยู่แล้ว 3. แล้วรวบชายผ้าขาวขึ้นมัดขมวดปมไว้เหนือศรีษะของศพ มัดสายสิญจน์เป็น๕บ่วงขันธ์ตามคติ 4. ยกศพที่อยู่ในห่อผ้าขาวเรียบร้อยแล้วลงโกศ ภาพ ศพในโกศ ที่เป็นคำตอบสุดท้าย จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไม่ได้มีเวลาอยู่กับท่านนาน เพราะท่านมีกิจธุระที่จะต้องกระทำในเช้าวันนั้น แต่ก่อนที่จะขอบพระคุณและกราบลา ผมว่าผมหมดข้อข้องใจแล้ว ผมยังมีของแถมอีกเล็กน้อย ขอเวลาหน่อย แล้วจะกลับมาทำครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาดู ถ้าสนใจกระทู้ก่อนหน้าก็ตามนี้เลยครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7328524/K7328524.html กระทู้แรกสุดจริงๆนั้น เปิดไม่ขึ้นแล้ว ไม่ทราบว่าอยู่ในคลังกระทู้หรือเปล่า http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7236250/K7236250.html จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 15:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ค้นคว้าข้อมูลได้น่าชื่นชมมากเลยครับ จากคุณ : เกนหลงหนึ่งหรัด - [ 8 ม.ค. 52 15:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคับ จากคุณ : ชาย_วชิร - [ 8 ม.ค. 52 15:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Vote Kab จากคุณ : TumOhyes - [ 8 ม.ค. 52 15:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 .. สุดยอดครับ .. คลายข้อสงสัยได้หมดเลย . จากคุณ : +-+ jackiezzz +-+ - [ 8 ม.ค. 52 16:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณอีกครั้งในการค้นคว้า จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 8 ม.ค. 52 16:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค่ะ ขอชื่นชมความตั้งใจในการค้นคว้าข้อมูลของคุณ Navarat.C เป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 8 ม.ค. 52 16:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาเพิ่มอีกแล้ว ติดตามอ่านทุกๆกระทู้ที่เกี่ยวข้องเลยค่ะ เป็นความรู้ชั้นสูงจริงๆค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ หาอ่านไม่ได้ง่ายๆนะเนี่ย ^^ ป.ล. อยากให้ give กับเค้ามั่ง แต่ทำไม่ได้จริงๆ T_T จากคุณ : ศัตรูที่ฉลาดใช้วาจาเป็นอาวุธ - [ 8 ม.ค. 52 16:43:12 A:118.173.240.132 X: TicketID:195767 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบพระคุณมากๆๆเลยครับสำหรับความรู้ จากคุณ : จ้องจนปวด - [ 8 ม.ค. 52 16:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบพระคุณมากๆ จากคุณ : cybrarian - [ 8 ม.ค. 52 16:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แวะมาเซฟครับ จากคุณ : RealWorld - [ 8 ม.ค. 52 17:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7236250/K7236250.html กระทู้แรกย้ายไปอยู่ในคลังเรียบร้อยแล้วค่ะ จากคุณ : viee - [ 8 ม.ค. 52 17:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณมากๆครับ จากคุณ : ชรันจ์ - [ 8 ม.ค. 52 17:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 25 งานพระราชพิธี พระบรมศพพระเจ้ากรุงกัมพูชา รูปและเรื่องต่อไปนี้ ผมได้มาจากในwebทั้งสิ้น แต่มารวบรวมไว้เพื่อให้ศึกษาหาอ่านกันง่ายขึ้น เริ่มด้วยเรื่องการพระศพสมเด็จพระศรีสวัสดิ์พระเจ้ากรุงกัมพูชา ต้นฉบับเดิม สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพโปรดให้แปลจากภาษาเขมร ชื่อหนังสือ “ราชกำหนดกรุงกัมพูชา” ซึ่งจัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๑ สมเด็จพระนโรดมศรีสวัสดิ์ที่ไทยเรียกนั้น ชาวเขมรเรียกว่าพระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีสุวัตถิ์ พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดีเสด็จสวรรคตที่ กรงุพนมเปญ เมี่อเวลา 16.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2470 รวมพระชนมายุ 88 พรรษา ทรงครองราชย์ 24 ปี จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พิธีกรรมวันแรก สรงน้ำพระบรมศพ แผ่นทองที่ครอบพระพักตร์นั้น เป็นแผ่นทองที่จารึกอายตนะ 6 (พระปรมาภิไธยและวันเวลาพระราชสมภพและวันเสด็จสวรรคต) มีซับพระพักตร์ตาดเงินขาวคลุมบนแผ่นทอง และมีทรงสะพักตาดเงินขาวคลุมบนพระองค์ ตอนสรงน้ำพระศพนั้น สรงบนพระแท่นสานด้วยหวาย มีถาดหรือรางสังกะสีรองอยู่ใต้พระแท่น  พระกรุณาองค์ใหม่ถวายพระสุคนธ์ลงสรง บาคู (ครูบา) เป่าสังข์ เมื่อสรงเสร็จแล้วก็เชิญพระศพไปประดิษฐานบนพระแท่นที่สวรรคต สวรรคตวันอังคาร วันพุธบ่ายจึงได้ทรงเครื่องพระมหาสุกำ เครื่องพระมหาสุกำประกอบด้วย   พระสพักตาดเงิน ๒ เมตร ปูถวายข้างล่าง กับอีก ๔ เมตร คลุมถวายข้างบน    แล้วถวายฉลองพระองค์แพร ๑ ฉลองพระองค์ตาดมีลาดลายเงินประดับลายทองฝังทับทิม ๑ พระสพักตาดเงิน ๑ สังวาลทองมีประจำยามฝังเพชร ๒ บานพับทองฝังเพชร ๒ ชายแครงทอง ๑ คู่ ห้อยหน้าทอง ๑ อินธนูทอง ๑ สร้อยนวมทอง ๑ วลัยพระกรทอง ๒ วลัยพระบาททอง ๒ ฉลองพระบาททอง ๑ คู่ พระธำมรงค์ทองฝังเพชร ชุด ๑ พระธำมรงค์ทองฝังมรกตชุด ๑ ปรอท ๘ ตำลึง กับทอง ๑ แผ่น หนัก ๑ ตำลึง ใส่ไว้ในพระโอษฐ์ และฉลองพระพักตร์ (หน้ากาก) ทอง ในบันทึกจดหมายเหตุ ที่เก็บรักษาไว้ในเก๋งพระอาลักษณ์ กล่าวว่า เครื่องที่ถวายพระบรมศพทรงทั้งหมดนั้นราคากว่า ๑๐,๐๐๐ เหรียญ (ฝรั่งเศส) เป็นพระราชทรัพย์ของพระกรุณาในพระบรมราชานุโกศ และจะต้องเรียกเอาออกในเวลาที่เชิญพระบรมศพใส่ลงในพระโกศเงินกาไหล่ทอง   และสิ่งของนี้จะต้องสร้างเป็นพระพุทธรูป ๑ องค์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระกรุณาในพระบรมราชานุโกศ เวลา ๑๖ นาฬิกา กรมศาลาเร็จจณาเขมร มาถ่ายรูปพระบรมศพที่ประดิษฐานอยู่บนพระแท่น เชิญพระบรมศพ ขึ้นนั่งประณมพระหัตถ์ถวายบังคมพระพุทธรูป แล้วห่อพระบรมศพด้วยผ้าขาวและผ้าแพรครั้นห่อเสร็จแล้วกรมภูษามาลา เชิญพระบรมศพลงในพระบรมโกศทอง แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 18:03:15 จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:34:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2470 (หลังสวรรคต 1 เดือน) พระสีสุวัตถิ มุนีวงศ์ (ไทยเรียกพระศรีสวัสดิ์ มณีวงศ์)กษัตริย์พระองค์ใหม่ ถวายพระนามให้กษัตริย์ที่สวรรคตว่า "พระกรุณาในพระบรมราชานุโกศ" พิธีในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2471 (หลังสวรรคต 7 เดือน) อัญเชิญพระศพในพระบรมโกศทอง(สูง 2 เมตร 80 ซม.) เพื่อจะขึ้นรถแห่ไปยังพระเมรุ ข้าราชการและประชาชนแต่งเครื่องขาวไว้ทุกข์ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 19:50:50 จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ มุนีวงศ์ กษัตริย์พระองค์ใหม่ เตรียมพระองค์เพื่อตามเสด็จพระกรุณาในพระบรมราชานุโกศไปยังพระเมรุมาศ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กระบวนแห่พระบรมศพ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ราชรถ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อัญเชิญพระบรมโกศขึ้นเกรินสู่พระจิตกาธานบนพระเมรุมาศ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพื่อให้เห็นการเปรียบเทียบ  จึงขอนำจดหมายเหตุรัชกาลที่๓ เรื่องการพระราชพิธีพระบรมศพรัชกาลที่๒ มาลงไว้โดยสมบูรณ์ ดังนี้ “ครั้นรุ่งขึ้น วันพฤหัสบดี แรม 12 ค่ำ เพลาเช้าโมงหนึ่ง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ พระองค์เจ้าฉัตร  กำกับกรมพระนครบาล และพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นรักษ์รณเรศ พระองค์เจ้าไกรสร กำกับกรมพระสังฆการี จึงนำเจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญพระเครื่องต้นและพระมหาสุกำ คือเครื่องขาวสำหรับพระบรมศพ เข้าไปถวายพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ให้ทรงทอดพระเนตร  แล้วจึงเจ้าพนักงานพระภูษามาลาเชิญเครื่องพระมหาสุกำ เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติ เชิญพระลองเงินกระไหล่ทองคำ ชาวที่เชิญพระเสลี่ยงแว่นฟ้าเข้าไปเตรียมไว้ที่หน้าพระแท่นท้องพระโรงฝ่ายใน ครั้นเพลา 3 โมงเช้า พระราชโอรสองค์ใหญ่ พร้อมพระบรมวงศ์ทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายในเสด็จเข้าไป ณ พระที่นั่งมหามณเทียร พระโอรสและพระราชวงศ์ถวายบังคมพระบรมศพ เจ้าพนักงานเชิญพระบรมศพสรงพระอุทกธารถวายพระสุคนธ์ แล้วถวายพระภูษาพื้นขาวเขียนทอง ทรงนุ่งไว้พกเบื้องพระพักต์ชั้นหนึ่ง ถวายพระภูษาเขียนทองมีกรวยเชิง ทรงนุ่งไว้เบื้องพระปฤษฏางค์ เป็นองค์ที่สอง ชั้นนอกถวายสนับเพลาเจียระบาดพื้นทองดอกเงิน ติดเชิงงอนตาดทองปลายพระสนับเพลาก่อนจึงทรงพระภูษาลายพื้นขาวเขียนทอง มีกรวยเชิง ทรงนุ่งไว้พกเบื้องพระพักต์เป็นชั้นนอกองค์สุดท้าย ทรงรัดพระองค์เข็มขัดประดับเพชร ทรงสพักเฉียงตาดทองชั้นใน แล้วทรงฉลองพระองค์ทรงประพาสตาดทอง คือฉลองพระองค์แขนยาว ติดสังเวียนหยักปลายพระศอปลายพระกร ทรงฉลองพระองค์ครุยทองพื้นขาวลายทอง มีประจำยามประดับเพชร เครื่องประดับคือ พระมหาสังวาลประจำทิศประดับเพชร องค์หนึ่ง พระมหาสังวาลประดับเพชรเฉวียงซ้ายองค์หนึ่ง พระเฟื่องประดับเพชร องค์หนึ่ง ทรงทองปลายพระกรประดับเพชรทั้งสองพระกร พระหัตถ์ขวาทรงพระธำมรงค์ เพชรสี่นิ้วพระหัตถ์ พระหัตถ์ซ้ายทรงพระธำมรงค์ทับทิมหนึ่ง มรกตหนึ่ง ไพทูรย์ หนึ่ง บุศย์น้ำทอง หนึ่ง สี่นิ้วพระหัตถ์ แล้วถวายรองพระบาทถมยาราชาวดี ถวายพระหัตถ์โยลี องค์หนึ่ง คือถุงสวมมือและเท้าตาดทอง ถวายพระธำมรงค์เพชรใส่พระโอษฐ์ ถวายแผ่นพระสุพรรณฉลองพระพักตร์ แล้วถวายพระมาลาสุกำตาดทองมีระบายสองชั้น ครั้นทรงเครื่องพระมหาสุกำเครื่องพระมหาสุกำของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณี เสร็จแล้ว หลวงพิพิธภูษาถวายบังคม แล้วเชิญพระปทุมปัตนิการ (ไม้กาจับหลัก) ทำด้วยเงินกาไหล่ทองวางลงเป็นพื้นรองพระบาทยุคล (เท้า) มีก้านพระปทุมปัตนิการขึ้นมารองรับพระหนุ (คาง) (เพื่อให้พระเศียรอยู่ในท่าที่เหมาะสม อาจเพื่อไม่ให้ก้มต่ำลงหรือขยับเขยื้อน) แล้วถวายพันธินาการด้วยพระกัปปาสิกะสูตร (ด้ายสายสิญจน์หรือด้ายดิบ) เป็นบ่วงขันธ์ห้า (มัดตราสัง) แต่พระบาทเป็นปฐมขึ้นไปตามลำดับ แล้วถวายซองพระศรีทองคำถมยาราชาวดีใส่เครื่องสักการะพระจุฬามณี แล้ว เชิญพระกัปปาสิกะเศวตพัสตร์ (ผ้าฝ้ายสีขาวหรือผ้าห่อเหมี้ยง) ยาวหกศอกปูซ้อนเป็นหกแฉก แล้วเชิญพระศพเสด็จทรงนั่งเหนือพระกัปปาสิกะเศวตพัสตร์หกชายหุ้มเป็นปริมณฑล รวบชายประชุมเป็นหนึ่งเหนือพระอุตมางคลักขณา (รวบชายไว้เหนือพระเศียร) แล้วพันธินาการด้วยพระกัปปาสิกะเศวตสูตรเป็นขันธบาศ แต่อโธภาคลำดับมั่นทุกชั้น ตลอดถึงที่ประชุมชายพระกัปปาสิกะเศวตพัสตร์ แล้วเหลือเศษพระกัปปาสิกะเศวตสูตรไว้พอผูกผ้าโยงสดับปกรณ์ แล้วเชิญ พระเศวตกัปปาสิกะพัสตร์พับขนบกว้างคืบหนึ่งโดยยาวตลอดตราเป็นมหาพันธิกา แต่พระบาทตลาเหลื่อมกลีบมั่นขึ้นไปทุกชั้นถึงที่พระกัณฐา เหน็บตราไว้เป็นมหันตพันธนาวสาน (ห่อด้วยผ้าตั้งแต่พระบาทพันขึ้นไปจนถึงคอแล้วเหน็บไว้) เสร็จราชการ พาหิรโกศแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าและพระบรมวงศานุวงศ์ชาวมาลาคณการพร้อมกันกราบ ถวายบังคมพระบรมศพแล้วเชิญเสด็จเข้าประดิษฐานในลองพระสุพรรณโกศ หนุนพระปฤษฎางค์ข้างซ้ายขวาหน้าพระบรมศพด้วยพระเขนยนวมกันเอียง (เชิญพระบรมศพลงพระโกศ หนุนด้วยหมอนโดยรอบเพื่อกันเอียง) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าทรงถวายพระมหากฐินเป็นพระอาภรณ์พิไสยราชปฏิการ ตามบุราณราชประเพณีพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าแต่ก่อนสืบมา” จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 33 พระราชพิธีออกพระเมรุพระบรมศพ เจ้ามหาชีวิตแห่งพระราชอาณาจักรลาว จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาศรีวิธา ล้านช้างร่มขาวพระราชอาณาจักรลาว บรมเชษฐาขัติยสุริยวรมัน พระมหาศรีสว่างวรมัน หรือ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ (สีสะหว่างวง) ทรงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 12 แห่งราชอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง และพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งพระราชอาณาจักรลาว เสด็จพระราชสมภพ ณ นครหลวงพระบาง เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 ทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าสักรินทรฤทธิ์และพระนางทองสี เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรหลวงพระบางเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2447 เมื่อประเทศลาวได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส พระองค์จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรลาว เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2502  นับเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในโลกตอนนั้น คือ 55 ปี  และทรงเป็นเจ้ามหาชีวิตลาวพระองค์สุดท้ายที่ได้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงเยี่ยงกษัตริย์ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขบวนแห่พระบรมศพโดยราชรถสูง12เมตร ที่ประดับศียรพญานาค7เศียร จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พระเมรุมาศจัดทำที่วัดพระธาตุหลวง ในเมืองหลวงพระบางในปี พ.ศ. 2504 จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ข้าราชการในขบวน แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 18:05:09 จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม้ฟืนที่ใช้เผา เป็นไม้จันทน์ เริ่มลุกไหม้ในขณะที่ประชาชนยังหลั่งไหลไปร่วมถวายธูปหอมและดอกไม้จันทน์ นิตยสารLIFEที่ตีพิมพ์ภาพชุดนี้เขียนบรรยายรูปไว้อย่างนั้น แต่ผมว่านี่น่าเป็นการเผาหลอกมากกว่า เพราะยังไม่ได้ถอดพระโกศลองนอกออกเลย แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 06:47:22 จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:47:18 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คนลาวอาลัยรัก จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ราชรถที่ยังคงรักษาไว้ในโรงเก็บ ที่หลวงพระบาง จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อีกมุมหนึ่ง จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พระบรมโกศ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขยายลวดลาย จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ในโรงเก็บนี้ มีพระโกศ3องค์ นอกจากพระบรมโกศแล้ว องค์๕ที่เล็กลงมาเป็นของพระมเหสี จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 รัฐบาลลาวออกแสตมป์ที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีดังกล่าวด้วย จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จบบริบูรณ์แล้วครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่สนใจติดตาม จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 17:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบพระคุณมาก ๆ เลยค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้อ่านงานวิจัย (ใช่ไหมคะ) ออนไลน์ที่อัพเดททันทีที่มีข้อมูล ได้ความรู้และสนุกมากค่ะ  ขอบพระคุณอีกครั้งหนึ่งค่ะ จากคุณ : biebie999 - [ 8 ม.ค. 52 18:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณนะครับ จากคุณ : natthaset - [ 8 ม.ค. 52 18:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ถามต่อว่า ด้านล่างอาคารศาลาว่าการพระราชวัง เป็นที่เก็บโกศด้วยหรือครับ ผมเห็นมีแต่ห้องสมุดฯลฯ ที่เก็บพระลอง ลอง โกศ ต่างๆผมเห็นที่หมวดสนม ประตูอนงคลีลา ตรงทางออกประตูท่าราชวรดิษฐ์ หรือผมเข้าใจผิดอะนี่ จากคุณ : natthaset - [ 8 ม.ค. 52 18:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ... ขอบคุณมากค่ะ ... จากคุณ : lastmoon - [ 8 ม.ค. 52 19:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 51 นั่นนะซี ผมคงเข้าใจผิดแล้ว ตอนสนทนากันท่านเปรยๆมาตอนหนึ่งว่า เคยเห็นโกศข้างล่างหรือเปล่า ผมก็เรียนไปว่าไม่เคย ผมจะขอเข้าไปดูได้ไหม ท่านบอกว่าเห็นจะไม่ได้ ก็จบตรงนั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าข้างล่างของท่านมันข้างล่างที่ไหน ขากลับผมพยายามเดินผ่านดู เห็นห้องใต้ถุนเป็นเหมือนที่เก็บของตลอดทั้งแนว ประตูมีกุญแจคล้องไว้หมด ไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่เลย ผมก็คิดในใจว่า ที่นี่กระมังหนอ ห้องเก็บของพวกนั้น ผมลืมเล่าไป ที่ทำงานชั้นบนที่ท่านนั่งทำงานอยู่ก็มีสิ่งของที่เก็บไว้ล้นออกมาเต็มระเบียง เป็นพวกเครื่องสูงต่างๆแต่มีปลอกผ้าสวมไว้ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร เลยนึกไปว่าอาคารหลังนี้น่าจะเป็นที่เก็บของประเภทนี้ คุณทักมาก็ดีแล้ว ผมตามไปแก้คคห.ของผมด้วยแล้ว ขออภัย และขอบคุณที่ท้วงครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 19:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากครับ...ตื่นเต้นกับภาพงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิต ณ นครหลวงพระบางมากๆครับ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน (เคยเห็นแต่รูปทางกรุงกัมพูชา) สุดยอดมากๆครับทุกกระทู้ในชุดนี้ จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย (NMkrung) - [ 8 ม.ค. 52 19:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณคับ แต่ยังไม่อยากให้จบเลย ตามอ่านมาตลอด จากคุณ : หริปรียา - [ 8 ม.ค. 52 19:35:44 A:202.28.27.5 X: TicketID:197397 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ... เข้ามาดู จากคุณ : สมภพ เจ้าเก่า - [ 8 ม.ค. 52 19:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณณัฐเศรษฐ์ครับ mailboxของคุณเต็ม mailตอบของผมไม่ผ่าน จากคุณ : Navarat.C - [ 8 ม.ค. 52 20:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ขอเป็นกำลังใจให้กับการวิจัยค้นคว้านะครับ ขอบคุณ  ขอบคุณจริงๆ จากคุณ : ศิษย์เจ้าคุณ - [ 8 ม.ค. 52 20:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณครับผม จากคุณ : รอยใบลาน - [ 8 ม.ค. 52 20:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมเยอะเลย จากคุณ : akkarachai - [ 8 ม.ค. 52 21:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบพระคุณในความกรุณาครับ ปริศนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศพในโกศ หรือ นางเชิญมยุรฉัตร ล้วนได้ความกรุณาของคุณ Navarat.C ไขปริศนา เหล่านี้ให้กระจ่างทุกกระบวนความ ขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ จากคุณ : พระนายไวย - [ 8 ม.ค. 52 21:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณมากค่ะโดยเฉพาะภาพการพระบรมศพของเจ้ามหาชีวิตลาวล้านช้างร่มขาว จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 8 ม.ค. 52 21:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงจากผู้รู้จริงๆ เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มากค่ะ โหวตค่ะ ^^ จากคุณ : =^aEaY^= - [ 8 ม.ค. 52 21:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณครับ จากคุณ : อุบาสกฉางชุน (อุบาสกฉางชุน) - [ 8 ม.ค. 52 22:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 63 Thank you so much for spending your time to get this information for us all. จากคุณ : offita - [ 9 ม.ค. 52 00:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ได้ความรู้เต็ม ๆ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : Max2000 - [ 9 ม.ค. 52 00:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ชื่นชมจขกท แม้นว่า จะ กลัวที่ต้องดูคนถูกผูกในโกศค่ะ จากคุณ : tiki_ทิกิ - [ 9 ม.ค. 52 00:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณมากๆสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : น้องสาหร่าย - [ 9 ม.ค. 52 00:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ติดตามมาตลอดทั้งสามกระทู้เลยค่ะ ได้ความรู้มากจริงๆ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : Jekyll and Hyde - [ 9 ม.ค. 52 01:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เคลียร์หลังไมค์แล้วครับ จากคุณ : natthaset - [ 9 ม.ค. 52 01:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 69 กระทู้ที่ยอดเยี่ยม จากคุณ : กัมม์ - [ 9 ม.ค. 52 07:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เเปลกๆดี ราชรถของฝั่งลาวเค้าดูตันๆ ไม่อ้อนเเอ่นอรชรเหมือน ไทยเรา ราชรถของเราเหมือนลอยลงมาจากสวรรค์ทรวดทรงงามกว่านัก อีกทั้งเครื่องสูงอะไรต่างๆของลาวก็ทำไม่ได้สวยอย่างของเรา อย่างฉัตร ทรงจะดูป้อมๆตันๆไม่ได้ปักอะไรมากมาย เเต่ฉัตรของไทยเราทรงจะชะลูด ดูสง่า สวยงาม จากคุณ : panard1 - [ 9 ม.ค. 52 09:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 71 โอ้กระทู้ดีมีสาระ แจก Gift ให้ จขกท.คะ ^-^ ขอบคุณคะ จากคุณ : นู๋แอลปู้แฉนดี (yaielle) - [ 9 ม.ค. 52 10:03:17 ]

ความคิดเห็นที่ 72 กระทู้นี่เยี่ยมยอดจริงๆ ครับ คลายข้อสงสัยในทุกกระบวน แล้วยังได้ชมภาพงานพระบรมศพพระเจ้ามหาชีวิตแห่งลาวอีก หาชมได้ยากมากๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : บดีสิริ - [ 9 ม.ค. 52 11:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Dr.Moji - [ 9 ม.ค. 52 11:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : pimon - [ 9 ม.ค. 52 11:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบพระคุณมากค่า จากคุณ : ยาควัน - [ 9 ม.ค. 52 12:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กระทู้ดี มีสาระ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : xiaoxin - [ 9 ม.ค. 52 13:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ได้ความกระจ่างครับผม จากคุณ : หน้าขุนแผน หัวขุนช้าง - [ 9 ม.ค. 52 13:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ตามมาเก็บข้อมูลความรู้ไปใส่สมองอีกครับ ขอบคุณมากครับที่กรุณาหาความรู้และข้อมูลจากผู้รู้มาเติมให้จนเต็ม และก็ชอบความรู้เพิ่มเติมของประเทศเพื่อนบ้านด้วยครับ เห็นรูปล่าสุดนี่สบายใจแล้วครับที่ไม่ต้องทำท่ากระโดดน้ำในโกศแล้ว (ล้อเล่นขำๆนะครับ) จากคุณ : เป็นกลาง - [ 9 ม.ค. 52 14:53:01 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบพระคุณมากเลยนะคะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกมากเลยค่ะ เป็นกระทู้ที่น่าชื่นชมในความสามารถเลยทีเดียว ต่อไปจะได้ไม่เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่เข้าใจผิดๆๆกันอีกแล้วนะคะ จากคุณ : สการะวาตี - [ 9 ม.ค. 52 16:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อื้อหือ กระจ่างเลยค่ะทีนี้ ขอบพระคุณคุณ Navarat.C และทุกท่านๆที่ร่วมเสวนามากๆเลย (หนมจีนยังเข้ามาเก็บความรู้เรื่อยๆนะคะ แต่ตอนนี้อินเตอร์เน็ตไม่ค่อยอำนวย เลยตามมาแบบช้าๆหน่อย) จากคุณ : หนมจีน - [ 9 ม.ค. 52 18:21:49 A:116.232.130.124 X: TicketID:063710 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง จากคุณ : นอกราชการ - [ 9 ม.ค. 52 19:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เป็น researcher ชั้นยอดจริงๆ ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่หายากครับ จากคุณ : สายฟ้า ณ ยูเค (สายฟ้า ณ ยูเค) - [ 9 ม.ค. 52 19:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ผมไม่อยู่อาทิตย์หนึ่งกลับมาพบกระทู้ของคุณ Navarat.C ขึ้นอันดับหนึ่งก็รีบเข้ามาอ่านก่อน ขอบพระคุณมาก ๆ ครับสำหรับความเพียรและขอชื่นชมความตั้งใจที่จะหาคำตอบอย่างยิ่งด้วยนะครับ ได้รับความรู้เพิ่มเติมจากกระทู้ก่อน ๆ มากมาย เป็นกระทู้ที่ดี ทรงคุณค่าสมกับห้องสมุดอย่างยิ่งครับ ตอบข้อสงสัยที่ผมสงสัยมานานเกี่ยวกับการ "ต้มศพ" ว่ามีการทำจริงหรือ ได้หมด (หลังจากที่ผมแอบค้นคว้าหาหลักฐานอยู่นาน ซึ่ง "ถ้า" จะมีก็คงจะมีตามต่างจังหวัดกระมัง) (แอบสงสัยรูปในความเห็นที่ ๓๕ ถึง ๓๙ งานพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระเจ้ามหาศรีวิธา ล้านช้างร่มขาวพระราชอาณาจักรลาว บรมเชษฐาขัติยสุริยวรมัน พระมหาศรีสว่างวรมัน หรือ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ (สีสะหว่างวง ว่า หากเป็นงานออกพระเมรุใน พ.ศ. ๒๕๐๔ เหตุใดรูปถึงคมชัดและภาพสีก็ดูใหม่มาก เปรียบเทียบกับรูปเก่า ๆ ที่เคยเห็นในสมัยใกล้เคียงกันดูว่าต่างกันมาก ไม่ได้มองที่การแต่งตัวนะครับ แต่ดูที่ฟิล์ม กล้อง ฯลฯ แต่ก็เพียงแต่สงสัยว่าภาพดูคมชัดผิดปกติกว่า พ.ศ. ๒๕๐๔ เท่านั้นครับ ไม่ได้คัดค้านหรือติติงอะไรนะครับ) สุดท้ายก็ขอสรรเสริญความเพียรอันสุดยอดของคุณ Navarat.C และขออนุโมทนาในความรู้ที่คุณได้ให้เป็นวิทยาทานกับผู้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ ทานใดจะยิ่งใหญ่เท่าวิทยาทานเป็นไม่มี ขอบพระคุณยิ่งครับ จากคุณ : วศินสุข - [ 9 ม.ค. 52 22:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอชื่นชมครับ....เป็นกระทู้ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งยวด.... จากคุณ : รู้น้อยไปหน่อย - [ 10 ม.ค. 52 00:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ยังไงก็ต้องขอบคุณ จขกท นะครับ ที่รวบรวมรวมและพยายามไปตามตามหาความรู้ ที่ผม (และเชื่อว่าอีกหลายๆคน)ไม่เคยรู้มาเผยแพร่ ขออาราธณาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้ จขกท สุขภาพแข็งแรง มีความสุขเสมอ และอย่าลืม มาให้ความรู้แด่(สาธารณชน รวมไปถึง) ผม ผู้เป็นรุ่นลูกหลานต่อไปนะครับ ครบหกสิบไปแล้ว ต้องจัดแซยิดหกสิบเอ็ดอีกรอบนะครับ (จัดวงเชมเบอร์เล่นในงาน ถ้าคนขาด ผมจะไปช่วยเสริมครับ) จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 10 ม.ค. 52 01:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อาคารที่เป็นสำนักงาน(ที่ทำงาน)ของเจ้าพนักงานภูษามาลา เดิมเป็นตำหนักเก่าของใครคะ จากคุณ : ning (ura_n) - [ 10 ม.ค. 52 10:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ขอบคุณครับ งานพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ไม่ได้ใช้ไม้กาจับหลักหรือครับ เห็นว่าไม่ใช้สิ่งนี้มานานแล้ว หรือว่าใช้งานพระบรมศพคราวนั้นเป็นครั้งสุดท้ายครับ จากคุณ : เด็กชายกะหล่ำปลี - [ 10 ม.ค. 52 13:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ว่าไปแล้ว ทางเดินตรงที่คุณ นวรัตน์ ได้นำภาพมาให้ชม ก็มิใช่สถานที่หวงห้ามอันใดหรอกครับ ยังเคยเห็นคนที่รู้ทางใช้ทางนี้เดินลัดกันเลย  เพราะหากเดินออกมาอีกนิดด้านหน้าก็คือ ศาลาว่าการสำนักพระราชวัง ซึ่งอยู่ตรงข้ามพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนั่นเอง เพียงแต่ว่าหากไม่มีกิจธุระอันใด ก็ไม่สมควรจะเข้าไปซะมากกว่าครับ หากใครสังเกตดีๆจะเป็นทางเข้าเล็กๆมากๆที่เดินเข้าไปสู่บริเวณภาพที่ เจ้าของกระทู้นำมา   อาคารที่เป็นสำนักงาน(ที่ทำงาน)ของฝ่ายราชูปโภค ไม่ได้เป็นตำหนักของใครเก่านะครับ  ในอดีตนั้นก็น่าจะเป็นที่ทำงานของข้าราชสำนัก นั่นล่ะครับ เพราะด้วยพื้นที่ตั้งแล้วเป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างเขตพระราชฐานชั้นนอกกับชั้นกลาง จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 10 ม.ค. 52 16:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณมากค่ะ  สำหรับความรู้ที่ถูกต้อง  อันหาได้ยากยิ่ง ถ้าไม่นำมาบอกกล่าว  คงหายไปตามกาลเวลา จากคุณ : bolton fanclub - [ 10 ม.ค. 52 17:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากๆครับ สำหรับความรู้ที่กรุณาขวนขวายนำมาให้ทราบโดยทั่วกัน จากคุณ : !P!O!N!G! (NaRoOn) - [ 10 ม.ค. 52 18:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับความรู้ที่ใช้ความอุตสาหะ.... จากคุณ : อ้อ...จัง 5 - [ 10 ม.ค. 52 21:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณมากมาย เลื่อมใส.. จากคุณ : สาวสองเมือง (สาวสองเมือง) - [ 11 ม.ค. 52 00:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เเวะมาอ่าน ขอบคุณมาก ๆ ครับ จากคุณ : เงาอดีต - [ 11 ม.ค. 52 11:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่นำความรู้ดีดี หายาก มาแบ่งปันกันค่ะ ขอโหวตเช่นทุกครั้งค่ะ จากคุณ : กังหันลู่ลม - [ 11 ม.ค. 52 23:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ต้องขอขอบพระคุณ คุณนวรัตน์ เป็นอย่างมาก หากไม่ได้ความพยายามเช่นที่ปรากฎ ความลับในโกศ ก็คงจะเป็นความลับเช่นนั้นตลอดไป หากจะมีผู้นำข้อมูลอันเป็นประโยชน์นี้ จัดทำเป็นหนังสือ ก็คงจะดี เพื่อเป็นประโยชน์ในทางวิชาการต่อไป จากคุณ : มัฐวัต - [ 12 ม.ค. 52 01:18:13 A:192.168.0.17 X:58.8.139.86 TicketID:181240 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ดูแล้ว ของไทยดูวิจิตรพิศดารมากกกก เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ในงานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ มีการอัญเชิญหีบพระศพไว้ตั้งแต่คืนวันที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทานเสร็จ และประดิษฐานไว้ในเตาถวายพระเพลิงสมัยใหม่เลยครับ คือ แบบอย่างเช่นงานที่เมรุหลวงเลยน่ะครับ ที่ตั้งพระโกศจันทน์เปล่าๆน่ะครับ จากคุณ : natthaset - [ 12 ม.ค. 52 11:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ได้ความรู้มากมายเหลือเกินค่ะ สิ่งที่คุณไปค้นคว้ามานี้ หลายคงก็คงอยากรู้กัน ดิฉันก็เป็นคนนึงที่สงสัย ใคร่รู้เหมือนกัน ได้อ่านข้อมูลของคุณแล้วเป็นประโยชน์มาก ๆ อีกทั้งข้อโต้แย้งของหลาย ๆ คนด้วยค่ะ ที่นำข้อมูลของตนที่รู้ที่ทราบมาบอกให้ทราบกัน เลยต้องมีการค้นคว้าเพิ่มเติมขึ้นมาอีก เห็นแล้วชื่นชมจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : ร้อยคำรัก - [ 12 ม.ค. 52 14:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 98 คำเดียว.....สุดยอดครับ ขอบพระคุณเกี่ยวกับความรู้อันเป็นสุดยอดแบบนี้ครับผม จากคุณ : เจ้าคุณแจ๊ค - [ 12 ม.ค. 52 16:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 99 มองเห็นภาพ เข้าใจกระจ่างหมด ขอบพระคุณมากค่ะ หากท่านผู้อ่านกระทู้มีญาติมิตรผู้มียศถาบรรดาศักดิ์สูง กระทู้นี้น่าจะช่วยให้ท่านๆมีโอกาสได้สืบทอดประเพณีนะคะ อีกอย่างอยากให้คุณพี่ทำเป็นพ็อกเก็ตบุคจัง ลูกหลานจะได้รู้ได้เห็น เป็นกระทู้แบบนี้เกรงว่าจะเลือนหายค่ะ จากคุณ : เด็กวังหลัง - [ 12 ม.ค. 52 19:57:50 A:124.122.153.95 X: TicketID:196853 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณมากครับ.....หายสงสัยคาใจมาตั้งนาน จากคุณ : jin_len - [ 12 ม.ค. 52 20:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 101 . . . ขณะที่เขียนนี้ กระทู้เริ่มตกจากอันดับแล้ว ไม่ช้าคงหายไปจากหน้านี้ตามวัฎจักร ผมขอถือโอกาสแสดงความขอบคุณต่อทุกท่านที่ได้เข้ามาร่วมแสดงความเห็นต่างๆในกระทู้ทั้ง๓ของผมอีกครั้งหนึ่ง ผมเอง ต้องถือว่าเป็นขาจรในพันธุ์ทิพย์ ผู้ถนัดอ่านมากกว่าจะแสดงความเห็น เพราะผมพิมพ์ดีดไม่คล่อง ใช้นิ้วจิ้มได้ทีละนิ้ว ยิ่งภารกิจหน้าที่ปกติแล้ว จะมาเล่นinternetอย่างนี้ก็ยาก บังเอิญเหตุการณ์บ้านเมือง๒-๓เดือนที่ผ่านมาทำให้ธุรกิจของผมใกล้อัมพาต ผมจึงเกิดมีเวลาว่างขึ้นมาเยอะแยะ ก็ดีไปอย่างที่ทำให้ผมสามารถทำหลายสิ่งที่ผมอยากจะทำ แต่ผลัดผ่อนเอาไว้ ได้หลายประการ รวมถึงมีเวลาจิ้มดีดภาษาไทยpostกระทู้ลงในหน้าห้องสมุด ประเดิมด้วยเรื่อง "ไปชมพระเมรุกัน" ได้ขึ้นอันดับอยู่หลายสัปดาห์ อันเป็นกำลังใจให้ทำเรื่องต่อๆไป เรื่องศพในโกศนี้ มีความบรรดาลใจมาจากธรรมสังเวชต่อบรรดาผู้วายชนม์ผู้ได้กระทำความดีไว้ในขณะมีชีวิต จนได้รับพระราชทานเกียรติให้"เข้าโกศ"  แต่บรรพบุรุษไทยเหล่านี้กลับถูกชนรุ่นหลังนินทา แบบ"เขาเล่าว่า" ที่ฟังเป็นอัปมงคลเสียจนคนรุ่นใหม่กลัวที่จะเข้าโกศ ผมจึงมีความคิดที่จะศึกษาความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏในขณะที่ยังมีผู้รู้จริงที่สามารถให้การได้ ก่อนที่วัฒนธรรมประเพณีไทยแท้ที่เก่าแก่นี้ก็คงเลือนลางลง และสูญสิ้นไป เหลือแต่เป็นการที่จะต้องเดา ที่เรียกให้ไพเราะห์ว่าสันนิฐานล้วนๆ ผลการศึกษาที่มาถึงบทนี้ ผมถือว่าเป็นผลงานวิจัยร่วมกันของหลายๆท่าน ขอประทานโทษที่มิได้เอ่ยนาม หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และจะยังประโยชน์ยิ่งๆขึ้นไปหากท่านจะช่วยกรุณาเผยแพร่ในหมู่อนุชนที่สนใจ ให้ลูกหลานไทยเหล่านั้นได้รู้จริงในสิ่งที่ควรรู้ ไม่ใช่ปักใจเชื่อต่อเรื่องที่เหลวไหลที่เล่าสืบกันมาช้านานแบบปากต่อปาก สำหรับผม หากจะมีกุศลใดๆเกิดขึ้นจากการกระทำนี้ ดังที่บางท่านได้กล่าวไว้ ผมขออุทิศแด่ท่านผู้วายชนม์ทั้งหลายที่เป็นเจ้าของ"ศพในโกศ"ทุกท่านในประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทย ท่านเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญในอดีต ที่ได้สืบชาติ สืบแผ่นดิน จนเป็นปึกแผ่นให้พวกเราจนบัดนี้ . . . จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ม.ค. 52 08:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอบพระคุณมาก ๆ นะคะ สำหรับความรู้ที่ไม่เคยได้รับทราบมาก่อน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : นู๋นุ่น (SassyGilZ) - [ 13 ม.ค. 52 11:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ไม่มีคำไหนจะกล่าวไปได้มากกว่า  คุณทำได้เยี่ยมจริงๆ ความรู้เรื่องนี้ดีมาก  ช่วยลดภาพความคิดเก่าๆที่ผิดๆไปได้จนหมด ขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 52 12:41:25 จากคุณ : มังกรล่อแก้ว - [ 13 ม.ค. 52 12:41:04 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ได้ความรู้มาก ๆ เลยคับ จากคุณ : a1krab - [ 14 ม.ค. 52 03:25:29 ]

ความคิดเห็นที่ 105 สุดท้ายนี้คงต้องกล่าวคำว่า ..."ปริศนาไขกระจ่างแล้ว" จากคุณ : ซอสมะเขือเทศหมด - [ 14 ม.ค. 52 15:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เข้ามาอ่านช้ามาก แต่ขอขอบคุณคุณ Navarat C. มากค่ะ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาก และ ได้อ่านเรืองที่เป็นประโยชน์ค่ะ ดิฉันมันคนบ้าน "ราก" และ ความเป็นไทย จนลูกน้องที่เป็นเด็กสมัยใหม่ขวางอยู่เรื่อยๆค่ะ ให้   give ไปแล้ว ขอโหวต ละ เก็บเข้าคลังด้วยค่ะ จากคุณ : little kitty - [ 14 ม.ค. 52 15:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 107 แวะมาอ่านตั้งแต่ตอนแรกแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆที่ได้ให้ความรู้ ละเอียดและกระจ่างดีมาก รูปประกอบก็ดูเข้าใจง่ายค่ะ อยากให้รวบรวมเป็นหนังสือค่ะ เพื่อให้คนทั่วๆไปได้ศึกษา และใช้อ้างอิงในการบอกเล่า การเรียนการสอน เด็กๆรุ่นหลังจะได้เข้าใจถูกต้องซะที อยากให้ give จขกท.จัง จากคุณ : แป้งโดว์ (แป้งโดว์) - [ 14 ม.ค. 52 17:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 108 วันนี้ได้หนังสือที่มีรายละเอียดข้อปฏิบัติสำหรับทายาทของผู้วายชนม์ที่เข้าข่ายที่จะขอรับพระราชทานโกศเพื่อเป็นเกียรติยศต่อผู้ตายและวงศ์ตระกูล จึงขอนำบางตอนมาลงไว้เพื่อความสมบูรณ์ของกระทู้นี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ๑ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ๒ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ๓ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ๔ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:34:00 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ๕ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ๖ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ม.ค. 52 19:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอขอบคุณ คุณ จขกท เป็นอย่างสูงอีกครั้งนะครับ ที่นำเอา ข้อมูล เพิ่มเติมมาให้ เมื่อสุดสัปดาห์ เพิ่งจะเถียงกับเพื่อน อยู่เลย ว่าหากมีการพระราชทานเพลิงศพ ญาติของท่านผู้วายชนม์มีค่าใช้จ่ายหรือไม่ หรือ ว่า ทางสำนักพระราชวัง จะจัดการให้เองทั้งหมด โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เห็นข้อมูลที่ คุณ จขกท นำมาเพิ่มเติม แล้ว กระจ่างขึ้นอีกมากเลยครับ แต่สงสัยอยู่อีกข้อนึง ใน คคห 112 ข้อ 13 โกศไม้จริง นี่ คิดเงิน เพียงห้าร้อยบาทเองหรือครับ แล้วมูลค่าจริง นี่สูงกว่าห้าร้อย หรือเปล่าครับ มูลค่าดอกไม้แผงเครื่องสด ยังแพงกว่าเลย แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 52 21:59:54 จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 14 ม.ค. 52 21:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขอบพระคุณมากๆสำหรับความรู้ที่ถูกต้องครับ จากคุณ : JIMMY - [ 14 ม.ค. 52 22:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 117 The funeral of Laotian King Sisavong Vong from: LIFE magazine จากคุณ : akkarachai - [ 15 ม.ค. 52 00:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ลาว ไทย กัมพูชา งานพระเมรุคล้ายกันมากจริงๆเลยครับ จากคุณ : akkarachai - [ 15 ม.ค. 52 00:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ มากๆๆเลยคะ เป็นความรู้อย่างมากเลย จะติดตามอ่านต่อไปเรื่อยๆๆค่ะ จากคุณ : ammz118 - [ 15 ม.ค. 52 03:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 120 คุณ MA<O>MiYA ครับ ถ_โกศไม้จริง นี่ คิดเงิน เพียงห้าร้อยบาทเองหรือครับ แล้วมูลค่าจริง นี่สูงกว่าห้าร้อย หรือเปล่าครับ มูลค่าดอกไม้แผงเครื่องสด ยังแพงกว่าเลย ต_ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในกระทู้ที่๑เลย โกศไม้ที่ว่าผมเรียกว่ากล่องไม้ ทรงสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เพราะทำจากไม้อัด ขนาดเท่าๆกับกล่องใส่ทีวี๒๐นิ้ว ทาสีขาว ข้างบนไม่มีฝา เมื่อเอาศพที่เปลื้องสุกำเหลือเป็นห่อผ้าขาวเล็กนิดเดียวใส่ลงๆไปแล้ว ก็คลุมผ้าขาวทับอีกที ก่อนจะเอาใส่เตาเผา มูลค่าจริง ถ้าคิดตัวเลขปัจจุบันก็คงเฉียดฉิวนะครับ กล่อง หรือโลง ที่ผมเรียกตอนนั้น มีผู้แย้งว่าเป็นลุ้ง ผมรู้จักลุ้งดีว่าเป็นโถดินดิบสำหรับใส่อัฐิไปลอยน้ำ แต่ก็เออออไปตามท่านก่อน ตอนนี้มีหลักฐานแล้วว่า เรียกว่าโกศไม้ ป.ล. ผมหลังไมค์ไปถึงคุณดัวย ได้รับหรือเปล่าครับ หลังไมค์ถึงคุณณัฐเศรษฐ์ด้วย แต่เงียบไปหมด ไม่ทราบว่าผิดพลาดทางเทคนิกหรืออย่างไร กรุณาติดต่อกันที่ navarat.c@gmail.com ด้วย จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ม.ค. 52 07:50:37 ]

ความคิดเห็นที่ 121 รูปของคุณ akkarachaiในความคิดเห็นที่ 118 เห็นพายุน่ากลัวมากนะครับ ขนาดเศวตฉัตรโค่นล้มระเนระนาด ว่าตามสำนวนพระราชพงศาวดารต้องบอกว่า ฤาจะเป็นลางบอกเหตุ ถึงเรื่องร้ายว่าพระราชประเพณีนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วของแผ่นดินลาว เมื่อสงครามพลิกแผ่นดินลาวยุติลงในรัชกาลต่อมา เจ้ามหาชีวิตองค์ใหม่พร้อมทั้งพระชายาไม่ยอมเสด็จลี้ภัยการเมือง ทรงเลือกที่จะอยู่เคียงข้างประชาชนของพระองค์ที่ถูกรัฐบาลใหม่พรรคคอมมูนิสต์กวาดต้อน นำไปค่ายสัมมนาทางภาคเหนือของประเทศ มีข่าวเล็กๆต่อมาว่าทรงสิ้นพระชนม์แล้วที่นั่น แต่ไม่มีข้อมูลว่าทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร และพรรคคอมมูนิสต์ได้จัดการกับพระศพของพระองค์เช่นไร . จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ม.ค. 52 08:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 122 แล้วกษัตริย์พม่าละคับทีวานออกพระเมรุหรือปล่าว ถ้ามีรูปก้อจะดีมาก ผมเก็บตลอด เอาไปให้เพื่อนดูด้วยคุยกันสนุกมาก จากคุณ : หริปรียา - [ 15 ม.ค. 52 12:42:54 A:202.28.27.5 X: TicketID:197397 ]

ความคิดเห็นที่ 123 แก้ไขๆๆ แล้วกษัตริย์พม่าละคับมีงานออกพระเมรุหรือปล่าว ถ้ามีรูปก็จะดีมาก ผมจะได้เก็บไว้เพราะมีคุณค่า เอาไปให้เพื่อนดูด้วยคุยกันสนุกมาก จากคุณ : หริปรียา - [ 15 ม.ค. 52 12:44:49 A:202.28.27.5 X: TicketID:197397 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ผมเคยเอารูปขบวนแห่พระศพเจ้าหญิงพม่าสมัยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษแล้วมาลงไว้ ตามนี้เลยครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7212077/K7212077.html จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ม.ค. 52 13:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ขอบคุณ มากๆคับ จากคุณ : หริปรียา - [ 15 ม.ค. 52 13:26:45 A:202.28.27.5 X: TicketID:197397 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เยี่ยมค่ะ จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 15 ม.ค. 52 21:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 127 สปป.ลาว ไม่มีพรรคคอมมูนิสต์ มีเเต่พรรคประชาชนปฎิวัติลาว เป็นผู้ชี้นำในการบริหารประเทศ เเละกองทัพประชาชนลาว ผมเพิ่งไปงานฉลอง 60 ปี กองทัพประชาชนลาว ที่นครหลวงเวียงจันทร์มา ก็ไม่มีใครกล่าวถึงกองทัพรัฐบาลพระราชอาณาจักรลาวอีกเลย ..... แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 52 13:01:11 จากคุณ : Jacques - [ 17 ม.ค. 52 12:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้มากๆเลยค่ะ จากที่เคยนึกสงสัยแล้วก็ลืมเลือนไป พอมาเห็นกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้กลายเป็นอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆๆ แล้วก็ได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้ในที่สุด ^^" ขอบคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : ศตรัศมิ์ - [ 17 ม.ค. 52 18:41:01 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอให้กุศลที่เกิดจากการมอบวิทยาทานให้ผู้อ่านย้อนคืนให้คุณ Navarat C. ยิ่งฉลาดปราชญ์เปรื่องและมีสุขภาพแข็งแรงนะคะ สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยค่ะ จากคุณ : puppy the neighbourhood - [ 17 ม.ค. 52 21:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ขอบคุณมากๆ ค่ะ ในความพากเพียร  อุตส่าห์ไปหาความรู้แล้วนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทาน จากคุณ : ชาวบ้านทานทน (ชาวบ้านทานทน) - [ 19 ม.ค. 52 19:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ขอบคุณมากๆค่ะ ที่นำความรู้มาแบ่งปัน ปล.เห็นรูป  ราชรถที่ประดับศียรพญานาค7เศียร รู้สึกว่า พญานาค น่าเกรงขามมากๆค่ะ รู้สึกกลัว ยังไงไม่รู้..... จากคุณ : โอ้ย...แจ่ม - [ 19 ม.ค. 52 23:26:18 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : blueboyhub - [ 21 ม.ค. 52 19:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ก่อนที่กระทู้นี้จะถูกส่งเข้าคลัง ขอนำรูปชุดสุดท้ายที่เพิ่งจะได้มา เอาลงไว้ด้วยครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 26 ม.ค. 52 09:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ๑ ภาพการตั้งศพในโกศเพื่อบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม ในภาพเป็นศพพระสงฆ์ชั้นสมเด็จ จะเห็นพวงหรีดหลวงวางพระราชทานหน้าศพครบทุกพระองค์ จากคุณ : Navarat.C - [ 26 ม.ค. 52 09:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ๒ ภาพการตั้งศพในโกศบนจิตกาธานในวันพระราชทานเพลิง ในภาพเป็นศพอดีตปลัดกระทรวงท่านหนึ่ง ที่เสด็จพระราชดำเนิน ณ เมรุวัดเทพศิรินทร์ จากคุณ : Navarat.C - [ 26 ม.ค. 52 09:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ๓ ภาพการถวายพระเพลิงจริง ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่๗  ณ เมรุมาศ ท้องสนามหลวง ในปีพศ๒๕๒๘ เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ถวายพิธีกรรมตามโบราณราชประเพณีนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 26 ม.ค. 52 09:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ขอขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้ง และเป็นพิเศษแด่ท่านที่จะนำไปเผยแพร่ต่อ เพื่อลบล้างความรู้ความเข้าใจผิดที่รำลือกันมาแต่เดิม . . . . . สวัสดีครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 26 ม.ค. 52 09:28:42 ]