ความคิดเห็นที่ 1 ไม่แม่นเรื่องนี้ ไม่รู้จัก tree structure แต่ถ้าคุณลองแยกประโยคง่ายๆข้างล่างนี้ ที่แต่งขึ้นมาล้อประโยคของคุณ ถ้าแยกง่ายขึ้น อันข้างบนก็เหมือนกัน The mother was doing her best to pull her child out of the water with only a thin rope. รอคนเก่งแกรมม่าร์มาช่วยต่อ จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') - [ 8 ม.ค. 52 17:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ได้เป็นทั้ง complementizer และ ไม่ได้เป็น prep. เช่นกัน แล้วเป็นอะไร คำตอบคือ เป็น infl (ชื่อเต็มๆ คือ inflection) ของกริยาครับ เพื่อบ่งว่ากริยาเป็นกริยาไม่แท้... สิ่งที่จะเป็น complementizer ในภาษาอังกฤษมีเพียงไม่กี่ตัว เช่น for, that, if, whether แผนภูมิต้นไม้ของประโยคข้างบนเป็นดังรูป หมายเหตุ 1) ผมละ NP the situation under control....ในฐานที่เข้าใจนะครับ 2) แผนภูมินี้เขียนตาม framework ของ Chomsky's Principles and Parameters  ซึ่งอาจจะไม่เหมือนเวอร์ชันที่คุณเรียนนะครับ  แต่ว่าเอาไปใช้กันได้   3) ขออภัยถ้าลายมือและรูปไม่สวยนะครับ   4) CP = complementizer phrase 5) IP คิดง่ายๆมันคือ ประโยค (sentence) หรือ clause แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 17:44:40 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 8 ม.ค. 52 17:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากค่ะ คุณ texanprofesor นั่งทำทั้งวัน ก็ยังไม่ได้ท้อมาก __'' ตอนนี้กำลังลงเรียนวิชา syntax ซึ่งลงเป็นครั้งแรก (และคาดว่าน่าจะครั้ง เดียว) ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่....แต่ว่าได้ดูคำตอบแล้ว เข้าใจมากขึ้นค่ะ จากคุณ : Cat On a Hot Tin Roof - [ 8 ม.ค. 52 17:54:26 A:58.147.61.107 X: TicketID:185243 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่มเติม ช่วยอธิบายด้วยนะคะ แบบว่ายังงง ๆ อยู่นิดนึง จากคุณ : Cat On a Hot Tin Roof - [ 8 ม.ค. 52 18:04:00 A:58.147.61.107 X: TicketID:185243 ]

ความคิดเห็นที่ 5 tree structure คือไอ้กฎโครงสร้างวลีอะไรทางภาษาศาสตร์ป่ะครับ ที่มี S,NV,VP,PP S=NP+VP NP=(DET)+(ADJ)+N+(PP)+(S) อะไรทำนองนี้ป่ะครับ จากคุณ : Alovera - [ 8 ม.ค. 52 18:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อธิบายเพิ่มเติมนะครับ ประโยคที่คุณให้มาเป็นประโยคที่มีประโยคหลัก (main clause) ที่ถูกขยายด้วย complementizer phrase ประโยคหลักคือ The government was doing its utmost  ส่วน complementizer phrase คือ to bring the situation under control through various inititives (สังเกตว่าเป็นกริยาไม่แท้หรือ non-finite clause) ในประโยคหลัก มีประธานคือ the government กริยาวลีคือ was doing กรรมคือ its utmost ในประโยคย่อย มีประธานคือ "ศูนย์" (คือไม่ปรากฎ เพราะใช้ร่วมกับประธานของประโยคหลัก)  มีกริยาวลีคือ to bring มีกรรมคือ the situation under control... ที่นี้ was กับ to เนี่ย พูดให้ชัดๆ ตามหลักภาษาศาสตร์สมัยใหม่ มันคือ inflection ซึ่งแสดงให้เห็นถึง tense (ว่าเป็นอดีตหรือปัจจุบันหรืออนาคต) ให้เห็นถึง person (ว่าเป็นบุรุษที่หนึ่ง สองหรือสาม) เป็นต้น  เช่น was แสดงให้เห็น อดีต แสดงให้เห็นว่าประธานเป็นบุรุษที่สามเอกพจน์   ในกรณีของ to แสดงให้เห็นว่า ไม่มี tense และไม่มีบุรษ เป็นต้น... จากแผนภูมิต้นไม้ข้างต้น จะเห็นว่าทั้งประโยคหลักและประโยคย่อยที่มาขยายจะมีส่วนประกอบเหมือนกันทุกประการ  ผิดกันแต่เพียงว่าประโยคย่อย ไม่มีประธานเท่านั้นเองครับ ส่วนคุณ #5 ใช่ครับ  มันพัฒนามาจากโครงสร้างวลีที่คุณกล่าวมา  แต่ว่าในภาษาศาสตร์ปัจจุบัน เลิกใช้โครงสร้างวลีอย่างว่าแล้ว เพราะว่าจุดประสงค์คือ เราต้องการโครงสร้างวลีเพียงโครงสร้างเดียว ที่สามารถอธิบายปรากฎการทางภาษาได้ "ทุก" ภาษา (อังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น ลาว เขมร จีน ฯลฯ)  ดังนั้นการเขียนโครงสร้างวลีอย่างที่คุณยกตัวอย่างมา มันเลยถูกยกเลิกไป เพราะว่ามันจำกัดอยู่ที่ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว... ปัจจุบัน (ไม่สิ เกือบจะปัจจุบัน) เราใช้ algorithm สูตร XP --> YP     X' X' --> X      ZP, where X, Y, and Z = ตัวแปรที่แทน any kind of phrase   สูตรนี้ใช้ได้กับทุกภาษาในโลกนี้ครับ  (หมายเหตุ เวลาคุณแตก YP ก็จะได้เหมือนกันคือ YP --> UP   Y',   Y' --> Y   WP เป็นต้น  แทนสูตรไปได้เรื่อยๆ (จุดประสงค์ที่ยกสูตรข้างบนคือ ต้องการไล่ให้ดูว่าทฤษฎีมันมีวิวัฒนาการไปสู่สูตรที่เป็นสากลขึ้นเรื่อยๆ และนำคณิตศาสตร์มาช่วยอธิบายปรากฎการณ์ทางภาษาน่ะครับ) แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 19:42:45 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 19:42:17 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 8 ม.ค. 52 19:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณเป็นอย่างสูงเลยค่ะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : Cat On a Hot Tin Roof - [ 8 ม.ค. 52 20:00:06 A:58.147.61.107 X: TicketID:185243 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ๋อ (เหมือนจะเข้าใจ อิอิ) ถ้าอย่างนั้นประโยคอย่างเช่น I made him cry หรือ ฉันส่งน้องไปโรงเรียน จะเขียนต้นไม้ออกมายังไงคะ เคยได้ยินเกี่ยวกับ Theta theory มันคือยังไงคะ การเขียนต้นไม้จากประโยคแบบนี้ต้องใช้หรือเปล่าคะ? รบกวนนินึง(เอ๊ะ หรือเปล่า อิอิ)ด้วยค่ะ จากคุณ : narcoleptic - [ 8 ม.ค. 52 20:51:02 A:202.28.51.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 #8 ครับ  ประโยคที่ถามมาเขียนแผนภูมิได้ดังภาพ    จะเห็นได้ว่าโครงสร้างประโยคคล้ายๆที่จขกท ถามมา    นั่นคือ มีประโยคหลัก I made SOMETHING   และประโยคย่อย him cry (ซึ่งก็คือ something ในประโยคหลักนั่นเอง)  เพราะฉะนั้น ในที่นี้ ประโยคย่อยทำหน้าที่เป็น กรรม ของกริยาในประโยคหลัก ในประโยคย่อย มีประธานคือ him    กริยาคือ cry  แต่ประโยคย่อยเป็นประโยคที่ไม่มี tense ไม่มีบุรุษ  เป็นกริยาไม่แท้ (non-finite verb) จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 8 ม.ค. 52 21:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วน theta theory เป็นทฤษฎีย่อยอีกอันที่ทำงานร่วมกับไอ้แผนภูมิข้างบน (ซึ่งเราเรียกว่า x'theory หรือ เอ็กซ์บาร์เทียรี่)  ให้นึกง่ายๆแต่ละทฤษฎีเหมือนอวัยวะในร่างกายคือ มีหน้าที่ของตัวเอง แต่ทำงานร่วมกัน เช่น หัวใจสูบฉีดและรับเลือด แต่ก็ต้องประสานกับปอดด้วย... ทฤษฎีทางภาษาก็ทำอย่างเดียวกันครับ เธต้าเทียรี่ที่คุณถามมา กำหนดว่าคำนามทุกคำต้องมี theta role และ role ต้องสอดคล้องกับกริยาด้วย เช่น Krisda loves English.  Krisda = มี role คือ experiencer ผู้ที่รู้สึก  ส่วน English = theme (ผู้ที่ถูกรัก)   อันนี้ถูกไวยากรณ์ เพราะว่ากริยาคือ "รัก" ซึ่งประกอบด้วย role สองชนิดคือ  คนที่รู้สึกรัก และ สิ่งที่ถูกรัก   และในที่นี้มีคำนามสองตัวพอดี  แต่ละตัวก็ได้ role ไปคนละอัน แต่ลองมาดูในประโยคต่อไป   Krisda loves English Japanese.   อันนี้ผิด เพราะว่า "รัก" ประกอบด้วย 2 roles เหมือนข้างบน  แต่ในที่ีนี้มีคำนามถึง 3 ตัว คือ Krisda, English, Japanese ดังนั้นมีตัวใดตัวหนึ่งที่ไม่ได้ role แน่ๆ (เพราะกริยาให้ได้แค่สอง)  จึงอธิบายว่าทำไมมันผิดไวยากร ถ้าจะให้ถูกก็ต้องเติมสันธาน and เข้ามา เพื่อทำให้คำนามสองตัวหลังเป็นกลุ่มก้อน (ถือว่าเป็น หนึ่ง) ดังนั้นจึงครบครับ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 52 21:44:04 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 8 ม.ค. 52 21:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ จากคุณ : narcoleptic - [ 8 ม.ค. 52 21:49:45 A:192.168.0.17 X:202.28.51.71 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาแอบขอความรู้ด้วยคน ค่ะ จากคุณ : Cat On a Hot Tin Roof - [ 9 ม.ค. 52 02:19:48 A:58.147.61.107 X: TicketID:185243 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากเลย ครับ ขอบคุณทั้งคนตั้งกระทู้เลย ไม่งั้นผมก็คงไม่ได้ความรู้นี้เลยนะครับ ขอถามเพิ่มนิดนึง ว่า Pในตัวแปรคืออะไร ครับ แล้ว เจ้า ' ที่อยู่ข้างบนตัวแปร หมายถึงอะไร การเดาส่วนตัว(หาใช่ความเข้าใจไม่) คิดว่า P น่าจะ = phrase รึเปล่า?? พอดีไม่มีพื้นฐาน ช่วยแนะนำหนังสือด้วยขอรับ จากคุณ : noptee - [ 9 ม.ค. 52 09:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ ถูกต้องแล้วครับ P คือ phrase ส่วนตัวแปร X อาจจะเป็น N(oun) V(erb) P(reposition) A(djective or dverb) เราก็จะได้ NP, VP, PP, AP อย่างเนี้ยะครับ เจ้า ' มันคือ บาร์ (bar) หรือ prime ในทางคณิตศาตร์ มันระบุว่าตัวแปรตัวนั้นน่ะ ไม่ใช่ระดับ phrase เป็นแค่ "กึ่งๆ" (intermediate level) คือ เล็กกว่า phrase หรือเป็น phrase ที่ไม่สมบูรณ์น่ะครับ สังเกตว่า ในวลี (phrase) หนึ่งๆ มี P แค่ตัวเดียว แต่สิ่งอื่นๆ (ที่เล็กกว่า P ) คือเป็นระดับ บาร์น่ะครับ เช่น a red apple ทั้งหมดคือ noun phrase (NP) แต่ apple อย่างเดียวคือ N' หรือ red apple ก็ยังเป็น N' อยู่ (เพราะว่าในภาษาอังกฤษนามวลีทุกตัวต้องมี article ดังนั้นถ้าขาดอาร์ติเคิลไป แสดงว่ายังไม่เป็น phrase เป็นแค่ กึ่งๆ phrase) ถ้าเป็น a red apple ถึงจะเป็น NP หนังสือแนะนำ ที่ไม่ยากเกินไปจะเป็น An introduction to the grammar of English syntactic arguments and socio-historical background By elly van gelderen ครับ (John Benjamins Pub.) กับ EnglishSyntax: An Introduction by Andrew Radford (Cambridge UP) อันหลังยากกว่าอันแรกครับ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 52 16:14:09 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 9 ม.ค. 52 16:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กำลังสนใจเรื่องนี้เลยครับ พอดีอ่านเจอหัวข้อกระทู้เลยเข้ามาดู ขอบคุณสำหรับชื่อหนังสือด้วยครับ จากคุณ : avada_kedavra - [ 11 ม.ค. 52 14:30:08 ]