ความคิดเห็นที่ 1 เชิดชูชนหมู่มาก เข่นฆ่าชนหมู่น้อย ไม่มาก หรือน้อยกว่านี้ แต่นี่มันธรรมชาติของมนุษย์นี่เนอะ ไม่ไช่ปชต.หรอกมั้ง ปชต.ที่คุณรู้จักนะ ถูกพัฒนาขึ้นมาภายหลังเท่านั้นละครับเรื่องความเสมอภาคนะ ย้อนดูประวัติศาสตร์โรมันสภาซีเนทและทรีบูนดูก็ได้ ไม่ต่างจากข้อความข้างต้นแม้แต่น้อย ปชต.ตัวมันเองไม่ได้หมายถึงความเท่าเทียม แต่ความเท่าเทียมเป็น"ส่วนหนึ่ง"ของปชต. ประชาธิปไตย มาจาก ประชา + อธิปไตย กล่าวคือ ประชาชนเป็นใหญ่ยิ่ง และประชาชนคือ"เสียงข้างมาก" ว่ากันตามทฤษฏีสภาฐานันดรของฟรั่งเศษไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เพราะเสียงข้างมากถือเป็นที่สุด แม้จะไม่ไช่"คน"หมู่มาก แต่"เสียง"มันชนะก็แค่นั้น รุสโซ่(มั้งนะถ้าจำไม่ผิด)เคยกล่าวว่าปชต.นั้นเป็นการไช้คนหมู่มากปกครองคนหมู่น้อย แต่ปัญหาคือ"คนหมู่น้อยก็เป็นคน"เสียงข้างมากสั่งไห้ไปตายก็ต้องไปตายงั้นหรือ แต่ถ้าลุกขึ้นต่อต้านก็เป็นการไม่ยอมรับเสียงส่วนใหญ่ แต่เสียงข้างมากนั้นแปลว่ามีสิทธิมากด้วยหรือไม่นั้นก็ไช่ที่ และทุกอย่างก็จะวนกันใหม่ไปเรื่อยๆ คำถามจึงไม่ไช่ปชต.คืออะไร แต่เป็น"คุณอยากไห้ปชต.เป็นอย่างไร" เราสร้างมัน กำหนดมัน ไช้มัน และอยู่ร่วมกับมัน แต่เราคือนายมันคือบ่าว ปชต.มีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของสังคม จึงน่าสนใจที่ว่าถ้าเราเลือกที่จะไม่เอามันๆจะเป็นเช่นไร แต่ประเด็นคือ.......คุณหลงรักมันเพราะตัวมันดีจริง หรือหลงรักมันเพราะเชื่อว่ามันดีจริง ปล.คำขัวญของการโฆษนาคือ ไม่บอกว่าดี แค่ไม่รู้ว่ามันไม่ดีก็พอแล้ว ปล2.ผมเคยเขียนข้อความนี้ในข้อสอบมหาลัย น่าตลกที่อ.บอกผมว่า ผมไม่เหมาะกับปชต. ซึ่งก็อาจจะจริง เพราะผมเป็นอนาธิปไตยเสรีนิยม ปล3.ชื่อหัวรายงานผมคือ "กำแพงดอกไม้" คนน้อยคนที่จะเข้าใจมัน แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ชอบธรรมชาติมากกว่า จากคุณ : Gray Fish - [ 21 ม.ค. 52 02:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมมองที่เนื้อหาอันมุ่งไปสู่ความเป็น ประชาธิปไตยน่ะครับ คือประชาชน ต้อง มีสิทธิแ ละเสรีภาพ ... มีโอกาสในการเข้าถึงสิ่งที่รัฐจัดให้ (สวัสดิการ) สำคัญคือ มีสิทธิในการตัดสินใจปัญหาร่วมกัน รวมไปถึงเคารพเสียงส่วนใหญ่ (ที่ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล - หลักนิติรัฐ ) ผมว่า ถ้าเข้าห้องราชดำเนินกระทู้นี้คงแหลกลาญ อ้อๆ คนทุกคนควรเท่าเทียมกัน มีศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์เท่ากันด้วยครับ จากคุณ : jassb1 - [ 21 ม.ค. 52 03:31:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่มีวิชากงวิชาการอะไรหรอก หลักการของประชาธิปไตยคือ 1. เสียงส่วนใหญ่ และ 2. การออกเสียงนั้นต้องมาจากวิจารณญาณของผู้ออกเสียงโดยอิสระอย่างแท้จริง ปราศจากแรงกดดันใดๆ ตัวอย่างจากประสบการณ์ส่วนตัวของผม 1. ผู้สมัครเป็นเศรษฐีใหญ่ เจ้าของกิจการหลายอย่างรวมทั้งตลาดสดด้วย ถ้าคะแนนในหน่วยเลือกตั้งที่ตลาดสดนี้กรูไม่ชนะ กรูจะปิดตลาด 2. ฉันรับเงินเขามาแล้ว ฉันก็ต้องลงคะแนนให้เขา ไม่งั้นมันรู้สึกละอายใจยังไงไม่รู้ สำหรับผมแล้ว เมืองไทย ... เคยมีประชาธิปไตยซะที่ไหน !!!!!!!!!! จอมปลอมทั้งเพ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 21 ม.ค. 52 04:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เออ... ครับ ผมลืมเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนไปเลย เห็นด้วยกับทุกท่านครับ ผมเห็นทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งประเด็นไปที่การเลือกตั้งและผลการเลือกตั้ง ผมเลยมองแต่ประเด็นนี้ ลืมเรื่องสิทธิเสรีภาพไปเลย ใช่ครับ คนในสังคมต้องมีสิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกัน เห็นด้วยเต็มๆ จากคุณ : BCT - [ 21 ม.ค. 52 07:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หาก จขกท มองถึง "รูปแบบการปกครองในระบบประชาธิปไตย" แล้ว ประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากคือ ที่มาของผู้ปกครองและการมอบอำนาจให้แก่ผู้ปกครองโดยประชาชน ที่ จขกท ว่า "สำหรับผม ประชาธิปไตยน่าจะหมายถึงการปกครองที่เน้นความสำคัญที่ผลประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศ " นั้น มันกว้างไป การปกครองในระบบอื่น ก็เป็นเช่นนี้ได้เช่นกัน ถ้าจะว่ากันถึง "หลักการของประชาธิปไตย" แล้ว เปิดตำราหลักรัฐศาสตร์พื้นฐานเล่มไหนดูก็ได้ (google ดูก็ได้) จากคุณ : ผมเอง - [ 21 ม.ค. 52 07:53:44 A:58.8.166.175 X: TicketID:106200 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คำว่าประชาธิปไตย อำนาจต้องมาจากและเป็นของประชาชน ถังไท่จง หรือเผด็จการคนอื่นๆเช่น อโศกมหาราช ถึงแม้ว่ามีความสามารถ และตั้งใจให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ยังไงก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะที่มาของอำนาจครับ จากคุณ : เสธแก่ - [ 21 ม.ค. 52 11:34:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มันคือ นปช จากคุณ : ฉั่วเป่งใช้ - [ 21 ม.ค. 52 12:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามาดูครับ.... จากคุณ : Mr.Review - [ 21 ม.ค. 52 13:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประชาธิปไตยคือ อำนาจในการปกครองอยู่ในมือประชาชน แต่ประชาธิปไตยที่โลกเสรีนิยมแอบอ้างนั้น อำนาจในการปกครอง อยู่ในมือของเหล่านายทุน จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 21 ม.ค. 52 13:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ประชา+อธิปไตย ถ้าจะกล่าวถึง อธิปไตย คือ อำนาจสูงสุดภายในประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น บริหาร ตุลาการ และ นิติบัญญัติ   ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการทำลาย เสียงส่วนน้อยอย่างที่ คห.2 ว่าไว้ เพียงแค่รัฐภายใต้อำนาจของเสียงส่วนใหญ่ก็การดำเนินการไปตามความต้องการของเสียงข้างมาก ปัญหามันคือ ความหลากหลายในกิจกรรมการบริหาร ที่ไม่สามารถจะหาข้อตัดสินด้วยการสอบถามความเห็นของคนทั้งประเทศ จึงต้องมี ระบบตัวแทน เอาแค่ระดับ อปท. สมมติว่า เทศบาลแห่งหนึ่ง มีรายได้ปีละ 50 ล้าน งบอุดหนุนอีก ปีละ 50 ล้าน รวม 100 ล้าน ถ้าจะรอให้มีการรวบรวมความเห็นของทุกคน จนตกผนึกลงมาเป็นแนวทางการดำนเนินงานด้านต่างๆ ทั้ง การแก้ไขปัญหา และ พัฒนา แม้สามารถทำได้แต่ก็ต้องใช้เวลา(แต่ก็น่าทำนะ เพราะเป็นหน่วยปกครองเล็กๆที่เป็นปูรากฐานประชาธิปไตย) แต่ในระดับประเทศนั้นจะยุ่งเหยิง ซับซ้อนกว่ามาก ก็เลยมีตัวแทน และ พรรคการเมืองขึ้นมานำเสนอนโยบายด้านต่างๆ ซึ่งหากได้รับการเห็นชอบจากประชาชนคนส่วนใหญ่ ก็จะได้รับมอบอำนาจไปบริหาร ย้อนนกลับลงมาในระดับท้องถิ่นก็เช่นเดียวกัน แต่ที่น่าสังเกตุ คือ การนำเสนอที่ว่า เกิดจากแนวความคิดของกลุ่มคน เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นดีด้วย ไม่ได้เกิดจาก ความคิดเห็น หรือ ความต้องการของประชาชน คนส่วนใหญ่โดยตรง นโยบาย ก็แค่ นโยบาย คือสิ่งที่จะทำอย่างไรและให้ผลดีอย่างไร หลังจากทำแล้ว จะทำจริง ทำบางส่วน ทำทั้งหมด ทำแล้วได้ผลดี หรือ ไม่ดี ไม่เป็นอย่างที่โฆษณา หรือ จะดีอย่างที่ว่าไว้ นั้นอีกเรื่องนึง ตัวแทนของประชาชน ควรจะนำมติของประชาชนที่เลือกตนไปเสนอ ไม่ใช่การตัดสินใจแทนประชาชนที่เข้าใจว่าประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง กับความหวังลมๆแล้งว่าเราจะเจริญก้าวหน้าด้วยประชาธิปไตย และนี่คือประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถนำข้อมูลมาร่วมกันวิเคราะห์ปัญหา และหาทางแก้ แต่อาศัยกลุ่มคนที่เสนอแนวคิดขึ้นมา โฆษณาชวนเชื่อให้เห็นว่า อย่างนั้นดี อย่างนี้ไม่ได้ จะตรงใจบ้าง ไม่ตรงใจบ้าง แต่ก้อาศัยกระแสที่ถูกปลุกปั้นด้วยกระบวนการทางการตลาด หรือโฆษณาชวนเชื่อ ผ่านสื่อมวลชน จนกลายเป็นว่า ประชาธิปไตย คือ การเลือกว่าจะเชื่อฝ่ายไหน เมื่อต่างฝ่ายก็เป็นวัวสันหลังหวะ ที่ฆ่าไม่ตาย ติดคุกไม่เป็น แถมยังสามารถโลดแล่นท้าสายตาสาธารณชนอยู่อย่างสง่าผ่าเผยบนเส้นทางการเมือง ก็เลยต้องเลือก ข้างที่ชั่วหรือโกงน้อยกว่า หรือยังไม่มีโอกาสที่จะโกง แล้วปลอบใจตัวเองว่า บ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้าได้ แม้จะให้คนโกงมีอำนาจ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 14:42:20 แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 14:40:57 จากคุณ : นายไวรัส - [ 21 ม.ค. 52 14:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เพิ่มเติมในปลีกย่อย หลังจากอ่านความคิดเห็นด้านบนครับ ประชาธิปไตยที่แท้จริง ... คือการฟังเสียงความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชน (อันหลากหลาย) ... โดยผ่านตัวแทนเข้าไปทำหน้าที่ขับเคลื่อน ในระบบสภาผู้แทน หรือหน่วยที่รองลงมา จากคุณ : jassb1 - [ 21 ม.ค. 52 15:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 "ประชาธิปไตย ... ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่" "ถ้าประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนบ้าๆ บอๆ ก็ได้" เคยได้ยินท่านพุทธทาส ให้ความเห็นเช่นนี้นะ จากคุณ : [-_-]_V (Hotacunus) - [ 21 ม.ค. 52 18:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ประชาธิปไตย อย่างที่หลายๆท่านว่า มาจาก ประชา + อธิปไตย คำว่า อธิปไตย แปลว่า เอกราช โดยรวมคือ เอกราชของประชาชน หรือ ความอิสระของประชาชน ในการที่จะแสดงความคิดเห็น หรือ เลือกตัวผู้นำ โดยมาจาก ความเห็นของคนหมู่มาก และที่สำคัญยิ่งกว่า คือ ต้องเคารพคนหมู่โดย ตามหลัก ประชาธิปไตย เสียงข้างมาก โดยเคารพ คนหมู่น้อย รุสโซ่ว่า ประชาธิปไตยไม่มีจริง เพราะการจะให้คนหมู่มากปกครองคนหมู่น้อยเป็นไปไม่ได้(คนหมู่มาก คือ ประชาชน คนหมู่น้อยคือรัญบาล) แปลว่าทุกการกระทำของรัฐบาล ต้องมาจากการตัดสินใจของประชาชน ซึ่ง ตามความจริงเป็นไปได้ยาก เลยเกิดตำแหน่ง ผู้แทน ขึ้นมา(แล้วก็จะไปแยกเป็นแบบ รัฐสภา กับ ประธานาธิบดี" เอาจริงๆคือ การปกครองที่ประชาชนปกครองกันเอง ใครอยากเอาอะไร ไปหาคนส่วนมากมา แล้วก็บอกให้คนส่วนน้อยทำตาม อย่าง คห แรกว่า เชิดชูชนหมู่มาก เข่นฆ่าชนหมู่น้อย เพราะ ผมยังไม่เคยเห็น การกระทำที่เคารพคนหมู่น้อยเลยสักครั้ง จากคุณ : KC_CRUSH - [ 21 ม.ค. 52 19:29:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 .. จากคุณ : German Shepherd 02 - [ 21 ม.ค. 52 20:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เฮ้อ สงสารรุสโซ แต่ไหนแต่ไรพวกอำนาจนิยมหรือพวกอำนาจเบ็ดเสร็จก็ชอบเอาเศษนิดเศษน้อยที่รุสโซพูดไปอ้างเพื่อให้ตัวเองใช้อำนาจได้อย่างเกินขอบเขต ผมว่าตอนที่รุสโซแต่ง The Social Contract ตอนนั้นความหมายคำว่า ประชาธิปไตย (Democracy) ยังไม่ได้มีความหมายแบบปัจจุบัน แนวคิดประชาธิปไตยพัฒนาไปมากหลังจากยุครุสโซเพราะคนเอาแนวคิดของนักคิดทั้งหลาย (รวมทั้งของรุสโซด้วย) ไปใช้จริง ไปพัฒนากันเป็นจนเป็นประชาธิปไตยแบบใหม่ ที่มันใช้ได้จริง ๆ แล้วก็ไม่มีคนหมู่มากฆ่าคนหมู่น้อยด้วยสิ ไอ้แบบที่คนหมู่มากเป็นใหญ๋ปัจจุบันน่าจะใช้คำว่า Majoritarianism ประชาธิปไตยที่เป็นกระแสหลักในปัจจุบัน (บางทีก็เรียกว่าระบอบเสรีประชาธิปไตย - Liberal Democracy) มันมีหลักการมากกว่าแค่คนหมู่มากปกครองคนหมู่น้อย ดังนั้นผมว่าการเอาคำพูดที่รุสโซวิจารณ์ Democracy ในความหมายหนึ่งเมื่อสองร้อยกว่าปีมาแล้ว มาเหมาด่า Democracy ในปัจจุบันมันไม่ถูกต้องนะครับ อีกประการหนึ่ง อธิปไตย (sovereignty) ไม่ได้แปลว่า เอกราช (independence) นะครับ ถึงบางครั้งจะมีคนพยายามใช้ในความหมายเดียวกันก็เถอะ เราอาจจะพูดว่าอำนาจสูงสุดอยู่ที่กษัตริย์ อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชน แต่ไม่ได้แปลว่ากษัตริย์เป็นเอกราช ประชาชนเป็นเอกราช มันใช้อธิบายคนละหลักการกัน แต่ถึงจะพยายามจะดำน้ำแปลคำว่าประชาธิปไตยตรงตัวยังไง ก็น่าจะแปลว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ผมดูยังไงก็ไม่น่าลากไปถึงส่วนมากปกครองส่วนน้อยได้นะครับ นอกจากจะเอาความเข้าใจในประชาธิปไตยแบบผิด ๆ ของคนไทยมาปนด้วย สงสารประชาธิปไตยด้วยที่คนไทยสมัยนี้ชอบเข้าใจมันผิดแล้วก็โดนด่าตลอดเลย จากคุณ : วัว (cookiemonmon) - [ 21 ม.ค. 52 20:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมรู้จักแต่นายทุนธิปไตยครับ จากคุณ : Ninjax - [ 21 ม.ค. 52 22:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมกลายเป็นพวกอำนาจนิยมแล้วหรือนี่ วันก่อนยังโดนหาว่าเป็นกบฏอยู่เลย แต่ช่างเถอะ เข้าประเด็นดีกว่า ผมอยากไห้คุณ วัว (cookiemonmon) อ่านประโยคสุดท้ายของผมอีกทีนะครับ - คำถามจึงไม่ไช่ปชต.คืออะไร แต่เป็น"คุณอยากไห้ปชต.เป็นอย่างไร" เราสร้างมัน กำหนดมัน ไช้มัน และอยู่ร่วมกับมัน แต่เราคือนายมันคือบ่าว ปชต.มีหน้าที่ตอบสนองความต้องการของสังคม จึงน่าสนใจที่ว่าถ้าเราเลือกที่จะไม่เอามันๆจะเป็นเช่นไร แต่ประเด็นคือ.......คุณหลงรักมันเพราะตัวมันดีจริง หรือหลงรักมันเพราะเชื่อว่ามันดีจริง - ประเด็นผมอยู่ตรงนี้ตะหาก ข้อความข้างตนนะผมเสริมแล้วว่า "ไม่มาก หรือน้อยกว่านี้ แต่นี่มันธรรมชาติของมนุษย์นี่เนอะ ไม่ไช่ปชต.หรอกมั้ง" ขอไห้คุณทำความเข้าใจเรื่องภาวะทางสังคมและธรรมชาติของมนุษย์ด้วยนะครับ ปชต.ไม่ได้มีแบบเดียว ความหลากหลายของมันขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศ เช่นแบบของคห.2 เป็นสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบเยรมัน คห.9ก็แบบอเมริกา แต่ปชต.ก็มีธรรมชาติของมันอยู่ มันเกิดมาอย่างไรมันก็โตมาอย่างนั้น หลักการนี้ไม่ว่ารุสโซ่จะพูดเมื่อ200ปีก่อนก็ไม่ต่างกันมากนัก ไม่งั้นเราจะศึกษาPolitique ของเพลโตทำใม แล้วเรื่องส่วนมากปกครองส่วนน้อยนี่ผมก็ว่าถูกประเด็นแล้วนะครับ ปชต.เราเดินมาในทางนี้ไม่ไช่หรือครับ หรือจะไห้เป็นแบบคณาธิปไตยสมัยร.7 แต่เรื่องตลกของผมคือความแตกต่างในเนื้อแท้แห่งการกระทำ ถ้าคนหมู่มากทำเพื่อคนหมู่มาก นั่นคือสิ่งที่ถูก - แล้วคนหมู่น้อยละ ถ้าคนหมู่มากทำเพื่อคนหมู่น้อย นั่นคือลำเอียง - ช่วยพวกเดียวกันเหรอ ถ้าคนหมู่น้อยทำเพื่อคนหมู่มาก นั่นคือสิ่งที่ถูก - เค้าเป็นคนใจกว้าง ถ้าคนหมู่น้อยทำเพื่อคนหมู่น้อย นั่นคือเห็นแก่ตัว - เพด็จการแน่ๆ 4ข้อนี้ต่างกันอย่างไรในความเป็นปชต. คนส่วนใหญ่เลือกผู้แทน - ผู้แทนกลายเป็นคนส่วนน้อยที่แทนคนส่วนมาก - คำถามคือเขาทำผลประโยชน์เพื่อคนกลุ่มใหน ปชต.ที่ดีนั้นทำเพื่อทุกฟ่าย แต่ไม่มีใครสามมรถทำไห้ทุกคนพอใจได้ สมการข้างบนคือตัวตัดสินความดีงามของปชต. ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าเราอยากไห้มันเป็นเช่นไร เราคือผู้สร้าง กำหนดมัน ไช้มัน และอยู่ร่วมกับมัน หน้าที่ของเราคือเลี้ยงดูมันไห้เติบโตเป็นแบบที่เราต้องการ เพราะ"ปชต.นั้นคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของสังคม ด้วยการเป็นประชาชนของตัวมันเอง" ปล.ผมถึงถามไงว่าคุณเข้าใจวลี"กำแพงดอกไม้"ของผมแค่ใหน ผมไม่ชอบปชต.ก็จริง แต่ความเข้าใจของผมต่อมันเป็นสิ่งที่กำหนดอัตลักษณ์ของผม ปล2.ผมเป็นคนที่พูดอะไรตรงๆแล้วคนเข้าใจยาก แต่ซุงแหลทีไรดันเชื่อจริงจัง ตลกดีเหมือนกัน จากคุณ : Gray Fish - [ 21 ม.ค. 52 22:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบ ความคิดเห็นที่ 14 ครับ ส่วนตัวแล้วถ้าเดินผ่านท่าน ก็จะหยุดอ่านทบทวนให้ขึ้นใจ จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอนก็ชอบ ... อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 21 ม.ค. 52 23:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อจากความเห็นที่ 6 เสริมว่า วิธีได้มาซึ่งอำนาจ กับ วิธีใช้อำนาจ (บริหารจัดการ) ต้องแยกพิจารณา ผู้นำที่ได้อำนาจมาโดยการรัฐประหาร ปราบดาภิเษกหรือไม่ก็สืบสันติวงศ์ มีทั้งใช้อำนาจในทางที่ผิดและถูก บางคนเป็นทรราช บางคนเป็นมหาราช ผู้นำที่ได้อำนาจมาโดยการเลือกตั้งจากเสียงส่วนใหญ่ มีทั้งใช้อำนาจในทางที่ผิดและถูก บางคนถูกขับไล่ บางคนเป็นรัฐบุรุษ ประชาธิปไตย ต้องมีทั้งการใช้อำนาจ และการตรวจสอบ ถ่วงดุล ประชาธิปไตย ไม่ใช่การคัดคนดี แต่เป็นระบอบที่คนส่วนใหญ่มอบอำนาจ ----------------------------------------- ถังไท่จง...ได้อำนาจจากการก่อรัฐประหารนองเลือด ใช้อำนาจทำคุณประโยชน์มาก บริหารงบประมาณ เพื่อพัฒนาด้านต่างๆ ได้ดี มีระบบตรวจสอบ ที่ดี (โดยมี เว่ยเจิง เป็นขุนนางคอยค้าน) แต่ก็อยู่ในอำนาจ หลายสิบปี (เพราะไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือข้อห้ามเอาไว้) แม้จะเป็นมหาราช แต่ยุคหลังๆ ก็มีทรราชเกิดขึ้นอีกมากมาย จากคุณ : J o r n - [ 22 ม.ค. 52 02:24:27 A:58.9.76.194 X: TicketID:200717 ]

ความคิดเห็นที่ 20 "หน้าที่" แล้วจึงเป็น "สิทธิ" ไม่ใช่ "สิทธิ" เพียงอย่างเดียว จากคุณ : กัมม์ - [ 22 ม.ค. 52 08:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขออนุญาตจขกทครับ เรียนถามคุณกัมม์ ทำไมต้อง"หน้าที่" แล้วจึงเป็น "สิทธิ"                                     "มีสิทธิ" ก่อนแล้วมี "หน้าที่" ได้ไหมครับ จากคุณ : เสธแก่ - [ 22 ม.ค. 52 10:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มนุษย์ย่อมมีเจตจำนงเสรีครับ ดังนั้นจึงต้องสงวนคำว่า "สิทธิเสรีภาพ" ไว้เป็นปฐม ส่วนหน้าที่ของมนุษย์คือการร่วมกันขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกันตามบทบาทของตน จากคุณ : jassb1 - [ 22 ม.ค. 52 11:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ประเทศเรายังไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงค่ะ เพราะว่า..... ประชาธิปไตยมิใช่แค่เสียงข้างมาก แต่เป็นการที่การเมืองและการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมีหลักการและข้อกฏหมายที่พัฒนามาจากความต้องการพื้นฐานของคนทุกภาคส่วน ทุกระดับและสาขาอาชีพ ประชาธิปไตยคืออำนาจของประชาชน นักการเมืองถูกเลือกเข้ามาก็จริง แต่ก็มีสิทธิ์ถูกถอดถอนได้เช่นกัน จะด้วยกลไกใดที่ต้องพึ่งประชาชนในการขอถอดถอนก็แล้วแต่ แต่จำเป็นต้องมี เพราะนักการเมืองที่ถูกเลือกเข้ามาก็คน เขาสามารถเปลี่ยนอุดมการณ์ของตนได้เมื่อเวลาผ่านไป ประชาธิปไตยที่แท้จริง ประโยชน์ประชาชน (อ่านดีๆ นะคะ ไม่ใช่ประชาชน) เป็นใหญ่ -ไม่ใช่นักการเมือง- ประชาธิปไตยที่แท้จริง สื่อทุกชนิดต้องช่วยกันผลักดันและปลูกฝัง ไม่ว่าด้วยวิธีการหรือกลยุทธ์ใดๆ และทำเป็นแผนระยะยาว 10, 15 ปี แต่... ประชาธิปไตยต้องเริ่มด้วยความ เข้าใจ สถานภาพ สภาพ สถานการณ์ จุดอ่อน จุดด้อย จุดดี และที่ยืนของประเทศเรา "อย่างถูกต้อง" เสียก่อน เพื่อจะได้รู้ว่าเราต้องพยายามแค่ไหน อย่างไร กว่าจะไปถึงจุดที่ได้มาซึ่ง ประชาธิปไตย ... คคห ส่วนตัวนะคะ ด้วยความเคารพ ... แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 52 22:57:57 จากคุณ : puppy the neighbourhood - [ 22 ม.ค. 52 22:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หลักการของประชาธิปไตยที่สำคัญคือ 1. ประชาชนต้องตระหนักในเรื่องสิทธิและเสรีภาพ หมายถึงทั้งของตนเอง และของคนอื่นในสังคม รู้ว่าสิทธิและเสรีภาพที่แต่ละคนมีเพียงใด และมีกรอบ มีข้อจำกัดอย่างไร นิสัยเสียๆ อย่างหนึ่งของคนไทยคือ ขาดวินัย  อยากทำอะไรก็ทำ  ไม่ใส่ใจกฏระเบียบข้อบังคับ ซึ่งมันเป็นการทำลาย/ลิดรอน/กระทบ สิทธิเสรีภาพของคนอื่นๆ ในสังคม (ซึ่งมันเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องความพยายามสร้าง "อภิสิทธิ์"-การมีสิทธิ์เหนือกว่าคนอื่น ด้วยการอิงอำนาจ/อิงเส้นสาย/อิงระบบอุปถัมภ์   และนำไปสู่การดึง "คนที่ไม่ควรเกี่ยว" ให้มาเกี่ยวข้องด้วย) 2. เมื่อตระหนักในสิทธิเสรีภาพของตนแล้ว ประชาชนทั้งหลาย จะตัดสินใจไปด้วยความมีเหตุผลอันเป็นลักษณะพื้นฐานของมนุษย์ ตรงนี้ต้องอาศัยความเป็นส่วนใหญ่ เสียงข้างมาก เพราะมีคนบางส่วนที่ตัดสินใจโดยไม่มีเหตุผล แต่ก็มักจะเป็นเพียงคนส่วนน้อย โดยการตัดสินใจเหล่านั้น  จะเป็นการตัดสินใจเพื่อรักษาประโยชน์ของแต่ละบุคคลเอง ประโยชน์นี้รวมทั้งทางเศรษฐกิจ  ทางสังคม  การรักษาคุณค่า/วัฒนธรรม/ประเพณีต่างๆ  รวมทั้งความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม ในแบบที่แต่ละสังคมต้องการ ไม่ใช่เพื่อคุณงามความดี  ความประเสริฐ  เลอเลิศ  คุณธรรมใดๆ โดยตรง (แต่เมื่อคนทั้งหลายเห็นว่า ความดีเป็นสิ่งที่จรรโลงสังคมพวกเขาให้อยู่ได้  มากกว่าความไร้ศีลธรรมและความเบียดเบียนกันอย่างโจรผู้ร้าย  พวกเขาก็จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่อยู่ในฝักฝ่ายคุณธรรมเอง) จากคุณ : democracy (หมูชิก) - [ 23 ม.ค. 52 11:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โดยเนื้อแท้ของระบบการปกครองแล้ว ทุกระบบมีข้อดีข้อด้อยทั้งสิ้น จะมีก็แต่ประเทศมหาอำนาจ ที่คอยสั่งให้เราคิดว่า ระบบไหนดี เป็นประชาธิปไตย จนเรามีประชาธิปไตยเป็นสิบๆ แบบ แบบมีพระมหากษัตริย์ แบบมีประธานาธิบดี แบบโน้นแบบนี้เต็มไปหมด ถ้าจะกล่าวถึงเนื้อแท้ของมัน ผมคิดว่ามันอยู่แค่การจำกัดว่าทุกคนที่ทำหน้าที่มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน จำกัดว่าต่อให้คุณทำอะไร มีอำนาจแ่ค่ไหน มีพลังแค่ไหน มีคุณงามความดีแค่ไหน ก็มีสิทธิ์เท่ากันหมดทั้งสิ้น ทั้งการเลือกตั้งและระบบต่างๆ สุดท้ายมันก็ปรับมาจากพื้นฐานตรงนี้ทั้งสิ้น สิทธิ์เท่าเทียมกันดังนั้นเสียงข้างมากย่อมมีสิทธิ์มากกว่า เพราะ 1 คน มี 1 ส่วนจริงมั้ยครับ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าแนวคิดที่เหมือนจะดีนี้ ไม่ได้ไร้จุดด่างพล้อย เป็นเพียงความคิดที่ว่า "เสียงส่วนมาก น่าจะเป็นฝ่ายถูก" ซึ่งก็ไม่แน่เสมอไป ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยถ้าคนส่วนมากเป็นฝ่ายถูกจริงๆ ทุกคนในโลกคงนับถือศาสนาเดียวกันแล้ว ถามว่าตรงนี้ทำไมไม่ใช้เสียงข้างมาก ก็ติดเรื่อง "สิทธิ์" นั่นแหละ เพราะเราให้สิทธิ์ว่าทุกคนมีอิสระในการเลือกนับถือศาสนา ดังนั้นการโหวตตรงนี้เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น สรุปว่าคุณภาพของประชาธิปขึ้นอยู่กับการกำหนด "สิทธิ์" ให้เหมาะสม หากคุณนิยาม "สิทธิ์" ได้ห่วย ระบบประชาธิปไตยก็กลายเป็นระบบที่ห่วยอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างถ้าคุณให้ "สิทธิ์" ผู้นำในการฆ่าใครก็ได้ มันก็กลายเป็นระบบห่วยๆ ระบบนึง และปัญหาโลกแตกของมันก็คือ แล้วใครละจะมี "สิทธิ์" ในการกำหนด "สิทธิ์" ของคนอื่น ัแต่เรามักจะมองกันไปคนละมุม ทุกประเทศที่ใช้ ก็มีการกำหนดสิทธิ์ไม่เหมือนกัน แต่เรามักจะไปคิดกันว่า "สิทธิ์แบบนั้น เป็น/ไม่เป็นประชาธิปไตย" แล้วเราก็มาเรียกร้องประชาธิปไตยกัน ทั้งๆ ที่สิ่งที่ทุกคนต้องการคือระบบการปกครองที่ดี แต่เราถูกฝังมาแล้วว่า "ดี = ประชาธิปไตย" ไม่ใช่ "ความดีของประชาธิปไตย = วิธีใช้ วิธีประยุกต์" อย่างที่มันควรเป็น ผมไม่ได้บอกว่าประชาธิปไตยไม่ดี แตผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับหลายๆ คห. ที่พยายามปรับคำว่า "ประชาธิปไตย" ให้เป็นคำว่า "ระบบการปกครองที่ดี" โดยอ้างอิงเหตุผลยังงั้นยังงี้ ทั้งๆ ที่สิ่งที่มันทำออกมาได้ดีคือ "วิธีการประยุกต์ใช้ระบบ" ตะหาก ผมเองชอบประชาธิปไตย แต่เข้าใจเสมอว่าระบบนี้ต้องการวิธีการใช้งานวิธีการกำหนดสิทธิ์ที่ถูกต้อง ปล. ทั้งหมดที่ว่ามา ไม่ได้มาจากการศึกษาสายนี้โดยตรง แต่ผมคิดว่าถูกต้อง เพราะผมเชื่อในพื้นฐานของโลกว่า "ทุกอย่างมีสีเทา" ผมจึงวิเคราะห์ออกมาในลักษณะนี้ หากถูกผิดอย่างไรให้ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ มาแก้ไขได้ครับ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 15:00:33 จากคุณ : ChrisZa (Mariel) - [ 23 ม.ค. 52 14:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แล้วประชาธิปไตยของไทยทำไมมันได้กลายเป็นอะไรก็ไมรู้ หรือว่าเราถูกสอนให้เข้าใจว่ามันเป็นอย่างนั้น จากคุณ : ISAMU - [ 23 ม.ค. 52 17:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นอกจากหลักเสียงข้างมาก ประชาธิปไตยยังปกป้องมนุษย์ด้วย หลักตรวจสอบ หลักรับฟังเสียงข้างน้อย หลักนิติรัฐ ซึ่งอันหลังสุดประเทศไทยน่าจะไม่มีมาระยะนึงละ จากคุณ : Loss of Divinity - [ 23 ม.ค. 52 17:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอออกความเห็นส่วนตัวบ้างนะครับ  ย้ำครับว่าส่วนตัว ใครคิดต่างกรุณาอย่าด่าผมนะครับ คือผมคิดว่า ประชาธิปไตย หลักการมันอยู่ที่การทำความเข้าใจของคนใช้มันมากกว่า เพราะว่ามันไม่มีอะไรตายตัวหรอกครับ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ย่อมพลิกแพลงได้ตามผู้ใช้ จริงๆแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ผมว่ามาจากการที่หลายคนเรียกร้องสิทธิของตัวเองมากเกินไป มากจนคิดว่าเราใช้สิทธิของตัวเองไม่เต็มที่สักที ต้นเหตุของปัญหาผมว่ามาจากการปูพื้นความรู้ความเข้าใจในคำว่าประชาธิปไตยน้อยเกินไป กับประเทศที่มีระบบเจ้าขุนมูลนายมา 800 ปี แล้วเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย ในเวลา 20 วัน อาจจะมีหลายสาเหตุที่ระบบนี้มีปัญหา เช่น กลุ่มคนบางกลุ่มรีบร้อนต้องการประชาธิปไตยเร็วกว่าความสมควร หรือว่าคนสยาม(ส่วนนึงซึ่งอาจเป็นคนส่วนใหญ่) ไม่พร้อมที่จะรับระบบนี้เข้ามา ................. แต่เมื่อรับเข้ามาแล้ว เราคนรุ่นหลัง คนต้องก้มหน้ารับชะตากรรม(ที่ดีและไม่ดี)กันต่อไป ก็ได้แต่หวังว่า ...สักวันนึง.. ระบอบนี้คงมีคนใช้อย่างถูกวิสัยของคนไทย แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 17:53:05 จากคุณ : Dr.ชิน_ศาตราจารย์แห่งความเหงา - [ 23 ม.ค. 52 17:49:13 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมว่าโดยหลักการประชาธิปไตยเป็นระบบที่เชื่อมั่นในตัวประชาชนและกฏเกณฑ์ต่างๆต้องมาจากประชาชน ดังนั้นเมื่อยึดความคิดนี้แล้วคำตอบก็จะออกมาได้หลากหลายขึ้นกับสังคมนั้นๆและคำตอบย่อมเปลี่ยนแปลงได้เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป เมื่อกฏเกณฑ์ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากประชาชน เราก็จะได้สังคมที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ซึ่งจะมีความเสถียรกว่าระบอบอื่นที่มักจะมีคำตอบตายตัว แน่นอนว่าคำตอบของประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไปแต่ด้วยกฏการรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองได้เลือกไปจะทำให้สังคมปรับเปลี่ยนตัวเองไปได้จนกว่าจะเจอคำตอบที่ดีที่สุด สรุปก็คือถ้ารักจะใช้ระบอบนี้แล้วต้องสู้กันในระบบ ยอมรับผลที่เกิดขึ้น แล้วสังคมมันจะดีขึ้นเรื่อยๆเอง ซึ่งในความเห็นผม 77 ปีที่ผ่านมามันก็ก้าวหน้าไปมากแล้วนะแม้จะยังมีปฏิวัติอยู่ก็ตาม แต่ก็อย่างว่า คนแก่บางคนเกิดมาในยุคเจ้าขุนมูลนายก็คงเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆ ต้องปล่อยไปจนกว่าจะตาย จากคุณ : Red Aegis - [ 23 ม.ค. 52 19:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไอ้คำๆนี้ ชาวบ้านชาวช่องเขาเถียงกันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วขอรับ(กรีกโบราณ สมัยที่ยังมีแต่นครรัฐ) ... เราก็ควรสานการถกเถียงอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผมว่าก็สนุกดี ได้บริหารความคิด ... ปล.. ตอนนี้ ผมนั่งกินขนมไปด้วยอ่านไปด้วย ได้อรรถรส เหมือนอ่านนิยายกำลังภายในเล่มหนึ่ง จากคุณ : นายอึเหม็น - [ 24 ม.ค. 52 09:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นึกถึงคำว่า พวกมากลากไปครับ จากคุณ : {``-_-}{-``-}{-_-``} - [ 24 ม.ค. 52 10:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ BCT ครับ การเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ของระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้ง นี่เอง ที่เป็นการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ประชาธิปไตย ต้อง ทำตามประโยชน์ ของคนทั้งประเทศ หรือไม่ก็ส่วนใหญ่ของประเทศ การเลือกตั้ง ทำเราได้รัฐสภา ห้องใหญ่ๆ กลมๆ ที่เราเห็นเขาประชุมสภา กันนั้น คุณรู้หรือไม่ว่า ในนั้น มีผู้คนทั้งประเทศ นั่งเถียงกันอยู่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง เรื่องถังไท่จงนั้น เป็นเรื่องของผู้นำที่ดี เท่านั้น ไม่ใช่ประชาธิไตยครับ ประชาธิปไตยนั้น แม้คุณเกลียดหมา คุณก็สามารถ แสดงออก คัดค้าน ให้ความรู้ แสดงความคิดเห็น โน้มน้าว ให้คนอื่นเกลียดหมาเหมือนคุณ ได้อย่างเต็มที่  แต่สุดท้ายแล้ว หาก คนทั้งแผ่นดิน(ยกเว้นคุณ) จะพร้อมใจกันเลือกหมา เป็นผู้นำ มันก็ต้องเป็นตามนั้น ตามนั้นจริงๆ ปล. คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า ทำไม อันวา อิบราฮิม ของมาเลเซีย ถึงติดคุก เพราะเรื่อง มีsexกับเพศเดียวกัน ทั้งที่ ถ้าเขาเป็นคนไทย ไม่มีทางที่เขาจะติดคุก หรอกครับ  , คุณคิดว่า คำว่า สัญญาประชาคม คืออะไรครับ และเกี่ยวข้องกับ อำนาจอธิปไตย อย่างไร จากคุณ : ปุระชัย - [ 24 ม.ค. 52 15:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ประชาธิปไตยเป็นข้ออ้าง ของคนอยากมีอำนาจ โดย อ้างว่าประชาชนสนับสนุน เลยต้องให้อำนาจประชาชนที่สนบสนุน เพื่อ ประชาชนจะได้สนับสนุนให้ประชาชนคนนั้นมีอำนาจ ส่วนคนมีอำนาจจะทำดีหรือชั่ว ความหมายไม่ได้กำหนด ส่วนจะเพื่อประชาชนคนไหนก็ไม่ไม่ทราบได้ ส่วนการโวยวายเมื่อคนมีอำนาจทำไม่ถูกใจนั้น ก็เรื่องของคุณแล้วล่ะ เพราะมันเป็นวิธีปฏิบัติซึ่งก็ปฏิบัติได้หลายทาง ใครไม่ชอบทางไหนก็จะอ้างว่าทางนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตยซะเลย ส่วนคนถูกใจก็อ้างว่านี่แหละประชาธิปไตย คือคำมันความหมายกว้าง แต่คนเราก็ไปบีบให้ความหมายมันแคบจะได้ถูกใจพวกพ้องตัวเอง จากคุณ : DevilDoll - [ 4 ก.พ. 52 14:23:46 ]