ความคิดเห็นที่ 8
เห็นใจคุณหมอ ความคิดเห็นที่3มากๆ ขอให้กำลังใจนะครับ ทำบุญ ปัดเป่าโรคภัยให้คน สำหรับน้อง พี่มีแนวให้อย่างนี้ 1. ถ้าเรียนแพทย์ศาสตร์ 6 ปี เหนื่อยนะ เพื่อนพี่เรียนหลายคน จบหลายคน - มิติด้านวิชาชีพ จบมา เป็นนายแพทย์ ระดับ 4 (ระบบ คอมมอนเลเวล เดิมมีระดับ 1-11 ปัจจุบัยถูกยกเลิก แต่ก็จัดกลุ่มอิงระบบซีเดิม) ทำงานไป 2 ปี เป็นนายแพทย์ระดับ5 อีก2 ปี 6 ต่ออีก 2 ปี เป็น 7 วช อีก 1 ปี เป็น ระดับ8 วช ใช่ไหมหมอ(ไม่แน่ใจประมาณนี้แหละ ) หมอเลื่อนไหลถึงนายแพทย์ 8 -เงินเดือน เดือนแรกของนายแพทย์ 4 หมื่นนิดๆใช่ไหมหมอ ค่าไม่เปิดคลินิก อีก หมื่นบาท ใช่ไหมหมอ ค่าวิชาชีพ เท่าไหร่ หมอบอกน้องเขาหน่อยนะ ค่าอยู่เวร อีกรวมๆแล้ว สองหมื่นบาทปลายๆ- สามหมื่นบาทต้นๆนะน้อง คนจบหมอมารับราชการเดือนแรกนะ แบบ ทุนตัวเอง หรือใช้ทุนหลวงก็ตาม - ถ้า ไม่รับราชการ ทำงานเอกชน น้องลองถามหมอเอกชนดูนะ พี่จนใจจริงๆแต่มากกว่า หมอข้าราชการ 1.5-2.5 เท่าโดยเฉลี่ยนะพี่ว่า(ผิดถูกอย่างไรหมออภัยนะหมอนะ) - มิติ ของการเรียน สิ่งแวดล้อม ถามหมอดีกว่า 2.ถ้าเรียนนิติศาสตร์ เพื่อนพี่เรียน จบ 4ปีก็หลายคน 3 ปี ครึ่งน้อยมาก ที่ธรรมศาสตร์นะ ถ้าเรียนรามคำแหง 2 ปี ครึ่ง จบได้ นะ ถ้าขยัน(ไม่จำต้องเก่ง) - การเรียน ต่อ ในระดับ ประกาศนียบัตรเนติบัณฑิตไทย ใช้เวลา ถ้าเร็วที่สุด ปกติ ก็ 1 ปี บางคน2-3 ปี ก็มี - ถ้าทำงานราชการ จะสามารถสอบเข้า ในตำแหน่ง 1. นิติกร ระดับ 3 (เทียบของเดิมนะ) 1.1ถ้าสังกัดรัฐสภา สมมติสอบได้ เงินเดือน 7,940+ ค่าครองชีพชั่วคราว 1,500 + เงินเพิ่มประจำตำแหน่ง 5,000 รวมๆเงินเดือนแรกก็ เกือบหมื่นห้าพันบาทนะ) 1.2ถ้าสอบนิติกรสำนักงานศาลยุติธรรมได้ จะมีค่าเวร เวรหมาย ถ้าเป็นเจ้าพนักงานคดี ได้เงินเพิ่มอีกพอสมควร แต่ไม่มี ประจำตำแหน่ง5,000 บาท 1.3 ถ้าสอบได้นิติกร อบต. เทศบาล อบจ. ได้แค่ 7,940+ 1,500 นะ 1.4 ถ้าสอบของกรม กระทรวง ฝ่ายพลเรือน ก็ได้แค่ 7,940+1500 นะตอนนี้ ที่ได้ข่าวว่าจะได้เงินเพิ่มซีละ1,000 ซึ่ง ถ้าเช่น นั้น ซี 7 จะได้ 7,000 ยังไม่มีข้อยุติ 2.ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครอง 3) 7,940+1,500 /ถ้าอยู่3จังหวัดชายแดนใต้มีค่าเสี่ยงภัยเพิ่ม อีกประมาณ 2,500 บาท (ไม่แม่นยำตัวเลขนะอันนี้) ถ้าเป็น ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำตำบล ได้เงินเพิ่มอีกประมาณ 8,000 บาท นะ 3. พนักงานคุมประพฤติ 3 ถ้าอยู่กรมพินิจ สถานพินิจ ศูนย์แรกรับเช่นบ้านเมตตา ถ้าทำคดีแพ่งได้ เท่านิติกร ปกติ ถ้าทำสืบเสาะคดีอาญาได้ค่าเสี่ยงภัยเพิ่มมาอีก900 บาทนะ จาก 7,940+1,500 4.นักวิชาการศาลยุติธรรม3 5.นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ ถ้าอยู่สถานพินิจ ภายในฯ อาจได้ค่าเสี่ยงภัยเพิ่ม 1,500 บาท 6.นักวิเคราะห์นโยบายและแผน 3 (7,940+1,500) 7.เจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ 3 (กำลังเปิดรับสมัครอยู่) 8.เจ้าหน้าที่ สตง. ก็จะได้เงินเพิ่มอีกเดือนละ 5,000 บาทเหมือนนิติกรรัฐสภา 9.สอบทหารพระธรรมนูญ 10.นักวิชาการที่ดิน 3 (กรมที่ดิน)(มีค่าพยาน เดือนละ900 เพิ่มมาจากเงินเดือน) 11.นักทัณฑวิทยา 3 (กรมราชทัณฑ์) อาจได้ค่าเสี่ยงภัยเพิ่มขึ้นจากเงินเดือน 2,000 บาท 12.นักพัฒนาชุมชน 3 (7,490+1,500) แค่นี้พอนะ ถ้าจบ นิติแล้ว ยังไม่จบเนฯ ก็เก็บคดีว่าความ แพง อาญาไป สะสมจำนวนคดี หรือรับราชการ ตามตำแหน่ง ที่ คณะกรรมการตุลาการ พิจาณาแล้วว่าเป็นคุณสมบัติ ของการสมัครสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เช่นพวกนิติกร ทั้งหลาย (ที่รับวุฒิ นิติโดยตรงเท่านั้น ตำแหน่งที่รับทุกวุฒิ เก้บอายุงานไม่ได้ ) พอมีคุณสมบัติ เก็บอายุงานได้ ก็มีสิทธิ์สมัครสอบ 1.อัยการผู้ช่วย 2.ผู้ช่วยผู้พิพากษา เงินเดือนสูงทั้งสองตำแหน่ง เดือนแรกใกล้ๆสองหมื่น ทำไป1ปี กับ 4เดือน ผ่านการประเมินได้เป็น ผู้พิพากษาประจำศาล เงินเดือนเกือบสองหมื่นห้าพันบาทได้+ประจำตำแหน่งเกือบแปดพัน(7,900) รับราชการต่ออีก 4 -6 ปีเลื่อนระดับขึ้นไปเรื่อยๆ เงินเดือน+เงินประจำตำแห่งก็มากกว่า ครึ่งแสนละครับ ต่อไปก็เป็นแสนบาทเหมือนที่เขาร่ำลือกันไป แต่ อาชีพทางกฎหมายนี้เสี่ยงต่อการผิดบาปอยู่ ต้องรักความเที่ยงตรง รักความเป็นธรรม มิฉะนั้นจะถูกอคติ4 ครอบงำ (ลำเอียงเพราะรัก เพราะโง่ เพราะเกลียด เพราะเกรงใจ กลัวอิทธิพล) อาชีพ รับราชการ ก็ดี เอกชนก็ดี สุดแท้แต่จะเลือกเอา การกระทำในปัจจุบัน เป็นเหตุหลักให้เกิดผลในอนาคต มากกว่า กรรมเก่า ซึ่งมันก็ประกอบกัน ถ้าเชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรมนะ
จากคุณ :
พนมวัลย์ (พนมวัลย์)
- [
1 ก.พ. 52 21:31:15
]
|
|
|