ความคิดเห็นที่ 1 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ตลอดเวลากว่า 60 ปีที่ทรงครองราชย์  ช้างเผือกช้างแรกที่มาสู่พระบารมีคือ พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ต่อจากนั้น ก็มีช้างเผือกใหม่อื่นๆ ได้ขื้นระวางสมโภชอยู่เรื่อยๆ จนถึงปี 2521 รวมทั้งสิ้น 10 ช้าง หลังจากนั้น แม้จะพบช้างเผือก และช้างสำคัญคู่พระบารมีอีกถึง 11 ช้าง ก็มิได้โปรดเกล้าฯให้มีพิธีขึ้นระวางอีก เพียงแต่ทรงรับช้างเหล่านั้นไว้เป็นช้างสำคัญ โปรดสังเกตนะครับ ภาษาไทย ช้างเผือกจะนับเป็นช้าง ช้างบ้านจะนับเป็นเชือก ช้างป่าจะนับเป็นตัว จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ช้างต้นและช้างสำคัญที่เป็นช้างพลายทุกช้างที่ยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นพระเศวตฯเพียงช้างเดียว ที่โปรดเกล้าฯให้ไปยืนโรงที่พระราชวังไกลกังวล นอกนั้นจะไปยืนโรงอยู่ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ส่วนที่เป็นช้างพัง จะไปยืนโรงที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร ภาพถ่ายวันฉลองโรงช้างหลวงใหม่ ในพระราชวังไกลกังวล บ้านของคุณพระ จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาในพิธี จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทรงมีพระเมตตาต่อคุณพระมาก คุณพระก็รับรู้และถวายความจงรักต่อพระองค์เช่นกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:14:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณพระดูจะมีความสุขมากที่หัวหิน  ตอนเย็นๆจะได้ลงเล่นน้ำทะเลกับควาญช้าง จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณพระอายุมากแล้ว งายาวมาก ถ้าอยู่ในป่าก็คงลำบากมากเหมือนกัน งายาวอย่างนี้เอาไว้ขู่ช้างหนุ่มๆสงสัยจะไม่ได้ผล เกิดประลองกำลังกันขึ้นมา งายาวๆคงไม่มีประโยชน์เท่าไร จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ภายใต้พระบารมี คุณพระมีชีวิตสมกับที่เกิดมาเป็นช้างเผือก จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ช้างเผือกตามตำราคชลักษณ์       ช้างเผือกตามตำราคชลักษณ์นั้นแบ่งออกเป็น  ๓  ประเภท  และมีลักษณะอันเป็นมงคล  ๗  ประการ    คือ  มีตาขาว  เพดานขาว  เล็บขาว  ผิวหนังสีขาวหรือสีหม้อใหม่  ขนขาว  ขนหางยาว  และอัณฑโกศสีขาวหรือสีหม้อใหม่  คือ     ๑.ช้างเผือกเอก  เรียกว่า  สารเศวตร  หรือ  สารเศวตพรรณ  เป็นช้างเผือกที่มีลักษณะถูกต้องสมบูรณ์ตามตำราคชลักษณ์และมีลักษณะพิเศษ  คือ  ร่างใหญ่  ผิวขาวบริสุทธิ์  สีดุจสีสังข์  เป็นช้างมงคลคู่บ้านคู่เมือง     ๒.ช้างเผือกโท  เรียกว่า  ปทุมหัตถี  มีผิวสีชมพูดูคล้ายสีกลีบดอกบัวแดงแห้ง  เป็นช้างมงคลเหมาะแก่การศึก     ๓.ช้างเผือกตรี  เรียกว่า    เศวตรคชลักษณ์  มีสีดุจใบตองอ่อนตากแห้ง  เป็นช้างมงคล ใครผู้ใดพบเห็นช้าง ที่มีลักษณะดี เด่นไปจากช้างทั่วไปในป่า หรือที่ใดก็ตาม พระราชบัญญัติ รักษาช้างป่า ต้องทำการแจ้งให้ทางการทราบ เพื่อที่ทางสำนักพระราชวังจะจัดตั้งผู้ชำนาญคชลักษณ์ ไปตรวจสอบ ดูลักษณะของช้าง ภายนอกจะต้องได้สัดส่วน ทั้งขนาดหัว ลำตัว หาง ขา หู ความโค้ง ของกระดูกสันหลัง ต่อไปดูที่สีผิวของตัวช้างว่ามีสีอะไร ถ้าเป็นลูกช้าง บางครั้ง จะแลไม่เห็นสีที่แท้จริงของตัวช้าง ต้องเอามะขามเปียกประมาณ 3-4 กิโลกรัม ใส่กระป๋องใหญ่ เคล้ากับน้ำ ให้ละลาย แล้วนำมาทาตัวช้างให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ข้ามคืน รุ่งเช้าจึงทำการล้างออก ก็จะแลเห็นสีที่แท้จริงของผิวช้าง การล้างนี้ ห้ามใช้ผงซักฟอก สบู่ เพราะในตัวช้างมีกลิ่นตัวอยู่ ถ้าใช้ผงซักฟอก หรือสบู่ล้าง อาจทำลายกลิ่นจริง ๆ ของช้างเสียหมด นอกจากนี้ ไม่ควรใช้แปรงขนแข็ง มาขัดผิว เพราะจะทำให้ขนที่ผิวหลุดไปหรือผิวอาจเกิดแผลได้ ใช้กาบมะพร้าวถู ได้อย่างเดียว การตรวจคชลักษณ์ มีทั้งหมดด้วยกัน๑๑ประการ ถ้าตรวจพบเกินกว่าครึ่ง ไม่จำเป็นต้องครบทั้ง๑๑ประการและดูลักษณะนิสัย เห็นกิริยาของช้างว่าดี (เช่นการเดิน การนอนมีกิริยาเรียบร้อย การไม่กินน้ำ และอาหารร่วมกับช้างอื่น ๆ ฯลฯ) ก็สามารถตัดสินได้ว่าช้างดังกล่าว เป็นช้างสำคัญ จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประวัติช้างเผือกที่สำคัญในแผ่นดินนี้ พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทราชาติ สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการปรมินทรบพิตร สารศักดิ์เลิศฟ้า   ชื่อเดิม  พลายแก้ว   เป็นช้างพลายเผือกโท  เป็นลูกเถื่อน นายแปลก ฟุ้งเฟือง คล้องได้ในคอกที่สร้างไว้บริเวณไร่แขก บ้านหนองจูด หมู่ ๑  ต.ดินอุดม อ.ลำทับ จ.กระบี่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ พระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ) ผู้ตรวจคชลักษณะ วินิจฉัยให้เป็นช้างสำคัญในตระกูล “พรหมพงศ์” จำพวก “อัฏฐทิศ” ชื่อ “กมุท” สมโภชขึ้นระวาง ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๐๒ ปัจจุบันอายุประมาณ ๕๐ ปี  ยืนโรง ณ  โรงช้างต้น พระราชวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พระเศวตสุทธวิลาศ อัฏฐคชชาต พิษณุพงศ์ ดำรงประภาพมหิมัน ตามร พรรณไพศิษฏ์ ผริตวรุตตมมงคล ดาสศุภผลสวัสดิวิบุล อดุลยลักษณ์เลิศฟ้า   เป็นช้างพลายเผือก (สีดอ) เป็นลูกเถื่อน ชื่อเดิม  “พลายบุญรอด”  คนงานของกรมป่าไม้    ได้พบลูกช้างที่ป่าบริเวณแม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี  จมื่นศิริ วังรัตน์ เป็นผู้ตรวจคชลักษณ์เป็นช้างสำคัญในตระกูล  “พิษณุพงศ์” จำพวก “อัฏฐทิศ” ชื่อ  “ ดามพหัสดินทร์ ”  สมโภชขึ้นระวาง ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๒๐ ปัจจุบันนำไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร  จ. ลำปาง จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระวิมลรัตนกิริณี กมุทศรีพรรณโศภิต อัฏฐทิศพงศ์กมลาสน์ อรรคราชทิพยพาหน ถกลกิตติคุณกำจร อมรสารเลิศฟ้า เป็นช้างพลาย ลูกเถื่อน ชื่อเดิม  “ขจร”  ได้มาจาก  จ.ประจวบคีรีขันธ์ จมื่นศิริ   วังรัตน์ เป็นผู้ตรวจคชลักษณ์เป็นช้างสำคัญในตระกูล “พรหมพงศ์” จำพวก “อัฏฐทิศ” ชื่อ “กมุท” สมโภชขึ้น   ระวาง ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๒๐ ปัจจุบันนำไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร เมื่อประมาณ ๒๕๓๘จนถึงปัจจุบัน มีอายุประมาณ ๒๙ ปี จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พระศรีนรารัฐราชกิริณี จิตรวดีโรจนสุวงศ์ พรหมพงศ์อัฏฐทิศพิศาล พิเสฐธารธรณิพิทักษ์คุณารักษ กิตติกำจร อมรสารเลิศฟ้า เป็นลูกช้างพัง ลูกเถื่อน ชื่อเดิมเป็นภาษาพื้นเมืองว่า  “จิ”  ต่อมาเรียกว่า  “จิตรา”  โดยนายมายิ มานุ ได้ลูกช้างพลัดแม่จากป่าบนเทือกเขากือซา ต.จะแนะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  นายวัชระ สิงดิวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส น้อมเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๒๐ เป็นช้างสำคัญอยู่ในตระกูล “พรหมพงศ์” จำพวก  “อัฏฐทิศ” ชื่อ “อัญชัน” ประกอบพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญ ณ โรงช้างต้น    จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๒๐ ปัจจุบันอายุประมาณ ๓๑ ปี อนึ่งคำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างและกาพย์ขับไม้ประกอบซอสามสายช้างเชือกนี้ เป็นพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เป็นครั้งแรก ต่อมาพระราชนิพนธ์และพระราชทานให้ช้างสำคัญอีก อาทิ พระเศวตภาสุรคเชนทร์ฯ พรพระเศวตภาสุรคเชนทร์ฯ พระเทพวัชรกิริณีฯ และพระบรมนขทัศฯ (ปัจจุบันล้มแล้ว) จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระเศวตภาสุรคเชนทร์ นวเมนทราพาหน สุทธวิมลวิษณุพงศ์ คุณธำรงดามพหัสดินทร์ สุพัชรินทร์อนันตพล คชมงคลเลิศฟ้า เป็นช้างพลายลูกเถื่อน ชื่อเดิม  “ภาศรี”  เกิดจากแม่ช้างป่าในเขต ต.สองพี่น้อง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี กชาวบ้านกะเหรี่ยง บ้านหนองปืนแตก จับได้ จมื่นศิริ วังรัตน์ เป็นผู้ตรวจคชลักษณ์เป็นช้างสำคัญในตระกูล “พรหมพงศ์” จำพวก “อัฏฐคช” ชื่อ “ดามพหัสดินทร์” สมโภชขึ้นระวาง ณ โรงพิธี จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ปัจจุบันนำไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ปัจจุบันอายุประมาณ ๓๐ ปี จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พระเทพวัชรกิริณี ดามพหัสดีพิษณุพงศ์ โสตถิธำรงวิสุทธิลักษณ์ อำนรรฆคุณสบสกนธ์ วิมลสารโสภิต พิบูลกิตติ์เลิศฟ้า เป็นช้างพัง ชื่อเดิม  “ขวัญตา”  เป็นลูกช้างป่าเขตท้องที่ป่าเต็ง ป่ายางชุม ต.สองพี่น้อง  อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นายศุภโยค พานิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี น้อมเกล้าฯ ถวาย จมื่นศิริ วังรัตน์ เป็นผู้ตรวจคชลักษณ์เป็นช้างจัดอยู่ในตระกูล “วิษณุพงศ์” จำพวก “อัฏฐคช” ชื่อ “ดามพหัสดินทร์” สมโภชขึ้นระวาง ณ โรงพิธี จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๒๑ ปัจจุบันนำไปยืนโรง ณ  โรงช้างต้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์  จ.สกลนคร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ ปัจจุบันอายุประมาณ ๒๙ ปี จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ช้างสำคัญเหล่านี้ได้รับการดูแลเลี้ยงดูอย่างดี ในบรรยากาศใกล้เคียงกับป่าอันเป็นที่อยู่ตามธรรมชาติ พอแดดร่มลมตก ควาญช้างก็จะพาไปอาบน้ำประจำวัน จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ในพม่า ตั้งแต่เสียเมืองให้อังกฤษแล้ว ช้างเผือกก็สิ้นฐานะสัตว์คู่บ้านคู่เมือง เป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่หายากชนิดหนึ่ง เมื่อมีการค้นพบขึ้นมาในปีพ.ศ.๒๔๒๖ อังกฤษเจ้าอาณานิคมก็จัดแจงส่งเจ้าช้างเผือกดังกล่าวไปให้เด็กๆในเมืองของตนดู โดยเอาไปไว้ที่สวนสัตว์ลอนดอน มีควาญพม่าตามไปเลี้ยง แต่คนอังกฤษก็ไม่ประสพความสำเร็จในการเลี้ยงช้างเอเชียในเมืองที่มีฤดูหนาวอันโหดร้าย และยังไม่มีเครื่องปรับอากาศอันทันสมัยเช่นในปัจจุบัน สัตว์ที่น่าสงสารจึงมีอายุไม่ยืน ทั้งที่ลงทุนไปมหาศาลที่จะเอามันข้ามน้ำข้ามทะเลไป รวมทั้งก่อสร้างอาคารสถานที่และบุคคลากร  แต่ก็ล้มเหลวไม่คุ้มค่า จนมีศัพท์สำนวนเกิดใหม่ในยุคนั้น สำหรับเรียก อะไรๆที่ผู้ได้รับมาแล้ว กระอักโลหิตกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะมีค่าเกินจะทิ้ง แต่เก็บไว้ก็รังแต่จะล่มจม ว่าเป็น white elephant ยกตัวอย่าง เครื่องบินโดยสารคองคอร์ดที่บินเร็วกว่าเสียง  ค่าโดยสารทุกที่นั่ง แม้จะเก็บเท่าราคาชั้นหนึ่งของเครื่องบินจัมโบ้ และตั๋วขายหมดมีผู้โดยสารเต็มลำ ก็ยังขาดทุนอยู่ดี ดังนั้นเจ้าคองคอร์ดจึงถือเป็น white elephant ของ British Airways เกือบทำเอาบริษัทเจ้งไปเหมือนกัน กว่าจะกัดฟันยอมปลดระวางไป แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 20:21:46 แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 52 23:54:03 จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พม่าหลังสงครามโลกครั้งที่๒ยุติ และได้เอกราชจากอังกฤษแล้ว ในปี๒๕๐๔ได้ช้างเผือกมาอีกช้างหนึ่งสมัยอูนุเป็นผู้นำประเทศ มีการเฉลิมฉลองกันใหญ่โต เพราะยังไงๆคนพม่าก็ยังอนุรักษ์นิยมอยู่ดีแม้จะสิ้นระบบกษัตริย์ไปแล้ว  ช้างนั้นได้ถูกนำไปเลี้ยงที่สวนสัตว์ให้ประชาชนดู แต่ก็ล้มเสียหลังจากนั้นเพียง๑๐ปี จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ช้างเผือกที่ได้มาในสมัยรัฐบาลทหารของพม่า(ผมไม่เรียกเมียนม่านะครับ ยังไม่ชินชี่อนี้) เมื่อตุลาคม ๒๕๔๔ นี้   ที่บ้านAhtetnanya  เมือง Rathedaung ในรัฐ Rakhine ของพม่า ที่ไทยเรียกว่ายะไข่แถวๆที่พวกโรฮิงยาอยู่นี่แหละ ที่พบช้างเผือกช้างแรกในพม่ายุคทหารครองเมือง บริษัทป่าไม้ของรัฐคล้องได้จากโขลงที่อยู่รวมกัน๘ตัวในป่า บรรดาบื๊กทหารทั้งหลายดีใจกันมาก จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ช้างเผือกนี้เป็นเพศผู้ อายุประมาณ๘ปี ความสูงเกือบ๖ฟุต มีคชลักษณ์ต้องตามตำราโบราณของพม่า กล่าวคือ ๑  ตาเป็นสีไข่มุกด์ ๒  กลีบนิ้วเป็นสีชมพู ๓  หลังทอดลงดังใบกล้วยคว่ำ ๔  ขนตัวและปลายหางขาว ๕  หางทอดตรง ๖  ใบหูใหญ่ ๗  เล็บเท้าข้างละ๔เล็บ ๘  งวงยาวจรดพื้น ๙  หนังตาเป็นสีชมพู ขนตาขาว ๑๐ อวัยวะเพศขาว แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 01:14:27 จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ช้างเผือกช้างแรกมีชื่อว่า  Yazagaha Thiripyitsaya Gaza Yaza ถูกนำส่งมาย่างกุ้ง เมืองหลวงโดยเรือบรรทุกไม้ของบริษัท จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อีกเพียง๔เดือนให้หลัง ในเดือนมกราคม ๒๕๔๕ ช้างเผือกช้างที่๒ก็ถูกค้นพบอีกในรัฐยะไข่เหมือนกัน ที่บ้าน Kainggyi เมือง Maung-taw และถูกจับโดยการยิงยาสลบ นายพล ขิ่น ยุ้นต์ เลขาธิการคนที่ 1 สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐคนก่อนถึงกับบินไปตรวจสอบด้วยตนเอง จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ช้างนี้เป็นช้างพัง อายุประมาณ๒๕ปีแล้ว จึงไม่ยอมเชื่องง่ายๆ ต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะยอมจำนนปลงตก คนดูแลต้องจัดช้างอีเชือกหนึ่งคอยประกบอยู่ตลอด จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นเวลากว่า๖เดือนกว่าที่ช้างนี้จะถูกส่งมายังเมืองหลวงได้ และได้ชื่อว่า Theingi Malar จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ช้างเผือกพม่าช้างที่๓ ได้ในปี ๒๕๔๖ ด้วยวิธีอย่างไรไม่แจ้ง แต่มีพิธีฉลองใหญ่โตในย่างกุ้งในเดือนกุมภาพันธ์  เป็นลูกช้างอายุ๔ขวบ ฉลาดและน่ารัก ชื่อว่า Rati Malar จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แต่งเต็มยศแบบพม่า รอเข้าพิธีการ จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 นายพล ขิ่น ยุ้นต์ เลขาธิการคนที่ 1 สภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐรดน้ำมนต์ มโหรีขานบทเพลงสู่ขวัญช้าง จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นช้างพัง ครบคชลักษณ์๑๐ประการของพม่าเหมือนกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพล่าสุด โรงช้างเผือกของพม่า ที่ Yadana  ถนนMindhamma ในเขตInseinใกล้ๆกับสนามบินของย่างกุ้ง ประชาชนและนักท่องเที่ยวเสียสตังค์เข้าไปชมได้ แต่ห้ามถ่ายรูป (ถ้าคนเฝ้าไม่เผลอ) จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 นี่ตัวโตหน่อย คงเป็นแม่ Theingi Malar จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนยังเอ๊าะๆนี่คงเป็นแม่ Rati Malar จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขณะกำลังเพลิดเพลินกับ spa ประจำวันอยู่ (ทำมั้ย คนถ่ายจึงถ่ายแต่ก้นช้างหน้อ) จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รัฐจะจัดงานประจำปี ประเภท วันช้างเผือกแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีจะมาทำพิธี รดน้ำมนต์ เลี้ยงอาหาร และที่สำคัญ การสู่ขวัญช้างด้วยการให้เงินแก่ช้างเผือกแต่ละช้าง มีประชาชนไปร่วมด้วยมาก การบริจาคให้ช้างเผือกก็เป็นการแสวงหาผลดอบแทนในด้านโชคลาภอย่างหนึ่ง  ดังนั้น แต่ละปีช้างจะได้เงินโขอยู่ ชีวืตความเป็นอยู่เข้าระดับvip ไม่เหมือนครั้งอูนุ ตอนนั้นช้างเผือกพม่าตกต่ำมาก นายพล ขิ่น ยุ้นต์ ผู้ที่มีช้างเผือกมาสู่บารมีมากครั้งเรืองอำนาจ ชีวิตกลับตกต่ำลง หลุดจากตำแหน่งและถูกกักบริเวณให้อยู่ในบ้าน ไม่ทราบว่า เพราะแกคิดว่ามีบุญญาธิการมากเลยจะคิดการใหญ่หรือเปล่า เลยโดนฝ่ายตรงข้ามเล่นงานก่อนเสียอยู่หมัด จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คราวนี้มาดูช้างเผือกลาวมั่ง ในปี๒๕๒๙ เมื่อขบวนการประเทศลาวนิยมตอมมิวนิสต์ยึดครองประเทศลาวได้ เจ้ามหาชีวิตทรงตัดสินพระท้ยไม่เสด็จหนีไปลี้ภัยในต่างประเทศ ลาวฝ่ายซ้ายเข้ายึดหลวงพระบางแล้วจับพระองค์พร้อมทั้งพระราชินีไปเข้าค่ายกักกันทางตอนเหนือของประเทศ และเสด็จสวรรคตที่นั่น ช้างเผือกของพระองค์ถูกนำออกจากวัง ไปอยู่สวนสัตว์ในนครเวียงจันทน์ เมืองหลวง ทุกวันนี้ยังอยู่ แต่ชราภาพมาก ช้างเผือกนี้ สีหม้อดินเหมือนช้างเผือกพม่าที่ดูกันไป มีข่าวว่า ผู้ตรวจคชลักษณ์ของราชสำนักไทยเคยไปพิเคราะห์ช้างนี้ และมีความเห็นว่ามิต้องตามตำราที่ไทยยึดถือ แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 52 23:59:42 จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ต่อมารัฐบาลลาวได้มาอีกช้างหนึ่ง เป็นช้างพังสาว และนำไปยืนโรงในสถานที่แห่งหนึ่งใกล้ทำเนียบของท่านผู้นำ ไม่ให้คนทั่วไปเข้าชม ช้างนี้จะนำมาออกงานในพิธีสำคัญ เช่นวันสงกรานต์ จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หรือวันฉลองปีใหม่ ให้นักท่องเที่ยวได้ชมสัตว์มงคลนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รายละเอียดอื่นๆไม่มี จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คืนนี้ ขอเบรคก่อนนะครับ หลายชั่วโมงแล้วชักเบลอ พรุ่งนี้มาต่อใหม่ คนที่สงสัยว่าช้างเผือกไทย ไหงไม่สีเผือก (เหมือนสีควายเผือก) อย่างเค้าบ้างเลย อดใจรอภาคต่อไปนะครับ จะเอาช้างไทยสีเหมือนช้างเผือกพม่าและลาวให้ชม แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 20:27:32 จากคุณ : Navarat.C - [ 12 ก.พ. 52 23:45:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบพระคุณมากครับ รอติดตามอยู่นะครับ จากคุณ : พญาสุเรนทร์ (LiLiAnE) - [ 13 ก.พ. 52 00:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ปูเสื่อ และนั่งพับเพียบรอชมช้างสำคัญ จากคุณ : jassb1 - [ 13 ก.พ. 52 01:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาติดตามคอยอ่านต่อครับ น่าสังเกตนะครับว่างาของภาพแรกในกระทู้ กับของ คุณพระอดุลยเดชพาหน ลักษณะคล้ายกันคือกิ่งทางขวาจะเลี้ยวหากิ่งทางซ้าย แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 08:05:24 จากคุณ : satitp - [ 13 ก.พ. 52 01:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ  อ่านเพลินน่าติดตามมาก  ข้อมูลแน่นภาพงาม ช้างเผือกเรางายาวสวยดี  แต่ของพม่าสีเด่นชัด เขาบอกว่าช้างเผือกฉลาดและมีสัมผัสพิเศษกับผู้ครอบครอง เห็นโรงช้างแล้วนึกถึงบันทึกบาดหลวงตาชารดหนึ่งในคณะทูตฝรั่งเศส ที่เข้ามาอยุธยาสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เล่าว่าโรงช้างต้นวิจิตรสวยงาม มีเจ้าหน้าที่ดูแลหลายคน ถาดใส่อาหารช้างทำด้วยทองทั้งใหญ่และหนา ฝรั่งตื่นทองเรามากไปไหนก็เจอแต่ทองไม่ว่าจะเป็นเจดีย์และพระพุทธรูป รออ่านตอนต่อไป จากคุณ : วสันดิลก - [ 13 ก.พ. 52 01:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องราวดีๆ รูปสวยๆค่ะ  ช้างน่ารักมากๆเลย จากคุณ : offita - [ 13 ก.พ. 52 02:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นบุญตาจริงๆที่ได้เห็นช้างคู่พระบารมี ขออนุญาตนอกประเด็น เกี่ยวกับกรณีพบลิงเผือก สีขาวล้วนสวยงามมากๆ เชื่องและแสนรู้จริงๆ มีข่าวเมื่อสามวันก่อน ที่กำลังส่งไปให้ทางสำนักพระราชวังตรวจสอบ กรณีนี้มีการดูลักษณะลิงด้วยหรือ ดังนั้นลิงเผือกควรจะมีลักษณะที่ดีอย่างไร และหลังจากตรวจสอบแล้วจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไร จากคุณ : หงส์เหมราช - [ 13 ก.พ. 52 03:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณหงส์เหมราชก่อนนะครับ สัตว์อีก๒ชนิดที่นิยมเลี้ยงคู่กับช้างเผือกก็คือ กาเผือก และลิงเผือก (ตรงนี้ไม่แน่ใจ)ลิงจะต้องเป็นลิงกัง เพราะฉลาด และสุขุมกว่าลิงแสมที่เลี้ยงไม่ค่อยเชื่อง แถมยังทะเล้นมาก ลิงที่เป็นข่าวเป็นลิงกังครับ เชื่องขนาดคนแปลกหน้าจับมือถือแขนได้ทั้งๆที่เป็นลิงป่า น่าประหลาดใจแท้ กำลังจะไปต่างจังหวัดครับ คืนนี้กลับมาต่อกันใหม่ จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 06:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 45 งามแท้ครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 13 ก.พ. 52 07:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 >>  ขออนุญาตคุณ จขกท.ครับ >>  เคยได้ภาพช้างเผือกสีขาวมา ไม่ทราบว่าใช่หรือปล่าวครับ . . . จากคุณ : layla - [ 13 ก.พ. 52 08:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 47 >>  อีกมุมนึงครับ . . . จากคุณ : layla - [ 13 ก.พ. 52 08:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ^^ ช้างนี้มิใช่ช้างสำคัญครับ  น่าจะปะแป้งมาเดินเฉลิมพระเกียรติครับ จากคุณ : natthaset - [ 13 ก.พ. 52 08:48:07 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ^ ^ ^ คห.48 ขอบคุณครับ  เพราะผมสงสัยมานานแล้วว่าเป็นช้างเผือกจริงหรือปล่าว จากคุณ : layla - [ 13 ก.พ. 52 08:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ธรรมเนียมความเชื่อเรื่องช้างเผือก ในหนังสืองานศพของ อดีตท่านจมื่นสิริวังวัฒน์ (เฉลิม คชาชีวะ)อดีตเลขาธิการสำนักฯ ท่านว่าไว้ว่า ตระกูลท่านนับถือในระดับเดียวกับ เจ้าฟ้า พระองค์หนึ่งครับ จากคุณ : ศรีสิทธิสงคราม - [ 13 ก.พ. 52 10:32:59 A:58.10.222.229 X: TicketID:196977 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ช่วยโหวตเป็นกระทู้แนะนำหน่อยเถอะ เบื่อกระทู้แนะนำเลิกกฎหมายหมิ่นเจ้าเต็มที  ไม่ใช่มติคนห้องสมุดสักหน่อย ล็อกอินมาจากไหนไม่รู้ไม่เคยเห็น ลบได้ก็ดี จากคุณ : วสันดิลก - [ 13 ก.พ. 52 10:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณคับ จากคุณ : ชาย_วชิร - [ 13 ก.พ. 52 10:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ได้ความรู้มากเลยค่ะ ขออนุญาตเก็บข้อมูลไว้ใช้นะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : mon_m&m - [ 13 ก.พ. 52 11:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ โหวตแล้วครับ จากคุณ : หมูน้อยเบอร์7 - [ 13 ก.พ. 52 11:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เออจำได้ว่าในวังมี เต่า หรือตะพาบ ก็ไม่รู้เผือกด้วย นอกเหนือจากช้าง อีกา และลิง ใครรู้ช่วยตอบหน่อย จากคุณ : bangkokguy - [ 13 ก.พ. 52 11:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มีเก้งเผือกด้วยเจอที่เพชรบูรณ์ รุปสวยมากคับ จะรอดูช้างบ้านเราที่มีสีขาวนะคับ จากคุณ : หริปรียา - [ 13 ก.พ. 52 11:45:49 A:202.28.27.5 X: TicketID:197397 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ภาพสวย ความรู้แน่น ขอบคุณครับ จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 13 ก.พ. 52 12:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ เข้ามาแอบอ่านได้ความรู้เยอะเชียว รอตอนต่อไปด้วยค่ะ จากคุณ : อาร์ทู - [ 13 ก.พ. 52 12:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ชื่นชม จขกท.ครับ ชอบ ๆๆๆๆๆๆๆ  ได้ความรู้ด้วย  และที่สำคัญเป็นกระทู้เกี่ยวกับสัตว์  เราชอบ ๆๆๆ จากคุณ : คนไม่พิเศษ "ซาคุ" - [ 13 ก.พ. 52 12:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ชอบค่ะ..... จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ - [ 13 ก.พ. 52 12:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านแล้วน้ำตาไหล เพราะเป็นคนรักช้างมาก และเป็นคนเมืองช้างด้วย น้ำตาไหลไม่ใช่เพราะเศร้า แต่ปลื้มใจ ช้างเผือก ช้างสำคัญ คู่พระบารมีกษัตริย์ไทย คู่แผ่นดินไทย  ดูแล้วเป็นบุญตาจริงๆ จากคุณ : tato_jang - [ 13 ก.พ. 52 12:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กระทู้นี้ ชอบมาเลยค่ะ ไว้จะมาตามอ่านต่อ.. ชอบภาพคุณพระเล่นน้ำทะเลจังเลย จากคุณ : พี่เหมาโหล - [ 13 ก.พ. 52 12:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตด้วยครับ กระทู้ดีมีสาระ จากคุณ : MR.QUE - [ 13 ก.พ. 52 14:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เรื่องดีๆแบนนี้ โหวต+กิฟจ้า จากคุณ : thezircon (thezircon) - [ 13 ก.พ. 52 17:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ขอบคุณมาก รออ่านอยู่นะ  โหวตด้วยจ้า จากคุณ : กินปลีหางเขียว - [ 13 ก.พ. 52 17:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อคราวที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ เสด็จประพาสเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙  ก็มีการถวายลิงเผือกมาตัวหนึ่ง  ในวันเดียวกับการสมโภชช้างสำคัญซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามว่า พระเศวตคชเดชน์ดิลก จากคุณ : V_Mee - [ 13 ก.พ. 52 18:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ผมเพิ่งกลับมา เอาเรื่องลิงเผือกตัวที่เป็นข่าวเมื่อเร็วๆนี้ก่อนนะครับ ลิงเผือกที่ว่าเป็นลิงกังที่ขาวหมดจด ผ่องไปหมดทั้งตัว และสงบเสงี่ยมมาก ไม่ดุร้าย คนจับเนื้อต้องตัวก็ไม่ว่า เนื้อข่าวเล่าว่า เจ้าของเพิ่งจะดักลิงเผือกตัวนี้ได้ในป่าแถบเทือกเขาบูโด และมีคนมาขอซื้อ โดยให้ราคาสูงถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาทแต่เจ้าของไม่คิดขาย เพราะต้องการที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่ในหลวง จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 18:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 68 จากคคหที่๔๖และ๔๗ เผอิญวันนั้นผมมีธุระผ่านไปทางลานพระบรมรูปทรงม้า เขากำลังจะมีขบวนแห่เทิดพระเกียรติ โดยมีขบวนช้างและผู้คนแต่งตัวเตรียมเข้าขบวนเป็นจำนวนมาก ผมมองไปเห็นช้างสีชมพูในภาพ จึงรีบหยุดรถเพื่อลงไปดู ก็ใกล้พอสมควรแต่ไม่ถึงกับใกล้ชิด ผมถามพวกควาญว่ามาจากไหนกัน เขาบอกว่ามาจากปางช้างอยุธยา ผมถามต่อว่านั่นช้างเผือกจริงๆหรือทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ เขายิ้มๆแล้วก็ตอบว่าครับทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เช่นกัน ผมยอมรับว่าเขาแต่งสีช้างได้เนียนมาก ไม่มีตรงไหนเปรอะเลอะให้จับผิดได้ง่ายๆ  ผมดูด้วยความชื่นชมอยู่นาน เสียดายวันนั้นไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปไป จนเขาเริ่มตั้งขบวนผมจึงรีบกลับเพราะกลัวรถติด จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เทียบกับช้างนักแสดงในละครทีวีเรื่องนี้ ที่ถูกแต่งให้เป็นช้างเผือกเช่นกัน แต่ดูง่ายว่าทาสีมา จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ในภาพเป็นช้างเชือกหนึ่งในปางช้างเมืองไทยที่หากินกับนักท่องเที่ยว โปรดสังเกตผิวพรรณว่าโดดเด่นกว่าช้างเชือกอื่นๆ จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แต่ดูภาพนี้สิครับ ฝรั่งถ่ายจากปางช้างแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ และบรรยายภาพว่าเป็นwhite elephant จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ช้างเชือกนี้ มิได้ขึ้นระวางเป็นช้างเผือกหรือช้างสำคัญของราชสำนักไทย แต่รูปร่างและผิวพรรณมิได้แพ้ช้างเผือกของเพื่อนบ้านทั้งสองประเทศที่นำเสนอข้างต้น จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:11:06 ]

ความคิดเห็นที่ 73 พอขึ้นจากน้ำได้ก็รีบผัดหน้าทาแป้ง  เอ้ย เอาฝุ่นมาพ่นใส่ตัวตามภาษาช้าง  บางคนอธิบายว่าช้าง หรือสัตว์เผือกทั้งหลายไม่ทนต่อแสงแดด เพราะผิวหนังอ่อนแอกว่าตัวธรรมดา อย่างช้างเผือกในป่าจะชอบอาบโคลน ทำให้สังเกตุได้ยาก จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ปางช้างนี้ มีสตรีเหล็กคนไทยที่อุทิศตนให้แก่ความดำรงอยู่ของสัตว์โลกที่งามสง่าแห่งป่า ด้วยการนำช้างที่ปลดระวางจากงานชักลาก มาเลี้ยงดูให้อยู่ตามธรรมชาติ ไม่ตีตรวนล่ามโช่ และมิได้ใช้งานเพื่อหาเงินในเชิงพาณิชย์จากนักท่องเที่ยว ช้างเชือกนี้ไม่ได้ถูกปางช้างโฆษณาว่าเป็นช้างเผือก คงปล่อยให้เป็นอิสระอยู่กับโขลง จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เปรียบเทียบช้างเชือกนี้กับช้างเชือกอี่น จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:14:01 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ผมก็ไม่กล้าสรุปว่า ตำราคชลักษณ์ที่ไทยยึดถือ แตกต่างกับตำราพม่าหรือลาวหรือไม่ อย่างไร ช้างเชือกนี้ หรือเชือกในภาพ๗๐ เป็นช้างเผือกหรือเปล่า ถ้าใช่ ช้างทั้งสองจะผ่านหูผ่านตาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองที่ช้างอยู่ไปได้อย่างไร เป็นเรื่องน่าคิดว่า ถ้าตำราคชลักษณ์ของพม่าเห็นต่างกับไทย ช้างเผือกของไทยก็ไม่ใช่ช้างเผือกของพม่า ไม่รู้ว่าบุเรงนองเมื่อได้เห็นช้างเผือกของกรุงศรีอยุธยาแล้ว จะนำช้างเหล่านั้นกลับไปหงสาในฐานะอะไร แต่ไม่ว่าอะไรจะเป็นอย่างไร ถ้าช้างเป็นช้างเผือกจริง เมื่อได้ทูลเกล้าถวายตามพระราชประเพณีแล้ว จะได้ใช้ชีวิตเป็นอิสระเยี่ยงเจ้าป่าตามวิถีชีวิตของช้างอย่างที่เขาเป็นอยู่ ก็จะเป็นมงคลแก่สัตว์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ยิ่งนัก แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 20:18:17 จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ช้างเผือกในป่าคิบของศรีลังกา พนักงานป่าไม้ของศรีลังกาได้พบลูกช้างน้อย ผิวพรรณออกชมภูน่ารักนี้ ในปี๒๕๓๖ อยู่ท่ามกลางโขลงที่คอยประคบประหงม ระวังภัยให้สมาชิกใหม่ของพวกมัน จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ถูกใจ ... ให้กิ๊ฟท์ จากคุณ : jassb1 - [ 13 ก.พ. 52 20:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณ Navarat.C ครับ คุณพระเศวตอดุลยเดชพาหน ท่านคงชรามากนะครับ ดูจากช่วงขาค่อนข้างจะลีบเเล้วตามอายุ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 52 20:47:26 จากคุณ : panard1 - [ 13 ก.พ. 52 20:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คนศรีลังการู้จักช้างเผือกจาก พระพุทธประวัติ และศาสนาฮินดู และนับเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์  แต่ก็ไม่มีขนบวัฒนธรรมเป็นพิเศษเช่นประเทศในอุษาคเนย์  เห็นจะเป็นเพราะมีช้างเผือกเกิดมีในเกาะนี้น้อยมาก  ในประวัติศาสตร์ของชาติก็มิได้กล่าวถึง ดังนั้น สิ่งที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้กระทำก็คือ การติดตามเฝ้าดูสัตว์โลกผู้น่ารักนี้ไปเรื่อยๆ มิให้มนุษย์ไปรังควานมัน จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 81 สงสัยต่อเลยครับ ว่าอย่างช้างอาฟริกานี่ จะมีเข้าทำนองว่าเป็นช้างเผือกบ้างไหมหนอ ... จากคุณ : jassb1 - [ 13 ก.พ. 52 20:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ช้างเผือกนี้ได้ถูกตั้งชื่อว่าSudi ตอนนี้เริ่มเป็นสาวแล้ว ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี๒๕๔๗ จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 20:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ทรงฉายกับพระเศวตสุรคชาธารฯ    พระเศวตสุรคชาธารฯ หรือ คุณพระเศวตฯ เล็ก เป็นช้างพลายเผือก เกิดในป่าตำบลการอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จราชดำเนินทรงประกอบพิธีสมโภชขึ้นระวาง ที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2511 พระราชทานนามว่า พระเศวตสุรคชาธาร บรมนฤบาลสวามิภักดิ์ ศุภลักษณเนตราธิคุณ ทศกุลวิศิษฏพรหมพงศ์ อดุลยวงศ์ตามพหัตถี ประชาชนะสวัสดีวิบุลยศักดิ์ อัครสยามนาถสุรพาหน มงคลสารเลิศฟ้า ฯ   หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช บันทึกว่า ... คุณพระเศวตเล็ก ถูกพบโดยนายเจ๊ะเฮง หะระตี กำนันตำบลการอ โดยโขลงช้างเดินทางเข้ามาใกล้หมู่บ้านในเวลากลางคืน พอตอนเช้าก็พบเห็นลูกช้างพลัดฝูงอยู่ใต้ถุนบ้าน สันนิษฐานว่าแม่ช้างจะรู้ว่าลูกช้างตัวนี้เป็นช้างสำคัญ และนำมาส่งที่หมู่บ้าน เพื่อเข้ามาสู่พระบารมี  ตั้งแต่ยังไม่หย่านม เมื่อนายเจ๊ะเฮงได้เลี้ยงดูลูกช้างนั้นไว้ วันหนึ่งมีสุนัขตัวเมียป่วยหนักใกล้ตาย ได้กระเสือกกระสนมาบริเวณที่คุณพระเศวตเล็กกำลังอาบน้ำอยู่ ได้กินน้ำที่ใช้อาบตัวคุณพระอาการป่วยก็หายไป คงเหลือเพียงอาการปากเบี้ยว และกลายเป็นสุนัขที่คอยคลอเคลียติดตามคุณพระเศวตเล็กตลอดมา ได้ชื่อว่า "เบี้ยว"       ทางสำนักพระราชวัง โดยพระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ) เจ้ากรมช้างต้นได้ตรวจสอบ พบว่า     ... ลูกช้างนั้นมีมงคลลักษณะถูกต้องตามคชลักษณศาสตร์ อยู่ในพรหมพงศ์ ตระกูลช้าง 10 หมู่ ชื่อ “ดามพหัตถี” พระเศวตสุรคชาธารนับเป็นช้างต้นช้างที่สามในรัชกาลปัจจุบัน พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย     เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2511 หลังจากพิธีสมโภชขึ้นระวาง และย้ายไปยืนโรงที่โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต นางเบี้ยวก็ได้ติดตามมาด้วย และออกลูกหลานติดตามคุณพระเศวตเล็ก อยู่ภายในพระราชวังดุสิต อีกหลายสิบตัว        พระเศวตสุรคชาธาร เคยเป็นพระสหายในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อยังทรงพระเยาว์ ได้ตามเสด็จราชดำเนินแปรพระราชฐานไปยังวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์อยู่เสมอ  พระเศวตสุรคชาธาร ได้ล้มลง ณ โรงช้างต้นเมื่อ พ.ศ. 2520 จากคุณ : หงส์เหมราช - [ 13 ก.พ. 52 21:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขออนุญาตท่านพี่ Navarat.C  ครับ ...หลังจากได้รับชมกระทู้นี้จึงมีความสนใจสืบเสาะแสวงหาภาพช้างเผือกต่อ ไปเจอภาพนี้ เป็นนักท่องเที่ยว มาเที่ยวเมืองไทยปีที่แล้ว บรรยายใต้ภาพว่า That is the white elephant. ... ผมไม่มั่นใจว่าหมายถึง ตัวเจ๊แก หรือช้างที่ยืนอยู่ข้างหลังกันแน่ อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 13 ก.พ. 52 21:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มีเรื่องแถมเกี่ยวกับช้างเผือกของเขมร ในระหว่างที่อเมริกันมาทำสงครามเวียตนามในภุมิภาคนี้ ทหารอเมริกันสามารถจับช้างเผือกได้เชือกหนื่ง ไม่แจ้งว่าจากไหน แต่ตอนนั้นอเมริกันกำลังจีบเขมรเพื่อเอาเป็นพวกอยู่ นาย Spiro Agnew รองประธานาธิบดีถึงกับเดินทางมาเขมร เพื่อถวายช้างเผือกเชือกนั้นแก่เจ้าสีหนุ กษัตริย์กัมพูชา เคยมีผู้เห็นภาพถ่ายของช้างเผือกนี้ในพระราชวังเขมรินทร์ แต่หลังจากพนมเปญแตกพ่ายแก่เขมรแดง มีข่าวว่าพวกเถื่อนดังกล่าวได้ยิงช้างเผือกทิ้งเพื่อทำลายสัญญลักษณ์ของระบบกษัตริย์ เป็นสัตว์อีกตัวหนึ่งที่ต้องรับบาปจากกิเลศของมนุษย์ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 20:17:42 จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 21:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อนุสาวรีย์ระลึกถึงพระเศวตสุรคชาธารฯ ตั้งอยู่กลางใจเมืองยะลา ห่างจากศาลากลางประมาณ 600 เมตร ชาวบ้านทั่วไปเรียกสนามช้าง  ชื่อเต็มๆคือสนามโรงพิธีช้างเผือก จากคุณ : หงส์เหมราช - [ 13 ก.พ. 52 21:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ในเขมรจึงมีแต่หุ่นช้างให้นักท่องเที่ยวประกอบกิจวัตรในการท่องเที่ยว จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 21:10:42 ]

ความคิดเห็นที่ 88 กาเผือกครับ โบราณว่าถ้าปรากฏกาเผือก หรือลิงเผือก ต่อไปจะปรากฏช้างเผือกคู่แผ่นดิน จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 21:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ทรงรับกาเผือกที่มีผู้ทูลเกล้าฯถวาย จากคุณ : Navarat.C - [ 13 ก.พ. 52 21:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขอบคุณมากครับ   กระทู้มีสาระมากๆ ส่วนตัวผมเชื่อว่า ต่อให้เป็นชาติมหาอำนาจแค่ไหน มีความเจริญแค่ไหน ก็ไม่สามารถมีช้างเผือก ไว้ครอบครองได้ เพราะว่าช้างเผือกเป็นสัตว์ที่พิเศษมากๆ จากคุณ : bluegamete - [ 13 ก.พ. 52 22:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เป็นกระทู้ที่ยอดเยี่ยมมาก จำเรื่องช้างเผือกได้ตั้งแต่เรียนวิชาประวัติศาสตร์สมัยเป็นนักเรียน พอผ่นมาก็เหมือนอยู่ในตำราหมด ได้ยินได้ฟังมีการใช้คำว่าช้างเผือกมาเปรียบเทียบกับคนที่เก่งๆในหลายด้านก็อยู่บ่อยๆ วันนี้ดีใจที่ได้เห็นภาพช้างเผือกจริงๆ ไม่ทราบว่าถ้าอยากจะเห็นตัวเป็นๆให้เป็นบุญตา จะมีที่ไหนที่พอสะดวกบ้าง จากคุณ : สนิทใจ - [ 14 ก.พ. 52 00:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ถามหน่อยนะครับ   ได้ยินชื่อของช้างที่ชื่อ พระเศวตคชเดชดิลก มานานแล้ว  อยากทราบว่ามีประวัติยังไงเหรอครับ   เป็นช้างในสมัยรัชกาลไหน   ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าน่ะครับ จากคุณ : zodiac28 - [ 14 ก.พ. 52 01:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 93 พระเศวตคชเดชดิลก ไปที่นี่เลยครับ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AF สำหรับท่านที่อยากจะเห็นช้างเผือกเป็นๆ ต้องไปที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ถ้ามีรถส่วนตัวก็จะสะดวกมากครับ อยู่บนเส้นทางระหว่างลำปาง-เชียงใหม่ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 05:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 94 linkที่น่าสนใจ สถาบันคชบาลแห่งชาคิ http://www.thailandelephant.org/home.php3 จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 05:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 95 พังบัวทอง ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ก็มีสีกายออกจะแดงๆทั้งตัวนะครับ แต่ก็ไม่ได้รับการยกย่องอะไร แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 20:13:32 จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 06:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 96 จากคุณ jassb1 สงสัยว่าอย่างช้างอาฟริกานี่ จะมีเข้าทำนองว่าเป็นช้างเผือกบ้างไหม ผมไปหามาได้ เป็นช้างอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งในSouth Africa ชื่อ White Elephant Bush Camp เขาต้อนเอามา๒โขลงจากที่อื่นให้มาอยู่อย่างอิสระในป่าส่วนตัวของresort ในจำนวนนั้น  ช้างป่าตัวหนึ่งมีสีนี้ พิจารณาเอาเองก็แล้วกัน เขาก็ว่าของเขาเป็นช้างเผือก เอามาชูขายนักท่องเทียวอยู่ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 06:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 97 รูปนี้ไม่เกี่ยวกับสัตว์มงคลในกระทู้ แต่เป็นหมาเผือกขวัญใจของผมชื่อนายจู๋มู ยี่ห้อบิชอง ฟิเซ่ มันชอบมาสะกิดผมแล้วบอกเป็นภาษาหมาว่า นาย ผมอยากมีกิ๊กคร้าบ ผมเอารูปไปประกาศหาแฟนให้มันในห้องจคุจักรหลายทีแล้ว มีแต่แม่ยายมากรี๊ดกร้าด แต่ไม่ยักยกลูกสาวให้ม้นเลย ผมสงสารมันมาก เผื่อคนในห้องนี้มีพูเดิล หรือพันทางอะไรก็ได้ ไม่เกี่ยงยี่ห้อ ที่ต้องการความหล่อ ขาวจั๊วน่าเจี๊ยะ ของจู๋มูไปผสมผสานให้แก่ลูกหมา หลังไมค์มาได้นะครับ แต่ยี่ห้อพวกบอกเซ่อร์หรือหางดาบอะไรนี่ ไม่ต้องมานะครับ ขอร้อง แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 17:24:18 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 52 08:25:48 จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 06:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 98 พระเศวตคชเดชน์ดิลก  เป็นช้างพลายเผือกที่เกิดจากแม่ช้างของบริษัท บอร์เนียว จำกัด ผู้รับสัมปทานทำป่าไม้ที่เชียงใหม่ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จประพาสเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙  บริษัท บอร์เนียว จำกัด ได้น้อมเกล้าฯ ถวายช้างสำคัญนี้  ทรงพระกรุณาโปรดกล้าฯ ให้มีการสมโภชที่โรงพิธีช้างสำคัญตรงที่เป็นที่ตั้งศาลจังหวัดเชียงใหม่  ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดหลังเดิม  เมื่อวันที่  ๒๘  มกราคม  พ.ศ. ๒๔๖๙  แล้วยืนโรงอยูที่นี่จนถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๐ (สมัยนั้นเปลี่ยนปีกันในวันที่ ๑  เมษายน)  จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งช้างสำคัญนั้นลงไปกรุงเทพฯ โดยทางรถไฟ  ตลอดทางที่ขบวนช้างสำคัญเดินทางผ่านมีพระสงฆ์สวดยันโตตามสถานีรถไฟทุกเมือง   พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปรอรับช้างสำคัญที่สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา  แล้วโปรดให้ยาตรากระบวนไปสมโภชขึ้นระวางที่พระชวังดุสิต  พระราชทานนามว่า "พระเศวตคชเดชน์ดิลก"  แล้วโปรดให้ยืนโรงอยู่ที่โรงช้างต้นพระชวังดุสิต   สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าไว้ในสาส์นสมเด็จว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตที่อังกฤษนั้น  คุณพระเศวตคชเดชน์ดิลกที่ยืนโรงอยู่ที่กรุงเทพฯ  ก็มีอาการเซื่องซึมและร้องโหยหวนอยู่ได้ไม่กี่วันก็ล้ม จากคุณ : V_Mee - [ 14 ก.พ. 52 08:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สวัสดีครับคุณพี่ Navarat.C ...ในคห. 94 นั้น ... ดูอย่างไรก็เหมือนช้างอาฟริกาทั่วไปอะนะครับ (ในความเห็นผม) ... ซึ่งลำตัวตัวจะออกไปทางแดงๆอยู่แล้ว ^^ ... แต่จะว่าไป ก้หาช้างเผือกที่จะสี ขาวจัวะอย่าง ลิงหรืออีกา คงไม่มี ถ้ามีแล้วเข้าลักษณะต้องตามตำรา นี่ ... คงยิ่งใหญ่น่าดู จากคุณ : jassb1 - [ 14 ก.พ. 52 14:02:11 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณครับที่นำความรู้มาให้ ภาพ น้องหมีครับ  เป็นสาว บริสุทธิ์ อายุเกือบ3ปี  หนัก2.7โล  ส่งประกวด  หาหนุ่มหล่อ  แต่กลัวหนุ่มตัวใหญ่   กลัวน้องออกลูกตาย จากคุณ : ลุง500 - [ 14 ก.พ. 52 16:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขำความคิดเห็นที่ 84ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลเเละความรู้ดีๆนะค่ะ เเนะนํานิดนึงค่ะ อยากให้ จขกท.เข้าไปเเก้ไขคำที่พิมพ์ผิดค่ะ เวลาอ่านมันจะสมูท ps.ลูกชายหล่อมาก ขอให้หาลูกสะใภ้ได้ไวๆค่ะ จากคุณ : nu_aomgirls - [ 14 ก.พ. 52 17:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เอารูปวิธีการเป็นช้างเผือกในคห.46 ของคุณ : layla มาฝากค่ะ จากคุณ : felton - [ 14 ก.พ. 52 18:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ^ ^ ดูจากลักษณะ รูปหน้า งา ช่วงตัว แกเป็นช้างที่สง่านะครับ แต่ท่าจะเปลืองสีกันน่าดู กว่าจะไ ด้เป็นช้างเผือก 55 จากคุณ : jassb1 - [ 14 ก.พ. 52 19:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 104 พึ่งทราบครับ ว่าช้างเอเชียอย่างบ้านเรานี่ แยกออกไปอีกสามสาย ซึ่งถ้าพิจารณาแล้ว ก็คิดว่า เหตุที่ตำราช้างเผือก หรือนิยามความเป็นช้างเผือก อาจแต่งต่างกันไปในภูมิภาคอันเมื่องมาแต่ พันธุศาสตร์ด้วยกระมัง (ขอบคุณ ข้อมูลจากเว็ป http://www.thailandelephant.org/ ) ช้างเอเชีย (Elephas maximus) ช้างเอเชียแบ่งออกเป็น ๓ Subspecies คือ Elephas maximus maximus จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์นี้ สีของกายเข้ม ขนาดหูใหญ่ มีการกระจายตัวของเม็ดสีมากบริเวณกกหู ใบหน้า งวง และลำตัว มีถิ่นกำเนิดแถบประเทศศรีลังกา พบมากบริเวณลังกา และอินเดียตอนใต้ Elephas maximus indicus ขนาดตัวจะเล็กลงกว่าชนิดแรก เม็ดสีตามจุดต่าง ๆ ออกจางกว่า มีถิ่นกำเนิดแถบประเทศศรีลังกา พบมาในไทย พม่า ลาว เวียดนาม เขมร และจีน   Elephas maximus sumatrnus มีขนาดเล็กที่สุดในสายพันธุ์นี้ มีสีกายที่จางกว่าทุกชนิด มีถิ่นกำเนิดแถบสุมาตรา พบในมาเลเซียและสุมาตรา ตามปกติช้างเอเชียมักอาศัยอยู่บริเวณป่าในประเทศไทย พม่า ลาว เขมร ศรีลังกา อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มีความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ ๓ เมตร หัวจะเป็นโหนก มองจากข้างหน้าจะเป็นสองลอน หัวกะโหลกใหญ่มีมันสมองมาก ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนระหว่างช้างเอเชียและช้างแอฟริกา คือ ช้างแอฟริการรูปร่างสูงใหญ่ หูใหญ่กว่า หลังแอ่น มีงาทั้งเพศผู้และเพศเมีย ส่วนช้างเอเชียนั้นรูปร่างขนาดเล็กกว่า หูเล็กกว่า หลังโค้ง มีงาเฉพาะเพศผู้ ส่วนเพศเมียไม่มีงา สำหรับช้างเพศผู้บางเชือกไม่มีงา เราเรียกว่า ช้างสีดอ สำหรับช้างเพศผู้และเพศเมียที่ไม่มีงานั้น อาจพบลักษณะคล้ายงาแต่ขนาดเล็กกว่า เราเรียกว่า ขนาย ####################################### เนื่องจากเป็นคนรักช้างมากๆเลยครับ ... ท่านใดพอจะมีภาพของ "ช้างเนียม" มาให้ผมเห็นเป็นบุญตาบ้าง เพราะเท่าที่หามา ยังไม่เคยเจอเลยครับ จากคุณ : jassb1 - [ 14 ก.พ. 52 19:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณคุณjassb1มากครับ มาเสริมเยอะแยะช่วยให้ผมไม่เหงา ขอบคุณ คุณnu_aomgirls นะครับที่เตือนมาให้แก้คำผิด ผมพิมพ์สัมผัสแบบใช้นิ้วเลือกแป้นจิ้มทีละนิ้ว แถมตาถั่วซะอีก เลยผิดพลาดไปเยอะหน่อย ขออภัยครับ ขออภัย ย้อนกลับไปแก้แล้ว ยังมีหลงเหลืออีกมั้ยครับ ช่วยบอกพิกัดด้วย จะได้กลับไปจิ้มซะใหม่ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 20:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เอารูปคน"ทำ"ช้างเผือก มาให้ดูต่อ ^^ จากคุณ : felton - [ 14 ก.พ. 52 21:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 107 พลายเชือกนี้ งางามมากนะครับ เป็นช้างเผือกจริงๆก็ดี จากคุณ : Navarat.C - [ 14 ก.พ. 52 23:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 108 อิอิ เข้ามาดู ... พร้อมกับคิดว่า ... มองมุมนี้ เหมือนช้างอาฟริกาเลย พ่อพลายเอ้ยย ... ตามล่าหาช้างเนียม ต่อไป จากคุณ : jassb1 - [ 15 ก.พ. 52 00:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 109 โหวตค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 15 ก.พ. 52 05:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 15 ก.พ. 52 12:29:54 ]

ความคิดเห็นที่ 111 กระทู้นี้น่าสนใจจัง ขอเอาภาพพระเศวตมาเพิ่มด้วยนะคะ เครดิต...จากรุ่นพี่สัตว์แพทย์(หมอต๋อง)ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง / โรงช้างต้น แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 18:57:36 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 18:51:30 จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 18:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 112 // จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 18:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 113 /// จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 18:54:32 ]

ความคิดเห็นที่ 114 //// ชอบรูปนี้มากค่ะ จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 18:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ///// สง่างาม จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 18:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 116 จริงๆแล้วมีรูปช้างสำคัญอยู่เยอะเลยค่ะ ถ่ายสมัยเป็นนศ.สพ ฝึกงานที่ศูนย์อนุรักษ์ฯ ปัจจุบันได้หายสาบสูญไปแล้ว... (เครื่องโดนไวรัส) ปล.เสียดาย มีตอนยิงยาสลบ ช้างสำคัญตกมันด้วย O_O แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 19:08:47 จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 19:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ////// อีกรูปนะคะ จากคุณ : RatchapruekCM - [ 15 ก.พ. 52 19:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ชอบคุณพระมากๆ ดูผูกพันกับในหลวงมากๆ มีแต่คุณหมาผู้ชาย อายุ ๗ เดือน ชื่อจัมโบ้อ่า เอาแต่ใจตัวเองมาก แต่ก็น่ารักดี จากคุณ : natthaset - [ 15 ก.พ. 52 20:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอมอบดวงใ จน้อยๆใ ห้ คห.114 ครับ ... วันนี้ค้นเจอ ทุรลักษณ์ของช้าง 80 อย่าง (ในเวปมี 79 ซะงั้น) อันสุดท้ายตลกดี "ตรึบไพร คือ เสียงร้องเหมือนเสียงสุนัข หรือเสียงแรด หรือเสียงเก้ง" แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 20:35:11 จากคุณ : jassb1 - [ 15 ก.พ. 52 20:30:46 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนชอบสัตว์เผือก ลองไป  พาต้า  ปิ่นเกล้า  กันครับ  มีเยอะเหมือนกันนน่ะ จากคุณ : คนไม่พิเศษ "ซาคุ" - [ 15 ก.พ. 52 21:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 121 มีอีกรูปนึงมาฝากคุณjassb1 เป็นลูกช้างอัฟริกัน สองผ้วเมียฝรั่งถ่ายรูปได้ขณะโขลงช้างลงเล่นน้ำในอุทยานแห่งชาติ Kruger, South Africa คนที่นั่นมีความเห็นว่าช้างเผือกนอกจากหายากมากๆแล้ว โอกาสที่ช้างน้อยจะรอดตายจากแสงแดดอันแผดกล้าทารุณของทุ่งหญ้าอัฟริกาจึงน้อยเหลือเกิน เพราะร่างกายโดยเฉพาะผิวหนังจะทนไม่ไหว ลูกช้างตัวนี้จึงพยายามที่จะเกลือกกลิ้งให้ตัวเลอะโคลนให้มากที่สุด เพื่อให้รอดตายไปวันๆ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 21:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ดูผิวลูกช้างแล้วดูบอบบางอย่างกับลูกหนูที่ยังไม่ลืมตา ความจริงการเป็นสัตว์เผือกเป็นลักษณะด้อยทางกรรมพันธุ์ ความจริงถ้ามีดูณหมอผ่านมาอ่านบ้างก็ขอคำอธิบายหน่อยได้ไหมครับว่า ช้างเผือกไทยกับช้างเผือกผิวสีชมภูนี่ จะเข้าลักษณะคนขาว กับคนเผือก(albino) ที่ต่อมสีของผิวหนังพิการหรือไม่ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 22:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 123 อย่างที่เคยได้ยินเลยครับ ช้างในโขลงจะหวงและช่วยกันประคบประหงมลูกช้างเผือกเป็นพิเศษ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 22:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 124 นี่ช้างอัฟริกันเชือกหนึ่งในสวนสัตว์ของโตเกียว ออกแดงกว่าเชือกอื่นๆ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 125 คราวนี้มาดูสัตว์เผือกอื่นๆ ที่เรียกว่าเป็นพวก Albino บ้าง ยังไม่ต้องไปพาต้าก็ได้ เอ้าเรื่มจากมนุษย์ก่อนละกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:31:11 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ที่ใกล้มนุษย์ที่สุด คิงคองครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ชิมแพนซี จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ลืมรูปครับ ขอโทษ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 52 23:44:53 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ลิงแสม จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 130 เจ้าหมีโคลล่า จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:46:25 ]

ความคิดเห็นที่ 131 จิงโจ้ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 132 สวัสดีครับท่านพี่ Navarat.C โอ้ ... แอบเข้ามาทันจังหวะปาดๆๆ (หมายเหตุ กระทู้นี้ข้าพเจ้าเช็คทุกๆ สองชั่วโมง ฮ่าๆๆ) ########################################### เห็นลูกช้างอาฟริกาตัวนั้น แล้วพอจะเชื่อได้ว่านั่นของจริงครับ ตัวแดงน่าเอ็นดูมากเลย ... คุณพี่เคยไปพิพิธภัณฑ์ช้างต้นไหมครับ ... จากคุณ : jassb1 - [ 15 ก.พ. 52 23:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 133 กระบือ หรือใครจะเรียกควายก็ตามสบายครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 134 กระทิง ผมไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์ช้างต้นรับคุณjassb1 จากคุณ : Navarat.C - [ 15 ก.พ. 52 23:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 135 หมีควาย ห้ามเรียกหมีกระบือครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 16 ก.พ. 52 00:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 136 นางสิงโตกับลูกๆครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 16 ก.พ. 52 00:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 137 สามีของหล่อน แสดงท่าเกียจคร้าน จากคุณ : Navarat.C - [ 16 ก.พ. 52 00:07:33 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เสือลายพาดกลอนไม่ระบุเพศ จากคุณ : Navarat.C - [ 16 ก.พ. 52 00:09:20 ]