ขออภัยที่หายไปเฉยๆเสียนาน เนื่องจากมีภาระกิจมากมายดุจภูเขาโถมทับ กลับมาครั้งนี้ตั้งใจให้มีกลิ่นอายของนิยายจีนมากที่สุด ทั้งสำนวน และ บังอาจสอดใส่ชื่อฉายาในภาษาจีนไว้ด้วยซึ่งอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดเนื่องจากข้าพเจ้ามิได้มีความรู้ภาษาจีนแม้แต่น้อย เพียงแต่จดจำตัดลอกชื่อฉายาต่างๆมาเปรียบเทียบเอาว่าคำนี้น่าจะมาจากภาษาจีนว่าอะไร จอมยุทธิ์ท่านใดที่ลึกซื้งในภาษาจีนพบคำใดไม่ถุกต้องโปรดชี้แนะด้วยครับ
สำหรับบทที่ 1 และ 2 ที่ห่างกันนานมาก อาจทัศนาได้จากกระทู้ต่อไปนี้
บทที่ 1: http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7402799/K7402799.html
บทที่ 2: http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7408955/K7408955.html
ตัวละคร และสิ่งของสำคัญ ที่ผ่านมา
- ลี้มั่งฮุ้น บุรษหนุ่มที่อับวาสนาแต่กำเนิด
- บ้ออ้วงจินเก็ง (คัมภีร์ไร้วาสนา) คัมภีร์บันทึกสุดยอดวิชาของผู้เฒ่าไร้วาสนาที่ทั่วทั้งบุ๊ลิ้มอยากครอบครอง
- บ้ออ้วงเล่านั๊ง (ผู้เฒ่าไร้วาสนา) ยอดคนในอดีตผู้บัญญัติเคล็ดวิชาไร้วาสนา
- บ้ออ้วงเกี่ยม (กระบี่ไร้วาสนา) กระบี่โบราณของ ผู้เฒ่าแค้นฟ้าที่ซุกซ่อนเคล็ดวิชากระบี่ชั้นสูงไว้ในด้ามกระบี่
- เทียนมกล่านั๊ง (ผู้เฒ่าแค้นฟ้า) เจ้าของกระบี่อัปมงคลที่ภายหลัง ลี้มั่งฮุ้น เปลี่ยนนามใหม่เป็น กระบี่ไร้วาสนา
- เทียนซิ้งซัวะเก็งจู้ (จ้าวตำหนักมารประหารฟ้า) กงซุนบ้อเต๊ก
- แชเต็กเล่านั๊ง (ผู้เฒ่าไผ่เขียว) แป๊ะแชเต็ก ผู้อาวุโสแห่งสำนักบุ๊ตึง และศิษย์ผู้พี่ของเจ้าสำนักคนปัจจุบัน
- แชอีจินหยิน (นักพรตเสื้อเขียว) ลิ้วแชอี เจ้าสำนักบู๊ตึงคนปัจจุบัน
..
บทที่ 3: โฉมหน้าจอมมาร
ราตรีเงียบสงบ จันทร์กระจ่างทอแสงนวลใย
สำนักบู๊ตึงกลับคืนสู่ความสงบ
ภายในห้องพักรับรองของสำนัก ลี้มั่งฮุ้น นั่งขัดสมาธิโคจรลมปราณอย่างสงบเพียงลำพัง ขณะกำลังจมสู่ภวังค์อันล้ำลึก โสตประสาทที่ปราดเปรียวกว่าปกติรับรู้ถึงเสียงฝีเท้าของคนผู้หนึ่งหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง เป็นเสียงฝีเท้าที่ ลี้มั่งฮุ้น คุ้นเคยเป็นอย่างดี จึงเอ่ยปากขึ้นโดยมิต้องลืมตาว่า
เซี่ยวงู้ (วัวน้อย) เข้ามาเถิด
บานประตูห้องถูกผลักเปิดออก นักพรตน้อยรูปร่างสูงใหญ่ราวโคถึกเค้าหน้าสัตย์ซื่อผู้หนึ่งสองมือประคองถาดอาหารเย็นก้าวเข้ามาในห้องอย่างเกรงอกเกรงใจ ลี้มั่ฮุ้น ผนึกลมปราณสู่จุดตังชั้งพลางลืมตาลุกขึ้นเดินเข้าหาพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า
มิพบหน้าเพียงปีเดียว โคน้อยเจ้าใยต้องแสดงท่าทีเกรงใจสหายเก่าปานนี้
ในบรรดาศิษย์ใหญ่น้อยของสำนักบู๊ตึง เซี่ยวงู้ นับเป็นสหายสนิทที่สุดของ ลี้มั่งฮุ้น ที่คบหาด้วยความจริงใจตั้งแต่เยาว์วัย และอาจเป็นศิษย์บู๊ตึงเพียงหนึ่งเดียวที่มิเคยเหยียดหยามดูถูก ลี้มั่งฮุ้น เช่นคนอื่นๆ
นักพรตน้อยที่ ลี้มั่งฮุ้น เรียกหาด้วยความสนิทสนม ก้มศรีษะต่ำกล่าวตะกุกตะกักว่า
วันนี้ เซี่ยวฮุ้น (ฮุ้นน้อย) ท่านเป็น อึงกง (ผู้มีพระคุณ) ของสำนักบู๊ตึง เรามิอาจวางตัวเช่นแต่ก่อนได้
ลี้มั่งฮุ้น หัวร่อออกมาเบาๆพลางรับถาดอาหารจากมือของ เซี่ยวงู้ จัวางลงบนโต๊ะพลางกล่าว
เช่นนั้น เจ้าก็นั่งลงรับประทานเป็นเพื่อนเราสักมื้อ เราต้องการทราบว่าในหนึ่งปีที่ผ่นมาบู๊ลิ้มมีการเปลี่ยนแปลงเพียงใด
เซี่ยวงู้ ยังคงลังเลมิกล้านั่งร่วมโต๊ะ ลี้มั่ฮุ้น จึงคว้าข้อมมือมันฉุดดึงให้ลงนั่ง พร้อมกับพูดคุยอย่างกันเองไปหลายคำ เซี่ยวงู้ จึงค่อยระงับความกริ่งเกรง เอ่ยปากเล่าเรื่องราวในยุทธภพช่วงที่ผ่านมาให้ฟังว่า
นับจาก กงซุนบ้อเต็ก สังหาร ตั้วซือแป๊ะ (ศิษย์ผู้พี่คนโตของอาจารย์) แชเต็กเล่านั้ง (ผู้เฒ่าไผ่เขียว) ไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ก็อาละวาดโดยไร้ผู้ต่อต้าน ศิษย์เอกทั้งสี่ของมัน ตี่ชิ้ว (หัตถ์พสุธา) จุ้ยตอ (ดาบวารี) ฮวงเกี่ยม (กระบี่วายุ) และ ฮ้วยเชีย (ทวนอัคคี) ก็แยกย้ายกันออกยึดครอง สำนักใหญ่ที่เหลือทั้งสี่ ได้แก่ เสี้ยวลิ้ม ฮั่วซัว คงท้ง และ ง้อไบ๊ จนหมดสิ้น สุดท้าย กงซุนบ้อเต๊ก เป็นผู้นำกองกำลัง เทียนซิ้งซัวะเก็ง (ตำหนักมารประหารฟ้า) ทั้งหมดมายังสำนักบู๊ตึงด้วยตนเอง หากมิได้ อึง
เซี่ยวฮุ้น ท่านมาทันเวลา บู๊ตึง ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือมารชั่วช้า เมื่อถึงเวลานั้น บู๊ลิ้ม ต้องถึงคราววิบัติอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
เซี่ยวงู้ เมื่อเล่าเรื่องยึดยาวรวดเดียวจบ ต้องระบายลมจากปากออกมา ลี้มั่งฮุ้น มีสีหน้าเคร่งขรึมลง ชั่วขณะจึงทอดถอนใจพลางรำพึงขึ้นว่า
หากผู้อาวุโส แชเต็กเล่านั้ง (ผู้เฒ่าไผ่เขียว) ยังมีชีวิตอยู่คงประเสริฐยิ่ง สถาณการณ์บู๊ตึงอาจไม่วิกฤติเช่นนี้
จากคุณ :
ไร้จิตไร้ใจ
- [
13 ก.พ. 52 15:49:55
]