ความคิดเห็นที่ 1 เข้ามาลงชื่อ จองที่นั่งแถวหน้าครับ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 16 ก.พ. 52 14:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครับ คุณ วิวานดา หายไปจากวงการเป็นปรเลยนะครับ เราจะคุยเรื่องอะไรดีละครับ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ไทยทำสถิติใหม่แล้ว นะครับ จากคุณ : 1234 - [ 16 ก.พ. 52 15:10:42 A:125.26.143.169 X: TicketID:184742 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จองที่ค่ะ จากคุณ : มาลัยฯ - [ 16 ก.พ. 52 20:11:00 A:124.120.231.168 X: TicketID:108292 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ด้วยครับ.. จากคุณ : McDonut - [ 17 ก.พ. 52 07:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 - จากคุณ : Dearance (Dearance) - [ 17 ก.พ. 52 18:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เหล่าไพร่พลทหารเลวรบกันไปพักใหญ่แล้ว  มาดูหน้าตานายพลกันบ้างครับ นายพลนาวาร์  สั่งการรบอยู่ที่ไซ่ง่อน  ห่างจากสมรภูมิเดียนเบียนฟู 1,200 ก.ม. จากคุณ : Dearance - [ 17 ก.พ. 52 18:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนนี่  นายพลเกี๊ยบ   บัญชาการรบในสนามเลย จากคุณ : Dearance - [ 17 ก.พ. 52 18:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อองรีนาวาร์ เป็นไรกับเธียรี่อองรึ จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 17 ก.พ. 52 20:11:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เช็คชื่อก่อนเข้าเรียนครับ จากคุณ : ทองเบิ้ม - [ 18 ก.พ. 52 13:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาเช็คชื่ออีกคนครับ จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 20 ก.พ. 52 13:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อาจารย์ยังไม่เข้าสอนอีกแน่ะ จากคุณ : ทองเบิ้ม - [ 21 ก.พ. 52 08:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มารายงานตัวครับ ยังอยู่ครับคุณพี่ ตอนนี้ทั้งแผนกมีแพร่ดเหลืออยู่คนเดียวครับ ทำงานทุกอย่างเลย กลางคืนอยู่เวรต่ออีก... จากคุณ : ha ha yee - [ 21 ก.พ. 52 10:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แบบนี้คุนหมอคงไม่มีเวลาอัพเดทเว็บของคุณหมอแน่เลย จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 22 ก.พ. 52 10:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อครับ เดียนเบียนฟู จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ช่วงชุลมุน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:25:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วิ่งฝ่าด่านปราการชั้นนอกเข้าไปได้แล้ว ซากเครื่องบินนั่นแสดงว่าฝรั่งเศส พร้อมกำลังผสม ที่เกณฑ์มาจากสารพัดเมืองขึ้น โดนกระหน่ำหนักขนาดไหน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อันนี้ดูไม่ออกครับว่า ทรากอะไร แต่น่าสนใจตรงปืนขาทรายนั่นแหละ ต้องไปค้นดูว่าเป็นปืนประเภทไหน เดี๋ยวหาเจอแล้วจะมาบอกอีกทีนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพนี้คงใกล้เผด็จศึกแล้วละ เพราะถือธงวิ่งนำโร่ไปโล่งซะขนาดนั้น ที่เห็นขาว ๆ นั่น เป็นผ้าร่มที่กองหนุนฝรั่งเศสส่งเข้ามาเพิ่มครับ เห็นว่าตัวเลขสูงถึงสองหมื่นคนทีเดียวที่กระโดดลงมาให้เวียดกงจับ ผ้าร่มพวกนี้ คุณภาพดีมาก สมัยที่จีไอ ใช้โดดในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาว่ากันว่า ชาวบ้านเอาเก็บมาตัดชุดแต่งงานให้เจ้าสาวได้เลย แต่ปกติ พลร่มเขาจะเก็บหรือฝังผ้าร่มเมื่อลงถึงพื้นนะ เพื่อป้องกันข้าศึกตรวจพบ ถ้าเก็บมาได้นี่ แสดงว่าเจ้าของซี้กล่งอากาศไปแล้ว เอาไปตัดชุดเจ้าสาว เจ้าบ่าวคงนอนฝันดีแน่ ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เริ่มโบกใกล้บังเกอร์ชั้นในเข้าไปแล้ว จำได้ว่า ไอ้เหล็กรู ๆ ที่เอามาทำบังเกอร์อยู่นั่นนะ มันเป็นแผ่นที่ใช้ปูพื้นทำสนามบินชั่วคราวนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 Game over ครับ เขาว่าข้อดีของพวกฝรั่งเวลาทำสงครามคือ สูไม่ได้ก็ยอมแพ้ครับ ผิดกับทางเอเชีย ที่มักจะสู้จนตัวตายให้เกียรติยศสืบไปมากกว่าจะมายอมแพ้ให้อัปยศ ใครดีกว่าใคร คงขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนมั๊งครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แม่ทัพผู้ชนะ เยือนสนามรบแล้วครับ จริง ๆ ฝรั่งเศส ก็มีเกียรติประวัติการทำสงครามที่ยิ่งใหญ่นะ เมื่อครั้งนโปเลียน ก็เคยเขย่ายุโรปมาแล้ว แต่ตั้งแต่เมื่อครั้งพ่ายในสงครามกับโลกครั้งที่ 2 ดูฝรั่งเศสจะเป๋ ๆ ไปเยอะ เดี๋ยวนี้ สงครามที่จะแก้มือก็ไม่ค่อยจะมีแล้วด้วยสิ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สังเกตุการณ์ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รางวัลเกียรติยศสำหรับนักรบ ผลพวงของการสู้รบครั้งนี้ โฮจิมินต์นำไปต่อยอดแลกกับเวียดนามได้ทั้งประเทศครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นเขายอกว่าเป็นคู่เดียวกับภาพข้างบนครับ แต่ห่างเวลากันกว่า 50 ปี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สภาพปัจจุบันของเดียนเบียนฟู ผมเคยไปดูที่พพิธภัณฑ์ของเขาที่ฮานอย เขามีจอฉายภาพ พร้อมสถานที่จำลองตั้งอยู่ ในห้องปิดไฟมืด พร้อมเก้าอี้ม้านั่งยาวๆ เหมือนโรงหนัง ตจว.สมัยก่อน แล้วก็เล่าเรื่องศึกเดียนเบียนฟู ที่บรรยายถึงการเตรียการรบ เส้นทางเข้าตีแต่ะสาย สุดท้ายก็เป็นภาพโบกธที่ลุงโฮลงนามไว้และสั่งให้นำไปปักที่เหนือกองบัญชาการของฝรั่งเศส พอจบแล้ว คนดูปรบมือกันเกรียว ก็เป็นความภูมิใจของคนในชาติเขานะ แม้ว่าจะเกิดไม่ทันก็ตาม แต่เชื่อว่า เมื่อไรที่ประเทศเขาพัฒนาไปคล้ายตะวันตกมากขึ้น เรื่องพวกนี้ก็จะค่อย ๆ หายไป เหมือนกับที่เกิดกับจีน คนรุ่นใหม่ แทบไม่สนใจอะไรกับจิ๋งกังซานหรือเยนอานอีกแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 มี.ค. 52 14:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 - แก้ไขครับ รูปไม่ขึ้น - แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 19:48:09 จากคุณ : Dearance (Dearance) - [ 2 มี.ค. 52 19:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ก็คงเปลี่ยนไปตามเวลาอะครับ  เวลาเปลี่ยนไป  ใจคนเปลี่ยนตาม  (เกี่ยวกัน ???) แต่ในเวียดนามตามต่างจังหวัดที่ผมไป  ส่วนใหญ่จะเจอแต่ป้ายประเภทนี้  มากกว่าป้ายงานวัดหรือป้ายคอนเสิร์ตบ้านเราอีก  น่าจะประมาณว่าให้รักชาติ  มีวินัย  จิตใจเสียสละ  ส่วนป้ายที่เอามาให้ดูนี่คงเป็นป้ายเฉพาะกิจฉลองวันปลดปล่อยเป็นเอกราชหรืออะไรราว ๆ นั้นครับ จากคุณ : Dearance - [ 2 มี.ค. 52 19:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ประเทศไทยเรามีแต่รูปนักการเมืองงี่เง่า ขึ้นป้ายประกาศเกียรติคุณ(ลำเลิกบุญคุณ)เต็มไปหมด ทุกภาคทุกจังหวัด  ...น่าเศร้านะครับ จากคุณ : saravuht (คนเล็กของเล่นใหญ่) - [ 2 มี.ค. 52 21:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ภาษาเวียดนามนี่ เดาไม่ได้เลยครับ ดีอย่างเดียว คือ พอจะออกเสียงได้บ้าง เป็นผลงานของพระฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครอง เอาตัวอักษรของฝรั่ง มาผสมกับการออกเสียงแบบเวียดนาม เลยกลายมาเป็นภาษาของเขาเวลานี้ ก่อนหน้านั้น เขาใช้อักษรจีน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 มี.ค. 52 10:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นภาพนี้แล้วนึกถึงเพลงพี่หงาครับ ฝรั่งเศสไปแล้ว อเมริกันเข้ามา รุสเซียเข้าคว้า จีนถลาเข้าดึง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 มี.ค. 52 10:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอาอีกรูปก็แล้วกันครับ จากคุณ : Dearance (Dearance) - [ 3 มี.ค. 52 13:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หุหุ  ลืมรูป จากคุณ : Dearance - [ 3 มี.ค. 52 13:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ภาษาเวียดนามนี่  ผมอ่านออกอยู่คำเดียวคำนี้แหละครับ  COM  ไม่ใช่ร้านขายคอมพิวเตอร์  แต่เป็นร้านขายข้าวตักราดแบบบ้านเรา  อ่านว่า เกิม  แปลว่าขายข้าวครับ  เห็นแล้วรู้ว่าไม่อดแน่ ๆ จากคุณ : Dearance - [ 3 มี.ค. 52 13:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ฝรั่งเศสไปแล้ว อเมริกันก็เข้ามาแทน มีหนังเรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงช่วงก่อนสงครามเวียดนามเต็มรูปแบบ เป็นการแสดงถึง "วิธี" เข้ามาของอเมริกัน เรื่อง The quiet american ครับ หนังเล็ก ๆ ที่เข้าฉายไม่นานก็ออก ไม่มีฉากรบฉากบู๊ดุเดือด แต่เนื้อเรื่องน่าสนใจ เนื้อหาหลักเป็นเรื่องของการเลือกของหญิงสาวเวียดนาม ระหว่างชายสูงอายุชาวอังกฤษ กับหนุ่มอเมริกัน เสียดาย น่าจะเปรียบกับฝรั่งเศส จะได้เหมือนกับที่เวียดนามเลือก ว่าจะอยู่กับชายชราฝรั่งเศส ที่อยู่กันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น กับหนุ่มอเมริกัน ที่ฟู่ฟ่า ทันสมัย ใครช่วยหาหน้าหนังเรื่องนี้มาปะหน่อยครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 มี.ค. 52 19:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จำได้แต่ว่าพระเอกคือตาแบรนดัน เฟรเซอรื แห่งมัมมี่เล่นเป็นพระเอก..หรือเปล่าหว่า เอาเป็นว่าเล่นเป็นหนุ่มอเมริกันแล้วกัน อยากมีเมียสาว คงต้องทำใจเผื่อ ถ้าวันนึงจะถูกอั้ยหนุ่มหน้ามนมันแย่งไปต่อหน้าต่อตา เรื่องนี้ดูเหมือนกันครับ ได้ดูในโรง แต่จำเนื้อหาได้รางๆมากๆ จำได้ฉากนึงที่ทั้งหนุ่มอังกฤษ(แก่) กับหนุ่มอเมริกัน ไปติดอยู่บนหอระวังเหตุที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นแล้วถูกพวกเวียดมินห์เข้าโจมตี ส่วนหน้านางเอกก็จำไม่ค่อยได้เสียแล้ว จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 3 มี.ค. 52 21:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 นวัตกรรมสงครามเพื่อใช้ในการรบในเวียดนามโดยเฉพาะ เป้นหน่วยปฎิบัติการในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในส่วนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ที่ถือว่าเป็นจุดสู้รบที่หนักหน่วงที่สุดอีกแห่งหนึ่งในสงครามเวียดนาม เนื่องจากยุทธศาสตร์ของอเมริกัน คือ ปิดกั้นไม่ให้เวียดกงแทรกซึมลงมาเวียดนามใต้ได้ จึงวางกำลังตลอดแนวเส้นแบ่งเขต เวียดนามหนือและเวียดกง จึงใช้วิธีเดินทางผ่านประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและเขมร ก่อนจะวกเข้าไซง่อนในช่วงที่คิดกับเขมร เวียดนามเหนือรู้จุดอ่อนทางการเมืองของกองทัพอเมริกันว่า ไม่ได้บอนุญาตให้เข้าทำการรบในลาว และเขมร จึงใช้แผ่นดินสองประเทศนี้ในการเดินทัพ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 15:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 หนังเรื่อง Apocalypse Now  นำโดยมาลอน แบรนโด ที่ออกมาเล่นไม่กี่ฉาก  หนังฉายยุค 70 ประสบความสำเร็จสูง และเป็นหนังต้นแบบที่ชุดหนังเวียดนามต้องดู เนื้อเรื่องของหนังเป็นยุคแรก ๆ ที่นำเสนอความไร้สาระของสงครามเวียดนาม ผสมกับความหฤโหดที่จีไอต้องเผชิญอย่างไม่เข้าใจว่า ทำไม ฉากในเรื่อง คือการเดินทางลึกเข้าไปในส่วนของสามเหลี่ยมแม่น้ำโขง มีเรือที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการรบในแม้น้ำโขงโดยเฉพาะ ฉากเด็ด คือ ฉากที่จีไอผิวหมึกท่าทางฮิปปี้ เปิดวิทยุฟังเพลง (I can't get no) satisfaction ของ the rolling stone สะท้อนอารมณ์และวัฒนธรรมเพลงในยุคนั้นได้อย่างมาก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 16:20:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนเรื่อง the Quiet American เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นในปี 1955 และมีการทำเป็นหนังไปครั้งหนึ่งก่อนแล้วในปี 1958 จากนั้นจึงมีการทำใหม่อีกครั้ง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 16:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อันนี้เป็นฉบับปี 2002 ที่แบรนดอน เฟรเซอร์ เล่นประชันกับไม่เคิล เคน โดยมีนางเอกเวียดนามมาร่วมด้วย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 16:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เจออาจารย์พอดี ดีใจจัง จากคุณ : stdn - [ 4 มี.ค. 52 16:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สงครามเวียดนามนี่ถือว่าเป็นสนามทดสอบอาวุธใหม่ ๆ หลายอย่าง อย่างเรือล่งแม้น้ำโขงที่มีอยู่ในหนังเรื่อง Apocalypse Now หลังสงครามแล้ว ราชนาวีไทย ยังได้รับการอนุเคราะห์ (ขี้เกียจขนกลับ) เอาไว้ใช้เป็นหน่วย นปข.อยู่หลายปี ก็ไม่รู้ว่า เพราะทางเวียดนามและลาว เขาคุ้นกับเรื่องประเภทนี้ดีหรือเปล่า เลยทำให้เขาส่องเป้าในยุธการ นปข.ได้แม่เหลือเกิน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 16:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีครับ เจอแล้วก็มาช่วย ๆ กันเขียนบ้างเน้อ รูปนี้เป็นรูปรถลำเลียงพลรุ่นยอดฮิต M130 ครับ (ถ้าจำไม่ผิดนะ) คือว่ายุทธศาสตร์การลำเลียงพลเข้าสู่สนามรบมันเปลี่ยนไป ตั้งแต่สงครามครั้งนี้แหละ เมื่อก่อนก้จับทหารขึ้นรถบรรทุก ที่เราชอบเรียกว่า GMC หลังคาผ้าใบคลุม วิ่งเข้าไปส่งถึงในสนาม แต่การรบยุคใหม่ อาวุธทันสมัย ยิงระยะได้ไกลขึ้น รุนแรงขึ้น ก็เลยต้องออกแบบใหม่ให้สามารถป้องกันกำลังพลได้ดีกว่าเดิม เพื่อยึดเวลาการมีชีวิตอยู่ในสมรภูมิของทหารให้มากขึ้น ทุกวันนี้ ตชด.ของเรายังใช้เป็นยานพาหนะหลักในการเข้าสู้รบอยู่เลยครับ ส่วนยานลำเลียงพลยุคดิจิตอล เข้าเพิ่มอาวุธในการป้องกันคัวเองมากขึ้นกว่าเดิม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 16:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทรากรถถังโซเวียตครับ สังเกตุป้อมปืม จะเล็กและเตี้ยกว่าของสหรัฐฯ มันเป็นหลักนิยมของทางโซเวียตเขา โดยมีเหตุผลว่าเพื่อให้เป้าเล็กลง โอกาสโดนยิงน้อยลง แต่คันนี้คงเป็นข้อยกเว้น จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 มี.ค. 52 16:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อพอคลาลิพส์ นาวส์ เป็นหนังหนึ่งในดวงใจอีกเรื่องนึงของผมเหมือนกัน แต่ผมน่ะเรื่องนี้ ผมได้อ่านบทหนังก่อนจะได้ดูหนังอีก ประหลาดมั้ยล่ะครับ ก็อีตาสยุมภู แกเอาบทหนังมาแปล แล้วเอามาเขียนเป็นหนังสือเป็นเรื่องเป็นราว น่ามหัศจรรย์ ที่บทบรรยายของแกในหนังสือทำให้ผมจินตนาการได้ตรงตามในหนังเป๊ะๆ ไม่ผิดเพี้ยนเลยทีเดียว ประทับใจฉากที่เดวิด ดูวัลล์ ออกมานั่นล่ะครับ ที่แกจะไปเล่นกระดานโต้คลื่นตอนที่กำลังจะบุกหมู่บ้านเวียดกง หนังทำออกมาได้เจ็บแสบตรงนี้ล่ะครับว่า ผบ.พัน ทหารม้าอากาศ เห็นความสำคัญของการโต้คลื่นมากกว่าการบุกถล่มหมู่บ้านเวียดกงตรงหน้าเสียอีก (เพราะในทีมของพระเอก มีนักโต้คลื่นที่มีชื่อเสียงอยู่ในทีมด้วยใช่มะครับ) หนังอเมริกันหลายๆเรื่องมักจะชอบตั้งคำถามในทีว่า ชาวอเมริกันมาล้มตายในเวียดนามเพื่ออะไร บางทีคำตอบอาจไม่ได้จากคนอเมริกัน แต่ผมคิดว่าคนไทยเรานี่ล่ะที่น่าจะตอบได้ ถ้าอเมริกันไม่เข้ามารบในสงครามเวียดนาม บางที ภาคอีสานของไทย อาจเป็นประเทศที่แยกไปแล้วก็เป็นได้ และเราอาจไม่ได้นายกหน้าเหลี่ยมๆ เพราะขาดเสียงสนับสนุนหลักในภาคอีสานไป อั้ยคำว่าถ้านี่ มันแตกประเด็นแยกย่อยไปได้เยอะเหลือเกินนะครับ แต่มันก็น่าคิด ถ้าไม่มีอเมริกันเข้ามาขวาง เราก็ไม่รู้ว่ามันจะลงเอยอย่างไร จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 5 มี.ค. 52 20:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าเมกันไม่เข้ามา หมายความว่า อาจไม่มีเผค็จการทหารในไทย อาจไม่มีการมาตั้งฐานในไทยเพื่อไปลุยเพื่อนบ้าน อาจไม่มีภัยคุกคามจากเวียดนาม เนื่องจากดูเหมือนว่าไทยในสมัยก่อนหน้านั้นก็ดูจะสนับสนุนการกู้ชาติอยู่เหมือนกัน แต่มันก้เป็นแต่ "อาจจะ" จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 7 มี.ค. 52 00:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ก็ได้หลายมุมมองครับ คงต้องเอาบริบทสังคมไทย สังคมเอเชียอาคเนย์ และสังคมโลกขณะนั้นเข้ามาประกอบด้วย เริ่มจากสังคมโลก ต้องยอมรับว่า โลกยังแบ่งเป็นค่าย และความคิดแบบสงครามเย็น ยังมีอยู่อย่างเข้มข้น อเมริกาพึ่งจะเถลิงความเป็นมหาอำนาจเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุโรป ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสเริ่มอัสดง โซเวียต จีน พึ่งเริ่มก่อตั้งรัฐสังคมนิยม และมองหาอนาคต เอเชียอาคเนย์ พยายามปลดปล่อยตัวเองออกจากอาณานิคม ที่หลายประเทศหลุดพ้นไปแล้ว หลังสิ้นสุดสงครามโลกครังที่ 2 ซึ่งหลายประเทศได้รับแรงหนุนจากสหรัฐฯเอง เพื่อลดอิทธิพลของอังกฤษ คำถามของเวียดนาม คงอยู่ที่ว่า แล้วทำไม เขาจึงต้องกลับไปอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสอีก ทั้งที่อินเดีย พม่า อินโดนีเซีย ล้วนได้เอกราช สหรัฐฯเองก็คงมองถึงศักยภาพในการขูดของฝรั่งเศสเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ที่ให้ยืมไปบูรณะประเทศ รวมทั้งสกัดกั้นอิทธิพลของคอมมิวนิสต์ ในไทยเอง การรอดพ้นจากประเทศผู้แพ้ในสงครามโลก ทำให้เราต้องจัดระเบียบใหม่แบบไทย ๆ หรือครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่สำเร็จรูปแบบญี่ปุ่น หรือจับถ่วงน้ำแบบนาซี เยอรมัน แต่กลายเป็นว่า อเมริกา พยายามแทรกเข้ามามีอิทธิพลแทนที่อังกฤษให้ได้ พร้อม ๆ กับต้องการใช้ไทยเป็นฐานในการคุมดุลอำนาจในย่านนี้ สุดท้ายก็เลยลงเอยที่ว่า "แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้รับใช้สหรัฐฯเต็มตัวก็แล้วกัน" สหรัฐฯเลยไม่รังเกียจเผด็จการทหารแบบจอมพล ป.ทั้ง ๆ ที่จับโตโจ แขวนคอด้วยข้อหาเดียวกันกับจอมพล ป. เพราะคงเห็นว่า อย่างไรเสีย ด้วยนโยบายส่งทหารไปรบในเกาหลีของท่านจอมพล ก็ยังดีกว่า นโยบายส่งอาวุธไปช่วยโฮจิมินต์กู้ชาติของ อ.ปรีดี ดูเหมือนกระดานหมากใหญ่นี้ ไทยเป็นได้แค่ตัวเล่นของเขาเท่านั้นเอง อย่างมาก หมากตัวนี้ก็พยายามสั่นนิด ๆ เวลาอยากให้ผู้เล่นจับเดินไปในตาที่ตัวเองต้องการ แทนที่จะอยู่เฉย ๆ แต่เดินได้ด้วยตัวเองนั้น อย่าหวัง เพราะอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนั้นก้ได้ ดูอย่างเจ้าสีหนุ และนโยบายความเป็นกลางของกัมพูชาเป็นตัวอย่าง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 08:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พลานุภาพของเจ้ากล้วยหอม สามารถขนย้ายเฮาวิทเซอร์ หรือรถถังได้เป็นคัน ๆ ตั้งฐานที่มั่น หรือแนวรบตรงไหนก็ได้ ลองเอาไปเทียบกับการใช้แรงขนเข็นปืนใหญ่ของเวียดกงดูแล้วกันครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 08:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ตัวนี้ก็ไม่แพ้กันครับ ออกแบบมาเพื่อขนโดยเฉพาะ เรียกว่าเป็น 18 ล้อลอยฟ้าก็ได้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 08:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ก็ต้องไม่ลืมยุทธศาสตร์หลักของเราด้วยนะครับที่ว่า จะอย่างไรเสีย เราก็ต้องทำสงครามนอกบ้าน จะไม่เอาสงครามมารบกันในดินแดนราชอาณาจักรไทยเด็ดขาด ไทยเราเลยต้องยอมเป็นเบี้ยให้เมกันเดินล่ะครับ เพราะเราก็ได้ประโยชน์ตรงนี้ด้วย (ศีกอยู่ชิดกำแพงบ้านแล้ว ถ้าไม่ส่งคนออกไปรบ แล้วใครจะมารบให้เราอีกล่ะ ) ไม่งั้นเราอาจเป็นแบบเขมรก็ได้ คือหลายฝ่ายมาใช้ดินแดนรบในบ้านตัวเองมั่วไปหมด สุดท้ายเขมรก็ยังเป็นรัฐกันชนระหว่างไทยกับเวียดนามเช่นเดิม และผมก็คิดว่าในอนาคตต่อไปข้างหน้า รัฐกันชนนี้ก็ยังจะทำหน้าที่นี้ต่อไปทั้งสนามรบและสนามการค้า จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 8 มี.ค. 52 09:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ดูเครื่องบินรบลำนี้ครับ ค่อนข้างจะไม่ค่อยได้เห็นนัก มันคือ  F-100 Super Sabre ที่พัฒนามาตั้งแตช่วงสงครามเกาหลี เริ่มบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1953 ความสำคัญของมัน คือ เป็นเครื่องบินรบแบบแรกของโลกที่บินแบบ Supersonic  หรือบินด้วยความเร็วเหนือเสียงได้ ความเร็วที่บันทึกไว้เป็นสถิติเมื่อครั้งนั้นคือ 1215 kph/755mph ในปี 1953  เทียบกับมิก 25 ความภูมิใจของโซเวียต ลำนั้นจะมีความเร็วที่ 3200kph/2000ทย้ หรือ 3 mach เลยทีเดียว เครื่องรุ่นนี้เอามาใช้ในการรบในสงครามเวียดนามตั้งแต่ปี 1966 - 1971 เป็นModel s โดยดูจากที่เติมน้ำมันกลางอากาศ ที่เริ่มมีตั้งแต่ Model C เป็นต้นมา ภารกิจในสงครามเวียดนาม คือ การทิ้งระเบิดและโจมตีภาคพื้นดิน ซึ่งตามประวัติ เขาบอกว่า มีจำนวนเที่ยวบินมากกว่า P 51 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เสียอีก เจ้า F 100 นี่ปลดประจำการจากกองทัพอากาศสหรัฐฯเมื่อปี 1972 แต่ยังใช้ในกองกำลังรักษาดินแดนอยู่จนถึงกลางทศวรรษที่ 80 ที่เราไม่คุ้นตา เพราะไม่เคยมีประจำการในกองทัพอากาศไทยครับ เครื่องรุ่นนี้ไปอยู่ในฝรั่งเศส เดนมาร์ก ไต้หวัน และตุรกี จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 09:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เริ่มเข้าสู่ความจริงของสงครามแล้วครับ ความจริงที่ไม่ใช่แค่เรื่องอาวุธดี ๆ เทคโนโลยีชั้นสูง เครื่องแบบสวย ๆ เกียรติยศงามสง่า แต่เป็นความเจ็บปวดและความตายของคนจริง ๆ ที่ต้องเข้าร่วมสงคราม ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 09:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 52 .. จากคุณ : Dearance (Dearance) - [ 8 มี.ค. 52 11:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ศพทหารเวียดกงนอนเรียงรายข้างถนนหลังการรบกลางกรุงไซ่ง่อน  ในการยุทธเทศกาลตรุษญวณ 1968 จากคุณ : Dearance - [ 8 มี.ค. 52 11:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ทหารเหล่านี้ใช้เวลาหลายเดือนแทรกซึมจากทางเหนือผ่านทางลาวและกัมพูชาเข้ามาซ่อนตัวในไซ่ง่อนในรูปแบบต่าง ๆ  ทุกคนรู้ว่าไปแล้วไม่ได้กลับ จากคุณ : Dearance - [ 8 มี.ค. 52 11:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 55 OV 10 เครื่องบินทรงประหลาด แต่ใช้งานได้อเนกประสงค์ ปัญหาหนึ่งของการใช้เครื่องบินรบในเวียดนาม คือ ไม่ค่อยมีสงครามเวหาเท่าไร เพราะศักยภาพของกองทัพอากาศเวียดนามเหนือยังเทียบกับสหรัฐฯไม่ได้ แม้ว่าจะมีมิก 21 ก็แค่พอแก้เซ๋งได้เท่านั้น ภารกิจสำคัญของเครื่องบินรบของสหรัฐฯ จึงเป็นการสนับสนุนทหารภาคพื้น เช่นการลาดตระเวณหากองกำลังข้าศึก  การกราดยิงจากที่สูงเพื่อกดข้าศึกไม่ให้เข้าโจมตีฐานได้ถนัด หรือการทิ้งระเบิดระดับต่ำ  เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าเขาซะมาก ทำให้เครื่องบินความเร็วสูง ทำงานไม่ค่อยได้ผล ต้องพึ่งเครื่องบินความเร็วต่ำ ๆ ลงมาหน่อย เพื่อให้ทันต่อการชี้เป้า หรือสนับสนุนภาคพื้นดิน OV 10 เป็นเครื่องบินอเนกประสงค์ที่เหมาะกับการทำการรบในเขตป่าเขา หลังสงครามสหรัฐฯโละมาให้ไทยใช้ปราบ ผกค.อยู่หลายปี แถมไปถูกยิงตกที่ร่มเกล้าด้วยลำนึง   เห็นว่าล่าสุดเราจะโละต่อไปให้ฟิลิปปินส์หรือไงนี่แหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 16:01:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สะเทินน้ำสะเทินบกหรือพวกครึ่งบกครึ่งน้ำ อีกหนึ่งอาวุธสงครามที่เมกันขนไปรบในเวียดนาม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 16:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอฟ 4 แฟนทอม ที่ได้รับฉายาว่าผู้พิฆาต MIG เป็นคู่ปรับกับมิก 21 ในสงครามเวหาเหนือน่าฟ้าเวียดนาม  เอฟ 4 มีบทบาทในสงครามเวียดนามและตะวันออกกลาง ช่วงแรก โดยเป็นเครื่องบินทีใช้ในกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ รวมทั้งให้มิตซูบิชิได้สิทธิในการผลิตไปด้วยจำนวนหนึ่ง เอฟ 4 เป็นของบริษัทแมกโดแนล ดักกลาส เริ่มบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กพ.1967 ความเร็วสูงสุดที่บันทึกไว้คือ 1452kph/902mph มีการผลิตตั้งแต่ปี 1958 ถึง 1979 รวม 5195 เครื่อง ปี 1967 เป็นปีที่มีการผลิตเครื่องรุ่นนี้มากที่สุดถึง 72 เครื่องต่อเดือน เอฟ 4 เข้าประจำการในกองทัพอากาศของเยอรมัน อิสราเอล สเปน เกาหลีใต้ อียิปต์ กรีซ ญี่ปุ่น ตุรกี ซึ่งหลายประเทศในนี้ยังมีแผนที่จะอัพเกรด เจ้าเอฟ 4 ให้ช้ในการรบได้จนถึงปี 2015 ซึ่งเท่ากับว่ามันจะเป็นเครื่องบินที่มีอายุนานกว่า 60 ปีนับตั้งแต่เริ่มบินทดสอบครั้งแรกเมื่อปี 1958 เสียดายที่ไทยไม่มีเอฟ 4 เข้าประจำการเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 มี.ค. 52 16:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณผู้ชายเอาเครื่องบินรบมาโชว์กันอีกแล้ว กระทู้เริ่มโหดดดด จากคุณ : Gasalong - [ 8 มี.ค. 52 18:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สมัยน้าเหลี่ยม ได้ยก OV-10 Brongo ให้กับฟิลิปปินส์ไป 8 ลำครับ นัยว่าใช้ในภารกิจปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ฟิลิปปินส์ ส่วนพี่ไทย ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นลำที่เค้เก้จนเพื่อน ๆ ต้องหามนักบินออกมาที่สนามบินมนิลาลำนี้หรือเปล่า จากคุณ : Dearance - [ 8 มี.ค. 52 21:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ฮิวอี้ ในภารกิจ ฮ.พยาบาลครับ ภาพนี้เข้าใจว่าน่าจะเป็นสมรภูมิแฮมเบอร์เกอร์ ฮิลล์ ชื่อที่จีไอตั้งกัน เพราะกว่าขจะขึ้นถึงยอดได้ เพื่อนเล่นถล่มซะเละ แถมช่วงสุดท้าย ยังยิงกันเองอีกรอบ แต่พอได้ชัยแล้วก็พบว่า อั๊วขึ้นมาไมหว่า เหลือแต่ยอดเขาโล้น ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 10:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 61 หนังฝรั่งเรื่อง แฮมเบอร์เกอร์ ฮิลล์ ครับ ออกฉายเมื่อปี 1987 เป็นเรื่องทหารราบและพวก 101 แอร์บอร์น หน่วยขึ้นชื่อเกียรติประวัติสูงของเมกัน ที่เข้าตีกองทหารเวียดนามเหนือที่เขาแอบ เบีย (ไม่รู้อกเสียงถูกเป่า) แต่ฝ่ายเมกันเขากำหนดเป็นรหัสเรียกว่า ฮิลล์ 937 ตามหลักนิยมทางทหารของเขา ที่กำหนดชื่อตามความสูง เหมือนที่ไทยเอามาเรียก เนิน 387 อะไรทำนองนั้น การรบครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1969 เริ่มยิงกันตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.จนถึง 20 พ.ค.ใช้ทหารสนธิกำลังกันหลายหน่วย ทั้งราบ นาวิกโยธิน พลร่ม โดยการสนับสนุนจากปืนใหญ่ และทิ้งระเบิดทางอากาศ ก่อนเข้ายึดจนเนินเตียนโล่ง ใช้ทหารรวมกันกว่า 1,800 คน สิ่งที่ได้ นอกจากเนินเขาเปล่า ๆ เพราะเวียดนามถอนหนีไปแล้ว ก็คือหนังดี ๆ เรื่องนี้แหละครับ จริง ๆ เขาไม่ได้ต้องการยึดเนินไปนอนตากอาศเล่น  ๆ หรอก แต่เนินที่ว่า มันเป็นจุดรวมพลของเวียดนามเหนือที่จะพักพลรอเข้าโจมตีทางใต้ ด้วยชัยภูมิสูงข่ม ทำให้อเมริกันตัดสินใจเปิดยุทธการนี้ อย่างน้อยก็ผลักดันกองทัพเวียดนามเหนือออกไป ไม่งั้นอาจจะมีศักยภาพที่จะทุ่มกำลังเข้าเสริมการเข้าตีไซง่อนได้มากกว่านี้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ลืมแปะรูป ชื่อพากษ์ไทย เขาตั้งว่า สูงเสียดฟ้าข้าก็จะยึด เทห์จริง ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ใครว่าอเมริกันรบแบบมีคุณธรรมครับ โหด ๆ แบบเผาทั้งเป็นก็ถนัดเหมือนกัน ปัญหาในการรบของเมกัน คือ เวียดนามเป็นป่าฝน รกเรื้อมากถึงมากที่สุด ส่งหน่วยทหารเข้าลาดตระเวณ ก็จะถูกหน่วยขนาดเล็กของเวียดนามเกาะติด ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการเอาไฟเผาป่าไล่เวียดกงเสียเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เอ้า แปะภาพผิด เลยตามเลยแล้วกันนะ เอาภาพใหม่ไปเลย ชีวิตวัยรุ่นอเมริกันในแนวหน้า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตั้งใจจะแปะรูปนี้ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อันนี้เป็นช่วงไซง่อนแตกแล้วครับ เมื่ออเมริกันถอนทหาร ก็เลยเกิดปรากฎการณ์แตกตื่นหนีตาย โดยเฉพาะชาวเวียดนามใต้ที่สนับสนุนอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน ภาพนี้ไม่ใช้การกู้ภัยในทะเลนะครับ แต่เป็น ฮ.ที่นักบินเวียดนามใต้ ขับหนีมาและพยายามลงจอดในเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกัน ที่ออกน่านน้ำไปแล้ว เหตุการณ์ตอนนั้น เหลียน เกา กี บันทึกไว้ว่า เหล่านักบินเวียดนามใต้ ต่างขับ ฮ.ที่ตัวเองเป็นนักบินอยู่ขึ้นจากสนามบิน พร้อมครอบครัว และบินออกไปกลางทะเล เพื่อลงจอดในเรือบรรทุกเครื่องบิน เพราะเป็นทางเดียวที่จะหนีรอดจากไซง่อนที่กำลังโดนถล่มด้วยปืนใหญ่ ก่อนที่จะแตก ฮ.หลายลำ น้ำมันหมดก่อนถึงเรือ รวมทั้งที่ลงจอดส่งคนแล้ว จนท.ก็จะทำการเคลื่อนย้าน ฮ.เหล่านี้ทิ้งทะเล จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 67 สภาพนักบินและครอบครัวที่เสี่ยงเอา ฮ.ร่อยลงบนเรือครับ ก็ว่าเขาไม่ได้นะ เวลารบก็เอาเขามารบ เวลาแพ้ เล่นจะหนีไปฝ่ายเดียว ขืนอยู่ต่อ ก็คงได้ไปสัมมนายาวแน่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 9 มี.ค. 52 11:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 68 โอ๊ว เห็นหนัง macdonal hill แล้วนึกถึงความหลัง วันนั้นสอบสองวิชารวด วิชาบังคับทั้งนั้น เลิกสอบหกโมง กะว่าจะไปคลายเครียดด้วยการดูหนัง ว่าแล้วก็ยกพวกขี่มอ'ไซด์ ไปดูหนัง เลือกเรื่องนี้กันเพราะว่าอยากดูหนังสงครามแบบยิงกันโหดๆจะได้แก้เครียด ปรากฏว่าหนังจบออกมากลับเครียดกว่าเดิม ถึงขั้นปวดหัวตุบๆ วันเวลาผ่านไป ตอนนี้ก็เครียด เนื่องจากสภาพอากาศที่เชียงใหม่แย่เอามากๆ ตอนนี้ป่วยไปรอบนึงแล้ว จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 9 มี.ค. 52 22:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หน่วยลาดตระเวณตามลำน้ำครับ คงจราจรแออัดช่วงผ่านเข้าหมู่บ้าน เสร็จศึกแล้ว เขาโละให้ไทยมาตั้งเป็นหน่วย นปข.ใช้ป้องกันลำน้ำโขงได้ตั้งหลายปี เขาคงไม่รู้ว่าจะเอากลับไปทำไมมั๊ง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 มี.ค. 52 13:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ดูเขาทำสิ เล่นพ่นไฟเผามันทั้งสองฝั่งเลย เรือแบบนี้สงสัยจะเอากลับ แต่เคยอ่านเจอที่ไหนไม่ทราบว่า ทหารเรือไทยได้ไปบ้าง แล้วเอาไปวิงในทะเลเหมือนกัน ไม่รู้ว่าใช่รุ่นนี้หรือเปล่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 มี.ค. 52 13:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอ...หลังๆใช้รูปเป็นเครื่องทุ่นแรง .. แซวเล่นนะครับ เรื่องราวมันส์ดี ชอบๆ จากคุณ : McDonut - [ 10 มี.ค. 52 14:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เครื่อง OV-10 เกราะบางครับ บินช้า ๆ ต่ำ ๆ เจอ AK-47 สอยร่วงซะบ่อย นักบินไทยที่เชียงใหม่กลัวกันทั้งนั้น เราถึงต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่นแทน ตอนนี้อเมริกาเขาเปลี่ยนไปใช้ A-10 ซึ่งเกราะหนากว่าและติดอาวุธหนักได้มากกว่ามาใช้ในสงครามแบบนี้ จากคุณ : imf41 - [ 14 มี.ค. 52 21:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เอาบรองโก้ไปเทียบกับทันเดอร์โบลท์ได้อย่างไร มันคนละเกรดกันเลยทีเดียว 555 เอสิบ เป็นเครื่องในฝันของนายทหารทั่วโลก แต่เมกันก็งกเหลือเกิน ข่าวว่ามีแค่สองชาติในโลกนี้เท่านั้นที่มีใช้ ก็คือเมกันกับพี่ยุ่น อาปาเช่ก็อาปาเช่เถอะ เจอเอสิบเข้าไป ก็คงไปไม่เป็นเหมือนกัน (แหงล่ะเอา ฮ.มาเทียบกับเครื่องบินได้ไง) ทั้งอาปาเช่และเอสิบ คงจะเกิดมาจากกรณีศึกษาที่เมกันไปรบในเวียดนามเป็นหลัก จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 15 มี.ค. 52 05:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ภาพปลากรอบ  A-10 Thunderbolt แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 52 14:04:17 จากคุณ : Dearance - [ 15 มี.ค. 52 14:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 75 รูปสวยมากเลยคุนเดียร์ อยากถอยมาเก็บไว้ที่บานสักลำจัง แต่เพิงสังกะสีจะทนแรงลมไหวมั้ยหว่า อิอิ จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 15 มี.ค. 52 19:12:02 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เจ้า เอ สิบ นี่มันเป็นเครื่องบินต่อต้านรถถังนะครับ คนละภารกิจกับบรองโก้ เจ้านี่มันยิงขีปนาวุธระเบิดรถถังได้เป็นคัน ๆ ส่วนบรองโก้ ได้แค่ยิงสนับสนุนจากข้างบน กับทิ้งระเบิดได้นิดหน่อย เหมาะกับการรบในป่า ส่วน เอ สิบ เหมาะกับรบในที่ราบกว้าง ๆ อย่างทะเลทราย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 มี.ค. 52 22:53:34 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ปัญหาสำคัญของการรบในเวียดนาม คือ ไม่มีแนวรบที่ชัดเจน ศัตรูอาจจะอยู่หน้าหรือหลังเราก็ได้ เพราะเขาแฝงตัวกลมกลืนกับชาวบ้าน ตามตำรา นักรบเป็นปลา ประชาเป็นน้ำ ของเหมา เจ๋อ ตุง ดังนั้น สิ่งที่อเมริกันทำ คือ ค้นหาแล้วทำลาย แต่เมื่อการค้นหาในหมู่บ้านแต่ละครั้งกลับพบแต่เด็กและคนชรา อเมริกันก้ไปไม่เป็นเหมือนกัน เลยใช้วิธีสร้าง หมู่บ้านยุทศาสตร์ โดยหวังแยกน้ำออกจากปลา แต่ก็ผิดหวังอีก เพราะสังคมเวียดนาม เป็นรูปแบบเกษตร และมีวัฒนธรรมข้าว เป็นตัวยึดหลัก อเมริกา คิดว่าหากย้ายชาวบ้านที่ "ไม่ใช่" ออกจากพื้นที่เสี่ยง ก็จะแยกแยะชาวเวียดนามกับเวียดกง ได้ แต่ยิ่งทำกลับยิ่งเพิ่มจำนวนศัตรู เพราะวัฒนธรรมข้าว คือ การรักแผ่นดินที่ปลูกข้าว ไม่อยากย้ายที่ง่าย ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 มี.ค. 52 22:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ปฎิบัติการตามลำน้ำโขง ปลายเส้นทาง โฮจิมินต์ เผาพร้อมกันทีเดียวสองข้างเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 มี.ค. 52 23:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 79 พอเอามารบในป่า ก็เปลี่ยนจากระเบิดทำลายรถถังมาเป็นระเบิดนาปาล์มเองนั่นล่ะครับ แล้วเจ้าปญอ.ที่ติดอยู่ใต้ลำตัวตรงด้านหน้าแล้วตามติดกับเป้าหมายพื้นที่ในป่า ผมว่าเวียดกงก็ไม่รอดน่า แต่จุดมุ่งหมายหลักจริงๆ เมกาก็คิดจะมาใช้ในสงครามแอร์แลนด์กับโซเวียตมากกว่า เพราะรถถังของโซเวียตที่ไปชุมนุมกันหลังกำแพงเบอร์ลิน ข่าวว่ามีเป็นหมื่นคันเลยทีเดียว ในขณะที่ฝ่ายนาโต้มีอยู่ไม่ถึงสามพัน ยุทธศาสตร์แอร์แลนด์จึงได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับการรุกรานของฝ่ายโซเวียต เอสิบก็เป็นหนึ่งในแผนการณ์นี้แต่เมกันไม่ได้ให้มีใช้ประจำในนาโต้ แต่ผมไม่รู้ว่าพี่กันเขาเอาไว้ประจำในฐานทัพตัวเองในเยอรมันตะวันตกหรือเปล่า(ในตอนนั้น) เรื่องหมู่บ้านยุทธศาสตร์นี่ดังมาก เกือบจะกลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของแมควี โดยนายพลเวสต์มอแลนด์ไปแล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่า ไปๆมาๆ คนที่อพยพเข้าหมู่บ้านยุทธศาสตร์ เป็นพวกเวียดกงเข้าไปปะปนไม่น้อย และถ้าใครได้ดูพลาทูนก็จะเห็นได้เลยว่าการกระทำของอเมริกันกับชาวบ้านในพื้นที่ชนบทในเวียดนามใต้นั้น ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเวียดกงถึงผุดขึ้นไม่มีวันหมดเสียที (เป็นคุณคุณจะเป็นเวียดกงไหมล่ะ ถ้าโดนกระทำขนาดนั้น) ผมยังเชื่อว่าเมกันจะไม่แพ้สงครามเวียดนาม ถ้าฝ่ายการเมืองไม่หงอกับโซเวียตขนาดนั้น ถ้าเมกันตั้งเป้าว่าจะบุกยึดฮานอยเลย บางทีผู้ชนะน่าจะเป็นเมกันมากกว่า แต่เล่นมีนโยบายไม่บุกเวียดนามเหนือแบบนี้ มันก็มีแต่เจ๊ากับเจ๊งเท่านั้น รบแบบนั้นต่อให้กองทัพเทพของพระกฤษณะกับท้าวอรชุน มาช่วยรบ ผมว่ายังไม่ชนะเลยครับ เหมือนเราทะเลาะกับนักเลงหน้าปากซอยนั่นแหละ มันส่งคนมาบุกบ้านเราได้ แต่เรามีปัญญาแค่เอาหินเขวี้ยงบ้านมัน พอจะยกพวกไปรุมบ้านมันบ้าง พ่อเราบอกว่าอย่าไปเลยลูกเอ๊ย เพราะกลัวลูกพี่ใหญ่ของนักเลงปากซอยมันจะมาร่วมรุมเราด้วย คิดๆไปก็น่าสงสารพวกนักการเมืองเมกันสมัยนั้น เขาก็ไม่โง่หรอกครับทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทำสงครามแบบนี้มีแต่จะแพ้เท่านั้น เพียงแต่ก็กลัวว่าถ้าทำไรมากกว่านี้แล้วเรื่องมันจะลุกลามจนโซเวียตเข้ามาละเลงด้วย มันจะไปกันใหญ่น่ะดิ ยิ่งถ้าจีนเข้ามาร่วมด้วยนะคุณเอ๊ย ผมว่าดูไม่จืด ตอนนั้นไทยเรายังไม่กระชับความสัมพันธ์กับจีนด้วย ถ้าจีนร่วมมือกับโซเวียต กองทัพของท่านประธานเหมาได้แห่กันลงมาทางประเทศไทยแน่ๆ ประเทศไทยนี่ก็ถือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจริงๆนะครับ เอาเข้าจริงๆไปๆมาๆ มันก็มีเหตุที่ทำให้ค่ายคอมมิวนิสต์แตกคอกันเองจนกลายมาเป็นศัตรูกันไปจนได้ จังหวะมันเหมาะเหม็งเอาตอนที่เรากำลังดูท่าว่าจะโดนถล่มพอดี วันก่อนนั่งดูหนังเรื่องโฮเต็ลราวันด้าครับ สารภาพว่าเพิ่งได้ดู พอได้ดูแล้วก็ฉุกคิดแวบบบบ ว่าเหตุการณ์มันคลับคล้ายคลับคลาว่า มันใกล้จะเหมือนกับเหตุการณ์บางประเทศแถวๆอาเซียนเหมือนกันนะนี่ ประเภทปลุกให้ประชาชนจับอาวุธลุกไปประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม จากสถานีวิทยุเถื่อน (บ้านเราเรียกอย่างหรูว่าวิทยุชุมชน) ทั้งๆที่คนที่จะไปฆ่านั้นไม่ได้ต่างจากตัวเองเลยแม้แต่น้อย พูดภาษาเดียวกัน ผิวสีเดียวกัน นับถือศาสนาเดียวกัน เวลาเดินตามถนนแยกไม่ออกหรอกว่าใครเป็นใคร จนกว่าจะใส่เสื้อสีที่บ่งบอกว่าคือสีของข้างตัวเอง (ในโฮเต็ลราวันด้า รู้สึกกลุ่มของชนเผ่าฮูตูที่ชื่ออินเตอร์ฮัมวีย์ จะใส่เสื้อสีฉูดฉาดมากๆ) ต่างกับบ้านเราตรงไหนเนี่ย ว่าแต่อาจานสื่อโพสต์รูปซ้ำนะขอรับ จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 16 มี.ค. 52 00:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณสราวุธเอาลำนี้ไปขับเล่นก่อน  ที่บ้านคงมีที่จอดพอนะครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 52 15:49:24 จากคุณ : Dearance - [ 16 มี.ค. 52 15:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 81 อ้าว จิงอ่ะ  สงสัยยังไม่หายมึน เจ้า เอสิบ มันเอาไว้ใช้ยิงรถถังโซเวียตนั่นแหละครับ เป็นหลักนิยมของนาโตเขา สำหรับรบในพื้นที่ราบกว้าง ๆ เดี๋ยวลองรูปใหม่ ไม่รู้ว่าซ้ำอีกเป่า เป็นเครื่องบินแบบใบพัด เอาไว้ชี้เป้าให้ไอพ่นมาทิ้งนาปาล์มอีกที เนื่องจากสภาพป่าเขา ทำให้เครื่องไอพ่นเร็วเกินไป มองเป้าไม่ทัน เจ้าเครื่องนี้ก็จะทำหน้าที่ทิ้งระเบิดควันเป็นเป้าล่อ รวมทั้งการยิงกดเวียดกงสนับสนุนทหารราบด้วย ในเรื่อง ตู คือ ตะหาน ของพ่อ เมล  กิ๊บสัน ก็มีเจ้าเครื่องนี้มาเข้าฉากด้วย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 มี.ค. 52 13:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 82 มีคนจะขอให้เขียนเรื่องเกี่ยวกับโรมัน นึกไปนึกมา โรมันเชิงประวัติศาสตร์หนียังไงก็ไม่พ้น ซีซ่า กะพวกแมกซิมุส ซิตุส อะไรประมาณนี้ เอางี้ดีกว่า ถ้าจะไปโรมันจริง ๆ เดี๋ยวเขียนเกี่ยวกับเทพของกรีก โรมัน สนุกกว่าเยอะนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 17 มี.ค. 52 13:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 83 หนับหนุนครับ เขียนอะไรก็ดีทั้งนั้น ตามอ่านกันแบบไม่ลดละ อ่านจนกว่าจะเจอเรื่องที่พอมีความรู้บ้างจะได้เข้ามาแจม จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 17 มี.ค. 52 15:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เตซาวแปดน่ะหรือครับ ชื่อฝรั่งเขาเรียก เอหนึ่งสกายเรดเด้อใช่บ่ ต้องเรียกได้ว่าเป็นอัศวินตัวจริงของสมรภูมิลาวกันเลยทีเดียว จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 17 มี.ค. 52 21:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เรื่องโรมันอบราโมวิชน่ะหรือครับ เสี่ยหมีนี่ตอนนี้จนไปเยอะ เสียดายตังแทนแกจริงๆ อาจานสื่อพูดถึงเทพปรนัมของกรีกแล้ว ผมก็กำลังติดงอมแงมกับเรื่องมหาภารตะของอาจารย์วีระ อยู่พอดีเหมือนกัน ทำไมเราเรียนแต่เรื่องรามเกียรติ์ แต่ไม่ยักกะเรียนเรื่องนี้ก็ไม่รู้แฮะ จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 17 มี.ค. 52 21:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เอ้า เดี๋ยวแถมเรื่องเทพของอินเดียเพิ่มเข้าไปอีกด้วย อ่านจบก็แปลงร่างได้เลย แต่ตอนนี้เอาให้หมดคลังภาพก่อนนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 มี.ค. 52 13:47:05 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เผาอย่างเดียว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 18 มี.ค. 52 15:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 หมู่บ้าน My-Lai จากคุณ : Dearance - [ 18 มี.ค. 52 16:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 89 สบาย ๆ ล่องเรือเล่นในลำน้ำโขง กรณีหมู่บ้านไมไลนี่เป็นกรณีศึกษาทางประวัติศาสตร์ของการปฎิบัติการที่ผิดพลาดของอเมริกันเลยนะครับ หลังจากกรณีนี้มีการสอบสวนและเอาผิดกับทหารที่เข้าไปปฎิบัติการดังกล่าวด้วย ผลพวงจากการทำสงครามเวียดนามแบบไม่สนใจมวลชน ทำให้สถาบันการศึกษาอเมริกันต้องหันมาสนใจทำวิจัยเกี่ยวกับทางมานุษยวิทยาของประเทศแถบนี้มากขึ้น ตำราเรียนทางมานุษย์วิทยาของสังคมแถวบ้านเรา ที่ศึกษาและวิจัยโดยสถาบันชั้นนำของสหรัฐฯก็มาบิ๊กแบงครั้งใหญ่จากสงครามเวียดนามนี่แหละ เพราะคนอเมริกันก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 10:36:07 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ใครว่าแรมโบ้โม้จัดไปหน่อย ก็ดูภาพนี้เลยครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 10:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ก็คงเป็นอีกหมู่บ้านนึงที่ตกเป็นเหยี่อของความเขลาแหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 10:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ความจริงแนวคิดเรื่องหมู่บ้านยุทธศาสตร์ หรือการทำลาย ย้าย ชาวบ้านออกจากชุมชนที่เสี่ยงต่อการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่แนวคิดใหม่ที่อเมริกันนำมาใช้ในเวียดนามหรอกครับ แนวคิดนี้ ทางอาณานิคมอังกฤษ นำมาใช้ในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์มาลายาตั้งแต่พึ่งจบสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ ๆ และได้ผลดี ก็เลยเอามาใช้บ้าง แต่จริง ๆ แล้วเงื่อนไขสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มันคนละเรื่องกันเลย เริ่มจากแนวคิดแทรกซึมก่อน แนวคิดนี้เป็นของเหมา เจ๋อ ตุง ตามหลักการทำสงครามประชาชน ที่มีหลักว่านักรบคือปลา ประชาคือน้ำ แนวคิดของเหมานั้น เห็นว่า การตั้งกองทัพเพื่อสู้รบกับทหารรัฐบาลนั้น ยามพ่ายแพ้แตกพ่าย ก็อย่าได้หนีไปไกล ให้เกาะติดหมู่บ้าน เกาะติดชุมชนเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้ต่างจากแนวคิดของ เช กูวารา ซึ่งมองว่าการเคลื่อนไหวเพื่อปฎิวัติแบบสงครามกองโจร ต้องไปตั้งหลักในพื้นที่ห่างไกล เคลื่อนไหวเข้าตีแบบฉาบฉวย จับกุมปราบปรามได้ยาก เหมาประนามแนวคิดนี้ว่าเป็นลัทธิเสือจร ซึ่งอันตรายต่องานปฎิวัติ เพราะเหมามองว่า ถึงที่สุดแล้ว ทหารปฎิวัติ จะกลายเป็นแค่กองโจรกองหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งใสมัยของเหมา เมื่อทัพแดงถูกล้อมปราบ มีแกนนำพรรคเสนอให้ถอยไปหลบในที่ห่างไกลเพื่อปรับกำลังใหม่ ซึ่งเหมาปฎิเสธ แต่ให้เกาะติดกับหมู่บ้านแทน เพื่อรับการสนับสนุนจากมวลชน อาจจะสรุปรวบรัดไป แต่ถ้าดูผลของการปฎิวัติของเช กูวารา ในโบลิเวีย กับเหมาในจีน ก้พอจะเห็นภาพว่าแนวทางไหนน่าจะเหมาะกว่ากัน เพราะเชในโบลิเวียนั้น เท่าที่บันทึกไว้ คือ ถูกไล่ต้อนขึ้นไปติดค้างขนภูเขา หาเสบียงไม่ได้  แถมเมื่อเข้าไปหาอาหารในบ้านประชาชน ยังถูกนำไปแจ้งข่าวต่อทางการจนถูกไล่ล่าเสียอีก แนวทางเกาะติดมวลชนนี้ เวียดนามเหนือนำมาใช้อย่างได้ผลมาก เพราะจีไอแยกไม่ออก (จากที่แยกคนเอเชียยากอยู่แล้ว) ว่าใครเป็นทหาร ใครเป็นเวียดกง ใครเป็นชาวบ้าน ทำให้ต้องใช้แผนหมู่บ้านยุทธศาสตร์ตามแนวทางของอังกฤษในมาลายา เพื่อป้องกันไม่ให้เวียดนามเหนือแทรกซึมเข้ามาได้ แต่เข้าใจว่าระดับปฎิบัติคงไม่ค่อยซาบซึ้งกับคำว่า ปจว.สักเท่าไร เมื่อต้องปฎิบัติคำสั่ง จึงกลายเป็นค้นหาและทำลาย อย่างไม่มีประนีประนอม ผลก็เลยย้อนกลับแบบไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 11:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อเมริกันสไตล์เหมือนกันครับ ไปรบที่ไหนก็ไม่ต้องห่วง มีดารานักร้องไปปลอบขวัญอยู่แล้ว ในภาพเป็นใคร คงต้องอาศัยผู้รู้ระดับระลึกชาติครับ เพราะเกิดไม่ทันเหมือนกัน มีภาพยนต์ที่เกี่ยวกับชีวิตนักร้องปลอบขวัญทหาร ที่มีเบต มิดเลอร์ แสดงนำ ถ้าไม่ผิดจะชื่อ for the boy ที่มีเพลงเพราะ ๆ อย่างสายลมที่พยุงปีกฉัน อะไรนั่นนะ ช่วยยืนยันหน่อย เพราะช่วงใกล้ ๆ กัน เจ๊มิดเล่อร์มีหนังอีกเรื่องหนึ่ง เลยไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า เนื้อหาก็ทีแกเป็นซุปเปอร์สตาร์ แล้วไปร้องเพลงปลอบขวัญทหารในเกาหลี จนได้ปิ๊งกับคู่แข่งนักร้องชาย จนได้ร่วมหอลงโรง เข้าใจว่าพ่อผู้ชายจะมีลุกติดคนนึง และเด็กคนนี้ไปเป็นทหารรบในเวียดนาม ทำให้มิดเล่อร์ต้องกลับมาร้องเพลงอีก เพื่อหาโอกาสไปหาลูกที่เป็นทหารอยู่แนวหน้าในเวียดนาม แต่ชะตามนุษย์ไม่สามารถเลือกได้ตามใจตัวเอง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 11:06:14 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อีกภาพเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ในหนัง อะโพคาลิป นาว ก็มี ที่จัดโชว์บนเวทีกลางน้ำ แต่หยุดพวกจีไอกลัดมันไม่ไหว ถึงขนาดปีน ฮ.หนี มันยังกระโดดเกาะฐานสกี สะท้อนความแหลกเหลวสไตล์อเมริกันได้ดีจริง ๆ ในเรื่องจริง มีดาราสาวคนหนึ่งที่เลือกเดินทางไปฮานอยแทน ตอนนั้นเธอได้รับการตอบรับจากรัฐบาลเวียดนามเหนือ และเหล่าฮิปปี้แอนตี้สงครามอย่างล้นเหลือ ขณะที่อเมริกนขวาจัดถึงขนาดประนามว่าเธอขายชาติ แต่ตอนหลัง เธอออกมาขอโทษการกระทำดังกล่าว โดยบอกว่า ขอโทษต่อทหารอเมริกันทุกคนที่เสียชีวิตและต้องลำบากในการสู้รบครั้งนั้น และบอกว่าเธอทำไปเพราะอายุยังน้อย ในหนังเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับการปฎิบัติการของเครื่อง A 6  Intruder เอาฉากนี้เข้ามาด้วย จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร กำลังหาอยู่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 11:12:25 ]

ความคิดเห็นที่ 95 for the boys เรื่องราวของชีวิตนักร้องที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการ้องเพลงปลอบขวัญทหารอเมริกันในสงครามเกาหลีและเวียดนาม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 19 มี.ค. 52 11:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เชลยเวียดกง เวลาที่อเมริกันจับเวียดกง หรือทหารเวยดนามเหนือได้ ไม่ทราบว่าเขาเอาไปขังที่ไหนเหมือนกัน เพราะเรื่องของคุกเชลยเวียดนามไม่ค่อยมีปรากฎ แต่ถ้าเป็นฝ่ายเวียดนามเหนือ เชลยจะถูกส่งไปขังไว้ที่คุกในฮานอย ที่จีไอเรียกกันว่า ฮานอย ฮิลตัน เมื่อตอนไปทัศนาฮานอย ได้มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมคุกนี้อยู่ครับ เขาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว  ไม่มีอยู่ในโปรแกรมทัวร์หรอก เพราะคนไทยคงถือเรื่องโชคลาง ไม่อยากเดินเข้าคุก ขนาดดาราเล่นหนังต้องติดคุกยังมีมุกให้เดินถอยหลังเข้าไปเลย แต่ตอนนั้นไกด์เขาพาไปเที่ยววังเก่าอยู่ใกล้ ๆ กัน เลยถามเขาเรื่องฮานอย ฮิลตัน ไกด์เขาตื่นเต้นนิดหน่อยว่าเรารู้จักด้วย เลยแหกโปรแกรมแวะเข้าไปดู เพราะมันอยู่ไม่ไกลเท่าไร แค่อีกถนนนึงเท่านั้น พอเข้าไปดูแล้วก็หดหู่ตามประสาคุกแหละครับที่ไม่มีอะไรน่าทัศนา ทางการเวียดนามเน้นเรื่องสมัยที่มันเป็นคุกในช่วงยึดครองของฝรั่งเศสมากกว่าที่จะแสดงถึงการเป็น "ฮานอยฮิลตัน" ในห้องก็มีทั้งห้องขังเดี่ยวที่นั่งแทบไม่ได้ กับเรือนนอนที่นักโทษต้องนอนบนพื้นปูนยกสูงเป็นแนวเดียวกันกว่า 30 คน แล้วมีครวนล๊อกขาทั้งหมดติดกัน เห็นไกด์บอกว่าห้องเดี่ยวนั้น อดีตเลขาธิการพรรคเคยเข้าไปนอนมาแล้ว มีจุดแสดงท่อระบายน้ำที่นักโทษการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม พาพรรคพวกมุดหนีออกมาได้เกือบร้อยคน ในคืนเดือนดับ นอกจากนี้ยังมีเครื่องกิโยตินของแท้ที่ทำจากไม้ยุคดั้งเดิม เห็นบอกว่าทั้งโลกเหลืออยู่แค่ 3 อัน มีเก็บไว้ที่ฝรั่งเศส 2 อันกับที่นี่ 1 อัน เครื่องประหารก็คือเครื่องประหารแหละครับ ยามเข้าไปดูใกล้ ๆ มันก็มีรังสีของความตายให้เรารู้สึกได้เหมือนกัน  แถมเขายังมีภาพถ่ายหัวนักโทษที่ถูกตัดแล้วโชว์ไว้ข้าง ๆ อีกต่างหาก ที่ไฮไลต์ คือ ห้องเดี่ยวอีกห้องที่มีเตียงสนามเหล็กอยู่ตัวนึง เขาบอกว่าเป็นห้องที่ขังนักบินอเมริกันที่ถูกยิงตกเหนือฮานอย  ความสำคัญ คือ นักบินคนนี้เมื่อเลิกสงครามแล้ว กลับบ้ายไปเล่นการเมืองจนได้เป็นวุฒิสมาชิก และได้กลับมาเยี่ยมคุกแห่งนี้อีกครั้งในฐานะวุฒิสมาชิกอเมริกันที่กลับมาเป็นมิตรกับรัฐบาลเวียดนามอีกครั้ง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 มี.ค. 52 07:36:13 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ภาพการโจมตีของเครื่องบินใบพัดที่ใช้ในสงครามเวียดนาม เป็นเครื่องที่น่าสนใจครับ เพราะยุคนั้น อากาศยานก้าวหน้าเลยยุคใบพัดมานานแล้ว แต่ยังมีการนำเครื่องใบพัดเข้าทำการรบอย่างจริงจังอีก ก็แปลกดี ที่เป็นแบบนั้น เพราะอเมริกันครองอากาศเกือบเด็ดขาด การขึ้นบินของมิก 21 น้อยมาก และการโจมตีภาคพื้นดินเป็นไปด้วยความลำบากจากสภาพภูมิประเทศ เครื่องไอพ่นความเร็วสูง มองเป้าไม่ทัน เลยต้องมีเครื่องแบบนี้คอยชี้เป้าก่อน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 มี.ค. 52 07:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เครื่องแบบคุ้น ๆ ไหมครับ เขาบรรยายภาพว่าเป็นการสาธิตการใช้อาวุธให้กับนายทหารไทยดู เจ้าปืนนั่นเป็น m 60 ประกอบบนนถจิ๊บ ที่เรานิยมเรียกกันว่าสิงห์ทะเลทราย เพราะในสมัยก่อน (เช๊กอายุ) มีซีรีย์อเมริกันมาฉายทางทีวี เรื่องสิงห์ทะเลทราย โดยพระเอกใช้รถจิ๊ปติดปืนกลแบบนี้แหละ รบกับข้าศึกในทะเลทราย บอกตามตรงครับว่า เคยดู แต่เด็กมากเสียจนจำอะไรไม่ได้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่องสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นะ   ใครโตทันดู ช่วยมาขยายความที ทหารไทยเข้าไปมีส่วนอย่างมากในสงครามเวียดนาม มากกว่าครั้งสงครามเกาหลีเสียอีก  สาเหตุหนึ่งก็มาจากยุทธศาสตร์การรบนอกบ้านของไทยที่มองว่าคอมมิวนิสต์คือภัยคุกคาม จึงเลือกที่จะสนับสนุนการรบที่เป็นการยับยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์นอกบ้านมากกว่าจะรอให้เกิดศึกในบ้าน ทหารที่ไปศึกคราวนั้น รู้จักกันดีในชื่อกองพลเสือดำและจงอางศึก ที่มีการผลัดเปลี่ยนกำลังกันหลายผลัด เทียบรุ่น จปร.แล้วก็ตั้งแต่ จปร.5 ลงมาเรื่อย ๆ ไม่ทราบว่าถึง จปร.ไหนเหมือนกัน เห็นท่านพล.อ.บัญชร  ชวาลศลป์ ที่เขียนเรื่องที่ท่านไปรบในเวียดนามเป็นผลัดสุดท้าย ตอนนี้ท่านก็เกษียณไปแล้ว ใครทราบบ้างไหมครับว่าท่านเป็น จปร.รุ่นที่เท่าไร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 มี.ค. 52 07:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เวียดกงขนานแท้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 มี.ค. 52 07:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อ่านเรื่องสงครามเวียดนามมาก็หลายเวอร์ชั่นนะคะ  แต่พอมาอ่านสำนวนอาจารย์สื่อ   กลับได้อารมณ์อีกแบบนึงค่ะ     สงครามเวียดนามเวอร์ชั่นอาจารย์สื่อนี้  ไม่ใช่มาดูเครื่องบินรบรุ่นนั้นรุ้นนี้กันอย่างเดียวนะคะ  ถึงแม้อาจารย์จะพยายามใส่ข้อมูลเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์มาแบบเต็มเพียบ  แต่ก็ไม่เก๊ตสักเครื่องค่ะ   แต่เข้ามาอ่านเพื่อให้ได้เห็นภาพสะท้อนของวิถีชีวิตที่ดำเนินไปในช่วงขณะนั้นๆด้วยค่ะ ไม่แต่เฉพาะวิถีชาวบ้านเท่านั้นนะคที่ถูกตีแผ่ผ่านเรื่องเล่านี้   คิดว่าแม้แต่อาจารย์สื่อเอง  ก็คงคิดไม่ถึงละมั้งว่า   กะอีแค่การเล่าเรื่องแบบสไตล์ตัวเองเท่านั้นหรือ  จะสามารถให้ภาพที่หลากหลายจนคนอ่านเอาไปตีความหมายได้ลึกซึ้งถึงเพียงนั้น   ไม่ใช่แต่ภาพสะท้อนของชีวิตชาวบ้านเท่านั้นนะคะที่ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกในขณะกวาดตาผ่านแต่ละตัวอักษร     แต่รวมถึงภาพเคลื่อนไหวที่มีชีวิตอื่นๆด้วยค่ะ   ถ้าเรามองดีๆ   เราสามารถมองผ่านแววตาที่แฝงเร้นไว้ด้วยทั้งความกลัว  ความเบื่อหน่าย  และความเจ็บปวดรวดร้าวของฝ่ายหนึ่ง   และความกล้าหาญ ฮึกเหิม พร้อมสู้ยิบตาแบบคนที่ไม่มีทางเลือก ของอีกฝ่ายหนึ่ง   แล้วไหนจะบรรยากาศของสภาพแวดล้อมที่น่าสยดสยองที่ถูกกรองแล้วเพื่อป้องกันให้คนขวัญอ่อนที่เข้ามาอ่านสามารถประคับประคองอารมณ์ให้อ่านต่อได้จนจบ นับว่าเป็นการเล่าเรื่องแบบบูรณาการเบ็ดเสร็จจริงๆ จากคุณ : Gasalong - [ 20 มี.ค. 52 12:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เวลาจับเวียดกงได้  คงจะเอาไปไว้ "ที่ชอบ" กระมังครับ รูปผู้บัญชาการตำรวจไซ่ง่อน จ่อยิงศีรษะผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นเวียดกง ที่เข้ามาก่อวินาศกรรมในกรุงไซ่ง่อน  ดูหน้าตาของทหารที่อยู่ทาง ด้านซ้ายมือสิครับ คงไม่สยดสยองนเครับ  คุณพี่กาสะลอง  เพราะกรองแล้วว่าไม่มีเลือด กะมันสมองกระจายให้เห็น  :) จากคุณ : Dearance - [ 20 มี.ค. 52 17:16:38 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุนะ  ผู้ชายแถวนี้     ชาวเวียดนามที่เขาลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศจนปัจจุบันนี้กลายเป็นพลเมืองของประเทศเหล่านั้นไปแล้ว  มี่ตั้งแต่รุ่นพ่อ  ที่ไปตั้งแต่ตอนเกิดสงครามใหม่ ๆประมาณ  40 ปีกว่ามาแล้ว  หรือรุ่นลูกที่เกิดและโตที่โน่น    ปัจจุบันนี้   ไม่ทราบว่า  เขายังคงพูดคุยถึงเรื่องสงครามเวียดนามกันบ้างหรือเปล่านะคะ   และเขาอยากได้ยินเรื่องราวเหล่านี้อีกบ้างไหม    บางทีเขาอาจจะไม่อยากพูดถึงเพราะอยากกลบรอยแผลเป็นให้หายไปจากควาทรงจำไปเลยก็ได้ หรือเขายังคงพูดคุยกันอยู่ เพื่อตะหนักถึงความเป็นชาติ  เพียงแต่รอวันให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและอาจจะกลับมารวมกันอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับที่ชาวยิวทั่วโลกเขาเป็นกัน และถ้าเราเจอคนเวียดนามที่ไปอยู่ที่อื่น หากเราจะพูดคุยกับเขาเรื่องสงครามเวียดนาม    เขาจะโกรธเราไหมคะ จากคุณ : Gasalong - [ 20 มี.ค. 52 23:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 103 หนังทีวีชุดสิงห์ทะเลทราย รู้สึกว่าชื่อภาษาอังกฤษชื่อ Desert Rat ผมทันดูสมัยทีวีขาวดำ ชอบมากๆ ตรงที่รถจี๊ปสิงห์ทะเลทรายคันเดียวมันลุยรถถังเยอรมัน รถเกราะ รถ half-truck พังทีตั้งหลายคัน กลับมาแล้วครับ กำลังก้มหน้าก้มตาอัพเดทเว็บอยู่ ตอนนี้เอาเรื่องโรมานอฟขึ้นครบทุกตอนแล้ว ส่วนยังเติร์กก็รวบรวมกระทู้ที่หายไปพร้อม เว็บเก่าที่ล่มไป อีกไม่นานคงกลับมาวิ่งได้เต็มระบบเหมือนเดิม หายไปพักนึงเพราะมรสุมงานถล่ม ต้องขออภัยครับ จากคุณ : ha ha yee - [ 22 มี.ค. 52 21:09:20 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อคืนวันพุธ เจอกับข่าวเศร้าเสียอีกแล้ว เสียงโทรศัพท์จากเพื่อนโทรมาแจ้งข่าวร้ายว่าพี่ชายที่แสนดี พ.ต.ท.บุญทอม โพธิสิทธิ์ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์บนถนนสายอุดร - ขอนแก่น เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  หลังจากกลับจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้านที่หนองกุง เพื่อมาพบภรรยาที่นัดกันที่บ้าน สภาพรถปิกอัพวีโก้ ที่ลูกน้องขับมา ด้านซ้ายขาดตั้งแต่กันชนมาจนถึงที่นั่ง ส่วนด้านขวาที่แซงรถพ่วงแต่ไม่พ้น คนขับแค่ไอซียูไป 3 วัน ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ก็เลยมีธุระต้องไปขอนแก่นเพื่อร่วมงานสวดพระอภิธรรม และอยู่ต่อจนถึงงานพระราชทานเพลิงศพ ก็เป็นการจากไปของคนที่รักอีกครั้งหนึ่งอีกแล้วครับ อานิสงฆ์ของพี่เขาก็คือทำให้เพื่อนร่วมรุ่นได้มาเจอกันอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงบ่นเล็ก ๆ ว่า เราจะเจอกันในงานมงคลบ้างไม่ได้หรือไร เจอครั้งไหนก็งานศพทุกทีไป แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 19:59:19 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 24 มี.ค. 52 11:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ท่ามกลางเสียงบ่นเล็ก ๆ ว่า เราจะเจอกันในงานมงคลบ้างไม่ได้หรือไร ======================================== ง่า....คุณสื่อครับ ก็อย่าทำให้เพื่อนๆผิดหวังสิครับ แต่งโลด จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 24 มี.ค. 52 11:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 106 โอ... เสียใจด้วยครับ ข่าวที่ไม่อยากได้รับแต่ก็ต้องรับ สนับสนุนคุณ Ronachai ด้วยคน ว่าแต่แกยอมเลือกใครหรือยัง??? จากคุณ : ha ha yee - [ 24 มี.ค. 52 13:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เฮ้อ นะ เอาภาพการรุกใหญ่ในเทศกาลตรุษญวณไปดูเล่น ๆ แล้วกัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 24 มี.ค. 52 20:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 108 การรุกใหญ่ในเทศกาลตรุษญวณ นับเป็นกลยุทธืการทำสงครามจิตวิทยาระดับต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว เพราะแม้ว่าผลการศึก ฝ่ายเวียดนามเหนือจะปราชัยอย่างย่อยยับ แต่ผลทางจิตวิทยากลับเป็นฝ่ายมีชัยอย่างเหลือคณานับ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการสู้รบกันในไซง่อน ทำให้ประชาชน ตลอดจนข้าราชการของเวียดนามใต้ เริ่มไม่มั่นใจว่า อเมริกันจะคุ้มครองบพวกเขาให้พ้นจากคอมมิวนิสต์ทางเหนือได้จริงหรือเปล่า ในเวลานั้น ทหารเวียดนามเหนือและเวียดกงจำนวนหนึ่งได้แทรกซึมเข้ามาในไซง่อน และอาศัยช่วงการเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่ตามปฎิทินญวณ เปิดฉากการสู้รบ และเข้ายึดสถานทูตสหรัฐฯในไซง่อนทันที หนังฮอลีวู๊ดหลายเรื่องเอาฉากนี้เข้าไปใส่ มีเรื่องหนึ่ง จำไม่ได้จริง ๆ ว่าเรื่องอะไร มีตัวร้ายในเรื่อง platoon มาเป็นพระเอกในเรื่องนี้ เป็นเรื่องของซีไอเอ ที่เข้ามาทำงานในไซง่อน และต้องตกอยู่ในสถานการณ์วันรุกใหญ่นี้พอดี บวกกับต้องทำคดีฆาตกรรมซ่อนเงื่อนไปพร้อม ๆ กัน สนุกครับ ได้ดูในโรงใหญ่ด้วย แต่นึกชื่อเรื่องไม่ออกจริง ๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 24 มี.ค. 52 20:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เริ่มหนีแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 12:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 110 หนีไม่ทัน จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 12:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เที่ยวสุดท้าย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 12:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ผู้นำนักศึกษามหาวิทยาลัยที่สหรัฐฯ ผู้เปิดบทบาทของฮิปปี้รักสันติ เป็นอีกอานิสงฆ์หนึ่งของสงครามเวียดนาม ที่อีกฟากโลกหนึ่งรัฐบาลส่งคนหนุ่มสาวไปรบ กับอีกฟากหนึ่งที่คนหนุ่มสาวกำลังต่อสู้เพื่อยุติการสู้รบ สิ่งที่ทิ้งเอาไว้เป็นความทรงจำ คือ ตำนานเพลงเพื่อชีวิต เพื่อต่อต้านสงครามเวียดนาม ส่วนเจ้าคนที่ประท้วงอยู่นี่ ป่านนี้ถ้าไม่เป็น ซีอีโอ บ.ซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ ก็คงเป็นวุฒิสมาชิกรัฐไหนสักแห่งแหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 13:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 113 Joan Baez กับ Bob Dylan คู่หูดูโอ ที่จุดกระแสเพลงเพื่อชีวิตต่อต้านสงครามเวียดนาม ภาพนี้เป็นภาพที่เข้าร่วมชุมนุมประท้วงที่วอชิงตัน เป็นฉากหนึ่งในหนังดังเรื่อง ฟอเรสต์ กรัมต์ ซะด้วย แต่พ่อกรัมต์ อยู่ฝั่งตรงข้ามนะ เพราะแฟนกิฏเขาเป็นผู้นำนักศึกษา แต่เจ้าตัวเป็นทหารผ่านศึก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 13:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เพลงสุดดังของพ่อบ๊อบ ก็คงต้องเป็น Blowin' in the Wind" หรือ คำตอบอยู่ในสายลม ที่มีเนื้อหากระแทกใจฮิปปี้ยุคนั้นอย่างยิ่งกับคำถามอย่างถนนอีกกี่สายที่มนุษย์ต้องเดินก้าวไป เพื่อจะได้ยอมรับว่าเป็น คน คำตอบอยู่ในในสายลม เพื่อนเอ๋ย อิทธิพลของบ๊อบแผ่ไปทั่วโลก เกิดกระแสนักร้องเพลงเพื่อชีวิตมากมาย  ในบ้านเรา น้าหงา สุรชัย จันทิมาธร แห่งวงคาราวาน ก็บอกว่า ได้รับอิทธิพลจากบ๊อบอย่างมาก ทั้งลีลาการเล่น การร้อง และเนื้อหาของเพลง เวลาผ่านไป 40 กว่าปี เพลงเพื่อชีวิตเป็นเศษซากวัฒนธรรมที่ตกค้างเหลืออยู่จากผลพวงของการต่อต้านสงครามเวียดนาม  แนวทางและเป้าหมายเพี้ยนไปจนคนไม่เข้าใจแล้วว่า เพลงเพื่อชีวิตที่แท้จริงนั้นคืออะไร คุณละเข้าใจไหม จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 13:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 115 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 52 13:25:29 จากคุณ : Dearance - [ 25 มี.ค. 52 13:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 116 Blowin' In The Wind How many roads must a man walk down Before you call him a man? Yes, 'n' how many seas must a white dove sail Before she sleeps in the sand? Yes, 'n' how many times must the cannon balls fly Before they're forever banned? The answer, my friend, is blowin' in the wind, The answer is blowin' in the wind. How many years can a mountain exist Before it's washed to the sea? Yes, 'n' how many years can some people exist Before they're allowed to be free? Yes, 'n' how many times can a man turn his head, Pretending he just doesn't see? The answer, my friend, is blowin' in the wind, The answer is blowin' in the wind. How many times must a man look up Before he can see the sky? Yes, 'n' how many ears must one man have Before he can hear people cry? Yes, 'n' how many deaths will it take till he knows That too many people have died? The answer, my friend, is blowin' in the wind, The answer is blowin' in the wind. ใครเก่งภาษา ช่วยแปลทีสิ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 13:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 117 Joan baez เมื่อปี 2003 ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 13:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ล่องลอยในสายลม คนเราจะต้องก้าวเดินไปบนถนนกี่สาย ถึงจะเรียกว่าเป็นคนเต็มตัวได้ แล้วทะเลสักกี่แห่ง ที่เจ้านกพิราบขาวจะต้องร่อนผ่านไป ก่อนที่มันจะได้ไปหลับสบายบนพื้นทราย อีกสักกี่ครั้ง ที่กระสุนปืนใหญ่จะต้องถูกยิงออกไป ก่อนที่มันจะยุติลงตลอดกาล   คำตอบนะหรือ...เพื่อนเอ๋ย มันก็ล่องลอยอยู่ในสายลม กระจายอยู่ทั่วไปในสายลม คนเราจะต้องแหงนมองขึ้นไปกี่ครั้ง ก่อนที่เขาสามารถจะมองเห็นฟ้า แล้วคนๆหนึ่งต้องมีสักกี่หู ถึงจะได้ยินเสียงร้องไห้ จะต้องตายสักกี่ครั้ง กว่าจะรู้ว่ามีคนตายไปแล้วเท่าไร   สักกี่ปีที่ขุนเขาลูกหนึ่งจะยังคงอยู่ ก่อนที่มันจะถูกชะล้างลงทะเล คนเรามีชีวิตอยู่ได้สักกี่ปี ก่อนที่จะหลุดพ้น เป็นอิสระ แล้วมีสักกี่ครั้งที่เราหันหน้าไป แล้วทำเหมือนว่ามองไม่เห็นอะไรเลย ก๊อปเค้ามานะครับ http://www.baanjomyut.com/10000sword/song/vol2_6.html จากคุณ : Dearance - [ 25 มี.ค. 52 14:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ดูฝั่งตะวันตกมากแล้ว ลองมาดูภาพจากฝั่งเวียดนามเหนือบ้าง ย้อนไปที่ตอนบุกเดียนเบียนฟูนิดนึง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 มี.ค. 52 17:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 120 Blowin' In The Wind เอาไปทั้งภาพและเสียง จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 25 มี.ค. 52 20:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 121 วนมาถึงเวียดนามอีกรอบนึง ผมคิดถึงคุณลุง Otis จัง ผมรู้จักข้าราชการผู้ใหญ่ท่านนึงเบอร์ต้นๆของจังหวัดแต่ตอนนี้เกษียณแล้วท่านก็ไปรบที่เวียดนามมา เคยไปกระซิบชวนให้มาเขียนเล่าประสบการณ์ แต่ท่านก็หัวเราะแล้วก็ไม่ได้ตอบรับอะไร ผมก็เลยไม่ได้เซ้าซี้ท่านอีก เสียดายเหมือนกัน เคยเห็นรูปที่ท่านถ่ายที่ฐานด้วย ไหนๆก็แปะเพลงแล้ว ขออีกเพลงก็แล้วกัน ถือว่าเป็นของต่อเนื่องจากสงครามเวียดนาม ไทดำรำพัน จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 25 มี.ค. 52 20:10:42 ]

ความคิดเห็นที่ 122 คุณลุงโอติส ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง ผมยังคิดในแง่ดีว่า แกรักษาตัวหายแล้วแต่แกหาพวกเราไม่เจอ เพราะกระทู้อาจวิ่งไปไกลมากแล้วตอนที่แกรักษาตัวหายดีแล้ว เรื่องสงครามในลาว ผมว่าผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่พูด เพราะไม่อยากนึกถึงมันมากกว่าครับ แต่ผมก็ยังยืนยันความคิดที่จะเดินทางไปในลาวอยู่เหมือนเดิม จากคุณ : คนเล็กของเล่นใหญ่ - [ 25 มี.ค. 52 20:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 123 บทเพลงเพื่อรณรงคให้คนหนุ่มสาวในสมัยนั้นลุกขึ้นมาต่อต้านสงครามเวียดนาม ซ่งดูเหมือนจะเป็นแนวรบที่สองที่สหรัฐฯต้องเผชิญ และมีความแข็งแกร่งไม่แพ้แนวรบในเวียดนามเลยทีเดียว นอกจากคำตอบอยู่ในสายลม เพื่อนเอย ของบ๊อบ ดีแลน แล้ว อีกเพลงหนึ่งที่ทรงพลังและเป็นอมตะเหมือนกัน คือ  Where have all the flowers gone ของวงฟอล์กซองค์ 3 คน Peter paul and mary ที่ตั้งคำถามจากเหตุการณ์ยิงนักศึกษา 3 คนที่มหาวิทยาลัยโอไฮโอ ที่เอาดอกไม้ไปเสียบปากกระบอกปืนของกองกำลังรักษารัฐที่เข้ามาควบคุมความสงบในการประท้วงสงครามเวียดนามในมหาวิทยาลัย แต่นัยะของเพลงยังก้าวไปถึงการตั้งคำถามว่าคนหนุ่มสาวที่เป็นดั่งดอกไม้ หายไปไหน ซึ่งคำตอบที่คนฟังเพลงตอบได้ในใจของตัวเองก็อ ดอกไม้หรือวัยหนุ่มสาวอันสวยงาม ต้องหายไปในสนามรบที่ไร้เหตุผลในสงครามเวียดนาม สมรภูมิที่ห่างจากแผ่นดินแม่กว่า 2 หมื่นไมล์ ไปรบกับโฮจิมินทร์ และคนเวียดนามที่เขาไม่รู้จัก หรือถ้าจะเป็นวาทะของแคลสเซียส เคล์ ก็ต้องบอกว่า คนเวียดนามไม่เคยมาทำอะไรกับบรรพบุรุษผม ที่เป็นทาสผิวดำให้คนผิวขาวมาย่ำยีนับศตวรรษ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี่ อาจจะได้เปรียบบ็อบ ดีแลน อยู่บ้างตรงที่เพลงของเขามีความเรียบง่ายและมีท่วงทำนองที่สนุกสนานกว่า ทำให้มีเพลงฮิตในหมู่นักฟัง ที่แม้จะไม่ได้สนใจอุดมการณ์ต่อต้านสงครามนักหนา มากกว่าบ็อบ ดีแลน เพลงดัง ๆ ที่เป็ที่รู้จักดี โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักฟังเพลงเพื่อชีวิต เช่น  500 miles  lemon tree  puff the magic dragon leaving on a jet plane ฯลฯ แต่ชะตากรรมของวงดูจะหนักหน่วงกว่าบ็อบ เพราะบ็อบนั้นถูกยกย่องเทิดทูนไว้ว่าเป็นนักกีตาร์แบบเดิม ๆ ดิบ ๆ ทันทีที่เขาเปลี่ยนมาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า ภาพลักษณ์เขาก็เสียทันที และถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วง จากผู้ที่ติดภาพลักษณ์ขบถกับกีตาร์โปร่งตัวเดียวกับเมาท์ ออแกน ซึ่งเป็นขบถทางดนตรีจากภาพลักษณ์ของแจ๊ส วงใหญ่ที่แต่งตัวหรูหรา และเครื่องดนตรีมากชิ้น ส่วนปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี่ นั้นต้องล้มวงครึ่งแรกไปเพราะพ่อปีเตอร์ดันไปเจอข้อหาพรากผู้เยาว์เข้าให้  แต่ปัจจุบัน เขายังมีชีวิตอยู่ และเล่นดนตรีด้วย แม้วันจะล่วงเลยมาที่ 80 กว่าแล้วก็ตาม แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 52 08:25:31 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มี.ค. 52 08:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ทางฟากฝั่งอังกฤษก็ไม่น้อยหน้า  วงดังสุดขีดในเวลานั้น อย่าง The Beatles ที่นับเป็นวงดนตรีที่เกิดและตายแทบจะช่วงเวลาเดียวกับสงครามเวียดนามเลยทีเดียว คือ เริ่มออกอัลบั้มเมื่อปี 1694 ที่สงครามเวียดนามเริ่มปะทุ และดังสุดขีดในปี 1966 ที่สงครามเวียดนาม ก่อนจะสลายวงไปในปี 1970 ที่สหรัฐฯเริ่มถอนทหารออกจากเวียดนามแล้ว แม้ว่าในช่วงแรกเพลงของ 4 เต่าทอง จะไม่มีเนื้อหาอะไรเกี่ยวข้องกับสงคราม หรือการขบถของหนุ่มสาว ยังวนเวียนอยู่กับความรักแบบวัยรุ่น แต่พอระยะหลัง ๆ วิญญาณกบฎเริ่มเข้าสิง โดยเฉพาะจอห์น เลนนอน ผู้นำวง  เริ่มตั้งแต่การไว้หนวด ไว้เครา ทั้ง ๆ  ที่อิมเมจแรกคือวงดนตรีวัยรุ่นรูปหล่อหน้าใส แต่งตัวดี  ซึ่งพอล แมคคาร์ทนี่ คงไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะยังคงเอกลักษณ์หน้าใสไว้จนนาทีสุดท้าย ก่อนจะไว้หนวดไว้เคราตามเพื่อน ๆ แบบพอสังเขป จากนั้นก็ดำเนินรอยตามฮิปปี้ในยุคแสวงหาเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การชำระวิญญาณด้วยปรัชญาตะวันออก แทนทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ตะวันตก โดยเริ่มจากจอร์จ แฮริสัน น้องเล็กของวง ที่ศัธาแก่กล้ากับมหาริชิ ฤษีอินเดีย ถึงขนาดถวายตัวเป็นลูกศิษย์ พร้อมพาเพื่อนในวงการดนตรี บันเทิงของทั้งอังกฤษและอเมริกามาด้วยอีกเพียบ ไม่เว้นแม้แต่มิก แจ๊กเกอร์ เพื่อนรักเพื่อนแค้น คู่แข่งทางดนตรีของสี่เต่าทอง อีกเรื่องหนึ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับเทรนด์สมัยนั้น คือ ยาเสพติด ทั้งสี่คนสารภาพว่าแอบดูดกัญชา กระทั่งในห้องน้ำของวังบักกิ้งแฮม ขณะรอรับเสด็จ แถมยังประกาศแอนตี้สงครามเวียดนาม ด้วยการปฎิเสธเครื่องราช เพื่อประท้วงที่อังกฤษเข้าร่วมสงครามเวียดนาม ท่านเซอร์ พอล นี่มาได้อีกครั้งภายหลังนี่เอง ส่วนเพลงที่เด่นชัดของ เดอะ บิตเติ้ล ที่แสดงถึงเรื่องยาเสพติด แม้จะมีน้อยกว่าวงอื่น แต่ก็ประกาศอย่างเด่นชัด (ถึงจะซ่อนไว้ในคำก็เถอะ) อย่างเพลงชื่อประหลาด Lucy in the sky with diamonds ที่คนพยายามแปลความหมายไปต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะชื่อ Lucy ที่คิดว่าคงแต่งเพลงนี้ให้สาวที่ไหนสักคน แต่จริง ๆ แล้ว เพลงนี้แค่ซ่อนชื่อ LSD ที่เป็นยาเสพติดยอดนิยมในสมัยนั้นเอาไว้แค่นั้นเอง เพียงแค่เอาชื่อหน้าของแต่ละคำมารวมกัน ก็จะได้เป็นชื่อยาเสพติดแล้ว ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี่ ก็ถูกตีความเพลง มังกรวิเศษที่อาศัยอยู่ในทะเล ว่าจริง ๆ แล้ว เป็นแสลงที่หมายถงการสูบกัญชาเหมือนกัน เพราะเป็นอาการพ่นไฟของมังกร เอาเข้าไป แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 52 09:07:03 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มี.ค. 52 09:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 125 หุหุ  ฟัง Peter Paul & Mary  มาหลายสิบปี  เพิ่งรู้จากอาจารย์สื่อว่า  ปู่ Peter แกเจอข้อหาพรากผู้เฒ่า เอ๊ย...พรากผู้เยาว์ จากคุณ : Dearance - [ 28 มี.ค. 52 10:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ปู่ตอนหนุ่ม ๆ Peter Yarrow จากคุณ : Dearance - [ 28 มี.ค. 52 11:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 127 แหม เพลงมาเป็นชุดอย่างนี้ขืนเอามาลงมีหวังเปลี่ยนจากกระทู้ยังเติร์กเป็นกระทู้เพลงเก่าเอา แต่จะไม่ลงเลยก็จะไม่เข้ากับบรรยากาศ อันนี้แม้จะไม่ใช่ original แต่ MV นี่เข้ากับบรรยากาศดีนักแล จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 28 มี.ค. 52 16:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 128 The Kingston Trio  ก็น่าจะถือได้ว่าเป็น Original อีกเวอร์ชั่นนึงนะครับ ดูเหมือนสมัยนั้นฝรั่งจะยังไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงกัน จากคุณ : Dearance (Dearance) - [ 28 มี.ค. 52 18:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 129 Peter, Paul & Mary นี่ว่ากันว่าเป็นวงที่ทางฝ่ายยิวหนุนหลังเพื่อใช้เสียงเพลงและเนื้อหาเพื่อช่วยสนับสนุนยิว (เคยอ่านจากไหนไม่รู้) อย่างเช่น This land is your land ถึงเนื้อเพลงจะพูดถึง land ในอเมริกา แต่ก็มีเนื้อเพลงเวอร์ชั่นที่หมายถึงประเทศอิสราเอล เพลงของพวกเขาหลายๆ เพลง เน้นย้ำความเป็นยิว เช่นพูดถึง promised land (นึกชื่อเพลงไม่ออก), King David (The very last day), ยิวกับอียิปต์ (Man come into Egypt), ฯลฯ เพลงต้านสงครามเด่นๆ ชัดๆ ก็เช่น The cruel war, Gone the rainbow จากคุณ : ha ha yee - [ 31 มี.ค. 52 12:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 130 มาสนับสนุนคุณ Ronachai (amscmu) เรื่องงานมงคลครับ จากคุณ : ryzon - [ 31 มี.ค. 52 21:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 131 มาเปิดกระัทู้ใหม่แล้วค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 1 เม.ย. 52 11:11:30 ]