ความคิดเห็นที่ 1 บทแปล ผมว่าคงจะมีบางวันนะ ถึงแม้จะไม่ใช่ตอนนี้ อาจเป็นอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี ที่อยู่ ๆ คุณก็คิดถึงเธอขึ้นมาและแล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น คุณรับสายทันที คุณสงสัยว่าคงเป็นเธอที่โทร.มาบอกให้คุณรู้ว่าเธอสบายดี แม้ลูก ๆ จะโตและจากบ้านไป คุณก็ยังไม่หยุดที่จะเป็นห่วงพวกเขาคุณยังห่วงใยพวกเขาอยู่ ถึงเขาจะไม่อยู่บ้านให้คุณห่วงอีกต่อไป และแม้ว่าจะไม่มีเค้าอีกแล้วก็ตาม หากมีทางเดินไปสู่ปลายทางที่เราจะหยุดปรารถนาให้นาฬิกาหมุนย้อนกลับ หรือหยุดหวังที่จะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย ผมก็ยังคงไปไม่ถึงปลายทางนั้นสักที ผมแน่ใจว่า หากคนในครอบครัวคุณถูกทำร้าย การทำใจยอมรับนั้นทำได้ยากกว่าและความโศกเศร้าก็ยิ่งยากที่จะเลือนหาย ตั้งแต่โซฟีเสียชีวิต พวกเราก็ไม่ได้อยู่กันเหมือนอย่างเคยฆาตกรไม่เพียงฆ่าเหยื่อ แต่เขาฆ่าสมาชิกตัวน้อยของครอบครัวด้วยในคืนนั้นเอง เขาได้ฆาตกรรมส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของชีวิตผมและลอร่า ผมฝันเห็นเขา ฆาตกรของเราและของคุณ เขายังลอยนวลรอดพ้นกฏหมาย และยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นคนที่ไร้มโนสำนึก คนที่ไร้ความเคารพในค่าของชีวิตผู้อื่น เขาไม่รู้สึกรู้สาต่อความเจ็บปวด และความหายนะที่เขาก่อไว้ อย่างน้อยที่สุด ในหนังสือของผม เขาไม่ใช่คน ผมมีคำแนะนำ มีความเข้าใจลึกซึ้งที่ผมคิดว่าควรจะนำมาเผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้ คนที่ผมไม่รู้จัก คนที่ชีวิตพวกเขาถูกฆาตกรทำลาย มันเหมือนกับว่าประสบการณ์ของผมทำให้ผมเข้าใจเป็นอย่างดี ในสิ่งที่พวกเขาต้องก้าวผ่านไปให้ได้ ผมเสียใจอย่างยิ่งกับพวกเขา ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งนั้นเป็นความผิดของผม และผมก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่ ผมคลางแคลงใจว่าผมควรจะเขียนดีหรือไม่ ผมต้องการที่จะเขียน แม้บางสิ่งเหนี่ยวรั้งผมไว้ก็ตาม จากคุณ : Flowery - [ 17 ก.พ. 52 10:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หนูเพิ่งฝึกแปลค่ะ อ่านแล้วอาจจะไม่ลื่นไม่สละสลวยเท่าที่ควร พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ช่วยแนะนำหรือปรับแก้ให้หน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 17 ก.พ. 52 10:09:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แปลเก่งครับ ที่ฝึกต่อไปคือ ความรวดเร็วในการแปล ก็ได้แล้วแหละ จากคุณ : เต๋านีโอ - [ 17 ก.พ. 52 12:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่แก้ละ แปลมาอีกสำนวนก็แล้วกัน There will be days, maybe not now but in the months and even years to come, when she happens to be on your mind and the phone will ring and without thinking you'll pick up, wondering if this could be her calling to let you know she's all right. >>อาจมีบางวันที่คุณนึกถึงเธอ-อาจไม่เดี๋ยวนี้แต่อีกหลายเดือนหลายปีข้างหน้า-เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นแล้วคุณยกหูรับอย่างไม่ต้องคิด สงสัยว่าใช่ลูกโทรฯมาหรือเปล่ามาบอกพ่อแม่ว่าลูกสบายดี You don't stop worrying about your children when they grow up and leave home. You don't stop even after they're not there any more to worry about and never will be again. >>แม้ลูกจะโตขึ้นจากบ้านไปแล้ว พ่อแม่ก็อดห่วงไม่ได้ ความห่วงนั้นไม่หยุดไปได้แม้เมื่อลูกไม่อยู่ให้ห่วงอีกแล้วและจะไม่มีวันให้พ่อแม่ได้ห่วงอีกตลอดกาล If there is an end to wishing you could turn back the clock, or to hoping you will wake one morning to discover it was all a bad dream, I haven't reached it yet. Acceptance is harder to find, I suspect, grief more difficult to resolve, when your family has been violated. Since Sophie died we haven't been the same. The murderer doesn't just murder his victim, he murders a little part of the family as well. He murdered a little part of Laura and me that night. >>หากจะมีจุดสิ้นสุดของความปรารถนาที่จะหมุนเวลาให้ย้อนกลับหรือความหวังว่าจะตื่นขึ้นมาตอนเช้าและพบว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย ผมก็ยังไม่ไปถึงจุดนั้น ผมสังหรณ์ว่าการยอมรับเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและความเศร้าโศกเป็นสิ่งที่บรรเทาได้ลำบากในยามที่ครอบครัวของเราถูกทำร้าย เราไม่เป็นเช่นเดิมอีกต่อไปนับแต่โซฟีตาย ฆาตกรไม่เพียงแต่ฆ่าเหยื่อแต่ได้ฆ่าส่วนเล็กๆของครอบครัวเราไปด้วย เขาได้ฆ่าส่วนหนึ่งของลอร่าและของผมไปในคืนนั้น I dream about him, our murderer and yours - a human being with no conscience, no regard for the value of another's life, who is indifferent to the pain and havoc he leaves in his wake, who isn't human, at least not in my book, yet is still walking around free, still living his life. >> ผมฝันถึงฆาตกร-ฆาตกรของเราและของคุณ-มนุษย์คนหนึ่งที่ไร้มโนธรรม ผู้ซึ่งมองข้ามคุณค่าของชีวิตผู้อื่น ผู้ซึ่งเมินเฉยต่อความเจ็บปวดและความวินาศที่เขาทิ้งไว้เบิ้องหลัง ผู้ซึ่งไม่ใช่คน-อย่างน้อยในความเห็นของผม-แต่ก็ยังเดินเหินอย่างมีอิสระ ยังคงใช้ชีวิตของเขาตามปกติ I had advice for them, insights I felt it might be appropriate to share with others, strangers, whose lives he destroyed. As if my own experience had allowed me a unique understanding of what they must have been going through. I felt so sorry for them. I felt and still feel what happened was partly my fault. And I wondered if I should write. I wanted to write. Something held me back me though. >>ผมมีคำแนะนำที่จะให้กับคนทั้งหลาย ความรู้สึกที่ผมเห็นว่าน่าจะแบ่งปันกับคนอื่น คนแปลกหน้ามากหลายที่ชีวิตถูกเขาทำลาย ผมรู้สึกเสียใจไปกับเขาเหล่านั้นเหมือนกับว่าประสบการณ์ของตัวเองได้ทำให้ผมบังเกิดความเข้าใจที่ไม่ซ้ำแบบใครว่าเขาเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร ผมเคยรู้สึกและยังคงรู้สึกอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นส่วนหนึ่งเป็นความผิดของผม และผมก็สงสัยว่าผมควรจะเขียนไหม ผมอยากเขียน ทว่าบางสิ่งบางอย่างฉุดผมไว้ โดยที่วไป จขกท แปลได้ดี มีข้อสังเกตอยู่สองจุด "..แม้ว่าจะไม่มีเค้าอีกแล้วก็ตาม.." >> เค้าเป็นภาษาพูด ไม่แน่ใจว่าในบริบทนี้เหมาะหรือไม่เพราะไม่เห็นทั้งหมด แต่ถ้าเป็นผมจะใช้ "เขา" ไว้ก่อน "..If there is an end to wishing you could turn back the clock.." >> "..หากมีทางเดินไปสู่ปลายทางที่เราจะหยุดปรารถนาให้นาฬิกาหมุนย้อนกลับ .." end ตรงนี้ไม่น่าจะหมายถึงหนทางหรือทางเดิน แต่น่าจะหมายถึง จุดจบ จุดสิ้นสุด จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 17 ก.พ. 52 13:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคุณลุงแอ๊ดมาก ๆ เลยค่ะที่ให้คำแนะนำ สำนวนแปลคุณลุงแอ๊ดอ่านแล้วลื่นกว่าของหนูมากเลยค่ะ หนูจะพยายามฝึกฝนต่อไปค่ะ พี่ ๆ ท่านอื่นแนะนำได้อีกนะคะ หนูจะเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ ค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 17 ก.พ. 52 19:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เดี่ยวแปลบ่อยๆ อีกหน่อยอ่านไปด้วย เข้าใจไปด้วย ไม่ต้องมานั่งคิดคำ แบบนู้นดีไม๊ แบบนี้ดีไม๊แล้ว เดี่ยวมันก็จะซึมเข้าไปเองครับ Good job Keep doing!! จากคุณ : Konankong - [ 17 ก.พ. 52 20:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณมากค่ะ คุณ Konankong จากคุณ : Flowery - [ 17 ก.พ. 52 20:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แจ่มมากเพื่อน... สำหรับสำนวนน้าแอ๊ดนี่ก็ได้อารมณ์แบบผู้มีประสบการณ์จริง เหอะ ๆ จากคุณ : นัท305 - [ 18 ก.พ. 52 08:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบใจจ้ะ คุณนัท305 หายไปจากห้องเรียนภาษาอังกฤษซะนานเลยนะ จากคุณ : Flowery - [ 18 ก.พ. 52 11:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขออนุญาต จขกท แตกประเด็นนะคะ เพราะกระทู้นี้คงจะหล่นไปล่างๆแล้ว จากคุณ : พระเอกละครหลังข่าว - [ 18 ก.พ. 52 12:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะ คุณพระเอกละครหลังข่าว ยินดีค่ะที่แตกกระทู้ออกไป เพราะเราก็อยากทราบแนวทางการแปลเหมือนกันค่ะ ตอนที่เราแปลเรื่องนี้ส่ง เราก็ไม่ทราบว่าควรจะแปลอย่างไร เราจึงนำบทแปลเรามาโพสต์ในนี้เพื่อขอคำแนะนำค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 18 ก.พ. 52 12:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในกระทู้นี้คือ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7539008/K7539008.html คุณ ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว)ถามคำถามที่น่าสนใจเรื่อง “ถ้าจะสลับลำดับใจความ ควรจะให้มีน้อยที่สุด” ใช่หรือไม่ เช่น ตัวอย่างนะคะ You don't stop worrying about your children when they grow up and leave home. You don't stop even after they're not there any more to worry about and never will be again. ควรจะขึ้นต้นด้วย “คุณจะไม่หยุด” และย้ำตามในประโยคที่ 2 เหมือนต้นฉบับ "คุณจะไม่หยุด”เป็นห่วงลูกๆเมื่อพวกเขาเติบโตออกไปอยู่ที่อื่น “ไม่หยุด” แม้ว่าลูกไม่ได้อยู่ให้เป็นห่วง และไม่มีลูกอยู่อีกต่อไปแล้ว จากคุณ : ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 18 ก.พ. 52 12:27:39 ] . ตอบ หมายเหตุ เราใช้ source text (แทน source language ของคุณ) และใช้ target text (แทน target language ของคุณ) ในการแปลให้ซื่อสัตย์ต่อต้นฉบับนั้น ถ้าดูเผินๆจะดูเหมือนว่าผู้แปลจะต้องรักษาโครงสร้าง (ลำดับคำ)หรือถ้อยคำ (ใช้คำศัพท์ที่มีความหมายเทียบเท่า)ของผู้ประพันธ์ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ แต่ถ้ามองเจาะลึกๆ (แบบ paradoxical) ดูแล้ว การกระทำเช่นนั้น “ในบางกรณี” อาจกลายเป็นการแปลที่ “คลาดเคลื่อน”ไปเลยก็ได้ ข้อความนี้ You don't stop worrying about your children when they grow up and leave home. You don't stop even after they're not there any more to worry about and never will be again. ตอนคุณ Flowery แปะไว้ใหม่ๆ เรา “เห็นคำสรรพนามเต็มไปหมด” และคิดว่า ถ้าเราแปลข้อความนี้ เราจะพยายามหาทาง “กำจัดสรรพนาม” มันใน target text (แต่เราไม่ได้แปล) แล้วก็นั่งนึกยิ้มๆอยู่ในใจว่า เดี๋ยวท่านเซียนแอ็ด ปากเกร็ดต้องเข้ามาแปลก่อนใครเพื่อน แล้วเขาต้องตัดคำว่า “คุณ” และคำว่า “พวกเขา” ออกไปได้ จนสิ้นซากเลย นั่งรออยู่พักใหญ่ๆ (ล่อเสือออกจากถ้ำ) อิๆๆๆๆ...(ไม่น่าบอกเลย เดี๋ยวเขาไม่มาแปลต่อ) แล้วคุณแอ๊ดก็มาแปลไว้แบบนี้ You don't stop worrying about your children when they grow up and leave home. You don't stop even after they're not there any more to worry about and never will be again. >> แม้ลูกจะโตขึ้นจากบ้านไปแล้ว พ่อแม่ก็อดห่วงไม่ได้ ความห่วงนั้นไม่หยุดไปได้แม้เมื่อลูกไม่อยู่ให้ห่วงอีกแล้วและจะไม่มีวันให้ พ่อแม่ได้ห่วงอีกตลอดกาล ............................................................................................................................................. ใช่แล้ว เหมือนที่เราคิดไว้เลยว่าเขาต้องตัดคำว่า “คุณ” กับคำว่า “พวกเขา ออกไปได้จนสิ้นซากจริงๆเลยแฮะ...โห นี่ถ้าแทงหวงไว้ละรวยเละเลย ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...ทำไมถึงเดาใจกันได้ เคยตั้งวงก๊งเหล้ากันหรือ? เปล่าหรอก? ... ลองดู version ที่มี “สรรพนาม” ครบหรือเกือบๆครบกันอีกรอบหนึ่ง You don't stop worrying about your children when they grow up and leave home. You don't stop even after they're not there any more to worry about and never will be again. คุณจะไม่หยุดเป็นห่วงลูกๆเมื่อพวกเขาเติบโตออกไปอยู่ที่อื่น ไม่หยุดแม้ว่าลูกไม่ได้อยู่ให้เป็นห่วง และไม่มีลูกอยู่อีกต่อไปแล้ว คำแปล version นี้ของคุณ ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) รู้สึกว่า จะแปลตกคำว่า “home” ไปหน่อยหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ คือจริงๆแล้วเราอยากจะพูดเรื่อง “สรรพนาม” และการคงไว้ซึ่งลีลาของผู้ประพันธ์ต่างหาก คำว่า You ที่ขึ้นต้นประโยค 2 ประโยคนี้ ถ้าวิเคราะห์กันให้ลึกๆแล้ว จะเห็นว่า มันไม่ได้หมายถึง “คุณ” ซึ่งเป็นคนที่ฟังอยู่คนเดียว หากแต่มันหมายถึง “คนทั่วๆไป...คือใครก็ได้ ซึ่งอาจจะรวมถึงตัวผู้พูดก็ได้อีกด้วย” ดังนั้น การแปล “You” เป็น “คุณ” แบบ equivalent แบบ word-for-word จริงๆ ถ้าอ่านทวนดีๆ บางที น้ำเสียงเหมือนเป็น “คนๆเดียว” และอาจกลายเป็นคลาดเคลื่อนด้วยซ้ำไป! แต่สิ่งที่แน่ๆก็คือว่า “สรรพนาม” เหล่านี้ที่มีอยู่มากมายใน target text มันทำให้หนังสืออ่านแล้วเหมือนหนังสือแปล คือยังมีกลิ่นนมกลิ่นเนยอยู่ ในขณะที่คำแปล ซึ่งแปลโดยการรื้อโครงสร้างประโยคใหม่และละสรรพนามไปได้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุดนั้น มันอ่านแล้วเหมือนหนังสือเขียนเลย เหมือนธรรมชาติภาษาไทยจริงๆเลย ซึ่งเราเชื่อว่าหนังสือแปลที่ดีควรอ่านแล้วเหมือนหนังสือเขียน คำแปลของคุณแอ็ด ไม่ถือว่าคลาดเคลื่อน เพราะคำว่า “You” สื่อความหมายว่า “ผู้คนโดยทั่วไป อาจรวมถึงตัวคนพูดด้วยก็ได้” และ “your children” หมายถึง “ลูกๆของผู้คนโดยทั่วไป อาจรวมถึงลูกๆของตัวคนพูดด้วยก็ได้” คำแปลท่อนแรกของคุณแอ็ดคือ “แม้ลูกจะโตขึ้นจากบ้านไปแล้ว พ่อแม่ก็อดห่วงไม่ได้.....” ถึงแม้ว่าคำศัพท์ในภาษาไทยจะไม่แสดงรูปแบบว่ามีคนกี่คนก็ตาม แต่ เราว่าประโยคภาษาไทยประโยคนี้ยังสื่อความได้ว่า “ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่คนไหนก็ตาม....” ซึ่งน่าจะสื่อเจตนารมย์ของผู้ประพันธ์ได้ครบถ้วน เนื่องจากว่า โดยธรรมชาติของภาษาอังกฤษแล้ว คำว่า You ที่ขึ้นต้นประโยค 2 ประโยคนี้ (ในบริบทนี้) ผู้ประพันธ์สื่อความหมายว่า “ผู้คนโดยทั่วไป รวมถึงตัวผู้ประพันธ์เองด้วย” นั่นเอง ******** จากคุณ : white rabbit - [ 18 ก.พ. 52 22:27:26 A:124.121.91.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 คราวนี้เรามาพูดกันถึงเรื่อง publishable standard ของสำนักพิมพ์และ ethics ของบรรณาธิการต้นฉบับกัน ซึ่งเราเชื่อว่ามันคงกลายเป็นอะไรที่ arbitrary มากๆ ซึ่งอาจจะทำให้คนที่อยู่ในอาชีพแปลถกกันหน้าดำหน้าแดง แต่เราพูดไว้แบบเป็นกลางๆ โดยคิดว่า “มันขึ้นอยู่กับว่าเป็นสำนักพิมพ์ไหน และมีใครบ้างอยู่ในกองบรรณาธิการ และสำนักพิมพ์นั้นเขามีนโยบายอย่างไรในเรื่อง publishable standard” สำนักพิมพ์แรกที่เราทำงานให้ จริงๆแล้วเราแปลหนังสือ แต่เขาขอให้ช่วย edit หนังสือแปล พอเราเจอนักแปลๆมามีสรรพนามมากมาย เราจะหาทางตัดมันให้หมด หรือให้เหลือน้อยลง เพื่อให้มันไม่มีกลิ่นนมเนยเหลือ เลยบางทีกลายเป็นแก้มากเกินไป แต่ทางสำนักพิมพ์นั้นเขายอมรับได้ แต่พอทำอีกสำนักพิมพ์หนึ่ง คนในกองบรรณาธิการเขาพูดเหมือนๆที่ คุณ ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) พูด นั่นก็คือว่า “ถ้าจะสลับลำดับใจความ ควรจะให้มีน้อยที่สุด” ถ้าพิจารณาเรื่องนี้แล้ว เราว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ก็เลยลองมามองกันในหลายๆมุมมอง ในมุมมองของบรรณาธิการต้นฉบับที่รับค่า edit เป็นรายเล่มไป (ทำงาน freelance) แนวคิดที่ว่า “ถ้าจะสลับลำดับใจความ ควรจะให้มีน้อยที่สุด” นโยบายแบบนี้บรรณาธิการต้นฉบับเห็นแล้วร้องว่า “หวานหมูเลย” อย่างแน่นอน เพราะอะไร? 1. รับทรัพย์ไวดี เพราะไม่ต้องแก้มาก 2. ปล่อยให้นักแปลหากินด้วยสำนวนการแปลของตัวนักแปลเองโดยไม่มีใครปิดทองหลังพระให้ ซึ่งถือว่ายุติธรรม คราวนี้เราลองมาดูมุมมองของสำนักพิมพ์บ้าง ถ้าเกิดทำ poll กัน แล้ว ผลออกมาปรากฏว่า นักอ่านอยากได้ (ซึ่งเราคาดว่านักอ่านอยากได้) สำนวนการแปลที่ไม่มีกลิ่นนมกลิ่นเนยล่ะ หากคำนึงถึงจำนวนเงินที่จะขายหนังสือได้ ทางสำนักพิมพ์จะปรับเปลี่ยนนโยบายการ edit หนังสือหรือไม่ อย่างไร?...จริงๆแล้วบางทีสำนักพิมพ์น่าจะลองทำ poll ดูบ้างให้ผู้อ่านลงคะแนนเสียงกันว่าชอบคำแปล style ไหน ก่อนที่จะกำหนดนโยบายอย่างตายตัวว่า publishable standard คืออะไร... จากคุณ : white rabbit - [ 18 ก.พ. 52 22:31:46 A:124.121.91.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ที่เพิ่งกล่าวถึงเป็นมุมมองของการผลิตหนังสือแปล แต่สิ่งที่จะกล่าวถึงดังต่อไปนี้ เป็นมุมมองของผู้ที่เรียนการแปลว่า จะเรียนการแปลอย่างไร จึงจะเก่งได้เร็วที่สุดนั้น เราคิดว่า น่าจะคิดตรงกันข้ามกับความคิดที่ว่า “ถ้าจะสลับลำดับใจความ ควรจะให้มีน้อยที่สุด” แต่ให้คิดว่า 1. เวลามอง source text ให้พยายามมองว่า เราจะเขียนมันใหม่ในอีกหลายๆรูปแบบได้อย่างไร(เปลี่ยนโครงสร้างได้ เปลี่ยนคำศัพท์ได้) แต่ให้ versions ทั้งหมด ที่เขียนออกมา ยังคงไว้ซึ่งความหมายเดิม การฝึกตนเอง ให้มีกระบวนความคิดเช่นนี้ ช่วยให้นักแปลตีความต้นฉบับได้ถูกต้องแม่นยำ และหาทางหนีทีไล่ในการแปลได้ทะลุปรุโปร่ง ซึ่งเราเชื่อว่านักแปลที่เชี่ยวชาญระดับเทพ มีกระบวนความคิดเช่นนี้แบบ intuitive มากๆ แต่ไม่เคยพูดถึงมันนั่นเอง 2. และผู้เรียนการแปล ก็ควรทำกับ target text ในทำนองเดียวกันอีกด้วย นั่นก็คือ พยายามหาทางแปลมันออกมาให้หลากหลายความเป็นไปได้ ให้มากที่สุด (ฝึกสมองให้ contrive ได้เก่งๆ จะได้คิดคำแปลสวยๆได้ไวๆ) เพื่อให้ได้คำแปลหลายๆ versions ที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ (นี่เป็นการเรียนทักษะในการ edit งานแปลของตนเอง และของผู้อื่นอีกด้วย) โดยมีกติกาว่าให้สื่อเจตนารมย์ของผู้ประพันธ์ไว้ให้ครบถ้วน ไม่ขาด ไม่เกิน แต่จะใช้ลำดับคำหรือถ้อยคำแบบไหนนั้น “ไม่ถือว่าผิดกติกา” แต่ตัวเลขซึ่งแสดงจำนวน permutations ของจำนวน versions ของคำแปลทั้งหมดที่ออกมานั้น จะต้อง ลบออกด้วยตัวเลขซึ่งแสดงจำนวน semantic and syntactic restrictions ใน target text นั่นก็คือ “ห้ามใช้คำศัพท์ที่สื่อความหมายคลาดเคลื่อนและห้ามเขียนผิดไวยากรณ์ในภาษาปลายทาง” สิ่งที่เราพูดมามันคล้ายๆกับ logic ที่ใช้ในการเขียน flowchart เพื่อเขียน computer program โดยการคำนวณความน่าจะเป็นไปได้ตาม The Law of Probability นั่นเอง ซึ่งเรานำมา apply ในการสอนการแปลให้แก่ตัวเราเอง ที่เราต้องเรียนการแปลเช่นนี้ ก็เพราะว่าเราไม่ได้เรียนมาทางด้านภาษา แต่เราเรียนเอกวิชา computer science เมื่อสมัยคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกินเนื้อที่ห้องใหญ่ๆเกือบทั้งห้อง (โปรดอย่าเดาว่าเราวัยรุ่นมากแค่ไหน) จากคุณ : white rabbit - [ 18 ก.พ. 52 22:37:09 A:124.121.91.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ข้อความช่วงที่แปลยากที่สุด ที่คุณ Flower แปะไว้ในกระทู้นี้ ก็คือประโยคนี้ If there is an end to wishing you could turn back the clock, or to hoping you will wake one morning to discover it was all a bad dream, I haven't reached it yet. เพราะอะไร? เพราะมี .an end to wishing . แล้วก็มี ...or to hoping . ซึ่งจริงๆแล้วมันย่อมาจาก an end to hoping นั่นเอง การที่เราจะเขียนคำแปลภาษาไทยให้ประโยคไม่รุ่มร่าม ไม่ทำให้คนอ่านหลงทาง แต่เก็บใจความให้ครบถ้วนนั้น ทำได้ยากมากๆ เราจึงขอลองใช้ logic กับ The Law of Probability มาวิเคราะห์ และสังเคราะห์ประโยคนี้ดู เพื่อรื้อโครงสร้างมัน เป้าหมายคือ เราต้องการพูดว่า an end to two events ม้วนเดียวจบ ให้ครบไม่ต้องย้ำไปย้ำมาให้รุ่มร่าม (แต่ถ้าไม่ย้ำ เรียงไม่ดี จะแปลไม่ครบ) เราขอลองแบบนี้ดู If there is an end to wishing you could turn back the clock, or to hoping you will wake one morning to discover it was all a bad dream, I haven't reached it yet. หลังจากภาวนาขอให้เวลาย้อนกลับไป หรือคาดหวังว่าเช้าวันหนึ่งจะตื่นขึ้นมาแล้วตระหนักว่ามันเป็นแค่ฝันร้าย เหตุการณ์เหล่านี้ แม้จะมีวันจบสิ้นลงได้ก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่บรรลุถึงสภาพนั้น คำอธิบาย ..., I haven’t reached it yet. ตรงนี้คำว่า it หมายความถึง an end หรือ that end นั่นเอง แต่การจะแปล word-for-word หรือใช้ คำที่มี equivalent meaning นั้น อาจได้คำศัพท์ประมาณว่า “จุดจบ” ซึ่งก็จะเข้าข่ายเป็นหนึ่งใน semantic and syntactic restrictions (ในกรณีนี้เป็น semantic restriction) คือกลายเป็นสื่อความหมายผิด (ถ้าแปล it เป็น an end หรือ that end เป็น “จุดจบ” ก็จะกลายเป็น “ตาย”) นั่นเอง (จึงต้องพลิกแพลงเป็น “ยังไปไม่ถึงจุดนั้น” หรือ “ยังไม่บรรลุถึงสภาพนั้น”) นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า การเลือกคำศัพท์ที่มี exactly equivalent meaning นั้น ในบางกรณี กลายเป็น “สื่อความหมายผิด” ไปก็ได้ เรื่องแปลกของการที่บางทีนักแปลมีกระบวนความคิดซึ่งคล้ายๆกันนั้น ก็คือ ไอ้ประโยคนี้ ที่เราพยายาม “ย้าย” เอาคำแปลของ an end มาไว้ “หลัง” คำแปลของ wishing กับ hoping นั้น เราลองโทรไปถามเพื่อนร่วมงาน(ซึ่งเป็นบรรณาธิการต้นฉบับส่วนตัวของเรา) ที่เป็นมหาบัณฑิตการแปล เธอก็เรียงคำแปลคล้ายๆเราแต่เธอเขียนภาษาไทยสวยกว่าเรา...แหะๆๆๆ...และที่เราตกใจมากกว่านั้นก็คือว่า เรื่องนี้นะ เธออ่านจนทะลุหมดแล้ว แล้วค้นข้อมูลจนกระทั่งรู้ประวัติความเป็นมาของ “ข้อความที่เป็นภาษาอื่นซึ่งไม่ใช่ภาษาอังกฤษ” ได้จนหมดแล้ว แต่ไม่ได้เอาคำแปล และบทวิเคราะห์มาแปะไว้ เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ จากคุณ : white rabbit - [ 18 ก.พ. 52 22:43:35 A:124.121.91.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 อาจารย์ white rabbit ได้กรุณาตอบโดยมองในหลายๆมุม ขอบอกว่าอาจารย์ตั้งใจตอบมากค่ะ   แนวคิดหลายๆมุม มองจากประโยชน์ของหลายๆกลุ่มแบบนี้ สื่อถึงความเป็นมืออาชีพจริงๆนะ (นี่ไม่ได้แกล้งยอ) ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ตอนนี้ดึกแล้ว คุยรายละเอียดต่อไม่ไหว ขอผลัด ปล. คำแปลบทนำของตัวดิฉัน ซึ่งก็เป็นแนวทื่อๆตามแบบเด็กใหม่นั่นแหละนะ (ซึ่งในบทนำ ดิฉันแอบบอกตัวเองนิดนึงเหมือนกันว่า อยากแปลทื่อๆ เพราะว่า เสมือนว่าพ่อที่ลูกถูกฆ่าตายมาเขียนข้อความเหล่านี้ คนที่อยู่ในห้วงความทุกข์อย่างนั้น จะเขียนออกมาอ่อนโยน น่าฟัง ได้อย่างไร) ซึ่ง  ได้เอาไปอ่านให้เพื่อน และแม่ตัวเองฟัง เชื่อมั้ย สองคนนั้น ร้องไห้ออกมาตรงจุดนัดพบจุดเดียวกันเลย  นั่นคือจบย่อหน้าที่สองของบทนำ เพื่อนได้ comment ว่าในย่อหน้า you don't stop นั้นน่ะ มันมีคำว่า ไม่หยุด ไม่หยุดแม้.... ตอกย้ำลงไป  ทำให้เศร้าโศกา ดิฉันบอกไปทันทีว่า ตอนอ่านเราเองก็เศร้าเหมือนกัน  คนแต่งเค้าเก่ง..... อย่างไรก็ดี  ผู้ที่เป็นมืออาชีพในวงการอย่างอาจารย์ white rabbit ท่านจะรู้ลักษณะของวงการ ของตลาดเป็นอย่างดี ข้อมูลเหล่านั้นก็จะนำมาใช้หาจุดยืนตรงกลาง ระหว่าง style ผู้แปล กับตลาดได้ ดังนั้น  ขอบคุณมากๆๆๆสำหรับความรู้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 00:07:29 จากคุณ : ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 19 ก.พ. 52 00:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 "..ทำไมถึงเดาใจกันได้ เคยตั้งวงก๊งเหล้ากันหรือ? เปล่าหรอก? ..." >> ฮัดธ่อ อย่าว่าแต่เรา คนอื่นเขาหลับตาข้างหนึ่งดูด้วยตาข้างเดียวยังดูออกเลย กระต่ายขาวหนอกระต่ายขาว ไม่ได้บอกใครนา กระบวนท่ามันฟ้อง เอ้า จะเป็นแมวเป็นเสือเป็นเต่าเป็นอะไรต่อมิอะไรก็เชิญโลด ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จ ได้ลูกศิษย์เพียบเลย เก่งๆทั้งนั้น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 19 ก.พ. 52 06:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะคุณ white rabbit เราเชื่อว่านักแปลที่เชี่ยวชาญระดับเทพ มีกระบวนความคิดเช่นนี้แบบ intuitive มากๆ แต่ไม่เคยพูดถึงมันนั่นเอง ^ ^ ^ เราก็คิดเหมือนคุณ white rabbit นะคะ กว่าเด็กหัดแปลคนหนึ่งจะพัฒนากระบวนความคิดไปถึงจุดนั้น ดูจะยากอยู่ และให้มาสอนกันในเวลาอันสั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ หรือบางทีคนสอนก็ไม่รู้ว่าจะสอนอย่างไร เพราะกระบวนการเหล่านี้อาศัยการสั่งสมประสบการณ์ต่อเนื่องมายาวนาน จนกลายเป็นนักแปลชั้นเทพ คุณ white rabbit  น่าจะรวบรวมเรียบเรียงคำแนะนำในการแปลออกมาเป็นเล่มนะคะ   ยิ่งถ้าได้บรรณาธิการต้นฉบับส่วนตัวของคุณ white rabbit มาเขียนด้วย จะเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 19 ก.พ. 52 10:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอพูดอีกครั้งหนึ่ง ประทับใจกับการตอบของอาจารย์ white rabbit นะคะ คือรู้สึกว่า บางอย่างที่เป็น subjective มันต้องมองในหลายๆมุมมอง ผู้ใฝ่หาปัญญา  ย่อมไม่นำพาทิฎฐิค่ะ your comments have shown such quality. แถมอาจารย์ยัง organize ประเด็นในการตอบอย่างเป็นระบบอีก ขอบคุณมากค่ะ จากกระทู้นี้ หนูได้บทสรุปอย่างหนึ่ง ถ้าจะแปลงานส่ง ถาม บ.ก. ก่อนว่าชอบให้เรียงลำดับรึป่าว หรือไม่ก็ถามว่า บ.ก. ชื่อ white rabbit หรือเปล่า จะได้แปลให้ถูกใจไร้สรรพนาม  (ฮาาาาาาา) ปล. เดี๋ยวนี้เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างว่า มีขนาดเล็กลงเท่าตู้เย็น 6 ตู้มาเรียงต่อกัน 2 แถว อย่ากระนั้นเลย IBM ก็ยังหากินกับตู้เย็นเหล่านั้นได้เป็นเนื้อเป็นหนังจนทุกวันนี้ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 20:53:14 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 20:52:52 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 20:49:15 จากคุณ : ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 19 ก.พ. 52 20:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ้ะ โดนกล่อมให้ permutate source text ซะแล้ว  ขอลองอันนี้นะ หากมีที่สิ้นสุดของความปรารถนาจะย้อนเวลากลับ หรือความหวัง ที่เช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นแล้วจะพบว่ามันคือฝันร้าย  ผมยังคงไปไม่ถึงที่แห่งนั้น(it) ................................................................ อยาก ที่จะให้เวลานั้นหมุนกลับ หวัง ว่าตื่นเช้าขึ้นแล้วมันก็คือฝันร้าย  หากว่าปรารถนานี้มีที่สิ้นสุดได้  ผม ยังคงไปไม่ถึง จริงๆแบบนี้คือแปลให้ soft ลง ให้ดูเป็นวรรณกรรมมากขึ้น คนอ่านอาจจะได้อารมณ์ แต่ถ้าถามใจตัวเองจริงๆ  พ่อที่ลูกถูกฆ่า คงไม่เขียนแบบนี้แน่ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 00:38:39 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 21:11:15 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 52 21:10:44 จากคุณ : ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 19 ก.พ. 52 21:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีค่ะคุณดอกไม้พราว นานๆ แวะมาที พอมีเวลาว่างนิดนึงมาช่วยยำด้วยคน เข้ามาอ่านเล่นๆ เจอกระทู้นี้ ที่มีเซียนๆ คนกันเองเข้ามาอธิบายกันแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งเรื่องสรรพนาม หรือแม้แต่คำนาม ภาษาไทยยิ่งภาษาพูด มักตัดไปละไว้ในฐานเข้าใจเสมอ อ่านที่คุณแปลไว้อันแรกสุด พารากราฟแรก ติดใจนิดเดียวตรงคำสรรพนาม she ที่แปลว่า เธอ อ่านแล้วมันสะดุดตา ลองคิดดู ถ้าเป็นภาษาไทยน่าจะใช้ "เขา" หรือ "ลูก" มากกว่า ยกตัวอย่างเวลาเราพูดถึงลูก เราจะเรียกว่า "ลูก หรือลูกเขาอย่างโง้นอย่างง๊้" "เขา"มากกว่า "เธอ" จะไม่แปลสรรพนามเลยก็ยังได้เช่นลองแปลงฉบับของคุณแอ๊ดนะคะ: There will be days, maybe not now but in the months and even years to come, when she happens to be on your mind and the phone will ring and without thinking you'll pick up, wondering if this could be her calling to let you know she's all right. >>อาจมีบางวัน อาจไม่ใช่เดี๋ยวนี้แต่อีกหลายเดือนหลายปีข้างหน้าที่จู่ๆ ก็คิดถึงขึ้นมา-แล้วโทรศัพท์ก็จะดังขึ้น ก็จะยกหูรับโดยไม่ต้องคิด สงสัยว่าใช่ลูกโทรฯ มาหรือเปล่านะ มาบอกพ่อแม่ว่าสบายดี ตัดสรรพนามออกแทบหมดก็ยังอ่านรู้เรื่องใช่มั้ยคะ จากคุณ : lilymay - [ 22 ก.พ. 52 19:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีค่ะ พี่ lilymay ไม่เห็นพี่นานเลยค่ะ สบายดีหรือเปล่าคะ หนูยังคงคิดถึงอยู่เสมอ เพราะพี่ตั้งชื่อภาษาไทยไว้ให้หนูค่ะ หนูเขียนไว้ใน blog ด้วยค่ะ "...สุดท้ายมาลงตัวที่ชื่อ Flowery  นี่แหละค่ะ อ้อ! มีชื่อไทยด้วยนะคะ ชื่อ "พราวดอกไม้" ค่ะ พี่ lilymay ห้องรวมพลนักแปลช่วยตั้งให้ ขอบคุณนะคะ พี่ขา..." ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมาก ๆ เลยค่ะ จากคุณ : Flowery - [ 22 ก.พ. 52 20:01:00 ]