ความคิดเห็นที่ 1 ปล่อยสิครับ โรงเรียน หรือ อาจารย์ ก็ต้องกินต้องใช้ แล้วบ้านเรา มันเป็นยังไงก็รู้ๆ กันอยู่ ไม่รู้คนคิดระบบ onet anet มันคิดได้ยังไง เห็นใน นสพ. ว่ายอดเด็กรีไทร์เพิ่มขึ้นเยอะตั้งแต่ใช้ระบบนี้นี่แหละ จากคุณ : Yongy (Yongy) - [ 18 ก.พ. 52 01:25:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สมัยนี้ปล่อยเกรดมากๆ ครับ ไม่มีการสอบตกซ้ำชั้นด้วย จากคุณ : ชาเขียว - [ 18 ก.พ. 52 04:01:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คณะของผม ตั้งแต่มีระบบ แอดมิชชั่น ก็มีการรีไทร์ และการติด F ในหลาย ๆ วิชาทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์รีไทร์ หรือ F แบบนี้มานานมาแล้ว จากคุณ : nameless - [ 18 ก.พ. 52 07:58:03 A:118.173.62.138 X: TicketID:125428 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถึงคุณ จขกท.ครับ สมัยนั้นทั้งหมอ วิศวะสอบ 6 วิชาเหมือนกัน คะแนนเต็ม 600 สอบรวมพร้อมกันทีเดียวตอนเดือน เมย. แต่ที่คะแนนคณะวิศวะในสมัยนั้นสูงกว่าแพทย์ก็เพราะคณะแพทย์ต้องสอบชีววิทยาด้วยครับ ในขณะที่คณะวิศวะสอบพื้นฐานวิศวะ ซึ่งก็คือเลขกับฟิสิกส์ นั่นแหละ ในการที่คุณจะบอกว่าใครสุงกว่าใครนั้นตัวแปรต้องเหมือนกันหมด ถ้ามีวิชาที่สอบต่างกันและวิชานั้นต้องนำมาคิดคะแนน แม้จะวิชาเดียว ก็ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย ที่ถูกคือคุณต้องเทียบสาขาเดียวกันแต่คนละสถาบันครับ คนที่สอบหมอต้องอ่านชีวะเพิ่ม ซึ่งเนื้อหาเยอะมากๆๆ ทำให้เปลืองเนิ้อที่ในสมองไปเปล่าๆปลี้ๆ เปลืองเวลาที่จะไปอ่านวิชาอื่นอีก แล้วข้อสอบชีวะทำยังงัยก็ไม่มีทางได้เต็ม 100 สมัยนั้นข้อสอบชีวะมหาโหด คนที่ทำคะแนนชีวะสูงสุดของประเทศตอนนั้น ( เป็นเด็กชีวะโอลิมปิกด้วย ) ก็ได้คะแนนเพียง 75 จาก 100 แล้วคะแนนระหว่าง 70-75 ก็มีแค่ สามคนทั้งประเทศครับ..ย้ำว่า 3 คนครับ ในขณะที่คนสอบวิศวะต้องสอบพื้นฐาน ซึ่งเป็นเลขกับฟิสิกส์ ยังงัยมันเป้นวิชาที่ต้องอ่านอยู่แล้ว ทำให้เหมือนต้องสอบจริงๆแค่ 5 วิชา เพราะไม่ต้องวสอบชีวะ เอาเวลาที่ต้องอ่านชีวะไปอ่านอังกฤษ ไทย สังคม หรือฝึกทำโจทย์เลข เคมี ฟิสิกส์ ได้อีกบานตะเกียง แล้วสมัยนั้นคนที่ทำคะแนนพื้นฐานระหว่าง 80-100 คะแนนนั้นมีเป็นหลายๆร้อยคนที่เดียว ไม่ใช่มีแค่ 3 คนทั้งประเทศเหมือนชีวะ แล้วผมจะบอกข้อมูลที่คุณอาจจะไม่ทราบอีกก็คือ ที่หนึ่งคณะแพทย์รุ่น 2539 นั้นได้เลือกแพทย์จุฬา อันดับหนึ่งได้คะแนน 452 และได้เลือกวิศวะจุฬาเป็นอันดับสอง  ได้คะแนนรวมในคณะวิศวะเกือบ 500 สูงกว่าที่ 1 วิศวะรุ่นนั้นที่ได้เพียง 490 คะแนน นายคนนี้ต้องสอบทั้งชีวะทั้งพื้นฐานแล้วทำคะแนนชีวะได้แค่ครึ่งเดียวของคะแนนพิ้นฐานวิศวะที่ได้เกือบเต็มร้อย คนวงในในสมัยนั้นเค้ารู้กันทั้งนั้นว่าที่หนึ่งของประเทศตัวจริงน่ะคือใคร ไม่ใช่เด็กวิดวะนะ มันอยู่ที่คณะแพทย์เพียงแต่คะแนนมันไม่โชว์ออกมาให้เห็นตามสื่อเท่านั้นเองเพราะเค้าไม่ได้เลือวิดวะอันดับหนึ่ง สมัยนั้นเค้าถึงได้บอกว่าคะแนนคณะหมอหรือคณะที่ต้องสอบชีวะเนี่ย ให้+ ไปอีก 40 คะแนน คะแนนคณะแพทย์ที่คุณเห็นนน่ะ อย่าลืม+40ไปด้วยล้ะ ทำไมผมถึงรู้ดี เพราะผมสอบเอ็นทรานซ์ปี 2538 และ 2359 ครับ ปี 38 ผมติดแค่เภสัชเลยสละสิทธิ์ไป ปี 39 ผมเปลี่ยนมาเอ็นท์วิดวะ แล้วติดแถวๆสามย่านนั่นแหละ ผมเลยมีประสบการทั้งการสอบสายชีวะ และสาย วิดวะ ปล...ส่วนการสอบปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไปมากมาย มีการสอบหลายๆแบบ ทั้ง       สอบตรง สอบไม่ตรง เกณฑ์เปลี่ยนไปมากจนผมงง แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 10:28:45 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 08:43:04 จากคุณ : คนรู้จริงเข้ามาตอบ (inthemiddleofthesea) - [ 18 ก.พ. 52 08:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวอย่างสอบเอ็นทรานรุ่นสุดท้ายครับ ปี 2541 ซึ่งเป็นปีที่คะแนนแต่ละคณะ Swing กันสูงมาก ยอมรับเหมือนกันว่า เครียดมาก ถึงแม้จะสามารถสอบได้อีก 1 ปี ใน ม.6 ความคาดหวัง ความกดดัน และอะไรหลายๆ สิ่ง มันทำให้เด็กเครียดจนเกินรับได้ การเรียนพิเศษ ก็เรียนกันเป็นบ้าเป็นหลัง โดยเฉพาะช่วง ม.ค. - เม.ย. กิน นอน เข้าห้องน้ำ ก็แทบจะอยู่กับหนังสือ ถ้าพวกเราจะได้ จะมีเด็กหลายต่อหลายคน ที่ฆ่าตัวตาย หรือ เป็นบ้า เพราะเอ็นท์ไม่ติดในสมัยนั้น แต่ก็เป็นการคัดกรองคนที่ได้ผล บัณฑิต ที่จบจากรั้วมหาวิทยาลัย ก็ได้สัมฤทธิผลทางการศึกษาตามแต่วัตถุประสงค์ของคณะตั้งไว้ ถึงอย่างไรก็ตาม อะไรในหลายๆ อย่าง ทั้ง Entrance หรือ A-Net/O-Net ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยากลองหาข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละอย่างแล้วนำมาประยุกต์ใช้ให้ได้ผลนะครับ อย่าไปเหมารวมว่าแบบนั้นดี แบบนั้นไม่ดี เพราะเมื่อเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ระบบก็ควรเปลี่ยนตาม จากคุณ : พระนายไวย - [ 18 ก.พ. 52 09:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเจ้าของกระทู้ ข้อมูลอาจจะผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยนะครับ เพราะว่าตัวผมเองไม่ได้เรียน ม.ปลาย แต่เรียน ปวช.ช่างกลโรงงาน ปี 2535 แต่ก็มีความสนใจทั้งระบบสายอาชีพ และสายสามัญ สุดท้ายจบ วศ.บ.(เครื่องกล) ตอนนั้นสนใจข้อมูล Entrance มาก ก็เลยไปขอถ่ายเอกสารข้อมูล จากทบวงมหวิทยาลัย เอกสารฉบับนั้นยังอยู่ เก่ามากแล้ว เอามานั่งพิมพ์ลงกระทู้ เพราะรู้สึกระบบใหม่ O-NET A-NET สร้างปัญหาเหลือเกิน แต่ก็ยังดันทุรังใช้กันอยู่ได้ จากคุณ : MUT#7 - [ 18 ก.พ. 52 10:12:00 A:124.121.217.99 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าบอกว่าเอ็นทรานซ์เเย่ A/O-NET แย่กว่าอีก และถ้าจะบอกว่าตัดปัญหากวดวิชา นี้เราเถียงจริงๆ มันทำให้เด็กเรียนพิเศษมากขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วไง พอในห้องก็โดดไปกวดวิชาอยู่ดี ทำทุกอย่างเพื่อคะแนน ลอก/โพย......... เพราะเกรดในห้องใช้ตั้ง 30% แล้วยังมีเรื่องปล่อยเกรด เกรดแต่ละโรงเรียนไม่เท่ากัน เรื่องนี้ละที่ทำให้แต่ละปียอดรีไทร์สูงขึ้น ตอนเราอยู่ม.5 เรายังต้องทำการบ้านวิชาอังกฤษ ในมหาวิทยาลัยให้เพื่อนพี่เลย แล้วบางคนอยู่คณะด้านวิทย์ แต่ว่าไม่มีความรู้ด้านวิทย์เลย แบบเหมือนมั่วถูกแล้วก็เรียนๆไป ดรอปกระจาย ยังมีระบบGAT/PATอีก ซึ่งเป็นระบบดูดเงินแห่งชาติเลย สอบกี่ครั้งก็ได้ขนาดนั้น เเต่ละครั้งข้อสอบจะเท่าเทียมกันไหม ที่สำคัญ คนที่ำำไม่ได้ร่ำรวยจะหาเงินมาจากไหน สอบครั้งละำพัน-สองพัน สังคมไทยในอนาคตน่ากลัวจริงๆ จากคุณ : gloomie - [ 18 ก.พ. 52 13:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงความเห็นที่ 4 คุณคนรู้จริงเข้ามาตอบ (inthemiddleofthesea) มันก็ไม่จำเป็นเสมอไปนะครับ เพราะผมสอบเข้าตอนระบบเก่าปีสุดท้าย 2541 นั้น ผมสอบทั้งชีววิทยาและพื้นฐานวิศวกรรม จะบอกว่าพื้นฐานวิศวกรรมไม่ใช่ข้อสอบง่ายๆเลย คุณก็น่าจะรู้ถ้าจะว่าคะแนนโหล 80-90 เนี่ยคงไม่ใช่ซะทีเดียว ส่วนตัวผมสอบพื้นฐานวิศวะได้ 56 และสอบชีววิทยาได้ 65 แต่ไม่ได้เลือกแพทย์เลยสักอันดับ ผลปรากฎว่าคะแนนรวมได้วิศวสามย่าน ซึ่งต่ำสุด 373 ขณะนั้น แพทย์ศิริราช 370 และแพทย์จุฬา 383 คะแนน สำหรับแพทย์จุฬามีคนหลุดมาบ้าง แต่แพทย์ศิริราชนั้นติดเกือบหมด ส่วนผมถ้ารวมคะแนนชีววิทยาก็ติดแพทย์จุฬาสบายๆมากคับ ชิลด์ๆเลยแต่ไม่ได้เลือก ส่วนตัวคุณนั้น อย่าลืมว่าคุณ Ent 2 ครั้งมากกว่าผม คุณจะทำได้แย่ลงเชียวหรือครับ แน่นอนคุณก็ต้องทำได้ดีขึ้น แล้วคุณบอกว่าที่หนึ่งของแพทย์สอบได้วิศวะเกือบ 500 คะแนน ตีซะ 500 คะแนนพอดี สอบชีวะแล้วได้ 452 อาจเป็นไปได้ว่าสอบได้พื้นฐานวิศวะ 100 แล้วได้ชีวะ 100-48 = 52 คุณคิดว่าคนที่สอบได้ระดับนั้นจะได้คะแนนอย่างนี้เหรอคับ แล้วเช็คดูใหม่ด้วยนะคับว่า 2540-2541 นั้นสูงที่สุดคือใครกันแน่ จากคุณ : TTT - [ 18 ก.พ. 52 13:33:24 A:203.113.28.138 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าง คนรู้จริงเข้ามาตอบ (inthemiddleofthesea) ก็ไม่ได้ตอบอะไรผิดนะ  ส่วนคุณTTTก็เช่นกัน  เด็กเก่งเทไปคณะไหนคณะนั้นก็คะแนนสูง  พวกนึงก็มุ่งแพทย์ พวกนึงก็วิศวะ  และก็มีกลุ่มใหญ่เช่นกันที่ swing ระหว่าง 2 คณะนี้  อย่างเพื่อนผมที่ 1 ของประเทศปี 2533 ก็รู้สึกว่าคะแนนฟิสิกส์ คณิต ความถนัดจะอยู่ระหว่า 97-98ทั้ง 3 ตัว  เพื่อนอีกคนวิศวะจุฬาเดิมก็เห็นว่าจะเลือกแพทย์แต่ก็เทมาวิศวะทุกอันดับนะ  อย่างคุณTTT ถ้าปีนั้นเลือกหมอหล่ะ  ผลคะแนนต่ำสุดของหมอสิริราชปีนั้นก็คงเปลี่ยนไป   ส่วนการเอ็นท์ 2 ครั้ง ไม่ใช่ว่าจะดีขึ้นได้เสมอนะ เพราะว่าเวลาเข้าเรียนปี 1 แล้วอ่านหนังสือเตรียมเอ็นท์ด้วยมันแบ่งเวลาไม่ง่ายเหมือนกัน  บางคนอาจมีภาระอย่างอื่นแถมยังอาจสองจิตสองใจอีก จากคุณ : ย้ง(ชาญ) - [ 18 ก.พ. 52 15:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 .....มันก็คือสิ่งที่เป้นความจริงสำหรับสมัยนั้นนี่ครับจริงๆที่เป็นมาแล้วครับ ว่าข้อสอบชีวะช่วงปี 38-39 นั้นยากมากๆ ส่วนคนที่ได้ที่ 1 แพทย์จุฬารุ่นปี 39 ย้ำนะครับ ว่าเค้าเลือกแพทย์อันดับ 1 วิศวะอันดับสอง ผมเข้าใจว่าเค้าคงไม่ค่อยได้อ่านชีวะหรอกครับคงเน้นพวก เลข ฟิสิกส์มากกว่า เค้าทำพื้นฐานได้เกือบ 100 เต็มครับ ผมรู้จักครับ เคยคุยด้วย เป็นเด็กเตรียมอุดมครับ เคยคุยส่วนตัวด้วยซ้ำไปครับ ส่วนชีวะเค้าทำได้ครึ่งนึงของพื้นฐานจริงๆครับ นี่คือเรื่องจริงไม่ถึง 50 คะแนน คุณอาจจะคิดว่าเป็นไปได้เหรอระดับคนได้ที่ 1 ได้คะแนนแค่นี้ มันเป็นไปได้ครับ และเป็นไปแล้ว แล้วคนที่ติดแพทย์สมัยนั้นทำชีวะได้ 30 กว่าๆมีให้เห็นเยอะแยะครับ  คุณอาจจะไม่รู้ อันนี้ผมก็มิอาจทราบได้ครับ เพราะคุณมันเด็กรุ่นหลังอีก 2-3 ปี ...ข่าวตอนนั้นก็ลงอยู่โครมๆ เค้าใช้คำว่าที่ 1 แพทย์จุฬาคือที่ 1 ของประเทศ ส่วนที่ 1 วิศวะจุฬาเป็นที่ 1 สายวิทย์...คือเค้าไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าที่ 1 อะไรดีกับวิดวะรุ่นนั้น เลยใช้คำว่าที่ 1 สายวิทย์ เพราะยังงัยก้ไม่สารถใช้คำว่าที่ 1 ประเทศได้แน่นอน เพราะเค้าไม่ได้ๆด้คะแนนสูงสุดครับ ( เค้าจะรวมคะแนนทุกๆวิชาที่เด็กสอบครับ ดังนั้นที่ 1 แพทย์จุฬารุ่นนั้นจึงมีทั้งคะแนนของคณะแพทย์ที่ได้ 452 และคะแนนของคณะวิศวะที่ได้ เกือบๆ 500 แต่คะแนนในส่วนของวิศวะนี้มันจะไม่ปรากฎออกมาเป็นทางการเนื่องจากว่า เค้าไม่ได้เลือกอันดับหนึ่งครับ ) ข้อสอบชีวะรุ่นหลังๆเป็นงัยผมไม่รู้ แต่รุ่นผมหรือก่อนหน้านี้มันเป็นเช้นนั้นจริงๆ จะมีคนที่เกิน 70 ในแต่ละปีน้อยครัมากครับ เช่นปี 39 ได้เกิน 70 อยู่สามคนทั้งประเทศ คุณอาจจะคิดว่าเป็นไปได้เหรอ อืมมม มันเป็นไปแล้วครับ ส่วนพื้นฐานเป็นงัยก็ไม่อาจทราบเช่นเดียวกัน เพราะผมสอบมานานแล้วแล้วก่อนหน้านั้นมันเป็นวิชาที่ไม่เรียกว่าคะแนนโหลแล้วกัน แต่เรียกว่าเค้าทำแนนกันได้ค่อนข้างดีครับ คนที่ได้เกิน 80 % มีเยอะครับ ผมเชื่อว่าที่ 1 คณะแพทย์รุ่นก่อนๆหน้านั้นถ้าให้เค้าไปสอบวิศะด้วยไม่ต้องสอบแพทย์เลยนะไม่ต้องอ่านชีวะเลยนะ เค้าก็มีสิทธิ์ทำคะแนนรวมสุงกว่าที่ 1 วิศวครับ เพราะมันก็มีหลักฐานอยู่ตอนปี 39 ส่วนก่อนหน้านั้น ที่มันไม่ได้เป้นแบบนี้ เพราะคนสอบเข้าแพทย์เค้าก็มุ่งเข้าแพทย์ไปโดยตรงโดยไม่ได้เลือกเข้าวิศวะเลยสักอันดับครับ สรุปการที่ใครจะมาบอกว่าอะไรสูงกว่าใครนั้นต้องเอาตัวแปรที่เท่าเทียมกัน วิชาเหมือนกันมาเปรียบเทียบครับ ไม่ใช่เปรียบเทียบข้ามสายแบบนี้ ที่ถูกคือคุณต้องเปรียบระหว่าคะแนน วิศวะจุฬา กับวิศวะ ลาดกระบังเป็นต้น ส่วนผมปี 38 ผมสอบเทียบจบ ม.5 แล้วตอนนั้นอยากเป็นหมอครับ เลือกไปสามอันดับ แต่ไปติดอันดับ 4 คือเภสัชจุฬาเลยสละสิทธิ์ไปกลับไปเรีย ม.6 ครับ คุรรู้มั้ยว่าผมได้ชีวะแค่ 42 คะแนน พอปี 39 จบ ม.6 ผมเปลี่ยนสายไม่อยากเป็นหมอแล้ว ( ตอนนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร อารมณ์สวิงไปมา ไม่รู้จริงๆว่าอยากเรียนไร ) เลยเปลี่ยนสายมาสอบเข้าวิศวะแทนครับ แล้วก็ติดที่มหาลัยพระเกี้ยวแถวๆสามย่านน่ะแล้วคุณรู้มั้ยเซ่อๆอย่างผมได้พื้นฐาน 80 คะแนนครับ แต่ตอนนั้นมุ่งมาทางวิดวะอย่างเดียว ถ้าต้องสอบทั้งชีวะ ทั้งวิดวะ ผมอาจไม่ติดอะไรเลย ปล 1...ว่าแต่คุณ คห.8 มีปมด้อยอะไรหรือเปล่าครับ ปล 2...คุณมันก็รุ่นน้องผมนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 17:17:36 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 17:09:23 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 17:07:22 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 17:01:33 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 16:57:09 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 52 16:51:49 จากคุณ : เข้ามาตอบ (inthemiddleofthesea) - [ 18 ก.พ. 52 16:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เด็ก ปี1ผมว่า เอ็นอีกครั้ง สู้ ม6 ไม่ได้ ก็ไม่แปลกครับ อย่าลืมว่า คุณจะไม่ได้มีเวลา มาดูเนื้อหา แบบเต็มๆ เหมือน ม6 หรอก เพราะคุณต้องเรียน มหาลัยไปด้วย และเนื้อหาที่จะอ่านก็คงไม่ครอบคลุมเท่าไหร่ แต่ในบางเรื่องยอมรับว่าอาจจะแน่นกว่าม6 จากคุณ : มาสเตอร์ โยดา - [ 18 ก.พ. 52 16:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาเห็นด้วยกับคุณ inthemiddleofthesea เพราะผมสอบเอ็นท์สายวิทย์รหัส 39 เหมือนกันครับ จากคุณ : weevi - [ 18 ก.พ. 52 18:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 งั้นพวกคุณก็คงรุ่นน้องผม 4 ปีสิ ผมจบ ปวช. รุ่นเดียวกับ ม.6 ปี2535 ผมไม่ได้เรียนต่อ ม.ปลาย เพราะตอนนั้น ประเทศใดบูมเรื่องอุตสาหกรรมมาก เคยได้ยินมั้ยว่า กำลังจะเป็น NIC ตอนนั้น ม.ต้น ทั้งเก่ง และไม่เก่ง เรียนต่อสายช่างอุตสาหกรรมกันเยอะมาก แต่เหมือนเคยได้ยินว่า ยุคก่อนๆผม วิศวะลาดกระบัง คะแนนสูงกว่าวิศวะจุฬาฯ ใคร รุ่นพี่ผมอีกที พอจำได้ บอกหน่อยสิว่าจริงป่าว ก็ไม่เสียใจที่ไม่ได้เอ็นซ์ แต่ก็ได้เรียนต่อยอดเอา จนได้ วิศวกรรมศาสตร์ ถึงจะไม่จบที่ดังๆ แต่ก็ทำงานได้เหมือนกัน และรู้จริงในวิศวกรรม ปวช.ช่างกลโรงงาน ปวส.เทคนิคการผลิต วศ.บ.วิศวกรรมเครื่องกล แต่ถ้าย้อนได้ อยากเรียน ม.ปลายครับ อยากสอบ สาธารณสุข 2ปี จบแล้วรับราชการบ้านนอก สบายใจกว่า ชีวิตในเมืองหลวงเยอะ จากคุณ : MUT#7 - [ 18 ก.พ. 52 21:04:44 A:192.168.0.17 X:124.121.121.10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเอ็นท์เข้า รหัส 37 ครับ ตอนนั้นคะแนนวิศวจุฬาฯ สูงสุด แต่ก่อนหน้านั้นไม่ทราบนะครับ แต่เท่าที่รู้ก่อนเอ็นท์ รู้มาว่าของจุฬาฯ สูงสุด (อย่างน้อยๆ ก็ 2-3 ปีก่อนผมเอ็นท์) ครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 19 ก.พ. 52 03:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเอ็นท์เข้ารหัส 36 ผมเห็นด้วยกับคุณ คห.4และ 10 ในประเด็นที่ว่า คณะที่สอบต่างกันไม่ควรเอามาเทียบกันโดยตรงลองให้ด็กวิศวะมาอ่าน ชีวะแล้วเปลี่ยนไปสอบแพทย์สิ รับรองระคะแนนร่วงกระจาย เพราะอ่าน ชีวะมากไปก็ไปดึงเวลาอ่านวิชาอื่นอีก คะแนนไม่มีทางสูงอย่างที่เห็น หรอก น้องของเพื่อนผมเด็กสวนกุหลาบเรียนเก่งมากในห้อง ( เรืองความเก่งของ เค้านี่ใครๆก็ยอมรับเป็นเด็กเลขโอด้วยนะ ) เลือกสอบเข้าหมอจุฬา ทำ คะแนนได้แค่ 380 อีกคน 390 กว่าๆ แต่เพื่อนมันอีกคนที่มครๆก็รู้ว่าเก่ง น้อยกว่าเยอะ สอบเข้าวิศวะเกษตรได้คะแนนสุงสุดเฉยเลย ได้ตั้ง 430 แน่ะ ลองให้ต้องมาอ่านชีวะไปสอบแพทย์สิค จะเหลือกี่คะแนนไปคิด กันเอาเองนะ แต่รุ่นหลังๆจากผมไปอีกหลายรุ่นนี่วิชาชีวกับพื้นฐานเป็นยังงัย ผมก็ไม่รนู้เหมือนกันครับ เพราะไม่ได้ตามข่าว จากคุณ : เด็กวิทย์ระบบเก่า - [ 19 ก.พ. 52 07:54:39 A:202.44.4.62 X: TicketID:171048 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ช่วงปี 37-39 มีเพื่อน ปวช.จาก ว.พระนครเหนือหลายคนเอ็นท์ติดแพทย์ ทั้งๆที่ในหลักสูตรแทบไม่ได้เรียนชีวะ และ ปวช.เทอมสุดท้ายเทไปทาง วิชาชีพไม่มีการเรียนวิชาสามัญเลย อ่านกระทู้นี้แล้วแสดงว่าเพื่อนผมนี่เก่ง มากเลยนะเนี่ย จากคุณ : DEDETE - [ 19 ก.พ. 52 09:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาตอบในฐานะเทียบ ม.5 และเอ็นท์ปี 38 เลยรู้เฉพาะข้อมูลปี 37-38 นะคะ จริง ๆ เด็กเรียนเก่งส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกันนะคะ เด็กเตรียม เด็กสวน เด็กบดินทร์ รู้จักและสนิทสนมกันคะ ถือว่าคุยสนุก ๆ กันนะคะ 1. ที่โหล่วิศวะจุฬาเนียะคนที่ 700 นะคะ ของหมอเนียะที่รับเยอะ ๆ ก็ที่ 200 ดังนั้นเอาคณะต่ำสุดมาวัด ต้องพิจารณาด้วยคะว่าเป็นคนที่เท่าไหร่ เวลาเลือกภาคเนียะ ถ้าเป็นภาคดัง ๆ สมัยก่อน โยธา ไฟฟ้า คุณต้องได้อันดับไม่เกิน 300 นะคะ คือต้องเกินมีนคณะพอสมควร 2. จริง ๆ เอาคนเก่งนึงคนมาเป็นตัวแทนในการพิจารณา ตรรกะมันจะดูยวบ ๆ นะคะ คนเก่ง 1 คนจะเลือกอย่างไร มัน represent ความยากง่ายของคณะเหรอค่ะ ปี 2539 ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าอรรณพจะซิ่วไปเศรษฐศาสตร์ คะแนนเอ็นท์ 5 วิชาได้ 428 เป็นเปอร์เซนต์ที่สูงที่สุดในประเทศ 3. ก่อนรุ่นดิฉันคะแนนที่หนึ่งวิศวะกับหมอ ทิ้งกันห่างมากจนไม่ต้องพิจารณาอะไรว่าใครที่หนึ่งกันแน่ อย่างเพื่อนพี่สาวที่ได้ที่ 1 วิศวะเป็นเด็กสตรีวิทย์เหมือนกัน (ดร.สุพัฒนา) ได้ 537 ในขณะที่หมอจุฬาได้ 463 (แต่ปีนั้นหมอรามาได้ที่ 1 นะคะ คุณหมอสิรินทร์ได้ 472 คะแนน) ปีต่อมาเด็กสตรีวิทย์เก่าอย่าง ดร.จิตรา จูฑาได้ 510 พญ.เมธจิต เมธาวศินได้ 475 ปีต่อมา พี่กอรี่ กรกฏได้ 519 ป๊อป กีรติได้ 474 ปี 38 วศินได้ 519 จิตติชัยก็ยัง 500 กว่า ๆ แบบทิ้งพอสมควรนะคะ 4. พื้นฐานวิศวะ คะแนนไม่สูงนะคะ average ของคนเข้าวิศวะจุฬาจะประมาณ 50 ค่ะ พอ ๆ กับพวกชีวะที่มักได้ 50 กัน คนคะแนนสูง ๆ ในสองวิชานี้มีไม่มาก ราว ๆ 4-5 คนเองคะ คือเราก็เรียนชีวะได้ดี (เพราะใช้เกรดคัดห้องด้วยต้องเก็บทุกวิชา) ถึงจะอ่านเยอะแต่สำหรับเราไม่ยาก เพราะถนัดท่องจำ สอบเอ็นท์ก็ได้ 61 ค่ะ แต่พฐ.ได้ 42 เอง ชีวะเป็นวิชาที่เด็กยุคเราไม่สนใจ ถึงเอ็นท์หมอก็ไม่ติวนะคะ อ่านเอง เพราะจะเน้นวิชาที่ทำคะแนนได้ง่ายกว่าอย่างฟิสิกส์ เคมี เลข อังกฤษ ไม่ได้บ้าเรียนทุกวิชาอย่างสมัยนี้นะคะ 5. คะแนนวิศวะเริ่มตกต่ำตั้งแต่หลังปี 2539 ค่ะ ลาดกระบังกู่ไม่กลับเลย ตอนนี้ต่ำไปกว่าเกษตรอีก ทั้ง ๆ ที่แต่ก่อนก็ดังมาก ๆ มีปีนึงที่วิศวะไฟฟ้าของลาดกระบังคะแนนเอ็นท์ต่ำกว่า 20 เปอร์เซนต์ (108 จาก 555 คะแนนเต็ม) ถ้าพูดจริง ๆ หมอเข้ายากกว่า และที่หนึ่งของประเทศตัวจริงน่าจะเป็นของคณะแพทย์ (ไม่ว่า จุฬาฯ หรือศิริราช) ตั้งแต่ปี 2543-2545 เป็นต้นมา 6. เคยภูมิใจที่เคยเรียนดีค่ะ แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้วค่ะ รู้สึกปลง บอกตรง ๆ เคยเอ็นท์ได้ 456 คะแนน มากชนิดมั่นใจว่า Top 20 ของประเทศชัวร์ ตอนนี้ขายของในห้างค่ะ (ห้างบ้านนอกด้วย) แต่ happy กับชีวิตนะคะ 5555555 จากคุณ : พอจิตพอใจ - [ 19 ก.พ. 52 09:35:41 A:202.142.199.114 X: TicketID:137537 ]

ความคิดเห็นที่ 18 - อรรณพเอ็นวิศวะตอนปี 39 ได้ที่ 2 ของวิศวะรุ่นนั้นครับ ( ที่ 1 วิศวะรุ่นนั้นได้ 490 ) ส่วนที่ 1 ประเทศรุ่น 39 นั่นคือ วัชระ สุขีธรรมรักษ์ครับ ได้คะแนนในคณะแพทย์ 452 ส่วนคะแนนในคณะวิศวะที่เลือกอันดับสองก็เกือบ 500 เพราะไปได้เต็มใน พฐ เกือบ 100 เต็มแล้วได้ชีวะครึ่งนึ่งครับ แต่อย่างที่บอกว่าคะแนนมันไม่โชว์ เพราะไม่ได้เลือกอันดับแรก - ก็เพราะว่าอรรณซิ่วไปแล้วได้ 420 ( ไม่ใช่ 428 ) สอบแค่ 5 วิชาน่ะสิเตรียมตัวแค่ 5 วิชาต้องได้คะแนนสูงเป็นธรรมดา ลองบอกให้เค้าไปอ่านชีวะด้วยนะแล้วมาสอบให้ครบ 6 วิชา ถึงแม้ว่าอาจจะได้ที่ 1 จริง แต่ว่า % มันจะไม่สูงอย่างที่สอบแค่ 5 วิชาครับ 420/500*100 = 84% แต่ถ้ามาสอบชีวะด้วยผมให้คะแนนอย่างมาก 70 ดังนั้น จะได้ 420+70 = 490 ก็มากกว่าที่หนึ่งแพทย์รุ่นนั้นแค่ 10 คะแนน ( ที่1 หมอจุฬารุ่น 40 ได้ 480 แต่เป็นเด็ก ม.5 นะส่วนอรรณพ ถือว่าเป็นเด็กรุ่นพี่ ม.6 แล้ว ) - จิตติชัยได้ได้ 497 นะครับ ไม่ใช่ 500 ส่วนหมอป๊อบ กีรติปี 37 นัน้ได้ 478 ครับ - แล้วจริงๆคะแนนพวกนี้มันก็ค่อนข้างหยาบ เด็กเก่งๆที่จะเรียนแพทย์ โดนดูดไปเข้าโควต้าศิริราชก่อนหน้านั้นซะเยอะแล้ว ( เป็นกุศโลบายของศิริราชที่ต้องการดึงเด็กเก่งๆจากจุฬา เลยจัดสอบโควต้าก่อน ) เช่นที่ 1 โควต้า ศิริราชรุ่น 39 นั้นชื่อ ธรนิศวร์ ดีประเสริฐวิทย์ นั้นเก่งกว่าทั้ง อรรณพ ทั้ง วัชระ และทั้งที่ 1 วิศวะจุฬา รุ่นนั้นแน่นอน ไม่เชื่อไปถามอรรณพ ดูสิ ว่ารู้จัก ธรณิศวร์ หรือเปล่า จริงๆประเด็นนี้เป็นเรื่องไร้สาระ ผมไม่รู้ว่าผมจะมา discuss เรื่องแบบนี้ทำไม รู้สึกว่ามันเสียเวลาน่ะ จากคุณ : เข้ามาตอบอีกที - [ 19 ก.พ. 52 10:27:13 A:202.44.4.62 X: TicketID:171048 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถึง คห.16 เพื่อนคุณก็คงได้ชีวะ 30 กว่าๆคะแนนนั่นแหละ แล้วไปสูงในวิชาอื่น สิ่งที่ผมพยายามจะสื่อก็คือถึงเค้าจะติดแพทย์ แต่ถ้าเพื่อนคุณอ็นท์ วิศวะ ก็ต้องบวกคะแนนให้เพื่อนคุณ อีกหลายสิบคะแนนนะ เพราะเค้าคงทำพื้นฐานได้ค่อนข้างสูงตามไปด้วย ว่าจะไม่เข้ามาตอบแล้วนะเนี่ย จากคุณ : เถียงกันเรื่องไรฟระ - [ 19 ก.พ. 52 10:38:07 A:202.44.4.62 X: TicketID:171048 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตั้งกระทู้เหมือนจะดี ไปๆมาๆ เป็นเถียงว่าใครเก่งกว่าใคร ระหว่าง หมอ กับ วิศวะ ผมก็เข้ามาระบบเก่าน่ะ ดูว่าขลังกว่าตอนนี้เยอะ แต่ประเด็นว่าใครเก่งกว่าใครนี่ไร้สาระจริงๆ ไม่มีใครเก่งทุกทางเก่งทุกอย่าง คะแนนอันดับ 1หมอ ถ้าเรียนวิศวะอาจจะติด F วิชา Electro Mag ก็ได้(รุ่นผมติดกันค่อนภาค) จะมาบอกว่าข้อสอบวิชานี้ยากกว่า ....ได้อะไรขึ้นมา ชีวะ ได้เกิน 70 ถือว่า เทพ พื้นฐานวิศวะ ได้80 กันเพียบ แล้วความยากง่ายของข้อสอบมัน co-relate กันยังไงเหรอครับ หรือว่าถ้าปีนี้คนได้พื้นฐานวิศวะ เกิน 50คะแนน 5 คน ต้องไม่มีคนได้ชีวะเกิน 50 คะแนน เพราะว่าพื้นฐานมันง่ายกว่า ชีวะเหรอ ถึงแม้จะทำคะแนนตอนเอ็นท์ออกมาได้ดี แต่พอเรียนไป เกรดไม่เป็นอย่างทีคาดก็เยอะ คนได้คะแนน อันดับ 1 ตอนเอ็นท์แน่ว่าจะได้เหรียญทองเสมอไป ชอบปลูกฝังค่านิยมกันแบบนี้แหล่ะ คนเก่งๆ ถึงเลือกอยู่แค่ 2 คณะ ยังไม่เคยได้ยินคนที่คะแนนสูงๆ แล้วเลือกลง คณะเกษตร ฯ ประมง ทั้งๆ ที่บ้านเราเป็นเมืองเกษตร แล้วเมื่อไรจะมีคนเก่งๆ มาช่วยให้เกษตรกรไทย มีชีวิตที่ดีขึ้น !@##$$ จากคุณ : !@##$$ - [ 19 ก.พ. 52 12:06:05 A:202.44.7.66 X: TicketID:197265 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นั่นดิ ไม่ทราบว่าทำ research วิจัยทางการศึกษาเหรอครับ ถึงสรุปว่าพื้นฐานวิศวะง่ายกว่าชีวะ 40 คะแนน วิจัยหรือนั่งเทียนเอาครับ คะแนนเฉลี่ยของคนที่ทำคะแนนสองวิชานี้ได้ดี กระจุกตัวที่ 60 กว่า ๆ ทั้งคู่ (1000 คนแรก) ถ้าคนนั้นสอบชีวะได้ 60 เค้าจะสอบพื้นฐานได้ 100 เหรอครับ (Top บางปีแค่ 71 คะแนน มี 80 หลงมาประปราย) หรือคนที่สอบพื้นฐานได้ 60 ถ้าสอบชีวะเค้าจะได้แค่ 20 เหรอครับ (กามั่วยังได้ 25% เลย) ผมสอบปี 43 ดูคะแนนเฉลี่ยที่ สกอ. พิมพ์แจกไม่เห็นเป็นอย่างที่คุณ ๆ กล่าวอ้างเลยครับ ดูของปี 42 ก็ไม่เห็นว่าพื้นฐานมันจะง่ายขนาดคนสอบได้ 90 ได้ 100 หรือแม้กระทั่ง 80 เยอะแยะ มั่วหรือเปล่าครับ ผมว่าวิศวะที่เข้าง่ายขึ้นเพราะมันเปิดหลายสถาบันเกิน บางทีแทบไม่มีคนเรียนเลย อย่าง SIIT ของธรรมศาสตร์ที่จัดว่าดีทีเดียว ที่เหลือเพียบ ส่วนหมอวิชาชีพเค้ามีมาตรฐานและกฏเกณฑ์ที่เข้มข้น เค้าปกป้องวิชาชีพเค้าได้ดีกว่าวิศวะครับ ทำให้หมอขาดแคลนและรายได้ของหมอเลยสูง จากคุณ : ประภัทร - [ 21 ก.พ. 52 10:23:04 A:125.24.174.31 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ^ ถึง คห.ข้างบนครับ ถ้าใครมันโง่ขนาดทำชีวะได้ 20 คะแนนมันก้คงโง่ คะแนนต่ำเตี้ยไปหมดทุกวิชาแหละครับ แล้วคะแนนที่ผมพูดถึงเนี่ย หมายถึงในช่วงประมาณ พศ 36-39 ข้างบนก็ย้ำแล้วว่าพูดถึงแค่ในช่วงนั้น เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ส่วนรุ่นหลังๆเนี่ย ผมไม่รู้ไม่ทราบ เพราะไม่มีโอกาสได้สอบแล้ว ที่บอกให้ + 40 ก็ไม่ได้บอกให้บวกในทุกๆคนที่สอบชีวะ ถ้าไม่งั้นคนได้ชีวะ 20 ก้จะได้ พฐ 60 หรือได้ ชีวะ 60 แล้วต้องได้ พฐ 100 ผมไม่ได้หมายถึงหยั่งงี้นะ แต่ผมหมายถึงในเกณฑ์เฉลี่ยพวกที่เข้ามาเรียนหมอ พศ.นั้นน่ะ โดยเฉพาะพวกทีได้คะแนนเข้าหมอสูงๆน่ะ พวกนี้เรียนเก่ง เลข ฟิสิกส์ มากๆ มันถึงได้มี gap ระหว่างวิชางัย เนื้อหาชีวะมันกว้างเหมือนมหาสมุทร เรียนเก่งยังงัยยังงัยคุณก็ไม่ได้เต็มหรอก แต่ถ้าเป็นพวก เลข ฟิสิกส์ พวกเด็กเก่งๆก็มีโอกาสทำได้เต็มร้อยมากกว่า ผมไม่ได้ไปบวก 40 แต้มให้ใครสุ่มสี่สุ่มห้า ผมคงไม่ได้ไปบวกคะแนนเพิ่มให้พวกเด็ก สัตวะ เทคนิกการแพทย์หรอกนะ เบื่อพวกอ่านไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด จริงๆ จากคุณ : เข้ามาตอบอีกที - [ 21 ก.พ. 52 12:57:06 A:202.44.4.62 X: TicketID:171048 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พี่ๆยังจำกันได้อีกหรอครับ มันสิบกว่าปีแล้วนะ จำได้แม้กระทั่งชื่อ นามสกุล คะแนนเอนทรานซ์ เห่อๆ สุดยอด พูดถึงคะแนนสอบเข้าวิดวะดูแล้วปัจจุบันลดลงไปมาก ตอนนี้ต่ำสุดวิดวะจุฬาฯยังต่ำกว่าเภสัชอีก แล้วคะแนนต่ำสุดก็ใกล้กับต่ำสุดวิดยาจุฬาฯบางภาคแล้ว ส่วนวิดวะลาดกระบังตอนนี้ นี่คะแนนระดับวิดวะ มหิดล/ธรรมศาสตร์ เลยทีเดียว เพราะด้วยจำนวนลาดกระบังจะเน้นรับเยอะมากๆ วิดวะปีนึงรับประมาณ2000คน/ชั้นปี ส่วนตัวคิดว่าวิดวะยากกว่าหมอแต่หมอเรียนหนักกว่าวิดวะ เพื่อนผมอยู่แพทย์ มช. 3กว่าๆ ซิ่วมาวิดวะจุฬาฯ เหลือ2กว่าเลยทีเดียว จากคุณ : คนจัดฟัน - [ 21 ก.พ. 52 14:24:57 A:58.9.198.166 X: TicketID:189514 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ inthemiddleofthesea / เข้ามาตอบอีกที / เด็กวิทย์ระบบเก่า / เถียงกันเรื่องไรฟะ ถามจริง ๆ เถอะว่าจบวศบ.จริงอ่ะ ภาคอะไรเหรอครับ แล้วเอ็นท์ปี 36 / 38 / 39 ตกลงปีไหนกันแน่ (เพราะอ่านไปมาเหมือนสอบทุกปี ต่างชื่อกัน แต่ ticket ID เดียวกัน) คือช่วงนั้นไม่มีการประกาศผลคะแนน คนจะรู้คะแนนส่วนใหญ่มีเส้นสาย ไม่มีการประกาศโท่ง ๆ แถมเด็กส่วนใหญ่ที่เข้าคณะยาก ๆ ได้ ร้อยละ 70 จบม.5 นะครับ ใครซิ่วเนียะ อาย ๆ ที่จะบอกนะครับ หน้าแก่กว่าชาวบ้านแหง ๆ ม.4 ยังเยอะกว่าซิ่วเลยนะครับ ด้วยความที่เอ็นท์ ม.5 หาคนอ่านหนังสือครบยากนะครับ ส่วนใหญ่เรียนกวดวิชาฟิสิกส์ เลข เคมี ใครอ่านชีวะเนียะ นับถือจริง ๆ เพื่อนผมกว่า 32 คนที่เข้าแพทย์หาอ่านชีวะแบบจริง ๆ จัง ๆ ครบหมดจน ม.6 ได้ยากครับ ฟิสิกส์เฉลี่ยกันที่ 70 up เลข / เคมี 60 up อังกฤษ 60 up นอกนั้นไม่ค่อยถึง 60 กันนะครับ เรื่อง +40 ของคุณไม่มีน้ำหนัก เหมือนคิดเอาเองจริง ๆ ครับ ที่บอกว่าได้ 90-100 เป็นสิบคน เพื่อนสนิทผมที่ได้คะแนน 519 หนึ่งคน 490 สองคน 488 หนึ่งคน และ 460 กว่า ๆ อีกเพียบ ไม่มีใครได้ถึงเลยครับ ไม่รู้วัตถุประสงค์ของคุณและผมไม่มีเจตนาอะไร เพียงแต่สิ่งที่คุณโพสต์มันแย้งกับสิ่งที่ผมทราบ เลยขอชี้แจงนะครับ ถ้าจะเข้าแพทย์แล้วคะแนนไม่ถึง เลยฝังใจ ก็เข้าใจครับ แต่ผมมั่นใจว่าถ้าคุณเข้าวิศวะจุฬาได้จะปี 36 หรือ 39 คุณเข้าคณะแพทย์ที่ใดที่หนึ่งได้ชัวร์ครับ จากคุณ : ประภัทร - [ 21 ก.พ. 52 22:24:51 A:192.168.0.17 X:125.24.121.66 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ ^ ผมก็ส่วนผม ส่วนคุณ inthemiddleofthesea อะไรนั่นเค้าเป็นใครผมก็ไม่รู้จักนะ...ผมเอ็นท์รุ่น 36 ครับและพอจะมีข้อมูลของช่วง พศ.36-39 และก็พอจะรู้จักรุ่นน้องลงไปไม่เกินรุ่น 39 ช่วยไปอ่านดีๆหน่อย อ่านดูดีๆว่าตรงใหนที่ผมบอกว่าผมเอ็นท์ตอน 38-39 อ่านไม่ได้ศัพท์แต่จับมากระเดียด จากคุณ : เข้ามาตอบอีกที - [ 22 ก.พ. 52 12:07:29 A:202.44.4.62 X: TicketID:171048 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอาเป็นว่ากระทู้นี้เป็นเรื่องของเราสองคนแล้วกันนะครับพี่ (ผมอายุ 26 คงอ่อนกว่า) เหรอครับ !! คุณรู้จริงเข้าตอบ / เข้ามาตอบ / เข้ามาตอบอีกที / เด็กวิทย์ระบบเก่า / เถียงกันเรื่องไรฟะ / inthemiddleofthesea ลองอ่านดูอีกทีที่ตัวเองโพสต์นะครับ เรื่องออกความเห็นเชิง aggressive แบบนี้ เห็นสอดคล้องกันเป็นทอด ๆ บางทีอาจลืมตัว โพสต์ทั้งที่ค้าง login ไว้ ช่างสังเกตหน่อยก็พอจะจับสาวราวเรื่องได้ครับ ถ้าคุณจบวิศวะจุฬาจริง คุณค่อนข้างมีความเห็นต่างจากเพื่อนร่วมรุ่นส่วนใหญ่นะครับ และผมเดาว่าคุณคงไม่จบจากโรงเรียน top 5 ที่มีนักเรียนเข้าคณะมากที่สุด เพราะถ้าคุณเป็นศิษย์เก่าจริง คุณคงค่อนข้างจะเคารพในความเป็นเทพฯของพวกเก่ง ๆ ในคณะ ที่มันสาหัสสากรรจ์กว่าการเอ็นทรานส์มาก ๆ ครับ แต่โดนสรุปผมคิดว่าคุณคงไม่จบวิศวะจุฬาหรอกครับ พักนี้มี discrecit คณะบ่อย ๆ ผมเองรู้จักคน ๆ นึงที่เป็นอย่างนี้ เจอกันที่ gatech แต่คิดว่าไม่น่าใช่คุณ วิศวะที่ดีนั้น เรียนเก่งไม่ใช่คุณสมบัติที่ most required นะครับ แต่เป็น leadership ต่างหาก ผมมีเพื่อนเก่ง ๆ หลายคนที่ตอนนี้พอเริ่มทำงานได้ 2-3 ปี ก็ stuck แล้วครับ เพราะความเก่งในเชิงวิชาการเป็นรองเรื่อง leadership มาก ๆ ผมว่าคนเป็นวิศวะไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งโคตร ๆ ก็ได้นะครับ ไม่ต้อง iq สูงส่ง แต่ต้องมี leadership trait คนที่เป็นเด็กเรียนมักจะไม่มี ขาดทักษะความเป็น team player ท้ายสุดจะเหมาะกับงานวิชาการ วิจัยมากกว่าครับ ซึ่งถือเป็นความถนัดเฉพาะบุคคลไป คุณอาจเห็นคนเรียนเก่งแล้วรู้สึกทึ่ง (ช่าง awesome อะไรเช่นนี้!!!) แต่ผมมองแล้วเฉย ๆ โดยเฉพาะตอนนี้ ทุกคนมี path ของตัวเองครับ อยากเป็นเด็กเรียน อยากทำกิจกรรม อยากช่วยพ่อแม่ทำงาน ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย คนเก่งเค้าอาจมีทุกอย่างครบในช่วงวัยรุ่น อ่านหนังสือเยอะ เรียนพิเศษมาก ที่บ้านสนับสนุน แต่ในระยะยาวคนที่จัดสรรชีวิตได้ลงตัวที่สุด จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จครับ ผมเชื่อของผมอย่างนี้นะครับ จากคุณ : ประภัทร - [ 22 ก.พ. 52 22:28:15 A:125.24.151.107 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ... แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 52 08:36:21 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 52 00:24:41 จากคุณ : inthemiddleofthesea - [ 23 ก.พ. 52 00:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับ ไม่ได้เจอคุณ inthemiddleofthesea ตั้งนาน เห็นมั้ย เป็นกระทู้ที่เหลือเฉพาะเราสองคนจริง ๆ ด้วย (ขออนุญาตไม่เรียกพี่นะครับ เพราะท่าทางจะไม่ได้จบวิศวะจุฬาจริง ๆ ด้วย อิอิ) inthemiddleofthesea แปลว่า ออกทะเลไปแล้ว กู่ไม่กลับ พลาดแล้วพลาดเลย ขนาดกระทู้ไม่มีใครเล่น ยังตามต่อกันได้อุตลุดขนาดนี้ แสดงว่าเหลือคนเล่นไม่เยอะจริง ๆ คงแค่เราสองคน 55555555 จากคุณ : ประภัทร - [ 23 ก.พ. 52 00:42:30 A:125.24.151.107 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 โอเค คุณประภัทร ผมยอมแพ้คุณในแง่ที่ว่าผมกับคุณที่ใช้บัตรผ่านนั้นเป็นคนคนเดียวกัน แต่เรื่องข้อมุลที่เห็นนอยู่ข้างบน ทั้งชื่อบุคคล หรือเกี่ยวกับเรื่องของคะแนนของบุคคลดังกล่าว หรือปีที่ reference นั้นมีตัวตนอยู่และเป้นเช่นนนั้นจริงๆ คุณจะลองไป serach ชื่อบุคคลดังกล่าว หรือคะแนนของบุคคลดังกล่าวดูก็ได้ครับ จากคุณ : inthemiddleofthesea - [ 23 ก.พ. 52 08:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอเค คุณประภัทร ผมยอมแพ้คุณในแง่ที่ว่าผมกับคุณที่ใช้บัตรผ่านนั้นเป็นคนคนเดียวกัน แต่เรื่องข้อมุลที่เห็นนอยู่ข้างบน ทั้งชื่อบุคคล หรือเกี่ยวกับเรื่องของคะแนนของบุคคลดังกล่าว หรือปีที่ reference นั้นมีตัวตนอยู่และเป้นเช่นนนั้นจริงๆ คุณจะลองไป serach ชื่อบุคคลดังกล่าว หรือคะแนนของบุคคลดังกล่าวดูก็ได้ครับ Dear inthemiddleofthesea or whatsoever, Although I have never been a big fan of absolutism or universal trustiness, I do not think it is neither fair nor appropriate to tell portion of a story. I tend to believe that things like "the truth" can be deceivingly relative. There is a line that ought to be drawn to make sure it is decent and within the far reaching bounds of common sense. With that being said, the half truth or even 90% truth is worse than a whole lie since it requires a superior judgment which one needs to possess in order to be able to assess. I do not wish to state the obvious, but I really see a lack of truthful information you posted here. Ironically speaking, you consistently substantiate your posts by yourselves – with a series of disguised entities! I have had several encounters where I was told only half-side of a story and was expected to draw a judgment on. As a consequence, I’ve made decisions that are now, in hindsight, are telling. The results were devastating at best, I have chosen the wrong path that was merely unrecoverable. At we’re near the time of university admission, when rumors & half-truth fervently flown, I believe you have insincere information aimed to those high-school students – a small piece of information to sway their judgments. You’re still reserved for the strongest accusation against you – you’re not an "Intania" alumnus. All information given from the poorly fake entity, the credibility is zeroed out and for no compromise, period. จากคุณ : Prapat - [ 23 ก.พ. 52 09:46:19 A:202.142.199.114 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เดี๋ยวนี้เด็กวิศวะฯรีไทร์ออกเกือบครึ่ง !! ไม่รู้จริงหรือเปล่า สมัยก่อนมีไม่น่าเกิน 10% ถ้าจริง คงต้องรื้อระบบการศึกษาและการคัดเลือกแล้ว เด็กไม่ได้อยากเรียนจริง แต่เลือกตามแฟชั่นหรือเปล่า เด็กเข้าได้ เพราะทำข้อสอบเก่งจากการติว แต่ไม่ได้เก่งจริงหรือเปล่า ระบบคัดคนเก่งไม่ได้หรือเปล่า เข้าไปก็วิเคราะห์อะไรไม่เป็น นอกจากเหลือที่เรียนจบมาครึ่งเดียวแล้ว ไอ้ที่ทำงานเป็นวิศวกรจริงๆเหลือเท่าไหร่ แล้วในจำนวนนี้เป็นวิศวกรออกแบบจริงๆเท่าไหร่ เหลือแค่กี่คนไม่รู้ นอกนั้นก็เป็นเซลล์ ไปเป็นผู้รับเหมาะงานเล็กๆหรือเปิดบริษัทขายเครื่องมือช่าง ไปเรียนโทบริหาร ไปขายอาหารก็มี รัฐเสียเงินเสียเวลาเพื่อจะสร้างวิศวกร แต่จริงๆได้แต่พ่อค้า ระบบผิด หรือ เด็กผิด? จากคุณ : ม.8/11 - [ 23 ก.พ. 52 13:28:18 A:192.168.0.17 X:58.64.79.6 TicketID:124468 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วย ยกเลิก onet, anet, gat, pat น่าจะเลือกใช้ระบบ entrance ดีกว่า สอบน้อยกว่า เด็กไม่เครียด เกรดในห้องไม่ ๆๆๆๆๆๆควรนำมาพิจารณา ไม่ยุติธรรมกับนักเรียน โรงเรียนกวดวิชารวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆ สมัยก่อนเรียนเพื่อสอบเอ็น ปัจจุบันนี้ต้องเรียนเพื่อปรับเกรดขึ้น ไปดูได้ที่แถว สยาม งามวงศ์วาน ฯลฯ Please ยกเลิกระบบ gat pat นำระบบที่คำนึงถึงคนยากจนด้วยครับ เขาไม่มีแม้แต่ค่าสมัครสอบ ค่าเดินทางไปสอบๆๆๆๆๆ มากมาย จากคุณ : oti (oti) - [ 25 ก.พ. 52 11:29:30 ]