ความคิดเห็นที่ 30

ในขณะเดียวกัน เนื่องจากผมมีเวลาว่างและมีความสนใจเป็นหลัก จึงทำให้มีโอกาสได้ ใช้เวลาว่าง ไปเรียนเพิ่มเติม และผมเล็งเห็นว่าควรจะเรียนอย่างเป็นจริงเป็นจังไปเลย แต่การไปเรียนตาม "สถาบัน" สอนภาษาต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ เพราะนอกจากจะเสีย เงินมากแล้ว ยังไม่ได้ความรู้ ที่ถูกต้องตามหลัก (เช่น จ้างใครก็ไม่รู้มาสอน และเวลาสอน เน้นแค่ให้พูดๆ คุยๆได้ก็พอแล้ว) และการเรียนด้วย ตนเองก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นผมจึง ไปลงเรียนเอกภาษาอังกฤษ ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากได้เข้าไปเรียนวิชา วรรณคดี ซึ่งต้องอ่านกลอน อ่านนิยาย และวิชาทักษะ เช่น การออกเสียงภาษาอังกฤษ (English Phonetics), การวิเคราะห์ไวยากรณ์ อังกฤษ (English Syntax) และเมื่อไม่ เข้าใจ ก็ได้มีโอกาสซักถามอาจารย์แบบตัวต่อตัว พร้อมทั้งค้นคว้าต่อ ทำให้ผมเข้าใจถึง "หลัก" จริงๆ เข้าใจว่าภาษาทุกภาษาเป็นสิ่งที่มีระบบ (systematic) อะไรก็ตามที่ถูกสอน มาว่าเป็นข้อยกเว้น หรือ ต้องจำไปเลย นั้นนะครับ เราสามารถอธิบายได้ว่าทำไม ยกตัวอย่างในเรื่องของการออกเสียง ที่เราเห็นๆ การเติม -s เพื่อแสดงพหูพจน์ หรือกริยา เอกพจน์ใน present tense นั้น มันออกเสียงได้สามแบบ เช่น cats, dogs, churches (อ่านว่า kats, dogz, churchiz ตามลำดับ) จะเห็นได้ว่า สะกดเป็น -s แต่ออกเสียงเป็น -s, -z, หรือ iz (อิส) ขึ้นอยู่กับว่าเสียงที่มาก่อนหน้าเป็นอะไร (ถ้าไม่ก้อง voiceless จะเป็น -s, ถ้าก้อง เป็น -z, ถ้าเป็นเสียงที่มีการเสียดสี เช่น s, z, ch, ge จะเป็น -iz
จากคุณ :
Flowery
- [
20 ก.พ. 52 19:37:58
]
|
|
|