ความคิดเห็นที่ 1 คนซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชา ที่มา หนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ เมื่อหลายปีก่อน (ประมาณสัก ๑๓ปี) มีนักธุรกิจคนหนึ่งไปหาอาตมาที่วัดสุทัศน์ฯเป็นนักธุรกิจที่ทำงานอยู่กับคุณเจริญ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี เมื่อพบกัน ท่านผู้นี้ก็แจ้งความประสงค์ของการมาพบ และเล่าเรื่องที่เป็นจุดประสงค์ ดังนี้... "ท่านคงพอจะจำผมได้นะครับ เราเคยพบกันที่บ้านของคุณเจริญ คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ผมมีเรื่องอยากจะเล่าให้ท่านฟังดังนี้ว่า เมื่อก่อนผมเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และวิชาประวัติศาสตร์ ปกติผมต้องไปค้นคว้าข้อมูลในหอสมุดแห่งชาติ ต่อมา ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผูกเปีย ๒ ข้างเข้าไปค้นข้อมูลอย่างจริงจัง ว่างก็สนทนากันถึงเรื่องวิชาการ ...อยู่มาวันหนึ่งนักเรียนหญิงคนนั้นก็ชวนผมไปเที่ยวบ้าน โดยบอกว่าจะให้พ่อเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ ในฐานะที่ให้ความรู้ด้านวิชาการ โดยมีการนัดแนะกันที่พระราชวังดุสิต สวนจิตรลดา โดยเธอบอกว่าเมื่อเข้าประตูที่ ๑ แล้วขอให้บอกแก่คนที่เฝ้าประตูด้วยคำพูดนี้ (เป็นคำเฉพาะ) จากคุณ : Navarat.C - [ 23 ก.พ. 52 22:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ...ครั้นถึงวันนัดหมายผมก็เดินทางไปโดยรถแท็กซี่ เมื่อเข้าประตูผมก็มิได้สงสัย คงบอกเจ้าหน้าที่ตามนั้น ครั้นถึงขั้นที่ ๒ ผมก็บอกตามนั้นอีก เจ้าหน้าที่ก็อัธยาศัยดี ให้ความเคารพผมอย่างยิ่ง แต่พอถึงขั้นที่๓ ผมก็เริ่มเห็นภาพชัดเจนว่า...แท้ที่จริงเด็กผู้หญิงคนนั้นคือ "สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ซึ่งตอนนั้นยังมิได้เฉลิมพระยศนี้... ...ท่านครับ พอผมนึกออกก็เริ่มสั่นแล้ว แต่เหตุที่ผมนึกไม่ออกนั้น เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าฟ้าจะสนพระทัยในวิชาการอย่างจริงจัง เวลาค้นคว้าก็ทรงสืบค้นด้วยพระองค์เองทุกอย่าง ทรงค้นคว้าและจดจำอย่างขมีขมันโดยมิได้มีข้าราชบริพารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระองค์ และเวลาที่ทรงสนทนาก็ให้ความนับถือคู่สนทนา ยิ่งรู้ว่าผมเป็นครูสอนวิชาดังกล่าว ...เมื่อผมรู้ว่านักเรียนหญิงคนนั้นคือสมเด็จพระเทพฯ ผมก็ประหม่า และแล้วรถแท็กซี่ก็ถึงที่นัดพบ สักครู่พระองค์ก็เสด็จออกมาแล้วตรัสปฏิสันถาร ถึงตอนนี้ผมก็ก้มลงกราบกับพื้น และที่ทำให้ผมสั่นยิ่งขึ้นก็คือตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณพ่อของเด็กผู้หญิงคนนี้คือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" จากคุณ : Navarat.C - [ 23 ก.พ. 52 22:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ...ท่านครับ สักครู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมา ทรงมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแล้วตรัสว่า "เห็นลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนกัน" เมื่อพระองค์ตร้สดังนี้  ผมก็ก้มลงกราบด้วยความประหม่าเป็นที่สุด แล้วกราบบังคมทูลว่า "มิเป็นการบังอาจ พระพุทธเจ้าข้า" ...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตรัสว่า ขอให้ทำตัวตามปกติไม่ต้องประหม่าหรือกลัวแต่อย่างใด พระองค์ตรัสขอบใจที่ได้เป็นเพื่อนสนทนาในวิชาการดังกล่าว จากนั้นพระองค์ก็ตรัสว่า "อันที่จริงก็มีผู้อยากขอเข้าเฝ้าฯ เป็นจำนวนมาก บางรายก็ขอนำเงินขึ้นทูลเกล้าถวาย แต่เราก็ไม่สามารถจะรับเงินของบางคนได้ เราจะรับเงินของเขาได้อย่างไร ในเมื่อเงินที่เขานำมาถวายเรานั้นเป็นเงินที่เกิดจากการขายแผ่นดินของเรา เราจึงรับเงินนั้นไม่ได้...ถ้าจะถามพระราชาอย่างเราว่าพระราชาอย่างเราต้องการอะไร เราก็ขอตอบว่า...พระราชาอย่างเราต้องการคนที่ซื่อสัตย์ เพราะคนที่ซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชาอย่างเรา" จากคุณ : Navarat.C - [ 23 ก.พ. 52 22:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ...ท่านครับ ผมก้มลงกราบถวายบังคมพระองค์อีกครั้ง ด้วยความซาบซึ้งน้ำตาไหลในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้แก่ครูสอนหนังสือเล็กๆ คนหนึ่ง พระราชดำรัสของพระองค์มีคุณค่ายิ่งต่อชีวิตของผม จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารที่ผมรับประทานแล้วอิ่มตลอดชีวิต จากคุณ : Navarat.C - [ 23 ก.พ. 52 22:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 .ท่านครับ จากวันนั้นมา ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปโดยที่ผมเองก็มิได้รู้ว่าทำไมชีวิตของผมซึ่งเป็นครูต้องเปลี่ยนแปลงงานที่ทำโดยมิได้ตั้งใจชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ แต่พระราชดำรัสที่พระองค์ตรัสไว้นั้นจารึกอยู่ในใจผมเสมอ ...ผมอยากจะเรียนท่านให้ทราบเพียงเท่านี้แหละครับ ถ้าท่านจะกรุณานำไปเล่าให้คนทั้งหลายได้รับทราบ ก็จะเป็นลาภของคนที่ฟัง เขาจะได้รู้ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนของพระราชา อาจารย์ท่านนี้เมื่อเล่าจบก็ลากลับด้วยสีหน้าที่อิ่มสุขและน้ำตาที่คลอเบ้าตา มิใช่เพียงอาจารย์ท่านนี้ที่อิ่มสุขเท่านั้น อาตมาเองซึ่งเป็นผู้ฟังก็อิ่มสุขน้ำตาคลอเบ้าเช่นเดียวกัน บทความของ พระราชวิจิตรปฏิภาณ วัดสุทัศน์ , จากคุณ : Navarat.C - [ 23 ก.พ. 52 22:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ จากคุณ : คนไท (phuket_buri) - [ 23 ก.พ. 52 22:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทรงพระเจริญเถิด..พระเจ้าข้า จากคุณ : รู้น้อยไปหน่อย - [ 23 ก.พ. 52 23:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอทรงพระเจริญ จากคุณ : Aeykun - [ 23 ก.พ. 52 23:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ในหลวงของเรา....ทรงพระเจริญ.... จากคุณ : solie (solie) - [ 24 ก.พ. 52 01:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรารักในหลวง จากคุณ : xbeai - [ 24 ก.พ. 52 02:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากคุณ : A Good girl - [ 24 ก.พ. 52 08:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเพิ่งได้อ่านเป็นครั้งแรก และปลื้มปิติมากครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 24 ก.พ. 52 09:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จากคุณ : คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก - [ 24 ก.พ. 52 09:20:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยอ่านแล้วที่เว็บเอ็มไทย เป็นเรื่องจริงหรือเปล่่า  ใครช่วยโทรศัพท์ไปถามพระหน่อย (ที่ผ่านมาหลายๆเรื่องฟังดูแปลกๆ)   นึกว่าแตกกระทู้บวชนาค  อิอิ จากคุณ : วสันดิลก - [ 24 ก.พ. 52 09:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทรงพระเจริญ จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 24 ก.พ. 52 11:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.14 เสื่อมอ่ะ จากคุณ : Fat Boy & Cute Girl - [ 24 ก.พ. 52 12:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมขออนุญาตแย้งนิดนึงนะครับ จากที่ได้อ่านข้อความตาม คคห. ที่ 1 "ต่อมา ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผูกเปีย ๒ ข้างเข้าไปค้นข้อมูลอย่างจริงจัง ว่างก็สนทนากันถึงเรื่องวิชาการ" เป็นไปได้หรือครับที่อาจารย์ท่านนี้จะไม่รู้จัก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรฯ  (พระอิศริยยศขณะนั้น) ฟังดูแปลก ๆ ครับ กรณีของพระราชวิจิตรปฏิภาณ เคยเทศนาเรื่องเกี่ยวกับ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี คราวหนึ่ง หลังจากที่พระองค์ท่านสวรรคตแล้ว  จนทางวังต้องออกมาเตือน  เพราะเทศนาเทิดพระเกียรติค่อนข้างเกินความเป็นจริงครับ  คิดว่าหลาย ๆ ท่านในห้องนี้คงเคยได้อ่านแล้ว จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 24 ก.พ. 52 14:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คห.16  เสื่อมกว่า   โทษฐานไม่รู้จักใช้วิจารณญาณ  อ่านปุ๊บเชื่อปั๊บ (ดูคห.17 เขายังรู้จักสังเกต) อ่านดูรายละเอียดซะก่อนน่าเชื่อแค่ไหน  อย่าลืมว่ามาจากอีเมล สงสัยแล้วโทรไปถามมันเสื่อมตรงไหนไม่ทราบ   มั่นใจแล้วค่อยเชื่อไม่เห็นเสียหายเลย  ไม่หน้าแตกด้วย จากคุณ : วสันดิลก - [ 24 ก.พ. 52 18:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 น่าแปลกใจมากที่ครูสอนวิชาภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ ไม่รู้จักพระรูปพระโฉมของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดาฯ จนเมื่อถึงประตูชั้นในของสวนจิตรลดาถึงนึกออก ฟังดูเหลือเชื่อมากครับ จากคุณ : นาย UP - [ 24 ก.พ. 52 21:17:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่เชื่อค่ะ คิดว่าแต่งขึ้น ถึงสมเด็จพระเทพฯ ขณะนี้ อาจทรงพอพระทัยที่บางครั้งจะเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ แต่ในขณะยังทรงพระเยาว์คิดว่าต้องมีการอารักขาแน่นอน แล้วพระท่านจะเดินทื่อๆเข้าไป(ในขณะนั้นยังไม่ได้บวช) ย่อมต้องโดนสกัดไว้บ้าง และเมื่อ 20-30 ปีที่แล้วพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ก็เป็นที่เผยแพร่แล้วนะคะ โดยส่วนตัวไม่เชื่อค่ะ จากคุณ : supertubtib - [ 24 ก.พ. 52 22:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขออนุญาตแสดงความเห็นที่แตกต่างนะคะ ประเด็นไม่ได้คิดเรื่องเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ แต่ประเด็นที่มองและขออนุญาตแสดงความเห็น คือ เรื่องของคนซื่อสัตย์ที่เป็นสมบัติของพระราชาต่างหาก อันที่จริง ในความรู้สึกที่ฝังแน่นมาตลอด คือเราเองเป็นไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน ทุกครั้งที่เห็นพระองค์ทรงพระราชกรณียกิจ ตั้งแต่เราลืมตาดูโลกจนปัจจุบัน สิ่งที่เรารู้สึกได้เสมอ คือ ความอบอุ่นในสายพระเนตร หลายๆครั้งที่เราทำงานและท้อ ก้อได้แต่บอกตัวเองว่า ท้อจึงเป็นเพียงถ่าน เมื่อผ่านจะเป็นเพชร เราไม่ได้ต้องการเป็นเพชรหรอก เพียงแต่เราอยากเป็นคนดี เพื่อให้สมกับที่เราได้มีโอกาสเกิดใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ และเมื่อเห็นบทความนี้ ทันที่ที่เราคิด คือ ถ้าเพียงแต่ 70% ของประชาชนมีความซื่อสัตย์ อะไรๆคงดีขึ้นกว่านี้อีกมากมาย จากคุณ : ไฟกลางธาตุ - [ 24 ก.พ. 52 23:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากคุณทับศานต์ใจ "กรณีของพระราชวิจิตรปฏิภาณ เคยเทศนาเรื่องเกี่ยวกับ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี คราวหนึ่ง หลังจากที่พระองค์ท่านสวรรคตแล้ว  จนทางวังต้องออกมาเตือน  เพราะเทศนาเทิดพระเกียรติค่อนข้างเกินความเป็นจริงครับ  คิดว่าหลาย ๆ ท่านในห้องนี้คงเคยได้อ่านแล้ว" แปลว่า  พระราชวิจิตรปฏิภาณ มีตัวตนจริง แต่ว่าพูดหรือเขียนอะไร ค่อนข้างเกินความเป็นจริง เท่านั้นใช่ไหมครับ และแปลว่า อย่างน้อย เรื่องข้างบนนี้ก็มีมูลความจริงใชไหมครับ แม้อาจจะมีการ"ใส่ไข่"บ้าง พระราชวิจิตรปฏิภาณชื่อก็รู้ว่าเป็นพระ ระดับท่านเจ้าคุณ มีศีลข้อ๔ ท่านไม่น่าจะมุสาเรื่องขึ้นมาทั้งเรื่อง อย่างน้อยต้องมีความจริงที่ว่า ๑ สมเด็จพระเทพรัตน์แม้ขณะทรงพระเยาว์ ก็ทรงใผ่การศึกษาค้นคว้า และเคยเสด็จไปทรงงานที่หอสมุดแห่งชาติ เป็นการส่วนพระองค์บ่อยๆ ๒ ทรงได้เคยเสวนากับครูคนหนึ่ง และครูคนนั้นได้รับพระกรุณาให้ไปรับพระราชทานเลี้ยงอาหารในวังสวนจิตร ๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาในการพระราชทานเลี้ยงนั้นด้วยโดยครูไม่ได้คาดหมายมาก่อน ๔ มีพระราชกระแสร์ตามเรื่องที่ว่า "ถ้าจะถามพระราชาอย่างเราว่าพระราชาอย่างเราต้องการอะไร  เราก็ขอตอบว่า...พระราชาอย่างเราต้องการคนที่ซื่อสัตย์  เพราะคนที่ซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชาอย่างเรา" ที่ท่านทั้งหลายไม่เชื่อกัน ก็ดูเหมือนจะอยู่ในประเด็นที่ว่า ทำไมครูไม่รู้จักสมเด็จท่าน หรือทำไมไม่มีการอารักขาพระองค์ ปล่อยให้คนอื่นไปอยู่ในห้องที่ทรงงาน ได้อย่างไร  ซึ่งก็เป็นประเด็นรอง แม้ข้อเท็จจริงอาจเป็นว่า ทรงรู้จักครูคนนั้นอยู่แล้ว โดยปกติสมเด็จพระเทพรัตน์เวลาเสด็จที่ไหนเป็นการส่วนพระองค์ จะไม่ทรงมีพระประสงค์จะรบกวนสิทธิ์ของผู้ที่กำลังใช้สถานที่นั้นอยู่แล้ว ในกรณีย์นี้ หากทรงรู้จัก ก็อาจจะทรงสนทนาซักถามได้  แต่พระท่านเสริมฝอยเข้ามาเพื่อหวังจะเสริมพระบารมี ตามวิสัยของท่านดังที่สำนักพระราชวังเคยเตือน ฝอยที่เกินความจำเป็นนี้เป็นอันตรายยิ่งนัก คนบางส่วนจึงพลอยไม่เชื่อเรื่องทั้งเรื่องไปด้วย แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 52 00:15:57 จากคุณ : Navarat.C - [ 25 ก.พ. 52 00:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้มีไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๓๙ เรื่องคุณทับศานต์ใจว่า คงต้องเกิดหลังจากนั้นไม่นาน แต่ บทความข้างต้น ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ ห่างกันนับสิบปี ที่สำคัญ ลองดูที่วันที่ บทความนี้ถูกนำเสนอในมงคลวาระ เฉลิมพระชนมพรรษา ท่านเจ้าคุณราชวิจิตรปฏิภาณท่านจะบังอาจแต่งเรื่องอันเป็นเท็จขึ้น ในวาระเช่นนี้เชียวหรือ? แล้วนี่ก็หลายเดือนมาแล้ว สำนักพระราชวังได้มีปฏิกิริยาอย่างใด หรือไม่ครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 25 ก.พ. 52 09:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องขออนุญาตเรียนคุณ Navarat C. ดังนี้ครับ มิได้กล่าวว่าเรื่องที่พระราชวิจิตรปฏิภาณเทศน์เป็นเท็จหรือกุขึ้นแต่อย่างใดครับ  เพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ขาดความสมเหตุสมผล  เหมือนที่ผมได้อ้างถึงคราวท่านเจ้าคุณเทศน์เทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ  ถ้าคุณ Navarat C. ได้อ่านก้อคงจะทราบครับ   บางเรื่องขอใช้คำว่า "เว่อร์" จนเกินเลยความเป็นจริงครับ  อย่าลืมว่า เจ้านายนั้นก็เป็นปุถุชนนะครับ เพียงแต่ได้บำเพ็ญบารมีมาแต่ชาติก่อน ๆ มากกว่าสามัญชน  ดังนั้นในความเป็นปุถุชนก็คือมนุษย์ทั่วไปเหมือนเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละครับ  แต่สิ่งที่ท่านเจ้าคุณเทศน์คราวสมเด็จพระศรีฯ นั้น เหมือนสมมติว่าพระองค์ท่านมิใช้มนุษย์แล้ว เทียบเคียงเหมือนเป็นพระอริยสงฆ์ (เช่นกล่าวว่าพระฉวีผุดผ่องสว่าง พระอัฐิขาวใสประดุจแก้ว - ทำนองนี้น่ะครับ ผมจำได้ไม่แม่นนัก) จนทางวังต้องออกมาเตือนตามที่ผมให้ความเห็นไว้น่ะครับ ถ้าจำไม่ผิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติงผ่านสมเด็จพระเทพฯ ลงมาครับ ผมว่าบางครั้งท่านเจ้าคุณเทศน์โดยใส่ความรู้สึกส่วนตัวลงไปลง ท่านเป็นคนเจ้าสำนวนโวหาร เลือกใช้คำให้เกิดความรู้สึกต่าง ๆ ได้ดี บางครั้งดีจนกลายเป็นความไม่สมจริงครับ   คุณ Navarat C.  ไม่รู้สึกผิดสังเกตเหมือนผมในความเห็นที่ 17 หรือครับ มีใครบ้างที่จะไม่รู้จัก สมเด็จพระเทพฯ (แม้ก่อนสถาปนาพระอิสริยยศก็ตาม) สำหรับเรื่องที่สำนักพระราชวังไม่ออกมาติงนั้น ผมก็มิอาจทราบได้ ทราบเพียงแต่ว่า มีเรื่องมากมายหลายเรื่องที่สำนักพระราชวังต้องตามล้างตามเช็ด  ตัวอย่างง่าย ๆ ที่เราเห็นกันก็เรื่อง คำสอนของพ่อ  ซึ่งส่ง mail กันไปจนทั่ว แม้กระทั่ง wrist band "เรารักในหลวง" ก็ยังนำมาพิมพ์โดยขาดการตรวจสอบที่มาอย่างถูกต้อง   ทั้ง ๆ ที่เป็นการแปลจากผู้แต่งชาวต่างประเทศ มิใช่จากในหลวง  การกระทำอย่างนี้ถือเป็นการเทิดพระเกียรติหรือหมิ่นพระเกียรติ คงต้องใช้วิจารณญาณครับ จากคุณ : ทับศานต์ใจ - [ 25 ก.พ. 52 14:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ คุณทับศานต์ใจ นะครับที่ทำให้ผมได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ ต่อไปคงจำชื่อพระราชวิจิตรปฏิภาณได้ ในกูเกิลมีชื่อนี้ออกมาหลายสิบหน้า แต่ผมหาเรื่องที่เราพูดกันนี้ไม่เจอ ตกลงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยกเมฆนั่งเทียนขึ้นมาโดยไม่มีมูลเลยใช่ไหมครับ  ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องมองข้ามส่วนฝอยของท่านที่เป็นกระพี้ไปบ้าง ทุเรียนเปลือกผุพลูเดียวจะโยนทิ้งเสียทั้งลูกก็กระไรอยู่ แต่ผมขอสารภาพว่า ตั้งแต่แรกที่อ่านเรื่องนี้รู้สึกเหมือนกันว่าเหลือเชื่อ แต่จากประสบการณ์ เรื่องเหลือเชื่อหลายเรื่องก็เป็นเรื่องจริง  โดยเฉพาะเรื่องพระจริยาวัตรของพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพรัตน์ คนรุ่นผมจะได้ยินได้ฟังบ่อยมาก และเชื่อเพราะบางครั้งตนเองก็อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย อีกอย่างหนึ่ง เรื่องจำคนไม่ได้นี่ เกิดกับคนสูงอายุง่ายมาก ไม่ใช่เรื่องประหลาดอันใดกับผมอีกเหมือนกัน ดังนั้น สาระในเรื่องที่โดนใจผมอย่างแรงนี้จึงถูกเปลี่ยนใจเอามาลงในห้องนี้ดีกว่าจะforward mail ให้เพื่อนๆต่อๆกันไป จะให้โทรไปถามท่านเจ้าคุณก่อนจะเอาลงผมก็ว่าบ้าแล้ว ใครเขาทำกันบ้าง  เรื่องในinternetมีคนเอาอะไรมาลงกันไว้ต่างๆสารพัด ทั้งขยะทั้งทอง ผู้บริโภคก็ต้องเลือกเสพเอาเองได้อยู่แล้ว จากคุณ : Navarat.C - [ 25 ก.พ. 52 16:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ด้วยความเคารพอย่างสูง ขอแสดงความคิดเห็น ระหว่าง คุณ ทับศานต์ใจ กับ คุณ  Navarat.C ผมเห็นว่าควรแก่การหยุดโต้เถียงกันได้แล้วครับ เพราะ ทั้งคู่ก็ได้แสดงถึงความรู้ ความเชื่อ ของแต่ละฝ่ายแล้ว และผมก็เห็นว่า ทั้งคู่นั้น ต่างมีวิจารณญานในการพินิจ พิเคราะห์แล้ว ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องนี้ เชื่อโดยใจจริง โดยศรัทธาเป็นที่ตั้ง แต่ที่ผมเชื่อผมไม่ได้เชื่อโดยปราศจากเหตุผล แต่สมเด็จฯ ท่านได้แสดงให้เราเห็นตราบเท่าทุกวันนี้ ว่าท่านเป็นคนไฝ่เรียนรู้ ไฝ่ศึกษาขนาดไหน ขณะทรงงานทุกท่านก็คงเห็นว่าสมเด็จฯ ท่านทำอย่างไร โดยที่ผมก็คงไม่ต้องอธิบายก็คงจะนึกออก เราก็ไม่น่าเอาเรื่องนี้มาโต้เถียงกันเลย ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะแต่งขึ้น แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะมีเค้าความจริง ไม่มากก็น้อย หรือถ้า นักการเมือง ข้าราชการ หรือคนทั่ว ๆ ไป ได้อ่าน บางที เขาอาจจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เขาต้องซื่อสัตย์ต่อพระราชาของเขาก็เป็นได้ ผมรักพระเจ้าอยู่หัว แล พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยบริสุทธิ์ใจ หาได้มีสิ่งใดมาทำลายความรัก ความจงรักภักดี นี้ได้ จากคุณ : คนไท (phuket_buri) - [ 25 ก.พ. 52 21:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ................สักแต่ ทรงพระเจริญ จากคุณ : LegalisM (LegalisM) - [ 25 ก.พ. 52 22:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านดูไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไร เพราะถ้าเป็นผม คงเอะใจตั้งแต่บอกว่าอยู่ที่พระตำหนักจิตรลดาแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม จะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นกุศโลบายที่พระท่านแต่งขึ้น ก็ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีไม่ใช่หรอ จากคุณ : ฟ้าสีคราม (wenxuan1983) - [ 25 ก.พ. 52 23:50:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่พระจริยวัตรของพระองค์ท่านก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันนะ เช่น ปลอมพระองค์เสด็จฯ BTS ไป Emporium ทรงซื้อหนังสือ เป็นต้น ลองอ่านดูใหม่ไหมครับ? ท่านว่า มีนักธุรกิจคนหนึ่งมาเล่าให้ท่านฟัง นักธุรกิจคนนั้นเคยเป็นครูมาก่อน และทำงานอยู่กับคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี บางที ถ้าเป็นผมๆ ก็คงไม่นึกว่า ทูลกระหม่อมจะไปนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หอสมุดหรอกครับ ต่อให้หน้าเหมือน ก็คงคิดว่าเป็นคนหน้าเหมือนเท่านั้น ส่วนที่ชวนไปที่วัง ก็เป็นไปได้ครับ เพราะในวังก็มีข้าราชบริพารอยู่ข้างในตั้งมากมาย ทั้งทำงาน และพักอยู่ด้วยซ้ำ ก็อาจจะคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ลูกหลานคนในวัง แต่พอเข้าชั้นในก็เลยนึกขึ้นได้ว่า ลูกหลานใครจะเข้ามาอยู่ในพระราชฐานชั้นในได้ ส่วนตัวผมไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริง แต่ที่ผมเคยเฝ้าแบบคล้ายๆ กันนี้ก็เคยมาหลายหนแล้ว จึงคิดว่า ก็อาจเป็นไปได้นะครับ เฉพาะนักเรียนจิตรลดาก็หลายร้อยคนแล้ว จากคุณ : ciri - [ 26 ก.พ. 52 10:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นในหลายๆที่ จากห้องสยาม http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F7519528/F7519528.html จากบลอกของเนชั่น http://www.oknation.net/blog/print.php?id=403809 และ ในอีกหลายๆที่ หลายเวบไซต์ ผมว่าที่ทุกๆท่าน พุดมาก็ถูกครับ แต่ผมเอะ ใจตอนที่อ่านไปสะดุดคำว่า "โดยเธอบอกว่าเมื่อเข้าประตูที่ ๑ แล้วขอให้บอกแก่คนที่เฝ้าประตูด้วยคำพูดนี้ (เป็นคำเฉพาะ) " ถ้าเป็นเด็กทั่วไป ทำไมต้องบอกคำเฉพาะอะครับ แล้วทหารจะรู้ได้ไง ถ้าไม่มีใครสั่งไว้ก่อนว้าถ้าใครมาถึงพูนี้ ให้บอกทาง หรือ เปิดประตู แต่ในปัจจุบัน มีfw mail มากเหลือเกิน ที่เป็นเรื่องที่แสดงความจงรักภักดี แต่เป็นการเสริมแต่งขึ้นมา และ เกินความเป็นจริง ตัวอน่างfw mail ที่เคยได้ ประเทศไทยจะกลายเป็นทะเลทรายเพราะ Double A (ในหลวงทรงเตือนแล้วไม่ฟัง) เราไม่มีเจตนาที่จะทำลายหรือป้ายสีอะไรในบริษัท Double A ทั้งนั้น เพียงแต่ต้องการเปิดเผยความจริงแก่ทุกคนอย่างที่หลาย ๆคนคงจะเห็นในโฆษณาเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรหลายคนหั นมาปลูกต้นกระดาษ Double A โดยอ้างว่าปลูกแล้วจะรวยขึ้นทันตาเห็น ก่อนอื่นอยากบอกก่อนว่าที่จริงต้นไม้ที่ว่านั้นก็คือ ต้น "ยูคาลิปตัส" ที่ได้ทำการดัดแปลงพันธุกรรมแล้วนั่นเอง เราเป็นนักท่องเที่ยวที่เพิ่งกลับมาจากแคมป์ปิ้งที่อ ุทยานแห่งชาติปางสีดา ตามทิวเขาจะมีต้นไม้ที่ชาวบ้านนิยมปลูกกันมาก ต้นไม้เหล่านั้นจะเรียงตัวกันเป็นแถวๆดูแล้วสวยงามสู งใหญ่ภายหลังได้รู้ว่านั่นก็คือไร่ยูคาลิปตัสจากวิทย ากรภายในอุทยานนั้น ท่านวิทยากรได้พูดให้เราฟังว่า การนำต้นยูคาลิปตัสหรือต้น Double A มาปลูกนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ในหลวงท่านก็เคยดำรัสไว้ว่าชาวบ้านไม่ควรนำต้นเหล่าน ี้มาปลูก เพราะมันเป็นพืชต่างถิ่น ท่านวิทยากรก็เสริมว่า ต้นยูคาเป็นพืชเชิงเดี่ยวเมื่อปลูก! แล้วจะส่งผลให้พื้นแผ่นดินในบริเวณนั้นแห้งผาก เนื่องจากมันจะดูดซึมน้ำอย่างรวดเร็วและต้องการน้ำมา กทำให้รากของต้นๆหนึ่งอาจยาวได้ถึง 20 เมตรเลยทีเดียว เมื่อดินบริเวณนั้นถูกดูดน้ำจนหมดผืนดินก็จะกลายเป็น ทะเลทรายในที่สุด ว่าแล้ววิทยากรก็หยิบดินให้เราดูแล้วโปรยลงพื้นมันคือทรายชัดๆ แทนที่จะเป็นดินในป่าแบบนี้แล้วเราอยากให้ทุกคนคิดดูถ้ามีการปลูกต้น Double A เป็นจำนวนมาก ผู้คนได้ผลกำไรอย่างงอกงามในการทำธุรกิจกับแผ่นดินขอ งชาติ แต่นานๆไปเล่าจะเกิดอะไรขึ้น! ผืนแผ่นดินไทยในอนาคตก็มีโอกาสจะกลายเป็นทะเลทรายได้ ไม่ใช่ว่าการปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องดีนะคะแต่สำหรับเ จ้าต้นยูคานี้เป็นต้นไม้ที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะปลูก ในภูมิภาคแบบประเทศไทยเลย ดิฉันเป็นแค่คนตัวเล็กๆไม่มีหน้าที่ใหญ่โตอะไรในวงสั งคมไม่มีสิทธิ์ห้ามใครได้ แต่อยากให้ทุกคนช่วยเผยแพร่เรื่องนี้ด้วยนะคะ เพราะเราคิดว่าในหลวงท่านก็ทรงห่วงเรื่องนี้เหมือนกั น เรื่องนี้ ขนาดครูที่โรงเรียนยังเอาไปพูดให้นักเรียนฟังเลย แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 02:24:15 จากคุณ : akkarachai - [ 27 ก.พ. 52 02:22:34 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าแล้ว ต้องมีพวกจากหมาเดียวกัน เอ๊ย ฟ้าเดียวกันมาป่วน แถมมาหาว่าเรา เป็นพวกซาบซึ้งสัญจร   แล้วจะให้ผมไป ซาบซึ้งในพระคุณ พ่อเหลี่ยม กับ คุณพ่อสมศักดิ์ รึไงครับ  ฮี่โธ่ จากคุณ : Dojojin - [ 27 ก.พ. 52 09:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คห.31 เรายังไม่เห็นคำว่า กราบบบบ ซักคำ จะมาจาก ฟดก.ได้ไง ที่เห็นก็แค่ เขาเข้ามาแย้งในเรื่องที่เค้าสงสัยแค่นั้นเอง หรือใครเห็นแย้งต้อง ฟดก.เท่านั้นหรือ จากคุณ : Hergest - [ 27 ก.พ. 52 11:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เท่าที่อ่านมาผมก็ไม่เห็นว่าจะมีใครบอกว่านี่เป็นเรื่องไม่จริงนี่ครับ ส่วนใหญ่ก็เพียงแค่รู้สึกสงสัยอันเนื่องจากความไม่สมเหตุสมผลในหลายๆจุดของเรื่องที่นำมาเล่านั่นแหล่ะครับ แต่ถ้ามีใครซักคนมายืนยันพร้อมเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ผมว่าก็คงไม่ได้มีใครจะไปติดใจอะไรอีกหรอกครับ สำหรับผมตอนอ่านก็ตะหงิดๆใจในหลายๆจุดเหมือนๆกันกับที่ความเห็นข้างบนกล่าวมาครับ อีกจุดนึงที่ยังไม่มีใครกล่าวถึงคือ คนเราถ้ามีการนัดไปทานข้าวที่บ้าน มันก็น่าจะสนิทสนมกันระดับนึงแล้วนะครับถึงจะยอมไปกัน แต่จากเรื่องที่อ่านเหมือนจะนัดท่านข้าวจากการพบเจอกันแค่ครั้งเดียว และอีกจุดที่ติดใจก็คือ อาจารย์ท่านจะไม่ถามหนูน้อยท่านนั้นเลยเหรอครับว่าชื่ออะไร เรียนที่ไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใคร (ในเมื่อจะไปทานข้าวบ้านเค้าอยู่แล้ว) หากหนูน้อยท่านนั้นตอบอาจารย์ไปแล้ว และท่านจะไม่เอ่ะใจเลยเหรอว่าชื่อนี้ บ้านอยู่ที่นี่ แถมหน้าตาคล้ายสมเด็จพระเทพฯอีก ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ว่าท่านจะไม่ทราบว่าเด็กผู้หญิงท่านนั้นเป็นใคร ผมไม่ได้จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริงนะครับ ตอนที่อ่านก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่อาจมีการแต่งเติมเสริมแต่งบางอย่างลงไปเพื่อให้....(ผมไม่รู้จะใช้คำพูดว่าอะไรจึงจะเหมาะสม แต่ขอใช้คำว่า...)....เพื่อให้ผู้ฟัง(หรืออ่าน)เรื่องนี้เกิดความสนุกในการรับฟังครับ จุดที่เป็นไปได้ว่าท่านจะเสริมแต่งเข้าไปคือ ลึกๆท่านอาจจะรู้ตั้งแต่แรกเห็นในห้องสมุดแล้วว่าเด็กผู้หญิงท่านนั้นเป็นสมเด็จพระเทพฯ แต่เมื่อเอามาเล่าก็แสร้งเขียนไปว่าเพิ่งมารู้ก็ตอนเข้าไปในวังแล้ว ซึ่งอ่านแล้วชวนติดตามเรื่องราวกว่ากันเยอะเลย(ขอใช้คำพูดแบบนี้อีกเช่นกัน) จากคุณ : ข้าวผัดปลาเค็ม - [ 28 ก.พ. 52 13:54:25 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ข้อความนี้ ได้ยินได้ฟังจนจำขึ้นใจ เป็นคำพูดที่ ลาว คำหอม ... กล่าวถึงหนังสือของตัว ชื่อ"ฟ้าบ่กั้น" ว่า... "...ถึงแม้เรื่องสั้นเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่เคยได้ฟัง คำปฏิเสธจากใครถึงความเป็นจริงของมัน..." จากคุณ : jassb1 - [ 28 ก.พ. 52 23:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 จะจริงหรือไม่จริงในเรื่อง Fw Mail หลายๆ ฉบับ แต่ว่า ความจงรักภักดี ที่ข้าพเจ้ามีให้พระองค์ท่าน ก็ไม่อาจจะมาก หรือ น้อย ไปกว่านี้ได้อีก ค่ะ จากคุณ : สะดุ้งสุดตัว - [ 3 มี.ค. 52 15:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คห.30 ต.ย.fw mail ผมว่าแอบอ้างแน่ๆครับ จากคุณ : เปิดแนวรบ - [ 5 มี.ค. 52 16:43:52 ]