ความคิดเห็นที่ 1 มันแล้วแต่ว่า ภาษาอังกฤษที่คุณ gig ว่าฟังออกนั้น เร็วระดับไหนล่ะครับ ถ้าความเร็วระดับกลาง ก็ไม่นานหรอกครับ ภาษาอังกฤษมันเป็นทักษะที่ต้องพัฒนาตลอดเวลา ถ้าหยุดมันก็จะเลือนหายไป ฝึกทุกรูปแบบครับ ฟัง Podcasts ของ npr ผ่าน iTunes คุยกับ Native speakers ฟังเพลงสากล ขอให้ฟังทุกวันเป็นพอ ระหว่างที่ฟังไม่ใช่สักแต่ว่าเปิดให้เข้าหู พยายามเดาด้วยว่า คำที่เราฟังไม่ทันน่าจะเป็นอะไร ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : Rifle D. - [ 26 ก.พ. 52 00:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Well,  it depends on how long (each day) you listen to English program. It is hard to tell how long, and I do not think that it is necessary to know.  Why do you need to know?   If I say that it would take about 10 years, will you give up learning English? จากคุณ : Tiger อู๊ด - [ 26 ก.พ. 52 00:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Even after 40 years I still cannot understand songs and movies most of the time if the words are not spoken, sung clearly. But for normal newscasts such as CNN, it took me only one year of intensive listening. จากคุณ : K.Senior - [ 26 ก.พ. 52 00:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อก่อน หลายปีก็ฟังไม่ออกครับ แต่พอมาปีนึง ที่บ้านรับเป็น host ให้ volunteer ฝรั่ง มาอยู่ที่บ้านครึ่งปี พอสนิทกันแล้ว คราวนี้จากที่พูดไม่ค่อยได้ ฟังไม่ค่อยออก กลายเป็นคล่องปรู๊ดเลยครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 26 ก.พ. 52 00:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าใช้เวลาทุกวัน ไม่เกินสามเดือนครับ  และต้องมีพื้นฐานอย่างน้อยม ปลายครับ จากคุณ : Kendutch - [ 26 ก.พ. 52 01:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบยากเหมือนกันนะคะ ถ้าคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก จะให้ฟังได้เร็ว จุดใหญ่คือว่า คุณต้องมีพื้นภาษาดีพอสมควร คือรู้แกรมม่า รู้ศัพท์ สำนวน และแสลง บ้าง พอได้ยินมันจะได้จับแพะชนแกะได้ เรื่องฝึก เอาง่ายและถูก ก็ไปซื้อดีวีดีมาดู ไม่เปิดสับ ถ้าหนังมันหนุกแผบเดียวก็แบ๊ะแบ๊ะไปได้แล้ว (เชื่อไหม หนังบางเรื่องที่อิฉันชอบนะ เปิดดูสักสามสิบรอบแล้ว พอตัวละครไหนมันอ้าปากพูด  ไม่ใช่ฟังออกอย่างเดียวนะ จำได้หมดเลยว่ามันจะพูดว่าอะไร ฮา) จากคุณ : อำแดงมา - [ 26 ก.พ. 52 01:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เล่าประวัติให้ฟังค่ะ เป็นเด็กตจว. เริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งแรกตอนป.5 เรียนมาจนจบปริญญาตรี บวกเรียนAUA อีก 2 คอร์ส ทำให้ได้รู้ว่า ***การศึกษาจนจบปริญญาตรี ไมได้ช่วยให้ฟัง พูด  เขียน ได้ดีเลย*** (ทำได้แค่อ่านข้อสอบได้บ้างเท่านั้น) สังเกตุเห็นวิธีการฝึกฝนของเพื่อนๆ เค้าจะมีเพื่อนหรือแฟนต่างชาติ ทำให้ภาษาเค้าพัฒนาไวมาก จากการพูดคุยหรือแชท แต่ตัวเราไม่ถนัดแนวนั้น(หรือฝรั่งไม่ชอบเราไม่รู้) เพื่อนบางคนก็ชอบดูหนังSoundtrack แบบไม่อ่านซับทำให้ฟังและพูดได้ดีขึ้น(เรียนรู้ภาษาพูด คำสบถ คำแสลง และได้สำเนียงแบบฝรั่ง) แต่... เราก็ดันอ่านซับทุกคำเวลาดูหนัง แทบไม่ฟังเค้าพูดเลย.... ( - -X โตขึ้นมา ทำงานบ.Ex-Import บ.จ้างฝรั่งมาสอนเป็นกลุ่มก็แล้ว ก็ยังไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไหร่ ต่อมา ได้พยายามฝึกฝนตนเองเพราะรู้ว่าการเก่งภาษาอังกฤษจะสร้างโอกาสในการทำงานได้มากกว่า ***ด้วยการฟังข่าว Newsline ช่อง 11 ที่มาตอนห้าท่ม(เมื่อก่อน)*** เปิดทิ้งๆไว้ ทั้งๆที่ฟังไม่ออกหรอก แต่เปิดไว้ให้สำเนียงคุ้นๆหูบ้าง เผื่อจะฟังออก ตอนนั้นก็เริ่มฟังออกบางคำ และสะสมสำเนียงการออกเสียงไว้ในหัว(จิตใต้สำนึก) ((จริงๆแล้วก็อยากดูเคเบิล เพราะรายการต่างประเทศเยอะ แต่... ที่หอไม่มี....( - -X )) ตอนนั้นเริ่มเปลี่ยนมา****ฟังเพลงสากล(เบื่อเพลงไทยในวิทยุซ้ำๆ)ซึ่งก็ยังฟังไม่ออกอยู่ดี(ออกเป็นบางคำ) แต่ก็ทำให้พอรู้คำศัพท์วัยรุ่นจากชื่อเพลงบ้าง*** เท่าที่ฝึกฝนมา ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเลยว่าภาษาอังกฤษดีแล้วหรือยัง จนกระทั่งวันหนึ่งได้ไปสัมภาษณ์งาน ฝ่ายการตลาดต่างประเทศ...(??!!??) ด้วยความที่อยากได้งานมากก เลยพูดและตอบคำถามได้เป็นไฟ ทั้งที่ไมได้เตรียมตัวท่องบทมาก่อนเลย เลยเกิดคำถาม ???...ชั้นฟังพูดภาษาอังกฤษดีขนาดนี้ได้อย่างไร ??? ***แค่การฟังข่าวภาษาอังกฤษนี้เหรอ...?????*** ****ใช่ค่ะ !!... **** ****แค่การฟังบ่อยๆนี่แหละ...จะทำให้เราฝึกฝนและจดจำสำเนียงการพูดจากการสร้างความคุ้นเคยให้กับตนเอง*** ผลการสัมภาษณ์งานในวันนั้น... ผ่านค่ะ หลังการเริ่มงาน จากการที่ไม่เคยส่งเมล์ตอบโต้ภาษาอังกฤษมาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยพูดกับลูกค้าต่างชาติทุกวัน หรือคุยนานๆ กลับต้องมาติดต่อกับลูกค้าต่างชาติทุกวัน ทั้งๆที่ยังเขียนไม่เป็น ฟังไม่ออก พูดไมได้.... ต้องอาศัยปฎิภาณไหวพริบเอาตัวรอด ด้วยการแชทถามหรือโทรถามเพื่อนก่อนส่งเมล์ หรือคุยโทรศัพท์ทุกครั้ง.. ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนปัจจุบัน จากการที่เราได้ฟังทุกวัน เขียนทุกวัน อ่านทุกวัน มันก็ปรับตัวไปเองค่ะ ไมได้เก่งขึ้นนะคะ ไวยากรณ์ยังแย่เหมือนเดิม พูดไม่ถูก เขียนไม่ถูก ฟังก็ไม่ค่อยออกเหมือนเดิม แต่ในความเป็นจริง ในการใช้งานจริง มันไมได้ยากขนาดนั้นไงคะ เพราะเราเพียงแค่ต้องการการสื่อสาร ที่ทำให้เข้าใจชัดเจนตรงกันเท่านั้น การพูดหรือเขียนไม่เป๊ะ  แต่ถ้าทำให้เราเข้าใจเรื่องได้ตรงกันและถูกต้องก็ถือว่า เราสื่อสารได้ดีแล้วค่ะ ไม่จำเป็นต้องเก่งก็ได้ เทคนิคการการใช้ภาษาอังกฤษ(สำหรับคนไม่เก่ง) ***ฟัง**** ถ้าฟังไม่ออก บอกให้เค้าพูดช้าหรือพูดทวนซ้ำอีกครั้ง ถ้าบ่อยนักกลัวเค้ารำคาญให้เราพูดทวนในสิ่งที่เราได้ยินและที่เราเข้าใจกับเค้า เพื่อตรวจสอบว่าเราเข้าใจถูกต้อง หรือขาดตกบกพร่องตรงไหน ถ้าเป็นเรื่องสำคัญให้เค้าเน้นย้ำทวนในตอนท้ายอีกครั้ง(เรื่องทางธุรกิจ ผิดพลาดไม่ได้) พูด ถ้านึกศัพท์ไม่ออก ให้อธิบายคำที่ใกล้เคียงไปเรื่อย คู่สนทนาจะเดาได้ในที่สุด อ่าน ถ้าเป็นข้อสอบรีดดิ้งหรือเอสเส  ให้ลองอ่านภาพรวมทั้งและลองอ่านชอยส์ดูทุกข้อถ้าทำชอยส์ไมได้ให้เดาในข้อที่คิดว่าใกล้เคียงที่สุด ถ้าเป็นเมล์ทางธุรกิจ  ส่วนใหญ่ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด ถ้าลูกค้าเขียนกำกวม ให้ส่งเมล์กลับไปทวนถาม หรือให้คนอื่นช่วยตีความเพื่อความมั่นใจและถูกต้อง เขียน ไม่จำเป็นต้องเขียนให้อ่านยาก สวยหรู หรือถูกไวยากรณ์เป๊ะ ภาษาธุรกิจจะมีศัพท์เฉพาะหรือคำย่อ  เราจะเรียนรู้ได้เองจากสิ่งที่เราพบทุกวัน(จดจำและนำไปใช้) บางครั้งบทเรียนที่เรียนหนังสือมา เราก็จำไมได้หรือไม่ได้นำมาใช้เลย รวมระยะเวลาทั้งหมดที่ฝึกฟังข่าวภาษาอังกฤษ จนนำมาใช้งานได้ ประมาณ 1-2 ปีค่ะ (ที่เรียนมาสมัยเรียนเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่ได้ช่วยเล้ย) แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 01:18:57 จากคุณ : GarfiledPingPong - [ 26 ก.พ. 52 01:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จำไม่ได้แน่นอน ประมาณว่า ตอนอายุ 12-13 ขวบ เริ่มฟังเพลงภาษาอังกฤษแบบสนใจเนื้อเพลง ฟังแต่ละเพลง กรอเทปกลับไปกลับมา แล้วแกะลงกระดาษ กว่าจะได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ซัก 90% ก็เป็นวันเหมือนกันนะ ถ้าเอาฟังแบบชีวิตประจำวันทั่วไปในอเมริกา เป็นเรื่องมีขั้นตอน เช่น แนะนำทาง ขึ้นรถไฟต่อรถเมล์ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ขั้นตอนการทำธุรกิจ ธุรกรรมต่าง ๆ นี่ ก็ประมาณ 3-6 เดือนขึ้นไป แบบเค้าพูดทีเดียวเราเข้าใจ ดูหนังฮอลลีวู้ด (ต้องระบุ เพราะหนังอังกฤษฟังยากสำหรับเรา) ไม่ค่อยมีปัญหา นอกจากเวลาเสียงมันเบา แบบตอนกระซิบอะไรเงี้ย ซีรี่ย์สของอเมริกันหลายครั้งยังฟังยากกว่าหนัง เพราะบทพูดมากกว่า โต้ตอบกันเร็วกว่า -- นึกถึง ER ตอนงานเข้านะ คือถ้าหนังใหญ่ไม่ใช่หนังพูด บางทีมันมีจังหวะให้เราพักหู พักประสาท พักความตั้งใจ พวกรายการโทรทัศน์แบบสนทนาปัญหาเศรษฐกิจการเมือง (ส่วนใหญ่เราเรียกเองว่ารายการทะเลาะกันออกอากาศ) ก็น่าจะประมาณ 6 เดือนขึ้นไป แบบดูทุกวันเหมือนดูที่เมืองไทย วันละ 2-3 ชม แต่ถ้าแบบฟังเล็คเชอร์วิชาละสามชั่วโมง เรียนวันละสองสามวิชา ฟังรู้เรื่องแบบรู้ว่า 95% ของทุกคำที่เค้าพูดออกเสียงยังไง (โดยที่ยังไม่พูดถึงความเข้าใจในตัวคำ ๆ นั้นหรือเนื้อหาของวิชาที่เรียนนะ) อันนี้นานนนนเลย นี่แค่ด้านฟัง ถ้าด้านพูดนานกว่าเยอะ อิอิ จากคุณ : Genuine XXX - [ 26 ก.พ. 52 03:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อยากถามสมาชิกที่สามารถฟังภาษาอังกฤษออกหน่อยว่า 1 เริ่มตั้งแต่คุณฟังไม่เป็นเลย คุณใช้เวลานานแค่ไหนกว่าที่จะฟังภาษาอังกฤษออก ไม่รู้อะครับ มันเป็นอัตโนมัติ ไม่รู้ตัวว่าฟังออกแล้ว จนมีคนทัก ผมคิดว่าเป็นแบบนี้ทุกคน คุยกับน้องอีกคนนึงก็บอกว่าเป็นแบบนี้ 2 คุณฝึกด้วยตนเองอย่างเดียว หรือว่า ได้ไปเรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษด้วย 3 ช่วยเล่าวิธีการคร่าวๆของคุณในการฝึกฟัง ฟังข่าวครับ แต่ว่าผมฟังรู้เรื่องจริง ๆ ก็ในห้องเรียน เข้าเรียนตอนแรกฟังไม่รู้เรื่อง แต่ไป ๆ มา ๆ มันก็รู้เรื่องเอง พร้อมกับดูหนัง ดูรายการไปเรื่อยครับ นี่คือวิธีเดียวที่ฝึกการฟังครับ คือฟังเยอะ ๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 26 ก.พ. 52 08:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Memorising lots of Vocabularies is a part of secceeding in listening , isn't it? Listen , listen all over and over again. จากคุณ : crossroad2008 - [ 26 ก.พ. 52 08:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณถามว่าเมื่อไรจะฟังออก คำตอบที่จะได้จะมีพิสัยตั้งแต่ สามเดือนไปจนถึงอนันต์ ตัวแปรมันมากมายเสียจนคำตอบของสมการมันเป็นอย่างนั้น ขึ้นกับคนตอบซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละราย ความเก่งภาษาเป็นเรื่องของทักษะ ทักษะจะเกิดได้ต้องเกิดจากการได้ฝึกซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณ ไม่มีการคิด มันรับเข้าและส่งออกได้อย่างอัตโนมัติ ไม่มีทางลัด ต้องทำด้วยตัวเอง คนอื่นทำแทนไม่ได้ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน มันไปด้วยกัน ถ้าสามารถฝึกไปพร้อมๆกันได้ก็จะดี อย่างไรก็ตาม ถ้ามันทำไม่ได้ก็ให้เน้นฝึกการนำเข้าคือฟังและอ่านให้เยอะๆไว้ก่อน เพราะเป็นการตุนวัตถุดิบสำหรับเอาไว้ใช้ส่งออกคือพูดและเขียน ไม่เคยฟังก็พูดไม่ได้ ไม่เคยอ่านก็เขียนไม่ได้ ฟันธงได้เลย คุณจะเพิ่มพูนทักษะได้เร็วแค่ไหนขึ้นกับตัวเองเป็นหลัก คนอื่นมีส่วนแต่น้อย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 26 ก.พ. 52 09:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กระบวนการก่อนจะฟังออกของแต่ละคนต่างกันทั้งระยะเวลาและวิธีการ ในส่วนของวิธีการอาจจะมาก่อนมาหลัง ก็แล้วแต่ ของผมเริ่มจาก 1. รู้คำศัพท์พอสมควร พร้อมกับศึกษา phonetics ไปด้วยทำให้รู้ว่าเสียงของคำศัพท์ที่ได้ยิน ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร แต่ขั้นนี้ก็ยังรู้เรื่องเป็นคำๆ 2. ต่อมาเรียนรู้โครงสร้างประโยคมากขึ้น ทำให้เข้าใจเป็นประโยค 3. ได้ทำงานกับชาวต่างชาติ ทำให้รู้ว่าสำเนียงการพูดอังกฤษแตกต่างกัน ฟังยากง่ายไม่เท่ากัน ด้วยความเร็ว และวิธีการออกเสียงเฉพาะท้องถิ่น 4. เรียนปริญญาโท หลักสูตรนานาชาติ ทำให้ฟังภาษาอังกฤษแบบ academic และ business ได้เยอะมากขึ้น ทำให้ฟังข่าวรู้เรื่องมากขึ้น ทั้งหมดนี้การฝึกฝนมาจากการอ่านเป็นหลัก เพราะผมไม่ชอบฟังเพลง ไม่ชอบดูหนัง แต่ชอบการฟังบรรยายหรือข่าวเป็นหลัก ซึ่งมีปัญหาในการพูดเพราะไม่สามารถพูดในสิ่งที่เป็นภาษาอังกฤษแบบใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีนัก จากคุณ : nungning - [ 26 ก.พ. 52 11:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ของเราไม่ได้จำว่านานขนาดไหน มันค่อยๆซึมซับมากกว่า ตอนนี้ชอบฟังเพลง Rap เพราะจังหวะสนุกดี ความรู้สึกคิดว่าเพลง Rap เนี่ยฟังรู้เรื่องกว่า พวกเพลง Pop ที่บางทีร้อง หวีด ร้อง หลบ เว้นวรรคบางประโยคก็ทำให้ถ้าเวลาเราตั้งใจฟังอยู่จะงง ว่าเอ้ะ นี่ศัพท์ใหม่รึเปล่า ต้องรู้ศัพท์ให้เยอะเข้าไว้ ยิ่งถ้าอย่างฟังหนัง ฟังเพลง ออกเนี่ยต้องพยายามหาศัพท์ สแลงเยอะๆ มี Sense ในการฟัง จับใจความได้ เราไม่ได้ไปเรียนที่ไหนเลย แต่ก็มีคุยกับฝรั่งบ้าง ถ้าตั้งใจจริงไม่นานก็ได้ (ตั้งใจนะ ไม่ใช่หมกมุ่นเอาเป็นเอาตาย อย่าไปเครียดกับมัน แล้วจะดีเอง) จากคุณ : หนูฟั่นเฟือน - [ 26 ก.พ. 52 15:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาเริ่มฟังรู้เรื่องจริงจังตอนเข้าปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัย เพราะว่าทำกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยที่เป็นกิจกรรมกับคนต่างชาติเยอะ อันนี้คือประเด็นเรื่องฟังและพูด แต่ว่ามันก็มากับเรื่องศัพท์ แกรมมาที่มีพื้นฐานดี เพราะว่าพื้นแน่นจากโรงเรียน แล้วก็อ่านเอง ตามหนังสือพิมพ์เด็กๆที่ตามโณงเรียนเขาให้อ่าน ก็เปิด Dict แหลก จำได้ว่าตอนม.ปลายเรียนที่เตรียมอุดมศึกษา อาจารย์ให้เปิด dict แบบว่าเยอะมาก แล้วก็ให้ผันรูปคำ เมื่อก่อนไม่เข้าใจว่าทำไม ทำไมต้องมานั่งแยกอันไหนเป็นนาม กริยา วิเศษ คุณศัพท์ เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้ว นั่นแหละครับ หลายทักษะพัฒนาไปพร้อมๆกัน จากคุณ : ฮูล่าโอมมี่ - [ 26 ก.พ. 52 21:27:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เราขอตั้งขอสังเกตนิดเดียวว่า... การฟังออกไม่ออกนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักหรือไม่รู้จักคำที่เขาพูดด้วยค่ะ    ถ้ารู้จักศัพท์มากเป็นทุนอยู่แล้ว   การฝึกฟังน่าจะง่ายขึ้น   ใช้เวลาไม่นานมาก   แต่ก็ต้องอาศัยการฝึกฝนด้วยตัวเองบ่อยๆให้เป็นนิสัยค่ะ   ส่วนตัวเราจำไม่ได้เหมือนกันว่าฟังภาษาอังกฤษออกแน่ๆตอนไหน   แต่คงจะเป็นช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัยแล้วต้องเรียนกับอาจารย์ฝรั่งทุกวัน   มันคุ้นไปเองค่ะ   ก็น่าจะประมาณ 5-6 ปีมาแล้ว   แต่อาจารย์ฝรั่งเวลามาสอนคนไทยเขาจะพูดช้าลง   ไม่ได้พูดด้วยความเร็วปกติของเขาค่ะ   ถ้าเขาพูดเร็วธรรมชาติจริงๆก็ยังฟังออกไม่ทั้งหมดค่ะ แนะนำว่าฝึกเก็บศัพท์จากการอ่าน  และฝึกการฟังควบคู่กันไปค่ะ  เพราะสองอย่างจะสนับสนุนกัน จากคุณ : Nymphadora - [ 27 ก.พ. 52 00:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เท่าที่จำได้นะ เราพัฒนาทักษะการฟังเราแบบนี้ 1. เรียนจบมัธยมต้น อังกฤษห่วยมากๆ (เกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากที่สุดในโลกเลยหละ) ไปอยู่ต่างแดนในสภาพแวดล้อมที่พูดอังกฤษ 6 เดือนแรกฟังไม่รู้เรื่องเลย 2. เข้าเดือนที่ 7 เิริ่มฟังรู้เรื่อง แต่ต้องบอกฝรั่งว่า Please speak slowly. 3. เวลาผ่านไป 3 ปี ฟังรู้เรื่องเวลาฝรั่งพูดเร็วเต็ม speed แต่รู้เรื่องเฉพาะฟัง received pronunciation (สำเนียงคนมีการศึกษา) เท่านั้น แต่ฟังสำเนียงจิ๊กโก๋ กุ๊ย ขอทานยังฟังไม่รู้เรื่อง 5. เวลาผ่านไป 5 ปี ฟังรู้เรื่องพวกสำเนียงแปลกๆ สำเนียงจิ๊กโก๋ กุ๊ย ขอทาน สำเนียงต่างชาติแบบนานาชาติฟังได้เกือบหมด เพราะโชคดีที่ตัวเองไปสิงสถิตย์อยู่ในย่านที่ cosmopolitan มากๆ คือมีคนหลายชาติอยู่กันหนาแน่นนั่นเอง 6. เวลาผ่านไปอีก...ไม่อยากบอกว่ากี่ปี่...เพราะอายที่ตัวเองยังไม่เก่งภาษาอังกฤษมากนัก "เพราะไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษด้วยใจรัก แต่มันเผอิิญซึมเข้าสมองมานิดๆหน่อยๆ..." ในที่สุดทักษะการฟังเราบรรลุขั้นสุดยอดขนาด เคยแปลภาพยนตร์ที่ไม่มี scripts ให้บริษัท CVD ได้อยู่สมัยหนึ่ง กับแปล documentaries ที่ใช้ฝึกอบรมหรือใช้โฆษณาให้สถาบันการศึกษาและบริษัทห้างร้านต่างๆ...สมัยนั้นไม่มี scripts ให้ทั้งภาพยนตร์ทั้ง documentaries เหมือนสมัยนี้...แต่ก็ไม่เคยมีวาสนาจะได้แปลหนังโรงใหญ่ๆกับเขาสักที เคยบ่นๆเรื่องนี้ แล้วกลายเป็นยกพวกตีกันในห้องยำภาษา เลยเลิกบ่น ...แต่ก็ยอมรับว่า หนังบางเรื่องฟังไม่รู้เรื่องเลย ต้องส่งคืนก็มี ...และปัจจุบันนี้ฟังอังกฤษ (เคยเป็นล่าม) มาจนหัวจะหงอกแล้ว แต่ก็ไม่หงอกสักที เพราะมีวิชากันหงอก เพราะกลัวเด็กมันจะถอนหงอกเอา ฮ่าๆๆๆ....เราเลยลงเอยฟังคนพูดตัวเป็นๆรู้เรื่องครบ 99% ...ถ้าทีแรกงงๆพอปรับหู ตั้งเสาอากาศไว้ที่หูดีๆ ฟังได้หมด แต่ แต่อะไร? ... แต่ฟังเพลงที่ร้องเร็วๆมั่วๆออกเสียงไม่ชัด หรือฟังหนังจาก CD คุณภาพห่วยๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่ถ้าฟังหนังจาก DVD ส่วนใหญ่จะฟังรู้เรื่องมากกว่าฟังหนังจาก CD ยิ่งถ้าฟังหนังโรงใหญ่ๆระบบเครื่องเสียงดีๆึ้ึค่าดูแพงๆ จะฟังรู้เรื่องเกือบเท่ากับฟังคนพูดตัวเป็นๆ จากคุณ : white rabbit - [ 27 ก.พ. 52 05:06:59 A:124.121.102.115 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอาแบบจริงๆจังๆนะคะ 6 เดือนค่ะ ไปอยู่กับเจ้าของบ้านที่เป็นเนทีฟ แล้วเค้าวัยรุ่นๆ คุยกับเราทุกวันเลย เพื่อนไทยก็ไม่มี เราพูดผิดก็ย้ำๆๆๆๆๆ ให้พูดใหม่ หลายรอบมากๆ ดีใจที่พูดได้ ฟังรู้เรื่องแต่...แสลงเพียบ ได้แต่คำฮาๆ กามๆ แต่ก็สนุกดี โชคดีอีกอย่างเจ้าของบ้านเป็นทนายด้วย ดังนั้นภาษาจึงจะออกเป็นทางการ(ดูมีระดับว่างั้น) กว่าทั่วๆไปนิส์นึง จากคุณ : Hergest - [ 27 ก.พ. 52 10:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 "แต่ฟังเพลงที่ร้องเร็วๆมั่วๆออกเสียงไม่ชัด" -- เพลงไทยที่นักร้องแกล้งร้องไม่ชัด บางคำก็ฟังไม่ออกอ่ะค่ะ อิอิ จากคุณ : Genuine XXX - [ 27 ก.พ. 52 12:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อยอดจาก คคห 16 ข้อ 3.ที่ว่าเราใช้เวลา 3 ปีในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษกว่าจะฟังฝรั่งเจ้าของภาษาพูดด้วยความเร็วสูงสุด (แต่ฟังรู้เรื่องเพียงแค่ received pronunciation) นั้น ถ้าคิดว่าในแต่ละวัน เรามีเวลาเรียนหรือทำงานวันละ 8 ชม (รวมทั้งวันหยุดพบปะผู้คนทั้งวัน) ที่จะได้พบและพูดกับฝรั่ง 3 ปี ถ้าคนที่อยู่เมืองไทยไม่มีเพื่อนฝรั่งพูดด้วยทั้งวัน แต่เรียนที่โรงเรียนสอนภาษาทุกวัน วันละ 2 ชม. ก็จะมีเวลาฟังน้อยกว่าเรา 4 เท่า ดังนั้น กว่าจะฟังรู้เรื่องก็อาจใช้เวลา 4 x 3 = 12 ปี แต่ตัวเลขนี้อาจดูเกินความจริง ก็ต้องมาใช้ตรรกะว่า จริงๆแล้วเราอาจเรียนหรือทำงานหรือสังสรรค์กับผู้คนในวันหยุดก็จริง แต่เราคงไม่ได้ฟังภาษาอังกฤษมากถึงวันละ 8 ชั่วโมง และผู้เรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยอาจมีพื้นฐานอังกฤษดีกว่าเราหลายเท่าก็ได้ เพราะเรียนด้วยใจรักก็ได้ ก็เลยจะย่นระยะเวลาในการได้มาซึ่งทักษะในการฟัง แต่ก็ยากที่จะคำนวณว่า จะใช้เวลากี่ปี่ แต่ก็ต้องขอบอกว่า ใครก็ตามที่เรียนภาษาอังกฤษตามโรงเรียนสอนภาษานั้น ถ้าเริ่มจากเลข "0" คือยังฟังไม่รู้เรื่อง แล้วก็พูดไม่ได้เลย จะหวังเรียนให้ฟังฝรั่งเจ้าของภาษาพูดด้วยความเร็วสูงสุด ให้รู้เรื่องครบ 100% ได้ภายใน 2-3 เดือน นั้นมันคง "เป็นไปได้ยากมากๆ" ดังนั้น จึงอย่าไปเชื่อโฆษณาการตลาดของโรงเรียนสอนภาษา ระยะเวลาในการเรียนทักษะในการฟัง ถ้าผู้เรียน ไปเรียนกับ phonetician จะย่นระยะเวลาในการเรียนรู้ได้มากถึง 50% หรือมากกว่านั้น จริงๆแล้ว "เราเกลียดวิชาภาษาอังกฤษมากที่สุดในโลกเลย แต่ตอนนี้เพิ่งกลับมาเรียนภาษาอังกฤษ แบบทบทวนใหม่ แล้วยกเครื่องใหม่หมด เพราะอยากแข่งขันกับคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านภาษา และเรียนภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอกด้วย มันท้าทายดี (เราเป็นคนชอบไขปริศนา)" ...เราบ้าหรือเปล่านี่? Perhaps, I'm making a fool of myself. แต่มันก็สนุกดี นะ...ฮ่าๆๆๆ... ไปอ่านกระทู้นี้เรื่องที่เรากำลังทำงานวิจัยบ้าๆบอๆส่วนตัวของเราเอง เพื่อหาหนทางว่า จะนำวิชา parapsychology มาใช้ในการเรียนภาษาอังกฤษ ให้เก่งโดยเร็ว ได้อย่างไร? http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7569873/K7569873.html จากคุณ : white rabbit - [ 27 ก.พ. 52 13:45:00 A:124.121.90.40 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ของเราใช้เวลาไม่นาน จากการที่เราชอบดูหนัง และมักจะหามาดูก่อนเข้าฉายที่ไทยซะด้วย เราจึงจำเป็นต้องฟังภาษาอังกฤษให้ได้ เพราะถ้าเราหาหนังมาได้ แต่ฟังไม่รู้เรื่อง คงจะไม่สนุกหละ เราก็เลยฝึกการฟังจากการดูหนัง ในหนังหนะส่วนใหญ่จะพูดกันเร็วมาก ๆ นะ บางทีเหมือนไม่ได้อ้าปากเลย พูดกันในลำคอซะงั้น แต่เราก็พอฟังออก คือไม่ได้ฟังออกทุกคำ แต่พอเดา ๆ ได้ค่ะ จากคุณ : Beauty Berry Girl - [ 27 ก.พ. 52 17:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นกระทู้ถามประสบการณ์ใช่ไหมคะ คิดว่าน่าจะพูดได้ว่าเริ่มจากฟังไม่ค่อยออก ก็ไม่ถึงกับศูนย์เลยค่ะ เข้ามาให้กำลังใจนะคะ เราเคยมีสถานการณ์บังคับให้ต้องใช้ภาษาจริงจังช่วงนึง ตอนนั้นก็ต้องฟังวันละสามสี่ชั่วโมงค่ะ วันแรก ไม่รู้เรื่องเลย วันที่สองก็ไม่รู้เรื่อง แต่ก็เริ่มพอรู้ว่าเขาพูดอะไร ข้ามมาเป็น ห้าวันให้หลังก็ฟังได้บ้าง หลังจากนั้นก็เริ่มดีขึ้น จนฟังได้คล่องค่ะ แต่ตอนนี้เข้าคลองอีกแล้วนะคะ ฟังดูแล้วใจชื้นบ้างไหมคะ คิดว่าที่ทำได้เพราะตอนนั้นต้องฟังทุกวันค่ะ เมื่อก่อนตอนเด็กๆก็คิดว่าชาตินี้คงฟังไม่ออกแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่อย่างน้อยครั้งนึงฉันก็ฟังออก สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : ploy_angjoe - [ 28 ก.พ. 52 04:33:22 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อก่อนเราก้อฟังภาษาอังกฤษแทบไม่รู้เรื่องเลย แต่เผอิญโชคดีเราเป็นคนที่ชอบดูหนังมาก ดูไปดูมามานก้อชักคุ้นเอง คือว่าเราไปเรียนมาก้อหลายที่นะแต่ส่วนใหญ่เค้าก้อจะเปิดเทปให้ฟังแล้วก้อให้เราฝึกเราก้อเลยเลิกไปเรียนเพราะเรารู้สึกว่ามานแพงเราเลยลองเปลี่ยนวิธีกลับมาฝึกเองกับหนัง ซึ่งมานก้อช่วยเราได้จิงจิงนะ ^^ ไม่ใช่แค่หนังนะจากเพลงก้อได้เหมือนกัน จากคุณ : M (moviescript) - [ 13 มี.ค. 52 14:18:34 ]