PANTIP.COM : K7578508 อยากเก่งภาษาอังกฤษ ทำอย่างไร เน้นๆ []

ความคิดเห็นที่ 6

เอิ๊ก โปรแกรมฝึกภาษาอังกฤษเก่งเร็วหนอนฯ ไม่มีแฮะ แต่แนะนำว่าถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษก็ต้องใช้ค่ะ

การใช้ภาษาอังกฤษก็คือการฝึกทักษะนั่นแหละ ไม่ว่าจะฟัง พูด อ่าน เขียน ล้วนเป็นทักษะทั้งนั้น ทักษะย่อมได้มาจากการเรียนรู้+ฝึกฝน ถ้าเรียนอย่างเดียวไม่ฝึกก็จะไม่เก่ง ถ้าฝึกอย่างเดียวโดยไม่เรียนก็อาจจะใช้ภาษาได้ไม่ถูกหลัก ดังนั้นต้องทั้งเรียนและฝึกไปด้วยค่ะ

ในการเรียนนอกจากเรียนในห้องเรียนแล้วคุณควรขวนขวายศึกษาจากแหล่งอื่นด้วย เช่น จากห้องย่อยห้องเรียนภาษาอังกฤษนี่แล เรียกว่าอย่าหยุดการศึกษาภาษาแค่ในห้องเรียน นอกห้องเรียนก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษด้วย

การเรียนรู้นอกห้องเรียนทำได้อย่างไร?

ตอบ การเรียนรู้นอกห้องเรียนจะยืดหยุ่นไปตามผู้เรียน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อาทิ เวลา ทุนทรัพย์ ทรัพยากร ความพร้อม ความชอบ ฯลฯ

หากคุณมีเวลาและเงินที่จะไปลงเรียนคอร์สต่างๆ ก็แนะนำให้ไปเรียนค่ะ เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้อย่างมีหลักการ มีผู้รู้คอยแนะนำแล้วคุณยังจะมีโอกาสที่จะได้ฝึกฝนทักษะการฟัง-พูดอย่างน้อยๆ สัปดาห์ละครั้ง (หรือตามที่ได้ไปเรียน) หนอนฯ เองสมัยก่อนก็อาศัยการลงเรียนคอร์สสนทนาเพื่อหาเวลาและโอกาสที่จะฝึกโต้ตอบกับชาวต่างชาติจริงๆ เพราะตัวหนอนฯ รู้ดีว่าถ้าไม่ทำอย่างนั้นโอกาสจะได้ฝึกน้อยมาก

แต่หากไม่มีเวลาพอที่จะไปลงเรียน และเงินก็ไม่เอื้อคุณก็สามารถเรียนรู้จากการศึกษาด้วยตัวเองที่บ้านได้ จากหนังสือ จากแหล่งต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต (เว็บเรียนภาษาอังกฤษต่างๆ หรือผ่านการแช็ท เป็นต้น) แต่วิธีนี้จะค่อนข้างด้อยตรงที่ขาดโอกาสในการฝึกการสนทนาในสถานการณ์จริงค่ะ จริงอยู่ว่าสามารถฝึกฟัง-พูดเองได้ แต่ก็ไม่เหมือนการพูดคุยกับคนจริงๆ อยู่ดี

ส่วนการเรียนอีกแบบที่จะแนะนำคือการเรียนรู้จากความบันเทิงต่างๆ วิธีนี้ชื่นชอบเป็นพิเศษเพราะได้ผลกับตัวหนอนฯ เองที่เป็นคนขี้เบื่อค่ะ

วิธีนี้หนอนฯ สนับสนุนอย่างแรง การเรียนรู้อะไรสักอย่างจะทำได้เร็วและดีหนอนฯ ว่ามันต้องสนุกเสียก่อน หลายคนว่าถ้าไม่ชอบภาษาอังกฤษแล้วมาเรียนก็ไร้ผลต้องปรับทัศนคติก่อน แต่หนอนฯ เห็นว่าการปรับทัศนคตินั้นหลายคนอาจทำได้ยาก ทำไมเราไม่ปรับภาษาอังกฤษให้เข้ากับเราล่ะ?

การเรียนภาษาจากความบันเทิง (หรือแบบ Edutainment ที่เขาเรียกกัน)

พูดกันง่ายๆ ก็คือจับภาษาอังกฤษยัดเข้าไปในความบันเทิงที่เราโปรดปรานเพื่อการเรียนรู้อย่างสนุกสนานค่ะ (เอ่อ นิยามของหนอนฯ อาจจะพิลึกหน่อยนะ ^^")

ยกตัวอย่างจากตัวหนอนฯ เองละกัน ในที่นี้ขอพูดแค่การฝึกทักษะการอ่านนะคะ ทักษะด้านอื่นก็ลองไปประยุกต์ใช้กันเอา

ตัวอย่างวิธีฝึกทักษะการอ่านจากนิยาย

ส่วนตัวแล้วหนอนฯ ชอบอ่านหนังสือมาก คิดว่าน่าจะเดาได้จากชื่อล็อกอินนะคะ จากการที่หนอนฯ อ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก และอ่านมาเยอะมาก อยู่มาวันหนึ่งก็ไปพบนิยายแปลเล่มหนึ่งที่ชอบมากๆ และก็มารู้ทีหลังว่ามันเป็นแค่เล่มแรกของชุด อนิจจาหนังสือเล่มนั้นเป็นเล่มเดียวของชุดที่มีการแปลเป้นภาษาไทย ทีนี้จะทำยังไงกันดีล่ะ หนอนฯ อยากอ่านเหลือเกินเลยตัดสินใจว่าเอาสักตั้งวะ (ตอนนั้นโง่อังกฤษมากค่ะ จำได้ว่าร่อแร่ อายุราว 15-16 ล่ะมั้ง ไวยากรณ์ไม่รู้จัก คำศัพท์ใช้เดาเอาล้วนๆ) คนโง่ภาษาอังกฤษแถมอ่อนเลขอย่างหนอนฯ เลยเริ่มจับนิยายภาษาอังกฤษเล่มแรกด้วยประการฉะนี้

ถามว่าอ่านเล่มแรกแล้วเป็นอย่างไร? อ่านรู้เรื่องไม่ถึง 20% เลยค่ะ แต่ก็ดั้นด้นอ่านด้วยแรงบันดาลใจว่า "ฉันต้องอ่านให้คล่องให้ได้" จากประสบการณ์ครั้งนั้นเลยสรุปการเรียนภาษาอังกฤษจากการอ่านนิยาย (หรืองานเขียนประเภทอื่น) ได้ว่า

1. เลือกอ่านงานที่ตัวเองสนใจ

เพราะถ้าเลือกอ่านงานประเภทที่ตัวเองไม่ชอบจะทำให้ถอดใจได้ง่ายๆ ค่ะ ดังนั้นเลือกสิ่งที่ชอบก่อน

2. เลือกอ่านงานเขียนที่มีระดับความยาก-ง่ายที่เหมาะกับตัวเอง

เนื่องจากคลังศัพท์ที่แต่ละคนมีนั้นมีจำนวนมากน้อยต่างกันไป ควรเลือกงานที่จะนำมาอ่านจากระดับความรู้เรื่องศัพท์ของตัวเองด้วยค่ะ แต่ข้อนี้อาจขัดกับข้อแรกเพราะบางคนอาจบอกว่าชอบอ่านนิยายไซไฟ ภาษาเขียนที่ใช้มันยากเกิน ศัพท์เฉพาะก็เยอะ ฯลฯ หนอนฯ เองก็เจอปัญหานี้มาเหมือนกัน แต่มันสามารถหักล้างกันในข้อ 3 ได้ค่ะ

3. เลือกอ่านงานเขียนที่มีความรู้-ความถนัดมาก่อน

ตรงนี้จะช่วยได้ในกรณีที่คุณเลือกอ่านงานที่มีระดับคำศัพท์ที่สูงเกินกว่าความรู้ที่มีอยู่ เพราะหากคุณมีความรู้หรือถนัดในหัวข้อหรือเนื้อหาของงานเขียนประเภทนี้ในภาษาไทยอยู่แล้วมันก็จะช่วยให้คุณเดาความหมายคำศัพท์ในงานเขียนภาษาอังกฤษชนิดเดียวกันได้ง่ายขึ้นค่ะ เช่น หนอนฯ ชอบอ่านแนวแฟนตาซีและไซไฟ นิยายภาษาอังกฤษแนวไซไฟเล่มแรกๆ ก็เลือกอ่านพวกงานได้รางวัลฮิวโกหรือเนบิวล่าที่มีเนื้อหาหนักๆ และแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อยู่เยอะ แม้คลังศัพท์ในสมองจะมีน้อยเกินกว่า 30% ของงานเขียน หนอนฯ ก็ยังเดาคำศัพท์ได้เพราะความรู้เดิมที่มีอยู่ค่ะ

4. ให้อ่านสองรอบ รอบแรกห้ามเปิดพจนานุกรม ส่วนรอบสองจงเปิด

ข้อนี้จะช่วยให้คุณฝึกทักษะการเดาคำศัพท์และที่สำคัญจะช่วยให้คุฯเปิดหาความหมายของคำศัพท์นั้นๆ ได้อย่างถูกต้องด้วย
การอ่านรอบแรกนั้นเป็นการอ่านจับใจความ มันจะช่วยให้คุณได้รับรู้ใจความโดยรวม และธีมของเรื่อง ไม่ควรอ่านไปเปิดดิคฯ ไปค่ะ เมื่ออ่านรอบแรกให้เดาศัพท์ที่ไม่รู้จากบริบทโดยรอบแล้วทำเครื่องหมายไว้ก่อน อ่านจบจบแล้วค่อยมาอ่านรอบสอง หากคุณเลือกเปิดหาคำความหมายของศัพท์ไปพร้อมๆ กับการอ่านคุณจะสับสนกับความหมายได้เพราะคำศัพท์ตัวหนึ่งในภาษาอังกฤษมีความหมายอย่างอย่าง ความหมายนั้นจะเปลี่ยนไปตามบริบทที่มันอยู่ ดังนั้นหากคุณเปิดหาก่อนที่จะอ่านจนจบเล่ม คุณอาจเลือกเอาความหมายที่เป็นความหมายทั่วไปของคำนั้นๆ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับบริบทที่มันอยู่ก็ได้ค่ะ

พอมาถึงการอ่านรอบสองคุณก็เริ่มเปิดดิคฯ ได้แล้วค่ะ ถึงตอนนี้คุณน่าจะได้ไอเดียคร่าวๆ ถึงเนื้อเรื่องและธีมที่อ่านแล้ว พอเปิดหาความหมายก็จะสามารถเลือกความหมายที่ถูกต้องและทีนี้ก็จะสามารถเข้าใจในเนื้อหาได้มากขึ้นแล้วค่ะ

5. จงอ่านต่อไปอย่าได้หยุด

อย่าหยุดการฝึกอ่านอยู่ที่แค่เล่มสองเล่มนะคะ อ่านจบเล่มหนึ่งก็หาเล่มอื่นๆ มาอ่านต่อ ถ้าคุณฝึกฝนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ทักษะการอ่านของคุณก็จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถกวาดตาแล้วจับใจความได้เลยค่ะ ^^

หวังว่าจะช่วยคุณได้บ้างนะคะ วิธีที่หนอนฯ แนะนำนั้นเป็นวิธีที่หนอนฯ ใช้เอง อาจไม่เป็นวิชาการสักเท่าไรแต่เห็นว่าได้ผลกับตัวหนอนฯ เลยคิดว่าอาจได้ผลกับท่านอื่นๆ ด้วย

ขอให้ประสบผลสำเร็จในการฝึกภาษาอังกฤษนะคะ
แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 10:29:39

จากคุณ : หนอนหนังสือตัวเป้ง - [ 1 มี.ค. 52 10:26:23 ]