ความคิดเห็นที่ 1 Experience English- English Explained ไม่ได้เขียนเพื่อเตรียมตัวนักเรียนไปสอบแข่งขัน เป็นข้อเขียนที่จะเขียนอธิบายภาษาอังกฤษในมุมมองของผู้เขียน แง่มุมหรือประเด็นไหนที่น่าสนใจและน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ผมจะนำสิ่งนั้นมาเขียน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ grammar, vocabulary, expressions and pronunciation โดยหวังว่า เมื่อผู้อ่านได้อ่าน จะเข้าใจและเข้าถึงภาษาอังกฤษ เพื่อนำไปสู่การ------------ต่อยอดความรู้ทางภาษาอังกฤษ-------------- บทความนี้จึงน่าจะเหมาะกับนักเรียน-นักศึกษาที่ยังศึกษาอยู่( เพราะคนเขียนเขียนได้เรื่อย ๆ และผู้อ่านในวัยนี้ ก็มีเวลาเตรียมตัวด้านภาษาหลายปี) แต่ก็เหมาะกับทุกคนที่สนใจภาษาอังกฤษครับ Comment คำแนะนำ ฯลฯ ยินดีครับ ข้อมูลจะมาจากหลาย Source เช่น Reader’s Digest, Time, Newsweek, Sawasdee and Kinnaree Mags, Bangkok Post, The Nation, Thailand tattler, Prestige Thailand- The Very Best In Life mags, Bangkok 101 magazines, various textbooks and lots more โชคดีครับ สู้ ๆ ครับ ๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 มี.ค. 52 20:50:16 A:203.209.119.222 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ว้าเอาอีกแระ ให้กำลังใจพวกเราตั้งหลายรอบแล้ว พวกเราก็ยังไม่เก่งกันสักที... ไม่เอาแล้วภาษาอังกฤษยาก เลยตอนนี้เราหันไปใช้ psychology of the fly by night ในการเรียนภาษาอังกฤษแทนแล้ว ไมใช้ขั้นตอนตามหลักวิชา English Studies แล้ว ส่วนการเรียนภาษาคนแบบธรรมดาๆโดยไม่ต้องใช้วิธีการบ้ามากนั้น เราเปลี่ยนเป็นเรียนภาษาจีนดีกว่่า...เพราะ grammar ง่ายกว่าตั้งเยอะ...ฮ่าๆๆๆ... จากคุณ : white rabbit - [ 1 มี.ค. 52 20:51:30 A:124.121.103.34 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับพี่ white rabbit ยังให้กำลังใจ(สาว ๆ ) อยู่เสมอครับ จากคุณ : tonmelb - [ 1 มี.ค. 52 20:53:08 A:203.209.119.222 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มารออ่านนะคะ จากคุณ : ตะกอนเคมี - [ 1 มี.ค. 52 23:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อืม ยังไม่ได้อ่านเนื้อหาเลย  โหวตล่วงหน้าก่อนเลยแล้วกันนะ comment ล่วงหน้าด้วยเลย Krashen เสนอว่า วิธีเดียวที่จะทำให้คนเรา acquire ภาษาใดๆได้ ก็คือ  sub-concious learning เรียนรู้กับ meaningful and comprehensible input เช่น การสื่อสารในชีวิตประจำวัน หรือ เรียนภาษาด้วยการ "เรียนสิ่งอื่นๆ" โดยมีการเรียนการสอนเป็นภาษานั้นๆ Krashen อ้างว่าตั้งสมมติฐานนี้โดยการสรุปจากผลงานวิจัยหลายๆชิ้น ส่วนตัว ต้องบอกว่าเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะมันอธิบายธรรมชาติของพวกไปอยู่เมืองนอก  พวกเรียนโรงเรียนนานาชาติได้อยู่แล้ว เห็นด้วย แม้จะไม่เคยตามไปอ่านผลงานวิจัยที่ Krashen อ้างถึงก็ตาม -------------------------------------------------------------------- แต่แน่นอนว่า   ปัญหาของชาวต่างชาติอย่างเรา ไม่ได้อยู่ที่ว่า ทำอย่างไรจะให้ผู้เรียน นักเรียน ทุกคน ได้ไปฝึกใช้ภาษาที่ต่างประเทศ มันไม่ make sense ที่จะตั้งเป้าหมายเช่นนั้น ปัญหาอยู่ที่ว่า  ในเมื่อมันต้องลงทุนสูงในการไปใช้ชีวิตต่างประเทศ แล้ว "เราจะเรียนภาษาอยู่ในประเทศไทย ทำอย่างไรให้ได้ดีที่สุด" The next best thing to living in the target language country จากคุณ : ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 2 มี.ค. 52 20:39:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมาก ๆ ครับ ต้องขอเชิญชวนให้เข้ามาเยี่ยมกันบ่อย ๆ ผมเชื่อมั่นในคนไทย ผมไม่เชื่อมั่นการศึกษาไทย ( แต่ผมเอาใจช่วยนะ เพราะการศึกษาสำคัญมากๆๆ) ในความคิดของผมนะครับ เด็กหรือคนไทยที่เก่ง ๆ ที่กล้า มีความเชื่อมั่น มีมากมาย แต่เมื่อเทียบเป็น % ผมว่ายังถือว่า----------น้อยอยู่-----------ครับ ผมเชื่อในความมุ่งมั่นของผมและความปรารถนาอันแรงกล้า ที่จะช่วย-----จุดประกายให้คนเหล่านี้----- 1. คนที่ขาดแรงจูงใจในการเรียนภาษา 2. คนที่ขาดโอกาส 3. คนที่หมดหวัง/หมดศรัทธาในการเรียนศึกษาบ้านเรา 4. คนที่คิดว่าภาษามันยากเกินไป( แต่ขอ comment นิดว่า ที่ผมเขียนว่า ภาษามันไม่ยากเกินความมุ่งมั่นของเรา ผมหมายถึงเช่นนั้นจริง ๆ อย่าเข้าใจไปเองว่า ภาษาอังกฤษมันจะง่ายเหมือนขนมขบเคี้ยวนะครับ ที่คุณไม่ต้องออกแรงมาก เรียนชิล ๆ ก็ได้ อย่าคิดเช่นนั้น มิเช่นนั้น คุณจะเสียเงินเรียนแล้วเสียเงินเรียนอีก และได้ไม่คุ้มเงิน) 5. และอื่น ๆ อีกมากมาย เข้ามาอ่าน และมุ่งมั่นจะเอาชนะภาษาอังกฤษครับ จากคุณ : tonmelb - [ 2 มี.ค. 52 22:09:47 A:203.209.119.147 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 7 วันนี้ขอฝากมุมมองเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำความเข้าใจภาษาอังกฤษ เรื่อง Noun นักเรียน นักศึกษา ผู้เรียนเมื่อเรียนเกี่ยวกับคำนาม จะเรียนละเอียดมาก(เกินไป) ถ้าจะแบ่งเป็น 2 หมวด (มันแบ่งได้หลายลักษณะนะครับ) คือ นับได้ กับ นับไม่ได้ นับไม่ได้ ก็ให้ดูหรือท่องจำ Suffix เช่น tion, ness เช่น information, kindness และอีกมากมาย ที่ต้องท่องจำ ซึ่งมันไม่เสมอไป คำที่ลงท้าย tion หรือ ness จะเป็น Uncount (ble) เสมอไป เช่น Information ใช่ แต่ direction มันเป็นทั้งนับได้และนับไม่ได้ Nation เป็นนามนับได้ ถึงแม้จะมีคนติงว่า nation มันเป็น 1 คำของมันเอง ไม่ใช่ tion ต่อท้ายคำเหมือนกับ information แต่อยากให้ดูที่วิธีที่จะออกจากความ------งง--------------ครับ เพราะเด็กที่ผมเคยสอน แยกไม่ออก!!!!! จำได้แต่ว่า tion ต่อท้ายนาม นามนั้นต้องเป็นหรือมักเป็นนามนับไม่ได้ (โทษเขาไม่ได้ เขาจำได้ เพราะท่องจำ แต่ไม่เข้าใจ ไม่เห็น ไม่ถูกสอนให้เห็น----- ภาพรวม--- ) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ และยังมีคำนามอีกมากมายที่เป็นได้ทั้งนับไม่ได้และนับได้ แล้วแต่การใช้ เช่น Coffee, 2 coffees (เป็นการพูดสั้น ๆ พูดยาว ๆ 2 cans of coke) Food อะไรที่กินได้ เราเรียก food หมด กับ foods อาหารเป็นอย่าง ๆ ครับ หรือ Education และมาในรูปสำนวนที่เขาใช้กัน เช่น a real/good education Dictionaries ช่วยคุณ + Read extensively ครับ สรุป: ถึงอยากให้อ่านและหยุดท่อง หยุดวิเคราะห์ ว่าตัวไหนมันเป็นนามนับได้ นับไม่ได้ จำให้ได้ก่อนเถอะ จำให้แม่น จำไปใช้ก่อน อ่านหลายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆรอบ อ่านเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ต้องวิเคราะห์ หรือด่วนสรุป อ่านเเล้วจำแต่ไม่ท่อง จากคุณ : tonmelb - [ 2 มี.ค. 52 22:14:26 A:203.209.119.147 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะสำนวนที่เกี่ยวกับนามมีมากมายที่ปรากฏในสิ่งที่คุณอ่าน เช่น Marriage is good for those who want to have a family, but it does not mean everything. Marriage นับไม่ได้ แต่ The theory is that a strong marriage means a happy lawyer, and a happy lawyer is a productive lawyer, (The Firm) Marriage นับได้ หรือแม้แต่ choice ว่าจะต้องเลือกนามเอกหรือพหูพจน์ ก็ต้องขึ้นอยู่กับสำนวนที่ฝรั่งเขาใช้กัน เช่น I like cats. ต้อง cats ไม่ได้แปลว่า ฉันชอบแมวหลายตัว แปลว่า ฉันชอบแมว(สัตว์ในโลกที่เรียกว่าแมว ฉันชอบหมด เรียกรวม ๆว่า สัตว์จำพวกแมว) ๑๑๑๑๑๑ Many times กับ It requires time, effort and smart work. Eyes 2 ตา แต่สำนวนเขาใช้ตาเดียว a keen eye for business A keen eye for business ถ้ามีคนอธิบาย ผู้เรียนคงไม่งง แต่ผู้เรียนคงอดที่จะหวั่นใจไม่ได้ ว่าจะไหวเหรอ ทำไมภาษาอังกฤษมันซับซ้อนซ่อนเงื่อนจัง ไม่เชิงครับ เพียงแต่ที่เรียนมา จำเป็นข้อ ๆ มันจะยุ่งยากเกิน ข้อมูลมันไม่ใช่แบ่งซอยย่อยแบบนี้ ถ้าจะสื่อสาร ต้องเรียนแบบนี้ครับ ต้องมีภาพในใจ มีมิติในสมองแบบนี้ครับ --------------------------------เรียนแบบเก่า ไม่ตอบโจทย์ครับ----------------------- อยากให้เข้ามาอ่านเยอะ ๆ คนเขียนจะได้มีกำลังใจเขียน ว่าง ๆ จะมาคุยกันต่อครับ คืนนี้นอนหลับฝันดีครับ สวัสดีครับ จากคุณ : tonmelb - [ 2 มี.ค. 52 22:16:46 A:203.209.119.147 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 9 555 คุณต้นพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว ผมมีข้อสงสัยมานานแล้วเหมือนกัน ขอถามซะเลย sunglass คือแว่นรวมแสง sunglasses คือแว่นกันแดด แต่ถ้าเป็นแว่นกันแดดของขุนโจรสลัดตาเดียวล่ะครับ จะเรียกอย่างไร? ล่องลอยอยู่กลางทะเลก็ควรใช้แว่นกันแดดนิ ทั้งแดดทั้งลม แต่เจ้าลูกกะตานั้น มันมีตาเดียวอ่ะ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 3 มี.ค. 52 07:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราไม่แม่นแกรมม่าร์ เป็นแค่คนใช้ภาษา เราคิดว่า glasses แว่นตา sunglasses แว่นกันแดด มันเป็นคำของมัน จะเป็นกี่ตา ก็น่าจะใช้คำเดียวกัน Pirate Eye sunglasses may be เดาทั้งเพ แต่คิดว่าพูดไปคนก็คงเข้าใจว่าหมายถึงอะไร บางทีอาจไม่มีคำเฉพาะเรียก แต่ถ้ามี คนที่รู้เขาก็จะบอกว่า Oh you meant...such and such... 2 cents จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') - [ 3 มี.ค. 52 17:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมให้คุณโจรสลัด a monocle & a glass of wine เเล้วกันครับ คืนนี้ประมาณ 10 pm จะกลับมา Post นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 52 19:35:32 A:203.209.119.151 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคุณต้น ;) จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 3 มี.ค. 52 19:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีครับคุณตา สบายดีนะครับ @@@@@@@@@@@@@ ขอบคุณครับ วันนี้เรามาคุยกันต่อ เกี่ยวกับเรื่องคำนาม ในความคิดของผมนะ ในการเรียนเพื่อสื่อสารจริง ๆ ไม่ต้องไปจำว่า นามไหนนับได้ นับไม่ได้ เพราะมันจะเหมือนว่า คุณต้องแบก list หลาย ๆ list (นี่เฉพาะเรื่องนามเรื่องเดียวนะ ภาษาอังกฤษมันไม่ได้มีเรื่องนามเรื่องเดียว) แต่ควรจะรู้ว่าและจำว่า Noun ที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง เช่น ต้องรู้และจำไว้แม่น ๆ ว่า Noun clause, that clause, Gerund (Verbal noun), To-infinitive มันเป็น Noun ได้ และเมื่อเวลาเป็นประธาน ให้ถือว่าเป็นประธานเอกพจน์ Noun clause etc ผมไม่ได้หมายถึงว่าคุณไม่รู้ ผมหมายความว่า เราไม่ได้พูดถึง---------การวิเคราะห์หลักภาษาหรือเรียนหลักภาษา--------- เพราะผมคิดว่า ทำแบบฝึกหัดหลักภาษา เรา ๆท่าน ๆ จะเมามันและรู้สึกภาคภูมิใจมาก ยิ่งต้องวิเคราะห์ยาก ๆ ยิ่งชอบ รู้แล้วนำไปใช้ และ Keep searching for more noun clauses and etc จะดีกว่าครับ คำนามที่เป็นคำเดียวกับ Verb ก็มีเยอะ เช่น a great help, please help me. A series of visits, I visited my aunt yesterday. หรือคำนามที่มีรูปต่างกัน และใช้ต่างกันนิดหน่อย เช่น Use กับ usage ๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 52 21:18:38 A:203.209.119.231 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยากปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับคนไทย Instill a love of learning/reading in young people โดยเฉพาะคุณ ๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียน ผมสังเกตและรู้ดีว่า หลาย ๆคนเมื่อเริ่มฝึกใหม่ จะชอบพูดนะ ชอบฟัง ---------------- แต่ไม่ชอบอ่าน---------------- ผมว่า----------อ่าน-------------- คือสิ่งที่ควรทำที่สุด เพราะสำนวนที่คุณพบในหนังสือ เขามีมาให้สำเร็จรูป พร้อมใช้ เป็นประโยคที่เป็นธรรมชาติด้วยครับ คุณแค่ออกแรงอ่านและหาคำศัพท์จาก Dictionaries ครับ ประเด็นนี้ครับ-------------------- คนในสังคมเรา ไม่ใช่เป็นสังคมที่รักการอ่าน----------------------- เรียนจากหนัง จากเพลง ก็ดี ก็ใช่ แต่ขาดการอ่านไม่ได้ ขอพูดตรง ๆว่า ถ้าคุณต้องการทำความฝันของคุณให้สำเร็จและให้เป็นคนรอบรู้ ------------เอาชนะความขี้เกียจอ่านหนังสือ เดี๋ยวนี้เลยครับ------------- อย่ามีข้ออ้าง ว่าเรียนแบบธรรมชาติ ไม่ต้องอ่าน ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้ ภาษายิ่งเป็นธรรมชาติ เพราะคุณใช้สำนวนที่ฝรั่งเขาใช้กันครับ ฝึกพูด? นั่นอีกเรื่อง Reading is a must. ๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 52 21:23:02 A:203.209.119.231 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีตัวอย่างเพิ่มเกี่ยวกับความหลากหลายและการมองที่หลากหลายเกี่ยวกับคำนามครับ Experience นับไมได้ qualifications and experience, over ten years’ teaching experience, on personal experience นับได้ = an event or activity that affects you in some way: an exciting/ enjoyable/unforgettable experience Action นับไม่ได้ในหลาย ๆสำนวนนะครับ เช่น plan of action, take action, in action, plenty of action, to put your idea into action นับได้ ก็หมายถึง การกระทำของคุณ To take responsibility for you’re your actions. ๑๑๑ เรื่อง Room ใช้แบบนับไม่ได้ คุณยิ่งงง เพราะอาจารย์ไม่เคยสอน ไม่เคยแตะ Room = space = possibility เช่น Do you have room for a computer on your desk? Make room for the furniture. No room for doubt/improvement We need to give children room to think for themselves. Room service และ room temperature ก็นับไม่ได้ Interest นับไม่ได้อยู่ในสำนวน Just out of interest, I watch with interest. Many places of interest, add interest to your home, Please show interest. I had lost interest in the idea. นับได้ มีความหมายง่าย ๆ ว่า ความสนใจ เช่น My main interests are reading and writing. ๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 52 21:25:26 A:203.209.119.231 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โปรดสังเกตว่า คำใดที่เป็นได้ทั้งนับได้และนับไม่ได้นั้น นับได้มักจะสื่อถึงความหมายตรง ๆ แต่ถ้านับไม่ได้จะสื่อถึงความหมายเหมือนหรือมาในแนวเดียวกันกับนับได้แล้ว แต่มักจะปรากฏอยู่ใน------------สำนวนภาษาอังกฤษ----------------------- ที่ผมเขียนมาทั้งหมด เพื่ออยากแนะว่า อย่าเรียนแบบยึดติดกับแนวท่องจำเป็นตาราง เช่นนับไม่ได้ นับได้ เพราะมันใช้ได้แค่สอบ ถ้าจะสื่อสาร ให้ไปอ่านสิ่งพิมพ์ที่เป็นภาษาอังกฤษหรือแม้แต่ภาษาที่คุณอยากเก่ง Target L และใช้ Dictionaries อย่าหยุดที่ความรู้เดิม ๆ เช่น ไม่เคยรู้เลยว่า Help, visit, study หรือ swim ก็สามารถใช้เป็นคำนาม You are a great/real help to me. Many visits. The study/ Recent studies show(s) / Thai studies, study skills/ deserve careful study, Go for a swim/ have a swim ง่ายนิดเดียว ให้ใช้ Dictionaries ครับ English-English dictionaries are your best friends. ภาษาไม่ยาก แต่ผู้เรียนต้องออกแรง ต้องมุ่งมั่นและตั้งใจจริงครับ คุณตั้งใจจริงหรือเปล่า ถ้าถูกบังคับให้ไปเรียน ขี้เกียจ ไม่ชอบ ทัศนคติไม่ดี คุณไม่ได้ภาษาหรอกครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Help is here. แล้วครับ ลองเปิดใจใหม่ ข้อเขียนต้องการล้างสมองคุณเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ จากนี้ 10 เดือน คุณจัดเวลาเรียน พูด ฟัง อ่าน เขียน เดือนละประมาณ 30 hours 10 เดือนก็ 300 hours 300 hours เหมือนชื่อหนังเลย 300 hours นี่คือด่านแรกครับ ถ้าคุณพูดว่า ฉันอยากเก่งภาษาอังกฤษ [โดยไม่ได้หมายความว่า อาทิตย์หน้าจะสอบสัมภาษณ์นะ หรืออีก 3 เดือนจะไปต่างประเทศ ผิดจุดประสงค์ จุดมุ่งหมายของข้อเขียนที่คุณอ่านอยู่ตรงนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณรีบไปหาที่เรียนได้แล้ว] 300 hours คือด่านแรกที่คุณต้องพิสูจน์ตัวเองครับ หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน Help/ Support is here. Good night ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 มี.ค. 52 21:28:13 A:203.209.119.231 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับผู้อ่านทั้งเก่าและผู้อ่านใหม่ครับ คืนนี้เรามาคุยกันต่อเกี่ยวกับเรื่องคำนาม .. removing trans fats from FOODS and banning junk FOOD in schools Future: We need to plan for the future. What does the future hold? In the near future จากคุณ : tonmelb - [ 5 มี.ค. 52 22:29:25 A:192.168.0.17 X:203.209.118.31 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับผู้อ่านทั้งเก่าและผู้อ่านใหม่ครับ คืนนี้เรามาคุยกันต่อเกี่ยวกับเรื่องคำนาม .. removing trans fats from FOODS and banning junk FOOD in schools Future: We need to plan for the future. What does the future hold? In the near future = soon Her future is uncertain. the futures of the 2590 employees Ton has a great future ahead of him. I can’t see any future in this relationship. ๑๑๑๑๑๑๑๑ มาดูกลุ่ม ment ครับ Management เมื่อนับได้ หมายถึงกลุ่มคนที่บริหาร The management is/are considering closing the factory. A management decision/ job Most managements are keen to avoid strikes. The shop is now under new management. (U) Class/time management (U) ๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 5 มี.ค. 52 22:37:07 A:203.209.118.31 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Refreshment = food and drink: a short stop for refreshment Can we offer you some refreshment? A place to find refreshment for mind and body Light refreshments will be served during the break. บ่อยครั้งที่คุณใช้สำนวน คุณอาจไม่ค่อยแน่ใจ ๑๑๑๑๑๑๑๑ Character U the interesting or unusual quality that a place or a person has: The modern hotels here have no real character. Charm- U the power of pleasing or attracting people Tonmelb is a man of great charm. The hotel is full of charm and character. His/her physical charms ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก English – English dictionaries ครับ อยากให้เริ่มใช้ Dictionaries อย่างจริงจัง คุณผู้อ่านจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ อีกมากมาย อย่าลืมการอ่านจนติดเป็นนิสัยด้วยนะครับ แรก ๆ มันยาก ต้องฝืนก่อน คำนามที่ผมยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้ ต้องการชี้ให้เห็นว่า Dictionaries ก็แบ่งนามเป็นนับได้และนับไม่ได้ บางครั้งก็ได้ทั้งคู่ แล้วแต่ความหมาย โดยให้สัญลักษณ์ C U อย่าเพิ่งงงว่า ก็อ่านว่า tonmelb บอกว่าไม่ต้องท่อง ไม่ต้องใส่ใจมากนัก ว่ามันจะเป็นนามนับได้หรือนับไม่ได้ แล้วทำไม Dictionaries ยังเขียนกำกับไว้เลย และผมก็คนนึงที่เขียนกำกับไว้ด้วย ---------- เหมือนเป็นนัย ๆ ว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้ เพราะมันจะลิมิตความรู้เรื่องนามและมันกว้างกว่านั้น------ ๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 5 มี.ค. 52 22:42:31 A:203.209.118.31 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนแบบนี้ครับ อ่านแล้วจำ รู้ไว้ เพราะทุกครั้งที่เปิด Dictionary นั้น มันก็กำกับไว้ให้รู้ Parts of Speech อยู่แล้ว เช่น Information เป็นนามนับไม่ได้ มันเป็นธรรมชาติของความต่างของภาษาไทยกับอังกฤษ ว่าภาษาเราไม่แบ่ง ภาษาเขาแบ่ง ที่สำคัญจริง ๆ คือ คุณพูด คุณใช้คำนามนี้ และคำนามอีกมากมายในการสนทนาครับ รู้คำนาม มากเท่าไหร่ ก็พูด จะพูดก็ต้อง Check เรื่อง pronunciation ด้วย ถ้าจะท่องแบบเป็นตาราง ผมบอกว่าไม่ ไม่ควรเรียนด้วยวิธีนี้ เพราะจริง ๆ นาม 1 ตัวมันอาจเป็นได้ C and U แล้วแต่ความหมายของประโยค หรือถ้าเห็นในสำนวน เช่น time management แล้วต้องรู้ว่า Management เป็น U ไหม? จำเป็นไหม? รู้ก็ดี แต่ไม่จำเป็น เพราะมันเป็นสำนวนอยู่แล้ว อาจมีแย้ง มีถามว่า อ้าว! ถ้าไม่รู้ว่า Management เป็น U ผู้ใช้อาจเติม article a, an or the ได้ จะไม่ยุ่งกันใหญ่หรือ ก็ตรงนี้ ที่ผมว่า ไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าเป็นสำนวนเฉพาะแบบนี้ ให้จำไปใช้เลย ถ้าไม่ใช้วิธีนี้ ไปใช้วิธีท่องจำเพื่อว่าจะเติม article ------------------มันจะวิเคราะห์ไม่จบไม่สิ้นครับ--------------------- แต่ไม่ได้หมายถึง ให้ใช้ภาษาแบบไม่คิด แต่การที่คุณจะลุยวิเคราะห์ในแนวแบบหลักภาษานั้น -------------------------- ต้องมีพื้นฐานแบบก่อนครับ------------------------ คุณจะชำนาญพอที่จะ-----------รู้ทิศทางลม----------------- ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 5 มี.ค. 52 22:51:56 A:203.209.119.66 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เพราะมีพื้นฐาน เมื่อวิเคราะห์ จะไม่งง จะจับต้นชนปลายถูก จับเป็นกลุ่ม ๆ Grouping คุณจะอธิบายจากมุมไหนก็ได้ คุณไม่งง เช่น Think thinking, thought, thoughts 4 คำนี้คือคำนาม คำแรก Think แบบ have a think Thinking การคิด (สมองแล่น) Thought U/C ความคิด หรือแม้แต่ Grouping การจัดกลุ่ม กับ Group กลุ่ม ที่อธิบาย ต้องอธิบาย ถ้าขืนคุณใช้วิธีท่อง คุณจะกลั่นเอาความรู้มาเรียง Think, thinking, thought, thoughts ได้อย่างไรครับ? ถ้าคุณจะใช้วิธี-------------ท่อง-------------แทนการ---------------------อ่านหนังสือ------------- คุณจะไม่สามารถต่อยอดความรู้ ภาษาคุณจะลิมิต 1. เริ่มอ่าน 2. เริ่มใช้ Dictionaries 3. ถ้ามีเวลา จดสำนวนใส่สมุดครับ โชคดีครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 5 มี.ค. 52 22:56:07 A:192.168.0.17 X:203.209.119.66 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 22 8 March 2009 สวัสดีวันสตรีสากลครับ เมืองไทย celebrate ครั้งแรกก็ปี 2532 และยินดีต้อนรับ ผู้อ่านที่อาจจะเป็นกลุ่มใหม่ครับ Experience English- English Explained: more than an English column เป็นกำลังใจให้คุณ ๆขยัน มุ่งมั่นทุกคนครับ ต้องฝ่าฟันให้ได้ ไม่ว่าวันนี้คุณยังหางานไม่ได้ หรือเพิ่งตกงาน และที่สำคัญ ถ้าคุณยังเป็นนักเรียน-นักศึกษา ผมแนะว่า ถ้าคุณอยากสื่อสารได้จริง ๆ คุณยังพอมีเวลา ที่จะเอาดีด้านนี้ ถ้านี่คือสิ่งที่คุณต้องการ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ School ในรูปแบบของนามนับไม่ได้ หรือผมขอเขียนว่าในรูปแบบของการใช้แบบนับไม่ได้ All my children are still in school (NAmE) / at school (BrE). Shall I meet you before/ after school today? I am still at/in school until 4.30. Children who fail to satisfy their needs create problems in school. ------------------------------ รูปแบบของการใช้แบบนับไม่ได้------------------------------ ผมใช้คำนี้อธิบายของคำนามภาษาอังกฤษที่เป็นทั้ง C and U ๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 8 มี.ค. 52 21:25:27 A:203.209.119.212 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Company- I enjoy Sam’s company. The children are very good company (= pleasant to be with) at this age. I’ll keep you company while you’re waiting. I didn’t realize you had company. (Guests) Ton is coming with me for company. ขอทบทวนอีกครั้งว่า นามที่สามารถเป็นไปทั้งนับได้ นับไม่ได้ นั้น ถ้าใช้แบบนับไม่ได้ มักใช้แบบเป็นสำนวน (แต่ความหมายไม่ได้แตกต่างกันนะครับ ที่แตกต่างคือรูปแบบform เช่นไม่เตรียม S หรือไม่มี article a/an) เช่น He is family. the support of family and friends Family and friends ถ้าคุณเป็นคนอ่าน คุณจะสังเกตว่า family and friends. Family ไม่มี S or a/an และเท่าที่พบบ่อย ๆ มันจะเรียงแบบนี้ family and friends. ๑๑๑๑๑๑๑ Schools แบบนับได้ใน Schools for the Twenty- First Century School แบบนับไม่ได้ ใน The key to school success is to be found in identifying or creating engaging schoolwork for students. Classroom / class management (ซึ่งขอบอกว่า classroom นะนับได้ แต่เมื่อมาใช้แทน class ใน class management มันก็เลยไม่เติมเพราะอิทธิพลของ management ครับ) นับได้ from other schools or classrooms. C/U = singular, U ใน belief เช่น a strong/firm/sincere/passionate/mistaken/false/growing/popular belief A common/deeply/strongly/widespread/wildly held/ belief กับ Beliefs ศัพท์และสำนวนเหล่านี้หาอ่านได้จาก Dictionaries แนะให้ซื้อเก็บไว้ 4 เล่มครับ 1. Oxford 2. Longman 3. Collins COBUILD 4. MACMILIAN ( ตอนนี้มี Edition ใหม่แล้วครับ ถ้าว่าง ๆ ผมจะไปซื้อซะหน่อย เล่มที่ผมมีอยู่ปี 2002) ๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 8 มี.ค. 52 21:29:12 A:203.209.119.212 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ยังมีอีกมากมายครับ สิ่งที่ผมนำมาเขียนนี้ -------------------ต้องการชี้ให้เห็นชัด ๆ ว่า ถ้ายังเรียนแบบเก่า คุณจะไม่ได้สำนวนที่ฝรั่งเขาใช้กันนะ คุณจะไม่รู้ ว่าคำนามนั้น ๆ ซึ่งมันมีมากมายเหลือเกิน ที่ใช้แบบนี้ พอฝรั่งเขาพูด ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมไม่เติม S หรือไม่เติม a/an หรือเวลาที่คุณใช้ คุณจะใช้ผิด ๆ ถูก ๆ ------------------------ ---------------- การใช้ผิด ๆ ถูก ๆ แบบไม่รู้มาก่อน ไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหายนะครับ ภาษาต้องใช้ ผิด ถูก ก็พัฒนากันได้ในครั้งต่อ ๆ ไป --------------------- ---------------- แต่สิ่งที่ผมต้องการบอกก็คือ วิธีที่สอนอยู่นั้น จะไม่ทำให้คุณใช้ถูกเลย คุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผิดหรือถูก เพราะสิ่งที่ผมนำมาเขียน จะไม่ถูกสอน ถูกบอกในห้อง(ห้องเรียนส่วนใหญ่นะครับ)--------------- แบบว่า ยิ่งเรียน ยิ่งงง เหมือนว่าเราได้รับ Map ผิดนะ เราอยู่กรุงเทพฯ เราจะไปเชียงใหม่ เรากลับได้แผนที่ภาคใต้หรือเข็มทิศบอกให้เราลงใต้ ---------------- แล้วเมื่อไหร่ มันจะถึงเชียงใหม่ละครับ----------------- เปรียบเหมือนว่าเราเรียนไปเพื่อสอบ ให้เป็นแผนที่ภาคใต้หรือเข็มทิศติงต๊องนะครับ เชียงใหม่ = เรียนเพื่อไปสื่อสาร แล้วพอจะ U Turn มาเรียนเพื่อจะไปใช้จริง ๆ เมื่อจบปริญญาตรีแล้ว มันลำบากนะ จริง ๆแล้ว ที่บอกว่า พอสื่อสารได้ ส่วนใหญ่แล้วมาจากฝั่งเราทั้งสิ้น นั่นคือ พูดเอง เออเองครับ (ครู)ฝรั่งก็ไม่บอกอะไรคุณตรง ๆ ด้วยซิ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ต้องอดทน ต้องขยันมากๆๆ จะเป็นกำลังใจให้ อย่าลืม คุณเริ่มต้นใหม่ได้ที่นี่ อย่าลืม 300 hours ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นปีนี้ ลองจัดเวลาดู ถ้าคุณทำได้ ผมการรันตีได้เลยว่า สิ้นปีนี้ ตัวคุณจะสบายตัวมากขึ้น หลังจากที่ผ่านการฝึกมา 300 hours 300 hours คือด่านแรก อ่านได้ที่นี่ ไม่เสียเงิน อ่านแล้วสามารถนำไปใช้ควบคู่กับที่คุณเรียนกับสถาบันครับ หางานไป อ่านไปก็ได้ครับ สวัสดีครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 8 มี.ค. 52 21:32:38 A:203.209.119.212 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาสังเกตการณ์ดูว่ามีสาวๆมาเีชียร์ให้กำลังใจคุึณ tonmelb หรือเปล่า  ถ้ามี เราก็จะเขียนมั่ง...อิๆๆๆ...แต่ถ้าไม่มี เราก้อขี้เกียจเขียนอ้ะ... จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 10 มี.ค. 52 19:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สาว ๆ หายไปหมดครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Friday, March 13, 2009 สวัสดีทุกคนครับ ฉบับนี้มีอะไรบ้าง วันนี้ก็มีเรื่องการเล่าประสบการณ์การเรียนภาษาของผมครับ เข้ามาอ่านกัน ผู้อ่านอาจจะได้เคล็ดลับอะไรที่มีประโยชน์ไปใช้ในชีวิตประจำวันก็ได้ครับ และอีกหลาย ๆ อย่าง ใจต้องสู้นะครับ ถ้าคุณไม่สู้ แล้วใครจะสู้แทนคุณ การที่เป็นครูสอนประวัติศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษและสอนภาษาอังกฤษข้างนอก(สอนเพื่อสอบเข้า) ทำให้รู้ซึ้งและเข้าใจว่า Skill ที่ต้องใช้ ต่างกันมาก -------------------------------- เหมือนถนนที่แล่นไปขนานกัน-------------------------------- ------------------------------- แต่ข่าวดีคือ ถนน 2 เส้นนี้ มีวันบรรจบกัน----------------------------- คุณอยากให้ 2 เส้นบรรจบกันไหม? ถ้าอยาก ขอให้อ่านงานที่ผมเขียนนี้ ด้วยใจที่มุ่งมั่น และต้องฝึกจริงครับ เพราะผมเขียนความจริงครับ ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะยอมรับความจริงหรือยัง ผมคิดว่า ข้อเขียนผมตอบโจทย์ความรู้สึกของคนที่ไม่อยากหลอกตัวเอง: ------------------------อยากรู้ความจริงแล้วครับ------------------------- ความจริง ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ส่วนใหญ่ทำใจยอมรับยากครับ ต้องใจสู้ ต้องนักสู้จริง ๆ เพราะคนส่วนใหญ่ มักหลอกตัวเอง เพื่อความสบายใจ เพื่อหนีปัญหาชั่วคราว หรือหนีตลอดชีวิต อยากฟังในสิ่งที่อยากฟัง ถึงจะไม่จริง ทุกวันนี้ เราติดสิ่งเหล่านี้นะครับ เหมือนมันเป็นยาเสพติดอ่อน ๆ เลย ------------------------ย้อนมาเรื่องของเรา เรื่องเก่งภาษาอังกฤษ------------- ผมช่วยได้ เรียนกับอาจารย์ฝรั่ง เรียนรู้สำเนียง ที่เหลือ เรียนกับผมที่นี่ ผมช่วยคุณได้เยอะเหมือนกัน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 13 มี.ค. 52 22:08:39 A:192.168.0.17 X:203.209.119.102 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ตั้งสติ ก่อนสตาร์ท เช่นกัน เรียนแล้วต้องใช้ ต้องพูด ต้องมาก่อนสอบนะครับ ถ้าจะไม่ใช้ ไม่ต้องเรียน เพราะคุณจะไม่มีพลังผลักดัน ------------------------ลองอ่านที่ผมแนะนำแบบตรง ๆ อีกครั้งนะครับ------------------- ----------------------ถ้าจะไม่ใช้ ไม่ต้องเรียน คุณจะไม่มีพลังผลักดัน----------------------------- ----------------------ถ้าจะไม่ใช้ ไม่ต้องเรียน คุณจะไม่มีพลังผลักดัน----------------------------- ----------------------ถ้าจะไม่ใช้ ไม่ต้องเรียน คุณจะไม่มีพลังผลักดัน----------------------------- เป้าหมายคุณไม่มี หรือไม่ชัดเจน เรียน 3-6 เดือน เพราะว่าง พอไม่ว่าง ก็หยุด มันไม่ต่อเนื่องครับ ต้องต่อเนื่องครับ ประสบการณ์, ทักษะและความเข้าใจ เกิดจากการใช้ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 13 มี.ค. 52 22:12:24 A:192.168.0.17 X:203.209.119.102 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ใช่----สอบ----- ไม่ว่าคุณจะพูดกับฝรั่งที่อยู่แถวตรอกข้าวสาร จนไปถึงฝรั่งที่สัมภาษณ์คุณเข้าทำงาน ไม่—สอบ--- --------งานของคุณ คือ ต้องสื่อให้ได้ได้ความ พูดให้ชัดและให้เป็นเรื่องเป็นราว--------------- ไม่ใช่เรื่อง การรู้เรื่องแสลง การพูดจาที่ดูเท่ --------------- พูดจาให้รู้เรื่อง--------------- นี่คือสิ่งที่คุณต้องเรียน และต้องมีการสอน โรงเรียนส่วนใหญ่ในประเทศเรา มีครูฝรั่งมาสอน Conversation ไม่ว่าคุณภาพของครูหรือชั่วโมงที่เรียนกับครูฝรั่งจะน้อยแค่ไหนก็ตาม (ไม่รวมที่ว่า บางคนไม่เคยสนใจ ใส่ใจเรียนในห้องก็ตาม) ก็ยังดีกว่าไม่มีนะ ดีกว่าสมัยผมนะ สมัยผม ไม่มีครูฝรั่งที่โรงเรียน นั่นคือระหว่างปี 2520 – 2531 ( แล้วผมเก่งได้ไงหว่า โปรดติดตามเรื่อย ๆ) ผมไป Melbourne, Australia สิงหาคม 2532 แต่ช่วงนั้น 2520 – 2531 ช่วงเด็ก วัยเรียนประถมต้น- ม. 4 ผมสนใจ ใส่ใจเสมอมานะ จำได้ว่า เดือนพฤศจิกายน 2531 เดือนที่ตัวเองเกิด อยากพูดได้ ก็เลยเริ่มอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ English conversation เรียนพูด 96 ชั่วโมง ด้วยตนเอง ของ Frank ราคา 110 บาท และหยุดการทำข้อสอบภาษาอังกฤษ จากคุณ : tonmelb - [ 13 มี.ค. 52 22:15:28 A:192.168.0.17 X:203.209.119.102 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเตรียมตัวไปศึกษาต่อที่ Australia และการที่ไม่ได้ไปโรงเรียน เลยไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อสอบอีก เวลาที่มีมาก ก็เลยทุ่มเทได้เต็มที่ อ่านหนังสือเล่มนั้น แล้วว่าง ๆ ก็ไปฝึกพูดกับฝรั่งที่วัดพระแก้ว สมัยนั้น ตรอกข้าวสารยังไม่เป็นชุมชนที่มีฝรั่งเข้ามานะครับ ( อาจจะมี แต่ไม่ใช่หนาแน่นแบบทุกวันนี้นะครับ) จำได้ว่า ตื่นเต้นมาก และยังจำได้ว่า ผมใช้จีบ ญ ไทยด้วยนะ จำได้ว่า ตลกเหมือนกันกับสำเนียงตัวเองที่พูดเต็ม ๆ ทุกคำ และเสียงดังเสมอกันตลอดจบประประโยค ประโยคที่พูด May I have a talk with for a few minutes? แบบนี้ MAY I HAVE A TALK WITH YOU FOR A FEW MINUTES. เสียงของสระและพยัญชนะ ผมก็ไม่รู้นะ ไม่มีแนว เลยออกไม่ชัดหรอก เสียงสูง-ต่ำ หนัก-เบา ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีหรอก( ผมเลยใช้ Full stop ปิดท้ายไงครับ) ผู้หญิงก็รู้สึกตลกนะ หัวเราะ(ไม่ใช่แบบหัวเราะเยาะ) ออกมา เธอก็ไม่รู้ ไม่คุ้นหรอกกับสำนวนภาษาอังกฤษ เช่น Have a talk อะไรทำนองนี้ ตัวผมก็ได้เกรดดีนะครับ 3 4 ผมยังไม่คุ้นเลยกับสำนวนที่ว่า To have a talk with someone ผมไม่แน่ใจ ผมอาจเคยถูกสอนแล้วในระดับมัธยมต้น และอาจลืม เพราะไม่เคยได้ใช้นอกห้อง และความสนใจไม่มีถึงขนาดนั้น จนเมื่อจะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ และอาจจะเพราะเริ่มจะคิดได้ (เวลานั้นอายุยังไม่ถึง 17 นะครับ) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 13 มี.ค. 52 22:18:55 A:192.168.0.17 X:203.209.119.102 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมยังจำความรู้สึกดี ๆ และความรู้สึกตื่นเต้น ถึงแม้มันจะผ่านมาเกือบ 21 ปีแล้ว และนี่คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดนะ -----------------------------เราต้องรู้สึก IN กับมัน ไม่เช่นนั้น มันก็เรียนไปวัน ๆ ------------------- ความกระตือรือร้นมันเกิด มันสนุก มันอยากรู้ ปัญหาในปัจจุบัน คือ ทั้งครูและคนเรียนหลาย ๆคนเรียนแบบขอไปที ไม่ได้เรียน เพื่อจะไปใช้นะ ผมเคยเขียนหลาย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครั้งแล้วว่า หลังเลิกเรียน คุณก็ขวนขวายเรียนแบบนำไปใช้และใช้ภาษาซิครับ อย่าไปสนว่า จะเก่งหรือ ถ้าอยู่เมืองไทย และไม่ได้เรียนนานาชาติ ได้ แต่มันต้องออกแรงมากๆๆ หน่อย ถึงแม้สิ่งแวดล้อมจะสำคัญ แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย ว่าเป็นคนอย่างไร? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ การที่จะ Hold an intelligent conversation = การพูดได้อย่างตลอดรอดฝั่ง นั้น จริง ๆ แล้วใช้ knowledge น้อยกว่าที่คุณจะไปสอบนะครับ แต่ไม่ใช้ ไม่ใช้ความรู้ทางด้านหลักภาษาเลย Experience นี่สำคัญมากๆๆๆ มันเกิดจาก Practice Experience จะเกิด คือการที่คุณใช้มันบ่อย ๆ เด็กไทย คนไทยอีกมากมายเลยขาดตรงนี้ คุณเอาแต่เรียนอย่างเดียว หรือเมื่อนำไปใช้ แล้วพูดผิด ใช้ผิด ท้อแล้ว .. อย่าท้อ อย่ากลัวผิดครับ ทุกวันนี้ผมยัง Make mistakes อยู่เลยครับ ทั้ง ๆ ที่ผมใช้ภาษามาจะครบ 21 ปีในพฤศจิกายนนี้แล้วนะครับ ต้องสู้และอย่าเรียนแบบฉาบฉวย ขอไปที ต้องสนใจ ใส่ใจจริง ๆ นะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 13 มี.ค. 52 22:22:51 A:192.168.0.17 X:203.209.119.102 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าคุณหยุดใช้ Experience ไม่เกิด Skill ไม่เกิด ไม่พัฒนาครับ ต้องใช้ครับ Use it or lose it. Keep your mind open = และต้องเปิดใจครับ คุณทำได้แน่นอน ถ้าคุณจะเชื่อใจผม ผมเขียนความจริงของการเรียนภาษาอังกฤษ ผมมีวิธี แนะบอกหนทางและต้องการจุดประกาย เพียงแค่คุณต้องจริงใจกับตัวเอง Be true to yourself. หลังจากอ่านวันนี้ กลับไปทบทวนต่อนะครับ หรือหาอ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง นำภาษาอังกฤษเข้ามาในชีวิตของคุณทุกวัน หรือบ่อยเท่าที่จะทำได้ สำหรับผม จะหาอะไรมาเขียนอยู่เสมอ งานนี้ไม่เลิกราหรอก อยากให้คุณเก่งภาษาจริง ๆ การคุยครั้งต่อไป จะขอพูดถึง Verb tenses and English Tenses จะคุยกันให้สนั่นทุ่งเลยครับ โดยผู้เขียนคนไทยแท้ ที่เข้าใจภาษาอังกฤษอย่างถ่องแท้ (เว่อร์) แต่จะเขียน จะคุยในแนวที่ไม่เหมือนใคร ถ้าเหมือนก็แล้วไป ฮา แล้วมาคุยกันต่อครับ มีอะไรแนะนำ Comment หรือ add เชิญนะครับ Post ได้ที่เวปที่คุณกำลังอ่านอยู่เลย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 13 มี.ค. 52 22:25:20 A:192.168.0.17 X:203.209.119.102 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Sunday March 15, 2009 แฟนหงส์ครับ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ๆ ผมไม่ได้ติดตามทุก Match แต่จะติดตาม Match ใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ เมื่อปีที่แล้ว ลิเวอร์พูล กับเชสซีครับ บอลยูฟ่า เซ็งเลยครับ 2 วินาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูลโหม่งเข้า Goal ตัวเอง จึงต้องไปวัดดวงอีก Match เลยไม่ได้เข้าชิง เมื่อคืนหงส์ชนะผี มีความสุข แต่ก็นะ เป็นแฟนหงส์ต้องทำใจ บางครั้งไปพบทีมที่อ่อนกว่า น่าจะชนะ ก็แพ้ ซะ อย่างครั้งที่แล้วแพ้ 2 0 tonmelb มึน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ต้องขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่เข้ามาให้กำลังใจ คอลัมน์นี้จะ--------------------------เขียนแต่ความจริง------------------------------------ ถ้าผู้อ่านคนใด อ่านแล้วท้อ ขอให้หยุดก่อน เพราะถ้าเปรียบเป็นยา คอลัมน์นี้เป็นยาแรงครับ ถ้าคุณปฏิบัติตามที่ผมบอก โดยเฉพาะ 9-18 เดือนแรก (ต้องหักดิบเลย) ผมการันตีได้เลยครับ เมื่อผ่านช่วงนี้ไป จะเข้าใจ แบบเกิดพุทธิปัญญาเลยครับ เข้าใจว่า ภาษา ยิ่งเรียน ยิ่งได้ ยิ่งเรียน ยิ่งสนุก ยิ่งน่าค้นคว้า มันไม่ที่สิ้นสุดหรอก คุณต้องเป็น A lifelong learner เป็นผู้ที่เรียนรู้อยู่ตลอดชีวิตครับ ถ้าจะสอบ ก็ไปหาที่เรียน ถ้าจะสื่อสารโดยไว เพราะต้องไปต่างประเทศหรือมีสัมภาษณ์งาน ก็ไปหาที่เรียนก่อน แต่สำหรับจุดมุ่งหมายของการเขียนนี้: สำหรับคนทุกคนที่ต้องการพัฒนาภาษาให้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่านักเรียนที่ไปนอกตั้งแต่เล็ก ๆ หรือคนที่เรียนนานาชาติตั้งแต่เด็ก ๆ หรือ ----------------พอสื่อสารได้ พอรู้เรื่อง------------------------ ผมใช้คำว่า------------------------ใกล้เคียงหรือเทียบเท่า------------------------------------------- เพราะมั่นใจ ว่ามันเป็นไปได้ ด้วยการฝึกฝน ต้องหวัง Aim high ไว้ก่อน เพื่อคุณจะได้นำมาเป็นสิ่งจูงใจ/แรงผลักดัน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:23:16 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ทักทายกับผู้อ่าน . เรียนไปเถอะครับ แต่ต้องถามตัวเอง ว่าทำไมเราถึงเรียน? ถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้บ่อย ๆ แล้วตอบตัวเองให้ได้ 1. What is your purpose for studying English? 2. What do you hope to achieve in this class? 3. In what area(s) would you most like to improve? 4. How much English do you speak each day? 5. In what kinds of situations do you speak English? ทำการบ้านไปก่อนครับ ก่อนจะไปเรียน ส่วนใหญ่แล้วที่ผมสัมผัสมา เรียนเพราะ 1. ว่างพอดี อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ 2. เรียนเพราะอยากเรียน มีความสุขที่ได้เรียน ได้พบเพื่อนใหม่ คงได้อะไรบ้าง คือการได้เรียนภาษาในเมืองไทย มันให้ความสุขนะ ตื่นเต้นนะ สนุก เหมือนนันทนาการอย่างหนึ่ง เพราะที่สถาบันภาษาเป็นสถานที่ที่น่าเรียน โอ่โถง 3. ต้องการใช้ครู /ที่เรียน Course ที่เรียน เงินที่ได้เสียไป เป็นตัวบังคับให้คุณเรียน เป็นแรงจูงใจ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:31:59 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 34 การใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นะมันดี แต่มันใช้กับเรียนภาษาไม่ได้ เรียนภาษา ต้องต่อเนื่องนะครับ เศรษฐศาสตร์กล่าวไว้ว่า มนุษย์เราส่วนใหญ่ชอบความสุขอย่างเร็วด่วน ไม่ชอบรอ และมนุษย์ใช้อารมณ์ในการซื้อของนะ ไม่เว้นแต่ English course คนขาย Course เขาก็ถูก trained มาด้านนี้อยู่แล้ว ถ้าคุณชอบเรียน แต่ไม่ชอบใช้ ภาษาจะไม่พัฒนา และหลายคนบอกไม่เป็นไร ไม่ได้คิดอะไรมาก ซึ่งอย่างที่ผมบอก มันก็ Ok เพราะมันอยู่ของความต้องการของแต่ละบุคคล แต่อยากฝากไว้ว่า ผู้เรียนคือคนที่จะทำให้สถาบันภาษาในบ้านเราพัฒนานะครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:34:39 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมเคยเปิดเล็ก ๆ แล้วไม่เอาอีกเลย ได้เงินดี ดีทีเดียว แต่ผิดหวัง เหนื่อย ไม่อยากรบรา ไม่อยากเป็นจระเข้ขวางคลอง เกือบทั้งหมด อยากเก่งเร็ว ๆ แต่ไม่อยากฝึกหนัก เพราะจะรีบไปใช้ อธิบายไม่ไหว ไม่ฟังกัน -----------------เศรษฐศาสตร์กล่าวไว้ว่า มนุษย์เราส่วนใหญ่ชอบความสุขอย่างเร็วด่วน ไม่ชอบรอ------------ -----------------เศรษฐศาสตร์กล่าวไว้ว่า มนุษย์เราส่วนใหญ่ชอบความสุขอย่างเร็วด่วน ไม่ชอบรอ------------ [ความต้องการอยากได้เร็ว ๆของมนุษย์ นี่ไปขวางเค้า เราก็พังซิครับ ความต้องการอยากได้เร็ว ๆของมนุษย์ นี่ไปขวางเค้า เราก็พังซิครับ] โดนมองแปลก ๆ จนท้อใจ 2 สิ่งมันไปด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ามันไปด้วยกันได้ สิ่งที่ได้คือ Broken English และพูดเอง เออเอง ผมใช้ภาษาเข้าปีที่ 21 แล้ว ทุกวันนี้ยังต้องฝึกหนักเลยคุณ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:38:54 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ข้อเขียนผม Raw, honest writing/reporting ----------------------------- ที่นี่ คุณจะได้รับแต่ความจริง เพราะผมเขียนแต่ความจริง---------------------------- ---------------------- ผมมองโลกในแง่บวก แต่มองโลกในด้านที่เป็นจริงด้วย( - และ +) --------------------------- อยู่ที่คุณ จะยอมรับความจริงวันไหน และต้องการที่จะอยู่กับความจริง และการยอมรับความจริง คือจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณหรือเปล่า? เท่านั้นเองครับ ผมรู้ตัวดีว่า ผมทวนกระแส เหมือนปลาว่ายทวนน้ำครับ เป็นกำลังใจให้ก็พอครับ คอลัมน์นี้ Written for you exclusively ครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ การฝึก Listening skills เช่นผมฟัง CNN ผมฝึกของผมแบบนี้ บางอาทิตย์ผมจะเปิดค่อนข้างดัง Vol. 17/18-24/25 บางอาทิตย์ ผมเปิด7/8-10 Ear Training ครับ ถ้าเพิ่งเริ่มฝึก หรือแม้แต่ฟังไปหลายเดือน ก็ใช่ว่า จะฟังออกทุกคำ อย่าไปท้อ เพราะนี่คือความจริง สิ่งที่คุณควรรู้สึก คือความสุข สนุกที่ได้ฝึกภาษา คุณต้องฝึกนอกห้องเรียน that goes beyond classroom learning ซึ่งสำคัญมากๆๆๆๆ คุณต้องจำกฎเหล็กข้อนี้ -------------------- เราอยู่เมืองไทย ถ้าจะเก่งภาษา ต้องออกแรง ต้องมานะอุตสาหะ----------- We are in non-native English speaking environments. อยู่เมืองไทยก็เก่งได้ เป็นคนไทยก็เก่งได้ ถ้าคุณดูรายการ English breakfast ช่อง 9 ทุกเช้า คุณก็จะเห็น ว่าพิธีกรคนไทย พูดได้ 2 ภาษา เขาทำได้ คุณก็ทำได้ มันอยู่ที่ ความมานะของคนครับ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:43:28 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Preview . เรื่อง Verb Tenses กะ English Tenses เข้าใจง่ายนิดเดียว เลียนแบบคุณ Andrew Biggs แค่เรียนจากสถานการณ์ Situational English / Conversational English ไมใช่จากการอ่านคำจำกัดความครับเกิน 3 ครั้งหลังอาหาร หรือทำแบบฝึกหัด Tenses มากเกินไป ต้องอ่านหนังสือหลักภาษานะ+ทำแบบฝึกหัด Grammar drill ต้องทำ ------------------------ แต่ต้องไม่ Overdo them ------------------------------ ที่ต้องเขียนแบบนี้ ผมไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องสนใจ หนังสือหลักภาษาหรือทำแบบฝึกหัด ผมทำมาก่อน และทุกวันนี้ ผมก็ยังอ่านหนังสือหลักภาษาและทำแบบฝึกหัดอยู่ [............................แต่ไม่ใช่อ่านหรือทำแบบฝึกหัดอย่างเดียว ] ใช้เวลาไปฝึกฟัง CNN/BBC /CNBC /Bloomberg /series, English songs and movies หาโอกาสพูด หาโอกาสใช้ ถ้าทำแบบฝึกหัดมาก เมื่อคุณต้องพูดภาษาอังกฤษ สิ่งแรกที่คุณคิด ใช้ Tense ไหนว้า รู้หน้าตา โครงสร้าง แต่ไม่รู้นิสัยมันอีก หรือว่า ระหว่าง Tense นั้นกับ Tense นี้ จะใช้ Tense ไหนดี? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:46:21 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ในความเป็นจริง ไม่มีฝรั่งคนไหนใช้ Adverb of time ตลอดเวลา-ทุกประโยคหรอก เจ้า Last night, next year and etc มันจะปรากฏใน exercises เท่านั้นแหละครับ ในบทสนทนาจริง ๆ หรือแม้แต่ภาษาเขียน Adverb of time ไม่ได้นำมาใช้บ่อย ๆ หรอก การไม่ใช้ Adverb of time คือส่วนหนึ่งของการใช้ภาษาแบบธรรมชาติ มันแล้วแต่เหตุการณ์ --------------- เหตุการณ์ที่คุณต้องจำไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องพ่วง Adverb of time คำบอกเวลา-------------------- เพราะมันเป็นบทสนทนา ไม่ใช่แบบฝึกหัดแบบเติมคำ เช่น Did you tell her that I was here? No, I never. หรือ I told her nothing. หรือ I told her yesterday. อะไรทำนองนี้ ไว้คุยกัน สู้ ๆ ครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 มี.ค. 52 21:49:44 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ต้องหยุดสู้สักพัก แล้วมาคุยเรื่องปัญหาหัวใจกันจะดีกว่า ฮือๆๆๆๆ... เราไม่อยากเรียนภาษาอังกฤษมากเกินไปแระ เพราะเราโดนแฟนเราต่อว่าอ้ะ เธอโทรมาเราก็ชวนเธอคุยแต่เรื่องภาษาอังกฤษที่เราพยายามเรียนน่ะ(จริงๆแล้วเราก็ไม่ได้เรียนอังกฤษเพราะใจรัก เราเรียนเพิ่มเพราะกลัวสู้เด็กรุ่นหลังที่เก่งมากๆไม่ได้ จนถึงขั้นเราจะกลายเป็นเต่าล้านปี แล้วตกงานเลยต่างหากล่ะ) เราหลงคิดว่าแฟนเราเรียนจบมาทางด้านภาษา เธอคงจะอยากคุยกับเราเรื่องนี้ แต่ที่ไหนได้ เธอต่อว่าเรานะ แล้วบอกว่า "โทรมาทีไรก็คุยแต่เรื่องภาษาอังกฤษกับคอมพิวเตอร์ ไม่เห็นมีเรื่อง sweet nothings เลย" เอาไว้คุณ tonmelb คุยเรื่อง sweet nothings ให้เยอะๆกว่าีนี้ แล้วคุณtonmelb จะได้ สมหวังในเรื่องความรัก แล้วได้แฟนสวยๆ รวยๆ ไม่หึง ไม่หึง สักคนหนึ่งยังไงล่ะ จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 16 มี.ค. 52 21:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Sweet nothings ฮือ ฮือ อยากมีโอกาสอย่างนั้นบ้าง Sunday March 22, 2009 สวัสดีครับ บทความที่เขียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ แต่เขียนด้วยคนไทย ทักทายกันก่อน- มั่นใจประเทศไทยครับ- ภูมิใจที่เป็นคนไทยที่เป็น An English speaker / an English speaking Thai (teacher) Have faith in who you are. (จากหนัง Dragon Ball- โคตรเลยครับ สาวจีนหุ่น O HO) ------------------ ในมุมมองของผมนะ เวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะสร้าง จะภูมิใจ local talents ฝรั่งพูดไทย ผมยังชอบฟังเลย มีสำเนียงฝรั่งนิด ๆ ก็เท่ดี ไม่เห็นเป็นไร ---------------------- แล้วทำไมคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษ จะไม่เพราะ ไม่น่าสนใจได้อย่างไรครับ การที่คนส่วนใหญ่ในสังคมจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ควรเหมารวม- A stereotype ผมเห็นด้วยนะว่าต้องมีอาจารย์ฝรั่ง ขอเพียงแต่เลือกสรรให้ดี ๆ เป็นห่วงลูกหลานคนไทยครับ และในเวลาเดียวกัน in the mean time .. ต้องสร้าง An English speaker / โดยเฉพาะ an English speaking Thai teacher ไว้สอนลูกหลานเราด้วย มี English speaking Thai teachers team-teach ก็ดีนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 21:59:09 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เป็นกำลังใจให้นะครับ ให้ฟันฝ่าเศรษฐกิจนี้ไป เวลานี้ อาจจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของคุณที่จะนั่งทบทวนสิ่งต่าง ๆที่ผ่านมา ว่าทำไมเราถึงตกอยู่สถานการณ์นี้และคุณจะออกจากสถานการณ์อย่างนี้ได้อย่างไร -----------------การพัฒนาตัวเองทุก ๆ วัน ควรอยู่ใน Mindset ระบบ/แนวความคิดของคุณ--------------- -------------------------------ถ้าคุณเคยทำงานแบบสุกเอาเผากินมาก่อน------------------------------------ ------------------------- หรือทำงานอย่างไรก็ทำอย่างนั้นมาตลอด ไม่เคย หรือไม่คิดจะพัฒนา------------- คงต้องหยุด . เพราะวันนี้ก็ส่งผลแล้ว . และถ้ายังอยู่ในวัยเรียน ให้ใช้วิกฤตเศรษฐกิจปีนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจตัวเอง ว่าเราควรจะทำตัวอย่างไร เราต้องคิด เมื่อจบไป เรามีดีอย่างไร ดีและเก่งแค่ไหน ที่คนที่ไม่ใช่พ่อแม่เราจะมาเสียเงินจ้างเรา แพง ๆ หรือไปทำธุรกิจก็ไม่พัง . ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Quote for today เลยครับ “ ที่คนที่ไม่ใช่พ่อแม่เราจะมาเสียเงินจ้างเราแพง ๆ .” “ ที่คนที่ไม่ใช่พ่อแม่เราจะมาเสียเงินจ้างเราแพง ๆ .” จริงไหมครับ? พ่อแม่เรา ญาติเรา แฟนเราเท่านั้นแหละที่จะให้เงินเรา ต้องถามตัวเองตั้งแต่วันนี้ . คุณมีดีอะไร เขาถึงต้องจ้างคุณแพง ๆ Bargaining position/power คุณเป็นไงบ้างล่ะครับ? มันสร้างได้นะครับ เพียงแต่มันต้องใช้เวลาเป็นแรมปี หลาย ๆปี ในวันนี้และในอนาคต ภาษาอังกฤษ(และภาษาจีน) คือ 1 ในของดีที่คุณต้องมี ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:06:15 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อาจารย์ฝรั่งเขาจะบ่นนักเรียนที่ไม่ค่อยฟัง เหม่อว่า You are not focused. You are not listening. You didn’t turn in/ hand in your essay. Oh, come one. You can do much better than this. What you wrote here doesn’t make sense/ makes no sense. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ วันนี้ตอนเช้า ไม่ได้ไปสอนตอนเช้า ได้เปิดดูการสอนผ่านทางไกลครับ น่าสนใจครับ เกี่ยวกับการเรื่อง Stress and rhythm, Prominence and Intonation ผมฟังและก็จดทันในบางส่วน(ทางรายการมีแผ่นสไลด์ขึ้นจอด้วยนะครับ) Videoconferencing English Teacher Training 2008-2009 มศทท อนุญาตให้เผยแพร่ห้ามจำหน่าย ช่อง 94 DLTV14 94 ตั้งแต่เวลา 11am – 12.40pm รายการจบเวลา 1.15 pm Stress and grammar WHITE house, white HOUSE, GREENhouse, green HOUSE, HEAD doctor, head DOCtor, SHORTstop short STOP, FREEway, free WAY, BLUEbook (COMPUND) Juncture มี pause ระหว่างคำ If you don’t conDUCT yourself appropriately, I’ll give you a falling grade for CONduct. Phrasal verbs- like compounds, pvs function much like idioms, acquiring a special meaning of their own. Pvs consist of verb+particle elements turn ON vs TURN on = attack Stressed verb + stressed particle เช่น FIGure OUT Stressed verb + stressed particle+ unstressed particle เช่น GOT Away with Cardinals and ordinals, hyphenated numbers Seventy- FIVE not seventy- SIX SEVenty- six not SIXty-six ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:10:02 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Stress and rhythm Phrasal stress- the same combination of stress and unstress [E]coNOmics, Comics NatioNAlity, it’s a CHICKadee Concentrate on the heavier stress Stress and meaning In ESSence/ in a SENSE /INnocence Stress in English is more pronounced than in other languages. OR gain ZA tion de [mo] CRA tic Ge O gra phy จะเน้นคำไหน ต้องแล้วแต่ความหมาย FIFtieth and fifTEENTH HOT dog / hot DOG English stress-timed rhythm, use of stress-timing by employing regular rhythmic patterns ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:14:42 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่มเติม นี่คือการใช้แตกต่างกัน ที่คุณต้องจำ เราใช้ May ในการขออนุญาต permission เช่น May I use your bathroom? May I come in and wait? Yes. You may go. ถ้าใช้ Might สำหรับขออนุญาตหรือแนะนำแบบสุภาพ โดยเฉพาะการใช้อังกฤษแบบอังกฤษ เช่น I wonder if I might speak to tonmelb. He asked if he might come and look around. If you need more information, you might try the Internet. ใช้ Might กับจุดมุ่งหมายในอดีต past purpose เช่น I asked for names and addresses so that I might pass on details to the police. ผมตอบแบบคร่าว ๆ นะครับ อยากแนะให้หาหนังสือหลักภาษามาอ่าน แต่ที่อยากแนะมาก ๆ เลย อยากให้อ่านงานผม ลองทำตามที่ผมแนะดีกว่า ถ้าคุณเริ่มบุกหนักเรื่อง----------หลักภาษา---------------อย่างเดียว คุณจะไม่มีพูดไม่ได้นะครับ หรือจะงง ยังไง ขอเอาใจช่วย ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:21:08 A:192.168.0.17 X:203.209.119.119 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Continued To-NIGHT, chi-NESESE, un der STAND, re AC tion se ven TEEN I [need] to a pound of BUTter. She doesn’t speak much ENGlish. นามตัวสุดท้ายมีเสียงหนักสุด Primary stress ตัวที่ลงเสียงหนักที่อยู่กลาง ๆ ประโยค จะมี secondary stress แต่ไม่เสมอไปนะครับ เช่น The BREAD is [good] for you. The BUTter อย่างที่เขียนไว้ครับ ความหมายที่เราจะเน้น จะสื่อ ----------------สำคัญที่สุด------------------- How ARE you today? Vs HOW are YOU today? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:28:12 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Prominence and Intonation Contrastive stress and emphatic stress, pitch rise communicative force of intonation Tone unit = thought group Sentence stress มี 3 unmarked, emphatic and contrastive stresses Intonation- rising, rising/falling, series 3 intonation units, eats, shoots and leaves- separate by pauses = a ruthless murderer 1 intonation unit eats shoots and leaves = a harmless [her]bivore/ not CARnivores./ Intonation- has its own intonation contour Segmentation/division- 1 unit GIVE ME A BREAK – normal-. ถ้าโกรธจะแบ่งได้ 2 units Give me/ a break. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:32:58 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Intonation units may consist of an entire sentence or only part of a sentence. I said, / give me a break. In spoken English- either rising or rising-falling Ask not what your country can do เรียบมาตลอด for (เริ่มสูง) YOU (rising) / ask what YOU (rising) can do for your country. (Falling) John said, / “the boss is stupid.” 2 units “John,”/ said the boss, / “is stupid.” 3 units Prominence- highlighted element with a given intonation, stressed syllables- most important word in the intonation unit. NEW INFORMATION, EMPHATIC STRESS Information the speaker wishes to emphasize CONTRASTIVE STREESS 2 things making a contrast – contrasting elements within an utterance Content words เน้นคำเหล่านี้ – Verbs, nouns, adjectives and adverbs, question words, negative contractions, and adverbial particles, possessive and demonstrative pronouns ไม่เน้น ------------------------Articles, auxiliary verbs, pronouns, possessive /demonstratives adjectives, prepositions, conjunctions= function words ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ คำที่เน้น คือคำที่ผู้พูดต้องการสื่อ สิ่งนั้น ๆ จะเด่นชัดขึ้นมาครับ Can I HELP you? Are you still serving BREAKfast? SORRy. / We only serve breakfast until eLEven. New information I have a new PET. What KIND of pet? It is a BIRD, a Baby bird, a baby PIGeon. Really. STREET pigeon, NEST and lost her MOTHer. Poor THING! (ผมเลือกจดแต่ที่สำคัญนะครับ) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:36:09 A:192.168.0.17 X:203.209.119.119 TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 48 DRY and a WET season- explicit mention of contrast I’m planning on visiting in the DRY season. Implies: not the WET season I am hoping to see some BLACK rhinos while I am there. The melody of the speech- intonation In English, we typically speak of four pitch levels Low Mid High – most Extra high – surprised, excited, emotions Rising, rising-falling and Series intonation You should call your mother. (rising and falling) I [called] (rising and falling) my mother. (falling) I called her [yes] terday. (rising and falling) จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:43:11 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Many idioms in English have their own fixed intonation patterns: Beats ME! You can say THAT again. = I agree with what you just said. How DARE you! Rising-falling for purposefulness, in commands, requests, extra info (Appositives, non restrictive clauses, adjective clauses), statements FLOSS (rise and fall) you teeth (falling)/ every time you BRUSH. (rising and falling) You should FLOSS (rising and falling) your teeth regularly. (falling) How often should I see a DENtist? (rising and falling intonation) Dr. TON (r and f), my DENtist (r and f), says I need to FLOSS (r and f) more regularly. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ RISING INTONATION Lack of finality or completion (series; conjoined sentences; restrictive relative clauses) Request for conformation (yes/no questions) Speaker uncertainty (tag q, expressing doubt) In compound and complex sentence Despite my doctor’s advice (rising), I have not been EXercing. (r and f) Although shrimp/shrimps are high in choLESsterol, I still like to EAT (r and f) them. The doctor who saw me last week (rising) recommended a low-fat Diet. (r and f) The food that I have been eating (ri) hasn’t been high enough in Fiber. (r and f) Do I get enough Exercise? Rising You are Dr. Jones, aren’t you? Doubt – rising My appointment’s at 8.15, ISn’t it? You don’t need to take blood( r and f), do you? Rising. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:47:14 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Prominence She speaks GERMAN perfectly. Not French SHE speaks German perfectly. Not he. I am REALLY busy right now. Don’t bother me. I am really BUSY right now. But my friends can help you. He is INTERSTING. (I like to know him more ) HE is interesting. Not SHE. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:52:28 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Contrastive stress The language spoken in Thailand is ChiNESE. Sorry, the language spoken in Thailand is THAI. Our teacher’s first name is Dana. If I am not mistaken, her first name is Donna. ผมขอสรุปสั้น ๆ ว่า Pronunciation คือการอ่านออกเสียง Intonation คือ melody เสียงดนตรี stress คือ (การเน้นคำที่มีมากกว่า 1 พยางค์) เสียงหนัก Intonation and stress สำคัญมาก เพราะถ้า Intonation and stress ผิดไปจากที่ควรจะเป็น (pattern ต้องออกมาเหมือน native speakers เขาใช้) ความหมายจะผิดไป Native speakers จะไม่เข้าใจว่าคุณกำลังหมายความว่าอะไร จะสับสน ต้องออกแรงศึกษาครับ ไม่ว่าจะเป็นภาษาหรือการประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัย ทั้งตัวคุณและคนคุณที่รัก ดังนั้นคุณและผมไม่มีเหตุผลที่จะยอมแพ้ครับ สวัสดีครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 22:54:37 A:203.209.119.119 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 52 Tuesday April 1, 2009 สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ๆ เลยครับ เข้าเดือนเมษายนแล้ว อากาศร้อนมากๆๆๆ Have you read anything during the past week? I am rooting for you. จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:00:50 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 53 Tuesday April 1, 2009 สวัสดีครับผู้อ่านทุกคน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ๆ เลยครับ เข้าเดือนเมษายนแล้ว อากาศร้อนมากๆๆๆ Have you read anything during the past week? I am rooting for you. = เป็นกำลังใจให้นะครับ Go for it. คุณต้องตั้งเป้าหมายในชีวิตนะครับ ถ้าในช่วงนี้หลายๆ คนกำลังประสบ(วิบากกรรม)สภาวะยากลำบากอยู่ เช่น กำลังจบ ตกงาน รายได้ไม่เพียงพอ ผมอยากให้คุณกลับมาดูตัวเองก่อน กำลังใจส่วนกำลังใจมีให้ แต่ . คุณต้องกลับมาดูตัวเอง ให้คะแนนตัวเอง ที่ผ่านมาเราเป็นคนอย่างไร? ทำไมเราถึงตกอยู่ในสภาพนี้? คุณต้องไม่ลืมนะว่า ไม่เฉพาะคุณคนเดียวที่ลงทุนเรื่องการศึกษามาเป็นสิบ-ยี่สิบปี ใคร ๆ ก็อยากได้งานดีๆ รวมทั้งคุณ ดังนั้น ต้องทำอย่างไร ให้เราแตกต่างกับคนอื่น ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:11:38 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณอาจจะบอกว่า การเป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นลูกจ้างเขา นี่เราต้องพยายามถึงที่สุดหรือ เพื่อให้----นายจ้าง---------เป็นผู้เลือกเรา เราก็สามารถเลือก-----นายจ้าง/ที่ทำงาน--------ได้ด้วย --------------------------------ถ้าคุณมีความสามารถ------------------------------ มนุษย์เงินเดือน หรือเป็นลูกจ้างเขา--------------------- เมื่อไหร่จะรวย หรือเป็นอะไรไม่อิสระเท่ากับนายตัวเอง คุณก็เป็นทั้ง 2 อย่างก็ได้ มีงานหลัก+ทำธุรกิจของคุณเอง และ--------------------------เป็นลูกจ้างที่นายจ้างเกรงใจ-------------------- ผมไม่เคยนำตัวไปผูกกับความคิดที่ว่า เป็นครู ตายแน่เลย เงินเดือนไม่พอ หรือเครียดโดยคิดไปว่า เป็นครูเพราะคงไม่เก่งมั้ง ที่คนส่วนใหญ่คิด (ก็จริงนะ) หรือถ้าจะรวยต้องไม่เต็มที่กับการสอนภายใน ไม่หรอกครับ เราดีจริง เก่งจริง มนุษย์เงินเดือน เป็นลูกจ้างเขาก็รวยได้ หรือรายได้ดีและมั่นคง ก็มีให้เห็นถมไป ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:14:45 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ได้บอกว่า ให้เน้นเรื่องรวย หรือจะรวยไม่ได้ เพราะวาสนา คงไม่มี ไม่ใช่นะครับ ต้องมีความสุขด้วย เเละเเบ่งปันได้ ยิ่งดี สังคมจะได้น่าอยู่ เเต่ประเด็นคือ ผมอยากให้พวกเราพยายามให้ถึงที่สุด ทำให้ดีที่สุด และคำว่า---รวย-------- มันก็อยู่ที่คุณ ผมเองก็อ่านหนังสือ How to มากที่สุดคนหนึ่ง หลาย ๆเล่มบอกว่า ถ้าเลือกมั่นคง ไม่เสี่ยง ไม่มีวันรวย เพราะเงินเดือนที่ได้ กว่าจะได้ก็สิ้นเดือน ไม่ทำ ไม่ได้ และเหมือนนำเอาชีวิตไปฝากคนอื่น ไม่จำเป็นต้องเชื่อหมด อยากให้รู้ว่า ถ้าคุณ----------หมดตัว----------- จะมีใครรับผิดชอบไหมครับ? คนเราไม่เหมือนกัน ถึงแม้หลักการมันดี มันถูกที่ว่า มนุษย์เงินเดือน เป็นลูกจ้างเขาไม่รวยหรอก แต่คนเราไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีปัจจัยไม่เหมือนกัน มีโจทย์ มีอุปสรรค ไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าคุณมีแต่-----------ความอยากรวยอย่างเดียว------------------------ อันตรายมาก มีหลายคนเชียร์ผมเปิดสิ เปิดสิ เปิดโรงเรียนเล็ก ๆ กำลัง hot รอทำไม มาเป็นมนุษย์เงินเดือน มาเป็นลูกจ้างเขาอยู่ทำไม ไม่ได้รีบอะไร แต่ก็ไม่ได้บอกว่า จะย้ำอยู่กับที่ เพียงแต่จะบอกว่า ผมรู้ใจตัวเอง รู้ฝีมือ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ได้บอกว่า ผมเกลียด Benz หรือ BMW 525i นะครับ (ตอนนี้ขึ้น taxi เพราะยังไม่มีปัญญาจะซื้อครับ รอได้) ไม่ได้บอกว่า ไม่ชอบบ้านหลังใหญ่ อิสระก็มี ไม่ใช่เป็นมนุษย์เงินเดือน จะไม่มี ความอิสระจริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือเป็นลูกจ้างเขา คนเราไม่สามารถมีอิสระได้ 100% หรอก ถ้าผมไม่ Happy ผมไม่อยู่นะ คนเราทุกคนมีศักดิ์ศรีนะ ไม่อยู่ให้โดนด่า โดนว่าไปวัน ๆ หรอก ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:20:27 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อยากให้ผู้ที่ต้องการจะเก่งภาษาอังกฤษ เข้ามาอ่าน มาพิจารณาดูบทความภาษาอังกฤษนี้ดู ไม่เสียเงินอยู่แล้ว อ่านแล้วได้ประโยชน์ด้วย ในตลาดการเรียนภาษามีการช่วงชิงความเป็นผู้นำตลาด คนทำธุรกิจทำอยู่ และต้องทำ ส่วนใหญ่เป็น Course สั้น ๆ ซึ่งก็รู้ ๆ กันอยู่ว่า ถ้า Course นานเกินไป ยิ่งนาน คนเรียนยิ่งหาย . แต่ภาษาต้องใช้ความต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานนะครับ . แล้วจะได้ Acquire/ pick up the language ได้อย่างไรล่ะครับ? มันขัดกับความจริง ขอฝากเป็นข้อคิดนะครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ผมยังยืนกรานว่า การเรียนภาษาบ้านเรา เน้นไปทางสอบเน้นไปในทางการค้าเกินไป รู้สึกไม่ดีเลยกับคนไทยที่เป็นผู้เรียนที่ว่า ที่เรียน เพราะหลงไป การตลาดเขาดี คุณภาพล่ะครับ คุณภาพ คุณสนใจหรือเปล่า คุณไม่โง่หรอก แต่ต้องดูเรื่องอารมณ์ด้วย ดูเรื่องกระแส คุณตามกระแสไปหรือเปล่า? คุณสุกเอาเผากินเกินไปหรือเปล่า? คุณชอบคนชม คนพูดเพราะอย่างเดียวหรือ? คนปากจัดกัดเจ็บอย่างผม คุณเห็นว่าเป็นไง? เครียด? ผมไม่เครียดเลย สนุกมากับวินัยที่ตัวเองมี สนุกสนานกับการเอาจริงเอาจังกับสิ่งที่ทำครับ การปลูกฝังในการรักการอ่าน การเขียน มีน้อยมาก เพราะแม้แต่ภาษาไทยเอง คนไทยยังอ่านน้อยเลย ไม่ต้องไปพูดถึงภาษาอังกฤษแล้ว ตราบใดนักเรียนในโรงเรียนยังทำแต่ข้อสอบหรือทำข้อสอบมากกว่าการใช้เวลาไปอ่านหนังสือพิมพ์ เรื่องสั้นภาษาอังกฤษ พูดคุย ถกเถียงกันเป็นภาษาอังกฤษในห้องเรียน ฟังเพลง ดูหนังภาษาอังกฤษ เขียน Essay, composition หรือฝึกโต้วาทีเป็นภาษาอังกฤษ เราจะวนเวียนอยู่แบบนี้หรือครับ ตอบตัวเองก่อน ปูพื้นฐานใหม่เมื่ออายุในวัยทำงาน มันยากนะ ภาระในชีวิตเมื่อเป็นผู้ใหญ่มันเยอะนะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:23:25 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 57 Persistence, determination and resilience วันนี้มี Sentence Stress มาฝาก ผมนำมาจากหนังสือ English Pronunciation in Use by Mark Hancock หนังสือเป็นสำเนียงอังกฤษนะครับ แต่สามารถใช้ได้กับสำเนียงอเมริกัน เพราะที่ยกมา เป็น Sentence stress ไม่เกี่ยวกับ accent อธิบาย Intonation [Intonation ในสำเนียงอังกฤษและแบบอเมริกัน จะต่างกันที่ประโยคคำถามแบบ Yes- No Question ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย V ช่วย ถ้าเป็นอังกฤษแบบอังกฤษ ตัวสุดท้ายของคำจะสูงและลง(ในระดับหนึ่ง)ในเวลาเดียวกัน แบบอเมริกัน ตัวสุดท้ายของคำจะสูงขึ้นเลยครับ] แต่ที่ให้ในวันนี้ คือ Stress เสียงหนักเบา word stress ก็คือ เสียงหนักเบาของคำ Sentence stress ก็คือหนักเบาในประโยค ไม่ใช่ Intonation หนักเบาในประโยคหรือแม้แต่วลี(สำนวน) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:28:54 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อีก 1 เรื่องที่สำคัญ ผมอยากให้แนะให้จำเรื่องนี้ด้วยครับ คือ Connected speech ภาษาอังกฤษมันไม่ได้พูดเป็นคำ ๆ โดยแยกจากกันโดยอิสระ --------------------------------มันเชื่อมต่อกันครับ--------------------- เช่น WHAT TIME is it? ถ้าพูด Intonation and word and sentence stress จะได้ว่า What และ time ออกเสียงเต็ม หนัก (แต่ไม่ใช่กระแทกกระทั้นคำนะครับ ลงเสียงหนักเต็มคำให้ได้ยินเด่นออกมาจากประโยคเท่านั้น ไม่ใช่กร่อน หรือแผ่วเหมือน unstressed ครับ) เสียง is & it จะเบากว่า 2 คำแรก และIntonation ลงในคำสุดท้าย รู้ได้ไงว่า Intonation ต้องลง จากการสังเกตจากการดูหนังและฟังเพลงอย่างเดียวหรือเปล่า? ไม่ครับ ในกรณีผม มาจากการอ่าน นั่นคือต้องมาจากการอ่าน มาทางด้านวิชาการด้วยครับ เช่น ผมเรียน/อ่านได้ความมาว่า เสียง Intonation ต้องลงในประโยคบอกเล่าและปฏิเสธ, ประโยคคำถามที่เป็น information question Information question คือคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh and how questions ครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:31:52 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาพูดถึง Connected speech จะเกิดขึ้นเพราะว่า คำที่หนึ่งตัวสุดท้ายเป็นเสียงพยัญชนะ และต่อด้วยคำที่สองขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เช่น What time is it? มันจะได้ยินแบบนี้ What time (m)is หมิ่ส (s)it สิท? ครับ Mis เกิดจาก m ไปเกี่ยว โยง connect กับเสียงI ใน is ผู้อ่านบางคนอาจมองไม่ออกว่าหรืองงนิด ๆ เสียง M หรือ m ได้อย่างไร ในเมื่อ time นั้นลงท้ายด้วยตัว E ต้องรู้ Phonics ครับ Time เสียงไอ มาจาก i_e ครับ และเสียง e จะไม่ออกเสียง ต่ถ้ามี e คำๆ นั้นเสียงจะลากยาวขึ้น [ดังนั้น time ไม่ได้ออกเสียง ทาม เหมือน อาม เหมือนที่หนังสือไทยหลาย ๆ เล่มเขียน แต่มันเป็น ไท+ม = ไทม (เหมอะ) ครับ] จึงมีเสียง M มาผสมกับ Is ครับ แต่จะออกเสียง M แบบเข้มหรือกระแทกไม่ได้ ต้องออกพองาม นักเรียนสายวิทย์ ให้คิดถึงการแยกเซล ถ้าแยกเป็น 2 ความ pure ความเข้ม ความเป็นเอกลักษณ์ของเซลนั้นจะลดลง ส่วนสิท ก็มาจาก เสียง T โยงกับเสียงสระ I ใน it ครับ [เสียงหมิ่สกับสิท ขอให้ต่ำเต็มคำแต่เบาแบบครึ่งเสียง เช่น หมิ่ส ไม่ใช่กระแทกเป็น มิ่ส] Connected speech สำคัญด้วยประการฉะนี้ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:35:23 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 60 Sentence Stress Code: * = เบา ** = หนัก ขออธิบายเพิ่มนิดว่า คำว่าเบาหรือหนัก หมายถึง เสียงหนักจะเด่นออกมา ได้ยินชัดกว่าเสียงเบา แต่ไม่ใช่ กระแทกเสียงตรงเสียงหนัก และอีกข้อ เสียงเบาที่ขึ้นประโยค ออกเสียงให้หนักขึ้นมานิดนึง สุดท้ายไม่แนะให้อ่านอย่างเดียว ให้นำไปพูดและยิ่งมี Comment จากฝรั่ง ยิ่งดีครับ เพราะสิ่งที่เขียนมันไม่สามารถบอกได้ 100% นะครับ 1. */**/* อ่านว่า เบา หนัก เบา: Good (ออกเสียงกุดแต่มีเสียงสระอูนิด ๆ ไม่ใช่กุดห้วน ๆ) MORNing. Good EVENing. ExCUSE me. I’d LOVE to. You’re WELcome. 2. **/*/** WHAT’S the TIME? / CLOSE the DOOR. / WHAT’S your NAME? / COME and SEE. 3. */**/*/** a PIECE of CAKE / the SHOP was CLOSED. / I SPOKE to (ออกเสียงเถอะ) JOHN. 4. **/*/**/* SEE you Later. / JUST a Moment. / PLEASED to MEET you. WHERE’S the STAtion? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ 5. **/**/* NO PROblem. / DON’T WORry. / KEEP QUIet! 6. **/**/*/* HOW MUCH is it? / WHAT TIME is it? 7. **/*/*/** WHAT do you DO? / HOW do you DO? 8. */*/**/* can you HELP me? / do you LIKE it? there’s a PROblem. are you COMing? 9. */*/**/*/** would you LIKE a DRINK? / is it TIME to GO? / is it FAR from (เฟริม) HOME? / do you WANT to COME? ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:38:32 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เสียงที่ออกมาแต่ละคำ หรือที่ผมแบ่งคำหนักเบา อาจจะไม่สมบูรณ์ 100% แต่ประมาณนี้ครับ ต้องเรียนรู้ไปทีละนิดนะครับ ต้องพูด ต้องฟังสำเนียงมาตรฐานเยอะ ๆๆ เพราะการพูดชัด ฉะฉาน น่าฟัง น่าประทับใจ มันต้องฝึกบ่อย ๆ ฝึกทุกวัน และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ถ้าต้องการให้การพูดให้คุณมีการนำเสนอที่น่าสนใจ ประเด็นน่าสนใจ ต้องเสริมศัพท์ครับ ต้องใช้ Dictionaries ผมขออนุญาตแนะว่า ผมให้นักเรียนของผมพิมพ์ประโยคใส่ใน Talking Dictionary และฟังเสียงบ่อย ๆครับ และสำหรับเสียงที่มีการเชื่อมโยง ผมแนะให้เขาทำแบบนี้ เช่น you and I (ได) กับ I อาย-ไอ ผมจะให้เขา-เธอพิมพ์ You and I ให้ฟังเสียง I และ พิมพ์ I อย่างเดียว ต้องฟังบ่อย ๆ นะครับ อย่าจินตนาการไปเอง เรื่องแบบนี้ Practice makes perfect. ครับ และต้องอ่าน อ่าน อ่าน อ่าน อ่าน จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:41:28 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 62 Preview (อีกแล้ว) Verb tenses and English tenses เรียนด้วยความรู้สึกของการเล่าเรื่องจากไทยก่อน เหมือนคุณเล่าเหตุการณ์หรืออะไรให้เพื่อนคุณฟัง ให้จำความรู้สึกและพยายามขยายความว่า Concept ของอดีต ปัจจุบันและอนาคตมันคืออะไร ยกตัวอย่าง วันนี้ทั้งวันคุณไปหัวหินตั้งแต่เช้า กลับมา 2 ทุ่ม ประมาณ 4 ทุ่มคุณมานั่งเขียนไดอะรี่ถึงเหตุการณ์วันนี้ กิจกรรมที่คุณทำมาทั้งหมดที่หัวหิน มันต้องใช้ Past Tense เพราะคุณได้ทำมันผ่านไปแล้ว การออกเดินทาง อุปสรรคหรือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคุณเดินทางไปหัวหิน ก็อดีต ความเหนื่อย ความนึกคิดก็เป็นอดีต เพราะมันเกิดขึ้นช่วงนั้น ความเป็นจริงของหัวหินในวันนี้ เป็น Present Tense เช่น หัวหินในวันนี้ยังสวยเหมือนเดิม อะไรอีกมากมายเลย หรือลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในห้องสัมภาษณ์ คุณต้องพูดอะไร ต้องใช้ Tense ลองดูซิครับ น่าทำมากกว่าไปท่องกริยา 3 ช่องนะครับ ที่ผมเขียนมาทั้งหมดดูเหนื่อยนะ ต้องออกแรงครับ และผมไม่ได้เขียนหรือ Update วันนี้วันเดียวที่ไหน มีใครไม่อยากร่วมงานกับคนเก่ง มีไฟในการทำงาน มีน้ำใจล่ะครับ ต้องทุ่มเทครับ ผมเป็นกำลังใจให้เสมอครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 1 เม.ย. 52 21:44:56 A:203.209.119.46 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ติดตามอ่านอยู่นะคะ จากคุณ : ตะกอนเคมี - [ 22 เม.ย. 52 13:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณครับ ต้นเดือนพฤษภาคม จะมีการปรับเนื้อหาอีก ต้องการให้เข้าถึงคนอ่านให้มากขึ้น ก็ไม่ง่ายนะครับ เพราะในโลกเเห่งความจริง effective communication in English เนื้อหาที่คุณต้องฝึกฝน มันไม่เกี่ยวกับยากหรือง่าย เเต่เกี่ยวกับระเบียบวินัยที่มีกับตัวเอง ถ้าไม่ใช่คนอ่านหนังสือ(E) การที่จะได้ศัพท์มาก ๆ เป็นไปไม่ได้เเล้ว ฯลฯ เเต่อย่างไรก็ตาม วิธีการนำเสนอ ที่จะโน้มน้าว เเละเป็นเเรงบันดาลใจ ผมยังต้องทำต่อไป ทำให้น่าสนใจที่จะติดตามอ่าน ถ้าผมทำทุกอย่างเเล้ว คนเรียนยังไม่ลุกขึ้นมาลุย คงต้องปล่อยวางครับ ไม่ท้อนะครับ จะมีปัญหาก็เรื่องของเวลา เพราะมันใช้เวลา หลาย ๆครั้งคิดว่า เข้า Pantip เข้ามาอ่าน เเจมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก้พอเเล้ว เพราะจะไม่เหนื่อย เเต่เขียนมานานเเล้ว คงผูกพัน จากคุณ : tonmelb - [ 23 เม.ย. 52 23:43:30 A:203.209.119.149 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ได้อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นค่ะ ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้แม้ว่ายังไม่สมบูรณ์แบบ เช่น ยังพูดไม่ได้คล่อง แต่ฝึกพูดคนเดียวทุกวัน เปิดดิกแล้วก็คิดประโยคตามศัพท์ ยังฟังไม่ออกทั้งหมด แต่ก็ฟังให้ได้ทุกวันพยามดูซีรี่ส์ ดูยูทูปข่าว ซีเอ็นเอ็น บีบีซี อ่านนี้ชอบสุดฝึกอ่านหนังสือพิมพ์ อ่านนิยายที่ชอบตอนนี้อ่านเซ็ททไวไลท์ได้เล่มสามแล้ว เขียนก็เขียนไปเรื่อย เรื่องทั่วไป ติดคำไหนก็เปิดดิกเอา ค่อยเป็นค่อนไป ขอบคุณจขกทนะค่ะ จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : ปู (self-esteem) - [ 28 เม.ย. 52 22:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เจ๋งครับ ขอบคุณมากมาย ผมจะเข้ามาเก็บเกี่ยวให้มากที่สุด จากคุณ : Guiman - [ วันวิสาขบูชา 22:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 67 มาลงชื่อว่า อ่านถึง คห.38 ขอบคุณพี่ tonmelb มากๆค่ะ ตอนนี้หนูกำลังเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังอยู่ (เรียนแบบนำไปใช้ ไม่ใช่นำไปสอบ) หนูเพิ่งเริ่มเรียนแกรมม่าจริงๆ ตอนม.1 ตอนนี้ก็ม.4แล้ว (ไอที่เรียนในห้องเอาออกมาใช้ไม่ได้เลย เห้อออ) พูดตรงๆ เจอฝรั่งก็ถอยเหมือนกัน (ยกเว้นหล่อถึงวิ่งเข้าหา 555555) รู้ศัพท์ แต่ไม่รู้วิธีใช้ นี่แหละค่ะ ปัญหาของหนู หรือบางทีก็ ศัพท์หลายตัวที่คำแปลเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเลือกใช้คำไหน กับสถานการณ์ไหน จึงจะเหมาะสม จะติดตามต่อไปนะคะ ไม่ท้อแน่นอน 300hrs ปล. มาเชียร์ให้พี่หมอ(ดู) fortunetelle เท่อ่ะ เรียกพี่หมอ 5555 เขียนด้วยนะคะ ชอบอ่านคห.พี่มากๆ ได้ความรู้มากๆๆๆๆ จากคุณ : Mammillaria - [ 9 พ.ค. 52 00:16:16 ]