ความคิดเห็นที่ 1 คุณและคนอื่นที่เขียน essays มากมายให้คนอื่น edit (ตรวจแก้) เพื่อหวังที่จะเรียนภาษาอังกฤษนั้น ไม่มีใครกระทำผิดเลย หากแต่ว่า หากแต่ว่าอะไร? เมื่อหลายปีก่อนตอนเราบ้าช่วย edit ให้...แต่ตอนนี้เราไม่ทำให้เลย เพราะ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ 1. มันกินเวลานานมากๆ 2. การที่เราจะแก้ข้อความอะไรสักอย่าง บางทีโครงสร้างภาษาอังกฤษมันเขียนได้หลายอย่าง บางทีพอมีคนทักท้วง ปัญหาหลายอย่างมันจะตามมา 3. หลายๆคนเขียนโดยที่ไม่เคยเรียนรู้ basic grammar เช่นบางคนเขียนมาว่า I can't to doing this job ..สมมุติ..แต่ก็มีคนเขียนแย่ขนาดนี้จริงๆนะ ในกรณีเช่นนี้ การ edit ไม่ช่วยเลย สิ่งที่จะช่วยก็คือ "บอกให้คนเขียนกลับไปเรียน basic grammar ระดับ ม.ค้น ว่า auxiliary verbs มีอะไรบ้าง และแต่ละตัวมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ edit ไปตะพึดตะพือ 4. ปัญหาไม่ได้อยู่แค่ grammar แต่อยู่ที่การนำคำศัพท์มาใช้สร้างประโยคด้วย learners หลายๆท่านไม่เคยตระหนักว่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษทุกคำนั้น ถ้า learner คนไหน ไม่เคยเห็น native speaker พูดหรือเขียน learner คนนั้น ก็ไม่มีทางที่จะนำไปพูดหรือเขียนประโยคให้ถูกต้องได้เลย ...อีกนัยหนึ่งก็คือว่า การเรียนภาษาอังกฤษมันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนโดยการท่องคำศัพท์ "เป็นคำโดดๆ" แล้วเอาไปสร้างประโยคได้ถูกต้อง ในการเรียนภาษาอังกฤษมันทำแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้น แนวทางที่ถูกต้องจึงน่าที่จะเป็น "หัดใช้คำศัพท์เขียนประโยคสั้นๆก่อน โดยการเปิด esl dictionaries ที่มีตัวอย่างประโยคให้" และ "ทำแบบฝึกหัด grammar เยอะๆ" เมื่อคล่องแล้ว จึงค่อยหัดเขียน essay ยาวๆ เราแว่บไปดู essay ของ จขกท แล้ว และคิดว่า ไม่แย่เกินไป แต่การจะ edit ได้ และขี้แนะว่า ควรปรับปรุงเช่นไรนั้น ต้องใช้เวลา "เป็นวัน" หรือย่างน้อยๆก็ "ครึ่งค่อนวัน" และปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือว่า มือใหม่ที่กระเหี้ยนกระหือรืออยาก edit ให้คุณอื่นไวๆ เพราะภูมิใจในผลงานตัวเองนั้น ก็ "edit ผิด" เพราะตางฝ่ายต่างก็เป็น non native speakers ด้วยกันทั้งนั้น จะมีคนเก่งจริงๆ ก็พอมีอยู่บ้างหรอก แต่มันก็น้อยมากๆ ดังนั้น เราจึงอยากที่จะดึงความสนใจของผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษ กับคนที่ตอบกระทู้ว่า "การอยู่ดีๆเขียน essay แล้วให้คน edit นั้น มันไม่ใช่วิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ดี" เราเคยเห็นสมาชิก pantip ท่านหนึ่งเรียนเอกการสอนภาษาอังกฤษ ตอนอยู่ปี 2 มหาลัย ก็เริ่มเขียน essay ให้คน edit ใน pantip และให้อาจารย์ฝรั่ง edit แต่เวลาผ่านไป 2 ปี เธอเรียนจบปริญญาไปแล้ว และออกไปสอนภาษาอังกฤษแล้ว แต่เธอก็ยังพูดหรือเขียนอังกฤษโดยมี non native speaker's errors มากมายจน "ถึงกับเพี้ยน" เพราะอะไร? "เพราะเธอเขียน essays ให้คน edit แทนที่จะทำแบบฝึกหัด grammar เยอะๆ และแม้กระทั้งอาจารย์ฝรั่ง ก็ edit ครบถ้วนไม่ไหว เนื่องจากว่า มันมีข้อผิดพลาดเยอะมากๆเลย" จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 02:13:41 A:124.121.101.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อ พ่อแม่ปู่ย่าตายายพวกเรา เรียนภาษาอังกฤษมาโดยการ "ทำแบบฝึกหัด grammar" คนสมัยก่อนจึงเก่งอังกฤษมากกว่าเด็กสมัยนี้ สมัยนี้มีคนหัวไส เีขียนหนังสือบอกว่า เรียนอังกฤษ จะเก่งได้ ก็แค่เอาเทปหรือ CD อังกฤษมาเปิดกรอกหูตอนเรียน grammar ไม่ต้องเรียน ก็เก่งได้ เล่นเอาขายหนังสือร่ำรวยมหาศาล แต่คนอ่านหนังสือ เรียนแบบนี้ เรียนไปให้ตายก็ไม่เก่งขึ้นมาได้ ไอ้คำว่า grammar ไม่ต้องเรียน จริงๆแล้วเขาหมายถึง ให้กล้าๆพูด อย่ากลัวพูดผิด ไม่ใช่ว่า "ไม่เรียนเลย" บางคนบอกให้เรียนเหมือเรียนภาษาแม่ คือไม่มี grammar แต่โทษที เรียนภาษาแม่กับเรียนภาษาที่สอง มันไม่เหมือนกันนะ เนื่องจากว่าเราพอรู้อังกฤษมากพอสมควร ดังนั้น เวลาเรามีปัญหาเรื่องภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่เราหาคำตอบได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ เราจะไปตาม websites ที่มี native speakers คอยตอบคำถาม และสิ่งที่เราทึ่งมากๆนั่นก็คือว่า ขนาด native speakers ที่เก่งอังกฤษโดยธรรมชาติ เขาก็ยังไม่ให้บริการ edit essay ยาวๆเลย ที่เวปหนึ่งซึ่งเราไปเยือน เขาเขียนข้อความนี้ไว้ Proofreading / Text for Correction If you wish to post an essay, paragraph, cover letter,CV, resumé or other extended text, please state your specific doubts. You should not ask members to examine and correct the entire text. Those who respond are strongly encouraged to make general comments about grammar, syntax, style, punctuation, and other areas that need attention. They should not correct or re-write the entire text. Please do not help a student or employment applicant misrepresent their level of competence in English. จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 02:25:12 A:124.121.101.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 แก้คำผิด เรียนอังกฤษ จะเก่งได้ ก็แค่เอาเทปหรือ CD อังกฤษมาเปิดกรอกหูตอนเรียน grammar ไม่ต้องเรียน ก็เก่งได้ แก้เป็น เรียนอังกฤษ จะเก่งได้ ก็แค่เอาเทปหรือ CD อังกฤษมาเปิดกรอกหูตอนนอน grammar ไม่ต้องเรียน ก็เก่งได้ ซึ่งเราก็คิดว่า "ห้องเรียนภาษาอังกฤษ" ก็น่าที่จะมีกติกาแบบนี้บ้าง เพราะถ้าไม่มี มันก็เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ learners หลงผิด คิดว่า เรียนอังกฤษ เรียนได้ง่ายๆ โดยการเขียน essays เยอะๆ ให้คน edit ให้ ซึ่งมันไม่ใช่เลย ดังที่เราได้ยกตัวอย่างนักศึกษาที่เรียนเอกการสอนภาษาอังกฤษไปแล้ว ที่เธอเรียนผิดพลาดอย่างรุนแรง จนจบออกไปนะ She can't write English to save her life. น่ะ โปรดอย่าสนับสนุนให้ learners เป็นแบบนี้กันหมด resum&#233 แก้เป็น resume (ใส่เครื่องหมาย accent ไม่ได้) สรุปให้ จขกท และสมาชิกท่านอื่นๆได้ตระหนักถึง situations นั่นก็คือ คนที่ edit essay ให้ดีๆ ไม่ผิดนั้น (ตามที่บอกแล้วว่าขนาดอาจารย์ฝรั่งในมหาลัยยังทำไม่ไหวเลย ถ้านักศึกษาเขียนผิดมากมาย) ต้องใช้เวลานานมากๆ แต่ คนที่ edit essay ให้ได้รวดเร็วราวกับชื่อบะหมี่นั้น ส่วนใหญ่ แก้มา แล้วก็แก้ผิด โดยคนแก้ไม่รู้ตัว คนที่เก่งมากๆ แล้ว edit ไวมากๆ ก็คงมี แต่ก็คงหาทำยาได้ยากจริงๆ ดังที่ได้เห็นแล้วว่า ขนาด native speakers เขายังปิดประกาศ (ตามข้อความที่เราแปะให้ดู) เลยว่า เขาไม่รับ edit essays ให้ แต่ถ้ามี specific questions เรื่องอะไร ก็ถามมาได้เลย จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 02:41:40 A:124.121.101.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 คนไทยเรียนภาษาอังกฤษมันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนที่ท่องศัพท์เป็นคำๆ แล้วมาเรียงๆกันเป็นประโยคได้ถูกต้อง โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษมันไม่ง่ายเหมือนโครงสร้างประโยคภาษาไทยหรือภาษาจีน ฝรั่งที่เป็นนักแปลจีนเป็นอังกฤษ บอกว่า รู้ศัพท์ภาษาจีน 4000 คำ เขาก็แปลได้ 4000 คำ แล้วก็เขียนจีนได้ 4000 คำ แต่คนจีนรู้คำศัพท์อังกฤษ 4000 คำ แปลอังกฤษไม่ได้ 4000 คำ แล้วก็เขียนอังกฤษให้ได้ถูกต้อง ไม่ครบ 4000 คำ นั่นก็หมายความว่า "ภาษาอังกฤษย่อมเป็นหนึ่งในภาษาที่เรียนยากมากที่สุดในโลกเลยหละ" อีกเหตุผลหนึ่งที่ว่า การเรียนเขียน โดยการเขียน essay ให้คน edit ให้นั้น ไม่ได้เป็นวิธีการที่ดีเลย มันเพราะอะไร? คำศัพท์ภาษาอังกฤษทุกตัว ถ้า learner คนไหนก็ตาม ไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยเห็น native speaker พูดหรือเขียน learner คนนั้น ก็ไม่มีทางนำคำศัพท์ตัวนั้น มาพูดหรือเขียนให้ถูกต้องได้เลย เว้นเสียแต่ว่า learner คนนั้นจะเปิด esl dictionaries เพื่อดูตัวอย่างประโยค "ดังนั้น จขกท ควรพึ่ง esl dictionaries มากกว่าหวังพึ่งให้คน edit essaysn ให้" นี่คือสัจธรรม ซึ่งคนที่เคยค้นคว้าเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษมามากจะรู้ความจริงในเรื่องนี้ จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 02:57:00 A:124.121.101.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 แก้คำผิด "ดังนั้น จขกท ควรพึ่ง esl dictionaries มากกว่าหวังพึ่งให้คน edit essaysn ให้" แก้เป็น "ดังนั้น จขกท ควรพึ่ง esl dictionaries มากกว่าหวังพึ่งให้คน edit essays ให้" จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 02:59:11 A:124.121.101.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 หมายเหตุ ภึงคุณต้องการแค่ให้คน comment ก็ตาม ถ้าไม่ "เจาะลึก" แต่แค่พูดเคร่าๆ มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก แต่ก็อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วว่า "การเจาะลึก" นั้น มันกินเวลานานมากๆ เราว่าด้วยเหตุนี้ จีงไม่คอยมีใคร comment แล้วอีกอย่างหนึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่า ไม่ค่อยมีความรู้พอที่จะ comment ซึ่งในกรณีที่คุณต้องการแค่ comments ไม่ต้องการให้ edit ให้นั้น คุณน่าจะลองแปะไว้ที่ websites ที่มี native speakers คอยตอบปัญหาหรือคอยสอนภาษาอังกฤษ เราว่าจะได้ผลมากกว่า จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 03:06:17 A:124.121.101.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณที่แสดงความเห็นนะครับคุณ white rabbit ลบครับ เขียนกลับไปเยอะแต่ไม่เอาดีกว่า แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 10:10:10 จากคุณ : AonzZung - [ 4 มี.ค. 52 10:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 บางคนก็โชคดี โพสต์มาตอนมีผู้รู้มาแถวนี้พอดี  มันเป็นลมๆไปมังคะ อย่างบางที อิฉันขี้เกียจทำงาน ก็มาอ่านให้ หาเรื่องเกงาน แต่ถ้ายุ่งๆ ก็ไม่ได้มาอ่าน หรืออ่านแล้วถ้าเห็นมันยาวๆ ก็ผ่านไปเหมือนกัน แต่เข้าใจนะ เพราะเมื่อวานอิฉันไปถามเรื่องจัดสวนในห้องจตุจักร โหมีคนมาพูดด้วยแค่ 2 คน แต่กระทู้หลังอิฉันมีคนตอบเป็นสิบเลย (อะไรฟะ ฮา) สงสัยจะถามเยอะไป สังเกตดู กระทู้ห้องนี้ ถ้าให้ช่วยแบบยาวมากๆ จะมีคนตอบน้อย ถ้าถามจิ๊ดๆ แบบไม่ต้องคิดมากจะมีคนตอบเยอะ และก็ส่วนตัวเลยนะ ตอนแรกๆ บางทีมีคนเขียน essay อิฉันตอบอย่างยาวเลย ใช้เวลาพิมพ์เป็นสิบนาทีมัง คุณท่านไม่กลับมาตอบด้วยซ้ำ หายไปเลย ขนาดอิฉันไม่ใช่มีอีโก้แรงมาก แต่ก็แอบคิด เสียเวลาว่ะ ตอนหลังๆนี่เลยตอบเฉพาะที่ตัวเองอยากตอบ (ไม่ใช่แบบว่าอยากช่วย) ชนิดที่ถ้าเจ้าตัวเขาไม่กลับมาอ่านก็ไม่เสียอารมณ์อ่ะ จากคุณ : อำแดงมา - [ 4 มี.ค. 52 12:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆแล้วเราก็เข้าใจว่าคุณแค่อยากให้คน comment ว่าคุณเขียนเป็นไงบ้าง ซึ่งคุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราเขียนไปยาว จริงๆแล้วเราไม่ควรเขียนในกระทู้นี้ของคุณด้วย เพราะถ้าอ่านไม่ดี จะดูเหมือนเราไปว่าอะไรคุณ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เช่นนั้น ถ้าผิดพลาดยังไงแล้วทำให้เข้าใจผิดก็ต้องขออภัยด้วย คือจริงๆแล้วเราเขียนอธิบายโดยรวมให้คนอื่นอีกหลายๆคนเข้าใจว่า "ขณะนี้ในห้องเรียนภาษาอังกฤษมีแฟชั่นการเรียน writing แบบอยู่ดีๆก็เอาคำศัพท์มาเรียงๆกันเป็น essays แล้วให้เพื่อนๆสมาชิกช่วยๆกัน edit" ซึ่งเรามั่นใจว่าวิธีเรียนแบบนี้มันไม่ได้ผลอย่างแน่นอน เนื่องจากว่า ตามที่บอกไปแล้วว่า คำศัพท์ในภาษาอังกฤษแต่ละคำ "มีพฤติกรรมเฉพาะตัว" การที่เราจะเรียนเขียนได้นั้น มันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง "ศึกษาพฤติกรรมเฉพาะตัว" ของคำศัพท์ทุกตัวที่ learner ต้องการนำมาเขียน ในเมื่อตรรกะมันเป็นเช่นนี้จริงๆ ดังนั้น ที่พึ่งของ learners ที่มีประโยชน์สูงสุดก็คือ esl dictionaries ที่มีตัวอย่างประโยค และในกรณีที่ต้องการหาตัวอย่างประโยคเพิ่มเติม ก็ใช้ google ช่วยได้อีกด้วย ซึ่งตัวเราเองก็เรียน writing มาด้วยวิธีนี้ และตอนนี้ก็ยังพยายามเรียนต่อไปด้วยวิธีนี้ แต่พยายามเรียน grammar จากตำราที่ฝรั่งเขียนเพื่อแก้ไขจุดอ่อนหลายๆจุดของเรา ไปพร้อมๆกับการทำกิจกรรมการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ "ขณะเราแปลหนังสือจากอังกฤษเป็นไทย เราจะเก็บรวบรวมรูปประโยคที่มีโครงสร้างแปลกๆ และมีการใช้คำศัพท์ยากๆไว้เป็นจำนวนมากเอาไว้ใน wordbank ที่เราทำขึ้นมาเพื่อหัดเขียนเลียนแบบฝรั่งพวกนั้น" คนที่ไม่ได้เป็นนักแปล จะทำแบบเราก็ได้ นั่นก็คือหาหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านมากๆและทำ wordbank อย่างที่เราทำ การเรียนแบบนี้มันจะเข้าข่ายที่เรียกว่า reading towards writing คือการอ่านเพื่อหัดเขียนนั่นเอง ลองไปดูวิธีทำ wordbank ของเราในกระทู้นี้สิ จะช่วยให้คุณเรียน writing ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆเลยหละ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7553437/K7553437.html จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 12:42:38 A:124.121.101.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณกระต่ายขาวตอบใด้ถูกใจใช่เลยอ่ะครับ การแก้งานเขียนไม่ใช่ง่ายๆเลยอ่ะ มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องการใช้ศัพท์กับไวยากรณ์อย่างเดียวแต่หลักๆมันอยู่ที่ตรรกะความสมดุลย์ของความหมาย การจัดเรียงความคิดที่สื่อในงานที่เขียนด้วย ซึ่งมันไม่ได้สอนกันง่ายๆแค่แก้กันแล้วก็เสร็จ แต่มันเป็นองค์ความรู้ที่ต้องสะสมกันกันแบบตัวใครตัวมันไปตลอดชีวิตกันเลยทีเดียว ตอนนี้ก็กำลังฝึกเรียนภาษาอังกฤษและการแปลโดย 1.หาหนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีการแปลและปัญหาของการแปลมาอ่าน 2.หาพวกหนังสือหรือนิยายภาษาอังกฤษต้นฉบับกับฉบับแปลภาษาไทยมานั่งอ่านนั่งเทียบกัน แล้วพยายามจำศัพท์ใหม่ๆในโครงสร้างภาษาและบริบทที่ฝรั่งเขียน แล้วทำกลับกันโดยหางานเขียนของคนไทยที่แปลเป็นภาษาอังกฤษดีๆมาเทียบอีก ทำไปอ่านไปหัดแปลเทียบในใจแล้วก็ได้แต่ปลงว่าตัวเองนี้โง่ขนาดหนัก...ไม่รู้อะไรเยอะมากๆ 55+ วันหนึ่งเล่นเอาหมดไปหลายชั่วโมงแต่ก็สนุก+รู้มากขึ้น ไว้สะสมศัพท์+รูปประโยคผ่านตามากๆ คงได้ลงมือเขียนและแปลจริงๆจังๆ ไม่รู้ว่าจะทันก่อนเปิดเทอมหรือเปล่าเนี้ย เอ้ยยยย จากคุณ : โจโฉ (joechou) - [ 4 มี.ค. 52 13:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โหขยันจริงๆคุณโจโฉ (joechou) ได้ข่าวว่าคุณสอบติดปริญญาโทการแปล ขอแสดงความยินดีด้วยเป็นอย่างมากเลยหละ ถ้ามีโอกาสเจอกันเราจะพามหาบัณฑิตการแปลรุ่นแรกไปพบกับคุณเพื่อสังสรรค์กัน(ซึ่งหนึ่งในพวกเขาตอนนี้ก็กลับไปสอนการแปลที่นั่น)...อิๆๆๆ... เมื่อก่อนในอดีตเรารับงานแปลหนักไปในทางแปลไทยเป็นอังกฤษ ส่วนใหญ่เป็นพวกเอกสารประมูลงานหรือหนังสือหน่วยงานต่างๆ แปลๆไำปเมามัน แต่ผลร้ายก็คือเรารู้ศัพท์ภาษาอังกฤษแค่จำนวนที่เรารู้ ไม่ได้งอกเงยขึ้นมาเลย ถึงเราจะปรับปรุงการเขียนภาษาอังกฤษไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่บรรลุขั้นสูงสุดได้เลย นั่นก็เพราะว่า "เราแทบไม่ได้อ่านนิยายภาษาอังกฤษ" ตอนนี้เราเลยหันมาแปลนิยายภาษาอังกฤษ เป็นไทย มันได้เงินยากกว่าแปลเอกสารหลายเท่ามากๆเลย เพราะเจอประโยคแปลกๆ ที่ต้องอาศัยความรู้รอบตัวเพื่อช่วยในการตีความ ทำๆไปแล้วท้อใจ แทบจะเลิกทำไปหลายรอบแน่ะ แต่ตอนนี้ยอมกัดฟันทำต่อไป ด้วยเหตุผลประการเดียวนั่นก็คือ เราต้องการเรียน writing ใหม่หมด โดยการเลียนแบบนักเขียนฝรั่งหลายๆคนที่เขียนหนังสือเรื่องต่างๆที่เราแปลนั่นเอง คุณลองทำ wordbank แบบที่เราทำ ตามวิธีการที่ให้ไว้ใน link ข้างล่างนี้สิ ใช้ software ชื่อ OneNote มา organize ideas ต่างๆ มันจะช่วยการเรียนการแปลของคุณได้มากเลยหละ (ช่วยเรื่องการจัดแยกประเภท SERP's (search engine results pages) และช่วยเรื่องการเก็บรวบรวมคำศัพท์พร้อมทั้งตัวอย่างประโยค) ลองไปอ่านดูได้ที่กระทูนี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7553437/K7553437.html จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 14:08:52 A:124.121.101.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 Well said. จากคุณ : genf - [ 4 มี.ค. 52 15:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การ edit นี่มันต้อง "เนียน" ครับ แล้วเจ้าคำว่า เนียน นี่มันก็มี 2 ความหมายซะอีก 1. (แนบ) เนียน ส่วนใหญ่ผมจะ edit ให้นักเรียนนักศึกษาด้วยวิธีนี้ คือให้ดีกว่าต้นฉบับนิดหน่อยเท่านั้น แก้แกรมมาร์ที่มันผิดจนสะดุดกึก เลือกใช้บางคำที่เหมาะสมกว่า และแก้โครงสร้างประโยคบางประโยค ถ้าแบบนี้จะทำได้เร็ว สาเหตุที่ผมทำเช่นนี้ ก็เพราะให้มันเนียนๆ ไงครับ อาจารย์ไม่มีทางจับได้ว่าไปให้คนอื่นเขาเขียนหรือ edit ให้มาก่อนแล้ว สมมติที่นักศึกษาคนนั้นเขียนมาควรได้ C แล้วผมยอมเสียเวลา edit ให้หลายรอบจนควรได้ A เอาเข้าจริงแล้วอาจกลายเป็น F ไปล่ะนา เพราะอาจารย์ไม่เชื่อว่าจะพัฒนาได้ขนาดนั้นเพียงชั่วข้ามคืน 2. เนียนจริงๆ อันนี้ใช้กับผู้ที่จะเอาไปใช้งานจริง แต่ก็อย่างว่าแหละครับ มันแยกย่อยออกไปอีก ถ้าแค่โต้ตอบ e-mail ทางธุรกิจ สื่อสารรู้เรื่องก็พอแล้ว อันนี้ก็คล้ายๆ กับกรณีแรก คือแก้ให้นิดหน่อย เฉพาะที่ดูแล้วน่าเกลียดก็พอแล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ พลาดไปแล้วลำบาก เช่น ภาษากฎหมาย อันนี้ต้องใช้เวลามาก เพราะต้องดูกันหลายรอบให้เนียนจริงๆ แล้วเจ้าภาษากฎหมายนี่ยังมีความยากซ่อนอยู่อีกชั้น คือบางทีผู้เขียนต้นฉบับเจตนาเขียนให้มันกำกวมซะงั้น เพื่อผลทางข้อกฎหมาย หากมีข้อพิพาทจะได้เป็นช่องทางสู้คดี อย่างนี้แปลลำบากมากครับ เพราะเราไม่รู้เจตนาเขาว่าต้องการเขียนให้กำกวมแบบนั้นจริงๆ หรือว่าเขียนไม่ดีเอง ถ้าเขาเจตนาเขียนให้กำกวม แต่เราดันไปแปลซะชัดเจน แบบนี้เจ๊งเลย จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 4 มี.ค. 52 18:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 "ขณะนี้ในห้องเรียนภาษาอังกฤษมีแฟชั่นการเรียน writing แบบอยู่ดีๆก็เอาคำศัพท์มาเรียงๆกันเป็น essays แล้วให้เพื่อนๆสมาชิกช่วยๆกัน edit" ู^ ^ ^ เห็นด้วยครับ แต่ไม่เห็นด้วยที่คุณจะตีขลุมคนทั้งหมดที่เขียน writing มาโพสที่นี่ ว่า อยู่ดีๆก็เอาคำศัพท์มาเรียงๆกันเป็น essays แล้วให้เพื่อนๆสมาชิกช่วยๆกัน edit ครับผมเคยเห็นครับคนแบบที่คุณว่า แต่...คุณอ่านไม่กี่คำ คุณก็รู้แล้วนิครับว่าคนเขียนคนไหน ทำมาซั่วๆ ไม่มีพื้นฐานเลย เขียนผิดจนรับไม่ได้ หรือ คนไหนมีพื้นฐานมาแล้วพอสมควร ที่ผมพูดถูกมั้ยครับ? ตามความเห็นผม คุณก็ควรจะพิจารณาเป็น case by case ไป ถ้าคุณเห็นว่าใครมั่วนิ่มมาคุณจะไล่เค้ากลับไปเรียน grammar ใหม่ก็ได้ไม่มีใครว่า ถ้าเค้าทำอย่างที่คุณว่า ถูกมั้ย ??? แต่! ถ้าคุณทำอย่างนี้กับทุกคน อย่างผม ผมศึกษา grammar มาจนใช้งานได้อยากเหมาะสมในระดับนึง(ถึงแม้อาจจะไม่เก่งเท่าคุณ) collocation + vocab bank ก็พอสมควร ฝึกกับ esl dict อย่างที่คุณว่าะแหละ มาเป็นปีๆแล้ว ผมก็แค่อยากให้ดู ไม่ได้ต้องการให้ edit ทั้งหมด แค่ชี้ว่าตรงไหนควรปรับปรุง ควรเพิ่ม ไอเดียตรงไหนดี ไม่ดี แค่นี้ผมก็สามารถนำกลับไปปรับปรุงได้แล้ว Please don't make a sweeping generalization. thank you จากคุณ : จขกท (AonzZung) - [ 4 มี.ค. 52 23:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ขอโทษที ตามที่บอกไปแล้วว่า สิ่งที่เราเขียน เราไม่ได้หมายถึงคุณ แต่พูดว่าโดยทั่วไป learners หลายๆคนเข้าใจผิดในเรื่องการเรียน writing และเราก็ยอมรับด้วยว่าไม่ควรเขียนในกระทู้นี้เพราะจะทำให้คุณเข้าใจว่าเป็น generalization โปรดให้อภัยด้วย จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 5 มี.ค. 52 14:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 "ผมทำไรผิดป่าว ถึงไม่มีใครมาคอมเม้นเลย" แนะนำนิดนึงนะครับ เวลาเรา post ขอรับคำติชมจากคนอื่นนี่ ใจเราต้องกว้างพอที่จะรับcommentของคนที่จะมาตอบ เราควรจะขอบคุณทุกความเห็นไม่ว่าจะติหรือชม เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ตาม ส่วนรับมาแล้วถ้าcommentอันไหนเราไม่เห็นด้วยเราก็แค่ไม่ต้องนำไปใช้ ถามกลับได้ในกรณีย์commentมันไม่ชัดเจนเพื่อให้รู้ว่าผู้ตอบหมายความว่าอะไร แต่เราไม่ควรไปสวนกลับผู้ตอบเวลาใครcommentอย่างที่เราไม่พอใจ เพราะถ้าทำอย่างนั้นอีกหน่อยก็จะไม่มีใครอยาก comment post ของเราเพราะคนอื่นเขาจะขยาดไม่อยากสร้างเรื่องทะเลาะกับใคร แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 52 23:35:09 จากคุณ : Tisco fan - [ 5 มี.ค. 52 23:19:36 ]