ความคิดเห็นที่ 1 ตอนม.3 ครูสอนอังกฤษอ่านออกเสียงคำว่า people ว่า ปีโป้ว ตอนนั้นโฆษณาปีโป้กำลังดัง ไม่ได้เป็นมุขแกแน่ๆ ไปถามห้องอื่นก็อ่านออกเสียงเหมือนกัน ยังจำหน้าแกได้จนถึงเดี๊ยวนี้ จากคุณ : jengchai - [ 4 มี.ค. 52 09:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณครูจุฑาทิพย์ครับ จำชื่อท่านได้แม่น เป็นครูไทยที่มีอุดมการณ์ในการสอน แถมความรู้และสำเนียงภาษาอังกฤษยังเป๊ะมากๆ ครูทันสมัยมาก นึกดูว่าเมื่อสิบปีที่แล้ว แต่ครูสอนด้วยการเปิดเทป เปิดเพลงให้ฟัง สอนภาษาอังกฤษผ่านเพลง หลังจบ ก็ไปต่อ ม.ปลาย ที่ใหม่ พอดีว่ามี Speech ในหัวข้อโลกและสิ่งแวดล้อม จำได้ว่าตอนเรียนกับครู ครูรณรงค์เรื่องพวกนี้พอดี เลยโทรไปขอความช่วยเหลือและข้อมูล ครูก็จัดแจงหาให้ด้วยดี ครูเป็นครูที่ไม่ได้ตัดสินความเป็นศิษย์เป็นรายเทอม ครูทำให้เห็นว่าครั้งหนึ่งที่เป็นครูศิษย์กันแล้ว มันจะดำรงอยู่ตลอดไป จากคุณ : AllSTORY - [ 4 มี.ค. 52 10:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่มีครูคนไหนพิเศษครับ ต้องขอบคุณครูทุกคนตั้งแต่อนุบาลจนถึงปัจจุบัน อนุบาลจำชื่อไม่ได้แหะ ครูลัดดาวัลย์ (ป.1-ป.6) ครูเยาวดี (ม.1) ครูอมราลักษณ์ (ม. 2) ครูสุพรรณี (ม. 3) และครูสุมานี ครู สุวัฒนา(ม. 4) ครู ชมพูนุช (ม. 5) และครูกุญชร ครูรำไพ (ม. 6ุ) และครูนพพร ครูศิริพา (ม. 6) อ. จรรยา (เรียนพิเศษอังกฤษ) Dr. Joyce (ESL) -- ทำให้ผมสนใจเรื่อง writing เต็มตัว Corolyn & Wayne (ESL Freshman) Dr. Susan (Literary Studies) -- ทำให้ความมั่นใจกลับมาเรียนเอกอังกฤษอีกครั้ง Esther Dr. Margaret Dr. Diana Dr. Edith -- เป็นคนที่เข้าใจนักเรียน ESL และให้คำแนะนำเรื่องการเขียนดีมาก ๆๆ Dr. Elizabeth Dr. Rajini Dr. Judith Dr. Cheryl Dr. Eleanor Dr. Duncan Dr. Rebecca Dr. Sharon - คนนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าการเขียนที่ผ่านมาที่คิดว่าดีของเรา ที่แท้ห่วยมาก ๆ อาจารย์ฝรั่งบางคน แม้ไม่ได้สอน writing โดยตรง แต่ว่า comment ในแต่ละ paper ช่วยผมได้มาก ๆ ครับ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 4 มี.ค. 52 10:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อาจารย์ที่ผมว่าสอนได้ดีมากๆมีหลายคนเลยล่ะ โดยเฉพาะอาจารย์ที่สอน writing ที่อ่านและให้ comment อย่างละเอียดแถมให้กำลังใจ ทำให้การเขียนพัฒนาขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเคยเจออาจารย์ภาษาอังกฤษบางคนที่แย่ (เรื่องการสอนขอไม่พูดถึง เพราะมัน subjective บางคนอาจจะเห็นสอนเขาสอนดี บางคนก็ว่าสอนไม่ดี) ที่ว่าแย่ ไม่ใช่อาจารย์ไมมีความรู้ แต่เป็นเพราะอาจารย์ดูถูกนักเรียนมาตั้งแต่ก่อนเข้าสอนคาบแรกแล้ว (มันสะท้อนให้เห็นจากการพูดจา อย่างเช่น อาจารย์สอน writing ที่ม.เปิดแห่งหนึ่ง พูดกับนศ.ในชม.แรกว่า "สอนไป เดี๋ยวพวกเธอก็ไปท่องจำ essay ที่ติวเตอร์เก็งให้มาตอบอยู่ดี" (ถ้าอยู่ในเหตุการณ์ จะรู้ได้จากน้ำเสียงตอนที่พูดและก่อน/หลัง ว่าอาจารย์คนนี้ไม่ได้พูดเล่น) แล้วก็มีอาจารย์ชายที่สอน writing ที่สถาบันปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจแห่งหนึ่งกลางกทม. (S...n) พูดถึงนศ. (class อื่น)  ว่า "ใน class presentation ชะนีมักจะ present ได้เก่งกว่าผู้ชาย" ขอบอกว่านศ.ทั้งหมดเป็นคนวัยทำงาน และเกือบทั้งหมดฟังแล้วไม่ขำ ผมถือว่าการพูดจาแบบนี้ก็มีผลต่อกำลังใจของนักเรียนและประสิทธิภาพในการสอนนะครับ หรือว่าไง แต่แชร์ประสบการณ์นะครับ แต่ก็หวังเล็กๆว่าอาจารย์หรือว่าที่อาจารย์ในห้องเรียนภาษาอังกฤษนี้ จะไม่ยิงมุขแบบนี้ใน class แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 11:16:41 แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 11:15:20 จากคุณ : Just wonder - [ 4 มี.ค. 52 11:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยได้เรียน ภาษาอังกฤษกับเพลง จากรายการทางโทรทัศน์ ทำให้มีทัศนคติที่ดีมากๆกับภาษาอังกฤษ อาจารย์ที่มาสอนก็เก๋ไก๋มาก ศาสตราจารย์ คุณหญิงจินตนา ยศสุนทร ค่ะ ขออนุญาตส่งความระลึกถึงอาจารย์มา ณ โอกาสนี้ค่ะ จากคุณ : Aunty_Joy - [ 4 มี.ค. 52 11:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กรณีแรก เป็นครูสอนพิเศษตามบ้านตอน ป.1 จำได้ว่าท่านมีเทคนิคการสอนที่ดีมาก ๆ ทำให้จากที่ผมตามการเรียนภาษาอังกฤษในชั้นเรียนไม่ทัน (เป็นโรงเรียนคาทอลิกที่เน้นภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถมต้น) จนครูประจำชั้น (ท่านสอนภาษาอังกฤษด้วย) ถึงกับเขียนความเห็นในสมุดของผมว่าคงไปไม่ไหวแน่ กลายเป็นว่าทำให้ผมชอบภาษาอังกฤษจนเป็นวิชาที่เรียนได้ดีที่สุดจนกระทั่งได้เรียนเป็นวิชาเอกตอนปริญญาตรีและได้ยึดเป็นอาชีพจนถึงตอนนี้ นึกดูแล้วต้องนับว่าท่านไม่ธรรมดาเลยที่สามารถทำให้เด็ก ป.1 ที่เคยไม่เข้าใจภาษาอังกฤษกลับมารักภาษาอังกฤษได้ถึงระดับนี้ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นยังไงบ้าง นี่ก็ผ่านมา 20 กว่าปีแล้ว ส่วนอีกกรณีหนึ่งเป็นตอน ม.3 ก็ไม่อยากบอกว่าท่านสอนไม่ดีหรอกนะครับ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้เด็กท่องศัพท์แล้วลงโทษด้วยการตีเมื่อท่องไม่ได้น่ะ ยิ่งตอนนั้นท่านบังคับให้นักเรียนทั้งระดับชั้นต้องไปท่องศัพท์กับท่านตอนเช้า (มีเวลาถึงก่อนชั่วโมงที่ท่านเข้าสอน ขึ้นอยู่กับแต่ละห้อง) แล้วจำนวนนักเรียนก็ไม่ใช่น้อย ๆ ในขณะที่มีเวลาน้อยมาก ผมเองยอมรับว่าช่วงนั้นภาษาอังกฤษตกต่ำถึงขั้นสอบตก (เฉพาะวิชาของคุณครูท่านนี้) แต่ก็จำไม่ได้แล้วครับว่าเอาตัวรอดมาได้ยังไง แต่ก็มีหลายคนนะครับที่บอกว่าวิธีของท่านทำให้พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษได้ดี อีกอย่างมานึกดูแล้วท่านก็คงเหนื่อยไม่น้อยที่ต้องดูแลเด็กทั้งระดับชั้นตั้งหลายร้อยคนอยู่ทุกปี ยิ่งท่านเป็นหัวหน้าสายระดับชั้นด้วย ได้ข่าวว่าท่านเกษียณไปหลายปีแล้ว ก็หวังว่าท่านคงจะอยู่สุขสบายดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 17:56:01 จากคุณ : Timin2101 - [ 4 มี.ค. 52 11:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดิฉันชอบเรียนภาษาอังกฤษด้วยเห็นว่าเป็นของแปลกดี ใครมาเป็นครูมาสอนก็เห็นเป็นเรื่องวิเศษไปหมด จำได้ว่าเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเมื่ออยู่ ป 5 ครูที่สอนชื่อครูนกแก้ว คิดว่าแกต้องจำใจสอนมากกว่า รร ประชาบาลบ้านนอก จะเอาอะไรนักหนา ต่อมาก็เป็น รร มัธยม ได้ครูเพ็ญศิริสอน คุณครูคนนี้น่ารักมาก รักครู ก็เลยรักเรียนตามไปด้วย มีคุณครูที่สอนภาษาไทยชื่อครูวลัย พลาบดีวัฒน์ รักครูคนนี้มาก เลยชอบเรียนภาษาไทยตามไปด้วย คนที่ทำให้แนวคิดการเรียนภาษาอังกฤษอย่างท่องจำ แล้วได้เรื่องได้ราวคือ อจ สุดา สุวรรณมาลิก ท่านจะเป็นครูพิเศษ มีการท่องจำ paragraph สั้นๆ มีการร้องเพลงฝรั่งหลายเพลงที่เป็นที่นิยม ทุกอย่างติดหู ติดปากดิฉันหมด ดิฉันเลยอยากทำตัวเก๋เป็นฝรั่งจ๋าบ้าง เลยมุ่งมั่นภาษา Eng เป็นการใหญ่ หวังว่า อจ คงไม่ว่าอะไร คือตอนนี้หนูก็ไม่ได้ดีเรื่องภาษาฝรั่งเท่าไหร่ แค่พอพูดขอข้าวเขากินได้เท่านั้นเอง ขอฝากความระลึกถึงให้ อจ ด้วยความเคารพมา ณ ที่นี้ หวังว่าอจ คงสุขสบายดีค่ะ จากคุณ : PatPDX - [ 4 มี.ค. 52 12:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงขนาดมาตั้งกระทู้เพื่อรำลึก อจ ที่แย่สุดๆ เชียวหรือ   นี่ดีนะที่คนที่มาตอบตั้งแต่ คห 2-7  มีวุฒิภาวะพอ  รำลึกถึง อจ ที่มีพระคุณทั้งนั้น ว่าแต่ว่า จขกท เอง....คิดว่า ตนเองเลิศเลอเพอร์เฟค  แบบไร้เทียมทานใช่ไหม  ถึงกับมาคว้านหามุมมืดของคนที่เคยถ่ายทอดให้ความรู้แก่คุณ ไม่รู้เหมือนกันว่า  เด็กสมัยใหม่เขาเข้าพิธีไหว้ครูกันหรือเปล่า   ผมอาจจะแก่เกินแกงแล้วก็ได้   อนิจจัง... จากคุณ : Fortunism - [ 4 มี.ค. 52 13:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อาจารย์ สมเจตน์ ปานกลาง สอนอังกฤษเราตอน ม.1 ท่านบังคับให้ conjugate irregular verbs ทุกตัวทุก tenses ทั้ง active voice และ passive voice โหคัดลายมือสมุดหนาๆหมดไปตั้งหลายสิบเล่มแน่ะ (เพราะต้องเปลี่ยน subjects, verbs และ objects ไปเรื่อยๆ เพื่อเรียน subject verb agreement ตามที่อาจารย์สั่ง) แล้วอาจารย์จะให้ไปพูดหน้าชั้น ใครพูดผิดโดนตี รับรองว่าพวกสมาชิก pantip บางท่าน ที่เรียน writing โดยไม่เคยเรียน grammar แต่อยู่ดีๆเขียน essays ให้คน edit นะ (บางคนยังผันกิริยา 3 ช่องผิดเลย) ถ้าไปเรียนแบบที่เราเรียน ก็มีหวังโดนตีทุกวันแน่ๆเลยหละ นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนพูด และเขียนจริงๆ เพราะคนไทยใช้อังกฤษผิด ส่วนใหญ่ผิดที่ verb forms! อาจารย์อีกท่านหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว ท่านสอน literature ตอนสอน Oliver Twist นะท่านบรรยายได้ดีมากๆเลยหละ เสียงท่านยานคางเหมือนพระสวดมนต์เลย เราเลยหลับทุกชั่วโมงเรียน literature เลยหละ ฮ่าๆๆๆๆ... หลังจากนั้นนะ เราเรียนแบบ "มวยวัด" ลูกเดียว อย่างเช่นตอนนี้หัดแปลนิยายจากอังกฤษเป็นไทย แล้วก็เก็บสะสมรูปประโยคที่ฝรั่งเขียนไว้ในหนังสือที่เราแปล เพื่อเอาไปหัดเขียนเลียนแบบฝรั่งนักเขียนบ้าง เรียนๆไปสมองชักจะบานระเบิดอยู่แล้วนะ แต่ก็มันดี...ฮ่าๆๆๆๆๆๆ...... จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 14:30:05 A:124.121.101.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณพ่อค่ะ พ่อจบมศ.3จากโรงเรียนรัตนาธิเบศน์  แล้วเรียนต่อไปเป็นนักเรียนจ่าอากาศ แผนกช่างค่ะ ปีนี้พ่อจะอายุ 52 ลูก จะ 29 แล้ว ลูกจบปริญญาโทด้วยเงินของจ่าจนๆคนนึง(พ่อว่าอย่างงั้นนะคะ) และทำงานบริษัทต่างชาติที่ใช้แต่ภาษาอังกฤษ นึกขอบคุณคุณครูคนนี้จริงๆค่ะ ก่อนเข้าอนุบาลท่านจะสอนให้อ่านภาษาอังกฤษ โดยแทนเสียงสระ เสียงสะกด และการออกเสียง สำเนียงต่างๆค่ะ แล้วพ่อก้อส่งเข้าโรงเรียนเอกชนที่สอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาล พ่อบอกว่า พ่อได้ภาษาอังกฤษจากโรงเรียนรัตนาธิเบศน์  และโรงเรียนประถมดรุณาลัย(ไม่มีแล้ว) สมัยนั้นพ่อบอกว่าอาจารย์สอนดีมากๆ ตั้งอกตั้งใจสอน บังคับเรียนพิเศษด้วย เลยส่งผลดีมาถึงลูกด้วย ปัจจุบันเวลาพูดภาษาอังกฤษแล้วไม่เติม s เช่น eye พ่อจะถามว่า"ตามีข้างเดียวรึไงลูก" พ่อจะชอบมีศัพท์มาถามเรื่อยๆ บางทีก้อสอนรากศัพท์ ทั้งไทย อังกฤษ บาลี สันสฤต..ปัจจุบันก้อยังสอนอยู่ จากคุณ : Auguri - [ 4 มี.ค. 52 18:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆแล้วเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับอาจารย์ที่สอน Oliver Twist จนเราหลับนั้น ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะลบหลู่ท่านนะ แต่กลับเห็นใจท่านเสียด้วยซ้ำไปที่ว่า สมัยก่อนนะ มันไม่มี Internet ไม่มีเทคโนโลยีที่จะทำสื่อการสอนให้สนุกๆได้ ก็เลยต้องสอนด้วยบรรยากาศที่เรียกว่า "น่าเบื่อแค่ไหนก็ต้องกัดฟันเรียน" และเราเรียนอยู่ห้องที่บ๊วยมากๆ ก็เลยพากันหลับทั้งห้องน่ะ แต่สิ่งที่เรารำลึกถึงตอนนี้นะ ซึ่งเป็น fond memory จริงๆ นั่นก็คืออาจารย์ผู้หญิงท่านหนึ่ง ที่เราไม่ขอเอ่ยนาม ท่านเป็นลูกสาวเจ้าของโรงเรียน อาจารย์ท่านนั้นสอน literature เรื่อง The Prisoner of Zenda ให้กับเรา เวลาสอนอาจารย์มองดูเราด้วยสายตาประหลาดๆเหมือนกับว่า "ไอ้เด็กคนนี้น่ารักดีเนอะ" หรืออะไรทำนองนั้น เราเลยกลายเป็น teacher's pet ไปเสียแล้ว อยู่มาวันหนึ่งอาจารย์อธิบายเนื้อเรื่องโดยพูดว่า พระเอกหน้าเหมือน King ในเรื่อง"เหมือนกันยังกับแกะ" เราก็เลยนึกสนุกแซวอาจารย์เล่นๆว่า "ยังกับแพะมั้ง" ... อาจารย์รี่เข้ามาหยิกแขนเราด้วยเล็บอันยาวมากๆ เราเจ็บจนทนไม่ไหว แต่ก็ใจดีสู้เสือ แถมทลึ่งอีก โดยเราจับมืออาจารย์แล้วก็ลูบไล้ไปเรื่อยๆ ตอนนั้นนักเรียนทั้งห้องเฮกันลั่นเลยหละ...!!! ตอนจบอาจารย์ตกใจมากๆ หน้าแดงกล่ำ ต้องคลายมือที่หยิกเรา แล้วอาจารย์แกล้งไปเขียนกระดานเพื่อไม่ให้นักเรียนเห็นหน้าอาจารย์ ว่าอาจารย์อายมากแค่ไหน จากนั้นมาก็มีเรื่องตลกๆ นั่นก็คือ นักเรียนผู้ชายทั้งโรงเรียนโดนจับกร้อนผมทรงเตรียมทหารกันหมด คนที่เดินไปชี้สั่งกร้อนผม ก็คืออาจารย์ท่านนี้นั่นแหละ แต่ท่านเอ็นดูเราเหลือเิกินจนเรากลายเป็นนักเรียนชายคนเดียวที่มีผมยาวมากพอๆกับ The Beatles ซึ่งนับว่ายาวมากสมัยนั้นเลยหละ พวกนักเรียนรายอื่นๆที่โดนกร้อนผมกันหมด พอเห็นผมอันยาวๆท้าทายกฎระเบียบแล้ว ก็หมั่นไส้เรามากๆ แ่ต่ก็ไม่มีใครกล้า complain เลย ฮ่าๆๆๆ... เรารักอาจารย์ึคนนี้จริงๆหละั คงเป็น puppy love มั๊ง นี่มาสารภาพความชั่วร้ายของตัวเองเมื่อในวัยเด็กอ้ะ จากคุณ : white rabbit - [ 4 มี.ค. 52 19:35:04 A:192.168.0.17 X:124.121.101.38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คคห.8 ครับ ผมไม่เลิศเลอเพอร์เฟคอะไรหรอกครับ ไม่ได้เป็นครูหรืออาจารย์สอนภาษาอังกฤษด้วย แต่เคยเป็นนักเรียนที่เจอครูสอนภาษาอังกฤษที่ดีๆ ทำให้รักการเรียนภาษาอังกฤษขึ้นอักโข กับที่เจอครูสอนภาษาอังกฤษที่แย่ๆ ทำให้เบื่อภาษาอังกฤษไปเลย ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาก็ไม่ได้ลบหลู่ครูหรอกครับ แต่อยากให้เป็นตัวอย่างครูภาษาอังกฤษในปัจจุบันเอาไปปรับปรุงตัว เพราะครูก็เป็นมนุษย์ปุถุชนที่อาจเข้าข้างตัวเองคิดว่าตัวเองสอนดีอยู่แล้ว แต่คนที่จะสะท้อนได้ดีที่สุดคือผู้เรียนครับ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 21:11:12 จากคุณ : mamao - [ 4 มี.ค. 52 20:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนเรียนม.ต้น ตอนนั้น ยังไม่ได้รักภาษาอังกฤษมากมาย เจอครูคนหนึ่ง ความรู้ด้านภาษาอังกฤษสูงมากแต่ท่านดุมาก นักเรียนคุยกันไม่ได้ เป็นถูกไล่ออกจากห้องเรียน วันนั้นเพื่อน 2-3 คนถูกไล่ ผมอดทนไม่ได้จึงโต้เถียงกับท่านทั้งชั่วโมง ท่านไล่ออกจากห้องผมก็ไม่ยอมออก หลังจากนั้นอาจารย์ก็จ้ำจี้จำไชผมเป็นพิเศษ แกล้งถามให้ผมตอบอยู่เรื่อยๆ จนผมต้องขยันอ่านเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นการใหญ่ เพราะกลัวอาจารย์ลองภูมิ ตอนหลังก็เข้าได้ดีกับอาจารย์จนกลายเป็นศิษย์รัก และรักภาษาอังกฤษขึ้นอักโข        คนที่สองตอนเรียนม.ปลาย คนนี้ไม่ชอบสอนตามบทเรียน แต่นึกคำใด หรือนักเรียนถามอะไร ท่านจะเอาขึ้นกระดาน จากนั้นก็แตกออกไปเรื่อยๆ เช่นมาจากรากศัพท์คำไหน มีความหมายอะไรบ้าง คำคล้ายแต่มีความหมายคนละอย่าง หรือคำอื่นที่มีความหมายเดียวกัน ยกตัวอย่างประโยค แล้วเข้าสู่แกรมม่าต่างๆ เรียกว่าคำๆ เดียวสามารถแตกออกได้เป็นร้อยๆ เรื่อง เอาเพลง เอาชื่อหนังมาเป็นตัวอย่าง โยงไปเรื่อยๆ จนจบชั่วโมง ทำให้ได้ความรู้เรื่องต่างๆ กว้างขวางมาก ตอนสอบเอนทรานซ์เลยสบาย ไม่จำเป็นต้องท่องหนังสือกันหน้าดำคร่ำเครียดเลย         อีกคนตอนเรียนคอร์สคอนเวอร์เซชั่นตอนปี 1  อาจารย์ช่างสรรหาเกมและละครสารพัดมาให้พวกเราเล่นและตอบโต้กันสดๆ ไม่มีบท และห้ามพูดภาษาไทย อาจารย์ก็ลงมาเล่นกับพวกเราด้วย ต้องใช้ปฏิภารไหวพริบกันสุดๆ คนไหนไม่ยอมพูดอาจารย์ก็แซวก็แกล้งแหย่อยู่เรื่อยๆ ปรากฎว่าปาร์ตี้หลังจบคอร์สพวกเราเมาท์ภาษาอังกฤษกันน้ำไหลไฟดับ ลืมภาษาไทยกันไปเลย แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 21:29:32 จากคุณ : mamao - [ 4 มี.ค. 52 21:05:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ครูปิยะนุช รร สตรีวิทยา เรียนด้วยตอนมัธยมหนึ่ง เป็นครูท่านแรกที่บอกว่านักเรียนไม่ต้องลุกขึ้นทำความเคารพเวลาเริ่มชั่วโมงเรียน ไม่ต้องพูดgood morning teacher, how are you ? เสียงยานๆ พร้อมๆกันทั้งห้อง แค่นั่งแล้วทักทายครู แบบไหน อะไรก็ได้แล้วแต่ที่แต่ละคนอยากจะพูด ในขณะที่ครูอีกหลายๆท่าน เวลาเดินผ่านแล้วไม่ไหว้ อาจโดนดุ ทำไมไม่ไหว้ชั้น ครูปิยะนุช ส่งเสริมการพูดให้มีแอคเซ่นท์ ให้กำลังใจนักเรียนให้กล้าแสดงออกในการพูด คิดถึงครูนะคะ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 52 22:37:33 จากคุณ : PrincessPam - [ 4 มี.ค. 52 22:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เกือบคิดไม่ออกอ่ะค่ะ ครูภาษาอังกฤษที่แย่ที่สุด โชคดีจังที่ทั้งชีวิตเจอแต่ครูสอนภาษาอังกฤษดีๆทุกคนเลย แต่ละคนก็ดีกันคนละแบบ มีอยู่คนนึงเป็นครูฝรั่งข้างนอกที่เรียนพิเศษ โอเคคนนั้นนี่ไม่ไหวจริงๆ เข้ามาในห้องก็เปิดเทป ให้เราฟังแล้วก็ให้เราตอบว่า เอ บี ซี หรือดี หมดชั่วโมงก็ไป สรุปแล้วเราไปซื้อเทปมาฟังเองดีกว่า เขาเข้ามาเปิดเทปให้เราฟังทำไมกันหรอ :(  ไม่ขอนับว่าเป็นครูได้ไหมอ่ะคะ เรียกว่าเป็นคนเปิดเทปแทนได้ไหมคะ ในชีวิตหนูจะได้เรียกได้เต็มปากว่าเจอแต่ครูสอนภาษาอังกฤษที่ดีทุกคนเลย โชคดีมากๆที่เจอแต่ครูดีๆ เลยทำให้รักภาษาอังกฤษม้ากมาก ขอเผาได้ไหมคะ ครูสอนภาษาอังกฤษหนูคนนึง เป็นสุดที่รักของหนูเอง ตอนเด็กๆเขาก็ออกเสียงคำศัพท์ให้หนูฟัง desk เดสเสอะเขอะ ต้องลงท้ายด้วยนะ เสอะเขอะ  อะ คำนี้ table เทเบิ้นนะ..... ตอนนั้นหนูก็ฟังๆๆเรียนๆๆ ไปไหนก็อยากจะจำคำศัพท์เอ  อันนี้แปลว่าอะไรน้า.... ฝักใฝ่ที่จะรู้ความหมาย ถ้าไม่ได้ก็เปิดดิกชันนารี่เอา พอโตขึ้นมา เห็นเขาสอนน้องของหนูแล้วก็ขำ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ออกเสียงได้......เอ่อ ......แบบว่า.........เป็นคนไทยมากๆๆๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่เพราะครูคนนี้หรอคะที่ทำให้หนูรักที่จะเรียน รักภาษาอังกฤษ ชอบภาษาอังกฤษ   พูดแล้วก็คิดถึงเขาจัง เขาไม่เคยเล่นอินเทอร์เนท เขาคงไม่รู้หรอกว่าหนูเขียนอะไรถึงเขาบ้าง ถ้าไม่มีเขาหนูก็คงไม่มีวันนี้ เพราะฉะนั้น คุณพ่อของหนูเนี่ยแหละ คือคุณครูที่สอนภาษาอังกฤษได้เลิศเลอเพอร์เฟคที่สุดของหนู จากคุณ : ploy_angjoe - [ 5 มี.ค. 52 17:48:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเจอเรื่อง Dejavu ครับ ตอนผมเรียน ป.โท อ.ภาษาอังกฤษที่สอนผม ถามผมว่า รู้จัก อาจารย์ที่ชื่อ ... ไหม? ผมก็ตอบอาจารย์ไปว่า รู้จักครับอาจารย์ ... เป็นครูสอนภาษาอังกฤษสมัยผมอยู่ ม.ต้น จากนั้นแกก็ตอบผมเป็นภาษาอังกฤษว่า "She is my mother" (เข้าใจว่าแกรู้เพราะแม่ช่วยตรวจการบ้านเด็ก ป.โท ด้วย) ทำเอาผมอึ้งไปหลายนาทีทีเดียว เรียนอังกฤษกับแม่แล้วยังตามมาเรียนกับลูกด้วย จากคุณ : T7Promoter - [ 7 มี.ค. 52 18:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอาคนไทยก่อนแล้วกันนะคะ คนแรก นึกถึงอ.บุษยพรรณ อ.ตัวเล็กๆขาวๆ ไม่เคยดุเลย แล้วก็นึกถึงของกินตลอด คนที่สองก้อ อ.สายฝน อ.สำเนียงโอเคเลย คนที่สาม อาจารย์ศิวาพร นอกจากสอนอังกฤษแล้ว ยังดูดวงได้อีกตะหาก ถ้าอ.ฝรั่ง ครูสอนภาษาเราชื่อ Meg เข้มงวดในการออกเสียงมากมาย แต่ก้อน่ารัก ใจดี ชอบสรรหาเกมส์มาให้เล่น อ้อชอบสรรหาแบบฝึกหัดโหดๆมาให้ แต่ก็เพราะเจ๊คนนี้แหละ ทำให้listening เราดีขึ้นมาก จากคุณ : จันทราศรม (จันทราศรม) - [ 9 มี.ค. 52 17:55:45 ]