เรามัวแต่บาลานซ์ ความอยาก ด้วยการทำให้หายอยาก หรือไม่ก็พยายามกล่อมไม่ให้เกิดความอยาก
มากเกินไป ด้วยศีลธรรม หรือแม้นแต่กดความอยากเหล่านั้นไว้ด้วยกฎหมายต่างๆ ซึ่งมันไม่เคยใช้ได้ผล
อย่างเต็มที่เลย ในแง่ของการยุติ หรือแม้นกระทั้งการชลอ การบริโภค ในเชิงทำลายล้าง
ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ที่ถูกผลาญไปอย่างรวดเร็ว และสงครามที่เกิดจากความไม่พอใจ
แต่มันก็ไม่เคยเพียงพอที่จะกำจัดความอดอยาก ให้หมดลงได้อยู่ดี
เราทุกคนอยู่ได้ด้วยปัจจัยคล้ายๆกัน แต่จิดวิญญาณของเรา กลับพล่านและดิ้นรนกับอะไรก็ไม่รู้ จน
ต้องรู้สึกอยากโน้น ต้องการนี้ไปสารพัด ซึ่งจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ ถึงเวลารึยังละครับ ที่เราจะตั้งใจ
มองดูมันซักที ว่าไอ้ตัวที่ทำให้คนเราต้องดิ้นพล่านไปกับมันนี้ คืออะไร ก่อนที่มันจะทำให้เราหมดโอกาส
ที่จะได้ใช้ชีวิต อย่างสงบสุขในโลกใบนี้ตลอดไป ทั้งภาวะโลกร้อน โรคระบาด ภัยธรรมชาติ สงคราม
ทั้งหมดนี้ มันรออยู่ข้างหน้าเราไม่ไกลเลย ซึ่งถ้ามันมาถึงเมื่อไหร่ เราก็คงหมดโอกาสที่จะได้แก้ตัวและใช้
ชีวิตให้สุขสบายเยี่ยงทุกวันนี้ได้อีกแล้ว เพราะเราอาจจะต้องกลับไปผจญกับปัญหาเดิมๆเหมือน ประมาณ
สองร้อยปีที่แล้ว เช่น ขาดแคลนน้ำ ขาดแคลนอาหาร สงครามการแย่งชิง โรคระบาด ฯลฯ
ตอนนี้ เราเพียงแค่ลดความอยากลงนิดหน่อย มันก็คงยืดเวลาไปได้อีกนาน กว่าที่จะถึงจุดอันตราย อีกทั้ง
ชีวิตของเราแต่ละคน ก็มีเวลาสนุกมากขึ้นด้วย และที่สำคัญมันไม่ยากเลยกับการลดความอยาก
เราแค่ลืมที่จะมองมันเท่านั้นเอง
ซึ่งเราลืมมองไปรึเปล่า ว่าเราสามารถบาลานซ์ความอยาก ด้วยการพยายามหักลบที่ความกลัวได้อีกทาง
หนึ่งด้วยเหมือนกัน นั่นหมายความว่า ถ้าเราทำให้คนกลัวน้อยลง ความอยากของเขาก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย
ความกลัวในที่นี่ไม่ใช่ความกลัวในปัญหาปากท้อง หรือเรื่องความมั่นคงของชีวิตแต่อย่างใด แต่มันคือ
ความกลัว ประเภท ความอาย กลัว เสียหน้า กลัวอิจฉา กลัวคนอื่นลืม เป็นต้น มันจะดีกว่ามั้ย ที่คนเราจะ
หันมาสนใจในความกลัวตรงนี้กันบ้าง
และที่สำคัญก็คือ การบาลานซ์ความอยากด้วยการจัดการที่ความกลัวนั้น มันแทบไม่ต้องการอะไรที่เป็น
การสิ้นเปลืองทางวัตถุเลย ดังนั้นเงินในกระเป๋าของท่านก็จะอยู่กับท่านมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งจะทำให้ท่าน
สบายใจมากขึ้นด้วย อีกทั้งเรายังจะมีโลกที่น่าอยู่ ให้ลูกหลานเราได้ใช้ชีวิตของเขาบ้าง ไปอีกนานแสนนาน
ผมบอกได้เลยว่า มนุษย์เราลืมเรื่องง่ายๆ เรื่องนี้ไปเสียสนิทเลยจริงๆ ซึ่งมันไม่ยากเลย ที่จะจัดการกับความ
กลัวในสิ่งเหล่านี้
เรื่องที่ข้าพเจ้า กำลังจะอธิบายต่อไปนี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้สึก ,แหล่งที่มาของความรู้สึก
และผลที่ตามมาจากการมีความรู้สึก สิ่งเหล่านี้ มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ดังนั้น
การจะจูนให้เห็นภาพที่ตรงกัน จึงอาจจะเกิดความผิดพลาดได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามเนื้อหาเหล่านี้
คือเรื่องที่ตั้งใจจะอธิบาย ในเชิงวิทยาศาสตร์ ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ การคิดและหาเหตุผล
ตามก็ควรอยู่ในกรอบการคิด อย่างวิทยาศาสตร์เพียงเท่านั้น
ปัญหาทั้งหมด ก็เริ่มต้นมาจาก สมองส่วนสัญชาติญาณในตัวคนเรา และการเตือนภัยของมัน
ที่คอยก่อความทุกข์เล็กๆ ที่เหมือนจะเป็นความรำคาญ มากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งด้วยความเล็กน้อยของมันนี่กระมัง
ที่ทำให้คนเราไม่ค่อยได้สนใจ ที่จะศึกษาจริงๆจังๆกับมันเท่าที่ควร จึงเป็นเหตุทำให้มัน กลายเป็นแหล่ง
กำเนิดความทุกข์ ที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อชีวิตคนเรา ไปอย่างแทบไม่น่าเชื่อ
การพยายามทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง(โดยไม่เห็นอกเห็นใจใคร)เพื่อ ความภูมิใจของคนเรา
ก็เริ่มต้นมาจากจุดนี้ และการมีชีวิตอยู่อย่างลำบากของคนเรา ส่วนหนึ่งก็มีผลกระทบมาจากสิ่งนี่
สิ่งที่น่าสังเกต และเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ มนุษย์เราขี้กลัวมาก นั่นคือ คนเราวิตกกังวล
และหวาดระแวง ได้ง่ายมาก ซึ่งประเด็นที่น่าสนใจถัดมาก็คือ ถ้าคนเรามีความสามารถทำให้ ชีวิตมีความ
หวาดกลัวให้น้อยลงกันสักหน่อย ชีวิตและการเป็นอยู่ของคนเรา คงจะสนุก และน่าสุขใจ มากขึ้นอีก
เยอะเลยทีเดียว อีกทั้ง ความมั่นคงในชีวิตของแต่ละคน ก็จะไม่เป็นเรื่องใหญ่ ที่น่าหนักใจอีกต่อไป
และก็คงไม่วุ่นวาย มากมายเหมือนในแบบที่เป็นกันอยู่ ทุกวันนี้ด้วย
แต่ถ้าคนเรา ต่างคนต่างเก็บความกลัวอยู่ในตัวกันอยู่อย่างนี้โดยไม่ทำอะไรกับมัน ทุกอย่างที่ว่ามา
ก็จะกลับกลายเป็นในทางตรงกันข้าม ซึ่งนอกจากมันจะทำให้แต่ละคนเดือดร้อนแล้ว มันยังทำให้
เกิดความเดือดร้อนโดยรวมอีกด้วย และข้าพเจ้าขอบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ อันตรายมากทีเดียว
เอาง่ายๆลองคิดดูแล้วกันว่า ทำไมคนเป็นมะเร็ง หรือเป็นโรคแปลกๆกันเยอะจัง เช่นโรค
ปากแหว่งเพดานโหว่ , โดยเฉพาะตามแหล่งนิคมอุตสาหกรรม แล้วการที่คนเราเป็นโรคแปลกๆ
กันเยอะนั้น มีใครคิดบ้างรึเปล่า ว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับ การลดน้อยลงอย่างมาก ของความเห็นอก
เห็นใจซึ่งกันและกันของคนเราก็ได้ คนปลูกผักบางคน ยังทำใจไม่ได้ กับการกินผักตัวเอง จนต้องไป
ซื้อผักของคนอื่นปลูกมากิน เพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองฉีด ก็ยังมีเลย อีกทั้งเจ้าของโรงงาน
ที่ไม่สนใจมลพิษที่เกิดขึ้น ก็มีให้เห็นกันอยู่เยอะแยะ ถามว่าเขาตั้งใจทำร้ายใครรึเปล่า คำตอบมันก็คง
ไม่ใช่ แต่มันคงเป็นเพราะเราเห็นอกเห็นใจกันน้อยลง อันเนื่องมาจากความกลัว และความขุ่นข้อง
หมองใจ ที่เกิดจากความกลัว มันก็แค่นี้แหละชีวิตคนเรา โดยเฉพาะคนไทย ที่ต้องมีชีวิตตามยถากร
รมไม่มีใครเห็นใจเข้ามาดูแล ฟังดูมันอาจจะเป็นเรื่องน่าเศร้าสักหน่อย แต่มันก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
และก็มัน ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ถ้าเพียงเราแต่ละคน มีความสามารถในการจัดการกับความกลัว
และความขุ่นข้องหมองใจที่เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง และสิ่งที่จะช่วยให้ท่านมีความสามารถนี้ขึ้นมาได้
ก็คงจะมีแต่การรับรู้ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความกลัวที่ท่านไม่เคยรู้ม่าก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งมันไม่ยากเลย
แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 52 03:52:33
จากคุณ :
พงษ์ชัยวัฒน์
- [
6 มี.ค. 52 00:56:54
]