ความคิดเห็นที่ 1 FAQ’s: 1. เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดี คำตอบที่มักจะเจอ เรียนที่ ....(ชื่อโรงเรียน)....สิคะ เราก็ไปเรียนที่นั่นมา...อาจารย์สอนดีมากๆเลยค่ะ...(สรรพคุณ)... คำตอบของเรา รอสักเดี๋ยว จะมีหน้าม้าที่ทำงานในโรงเรียนสอนภาษาเข้ามาตอบเอง  เอ้าเรียนศัพท์ไปคำหนึ่งพลางๆตอนรอคำตอบ...คำว่า“หน้าม้า” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “shill” เดี๋ยวมีเวลาว่างจะเล่าเรื่องมันๆให้ฟังเกี่ยวกับ shill ตอนนี้รีบๆพิมพ์เอาจำนวนหน้าไว้ก่อน... ^ ^ เอ้าตายหะ!..ลืมดูข้างบน เพิ่งมีคนเขียด เอ้ยปาดหน้าเราไปซะแล้ว (โหหน้าม้าโรงเรียนไหนหว่า?)  ต้องยึดใบขับขี่ซะ ให้เข็ด... แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 52 04:04:45 แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 18:55:09 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 19 มี.ค. 52 18:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. ฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องจะทำยังไงดี คำตอบที่มักจะเจอ a ฟังไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง b เคยได้ยินมาว่าใครก็ไม่รู้ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ บอกว่าให้เอาเทปสอนภาษาเปิดไว้ตอนนอนทุกคืน แล้วพอตื่นมา ก็ดูหนัง soundtrack โดยไม่ดู subtitles ฟังไปเรื่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ฟังดูรู้เรื่องไปเอง คำตอบของเรา a เอาแบบที่ไร้สาระก่อน “หาแฟนฝรั่งสักคนหนึ่ง (หรือหลายคน) ก็หมดเรื่องไปเอง 555+++ ” b เอาแบบมีสาระหน่อยๆ แต่ก็มีไม่มากนัก ไปหา dictionary อังกฤษเป็นอังกฤษที่เป็น software มาติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ ค่อยๆนึกว่าตัวเองรู้คำศัพท์กี่คำที่จำได้ในสมอง แล้วค่อยๆทยอยพิมพ์เข้าไปทีละคำ ให้ software มันออกเสียงให้ฟัง  แล้วก็หัดพูดให้เหมือนมัน ถ้าเราแก้ไขการออกเสียงผิดๆของเราเสียก่อนเป็นลำดับแรก  แล้วหัดออกเสียงให้ใกล้เคียงความจริง เราก็รู้ว่าจะคาดหวังว่าจะได้ยินเจ้าของภาษาพูดว่าอะไร ทักษะการฟังของเราก็จะดีขึ้น...บล๊าบๆๆๆ... ยังมีเทคนิคอื่นๆอีกเต็มกระบุง....แต่ตอนนี้ขอพิมพ์ดุ่ยๆเอาจำนวนคำไว้ก่อน ยังมีต่ออีกบานเลยหละ... ถ้าไม่โดนใครเอาอะไรขว้างหัวเสียก่อน ก็จะเขียนต่อ...555+++... แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 19:04:56 แก้ไขเมื่อ 19 มี.ค. 52 19:03:53 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 19 มี.ค. 52 18:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ... จากคุณ : jasonthe13th - [ 19 มี.ค. 52 18:53:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คณหมอ ดูดวงจู๋ให้หน่อย เห็นว่าฟรี  ฮี่ฮี่ จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') - [ 19 มี.ค. 52 19:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แหมตั้งชื่อห้องเสียหรูเลยว่าห้องเรียนภาษาอังกฤษ แต่ไม่มีใครเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษ ^ ^ ^ ใครก็ไม่รู้เสนอให้เราขอเสียงโหวตห้องเรียนภาษาอังกฤษ บอกเราว่าจะเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษให้ แต่...จู่ ๆ ก็หายไป ใครหนอ ... คุณ fortuneteller ทราบมั้ยเอ่ย จากคุณ : Flowery - [ 19 มี.ค. 52 23:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Crystal (ball) clear. Any more. จากคุณ : genf - [ 19 มี.ค. 52 23:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มารอดู จากคุณ : dvs_natty - [ 20 มี.ค. 52 00:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามารออ่านจ้า จากคุณ : endimian - [ 20 มี.ค. 52 15:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รออ่านบทความอยู่นะคะ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 09:50:23 จากคุณ : 2Kcartoon (2Kcartoon) - [ 20 มี.ค. 52 15:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทีแรกเห็นไม่มีใครสนใจ เราทำท่าจะ "งอน" ไม่เขียนแล้วนะ แต่พอเห็นแฟนๆรายเก่าๆเรียกร้องนิ "บ้ายอ" เดี๋ยวปั่น (พิมพ์นะจ๊ะ) แหลกเลยอ้ะ ...555+++ แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 52 17:38:30 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 20 มี.ค. 52 17:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าไปทักว่าเป็นคุณ tansy สิครับ เสียการกำบังตัวหมด เขาอุตส่าห์ปิดแทบแย่ เวรจริงๆ ไม่รู้จะเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเสียงไปทำไม ประดักประเดิดไปเปล่าๆ แล้วกำชับเราด้วยนะ อย่าบอกใครๆ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 20 มี.ค. 52 17:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แหมซือเฮียก้อ... ไอ้ที่เปลี่ยนชื่อนะ "ไม่ใช่กำบังตัว" เฟ้ย แหมสำนวนเป็นเอกลักษณ์แบบนี้ ใครๆก็จำได้อยู่ดีน่ะ (มีหรือที่เราจะไม่รู้)...แต่เปลี่ยนชื่อ เพื่อเป็นการเตือนสติตัวเองว่า "ชาตินี้ตูต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นหมอดูให้ได้" เหตุผลเพราะอะไร เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 52 17:43:43 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 20 มี.ค. 52 17:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แหม คุณหมอ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง อยู่เรื่อย เมื่อไหร่จะเล่าซะทีละคะ จากคุณ : กลั้นใจรอ ก็จะตายเปล่า (ta/'o-o/') - [ 20 มี.ค. 52 17:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เฮ้ย โหวตเลยดีกว่า มีหน่วยกล้าตายมาตั้งกระทู้แบบนี้แระ (อิๆๆๆ) ตอนแรกไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้ กลัวจะเถียงกันยาวขี้เกียจ learning a language by learning something else using that language as a medium. จากคุณ : ล็อกอินขอยืม (พระเอกละครหลังข่าว) - [ 20 มี.ค. 52 18:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาเร็วๆนะคะ แฟนขับรออ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : บุหลันรตี (บุหลันรตี) - [ 21 มี.ค. 52 06:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รอ รอ รอ จากคุณ : ผมมีความรักมาฝาก - [ 21 มี.ค. 52 10:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วมันเป็นกระทู้แนะนำได้ไง? ใครไปปั่นง่ะ? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 21 มี.ค. 52 12:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โอ้ะโอ  ใครบอกว่าไม่สนใจคะ เพียงแต่ว่าคนอื่นเขาไม่อยากเข้ามาปาดหรือเปล่าคะ กลัวจะเสียอารมณ์ไป คุณ คห 13 เยี่ยมเลยค่ะ ให้กิฟเพราะพูดได้โดนมาก อะไรๆก็บอกว่าเดี๋ยวจะเล่าๆ คนอื่นเขาก็รอร๊อรอ อิอิ อย่างน้อยก็เข้ามาทราบว่าเมื่อก่อนคุณหมอชื่อ... เพราะความเห็น12นะคะเนี่ย พอดีเพิ่งเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ก็เลยไม่ทราบ ตอนแรกที่ คห 11 อ่านดูยังนึกว่า พี่Flowery ทักว่าอย่าเอ็ดไป 555+ เราก็เลยรู้จนได้ค่ะ อิอิ ปูเสื่อเก่าๆรอนะคะ จากคุณ : So in (bleeding) love (ploy_angjoe) - [ 21 มี.ค. 52 18:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มารอด้วยคนค่ะ จากคุณ : แม่มดตัวจิ๋ว - [ 21 มี.ค. 52 19:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มานั่งรอด้วยค่ะ จากคุณ : P.Phasuk - [ 21 มี.ค. 52 19:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Playing hard to get, are we? จากคุณ : genf - [ 21 มี.ค. 52 20:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่คคห #17 บอกว่า แล้วมันเป็นกระทู้แนะนำได้ไง? ใครไปปั่นง่ะ? นั่นน่ะสิ งงเหมือนกัน ทีแรกเรากะว่าจะเขียนเล่นๆ 2-3 คคห เท่านั้นเอง แต่อ้าวเวรกรรม ใครดันมากด vote ให้เราเนี่ย...เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าเรามี "หน้าม้า" ... แต่เอ่อ เห็นลูกพี่ genf เขามาก้อดีแล้ว เลยฉวยโอกาสโมเม โมเม ไปเลยว่า   ใน คคห 2 ที่เราบอกว่า คำตอบของเรา a เอาแบบที่ไร้สาระก่อน “หาแฟนฝรั่งสักคนหนึ่ง (หรือหลายคน) ก็หมดเรื่องไปเอง 555+++ ” จะได้ฟังภาษาอังกฤษเก่ง แล้วแถมเขียนเก่งอีกด้วย (ตอนนี้เริ่มโมเมแล้ว) เพราะเห็นลูกพี่ genf มีแฟนเป็นฝรั่ง เราก็เลยคิดว่าเขาทั้งพูดทั้งเขียนภาษาอังกฤษเก่งเพราะมีแฟนเป็นฝรั่งนี้เองน่ะ... แหมเราก็แสนจะทึ่งกับความสามารถของเขาจริงๆ เพราะเรายังมีเพื่อนคนไทยอีกตั้งหลายคนที่ยังตกค้างอยู่ในประเทศอังกฤษ บางคนอยู่ที่นั่นนานรวมทั้งหมดเกิน 30 ปีแล้ว แต่ยังไม่เห็นเพื่อนเราคนไหนที่เก่งภาษาอังกฤษมากเท่าคุณ genf เลย แต่พอพิมพ์ๆไปแล้วนะ เสียวๆว่าเดี๋ยวคุณ genf โต้กลับมาว่า "แต่แฟนผมเป็นชาวสเปนนะครับ ไม่ใช่ชาวอังกฤษ" เราก็จะยิ่งหน้าแหกหนักเข้าไปอีก...555+++... ถ้างั้นเราขอเดานะว่าที่คุณ genf อยู่ต่างแดนนานสูสีเพื่อนเราทุกคน แต่เก่งอังกฤษมากกว่าเพื่อนเราทั้งหมด เป็นเพราะ 1. คุณ genf ไปอยู่ต่างแดนตอนอายุน้อยกว่า 13 ขวบ (เพื่อนเราไปอยู่ต่างแดนตอนอายุเลย 20 ไปแล้วกันเกือบทุกคน...คือจบปริญญาตรีกันมาจากเมืองไทยแล้วเป็นส่วนใหญ่... มีเราคนเดียวเท่านั้นที่ไปอยู่ต่างแดนตอนอายุน้อยกว่าเพื่อนๆเรา แต่ไม่บอกว่าเราไปเมื่ออายุเท่าไหร่ เดี๋ยวใครเห็นอายุเราแล้ววิ่งตะครุบ เอ้ยวิ่งหนีกันหมด...555+++...) 2. เพื่อนเราอ่านแต่หนังสือพิมพ์ซุบซิบนินทาชาวบ้านเช่น News of the World (ที่มีแต่เรื่องว่าจะกิน cheese ยี่ห้อไหน หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลยี่ห้อไหน กับกินอาหารโด๊ปแบบไหน แล้วจะมี sex แบบไหนถึงขีวิตจะแจ่มใส หรือนักฟุตบอลคนไหนเคยเที่ยวผู้หญิงคืนหนึ่งหมดเงินตั้งหลายพันปอนด์...) แล้วจับกลุ่มกันอยู่แต่ในหมู่คนไทย ในขณะที่คุณ genf อ่านหนังสือดีๆ มากมายหลายประเภท? แล้วไม่ได้จับกลุ่มกับคนไทยเลย? 3. คุณ genf มีแฟนเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่เก่งมากๆ 4. คุณ genf มีพรสวรรค์ทางด้านภาษา 5. คุณ genf เป็นฝรั่งปลอมตัวมาสัพยอกพวกเรา...อิๆๆๆๆ คิดได้ไงเนี่ย (เรามีจินตนาการหลุดโลกบ่อยๆนะ)   ก็เลยขอสัมภาษณ์ คุณ genf เอาตอนนี้ซะเลย...อิๆๆๆ... ถ้าไม่ตอบนะ เราจะว่า You're playing hard to get. ไอ้ประโยคนี้มันแปลว่าอะไรหว่า "เล่นตัว" หรือเปล่า?" เอ่อ น่าจะใช่ เอ้าพวกเราได้เรียนศัพท์กันอีกชุดหนึ่งแล้วนะ...ขอบคุณคุณ genf ที่ใช้คำศัพท์ชุดนี้ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 52 21:29:05 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 52 21:27:41 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 52 21:19:36 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 52 20:57:03 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 21 มี.ค. 52 20:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อุ๊ยๆดี เราก็อยากรู้ไต๋ เอ๊ย ฟามเป็นไปเป็นมาของคุณ genf จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 21 มี.ค. 52 21:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอตามมาเรียนภาษาอังกฤษ จากบทสัมภาษณ์ด้วยคนค่ะ จากคุณ : Shazi - [ 21 มี.ค. 52 21:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในขณะที่รอคำตอบลูกพี่ genf เราก็เดินหน้าปั่นกระทู้ต่อ โดยจะเขียน FAQ เบอร์ 3 ต่อไป แหมถ้าเบอร์มันขึ้นเรื่อยๆ อาจมีคนเอาไปแทงหวยนะ...อิๆๆๆ... แต่ก่อนเดินหน้าขอบอกก่อนว่าเรื่องวิธีแก้ปัญหาการฟังไม่รู้เรื่องที่เพิ่งเขียนไปนะ  มันยังมีลูกเล่นอีกมากมาย นั่นก็คือว่า ที่เราแนะนำให้หัดใช้ dictionary ฟังแล้วแก้การออกเสียงของคุณนะ อย่าเพิ่งคิดว่า แค่นี้ก็หมูแล้ว จริงๆแล้วถ้าคุณออกเสียงตาม dictionary ได้แล้วนะ นั่นมันเป็นการออกเสียงที่ในวิชา phonetics เขาเรียกว่า strong form (พูดช้าๆทีละคำ) เท่านั้นนะ แต่จริงๆแล้วฝรั่งเจ้าของภาษาเวลาพูดในชีวิตประจำวัน จะใช้ weak form นั่นก็คือพูดเร็วๆ แล้วพยางค์ที่อยู่ใกล้ๆกัน มันจะ link กัน และจะเกิดปรากฏการณ์ที่ มี 1. พยางค์บางพยางค์ “เสียงหายไป”   2. พยางค์บางพยางค์ “เสียงเปลี่ยนไป” และจะมีลูกเล่นอย่างอื่นตามมาอีกมากมายเช่น intonation ซึ่งเป็นเสียงสูงๆต่ำคล้ายๆเสียงวรรณยุกต์ของไทย แต่ของฝรั่งมัน "ไร้รูป" นั่นก็คือ "ไม่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์ปรากฎให้เห็นในการเขียนโดยทั่วๆไป นั่นเอง (แต่ phonetician เขาจะมีวิธีเขียนของเขา)" และคำๆเดียวกัน หรือประโยคๆเดียวกันในภาษาอังกฤษ ถ้าออกเสียงให้มี intonation ที่แตกต่างกัน มันจะสื่อความหมายที่ไม่เหมือนกัน ได้อย่างน่าประหลาด นี่เป็นการพูดถึงมันโดยไม่ใช้ศัพท์เทคนิคนะ แต่เราจะยังไม่เจาะลึก ที่ยังไม่พูดถึงมันก็เพราะว่าเรายังไม่แน่ใจว่าจะเขียนใหม่สดๆซิงๆหรือจะไปงัดของเก่าที่เราเขียนไว้เมื่อชาติก่อน เอ้ยเมื่อใช้ login ก่อนเอามาเล่าใหม่  ซึ่งการกระทำเช่นนั้น เขาเรียกว่า self plagiarism นั่นก็คือลอกเลียนงานของตัวเอง   ตัวอย่างของ self plagiarism ก็คือพวกเราชาวห้องสมุดคงจะเคยเห็นมีคนเอาข้อความหนังสือ 2 เล่มมา post ไว้แล้วสงสัยว่า นักเขียนคนหนึ่งลอกงานนักเขียนอีกคน ซึ่งอันนี้คือ plagiarism ธรรมดาๆ แต่มีคนสันนิษฐานว่า นักเขียนคนเดียวกันเอางานตัวเองที่เคยตีพิมพ์ไปแล้ว มาปัดฝุ่นใหม่ เปลี่ยนชื่อหนังสือไหม่ ดัดแปลงข้อความเล็กน้อย แล้วตีพิมพ์ใหม่ กรณีหลังนี้เขาเรียกว่า self plagiarism ซึ่งก็น่าเกลียดพอๆกัน เพราะมาหลอกเอาเงินคนอ่านซ้ำรอบสอง แต่ถ้าเผอิญเรางัดกระทู้เมื่อชาติก่อนของเรา เอ้ยเมื่อ login เดิมของเรามา ปัดฝุนใหม่ อันนี้ไม่ผิดจรรยาบรรณ นะ เพราะอะไร? เพราะว่า ข้อความแรก “เรายังไม่ได้รับเงินค่าเขียน” ยังไงล่ะ เอามาทำเป็น old wine in a new bottle ก็คงไม่น่าเกลียดนะ.... เพราะจริงๆแล้วเราก็อยากทำ links รวบรวมกระทู้เหมือนคุณ p o o k p u i ทำเหมือนกันนะ แต่จะเป็น links เฉพาะเรื่องเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งอดีต ปัจจุบัน และชาติหน้า ถ้าทำได้นะ... แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 52 22:33:50 แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 52 22:08:20 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 21 มี.ค. 52 22:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอาหละ ได้ FAQ 3 แล้ว เพราะ เพิ่งเหลือบๆมองไปข้างบน แล้วเห็นมีคนตั้งกระทู้ถามว่า จะเรียน conversation ที่ไหน ให้พูดได้ภายใน 2.5 เดือน... แหมคิดละเอียดจังนะ มีทศนิยมด้วยอ้ะ... แล้วก็เผอิญตาไวไปเห็นคนตั้งกระทู้อีกว่า ให้ vote ระหว่างเรียนโรงเรียนชื่อเหมือนยี่ห้อไอสครีม กับเรียน AUA อันไหนจะดีกว่า พอดูชื่อโรงเรียนเหมือนไอสครีมแล้ว ความคิดก็โยงใยไปถึงกระทู้เมื่อประมาณปีที่แล้ว ที่อ่านแล้วน่าสงสารมากๆ (ไม่ได้เยอะเย้ยนะ) แต่สงสารมากๆ เพราะเขาคิดหนัก แล้วไม่รู้ทางเดินจริงๆ เขาถามอย่างนี้ “ผมมีกำลังจะยอมสละเงินหนึ่งแสนบาทเพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนชื่อเหมือนไอสครีมนี้ พวกเพื่อนๆช่วยบอกผมสิว่า เรียนจบแล้วใช้งานได้เลยหรือเปล่าครับ (ใครเคยเรียนบ้างหรือเปล่าครับ) แหมเงินมันตั้งเยอะ แต่ถ้าได้ผลนะ ผมก็ยอมสละครับ กัดฟันจ่ายได้” อ่านๆแล้วขอประมวลผลนะ ว่า FAQ เบอร์ 3 จะมีชื่อว่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ ผู้เรียนจะกำหนดเป้าหมายได้หรือไม่ว่า 1. จะใช้เวลาเรียนนานแค่ไหน 2. จะจำกัดงบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่? ขอแปะ FAQ เบอร์ 3 ก่อน แล้วไปกินเบียร์ ถ้าไม่เมาหลับไปก่อน จะมาให้คำตอบ โดยการเจาะลึก...นะ อ้าวสวัสดีหน้าม้า เบอร์ 23 ขอทักทายหน่อย เป็นไง Bournemouth เอ้ย Brighton  น่ะ sunny อ้ะป่ะ? จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 21 มี.ค. 52 22:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Very sunny and mild today ka. Yesterday was the first day of Spring. Spring Equinox I was told. When the weather is like this you can't help feeling life is so good. Tomorrow is another matter, the forecast says rain but according to my google weather it's sunny and cloudy. Have a good weekend and keep typing ka  :) Oh I took this today... จากคุณ : Brighton gal (ta/'o-o/') - [ 21 มี.ค. 52 23:01:46 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ จากคุณ : Guga - [ 21 มี.ค. 52 23:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เฮ้ย...!!! พูดเป็นเล่นไปน่ะ เราก็ใช้ on premises ตลอดนะ แต่เราดันทลึ่งสะกดคำศัพท์อื่นๆอีกหลายๆตัว แบบ American (มันลดตัวอักษรลงไงล่ะ) แถมบางทีนะ เรายังดัดจริตพูดสำเนียงมะกันอีกด้วย ตายห่ะเลย...แบบนี้ แต่บางทีก็ไม่ลดตัวอักษรนะ เพราะ installment นี่สะกดแบบ US นะ แต่ instalment นี่สะกดแบบ British นะ จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 00:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 30 I am extremely impressed with your questioning tactics, หมอดูสำนัก white rabbit (ageless fortuneteller). You must be ' I dare you' type of person. Me too. So you dare ask, I dare answer. For that, I have no choice but to give you some short answers, already known by some long time members in Klaibann. 1. I am slightly younger than Mme. Ta, only by a few months. I went to the UK, Edinburgh Scotland when I was more or less 20. Now some of you may be able to guess how old I may be. 2. First 3 years in Scotland I met a large group of Thai students but spent most of my time with my then-girlfriend (now wife) and after that I was the only Thai left. They all ran off home and left me behind. Four years afterward I never met a single Thai person in Edinburgh. After graduated we moved to Newcastle, I worked as an Electronic  Production/Process Engineer, working mostly with women, hundreds of them in 3 different factories. During the first 4 years I did not meet a single Thai person either, until a Thai restaurant was opened in the biggest shopping centre in the UK, not far from our house, there I befriended the owners. From then on I started speaking a lot more Thai but still talking in English with some Thai people who had been living there for a long time. Unlike my wife, I am not a bookworm, in fact I hate reading books. I only read technical books, journal or magazines. 3. My wife is Scottish, a linguist, lecturer and a business woman. 4. Have a flair for the English language, not likely. I only know what and how to speak but absolutely suck at writing. I think in English most of the time, it just comes naturally since I have been out here for 3 decades. The three of us speak English at home all the time. My daughter does not speak much Thai, only a few words or phrases, when we go home to Thailand. My wife, as a linguist, she does not speak much Thai either but able to understand at least 40 percent of what we Thais talk about. I do not use big words, try to avoid using them, at all cost, when and where I can. As you may have noticed whenever I write anything on this webboard. 5. Rest assured, I am 100 percent Thai, born and bred. Even though I have been living away from home for longer than living at home in Thailand. PS. I do sometimes play hard to get, depending on the situation and people. That's about it, a short story of my life. Feel free to share your own, anyone. แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 03:05:08 จากคุณ : genf - [ 22 มี.ค. 52 00:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แล้วโครงสร้างประโยคแบบนี้ ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันอ้ะ "You better have more on than bells," she said, laughing. มันมาได้ไงกันหว่า? เคยเห็นแต่ "You'd better have more on than bells," she said, laughing. อันแรก หนังสือมันพิมพ์ผิด หรือมันเป็น grammar แบบ American? หรือว่ามันเป็นภาษาพูด จะเอาไงก็ได้...เง็งว่ะ...??? ไปดู dialog เอ้ย dialogue (จริงๆแล้วมันสะกดได้ 2 อย่าง) เต็มได้ที่นี่ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7645589/K7645589.html จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 00:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 32 There you are! His wife is a linguist! He hardly speaks Thai. Go back to read #22 I said 2....ในขณะที่คุณ genf อ่านหนังสือดีๆ มากมายหลายประเภท? แล้วไม่ได้จับกลุ่มกับคนไทยเลย? 3. คุณ genf มีแฟนเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่เก่งมากๆ I made good guesses, didn't I?  (เดาผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ก็เฉียดๆ ใช่หรือเปล่า?) เราแต่งงานกับคนอังกฤษ แล้วอยู่กินกันแค่ 5-6 ปี เอง แต่ต่อให้เราอยู่กับแฟนฝรั่งเรายาวนานเท่า คุณ genf อยู่กับแฟนเขา เราก็ไม่มีทางเรียนภาษาอังกฤษจากแฟนเราได้อีกต่อไปแล้ว  เราแค่เรียนแค่สนทนาจากเธอ แล้วก็จบกันแล้ว (ต่อไปเราต้องหาตำราเรียนเอง) นั่นก็เพราะว่าแฟนเก่าเราถึงจะเป็นฝรั่งเจ้าของภาษาก็จริง แต่เธอก็พูดเป็นธรรมชาติเท่านั้น แต่เธอแทบจะเขียนหนังสือไม่ได้เลย! ขอบคุณคุณgenf ที่กรุณามาให้สัมภาษณ์ เล่าประสบการณ์ชีวิตอันมีค่า ให้พวกเพื่อนๆฟัง แต่ตอนนี้นะ เห็นทีว่าเรา จะต้องไปฝึก "ดูดวงให้แม่นๆกว่านี้" จะได้เป็นหมอดูที่ดูแม่นกว่านี้อีกหลายๆเท่านะ..ดูคลาดเคลื่อนบ่อยๆ rating ตกฮวบฮาบ...พวกคุณหญิงคุณนายไฮโซจะไม่มาดูดวงกับเราอีก เราอาจจะต้องตกอับ กลับไปทำงานด้านภาษาอังกฤษอีกละก้อ เห็นทีจะแย่แน่ๆเลยหละ...ฮาๆๆ... เพราะอะไร? เพราะมันได้เงินยากมากๆเลยหละ เดี๋ยวเขียนๆไปนะ แล้วจะแฉเรื่องนี้ให้ฟัง แบบหมดเปลือกเลยหละ...โปรดอดใจรออ่าน... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 00:53:01 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 00:47:58 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 00:42:09 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 00:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สมเป็นหมอดูแม่นๆ ขอบคุณคุณ genf for sharing Kewl! จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 22 มี.ค. 52 00:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เอ่อใช่แล้ว "ตา" เอ๋ย... in premises เราจำได้แล้ว เคยเจอบ่อยๆ ตอนแปลนิยายอเมริกัน น่ะ .... ก็เลยความคิดเลยเถิดไปถึงสำนวนพวกเนี้ย a skeleton in the closet: a closely kept secret that is a source of shame or embarrassment รู้สึกว่า อันบนนี้เป็น American English นะ แต่ British English มันคือ a skeleton in the cupboard ซึ่งจริงๆแล้วมันก็แปลเหมือนๆกัน นั่นก็คือ "เรื่องที่อับอายขายหน้าซึ่งต้องปกปิดไว้เป็นความลับ" เอ่อแล้วก็มี be in the closet ไม่ยอมรับว่าเป็นเกย์ กับ come out of the closet (หลังจากเป็นเกย์แอบๆ (ปกปิดไว้)) ตอนนี้ยอมออกมาเปิดเผยตัวแล้วว่าตัวเองเป็นเกย์ เอาเข้ามาฝึกเขียนภาษาอังกฤษเร้ว ใครเคยชอบไม้ป่าเดียว ตอนนี้ก็เข้ามาฝึกได้โดยการเอาข้อความพวกนี้ไปหัดเขียนพลิกแพลงเองเอง Say something creative such as: I have been in the closet before.  But seeing that Miss Flowery is so beautiful, I have to amend my ways and my doings, and obey the voice of the LORD.  Amen. ข้อความข้างบนนี้มีจริงกับเท็จ ปนกัน อันไหนจริง อันไหนเท็จ ขึ้นอยู่กับว่า "โจทก์เป็นใคร" ...555+++... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 01:40:53 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 01:28:35 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 01:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 stop press: ตาม link นี้ไปแล้วคุณจะเจอ audio files กับ video files ที่ใช้ฝึกฟังพูดอังกฤษได้ http://sitesfound.forumotion.com/online-dictionaries-english-studies-sites-and-other-resources-f1/english-studies-sites-t4.htm ตาม link นี้ไปดู online dictionaries มีเพียบเลย (แต่ links แรกๆบางอันคุณอาจงงว่า "ให้มาทำไม" เพราะมันเป็นกลุ่มคำศัพท์พื้นฐาน ที่ง่ายๆ ใครก็รู้... http://sitesfound.forumotion.com/online-dictionaries-english-studies-sites-and-other-resources-f1/dictionaries-and-references-t3.htm แต่พอเราเขียนบทความนี้ต่อไปเรื่อยๆ คุณจะแปลใจมากๆ ว่าเราใช้คำศัพท์หมูๆพวกนี้ สาธิตการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพื่อ "ต่อยอด" ไปยังการเรียนภาษาอังกฤษ "ระดับยากๆ" ได้อย่างไร ...ส่วน links ที่เหลือใน webpage นั้นนะ เป็น online dictionaries ของฟรี ที่จุคำศัพท์มากๆ มากกว่า talking dictionary หลายเท่าเลยหละ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 11:37:12 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 02:37:32 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 02:34:51 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 02:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 link นี้น่าสนใจมากๆนะ คือว่างานหนังสือปีนี้ ใครมีเงินจะไปซื้อหนังสือก็เชิญ แต่ถ้าใครไม่มีเงิน จะอ่านหนังสือฟรี ก็ตาม link นี้ไป มีหนังสือของมหาลัยรามคำแหงให้ download ฟรี หลายวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำราเรียนภาษาอังกฤษ ตำรารามฯพวก EN series นั้น เราเคยติดตามมา แล้วพบว่า ถึงบางอันมันล้าสมัย ...บางเล่มเห็น bibliography เขาบอกว่า เอามาจากตำราฝรั่งเก่าตั้ง 40 ปีมาแล้ว!...แถมเรื่องปวดหัวก็คือว่า usage บางอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วก็มี แล้วตำราบางเล่ม ยังมีข้อผิดพลาดที่ยังไม่ได้รับการตรวจแก้ให้ถูกต้อง แต่ถ้าคุณเปิดไล่ดู topics ของมันดีๆนะ คุณจะเห็นได้ว่า มันจะ cover topics สำคัญๆที่โรงเรียนสอนภาษาตั้งหลายแห่ง "ลืมสอนคุณ!" ...แล้วลองคิดดูดีๆนะว่า การที่เราจะ บรรลุเป้าหมายนั้นๆ (หมายถึงเรียนรู้เรื่องนั้นๆ ใน EN textbooks น่ะ) เราเรียนได้ โดยไม่ต้องใช้ EN textbooks ของมหาลัยเลย...นั่นก็คือ ใช้ topics ใน EN textbooks  เป็นเพียงแค่ references แล้วใช้ google หา topics เหมือนๆกัน แล้ว "อ่านจับใจความ" แล้วเขียนใหม่ หรือไม่ ก็ "แปลบทเรียนพวกนั้น แล้วให้ credit คนเขียน" โดยการทำ link ไปที่ websites เหล่านั้น ถ้าทำดีๆนะ จะได้บทเรียนที่น่าจะ cover เนื้อหาของ EN ทุกเล่ม ตั้งแต่ปี 1 ถึง ปี 4 อาจลงเอยได้เนื้อหามากกว่านั้น อีกหลายเท่าก็ได้ คือ "แทนที่จะไปติวสรุปเพื่อสอบได้" แต่กลายเป็น "เอาบทเรียนมา expand เพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ และหลากหลายมากกว่าเดิมอีกหลายๆเท่า" ซึ่งถ้าทำได้นะ จะเป็นการสร้างสื่อการสอนภาษาอังกฤษ ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ได้เลยหละ...!!! ก่อนอื่นตาม link นี้ไป download หนังสือ EN มาเรียนภาษาอังกฤษเล่นๆ ก่อนที่จะไปเสียเงินเรียนภาษาอังกฤษหลักสูตรตั้งเป็นแสนๆบาทนะ! เราเคยคิดเล่นๆว่า จะลองพยายามเขียนบทเรียนปี 1 ถึง ปี 4 ให้ใหม่หมดเลย คือ update มันให้ทันสมัยนั่นเอง ถ้ามีคนสนใจมากๆนะ ก็คงสนุก แต่จะมานั่งอ่านจับใจความบทเรียนจาก websites ของฝรั่ง แล้วเรียบเรียงใหม่ นั่งแปลใหม่ทั้งหมด มันคงเสียเวลาน่าดูเลยหละ.... แล้วจะทำยังไงล่ะ...จึงจะบรรลุเป้าหมายได้? ถ้าคิดด้วยสมองอันยึกยัก แบบ devious มากๆของเราอะ นะ ต้องทำงี้ "แนะนำ เคล็ดลับว่า ทำอย่างไร จึงจะเรียนทักษะ reading comprehension ในระดับพื้นฐาน ง่ายๆ ได้โดยเร็วที่สุด จนพอที่จะอ่านบทเรียนที่ฝรั่งเขียนไว้ด้วยภาษาง่ายๆ บน websites ต่างๆ ได้ แล้วแนะนำว่า websites ไหมมีบทเรียนของ EN เล่มไหน แล้วให้ผู้เรียนไปศึกษาเอาเอง" ...ตกลงงานหนังสือปีนี้ ถ้าคุณไม่มีเงินก็ไม่ต้องเศร้านะ ยิ้มเถอะ แล้วมาอ่านหนังสือรามฯเป็นเพื่อนกัน ก็ดีเหมือนกันนะ...cheers... พูดมาก เกือบลืม link แน่ะ อยู่ที่นี่ http://www.watnai.org/forum1/index.php?topic=145.0 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 20:42:49 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 05:13:05 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 05:10:05 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 03:11:45 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 03:07:33 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 02:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เราลอง download EN 101 มาดู แล้วพอจะจับแนวทางได้ว่าจะเขียนใหม่หมดได้อย่างไร โดยให้ผู้อ่านสามารถบรรลุเป้าหมายเดิมตามที่ผู้แต่งหนังสือตั้งใจเอาไว้ได้...โดยการใช้แหล่งทรัพยาการจาก Internet ล้วนๆ การที่จะอ่านจับใจความ แล้วสร้างสื่อใหม่หมด โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์นั้น มันต้องออกแรงมากหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ้ง "ตัวอย่างประโยค อาจต้องไป ไล่งมมาจาก google หรือ จาก corpora" เอ่อ เราเพิ่งอ่าน Forward ของ EN 101 เราพบข้อผิดพลาดที่อยากจะแก้ไขให้ นั่นก็คือข้อความนี้  มันเป็น paragraph ที่สองของ Forward ใครพอมองเห็นข้อผิดพลาดบ้างหรือไม่? Students are advised to study this book in accordance with their achievement in English. Those who are good in English at the M.S. 5 level need not study every page of the book : they may study the grammatical rules and some examples, do a few Items in the exercises, and study the grammar of correct usage, which is very useful for some finer points of English structure. Students are advised not to memorize all the vocabulary items appearing in Part B; however, words with high frequency should be given more attention. จริงๆแล้วข้อความข้างบนนี้ ถ้าจะ edit ใหม่ให้ดีๆ กึคงจะดี แต่ปล่อยไว้งั้น ก็พอไหว ยกเว้นมีที่หนึ่งซึ่งต้องแก้แน่ๆนั่นก็คือ Those who are good in English . ตรงนี้ ที่ถูกน่าจะเป็น Those who are good at English . ใช่หรือเปล่าล่ะ? ....................... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 21:18:38 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 05:27:00 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 05:19:32 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 04:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คราวนึ้เรา download EN 205 มาอ่านผ่านๆดู แล้วไม่ได้ตั้งใจจับผิด แต่พบข้อผิดพลาดดังต่อไปนี้ 1. หนังสืออ้างอิง มีพูดถึง  Situational Dialogues (1973) by Michael ...อ่านไม่ออก ไม่ชัด... และพูดถึง Dialogues: Why, When and How to Teach Them .. ที่มันผิดพลาดก็เพราะว่า เขาลืมตรวจทานว่า EN205 มีแต่ writing ล้วนๆ (เท่าที่อ่านผ่านๆ ตอนนี้คิดว่างั้นนะ...เดี่ยวยังไงจะลองอ่านทวนดูใหม่...?? ) ไม่มี dialogues ที่เขาพลาดมาก็เพราะว่า EN205 เคยมีชื่อว่า EN 302 ซึ่งมี  writing ข้างหน้า แล้วมี dialogues ข้างหลังเล่มนั่นเอง แต่ตอนเขาทำใหม่ เขาเล่นแร่แปรธาตุ โดยการตัดเอาด้านหน้าออกไป แล้วมีแต่ writing ล้วนๆ แล้วตัดด้านหลังที่เป็น dialogues ออกไป (คงเอาไปไว้เล่มอื่น ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเล่มไหน) แล้วเล่มที่มีแต่ writing ล้วนๆ นั้น เขาตั้งชื่อมันไหม่ว่า EN205 แต่ลืมเอาข้อความที่วา"หนังสืออ้างอิง ที่เป็น dialogues ออกไป!” นั่นก็หมายความว่า เขาอ้างอิงหนังสือผิดเล่ม 2. พอดูเนื้อหาแล้วรู้สึกว่า มีบทต้นๆหายไป! อาจ scan มาไม่ครบ หรือเขาตัดทิ้งไปจริงๆ ซึ่งถ้าตัดทิ้งไปนะ ส่วนที่ตัดทิ้งไปนั้น มีความสำคัญอย่างมากต่อการปูพื้น writing เลยทีเดียวหละ (แต่เรามีต้นฉบับ EN302 ที่ยังไม่โดนตัดทอนอยู่ในมือ) 3. ข้อผิดพลาดรายที่สาม ก็คือ Preface It is hoped and expected that this will be the final reprinting of these materials changes have been made.   ^ ^ ประโยคนี้น่ะ มันผิด grammar แน่ๆ มีอะไรหายไปบางอย่าง ....พอดูคนลงชื่อนะเป็นอาจารย์  Donale A. Leuschel เวรกรรม ชื่ออาจารย์เขายังพิมพ์ผิดเลย ที่จริงมันน่าจะเป็น Donald A. Leuschel   แล้วอีกอย่างหนึ่งนะ เราเชื่อฝีมืออาจารย์ฝรั่งคนนี้ว่า “เขาตรวจ proof แม่นยำมากๆ" ...เพราะจากการที่เราเคยอ่าน EN302 ของเขามานะ รู้สึกเท่าที่อ่านผ่านๆมา อาจารย์ฝรั่งคนนี้ตรวจทานข้อความแม่นยำมากๆ ดังนั้น เราว่า ข้อความที่ “grammar หลุดๆ” ข้างบนนี้ คนไทยเขียนแน่ๆเลยหละ แต่ไม่รู้ว่าใครเขียน แล้วไปโยนให้ว่าอาจารย์ฝรั่งเขียนผิด  ก็เลยคิดว่าตรงนี้สมควรแก้ไขเสีย แล้วเอาด้านหน้าของ EN302 ที่หายไป มาแปะคืนเขาไว้ เหมือนเดิม เสียนะ... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 04:40:21 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 04:32:32 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ทำไมเราถึงรู้ว่า EN เล่มไหน ใครเอาไปเล่นแร่แปรธาตุแบบไหน? ตอบ เมื่อ 21 ปีที่แล้วเราซื้อ EN มาครบทุกเล่ม ตั้งแต่ปี 1 ถึง ปี 4 แล้วเอาไปนั่งบริกรรมอยู่หลายเดือน กะจะไปเป็นติวเตอร์หน้ารามฯ ตอนนั้นติวเตอร์หมู (นิติภูมิ) กำลังดังระเบิดเลย ตอนเขาสาธิตการติวหน้ารามฯ นะเราไปศึกษาวิธีการของเขา แล้วพบว่า ถึงสมัยก่อนเขาจะไม่เก่งมากขนาดปัจจุบันนี้ แต่เขามีพรสวรรค์มากๆ ในการ “ตัดต่อรูปประโยคภาษาอังกฤษ” เป็นส่วนๆ เพื่อสอนให้นักศึกษารู้วิธีเดาความหมาย เพื่อที่จะทำข้อสอบให้ได้ เขาพูดชักจูงใจ ฟังแล้วสนุกมากๆ เราเห็นรายได้ที่เขาทำได้นะ เราตาลุกเลยหละ เขาติวแค่ EN101 EN 102 EN 201 EN202 สี่ตัวนี้เท่านั้น แต่มันทำให้เขามีเงินไปเที่ยวรอบโลก และไปเรียนต่อต่างประเทศได้สบายๆเลยหละ! เราเกือบจะไปเปิดติวที่หน้ารามฯแล้ว แต่เดินๆไปเจอโรงเรียนติวแห่งหนึ่ง แถวนั้น มันเป็นคนที่เราเคยคุ้นๆหน้า เคยรู้จักกันในอังกฤษ เขาอยู่อังกฤษมาหลายปี เก่งภาษาอังกฤษมากเลย เขามาเปิดติวตรงนั้น พยายามทำการตลาดแต่มีชีวิตอยู่แบบลำบากมากๆ เพราะโดนพวกมาเฟียรบกวนตลอด  เรื่องมันตลกดีนะ วันหนึ่งเราไปหาเขา เขาบอกว่า "ป้ายโรงเรียนผมหายไป ใครแมร่งงัดออกไปก็ไม่รู้ว่ะ” เราก็ชักใจไม่ค่อยจะดีเหมือนกันแฮะ อีก 2-3 วันต่อมาเราแวะไป say hello ใหม่ ถามว่า “รู้ยังป้ายไปไหน” เขาตอบว่า “ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียนเมื่อเช้านี้ แล้วพูดว่า อาจารย์...ผมเห็นป้ายอาจารย์ลอยอยู่ในคลองแสนแสบน่ะ ครับ เอิ้กๆๆๆ...” เราก็เลยคิดว่า “โอ้โห มันอะไรกันนักกันหนาวะ?“   ก็เลยไม่ได้ไปยุ่งแถวๆหน้ารามอีกต่อไป  เราก็เลยแค่คิดเล่นๆว่าอะนะ “ถ้าเราเปิดติว EN online ได้นะ มันคงเป็นการ “แก้บน” นะ แต่ก็อีกนั่นหละ ถ้าเรามัวแต่เขียนบทเรียน EN ฟรีๆ โดยไม่มีรายได้นะ มันจะแย่งเวลาทำงานเป็นหมอดู ดูดวงของเราไปหมด แล้วเราจะเอาอะไรกินกัน? .... แต่พอคิดถึงเรื่องที่เคยอยากทำเมื่อ 21 ปีที่แล้ว และทำไม่ได้นะ คิดๆไปมันก็ท้าทายดีเหมือนกัน แต่บางทีอะนะ ...อยู่เฉยๆ ไม่ตงไม่ติวมัน วันไหนดูดวงไม่ได้ ก็เกาะพ่อแม่เรากินไปวันๆ...ชีวิตจะสงบกว่านะ....555+++... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 04:45:10 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 04:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วเขาไม่นอนกันมั่งเรอะไงน้อ คนประเทศนี้ จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 22 มี.ค. 52 05:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ตามลิ้งค์มาแล้วค่ะ คุณ ta/'o-o/' ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : Buelano - [ 22 มี.ค. 52 05:58:38 ]

ความคิดเห็นที่ 42 จากความคิดเห็นที่ 34 http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7644394/K7644394.html#34 Say something creative such as: I have been in the closet before.  But seeing that Miss Flowery is so beautiful, I have to amend my ways and my doings, and obey the voice of the LORD.  Amen. ข้อความข้างบนนี้มีจริงกับเท็จ ปนกัน อันไหนจริง อันไหนเท็จ ขึ้นอยู่กับว่า "โจทก์เป็นใคร" ...555+++... ^ ^ ^ ถ้าโจทก์เป็น Flowery คนนี้ ขอ confirm ว่าจริงค่ะ ไม่เชื่อดูรูปใน blog ได้ ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็มีหนุ่ม ๆ มาจีบเป็นระยะ ๆ นะ ไปแล้วดีกว่าเดี๋ยวไปประชุมไม่ทัน สัปดาห์นี้ ถ้าไม่เห็นเราในพันทิปหรือ bloggang ขอให้รู้ไว้เถิดว่า เราไป Meeting ที่ร.ร. แห่งหนึ่งแถวประตูน้ำนะคะ งานนี้ได้ใช้ภาษาอังกฤษจนมึนกันไปข้างนึงเลย ฮิ ฮิ จากคุณ : Flowery - [ 22 มี.ค. 52 11:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ้าวแล้วกัน! #40 เป็น "หน้าม้า" จริงๆด้วยดิ...โอ๊ย ไปเผยความลับทำไมกัน ...เอ้าถ้างั้นเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ พวกเราก็มาเรียนคำศัพท์กันอีกชุดหนึ่งก็แล้ว กัน Don't let the cat out of the bag. อย่าเปิดเผยความลับ #42 ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็มีหนุ่ม ๆ มาจีบเป็นระยะ ๆ นะ ขอแปลเอามันหน่อยนะ Although I'm not very beautiful, I get chatted up from time to time. chat somebody up เป็นการแปลคำว่า "จีบ" แบบ "โป๊น้อยที่สุด" ถ้าจะแปลให้โป๊มากกว่านี้มีศัพท์เด็ดๆมากกว่านี้อีกหลายๆ เท่า เลยหละ แต่...แต่อะไร? แต่ในประโยคภาษาอังกฤษนะ เราละคำว่า "หนุ่ม ๆ" เอาไว้น่ะ ยังงี้ นักแปลจะโดนอะไรขว้างหัวหรือเปล่าหนอ...อิๆๆ...? แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:53:43 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:52:28 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:25:54 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 15:13:21 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 15:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาเจอ #43 เลบทำให้นึกขึ้นได้ว่าคำที่ลงท้ายด้วย up คำนึงนี่ละ ที่ทำให้เกือบเสียเพื่อนบ้านไปคนนึง ตอนนั้นเพิ่งย้ายจาก UK ไปอยู่ USA ใหม่ๆ เราก็ขี่จักรยานเช้าๆทุกวัน ทีนี้มีเพื่อนบ้านสาวคนหนึ่งที่อยู่ Apartment ถัดไป ก็ขี่จักรยานเหมือนกัน ก็นัดกันไปขี่ตอนเช้า ปรกติเขาจะขี่หลังเลิกงาน เขาบอกให้เรา ปลุกตอนเช้าด้วย...ด้วยความที่ยังไม่ค่อยจะชินกับสำนวนในภาษาอเมริกันเท่าไร เราก็บอกเขาไปว่า O.K. I'll knock you up at six. ...เท่านั้นละครับ พี่น้อง กว่าจะเคลียร์กันได้ เกือบเป็นเรื่องใหญ่โต คุณ : ta/'o-o/' ว่าผมผิดหรือเปล่า จากคุณ : tnu - [ 22 มี.ค. 52 18:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ You could have gotten out of trouble by saying: "Don't get me wrong!  I have to hit on you and knock you dead before I can knock you up." hit on somebody: to talk to someone in a way that shows you are sexually attracted to them (อันนี้ก็ "จีบ" แต่ "โป๊" หน่อย) knock somebody dead: to surprise and please someone by being very impressive (ทำให้ประหลาดใจและพึงพอใจโดยการทำอะไรที่สุดแสนจะประทับใจ) knock somebody up: to wake someone up by knocking on their door (British English) ปลุกให้ตื่น; to make a woman pregnant (informal not polite )ทำให้ (ผู้หญิง) ท้อง เอ๊เวลาอธิบายทำไมต้องมีคำว่า "ผู้หญิง" ด้วยหว่า? ใครทำให้ผู้ชายท้องได้บ้าง...555+++... แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 19:17:17 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 19:05:23 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:51:46 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:49:28 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 18:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 46 A. I only ever used ...tennis knock up. Or I'll knock up some sandwiches and stuff. Only when you asked and I looked it up...YIKES!...to make someone pregnant... Hee hee... Glad you come out in one piece.... จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 22 มี.ค. 52 18:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ ใช่เคยได้ยิน Let's have a knock-up.  ใช้กับเทนนิสหรือปิงปอง knock-up (countable noun) แปลว่า "การตีซ้อมกันเล่นๆยังไม่นับแต้ม" To #44: Seeing that you're in USA, I wrote "You could have gotten out of trouble by saying:" instead of "You could have got out of trouble by saying:" นั่นน่ะสิ ตอนเราหัดพูดภาษาอเมริกันใหม่ๆนะ เรางงกับไอ้กริยา 3 ช่องของ get บ่อยๆเลยหละ ของอังกฤษ มัน get, got, got ของอเมริกัน มัน get, got, gotten แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 19:10:33 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 18:59:31 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 18:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 48 All things considered, you were so accurate that you absolutely deserved to be called a student of หมอดูสำนัก white rabbit clique and keep carrying on practicing Tai-Chi. Lucky for me, I am one of the luckiest one krub, Ajan หมอ. My wife and I have been through thick and thin together since 1980. Thank you for asking. Have a good evening and a wonderful new week. จากคุณ : genf - [ 22 มี.ค. 52 20:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ^ ^ Thanks.  Same to you. จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 21:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 50 หลังจากสัมภาษณ์คุณ genf ไปแล้ว และทักทายปราศัย กับหลายๆท่านไปแล้ว ก็อยากจะฝากบอกไว้ว่าบทเรียน EN นั้นถึงแม้จะล้าสมัยอยู่บ้าง และมีข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าเราเอามา update ดีๆ แล้ว expand ดีๆ มันจะกลายเป็นสื่อการสอนสำหรับ distance learning ที่ดีเยี่ยม และถ้าทำแบบ online ได้ก็จะดีมากๆเลย แต่มันเป็น project ขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ผ่านไปก่อน (เว้นเสียแต่จะมีคนสนใจ EN แล้วมาลงชื่อสมัครเรียนกันไว้มากๆ) ก่อนที่จะเดินหน้าเรื่อง FAQ ต่อไป ขอเน้น links พวกนี้คือ อันแรกคือ http://sitesfound.forumotion.com/online-dictionaries-english-studies-sites-and-other-resources-f1/english-studies-sites-t4.htm มื่อเข้าไปแล้วจะมี links หลายอัน แต่ 2 อันแรกน่าสนใจมากที่สุด อันหนึ่งคือ http://www.esl-lab.com/ มีบทเรียนฝึกฟัง เป็น audio files ตั้งแต่ง่ายมากๆ ไปจนถึงยากมากๆ ส่วนอันนี้คือ http://literacynet.org/cnnsf/instructor.html มีบทเรียนฝึกฟัง เป็น video clips ที่มีคำศัพท์ในชีวิตประจำวัน ทั่วๆไปมากมาย  มีแบบฝึกหัดเป็นข้อเขียนให้ลองทำดูด้วย  ข้อดีของมันก็คือว่า “มันเป็นวิดิโอที่ไม่ยาวนัก(มี scripts ให้ด้วย)” ซึ่งต่างจากการเรียนจาก หนัง soundtrack ที่ค่อนข้างยาว (ซึ่งยาวมากๆอาจทำให้เบื่อเสียก่อน) files พวกนี้ download ได้เกือบหมด ลองเข้าไปเล่นดู มันจะทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อสื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ไปได้มากเลย หละ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 00:12:03 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 52 21:59:06 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 22 มี.ค. 52 21:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เหอ เหอ...ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ได้เปลี่ยนมาใช้คำว่า I'll wake you up. แทนครับ จากคุณ : tnu - [ 22 มี.ค. 52 21:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณ genf นับถือ นับถือครับ ในฐานะรุ่นน้องของคนในวงการ--------รักภาษาอังกฤษอย่างมากมายเเละมีความต้องการที่จะช่วยคนไทยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ---------- จากคุณ : tonmelb - [ 22 มี.ค. 52 23:29:01 A:203.209.119.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ^ ^ อ้าสวัสดีคุณ tonmelb  แต่เราไม่ใช่คนรักภาษาอังกฤษหรอก "เราถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องใช้ภาษาอังกฤษทำมาหากิน" เราเคยใช้ logic + imagination + contriving นั่งเล่นหมากรุกสนุกมากๆ แต่เล่นหมากรุกมันเสียเวลาเปล่าประโยชน์ เลยเปลี่ยนเป็นใช้หลักการอันเดียวกัน เอามานั่งเล่นคอมพิวเตอร์กับ Internet แทน โดยการทดสอบ computer system แล้ว download  software มาทดสอบ  เพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์ (บางที network ด้วย) มันพังเล่นๆ แล้วก็ซ่อมมันใหม่ สนุกดี จริงๆแล้วการจะตอบ FAQ's เรื่องคนไทยดั้นด้นพยายามเรียนภาษาอังกฤษแท้จริงแล้วเป็นการเล่นเกมเพื่อฝึกสมองอีกอย่างหนึ่งของเรา FAQ เบอร์ 3 จะมีชื่อว่า ในการเรียนภาษาอังกฤษ ผู้เรียนจะกำหนดเป้าหมายได้หรือไม่ว่า 1. จะใช้เวลาเรียนนานแค่ไหน 2. จะจำกัดงบประมาณอยู่ที่เท่าไหร่? จริงๆแล้วถ้าเราคำนวณข้อ 1 ได้ เราก็น่าจะคำนวณข้อ 2 ได้ เห็นไวๆกระทู้ใครตั้งไว้เมื่อไม่กี่วันนี้ จขกท จะหาที่เรียน conversation ให้พูดได้ภายใน 2.5 เอ้าเรามาคำนวณความน่าจะเป็นไปได้กัน แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 04:53:58 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit ( (fortuneteller) - [ 23 มี.ค. 52 04:52:53 ]

ความคิดเห็นที่ 54 โจทย์มันไม่เหมือนคนเดินด้วย speed อันหนึ่ง แล้วเดินอยู่บนรถไฟ ที่วิ่งด้วย speed อีกอันหนึ่ง ในขณะที่พื้นโลกที่รถไฟวิ่งอยู่ก็หมุนไปตามที่โลกหมุน  แต่จริงๆแล้วนักภาษาศาสตร์สมัยใหม่ชักจะมีอะไรคล้ายๆนักคณิตศาสตร์เข้าไปทุกวันเสียแล้ว ลองมาดูกัน คนที่ถามปัญหานี้ คงไปแสวงหาที่เรียน แล้วหยั่งดูว่าที่ไหนบ้างจะสอนให้พูดได้ภายใน 2.5 เดือนs...เอ้าเติม s ให้ด้วย จะบอกวิธีคำนวณให้ มัน คล้ายๆ Euclidean geometry นั่นแหละ  เวลาเราพิสูจน์ว่าทฤษฎีไหนเป็นจริง เราก็ลองสมมุติว่ามันเป็นจริง แล้วมาดูว่าเมื่อมันเป็นจริง  มันจะมีอะไรให้เห็นบ้าง ในกรณีนี้เราสมมุติว่าคนถามปัญหาพูดภาษาอังกฤษได้ไปแล้ว แล้วเธอรู้อะไรบ้างล่ะตอนนี้ 1. รายการยาขมหม้อใหญ่ที่สุดคือ conjugation คือการกระจาย verbs นั่นเอง verb น่าจะเป็น part of speech ที่สำคัญที่สุด  เวลาเราจะดูว่าประโยคนั้นมันมีความหมายอะไร เราน่าจะดูที่ verb ก่อน แล้วจึงไปดูว่าใครทำ verb แล้วทำกับใคร แล้วจึงไปไล่ดูพวก modifiers ทั้งหลาย คราวนี้คนที่กำลังจะเรียน conversation ให้ได้ภายใน 2.5 เดือน จะต้องลอง จับ irregular verbs ทุกตัวมาวางไว้ตรงข้างหน้า ลองไปดูสิว่ามีกี่ตัว น่าจะประมาณสามสี่ร้อยตัวนะ http://www.englishpage.com/irregularverbs/irregularverbs.html แล้วลองเอา verbs พวกนี้นะ เขียนมันด้วย I, you, we, he, she, they เป็น active sentences แล้วก็เป็น passive sentences ด้วย แล้วเขียนมันให้ครบ 12 tenses ...จริงๆแล้วนักภาษาศาสตร์นับว่า tenses มีแค่ 2 tenses เอง....แต่เราหมายถึง เขียน verb forms ทั้งหมด ลองเขียนออกมา แล้วดูสิว่า permutations มันออกมามากเท่าไหร่ ตอนที่จะทำสิ่งนี้ ก็จะเจอเรื่องปวดหัวก็คือ I, you, we, he, she, they เวลาเป็น object มันเปลี่ยนหน้าตาไปอีก เราก็ต้องมาคำนวณกันอีกว่า เราจะฝึก “พลิกสมอง” เราได้อย่างไร ที่ต้องใช้คำว่า “พลิกสมอง” ก็เพราะว่า ภาษาไทย ฉัน คุณ พวกเรา เขา เธอ พวกเขา เวลาเป็น subject กับ object มันไม่ผันกลับไปกลับมาให้งง แล้วกริยาของไทยก็ไม่มี tense ภาษาจีนก็ง่ายคล้ายๆภาษาไทย ดังนั้นฝรั่งเรียนภาษาไทยกับภาษาจีน ง่ายกว่าคนไทยเรียนอังกฤษหลายเท่าเลย ทีนี้เรามาดูจำนวนคำศัพท์ที่จะต้องใช้พูด  คุณจะพูดแค่เรื่องง่ายๆในชีวิตประจำวัน  ไม่กี่ร้อยคำก็พอได้ เราก็ลองไปดู list คำศัพท์อันนี้คือ เอาแค่ 800 คำก็น่าจะพอ คุยกันรู้เรื่อง กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ฉันรักคุณนะ (หรือไม่พอ?) Basic English Word List (850 Words) http://www.manythings.org/vocabulary/lists/l/words.php?f=ogden นี่แปะ ideas ไว้เคร่าๆก่อน ...จริงๆแล้วต้องเรียกว่า checklist แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 05:02:06 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 23 มี.ค. 52 04:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ดู checklist แล้วคิดว่าหมดแล้วใช่ไหมล่ะ ยังไม่หมดหรอก คุณจะต้องรู้ประโยค บอกเล่า ปฏิเสธ คำถาม ที่นี้คุณก็ต้องรู้ modal auxiliaries ใช่ไหม? พอเรียนรู้วิธีใช้ can แล้วก็คิดว่าจะนำหลักการไปใช้กับ modal auxiliary ตัวอื่นได้ แต่พอเจอ dare เข้าไปก็ต้องมาเรียน verb form ของ dare อีกรอบ พอเจอ shall คิดว่า should เป็น past tense แต่บางทีมันก็ไม่ได้หมายถึงอดีต ...นี่เรียนๆไป แล้วนี้มันจะจำได้หมดหรือภายใน 2.5 เดือน?" แล้วถ้าเราลองไปงมไอ้ list 850 คำมาดู บางทีจะเห็นว่าคำศัพท์บางตัวมีวิธีใช้ในลักษณะที่ "มีพฤติกรรมเฉพาะตัว" เหมือนกัน ซึ่งทำให้เอาไปสร้างประโยคโดยการ "จับคำมาเรียงกัน" แล้วกลายสร้างประโยคที่ผิดธรรมชาติขึ้นมา...ตอนนี้ยังไม่พูดถึง...เพราะยังไม่อยากปวดหัว... ในเมื่อเราคำนึงถึงรายการทั้งหมดใน checklist (จริงๆแล้วมีมากกว่านี้อีกหลายเท่า) เราว่า "มันเป็นทักษะที่ต้องค่อยๆเรียนรู้สะสมเอาวันละนิด" จริงๆแล้ว ถ้าใครแม่น grammar จากโรงเรียนแบบไทยๆนี่หละ แค่ ม.1 - ม.4 ก็น่าจะรู้พวกรายการต่างๆ (ความรู้ที่จำเป็น) ใน checklist หมดแล้ว แล้วภายในเวลา 2.5 เดือน คุณอาจต้องแก้ปัญหาเรื่อง "ฟังคนพูดเร็วๆไม่รู้เรื่อง ซึ่งจะต้องพยายามหัดฟัง" กับ "การออกเสียงผิดๆของตัวคุณเองที่จะต้องพยายามแก้ไข" มันจะทำได้ทันหรือ? และเราเชื่อว่า มีคนเป็นจำนวนมากเลย ซึ่งกำลังหาที่เรียน conversation นั้น มีหลายคนที่เกลียดภาษาอังกฤษตอนเรียน ประถม และมัธยม ก็เลยไม่รู้ grammar ม.1 - ม.4 ครั้นพอไปเรียน conversation ก็เลยสับสนเรื่อง โครงสร้างประโยคที่จะพูด บางทีเรียนๆไป แล้ว 2.5 เดือนs ถึงกับพูดไม่ได้เลยสักคำหนึ่งก็มี   เอาเป็นว่าตอนนี้นะ คนที่กำลังหาที่เรียน conversation ก็คงพอจะมองเห็นภาพลางๆใช่ไหมล่ะว่า ถ้าใน checklist คุณมีไม่ครบ คือขาดไปบานเลย คุณคงทำเป้าไม่ได้ภายใน 2.5 เดือน และงบก็จะต้องบานออกไป สมมุติว่า ก่อนไปเรียน conversaton คุณไปเติมรายการ (เติมความรู้) ใน checklist ให้มันเต็ม โดยการไปหาตำราเรียนภาษาอังกฤษของเด็กๆ ตั้งแต่ ม.1 - ม.4 มาอ่านทวนก่อน? ทำอย่างนี้เพื่อประหยัดเงิน...มันจะเป็นความคิดที่ดี หรือไม่ดี? โหนี่มันยาขมหม้อใหญ่ๆเลยนะ ต้องกลับไปอ่านหนังสือเรียนเด็ก...ว้าทำไงดีล่ะ...??!! ...ก็เลยมีคนหัวใสคิดขึ้นมาได้ว่า 1. เรียนวิธีธรรมชาติไม่ต้องเรียน grammar ก็พูดได้ 2. พูดมันไปเลย ไม่ต้องมี grammar ขอให้ใจกล้าๆ ก็พูดได้ เอ่อน่าสนแฮะ...แล้วมันจะ work หรือเปล่าล่ะ? .... ถามเองตอบเอย (จริงๆแล้ว ถ้าเราไม่ถาม เดี๋ยวก็มีคนพูดถึงเรื่องพวกนี้อยู่ดีนั่นแหละ)  ยากชมัดเลย เดี๋ยวขอเวลาไปคิดคำตอบก่อนสักพักใหญ่ๆนะ...555+++... แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 05:47:37 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 23 มี.ค. 52 05:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ่มานั่งฮี้กั่บๆรออ่านเป็นเพื่อน มันส์ดีค่ะ หิวบอกนะ เอา  hot chocolate มั้ย กะลังจะไปทำ เดียวทำเผื่อแก้วนึง จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 23 มี.ค. 52 05:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ^ ^ เปลี่ยนเป็น beer ได้หรือเปล่า...อิๆๆ... จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 23 มี.ค. 52 05:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ได้ๆ จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 23 มี.ค. 52 05:57:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ความคิดเห็นที่ 52 นับถือ นับถือครับ จากคุณ : tonmelb Likewise krub. Cheers. จากคุณ : genf - [ 24 มี.ค. 52 00:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 60 มีรุ่นใหญ่คอยให้กำลังใจ รุ่นน้องอย่างเรา ต้องขยันสร้างผลงานให้ดีกว่านี้ ขอบคุณครับ สวัสดีครับคุณตา จากคุณ : tonmelb - [ 24 มี.ค. 52 22:23:53 A:203.209.119.199 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 61 สวัสดีคุณต้น เห็นใครเปรยๆ ว่าอาจจะมีข่าวดี อ่ะแฮ่มๆ จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 24 มี.ค. 52 23:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ตอนนี้เราขี้เกียจเขียนกระทู้นี้ต่อไปแล้ว เพราะว่าหน้าม้าหายไปหมดแล้ว...เลยไม่ค่อยมีกำลังใจ...555+++ แต่เราไปปั่นกระทู้อีกกระทู้หนึ่งเรื่องการสร้างสื่อการสอนภาษาอังกฤษเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะ การฟัง พูด อ่าน เขียน และ grammar ไปพร้อมๆกัน แล้วเลยฉวยโอกาสประกาศหานายทุน นางทุน และนางสาวทุน ให้มาลงทุนเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้เรา...ถ้าชอบแนวคิด classroom แบบ hi tech ในฝันของเรานะ ลองไปอ่านดูได้ที่นี่ เผื่อว่าคุณอยากจะลงทุนให้เรานะ...555+++... http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7664286/K7664286.html แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 52 00:33:18 จากคุณ : หมอดูสำนัก white rabbit (fortuneteller) - [ 27 มี.ค. 52 00:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ้าว พับเสื่อเอาง่ายๆนะจ๊ะเจ๊ เด๋วตามไปเป็นหน้าฮี้กั่บๆทู้ใหม่ก็ได้ จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 27 มี.ค. 52 02:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 64 =           ตั้งกระทู้ได้ถูกใจจัง เห็นด้วยกับจขกท.ค่ะ แต่ก่อนภาษาอังกฤษเราก็ไม่ค่อยเก่ง เราเลยชอบเข้ามาอ่านคห.ต่างๆในห้องไกลบ้านบ่อยๆ สมาชิกในนี้เก่งๆภาษาอังกฤษกันเยอะนะคะ เราชื่นชมอยู่หลายคนค่ะ แต่ส่วนมากจะไม่ค่อยได้เห็นสมาชิกเหล่านั้นมากเท่าไหร่ ตย.เช่น คุณpervpanda คุณGuiseppe คุณไทยณารา คุณGenuine XXX ฯลฯ เพราะเค้าออกไปทำงานทำการทำมาหากินกันหมด ไม่ค่อยมีเวลามานั่งอยู่หน้าเน็ตบ่อยๆ นานๆกว่าจะเห็นสมาชิกเหล่านี้มาออกคห.ซะที แต่พอเราเห็นชื่อสมาชิกเหล่านั้นกลับมา เราก็จะตามเข้าไปอ่านคห.พวกเค้าทันทีค่ะ เพราะอยากเก่งภาษาอังกฤษเหมือนกัน จากคุณ : น้ำพริกแมงดาตาเเดง (ชินจังตังค์หมด) - [ 30 มี.ค. 52 15:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เข้ามารอบ2เอาดอกไม้สวยๆมาฝากจขกท.ด้วย ข้อหาเอาเทคนิคดีๆในการฝึกจำภาษาอังกฤษมาบอกเล่าเก้าสิบกัน ชื่นชมคุณfortuneteller จากใจจริงค่ะ เเล้วจะทำตามเทคนิคของคุณเด้อ จากคุณ : ชินจังตังค์หมด - [ 30 มี.ค. 52 15:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องทักษะการฟัง ปั่นไว้อีกกระทู้หนึ่ง อยู่ที่นี่ จริงๆแล้วมีคนถามหาที่เรียน conversation เอากำหนดจำนวนเงินค่าเรียนตายตัวว่าให้พูดได้ sureๆ เราเลยเข้าไปคำนวณทางหนีทีไล่ แล้ว จขกท เธอโกรธเรา เราเลย "มันมือ" ปั่นกระทู้ต่อไปเลยอ้ะ จริงๆแล้วคืนนั้นนั่งแปลหนังสืออยู่ดึกๆ กินชาเข้าไปมากตาค้าง ไม่อยากกินเบียร์ให้หลับ เลยนั่งเขียนอะไรเล่นให้มันง่วง ลองไปอ่านดูเรื่องทักษะการฟังภาษาอังกฤษ ตาม link นี้ไป http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7673378/K7673378.html#24 จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 23:17:54 ]

ความคิดเห็นที่ 67 กำ จบดื้อๆ จากคุณ : jasonthe13th - [ 2 เม.ย. 52 23:19:46 ]