ความคิดเห็นที่ 1 สว้สดีอีกทีครับ จาก ช ช้าง แล้ว ก็มาเล่น ย ยักษ์เลยเน๊าะ เรื่องบทบาทท้าวหิรัญพนาสูรในโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยผมไม่ทราบจริงๆ ขอผ่าน แต่ผมรู้จักชื่อท้าวหิรัญพนาสูร (ฮู) ตอนนั้นแม่ผมไปนอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลพระมงกุฏเมื่อสักยี่สิบปีมานี้ ในตอนเย็นๆ ผมต้องเข็นรถพาแม่นั่งเล่นรอบๆโรงพยาบาล สถานที่ยอดนิยมที่ต้องโฉบไปทุกครั้งก็คือศาลเทพารักษ์ของท่านนี้ ซึ่งแม่ผมเรียกว่า ท้าวหิรัญฮู ผมฟังดูตลกๆคล้ายภาษาไทยปนฝรั่งชอบกล แต่ประวัติความเป็นมาของท่าน มีในสารานุกรม พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ดังนี้ครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ๑ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ๒ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ๓ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ๔ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ๕ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ๖ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ศาลของท่าน "ท้าวหิรัญพนาสูร" หรือมีชื่อที่เรียกสั้นๆว่า "ท้าวหิรัญฮู" แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 13:41:29 จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อีกที จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบพระคุณท่านพี่มากครับ ที่ให้ข้อมูล หะแรกกระผมนึกว่าท้าวหิรัญฮู ตนนี้ จะมีศาลสถิตอยู่ที่ โรงเรียนวชิราวุธด้วยน่ะครับ สงสัยต่อไปครับ รูปหล่อท่านท้าวหิรัญฮู (ชื่อแ ปลกดีจริงด้วย) ที่คุณข้าหลวงของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ อัญเชิญนั้น จะเป็นรูปหล่อองค์ที่เท่าใดนะครับ จากคุณ : jassb1 - [ 23 มี.ค. 52 13:47:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คราวนี้มีอีกversionหนึ่ง เรื่องเทพหรือเทวดาที่ชื่อ "ท้าวหิรัญพนาสูร" หรือ "ท้าวหิรัญฮู" นี้เล่ากันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เทพองค์นี้บางคนก็เล่าว่า เป็นอสูรที่ตั้งอยู่ในสัมมาทิฐิ (ประพฤติในทางที่ดีงาม) คอยติดตามป้องกันภัยอันตรายไม่ให้มากล้ำกรายรัชกาลที ่ 6 และข้าราชบริพารที่อารักขา มีผู้เคยเห็นร่างท่านเป็นยักษ์ดุร้ายน่าเกรงขาม แต่ในยามปกติเล่ากันว่า "ท่านท้าวหิรัญฮู" ตนนี้เป็นเทพที่มีรูปงามเลยทีเดียว ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ทรงสื่อกับบรรดา "โอปปาติกะ" หรือ "วิญญาณ" ได้บ่อยครั้ง ซึ่งผู้เขียนเคยนำมาเล่าให้ฟังแล้วว่าครั้งหนึ่ง พระองค์ท่านทอดพระเนตรเห็นผู้ที่ตายแล้วมาหา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เล่าต่อ ๆ กันมาจึงดูคล้ายกับว่าพระองค์ทรงมี "สัมผัสที่ 6" ในทางเร้นลับไม่น้อย ในเรื่องของ "ท้าวหิรัญพนาสูร" เทพผู้อารักขารัชกาลที่ 6 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสมัย ร.ศ. 126 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประ พาสเมืองลพบุรี เมื่อครั้งที่ยังไม่ได้เสด็จขึ้นครองราชย์ ในคืนวันเสด็จประพาสคืนหนึ่ง มีผู้ตามเสด็จท่านหนึ่งได้มีนิมิตฝันประหลาดเห็นชายหุ่นล่ำสันใหญ่โตมาหา บอกว่าชื่อ "หิรัญ" เป็นอสูรชาวป่า ที่มานี่จะมาบอกว่า ต่อแต่นี้เขาจะคอยตามเสด็จล้นเกล้าฯ ไม่ว่าจะประทับอยู่ที่ใด เขาจะคอยดูแลและระวังภัยไม่ให้เกิดขึ้นกับพระองค์ท่านได้ เมื่อทรงทราบเหตุการณ์ในฝันจึงทรงมีพระราชดำรัสให้จุดเทียน จัดเตรียมอาหารเซ่นสังเวย "ท้าวหิรัญฮู" ในป่าเมืองลพบุรีนั้นทันที และทุกครั้งไม่ว่าจะเสด็จฯ ไปแห่งหนใด ในเวลาค่ำถึงยามเสวย พระองค์จะมีพระราชดำรัสให้จัดอาหารเซ่นสังเวย "ท้าวหิรัญฮู" ทุกครั้งไป จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 และเมื่อรัชกาลที่ 6 เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ก็ยังทรงระลึกถึง "ท้าวหิรัญฮู" อยู่เสมอ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหลวงมาหล่อรูปท้าวหิรัญฮูด้วยทองสัมฤทธิ์ จากนั้นก็โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารจัดเครื่องเซ่นสังเวย และเชิญ "ท้ายหิรัญฮู" เข้าสถิตในรูปหล่อนั้น พระราชนามให้ว่า "ท้าวหิรัญพนาสูร" แต่งองค์ทรงเครื่องสวมเทริดแบบโบราณ มีไม้เท้าเป็นเครื่องประดับยศ มหาดเล็กคนสนิทของรัชกาลที่ 6 ผู้หนึ่ง คือ "จมื่นเทพดรุณทร" ท่านผู้นี้ได้เล่าให้ข้าราชบริพารฟังต่อ ๆ กันมาว่า "ในหลวง (ร.6) ทรงเรียกท้าวหิรัญพนาสูรว่า "ตาหิรัญฮู" ซึ่งคนในวังสมัย ร.6 จะรู้ถึงกิตติศัพท์ของ "ตาหิรัญฮู" ดีว่าสำแดงเดชและอภิืนิหารอย่างไรบ้าง จึงเล่ากันปากต่อปากเรื่อยมา อย่างเรื่องแรกเกิดขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปท้าวหิรัญพนาสูร โดยให้พระยาอาทรธรศิลป์ (ม.ล.ช่วง กุญชร) เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีมิสเตอร์แกลเลตตี นายช่างชาวอิตาเลี่ยนที่มาทำงานในกรมศิลปากรเป็นผู้ห ล่อ เมื่อหล่อเสร็จก็จะยกขึ้นตั้งบนฐานในพระราชวังพญาไท มิสเตอร์แกลเลตตีก็เอาเชือกผูกคอท้าวหิรัญฮูชักรอกขึ ้นไป เสร็จแล้วมิสเตอร์แกลเลตตีก็ป่วยกะทันหันทำงานไม่ได้ เพราะคอเคล็ดโดยไม่รู้สาเหตุ พอพระยาอาทรไปเยี่ยม ท่านพอจะรู้สาเหตุจึงบอกว่าคงเป็นเพราะเอาเชือกไปผูก คอรูปหล่อท้าวหิรัญฮูให้เอาดอกไม้ ธูป เทียนไปขอขมาเสีย เมื่อนายช่างชาวอิตาเลี่ยนทำตามคอที่เคล็ดจึงกลับมาเ ป็นปกติอย่างอัศจรรย์ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กับอีกเหตุการณ์หนึ่งเกี่ยวกับ "ท้าวหิรัญพนาสูร" ที่เล่ากันมา เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 6 สวรรคตแล้วรัชกาลที่ 7 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสวยราชย์ต่อ วันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จฯ ตรวจรถยนต์พระที่นั่ง ซึ่งเป็นพระราชมรดก โดยมีกรมหมื่นอนุวัติจาตุรนต์เสด็จไปด้วย กรมหมื่นฯ ท่านนี้ได้กราบทูลขอรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งมีรูปท้าวหิรัญฮูติดอยู่ด้วย ซึ่งรัชกาลที่ 7 ก็พระราชทานให้ เล่ากันว่าเมื่อเอารถกลับไปไว้ที่วังสี่แยกหลานหลวง คืนนั้นก็นอนไม่หลับ ได้ยินเสียงกุกกัก ๆ ในโรงเก็บรถทั้งคืน ครั้งลุกไปดูก็ไม่เห็นมีอะไร จึงคิดว่าอาจเป็นเสียงหนู แต่ขณะที่กำลังคิดในทางที่ดีก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะจู่ ๆ ไฟในโรงรถก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่โรงรถปิดอยู่ จึงเรียกคนขับรถและมหาดเล็กไปช่วยกันดู แต่พอเปิดประตูโรงเก็บรถก็ต้องใจหายเป็นครั้งที่ 2 เพราะไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย และยังน่าสงสัยที่เห็นรถจอดขวางโรง ซึ่งแต่แรกไม่ได้จอดในลักษณะนี้ จึงต้องช่วยกันกลับรถจอดใหม่ จากนั้นรุ่งขึ้น กรมหมื่นอนุวัติจาตุรงค์ต้องจัดเครื่องเซ่นสังเวยท้าวหิรัญฮูเพื่อขอขมา และไม่กล้าใช้รถพระราชทานคันนั้นอีกเลย จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทุกวันนี้ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ยังมีคนมากราบไหว้ "ท้าวหิรัญพนาสูร" อยู่ไม่ขาด โดยศาลของท่านตั้งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาล ซึ่งแม้รัชกาลที่ 6 จะสวรรคตไปนานแล้ว หน้าที่ของ "ท้าวหิรัญพนาสูร" ก็ยังคงดูแลช่วยเหลือคนไข้และคนดีอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าใครจะติดต่อหรือมองเห็นท่านได้ เพราะท่านอยู่คนละภูมิ ซึ่งซ้อนอยู่กับภูมิมนุษย์ของเรา --------- ที่มา : เว็บนิตยสารหญิงไทย จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 13:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ท่านใดทราบประวัติเหรียญนี้บ้างครับ ผมกดไปเจอน่ะครับ คติท้าวหิรัญฮูนี้ คงจะมีแพร่หลายออกไปนะครับ ถึงกับมีการออกเป็นเหรียญให้คนนำไปนบไหว้บูชา จากคุณ : jassb1 - [ 23 มี.ค. 52 13:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 โอ ... ผมดังถุกกะลาครอบไว้นะครับ อ่านสี่แผ่นดินมา แต่ไม่ได้จดได้จำเอาเสียเลย เพราะแม้กระทั่งคุณเปรมกับแม่พลอยก็เคยพูดถึงท่านท้าวนี้ ความว่า "...ต่อมาอีกสามสี่วัน พลอยก็ได้รับข่าวจากคุณเปรมว่าในหลวงทรงพระประชวร แต่คุณเปรมพูดอย่างเห็น เป็นของธรรมดาว่า "ไม่หนักหนาอะไรหรอกแม่พลอย พระนาภีเสียนิดหน่อยเท่านั้น เพราะเสวยโต๊ะจีนในงานเลี้ยง บางทีจะมีอะไรผิดสำแดง แต่อีกสองสามวันก็คงจะหาย ฉันได้ยินหมอเขากะกันว่าอีกสิบกว่าวันเจ้าฟ้าก็จะประสูติ คงจะดีพระทัยได้ฉลองกันใหญ่ เดี๋ยวนี้ก็ได้เตรียมสมโภชเจ้าฟ้าไว้พร้อมแล้ว" แต่อีกสองสามวันต่อมาอาการทรงประชวร ก็มิได้ดีขึ้นจริงดังคาด แต่ยังคงทรงพระประชวรต่อไป และพระอาการกลับทรุดลงเรื่อยๆ พลอยสังเกตเห็นคุณเปรมหน้าไหม้ตาเกรียมลงทุกๆ วัน แม้แต่ข่าวจากเมืองนอกว่าตาอ๊อดเรียนสำเร็จสอบไล่ได้ปริญญา และจะเริ่มออกเดินทางกลับบ้านในเร็วๆ นี้ ก็มิได้ทำให้คุณเปรมดีใจเท่าไรนัก เมื่ออ่านจดหมายจากตาอ๊อดจบ คุณเปรมก็ได้แต่ถอนใจใหญ่แล้วพูดขึ้นลอยๆ ว่า "ถ้าฉันได้รับข่าวนี้เวลาอื่น ฉันก็คงจะดีใจมากหรอกแม่พลอย แต่ในยามนี้...ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า หัวใจมันแห้ง ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้รื่นเริงดีใจได้ พระอาการในหลวงน่าวิตกขึ้นทุกวัน เขาว่าเป็นฝีหัวคว่ำ ในพระนาภี เมื่อวานนี้เองมหาดเล็กเขาพูดว่ามีมดขึ้นพระบังคนเบา ถ้าเป็นจริงก็แปลว่าโรคเบาหวานเข้ามาแทรก... เจ้าประคุณเอ๋ย...ขอให้ท่านหายวันหายคืนเถิด ฉันรู้ตัวว่าฉันมีร่มโพธิ์ร่มไทรเหลืออยู่เพียงแผ่นดินนี้... แต่หมู่นี้ฉันฝันร้ายติดๆ กันมาหลายคืนแล้ว ใจคอไม่ค่อยสบายเลย บนบานศาลกล่าวไปทั่วทุกแห่งแล้ว จนชั้นแต่ท้าวหิรัญฮู เห็นแกเคยคุยไว้หนักหนาว่าแกถวายตัวไว้คอยคุ้มครองพระองค์มิให้มีอันตราย ถ้าคราวนี้ท่านเป็นอะไร ฉันกับอีตาหิรัญฮูนี่ เห็นจะต้องตัดญาติขาดมิตรเลิกนับถือกันทีเดียว" พลอยเคยจำได้ว่าคุณเปรมเล่าให้ฟังว่า "ท้าวหิรัญฮู" นั้นเป็นอมนุษย์ตนหนึ่ง สิงอยู่ที่สุโขทัย อันเป็นราชธานีโบราณ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสุโขทัยครั้งเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ท้าวหิรัญฮูก็มาปรากฏ ในพระสุบิน กราบทูลให้ทรงทราบชื่อเสียงและเรื่องราวของตน แล้วถวายตัวเป็นเทพารักษ์ประจำพระองค์ คอยคุ้มครองป้องกันอันตราย และจะตามเสด็จไปทุกแห่ง ครั้นบรรทมตื่นจากพระสุบินแล้ว จึงโปรดให้สร้างรูปท้าวหิรัญฮูตาทที่ทรงจำได้ และเชิญรูปนั้นไปในทุกที่ๆ เสด็จไปประทับ ที่พญาไทก็มีรูปใหญ่ โปรดให้ตั้งเครื่องเซ่นเป็นนิจ และมีรูปเล็กอีกรูปหนึ่งติดรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์..." แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 14:06:00 จากคุณ : jassb1 - [ 23 มี.ค. 52 14:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมมีภูมิรู้เรื่องนี้อยู่ประมาณนี้เอง ถามว่าศักดิ์สิทธิ์จริงเท็จอย่างไรก็เห็นจะตอบยาก แต่คนไข้ที่ไปนอนโรงพยาบาลพระมงกุฏ ถ้าใครไม่ไปไหว้ หรือไปไม่ไหวส่งลูกหลานไปไหว้แทน คงไม่สบายใจเท่าไร นอกจากไปรักษาอะไรเล็กๆน้อยๆ แม่ผมเข้าๆออกๆที่นั่นอยู่หลายครั้ง จนไม่ต้องไปอีกก็ไม่ใช่ว่าหายขาด แต่ตามคุณหมอไปรักษาโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่แม่ก็คิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยท่านให้หายป่วยทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ เรื่องชื่อท่านท้าวหิรัญฮู ที่ผมสงสัยมาตลอดว่าทำไมต้องฮู มาจากไหนอะไรหว่าทำนองนั้น เมื่อไปทำงานทางใต้ วันหนึ่งได้ยินพระท่านเล่าว่า ณ ถ้ำใหญ่ในบริเวณวัด มีฮูเจ้าอาศัยอยู่ ผมได้ยินก็หูผึ่งทันที ปริศนาคาใจของผมได้ถูกเฉลยแล้ว ฮู ก็คืองูนั่นเอง คนใต้จะออกเสียง ง เป็น ฮ หมด เฮ๊าะก็อีกคำนึง นึกว่าจะเอาเอ๊าะมาให้ กลับยกเงาะมากิโลนึงเป็นต้น ท่านอสูรตนนี้ที่มาปรากฏในนิมิตว่าท่านชื่อฮู ท่านเป็นงูเจ้านั่นเอง ( เอ้ย..หรือพญานาค โอ๊ะโอ๋..ใครช่วยดูท่านมหาให้ผมที) ส่วนใครจะสงสัยว่า แล้วอสูรตนนี้ท่านเป็นคนใต้แล้วไปปรากฏสำแดงฤทธิ์ทางเหนือได้อย่างไร ผมไม่ทราบ เชิญท่านมหาช่วยแถลง จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 14:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แหม ... เอ๊าะๆ กับ เงาะๆนี้ ... ฮ่าๆๆๆ ... ผมก็ยังสงสัยอยู่ครับ ว่า ฮู จะเป็นกะไรได้บ้าง เพราะพระองค์ท่านไปพบท่านท้าวมาแต่เมืองเหนือ ... ถ้าใช้ฮู ที่เป็นคำว่า งู ทางใต้ ก็ยังไม่ค่อยเชื่อถือนักหนา เอ้า ท่านมหาฯ งานเข้าาาา จากคุณ : jassb1 - [ 23 มี.ค. 52 14:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เคยฟังอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ บรรยาย ท่านว่าคำว่า "ฮู" มาจากคำว่า "Who" ในภาษาอังกฤษน่ะครับ จากคุณ : Timin2101 - [ 23 มี.ค. 52 15:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชื่อท่านท้าวที่ว่า "ฮู" นั้น ไม่ทราบมีที่มาอย่างไร  เคยอ่านพบในร่างประกาศสังเวยท้าวหิรัญพนาสูรซึ่งล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์พระราชทานให้พระเจ้าบรมวงศ์กรมพระสมมตอมรพันธุ์  ราชเลขาธิการ ไปทรงแต่งเป็นคำประกาศบวงสรวงสังเวยเมื่อเดือนเมษายน ร.ศ. ๑๓๐ นั้น  มีเนื้อความโดยสรุปดังนี้ครับ  (ขออนุญาตตัดปะนะครับ) จากคุณ : V_Mee - [ 23 มี.ค. 52 17:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปะรูปไปแล้วไม่ขึ้น  ลองใหม่ครับ จากคุณ : V_Mee - [ 23 มี.ค. 52 17:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ท้าวหิรัญพนาสูรนี้  พิเคราะห์จากร่างประกาศบวงสรวงสังเวยแล้ว  น่าจะโปรดให้แบ่งพระกระยาหารไปเซ่นสังเวยตั้งแต่คราวเสด็จพระราชดำเนินออกจากเมืองอุตรดิตถ์จะไปเมืองแพร่ ในคราวเสด็จเลียบมณฑลพายัพ ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ. ๒๔๔๘)  ซึ่งปรากฏความในพระราชนิพนธ์ลิลิตพายัพว่า ขบวนเสด็จออกจากเมืองอุตรดิตถ์ลัดเลาะไปตามเส้นทางข้ามเขาพรึงที่กั้นระหว่างสองจังหวัดนี้ในระหว่างวันที่  ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน  การเซ่นสังเวยท้าวหิรัญฯ จึงน่าจะเริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่  ๑๘  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๔๔๘  เพราะทุกวันนี้ยังมีปิ่นโตจากห้องเครื่องสวนจิตรลดาส่งไปตั้งสังเวยท้าวหิรัญองค์ที่พระราชทานไว้ที่กรมบัญชาการกลางมหาดเล็ก  ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งราชกรัณยสภา  ในเวลาเพลของทุกวัน  สมัยยี่สิบปีก่อนคุณฉัตร  สุนทรายน นักเรียนเก่าพรานหลวงเป็นผู้ตั้งเครื่องสังเวยนี้  พอเที่ยงก็เลื่อนมารับประทานกัน  ผมยังเคยได้รับพระราชทานเครื่องที่เลื่อนมานี้เหมือนกัน  เมื่อคุณแตรถึงแก่กรรมในวัยเกือบ ๙๐ ปี  หน้าที่ตั้งเครื่องสังเวยนี้จึงตกเป็นของบุตรชายคนโตทำหน้าที่สืบมาจนถึงปัจจุบัน รูปท้าวหิรัญฯ องค์ที่คุณข้าหลวงเชิญตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ นั้น  เป็นองค์ที่อยู่ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ปกติจะประดิษฐานไว้ข้างพระแท่นบรรทม  เวลาเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปที่ใดๆ ก็จะโปรดให้คุณมหาดเล็กเชิญตามเสด็จไปในกระเป๋าหนังสีแดง  เมื่อเสด็จสวรรคตแล้วจึงตกเป็นพระราชมรดกในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ  ซึ่งก็โปรดให้คุณข้าหลวงเชิญตามเสด็จไปในที่ต่างๆ เช่นเดียวกับที่ล้นเกล้าฯ เคยทรงมา  รวมทั้งได้ทรงตั้งเครื่องสังเวยเป็นการส่วนพระองค์ตลอดมา   ส่วนองค์ที่อยู่หน้ารถยนต์พระที่นั่งนั้น  ปัจจุบันเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ที่หมวดรถยนต์หลวง (หมวดนอก) ถนนราชวิถี  และมีการบวงสรวงสังเวยกันเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนเมษายน  สารถีรถยนต์หลวงเคยเล่าให้ฟังว่า เวลาจะนำรถยนต์หลวงออกจากหมวดจะต้องยกมือไหว้ท่านท้าวฯ ทุกครั้ง  วันไหนลืมก็จะมีเหตุเกิดกับรถยนต์หลวงให้ต้องไปเสียกลางทางทุกที อนึ่ง มีข้อสังเกตว่ารูปหล่อท้าวหิรัญฯ ทั้งสามองค์ที่กล่าวถึงนี้  มีขนาดสูงต่ำแตกต่างกันไป  แต่ทั้งสมองค์นี้ถือไม้เท้าซึ่งเป็นเครื่องยศด้วยมือขวา  ขนานไปกับลำตัวเช่นเดียวกับองค์ใหญ่ที่ท้ายพระราชวังพญาไท  ส่วนองค์ทีพระราชทานแก่พระยาอนิรุทธเทวา  ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นองค์ต้นแบบนั้น  ถือไม้เท้าด้วยมือซ้ายและวางไม้เท้าเฉียงไปทางขวา  ขวางหน้าลำตัว การเดินทางรอนแรมไปในป่ารกทึบเช่นนี้  มหาดเล็กหลายคนในกระบวนยังไม่เคยรอนแรมไปในป่าเช่นนี้มาก่อน  จึงพากันประหวั่นพรั่นพรึงถึงภยันตรายที่จะมีมา  เกรงภยันตรายของคณะ แต่เมื่อพิเคราะห์ความในร่างประกาศบวงสรวงสังเวยแล้ว จากคุณ : V_Mee - [ 23 มี.ค. 52 17:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วทำไมท่านท้าวท่านโปรดขนุนละครับ ผมเห็นในโรงพยาบาล มีศาลสองศาล เวลาไปไหว้ไปไหว้ศาลใหญ่ซะมาก แล้วศาลเล็กไม่ค่อยได้ไหว้ ควรจะไหว้ศาลไหนอ่ะครับ จากคุณ : natthaset - [ 23 มี.ค. 52 21:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องขนุนนั้นผมเคยได้ยินมาว่า พอคนเห็นรูปปั้นท้าวหิรันพนาสูร เป็นอสูรชาวป่าหน้าตาดุดัน ก็ไปสมมติเหมาเอาเสียว่าท่านเป็นอิสลามศาสนิก ตามธรรมดาการสังเวยเทวดาย่อมมีหัวหมูเป็นเครื่องสังเวยยืนพื้น ผู้เซ่นสรวงก็เลยนำ "หมูหนาม" ที่เป็นอีกชื่อหนึ่งของ "ขนุน" มาสังเวยแทน จากนั้นก็เป็นที่นิยมกันเรื่อยมาที่จะนำหมูหนามมาเซ่นท้าวหิรันยพนาสูร ...เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าปากต่อปาก เท็จจริงอย่างไรไม่ขอยืนยันนะครับ การไหว้ ผมเห็นว่าจะไหว้ศาลไหนก็เหมือนกันกระมังครับ ลงว่าท่านเป็นเทวดาแล้ว คงรับพลีได้เหมือนๆ กันไม่ว่าจะไปไหว้ที่ไหน แต่สองศาลนี้ก็มีที่แตกต่างนะครับ ถ้าจำไม่ผิด ศาลท้าวหิรันยฯ ศาลใหญ่ที่ท้ายสวนโรมัน ถือไม้เท้าที่มือขวา ส่วนศาลเล็กที่หน้าพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ ท้าวหิรันยฯ ถือไม้เท้ามือซ้ายครับ จากคุณ : นาย UP - [ 23 มี.ค. 52 23:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 และโปรดสังเกตว่าเกร็ดเรื่องท้าวหิรันยพนาสูร ในนวนิยายเรื่องสี่แผ่นดินของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ไม่ตรงกับในประกาศสังเวยเสียทีเดียวครับ คุณชายคึกฤทธิ์ฯ ท่านเขียนให้ท้าวหิรันยฯ ปรากฏในพระสุบินของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในขณะที่ความปรากฏในประกาศฯ ว่ามีผู้ตามเสด็จฝันเห็น จากคุณ : นาย UP - [ 23 มี.ค. 52 23:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมมีเกร็ดที่เกี่ยวพันกับท่านท้าวหิรัญฮูอยู่บ้าง เอามาเล่าให้พรรคพวกฟังไว้นานแล้ว ก็เลยขอชี้ทางไปให้เผื่อจะมีใครสนใจ http://www.pantown.com/board.php?id=119&area=4&name=board1&topic=251&action=view อ้อ มีรูปท่านท้าวหิรัญพนาสูรอีกรูปหนึ่งในมาดของเทพรูปงาม ประดิษฐานอยู่หน้าทางเข้าอาคาร SM Tower ที่สนามเป้านะครับ อยู่ซ้ายมือ เอาไว้มีโอกาสจะชักรูปท่านมาโชว์ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 52 23:26:20 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 23 มี.ค. 52 23:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พึ่งรู้วันนี้นะครับ ว่าหมูหนาม คือ ขนุน ...โอ้ ขอบคุณทุกๆท่านที่มาแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ ว่าแต่ ใครมีเหรียญคุณท้าวท่านบ้าง ผมสงกะสัยจริงๆว่าต้องพลีเครื่องเช่นรูปท่านที่โรงพยาบาลหรือในพระบรมมหาราชวังหรือไม่ประการใด เพราะดูท่า ท่านจะอิทธิฤทธิ์แรงจริงๆ จากคุณ : jassb1 - [ 23 มี.ค. 52 23:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตามที่คุณUPเล่าว่าท่านท้าวหิรัญฮูเป็นอิสลาม  เพิ่งจะนึกได้ว่าผมก็เคยได้ยินเหมือนกันครับ ตอนนั้นก็ฟังไว้อย่างงั้น แต่ตอนนี้มานึกดู มันต้องเกี่ยวข้องกับฮูของคนปักษ์ใต้ที่ผมว่าไว้นี่แล พอเป็นพญางูชาวใต้ก็เลยแถมให้เป็นมุสลิมเสียด้วยเลย แต่ทฤษฎีนี้จขกท.ก็แสดงความไม่เห็นด้วยไว้แล้วว่า คนใต้จะไปออกฤทธิ์อยู่ทางเหนือได้อย่างไร แต่มันก็พอๆกันนะครับ ถึงไม่ใช่พญางูทางโน้นก็หามุสลิมทำยายาก แล้วท่านท้าวหิรัญพนาสูรจะแหกโผไปเป็นมุสลิมได้หรือ มุสลิมที่ไหนเขามียักษ์มีเทพ รึจะมีเฉพาะไทยมุสลิมก็มิทราบ จากคุณ : Navarat.C - [ 23 มี.ค. 52 23:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเห็นว่า (คห.ส่วนตัวนะครับ) เนื่องจากตอนปั้นท่านท้าวนั้น ได้กำหนดให้ท่านมีหุ่นแข็งแรงกำยำ สามารถปกปักรักษาและคุ้มภยันตรายได้ พักตร์ท่านจึงออกดุๆ กอปรกับสวมชฏาทรงแปลกตา คนเลยรู้สึกยำเกรง หลงใหลใฝ่ฝันไปว่าท่านต้องมีเชื้อทางอิสลามแน่ๆ (ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวายใจ ยักษ์จะไปปรากฏในศาสนาอิสลามก้หาได้ไม่ ... ให้เข้าเค้าหน่อยคงเป็นยักษ์จินนี่กับตะเกียงวิเศษไปแบบนั้นน่ะครับ) ............................................................................................. คห.ผมยังอ่อนด้อยนัก ข้อที่ว่าผมไม่เห็นด้วยเรื่อง ฮู เป็น งู นั้น ก็หาได้กล่าวเช่นนั้นไม่ดอกครับ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่าคำทางใต้ จะใช้เรียกเทพที่อยู่หนเหนือได้อย่างไร หรือจะมาผสมผสานกันในชั้นหลัง อันนี้อีกประการหนึ่งครับ จากคุณ : jassb1 - [ 23 มี.ค. 52 23:45:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อเช้าอ่านข่าวก็ยังสงสัยอยู่เลยค่ะ  เพราะไม่รู้จัก กลับบ้านมาเย็นนี้ เปิดกระทู้อ่านก็เจอพอดีัเลย  ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : ange du riz - [ 24 มี.ค. 52 03:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เกร็ดเล็กๆน้อยๆ (ไม่ทราบที่มาแน่ชัด) เรื่องเกี่ยวกับชื่อของท่านท้าวหิรัญฯ คือ  ตอนที่ในหลวง ร.6 ท่านเสด็จ ... และนอนหลับพักผ่อนอยู่  ทรงสุบินว่า เห็นคนร่างใหญ่ มายืนอยู่ที่ปลายเท้า  ท่านก็ร้องทักว่า who?  ท่านท้าวหิรัญ ก็เข้ามากราบทูล ตามเรื่องราวที่หลายๆคน นำมาเล่าไว้แล้ว  ร.6 ท่านก็เลยโปรดเกล้าให้สร้างรูปหล่อ  เมื่อมีคนถามว่า รูปหล่อใคร?  ท่านก็รับสั่งว่า who .. ฮู  (เนื่องจาก สัมมาอสูร เป็นชาวบ้านป่า และท่านไม่มีนามเรียก)  และให้มีชื่อเรียกตามอย่างในราชสำนักว่า ท้าวหิรัญพนาสูร  พนา + สูร .. ยังพอแกะความหมายได้  แต่ทำไม พระองค์ถึงให้มีคำว่า "หิรัญ" (เงิน) ด้วย .. จนปัญญาครับ  กราบเรียนพี่แอ๊ด ... ช่วยไขความหน่อยครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 มี.ค. 52 07:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าคำว่า "ฮู" ในภาษาใต้แปลว่า "งู"  ตามที่คุณพี่ Navarat.C เล่ามา  ก็พอจะเชื่อมกันได้ว่า งู นั้นคือสัญลักษณ์ปีมะโรงพระราชสมภพ  เมื่อคนใต้จับเอาฮูมาผสมกับท่านท้าวได้  จึงไม่น่าแปลกที่ท่านจะกลายร่างไปเป็นอิสลามศาสนิก สำหรับชฎารูปทรงแปลกตาที่คุณ jassb1 กล่าวถึงนั้น  เรียกว่า "เทริด"  เป็นชฎาแบบไทย  ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ดูจะโปรดชฎาแบบนี้มาก  เพราะในธงประจำกรมกองเสือป่านั้น  ถ้าเป็นกรมกองในสังกัดกองเสนาหลวงรักษาพระองค์แล้ว  หน้าเสือจะสวมเทริดด้วย  แต่ถ้าเป็นกรมกรมกองรักษาดินแดนหน้าเสือจะไม่สวมเทริด จากคุณ : V_Mee - [ 24 มี.ค. 52 07:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มีภาพธงประจำกองเสือป่ามาฝากครับ ภาพนี้เป็นธงประจำกรมเสือป่าพรานหลวง  โปรดสังเกตที่แถบสีเขียวที่มุมบนของธง จากคุณ : V_Mee - [ 24 มี.ค. 52 07:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ภาพนี้ขยายมุมธงที่เป็นพื้นสีเขียว   ที่เป็นสีเขียวเพราะเป็นสีประจำเหล่าพราน  กรมเสือป่าในสังกัดกองเสนา (กองพล) หลวงนั้น  ล้วนมีสีประจำเหล่าคล้ายทหาร คือ เหล่าราบ สีแดง  เหล่าปืนใหญ่ สีเหลือง  เหล่าม้า สีฟ้าหม่น  เหล่าพาหนะ สีเลิอดหมู  เหล่าช่าง สีดำ ฯลฯ โปรดสังเกตหน้าเสือในภาพนี้สวมเทริด จากคุณ : V_Mee - [ 24 มี.ค. 52 07:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ภาพนี้เป็นธงประจำกรมเสือป่ารักษาดินแดน (มณฑล) กรุงเทพฯ โปรดสังเกตหน้าเสือในภาพนี้ไม่ได้สวมเทริด เพราะเป็นกรมรักษาดินแดนไม่ใช่กรมในสังกัดกองเสนาหลวง   พื้นเหลืองนี้นอกจากจะเป็นสีประจำมณฑลกรุงเทพฯ แล้ว สำหรับกรมเสือป่าที่มีฐานะเป็นกรมหลวงรักษาดินแดนหรืออีกนัยหนึ่งเป็นกรมรักษาพระองค์  ก็จะใช้พื้นเหลืองเหมือนกันหมด  แต่หน้าเสือไม่สวมเทริด แต่ถ้าเป็นกรมเสือป่ารักษาดินแดนทั่วไป  แถบสีนี้จะเป็นสีหมายมณฑล เช่น มณฑลกรุงเก่าสีแดง  มณฑลนครไชยศรี สีน่ำเงิน  มณฑลพายัพ สีบานเย็น (สังเกตได้จากสีผ้าผูกคอลูดสือในปัจจุบันครับ) แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 07:57:22 จากคุณ : V_Mee - [ 24 มี.ค. 52 07:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องท่านท้าวหิรัญงู ... เริ่มเข้าเค้าครับ ... ว่าแต่ ท่านใดมีภาพรูปท่านท้าว ที่ติดหน้ารถยนต์พระที่นั่งไหมครับ ผมว่า คงเก๋ไก๋น่าดู จากคุณ : jassb1 - [ 24 มี.ค. 52 12:18:56 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เคยอ่านในหนังสือเขาบอกว่าคือทวารบาลหน้าปราสาทหินเขมร ที่ผมทราบมี 2 องค์ คือ มหากาฬ กับ นันทิเกศวร แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 14:34:53 จากคุณ : คุณฟิน - [ 24 มี.ค. 52 14:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 รถยนต์พระที่นั่งมีรูปท้าวหิรัญพนาสูรประดิษฐานที่หน้ารถ ภาพนี้ทรงฉายที่พระราชวังสนามจันทร์ในระหว่างการซ้อมรบเสือป่า ราว พ.ศ. ๒๔๖๑ - ๖๒  เพราะนายจ่ายวด (ปาณี  ไกรฤกษ์) ที่โดยเสด็จมาท้ายรถพระที่นั่งนั้นถึงแก่กรรมด้วยอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ จากคุณ : V_Mee - [ 24 มี.ค. 52 19:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามมาอ่าน ได้ความรู้มากมายเลยครับ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ช่วยแบ่งปันความรู้และความคิดเห็น เคยอ่านมาบ้างเกี่ยวกับท่านท้าวเหมือนกัน แต่ก็คล้ายๆกับที่ทุกๆท่านได้ว่าไว้แล้ว ปล. ขอนอกเรื่องนิดนึง รูปที่อาจารย์ V นำมาเสนอใน คคห 38 นี่ มีสุนัขอยู่บนรถด้วย ใช่ย่าเหล หรือเปล่าครับ ถ้ารูป ถ่ายเมื่อ ปี 2462-63 แปลว่า ย่าเหล นี่   รัชกาลที่ 6 ท่านทรงเลี้ยง มาก่อนหน้า ปี 2465 ใช่ใหมครับ หน้าตาคล้ายๆ กับรูปที่เึคยเห็นครับ ความจำไม่ค่อยมี แล้วก็ไม่ได้ไปค้นคว้าหาแหล่งอ้างอิงครับ ผมสงสัยนิดเดียวครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 24 มี.ค. 52 22:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ท้าวหิรันยพนาสูร ที่พระที่นั่งราชกรัณยสภา ภาพจากหนังสือ เรื่องเล่าในวัง ครับ จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 25 มี.ค. 52 00:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สุนัขบนรถพระที่นั่งนั้นน่าจะเป็นนันทาหรือมากาเร็ตที่ทรงเลี้ยงในเวลาต่อมาภายหลังจากที่ย่าเหลเสียชีวิตแล้ว ภาพสุนัขบนพระเก้าอี้ในความเห็นที่ ๓๙ นั้น  คือ ย่าเหลครับ ย่าเหลเสียชีวิตราว พ.ศ. ๒๔๕๘  จากคำบอกเล่าของทายาทพระพุทธเกษตานุรักษ์ เจ้ากรมรักษาพระปฐมเจดีย์  ซึ่งเป็นผู้ถวายย่าเหลในสมัยที่เป็นพัสดีเรือนจำนครปฐมนั้น  ท่านว่า สุนัขตัวพ่อของย่าเหลนั้นเป็นสุนัขพันธ์ดีของพระยาสุนทรบุรีศรีพิชัยสงคราม (ชม  สุนทรารชุน ต่อมาเป็นเจ้าพระยาศรีวิไชยชนินทร์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครไชยศรี  ส่วนตัวแม่เป็นสุนัขพันธุ์ไทยของพระพุทธเกษตรานุรักษ์  ย่าเหลจึงถือกำเนิดในเรือนจำ  ในคอกนี้มี ๒ ตัวพี่น้อง  วันที่ล้นเกล้าฯ เด็จตรวจเรือนจำสมัยยังทรงเป็นสมเด็จพระยุพราช  ย่าเหลได้วิ่งมาคลอเคลียแทบเบื้องพระยุคลบาท  จึงทรงรับไว้เป็นสุนัขทรงเลี้ยง  แล้วพระราชทานเงินเดือนเป็นค่าอาหารให้ทุกเดือน  แต่เงินพระราชทานนั้นไม่ได้เอาไปซื้ออาหาร  หากแต่โปรดให้เก็บสะสมไว้  ได้จำนวนหนึ่งก็โปรดพระราชทานให้ไปสร้างเป็น "กุฎิย่าเหล" เป็นกุฎิเล็กๆ สองชั้น  พอเหมาะแก่สมณะสารูปที่จะอยู่เพียง ๑ รูป  แล้วพระราชทานให้เป็นกุฎิเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์  และเมื่อมีการเรี่ยไรเงินสร้างเรือรบหลวงพระร่วง  ย่าเหลก็ได้ร่วมบริจาคด้วย จากคุณ : V_Mee - [ 25 มี.ค. 52 08:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณครับ ได้ความรู้ดีอ่า จากคุณ : natthaset - [ 25 มี.ค. 52 11:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณครับ จากคุณ : only 1 meter , เพียง ฉัน มีเธอ - [ 25 มี.ค. 52 22:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กระทู้ยอดเยี่ยม ขอบพระคุณทุกท่านครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 52 08:57:36 ]