ความคิดเห็นที่ 1 สมัยนั้น ไม่ใช่เฉพาะ อ.เสกสรร กับคุณจิรนันท์ต้องหนีเข้าป่ากัน 2 คนหรอกนะครับ นักศึกษาหลายคนก็ต้องหนีเข้าป่า หลายคนอาจจะไม่ใช่ฝ่ายซ้าย แต่ก็โดนกาหัวว่าเป็นฝ่ายซ้ายจนอยู่ไม่ได้ จากคุณ : zzz - [ 24 มี.ค. 52 10:30:40 A:58.9.79.137 X: TicketID:192266 ]

ความคิดเห็นที่ 2 "...แต่ข้อสงสัยที่พยายามหาสาเหตุว่า ทำไมต้องเข้าป่า   หรือเพราะคุณเสกสรร เป็นผู้นำการชุมนุม  เลยเสี่ยงต่อการโดนหลายข้อกล่าวหา... ....ตอนแรก สิ่งที่เค้าเรียกร้อง คือปล่อยตัวประกัน และขอให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อมีการเลือกตั้งที่เป็นระบบประชาธิปไตย  ไม่ใช่เผด็จการ แต่ทำไมอ่านไปอ่านมา  เค้าเข้าป่า  กลับไปรวมตัวกับพรรคคอมมิวนิสต์ หรือว่า ตกกระไดพลอยโจน  หรือว่าเรางงเอง" ไม่ต้องงงหรอกครับ ถูกตามนั้นทั้งหมด จากคุณ : Navarat.C - [ 24 มี.ค. 52 10:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มันกลายเป็นว่า "ถ้าไม่ใช่รัฐบาล ก็ต้องเป็นคอมมิวนิสต์" รึเปล่าครับ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว คำว่า ประชาธิปไตย มันก็มีอีกหลายกลุ่ม หลายทาง แต่โดนรัฐบาลตอนนั้นผูกสิทธิ์ขาดคำว่าประชาธิปไตยไว้ใช้เรียกกลุ่มของตัวเองเพียงกลุ่มเดียว ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มาจากประชาธิปไตยซักเท่าไหร่ นักศึกษาที่ถึงจะมีแนวคิดแบบประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่พวกรัฐบาล ก็ถูกแปะป้ายเป็นซ้ายหมด (และต้องไปอยู่กับซ้ายจริงๆ) ผมเกิดไม่ทัน แต่เห็นกระทู้แล้วนึกถึงลูกชายของหลวงกฤษดาวินิจในเรื่องประชาธิปไตยบนเส้นขนานครับ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 11:04:50 จากคุณ : เจ๊กผู้ฆ่ายักษ์ - [ 24 มี.ค. 52 11:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นึกถึงเพลงนี้ นกสีเหลือง คำร้อง -ทำนอง วินัย อุกฤษณ์ กางปีกหลีกบินจากเมือง เจ้านกสีเหลืองจากไป เจ้าบินไปสู่เสรี บัดนี้เจ้าชีวาวาย เจ้าเหินไปสู่ห้วงหาว เมฆขาวถามเจ้าคือใคร อาบปีกด้วยแสงตะวัน เจ้าฝันถึงโลกสีใด (พูด) คุณจำได้ไหมเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๔-๑๕ ตุลาคม ๒๕๑๖ คุณจำได้ไหม รอยเลือด คราบน้ำตา และฝันร้ายของผู้คน วีรชนคนหนุ่มสาว ได้ตายไปท่ามกลางห่ากระสุนและแก๊สน้ำตา ตายไปขณะชูสองมืออันว่างเปล่าขึ้นเรียกร้องหาเสรีภาพ ณ บัดนี้ ขอพวกเราจงหยุดนิ่ง และส่งใจระลึกถึงไปยังพวกเขาเหล่านั้น อย่างน้อยก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจ และจะได้เป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่จะอยู่ต่อสู้ต่อไป จงบินไปเถิดคนกล้า ความฝันสูงค่ากว่าใด เจ้าบินไปจากรวงรัง ข้างหลังเขายังอาลัย กางปีกหลีกบินจากเมือง เจ้านกสีเหลืองจากไป เจ้าคือวิญญาณเสรี บัดนี้เจ้าชีวาวาย แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 52 11:04:21 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 24 มี.ค. 52 11:02:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สมัยนั้นเขาเรียกร้องประชาธิปไตย ในหลักการที่เรียกร้องไปเข้าทางพรรค คอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยพอดี ก็เลยไปเข้าร่วมอุดมการณ์ เดี๋ยวนี้กลุ่ม นั้นไม่เรียกร้องแล้ว ก็ไม่ได้แสดงว่าประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย เพราะ ยังมีคนเรียกร้องกันอยู่อีก สรุปไม่ว่าใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็จะถูกกล่าวหาว่า ไม่เป็นประชาธิปไตยร่ำไป จากคุณ : satitp - [ 24 มี.ค. 52 11:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ปัจจุบัน ฝ่ายรัฐบาลคือ ฝ่ายเผด็จการ จากคุณ : ฉั่วเป่งใช้ - [ 24 มี.ค. 52 11:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ เผด็จการ ? พระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ กลุ่มเสขิยธรรม พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ความหมายของเผด็จการไว้ว่า เผด็จการ น.การใช้อำนาจบริหารเด็ดขาด, เรียกลัทธิหรือแบบการปกครองที่ผู้นำคนเดียว หรือบุคคลกลุ่มเดียวใช้อำนาจอย่างเด็ดขาดในการบริหารประเทศว่า ลัทธิเผด็จการ, เรียกผู้ใช้อำนาจเช่นนั้นว่า ผู้เผด็จการ. ขณะที่ ส. ศิวรักษ์ กล่าวถึง "เผด็จการ" ไว้ใน "อธิบายแนวคิดปรัชญาการเมืองฝรั่ง" (จัดพิมพ์ครั้งที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ โดยสำนักพิมพ์ศึกษิตสยาม หน้า ๕๓-๕๕) มีความส่วนหนึ่ง ว่า "คำนี้เราแปลมาจากคำอังกฤษ Dictatorship ซึ่งสมัยนี้มีความหมายไปในทางเลวร้าย บ่งถึงการปกครองโดยคนๆ เดียว หรือคณะบุคคล โดยไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาราษฎร ความจริงก่อนหน้านี้ คำ ๆ นี้ไม่ได้เป็นคำเสีย แม้รุสโซซึ่งเป็นคนที่รักอิสรภาพเป็นอย่างยิ่ง ยังเสนอแนะว่าในยามฉุกเฉิน รัฐควรปกครองโดยระบอบเผด็จการ ยิ่งโรมสมัยโบราณด้วยแล้ว ใช้ระบอบ dictatura ดังกล่าวอย่างได้ผล เพราะตามปกติแล้ว โรมมีกงสุลสองคนร่วมกันปกครองโดยได้รับเลือกตั้งขึ้นมา ในชั่วระยะเวลาอันจำกัด ในการบริหารงานของรัฐ ต้องตกลงร่วมกันอยู่เสมอ เมื่อเกิดความคับขันขึ้น มักตกลงให้มีดิกเตเตอร์ โดยมอบอาญาสิทธิ์ให้อย่างเด็ดขาด แม้จะขัดขืนกฎหมายก็ยังได้ ตราบใดที่ยังดำรงตำแหน่งดังกล่าว แต่สภาก็มักอนุญาตให้ดิกเตเตอร์อยู่ในอำนาจคราวละ ๖ เดือนเท่านั้น ทั้งนี้เพราะชาวโรมันเชื่อว่าถ้ามีอำนาจอาญาสิทธิ์โดยสมบูรณ์ยาวนานว่านี้ ย่อมมีทางที่จะคิดใช้อำนาจไปในทางฉ้อฉลได้ง่ายขึ้น เพราะสถานการณ์อันวิกฤติเป็นเหตุให้ต้องมีดิกเตเตอร์ ก็ควรที่ดิกเตเตอร์จะแก้สถานการณ์ให้คืนสู่สภาพปกติได้ภายในครึ่งปี โดยที่มีอำนาจอาชญาสิทธิ์อย่างเต็มที่ในระยะเวลาดังกล่าว ดิกเตเตอร์หรือเผด็จการ ในสมัยปัจจุบัน กลายเป็นตัวเลวร้ายก็เพราะพากันหวังอยู่ในอำนาจนานกว่าครึ่งปี ในบางประเทศ เช่น สเปนและโปรตุเกสนั้น บางคนได้ครองอำนาจจนตลอดชีวิตเอาเลย " ท่านพุทธทาสภิกขุเองก็เคยพูดและเขียนไว้หลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ ทำนองว่า หากเป็น "เผด็จการโดยธรรม" เพื่อที่จะจัดการหรือแก้ไขปัญหาหนึ่งปัญหาใด ให้เด็ดขาด เรียบร้อย และรวดเร็ว ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ดีเสียอีก ที่ประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากรอื่นๆ ด้วยการใช้ "ธรรมะในฐานะเครื่องมือ" ปัญหาสำคัญคงอยู่ที่ว่า "เผด็จการในเวลาจำกัด" หรือ "เผด็จการโดยธรรม" หรือทั้งสองประการประกอบกัน เพื่อใช้อำนาจอย่าง "เผด็จการที่เป็นธรรม" นั้น ส่วนมาก ยากจะมี, ยากที่จะเกิดขึ้น หรือยากที่จะรักษาไว้ได้ ในความเป็น "ปุถุชน" ของ "ผู้ปกครอง" หรือ "ชนชั้นปกครอง" ผู้ได้รับหรือยึดกุมอำนาจไว้ในมือของตน (และคณะ) จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 24 มี.ค. 52 11:35:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณต้องศึกษาประวัติศาสตร์ไทยยุคนั้นให้ลึกกว่านี้ครับ เริ่มตั้งแต่ 14 ตุลา 16 ที่เสกสรร และจีรนันท์ เป็นผู้นำนักศึกษาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ (หลังถูกรัฐบาลจอมพลถนอมฉีกทิ้งไป) จนเกิดเหตุการณ์นองเลือด 14 ตุลา 16 รัฐบาลล้มไป ได้รัฐธรรมนูญ ที่เป็นประชาธิปไตยมา ซึ่งก็เข้าทางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่มาเผยแพร่แนวคิดในเมืองและในกลุ่มนักศึกษา คุณเสกสรรและคุณจีรนันท์ย่อมได้รับแนวคิดซ้ายๆ มาด้วย ซึ่งฝ่ายขวาหรือฝ่ายอำนาจเก่าไม่ยอม ก็เลยเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คนที่มีแนวคิดซ้ายๆ หรือไม่ได้มี แต่ต้องตกกระไดพลอยโจนเพราะเป็นแกนนำนักศึกษา หรือเคยเป็นตอน 14 ตุลา ก็กลัวตาย ต้องหนีเข้าป่า พวกหนีไม่ทันก็ถูกจับเข้าคุก อย่างสุธรรม แสงปทุม นี่อาจเป็นเหตุผลทำไมเสกสรรและจีรนันท์ต้องหนีเข้าป่า จากคุณ : mamao - [ 24 มี.ค. 52 12:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามความเห็น 8 เลยค่ะ จากคุณ : indy_soul - [ 24 มี.ค. 52 12:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ถูกนะครับ เสกสรรค์กับจีระนันท์เข้าป่า่หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ไม่นาน ตอนมีเรื่อง 6 ตุลา 19 สองคนนี้อยู่ในป่าอยู่แล้ว สุธรรม แสงประทุม นี่คนละรุ่น คนละเรื่องกันเลย 6 ตุลา มันซับซ้อนกว่า 14 ตุลา มากนัก ผมว่าอ่าน "อีกหนึ่งฟางฝัน" ร่วมกับงานเขียนของเสกสรรค์ ก็จะเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่ต้นจนออกจากป่า อย่างน้อยก็จากมุมมองของสองคนนี้ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 24 มี.ค. 52 13:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอาไว้เจอคุณจิ๊ดกับอาจารย์เสกสรรค์จะถามให้ นี่แหละเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองไทย คนเคยไล่ตีกันมา แล้วเราคุยกันได้ แล้วเราก็มานั่งมองตัวเอง มองเมืองไทย มองคนรุ่นหลังๆ แล้วเราก็ยิ้ม เพราะคำถามที่เราเคยถาม ป่านนี้ก็ยังตอบไม่ได้ เพราะมันยังลอยอยู่ในสายลม อยากฟังเพลงก็ให้ไปถามเอากับ #5 เจ้าแห่งเพลงเก่า จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 24 มี.ค. 52 16:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนแรก สิ่งที่เค้าเรียกร้อง คือปล่อยตัวประกัน และขอให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อมีการเลือกตั้งที่เป็นระบบประชาธิปไตย  ไม่ใช่เผด็จการ แต่ทำไมอ่านไปอ่านมา  เค้าเข้าป่า  กลับไปรวมตัวกับพรรคคอมมิวนิสต์ หรือว่า ตกกระไดพลอยโจน  หรือว่าเรางงเอง T_T เพราะว่าประชา่ธิปไตยของเสกสรรค์กับของรัฐในสมัยนั้นมันต่างกัน และรัฐไม่ยอมรับให้มีความเห็นที่แตกต่างกันกับคำว่าประชาธิปไตย ส่วนตัวผมเห็นว่ารัฐสมัยนั้นมีความเป็นประชาธิปไตยน้อยเป็นเผด็จการทหารเสียมากกว่า ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริงต้องให้โอกาสเสกสรรค์ (หรือกลุ่มอื่นๆ) รณรงค์ความเชื่อทางการเมืองโดยเสรี แล้วให้ประชาชนเลือกเอาว่าจะเอาแบบไหน จากคุณ : Nexus - [ 24 มี.ค. 52 16:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นี่แหละเสน่ห์อย่างหนึ่งของเมืองไทย คนเคยไล่ตีกันมา แล้วเราคุยกันได้ แล้วเราก็มานั่งมองตัวเอง มองเมืองไทย มองคนรุ่นหลังๆ แล้วเราก็ยิ้ม เพราะคำถามที่เราเคยถาม ป่านนี้ก็ยังตอบไม่ได้ อาจจะเป็นเสน่ห์ถ้ามองในแง่หนึ่ง แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งมันก็เป็นจุดอ่อน เพราะว่าเราไม่เคยจะแก้ปัญหา ... ไม่พยายามแก้ปัญหา ไม่พยายามหาคำตอบ หลีกเลี่ยงความขัดแย้งเสมอมา โดยอาศัย(อ้าง)คำว่าสมานฉันท์ นี่คือเหตุผลที่ผมเห็นว่าเราไม่เคยเดินไปข้างหน้าเพราะเราแบกปัญหามาตลอดโดยไม่กล้าที่จะแก้ไข ...... "ไม่เป็นไร" คำๆนี้มีชื่อเสียงในหมู่ฝรั่งมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และก็คงจะมีชื่อเสียงต่อไป ป.ล. 66/23 เป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อมามองย้อนหลัีงจะพบว่ารัฐหาทางออกได้สวยมาก โดยไม่ต้องยอมรับว่าตัวเองผิด และโดยไม่ได้แก้ปัญหาที่รากฐาน แต่แก้โดยการ "เลิกแล้วต่อกันเถอะนะแล้วไม่ต้องไปพูดถึงมันอีก ใครผิดใครถูกช่างหัวมัน" Accountability ไม่จำเป็นต้องมี นั่นไม่ได้หมายความว่ารัฐต้องเป็นคนผิดเสมอไป แต่การไม่มีแม้แต่การแสวงหาคนผิดนี่สิ มันทำให้เกิด Moral Hazard ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อการเมืองไทยในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ใครอยากทำอะไรทำไป แต่ทำแล้วต้องทำให้เรื่องใหญ่ๆและคลุมเครือเข้าไว้แล้วจะไม่ได้รับการลงโทษ เพราะคนไทยต้อง "เลิกแล้วต่อกัน" "ต้องไม่ืืทะเลาะกัน" นี่คงเป็นวิธีการแก้ปัญหาแบบไทยๆ ....... Amazing Thailand จากคุณ : Nexus - [ 24 มี.ค. 52 16:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ลองอ่านบันทึกของนักเล่าเรื่องจากราวป่าคนอื่นๆดู อาจจะเข้าใจสภาพเหตุการณ์ในสมัยนั้นมากขึ้น ขอให้อ่าน "หยดหนึ่งแห่งกระแสธาร" ของฤดี เริงชัย ที่เล่ากรุขุดคุ้ยความเป็นมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย การเปลี่ยนแปลงทางความคิด และการลุกฮือของคนร่วมสมัย จนท้ายสุดก็เข้าไปจับอาวุธและคันไถในป่า เมื่อเข้าไปแล้วกลับหวานอมขมกลืนกับน้ำผึ้งรสปร่า ที่เคลือบคำหวานๆบนความหวังปฏิวัติทั้งหลาย จนในที่สุดก็ทนไม่ได้ก็ต้องออกมาแบบคนล้มลลายแห่งอุดมการณ์ เธอบันทึกทุกอย่างได้อย่างเห็นภาพจริงมาก หรืออีกเรื่องก็ได้ "ขบวนการนั้นชื่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย" โดย  ปวีณา เดชกล้า บอกเล่าความรู้สึกของหนุ่มสาวไฟแรง ที่ต้องหนีขบวนการตามล่าของเหล่าสันติบาลเมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงหลบหลีกไปอยู่ในราวป่า หวังให้ไฟปฏิวิติคุโชนหล่อหลอมชีวิตใหม่ แต่ในที่สุดก็ออกมาอย่างหัวใจสลายเช่นกัน หรือจะมองในแง่มุมของศิลปินในตำนาน "ไม่มีคาราวานเมื่อคืนนี้อีกแล้ว" บทบันทึกก่อนเข้าและออกมาของ น้าแดง วีระศักดิ์ สุนทรศรี จากคุณ : กูรูขอบสนาม - [ 24 มี.ค. 52 18:43:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พูดตรงๆนะ การจัดการองค์กรของคอมสมัยก่อน ยังเป็นประชาธิปไตย มากกว่า ปชต ตอนนั้นด้วยซ้ำ จากคุณ : mr.social - [ 24 มี.ค. 52 18:49:42 A:124.120.236.152 X: TicketID:194874 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าอาจจะมีความจริงบางอย่างที่ อ.เสกสรรกับคุณจิรนันท์ยังพูดไม่หมดก็ได้ เหตุการณ์ช่วงนั้นหลายอย่างก็น่าสงสัยอยู่ ความวุ่นวายปั่นป่วนที่เกิดขึ้น ดูเหมือนกับมีคนจงใจหรือจัดฉากให้มันเกิด การที่ อ.เสกสรรหายตัวไปในคืนนั้น การออกข่าวลือว่า อ.เสกสรรถูกทหารจับตัวไป การออกมารณรงค์ป่าวประกาศของคุณจิ๊ดในคืนนั้น การที่ประชาชนปะทะกับตำรวจด้วยความเข้าใจผิดหน้าวังสวนจิตร การที่ฝูงชนหน้าวังสวนจิตรจะสลายการชุมนุมแล้ว แต่มีแกนนำนักศึกษาบางคนไม่ยอมให้ยุติ จากคุณ : xox - [ 24 มี.ค. 52 18:51:41 A:58.9.81.136 X: TicketID:192266 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณลองนึกง่ายๆ ว่า ทำไม 6 ตุลา ถึงไม่สำเร็จเหมือน 14 ตุลา คุณลองนึกหรือไม่ว่า ทำไม หลายส่วนใน 14 ตุลา ถึงแยกออกมา เป็นศัตรูกัน เมื่อคร่าว 6 ตุลา จากคุณ : Angleevil - [ 24 มี.ค. 52 19:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทั้ง คุณ เสกสรร และ คุณ จีรนันทน์ ยังมีชีวิตอยู่  และ ยังอยู่ในประเทศไทย ไปถามเองจะได้รับคำตอบที่ถูกต้อง มาถามในนี้   ไม่มีใครรู้ดีกว่าเจ้าตัวสักคน จากคุณ : นายช่างปลูกเรือน - [ 24 มี.ค. 52 20:42:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลายส่วนใน 14 ตุลาถูกทำให้แยกออกมาก่อนหน้า 6 ตุลา ส่วนตัวคนที่เป็นแกนหลักในการแยกนั้นลองหาใน Wikipedia ก็จะเจอได้ไม่ยาก ว่ามี Organization อย่างไร มี Synergy อย่างไร และองค์กรเหล่านั้นมีบทบาทอย่างไรบ้างในวันสังหารหมู่ก็มีอยู่ไม่กี่กลุ่มหรอก และถ้าอ่านข่าวในช่วงแรกๆจะเห็นความภาคภูมิใจในชัยชนะวันนั้นได้ดีอย่างเช่น "ในรายการ นั้นมีบรรยากาศบางตอนที่น่าเกลียดมาก เช่น มีการเล่าถึงคนที่ถูกรุมประชาฑัณฑ์ พวกเขาเล่าในลักษณะเป็นเรื่องตลก เช่น เขาพูดภาษาไทยไม่ได้ใช่ไหม...? อ๋อเขาเป็นญวน ถึงพูดภาษาไทยไม่ได้...! แล้วก็มีเสียง กิ๊กกั๊ก...กิ๊กกั๊กขึ้นมา อันนี้คือสิ่งที่ผมเรียกว่า เป็นบรรยากาศของการเฉลิมฉลองหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาใหม่ๆ" ธงชัย วินิจกุล, ความทรงจำ ภาพสะท้อนและความเงียบในหมู่ฝ่ายขวาหลังการสังหารหมู่ 6 ตุลา นอกจากนั้นถ้าอ่านเรื่องที่เขียนในช่วงหลังๆเปรียบเทียบกับตอนที่ออกมาใหม่ๆก็จะได้รับรู้ถึงความพยายามในการตีความเหตุการณ์ในวันนั้นในอีกรูปแบบหนึ่งลองหาอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน ถ้าคุณจินตนาการภาพบรรยาการการเฉลิมฉลองหลัง 6 ตุลาจากประโยคข้างต้นได้แล้ว คุณคงจะเข้าใจว่าทำไมคนที่ถูกหมายหัวไว้ว่าเป็น "พวกนั้น" ถึงต้องเข้าป่า เพราะพวกเขาถูกหมายหัวว่าไม่ใช่คนไทย ..... ไม่แน่ว่าในสายตาคนบางจำพวก(พวกที่เข้ากันได้กับผู้ก่อนการร้ายหัวรุนแรงในนามศาสนานั่นแหละ) พวกเขาอาจจะไม่ใช่แม้กระทั่งคน ซึ่งนั่นเป็นความล้มเหลวทางศีลธรรมของมนุษย์ในเมืองที่พร่ำบอกว่าเป็นเมืองพุทธ แต่ไม่ได้เข้าถึงหลักการทางพุทธศาสนาแม้แต่น้อย เพราะขนาดสัตว์พระพุทธเจ้ายังไม่สนับสนุนให้ฆ่าเลย แต่นี่คนทั้งคนกลับบอกว่าฆ่าได้ไม่บาป ก็คิดดูแล้วกันว่าศีลธรรมมันล้มเหลวขนาดไหน จากคุณ : Nexus - [ 24 มี.ค. 52 21:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อืม สงสัย Nelson Mandela ที่คนยกย่องทั่วโลกคงเอาแบบอย่างไทย เลิกแล้วต่อกัน ไม่เอาผิดคนขาวที่จำคุกเขามากว่า 20 ปี หันหน้ามาปรองดองกัน อย่างมากก็แค่มี Truth Commission มาให้คนทำผิดรับสารภาพบาป ก็แค่นั้น ต้องเอามันให้ตายไปเลยพวกชาวผิวขาวแบบ Zimbabwe ใช่ไหมครับ? แล้วดูตอนนี้ประเทศไหนเจริญกว่ากัน? ในขณะที่ SA ได้รับการสรรเสริญ เศรษฐกิจดี เป็นเจ้าภาพบอลโลก แต่ Zimbabwe เป็น failed state ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก อดหยาก ไม่มีน้ำสะอาดดื่ม เป็นโรคอหิวาต์เป็นพัน เป็นหมื่น มองอะไร ก็น่าจะมองหลายด้านครับ จากคุณ : K.Senior - [ 24 มี.ค. 52 22:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กรณีของอาจารย์เสกสรรค์กับคุณจิระนันท์ผมมองว่าเป็นเรื่องของอุดมการณ์ครับ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงประชาธิปไตยที่ได้รับการยอมรับในทางประวัติศาสตร์ว่าเป็นประชาธิปไตยจริง ๆ ของเมืองไทย แต่ในขณะเดียวกันการมีรัฐบาลประชาธิปไตยก็ทำให้เกิดการเมืองน้ำเน่าที่เป็นรากฐานของการเมืองปัจจุบัน รัฐบาลอ่อนแอไม่มีประสิทธิภาพ และผู้กุมอำนาจเบื้องหลัง (ซึ่งเราไม่รู้จริง ๆ ว่าใคร มองไปทางไหนก็ไม่กล้าชี้ว่าใคร) ยังคงมีอำนาจอยู่  เป็นอำนาจที่ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคลแต่เป็นเรื่องของกลุ่ม ของชนชั้นมากกว่าทำให้เราชี้ชัดลงไปไม่ได้ สังคมไทยเวลานั้นมีแต่กลุ่มนักศึกษากับปัญญาชนที่ดูจะมีความสุข แต่กับชาวบ้านทั่ว ๆ ไปแล้วชีวิตไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเท่าใดเลย การที่นักศึกษาพยายามเรียกร้องประชาธิปไตยมากขึ้น ๆ ไปจนถึงเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2619 ก็เป็นผลมาจากความเหลวแหลกในการบริหารบ้านเมืองที่เหล่านักศึกษาได้ไปเห็นมาส่วนหนึ่ง คุณเสกสรรค์กับคุณจิระนันท์เดินทางเข้าป่าไปในช่วงนั้นน่าจะสืบเนื่องจากสภาพของประเทศในช่วงสามปีนั้นไม่เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ก็เลยไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสท์ของประเทศไทยด้วยเชื่อว่าเป็นแนวคิดที่อาจจะนำพาประเทศไปสู่ความฝันได้ คนหนุ่มสาวจำนวนมากในเวลานั้นก็น่าจะคิดแบบนี้ ผมมองว่าก่อนเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคมไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายได้แบบนั้น และพรรคคอมมิวนิสต์ก็ถูกไล่เบี้ยลงไปเพราะเมื่อถูกตีความว่าไม่ดีแต่ต้นก็ต้องกวาดล้างกันต่อไป ที่จริง ผมยังอยากรู้ว่าก่อนหน้าเหตุการณ์วันที่ 14 ตุลาคม 2516 ชีวิตความเป็นอยู่ของคนชนบท การบริหารจัดการบ้านเมืองมันแย่ขนาดไหน ชีวิตคนไทยยากจนข้นแค้นอย่างที่นักศึกษาในสมัยนั้นบรรยายถึงหรือไม่ แต่นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง โดยสรุปสำหรับนักศึกษาแล้วส่วนหนึ่งอุดมการณ์คือสิ่งที่นำพาพวกเขาไปรวมกับพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องหนีเข้าป่าตามสถานการณ์ ผมไม่ได้แม่นประวัติศาสตร์ช่วงนี้ แต่ผมคิดว่าคนที่ออกมาจากป่ากลุ่มแรก ๆ น่าจะเป็นพวกที่เคยมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่แรงกล้ามาก่อน ต่อเมื่อพบว่าพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ใช่คำตอบพวกเขาจึงเดินออกมา สำหรับนักศึกษาหรือคนที่หนีเข้าป่าในช่วงนั้นแล้ว ความฝันและอุดมการณ์คือเป้าหมายของชีวิต แต่เมื่อโลกแห่งความจริงไม่สามารถตอบสนองความฝันได้ พวกเขาก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกแห่งความจริง เมื่อกลับเข้าสู่โลกแห่งความจริงพวกเขาก็เหมือนกับว่าต้องลืมเลือนตัวตนเมื่อครั้งอดีต ถ้าจะให้ย้อนอดีตความทรงจำเมื่อครั้งหลังว่าตอนนั้นทำไมฉันจึงทำเช่นนั้นพวกเขาคงให้คำตอบที่ชัดเจนได้ยากเพราะพวกเขาต้องมองตัวตนที่พวกเขาได้ละทิ้งไปแล้ว เป็นความทรงจำในอดีตที่ผสานเข้ากับตัวตนในปัจจุบันไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาเองก็ไม่สามารถอธิบายการกระทำของตนเองในอดีตได้แน่ชัด เหมือนเรามองย้อนกลับไปในอดีตแล้วถามว่าตอนนั้นทำไมเราถึงทำแบบนั้นนะ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ได้ครับที่ทำให้ประวัติศาสตร์ช่วงนั้นไม่ชัดเจน เพราะแต่ละคนต่างก็คิดและรู้สึกไม่เหมือนกัน และพวกเขาหลายคนก็ได้โยนมันทิ้งไว้ในป่าบ้าง ไว้ที่ท่าพระจันทร์บ้าง อดีตก็คืออดีตจะมาเรียกร้องเอาอะไรจากพวกเขา ทั้งหมดก็แค่ความคิดของผมน่ะครับ ก็เขียนไปตามที่คิด แฮะ ๆ ถ้าอ่านแล้วไม่รู้เรื่องก็ขออภัยครับ จากคุณ : Mr.Learning - [ 25 มี.ค. 52 08:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ที่หลายคนลืมไปหมดก็คือ เงินที่บริจาคสมทบ ทั้งที่ศูนย์นิสิตฯ และเงินที่ บริจาคเพื่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ใช้ในการช่วยผู้ป่วยเพราะขณะเกิดเหตุการณ์ วุ่นวายนั้นมีบทเรียนของการส่งผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลไม่ทัน จึงเกิดมีการ รณรงค์บริจาคเงินซื้อเฮลิคอปเตอร์เพื่อการนี้ ขึ้นในตอนนั้น แล้วก็ก็เงียบ หายไปในความมืด ไม่ค่อยจะมีใครสงสัยไต่ถามด้วย ว่าเงินเหล่านั้นไปอย่าง ไรอยู่ที่ไหน อนุสาวรีย์วีรชนที่ว่าจะสร้างด้วยเงินบริจาค ก็เห็นยังค้างคาอยู่ ได้ซื้อเฮลิคอปเตอร์หรือเปล่า จากคุณ : satitp - [ 25 มี.ค. 52 10:56:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Blowin' in the Wind by Bob Dylan How many roads must a man walk down Before you call him a man? Yes, 'n' how many seas must a white dove sail Before she sleeps in the sand? Yes, 'n' how many times must the cannon balls fly Before they're forever banned? The answer, my friend, is blowin' in the wind, The answer is blowin' in the wind. How many times must a man look up Before he can see the sky? Yes, 'n' how many ears must one man have Before he can hear people cry? Yes, 'n' how many deaths will it take till he knows That too many people have died? The answer, my friend, is blowin' in the wind, The answer is blowin' in the wind. How many years can a mountain exist Before it's washed to the sea? Yes, 'n' how many years can some people exist Before they're allowed to be free? Yes, 'n' how many times can a man turn his head, Pretending he just doesn't see? The answer, my friend, is blowin' in the wind, The answer is blowin' in the wind. คำตอบยังคงล่องลอยอยู่ในสายลมอย่างที่หมอแอ๊ด # ๑๑ ว่าไว้จริง ๆ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 25 มี.ค. 52 11:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 15 พูดตรงๆนะ การจัดการองค์กรของคอมสมัยก่อน ยังเป็นประชาธิปไตย มากกว่า ปชต ตอนนั้นด้วยซ้ำ จากคุณ : mr.social - [ 24 มี.ค. 52 18:49:42 A:124.120.236.152 X: TicketID:194874 ] ถ้าถามคนที่เคยอยู่ เค้าน่าจะตอบว่าไม่ต่างกัน(มีคนรู้จักที่เคยเข้าป่าเหมือนกัน แต่ไม่เคยถามประเด็นนี้กับพี่เค้า) แต่ที่แน่ๆ การจัดการของ พคท. เป็นแบบบนลงล่าง บนลงล่างมันไม่ใช่ ปชต. หรอกนะ เรื่องการเข้าป่า ทางเลือกของ นศ. สมัยนั้นมันมีอยู่แค่นั้นค่ะ รัฐไม่เปิดทางเลือกอื่น นอกจากนั้นถ้าจำไม่ผิด มีการตามเก็บแกนนำคนที่โดดเด่นๆ ของขบวนการนศ.สมัยนั้นด้วย(อันนี้ไม่แน่ใจ จำไม่ได้เหมือนกันว่าสมัยก่อนสิบสี่ หรือก่อนหกตุลา) สรุปคือรัฐนั่นแหละบีบให้นศ.ต้องเข้าป่าไปเข้ากับ พคท. (เหมือนสมัยนี้เปี๊ยบเลย เรื่องที่เอามาเล่นในการโจมตีก็เหมือน) ปล.อยากให้มีการชำระ ปวศ. ช่วงนั้นจัง ว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่ ศธ. ยัดเยียดให้เด็กรับรู้(จริงๆ ปวศ. ไทยควรได้รับการชำระหมด เลิกเขียน ปวศ. เพื่อใครได้แล้ว) จากคุณ : psycho patch - [ 25 มี.ค. 52 11:43:21 A:222.123.1.70 X: TicketID:112989 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ลองหาหนังเรื่อง ugly american โดยมารอน แบรนโดมาดูแล้วจะเข้าใจครับ รัฐบาลสมัยนั้นมองว่า ใครต่อต้านตัวเอง คือคอมมิวนิตส์หมด แม้ว่าคนนั้นอาจไม่ใช่ก็ได้ เลยกลายเป็นทำแนวร่วมมุมกลับให้พรรคคอมมิวนิตส์ฟรีๆ ได้นักศึกษาไปเป็นกำลัง และเป็นมันสมอง ผมมองว่าเป็นเพราะความสามารถพรรคคอมมิวนิตส์ส่วนหนึ่ง และความโง่และความอคติ ความหวงอำนาจของรัฐบาลเผด็จการอีกส่วนหนึ่งครับ จากคุณ : ErShiYi - [ 25 มี.ค. 52 13:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นมากนะคะ  ที่มาให้ความรู้ความเข้าใจในการอ่าน ให้กระจ่างยิ่งขึ้น ตอนแรกไม่คิดว่าคุณจิระนันท์ จะอยู่ฝ้ายซ้าย คือได้แนวคิดมาจากฝ่ายซ้าย เลยเกิดอาการงงว่า  ทำไมเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ ตอนนี้อ่านถึงการเดินทางของคุณเสกสรร และคุณจิรนันท์ กับบรรดาพรรคพวกรวม 8 ชัวิต  ตอนนี้เดินทางถึงเวียดนาม กรุงฮานอยค่ะ และเราก็ได้ความรู้ใหม่จากหนังสือเล่มนี้  คือความรู้เรื่อง “คอมมิวนิสต์” ที่เราเคยเรียนรู้  และเข้าใจมาตลอด จนอายุเข้าเบญจเพศ  มันเป็นความเข้าใจผิดๆและด้านเดียว คำว่า “คอมมิวนิสต์”สำหรับเรา  มันคือความน่ากลัว  เหมือนเผด็จการ  ที่การกุมอำนาจ  อยู่ที่ภาครัฐอย่างเดียวเท่านั้น  โดยที่ประชาชนไม่มีสิทธิใดๆทั้งสิ้น เหมือนที่เราเคยได้ยินเค้าด่ากันตอนเด็กๆว่า “ไอ้พวกคอมมิวนิสต์” ฟังดูแล้ว  เหมือนส่วนเกินสังคม  ที่โดนสั่งสอนกันมาตามๆกัน จริงๆคำว่า คอมมิวนิสต์ มันคงมีอะไรมากกว่านั้น จากคุณ : หง่าวซ่า (คุโระโกะ) - [ 25 มี.ค. 52 14:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เิ่พิ่งสังเกตชื่อ จขกท. ชอบคุโรโกะหรอคะ? เราชอบจิงโกะ อิอิ เรื่องคอมฯ มันมีอะไรมากกว่านั้นค่ะ จริงๆ คอมฯที่เป็นประชาธิปไตยก็มี(ขณะเดียวกันทุนนิยมที่เป็นเผด็จการก็มี) ถ้าจะพูดจริงๆ คอมฯ คือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ เหมือนทุนนิยมเสรีอ่ะค่ะ จากคุณ : psycho patch - [ 25 มี.ค. 52 17:15:27 A:192.168.0.17 X:222.123.1.70 TicketID:112989 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมไม่ได้บอกให้เอาให้ตายนะ แต่การเลิกแล้วต่อกันแบบไทยๆคือ "ลืมๆไปซะ" ไม่มีการระบุว่าใครผิดใครถูกข้อสรุปมันควรจะเป็นอย่างไร เราจะเดินไปทางไหนต่อไป ไม่มีการเรียนรู้จากประสบการณ์ ถ้าจะให้ผมเทียบก็เหมือนกับว่าฉีดมอร์ฟีนรักษาฝี คือมันไม่เจ็บ ไม่ปวด ชาๆไปก็เท่านั้น แต่รากของโรคมันยังอยู่ ยังไม่หายไปไหน ถ้าจะตีตรงๆก็คือทหารยังไม่ยอมรู้จักหน้าที่ของทหาร "ในระบอบประชาธิปไตย" (อันนี้ถ้าใครเถียงว่านี่คือประชา่ธิปไตยแบบไทยๆผมจะเลิกพูดต่อ ถือว่าจบกันตรงนี้) ตรงนี้คือรากของโรค การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง - ต้องรู้จักเคารพประชาชน (ไม่ว่าเขาจะเลือกเดินไปทางไหน) ถ้าประชาชนครึ่งประเทศพร้อมใจกันเดินลงเหวก็ต้องปล่อยให้เขาเดินลงเหว เพราะไม่แน่ว่าที่ก้นเหวอาจจะมีมหาสมบัติอยู่ก็เป็นได้ ถ้าจะเทียบกับกรณีแมนเดลล่า กว่าจะถึงขั้นนั้นเขาก็มีปากมีเสียงกับฝ่ายตรงข้ามใช่น้อยอยู่ถึงขนาดที่มีการขุดเรื่องสังหารหมู่ขึ้นมาทะเลาะกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อปัญหามันถูกแก้ไขแล้วเขาก็ไม่เอาความกัน นี่เป็นตัวอย่างที่ดี แต่เรื่องของไทย ปัญหามันยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่ก็เอาพรมกลบเอาไว้ "แบบไทยๆ" ให้สังเกตว่ากรณีของแมนเดลลานั้นเขาไม่ได้เลิกแล้วต่อกันไปเฉยๆ แต่เขาต่อรองจนกระทั่งเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วต่างหากถึงเลิกแล้วต่อกัน ตรงนี้คุณ K.senior มีความเห็นว่าอย่างไร มันเหมือนหรือมันต่างกับแบบไทยๆหรือเปล่า? จากคุณ : Nexus - [ 25 มี.ค. 52 17:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อันนี้เป็นบทวิเคราะห์ 66/23 http://politicalbase.in.th/index.php/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87_66/2523 ลองอ่านแล้วคิดตามก็แล้วกันว่าจริงหรือไม่อย่างไร? เสริมหลักคิดของผมหน่อย หลักคิดของผมเอามาจากการศึกษาทางจิตวิทยาร่วมสมัยที่พบว่ามนุษย์ตัดสินใจโดยใช้รางวัลและความเสี่ยงเป็นหลัก ดังนั้นการที่สังคมไทยให้รางวัล(หรือไม่ลงโทษ) คนที่ทำผิด มันจะก่อให้เกิด Moral Hazard ขึ้นมาทันที นั่นก็คือความเสี่ยงในการทำความผิดจะน้อยลง คนก็มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงมากขึ้น เมื่อเรากลับมามองการเมืองไทย การปฎิวัติเกือบทุกครั้งเกือบไม่มีนายทหารคนไหนถูกลงโทษเลย (แถมบางคนยังได้รางวัลเสียด้วยซ้ำ) นั่นทำให้ความเสี่ยงในการทำปฎิวัติมันน้อยลง ทหารก็กล้าเสี่ยงมากขึ้นตามจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน(หรือสันดาน)มนุษย์ ผมเชื่อว่าถ้ามีการลงโทษคนทำปฎิวัติอย่างเคร่งครัด การปฎิวัติในเมืองไทยจะหมดลงไปหรือไม่เกิดบ่อยเท่านี้ หรือถ้าไม่มองการเมือง เอาแค่เรื่องสินบน 100-200 ที่จ่ายให้ตำรวจนั่นแหละ มันก็กลายเป็น Moral Hazard เพราะความเสี่ยงมันต่ำ (ไม่ว่าจะเสี่ยงถูกจับข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงาน หรือเสี่ยงถูกจับข้อหารับสินบนก็ตาม) แต่รางวัลมันสูงกว่าความเสี่ยง (ค่าเสียเวลา ค่าเสียความรู้สึก ค่าปรับที่สูงกว่า ฯลฯ) ก็เลยทำให้คนหลายคนเลือกที่จะให้สินบนเจ้าพนักงานมากกว่าที่จะเสียค่าปรับ นั่นคือ Moral Hazard ที่ทำให้ระบบไม่เป็นไปตามระบบเพราะความเสี่ยงกับรางวัลมันไม่สมดุลกัน แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 52 17:35:19 จากคุณ : Nexus - [ 25 มี.ค. 52 17:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ลองหาหนังสือ "กระดูกเข้าบัว" ของ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ เขียนร่วมกับ  ส.ช่วง มาอ่านดูสิครับ เคยสร้างเป็นละคร แต่ดูไม่สนุก เพราะเสนอความจริงด้านรัฐมากเกินไป นั่นคือตัวอย่างง่ายๆ ของทำไมบางคนต้องเข้าป่า ทั้งๆ ไม่ได้ซ้าย ไม่ได้ขวา หรือ "เย็นลมป่า" ของคุณชวน หลีกภัย มาอ่านดูก็ได้ครับ จากคุณ : พี่คนใต้ใจดี - [ 25 มี.ค. 52 18:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ที่คุณว่าก็ถูก แต่ก่อนหน้านั้น Tone การโพสต์ของคุณคล้ายต้องการตำหนิว่า ทำไมไม่เอาพวกนั้นมาลงโทษ และตำหนินโยบายประนีประนอมที่ทำให้คอมพ์แพ้ อะไรทำนองนี้ แต่คุณต้องคิดหน่อยสิ ขนาด Mandela ยังไม่กล้าเอาเรื่องคนที่ขังตัวเอง เพราะคงกลัวจะเกิดสงครามการเมือง แล้วคุณคิดสินักการเมืองหน้าไหนจะเอาทหารปฏิวัติมาลงโทษ ใครกุมปืนอยู่ครับ? เรื่อง Moral Hazard มันก็ในทฤษฎี ทางปฏิบัติมันทำไม่ได้ในสถานการณ์ประเทศไทย เพราะคนที่จะใช้อำนาจลงโทษได้มันไม่ใช่นักการเมือง เพราะนักการเมืองมันไม่มี Morality พอ มันเลวพอๆ กันครับ ถ้านักการเมืองไม่โกงกิน บริหารบ้านเมืองอย่างสุจริต อำนวยผลประโยชน์ให้ชาวบ้าน คุณคิดหรือว่าทหารจะทำการปฏิวัติได้ ข้อผิดพลาดของทักษิณคือ ตัวเอง totally corrupted ทำอะไรก็ได้เพื่ออำนาจและความร่ำรวย แม้ว่าจะกุมเสียงชาวบ้านได้ส่วนใหญ่ แต่ก็อยู่ไม่ได้ครับ เพราะตัวเองไม่มี moral authority พอที่จะให้คนชั้นกลางยอมรับได้ จึงเป็นเหตุให้ทหารโค่นอำนาจได้ ผมมองโลกในแง่ความจริงมากกว่าทฤษฎีครับ คุณจะกุมอำนาจรัฐให้ทหารอยู่ใต้ได้ คุณต้องเป็นแบบ Lee Kawn Yew ครับ ไม่ใช่แบบทักษิณ จากคุณ : K.Senior - [ 25 มี.ค. 52 20:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่อง 66/23 ผมว่าเป็นเรื่องปลายเหตุมากแล้ว ก่อนหน้านั้น การผูกสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยถูกโดดเดี่ยว หลังพิงฝา การรุกโดยการใช้กำลังทหารและทหารพรานเป็นการบีบให้จนตรอก ในสภาพที่จนตรอก นศ.ที่เข้าป่าต้องการมีส่วนร่วมในการกำหนดยุทธศาสตร์การตอบโต้ แต่อำนาจของ พคท. ในไทยอยู่ในมือคนกลุ่มเดียว นศ.ที่เข้าป่าถึงมีจำนวนไม่น้อย แต่แทบจะไม่มีใครที่ได้เป็นสมาชิก พคท. เลย เท่ากับถูกกีดกันจากการออกเสียง สภาพที่เพลี่ยงพล้ำ บวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าตัวเองไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างนี้ เรียกได้ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าตอนอยู่ในเมืองเสียอีก 66/23 เป็นแค่การเปิดทางให้คนสิ้นหวังถอยออกจากป่าได้ และก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจริงๆ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 25 มี.ค. 52 21:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมไม่เข้าใจว่าจะปรับความเข้าคิดกับคุณ K.senior ยังไงดี แต่ผมพูดง่ายๆสั้นๆเพราะมันไม่เกี่ยวกับกระทู้โดยตรง ทัศนคติแบบที่ว่า (นักการเมืองเลว ทหารเข้ามาแก้ไข) มันถูกฝังมานานแล้วจนยากจะแคะออก มันถูกฝังมาจนกระทั่งที่ว่าทำให้คนชั้นกลางลืมคำว่าประชาธิปไตยไป (กลายเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆนั่นแหละ) อย่างที่ผมบอก ถ้าคนส่วนใหญ่โหวตให้ประเทศลงเหว ตามหลักประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับ เพราะมันไม่ควรจะมีคุณพ่อรู้ดี ที่มีอำนาจเหนือความต้องการคนส่วนใหญ่ การเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง ถ้าทักษิณเลวก็ต้องเสนอคนที่ดีกว่าเข้าไปล้มล้างเขาตามระบบ ไม่ใช่การแก้ด้วยการปฎิวัติซึ่งมันทำลายกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมของคนส่วนใหญ่ ถ้าคนส่วนใหญ่เลือกทักษิณแล้วทักษิณพาไปล่มจม มันก็เป็นความรับผิดชอบของคนส่วนใหญ่ที่ต้องแก้ไข ตรงนี้เป็นความเรียกว่ายังไงดี กระแดะของชนชั้นกลางก็ว่าได้ซึ่งผมก็เคยเป็น คือพูดถึงคุณธรรม จริยธรรม แต่กลับไม่ยึดหลัก Rule of Law (นิติรัฐ) ซึ่ง...กลับไม่มีใครคิดว่าแปลก ในขณะที่ปากพูดคำว่าคุณธรรม ชนชั้นที่จ่ายใต้โต๊ะ แป๊ะเจี๊ยะ ใช้เส้นสายมากที่สุดก็คือชนชั้นกลางนั่นแหละ ผมถามคุณ K.senior ว่าระหว่าง Rule of Law กับจริยธรรม ถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว จะเลือกทางไหน? จากคุณ : Nexus - [ 26 มี.ค. 52 01:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอเถียง ว่าชนชั้นที่ จ่าย ค่าแป๊ะเจี๊ยะมากที่สุด คือ คนชั้นกลาง  คนชั้นสูง แบบทักษิณมากกว่าละกระมั้ง สมัยเป็น นักธุรกิจ วิ่งเที่ยวไล้เที่ยวขื่อ ขอสัมปทานจากรัฐ  คิดว่าไม่มี แป๊ะเจี๊ยะรึไงครับ จากคุณ : Dojojin - [ 26 มี.ค. 52 15:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่แตกต่าง กลับทำให้เราเข้าใจได้มากขึ้นนะคะ  ไม่ว่าจะเป็นคุณ K.senior  และคุณNexus ไม่ให้ กิ๊ฟ ไม่ได้แล้ว อุตสาห์มาให้ความรู้ ใช่ค่ะ คุณ psycho patch ชื่อเราเอาจากการ์ตูน...... ชอบจิงโกะเช่นกัน  ดุดี  เก่งกว่าตัวผู้อีก ได้อ่านตอนจบยังค่ะ  สุดเศร้า คุโระตาย ปวศ.ช่วง 14 ตุลา กับ 6 ตุลา มันก็ช่างคลุมเครือจริงๆนั้นแหละ  ไม่ชัดเจนเลย  ช่วงยุคไหนนะ  ที่สั่งให้ทำลายวรรณกรรม หนังสือที่เกี่ยวกับการเมือง  ข้อเท็จจริงเลยถูกทำลายไป และรากฐานประชาธิปไตยบ้านเรา มันก็ขาดๆเกินๆ  นับวันบ้านเมืองก็ประหลาดทุกวัน ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็น และมีจุดยืนที่รุนแรง ไม่ว่าจะฝ่ายไหนกลุ่มไหน ไม่รู้ว่า  อะไรจะดีที่สุด  สำหรับประเทศไทย เมื่อคืนนี้อ่านถึง คุณจี๊ดคลอดลูก คุณแทนไท  น้ำตาคลอเลย  นับถือน้ำใจในความเป็นแม่ของคุณจี๊ดจริงๆ ชอบมิตรภาพระหว่างเพื่อนของคุณจี๊ดและคุณเสกสรร ที่มีต่อเพื่อนสหาย จะมีใครเป็นเพื่อนเราได้ตลอดชีวิตแบบนั้นบ้าง จากคุณ : หง่าวซ่า (คุโระโกะ) - [ 26 มี.ค. 52 16:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนนั้นทักษิณเป็นชนชั้นสูง? เปล่าเลยผมมองว่าเขาเป็นชนชั้นกลางอย่างเราๆท่านๆที่ปากกัดตีนถีบหา้เิงินส่งส่วยชนชั้นสูงนั่นแหละ ชนชั้นสูงเขาไม่ค่อยส่งส่วยกันเท่าไหร่หรอกนะ เขารับส่วยกันเสียมากกว่า เพราะเขามีอำนาจวาสนาบารมีแล้ว คนที่ต้องส่งส่วยคือคนที่ต้องพึ่งพาอำนาจบารมีของชนชั้นสูงในการถีบตัวเข้าไปร่วมสังคมชนชั้นสูงเสียมากกว่า เอาล่ะผมว่าคนในพันทิพส่วนมากก็เป็น Middle Class กันทั้งนั้น ใครบ้างที่ไม่เคยจ่ายส่วย-แป๊ะเจี๊ยะ เลยแม้แต่ครั้งเดียว? ใครบ้างที่ไม่เห็นการจ่ายส่วยเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำกัน? ใครบ้างที่รังเกียจเรื่องพวกนี้ชนิดเข้ากระดูกดำและต่อต้านอย่างแข็งขัน? ทั้งต่อหน้าคนอื่นและลับหลังคนอื่น? คุณเห็นว่าการจ่ายของพวกนี้เป็นเรื่องที่ "ช่วยไม่ได้" "ใครๆก็ทำกัน" หรือเปล่า? ถ้าตอบคำถามข้างบนว่าใช่ ... ยินดีด้วยที่คุณเป็นชนชั้นกลางแบบมาตรฐานที่เป็นปกติทั่วไปของ กทม. ถ้าไม่ใช่แสดงว่าคุณเป็น "พันธ์หายาก" ที่สมควรสงวนเอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ลูกหลานในอนาคต และรับการคารวะไปสามจอกจากผม แน่นอนว่าเป็น Alcohol-free (เอ็งยังกระแดะได้อีกนะ) สำหรับผมโชคดีที่ไม่มีโอกาสมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นของตนเองทำให้ผมไม่เคยต้องจ่ายค่าปรับจราจร(นอกระบบ) แต่ยอมรับว่าตอนเด็กๆต้องจ่ายแป๊ะเจี๊ยะ(หรือเงินบริจาค)เพื่อให้ได้รับเข้าสถานศึกษา และยอมรับว่าตัวเป็นเป็นพวกกระแดะ(ในสังคม)กับเรื่องเหล่้านี้ที่ปากอย่างทำอย่าง เพราะผมไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงได้และผมต้องการมีชีวิตรอดในสังคม ซึ่งอุดมการณ์มันช่วยอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมพยายามไม่ทำอีกแล้วนั่นคือการโกหกตัวเองว่าเป็นคนมีคุณธรรม มีศีลธรรม ฯลฯ แล้วเอาศีัลธรรมของผมไปตัดสินคนอื่น(ว่าชั่ว ว่าเลว) เพราะผมได้เรียนรู้มาว่าศีลธรรมของคนนั้นมีมาตรฐานต่างกัน แต่กฎหมายนั้นยุติธรรมกับคนที่อยู่ใต้กฎหมายเสมอกัน .... อย่างน้อยก็ในทางหลักการ จากคุณ : Nexus - [ 26 มี.ค. 52 17:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 37 "..สิ่งที่ผมพยายามไม่ทำอีกแล้วนั่นคือการโกหกตัวเองว่าเป็นคนมีคุณธรรม มีศีลธรรม ฯลฯ แล้วเอาศีัลธรรมของผมไปตัดสินคนอื่น(ว่าชั่ว ว่าเลว).." >> Hear, hear. ขอคารวะสามจอก จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 26 มี.ค. 52 21:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่มีการปกครองแบบไหน ดีที่สุด แต่ มีการปกครองแบบไหนเหมาะสมต่อ สังคมหนึ่งสมัยหนึ่ง ผมเป็นคนมั่นใจแน่ๆ ว่า คอมมิวนิสต์จะต้องเกิดแน่ๆ ถ้า คนในยุค นั้น กลุ่มนั้น สถานที่นั้น เป็นหุ่นยนต์ ที่ มีมันสมองเท่ากัน ความคิดเหมือนกัน และพลกำลังเท่ากัน ทุกอย่าง ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะไม่ว่าอย่างไร การเป็นมนุษย์มันต้องมีคนที่ดี และเด่น กว่าคนอื่นๆ ไม่ว่าเรื่องใดๆ และ สิ่งนั้นก็คือ การล้ำ การเด่น การเกินหน้าเกินตา หรือแม้แต่ การแย่งชิง และด้วยสัญชาตญาณ ของสัตว์โลก ซึ่งมนุษย์ เอง ก็เป็นสัตว์ ชนิดหนึ่ง ก็จะต้องมานำ ไม่ว่า จะเป็นด้านใด ด้านหนึ่ง เพราะ แม้แค่เพศชายกับ เพศหญิง มันก็บอกถึงความต่างแล้ว เราไม่สามารถ หยุดตรงนี้ได้ คอมมิวนิสต์ของแท้ ไม่มีวันเกิด เพราะมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่ ผมเป็นคนหนึ่งที่ยังเห็นว่าจะต้องมีเส้นที่ขีด ไม่ให้มีใครเกินเส้นนั้น ไม่ว่าสังคมไหน ที่ไหน จะเป็นเส้นแบบใด เส้นแห่งความเท่าเทียมกัน ของอเมริกา เส้นทางศาสนา หรือเส้นแบบใดก็แล้วแต่ ความเหมาะสมต่อสภาพสังคม เส้นของไทยก็มี แต่หน้าเสียดาย มีคนพยายามที่จะก้าวข้ามเส้นนั้น แต่เมื่อ ก้าวข้ามไม่ได้ ก็พยายามยุยง ให้คนมาทำลาย ทั้ง ไม่รู้ และรู้หน้าเศร้าใจจริงๆ จากคุณ : Angleevil - [ 26 มี.ค. 52 23:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 39 "ตอนเด็กๆต้องจ่ายแป๊ะเจี๊ยะ(หรือเงินบริจาค)เพื่อให้ได้รับเข้าสถานศึกษา" แต่พ่อแม่ผมไม่เคยจ่ายครับ ก็เรียนโรงเรียนวัดก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร 555 และผมก็ไม่เคยจ่ายแป๊ะเจี๊ยะ(หรือเงินบริจาค) ให้ลูกชายและลูกสาวเข้าโรงเรียนเหมือนกัน ทั้งคู่ก็เรียนจบทำงานมาหลายปีแล้ว ผมแก่เกินไปที่จะมาอยู่ในโลกอุดมคติ the rule of law มันก็แค่พวกที่มีอำนาจบอกให้คนที่ไม่มีอำนาจทำตาม กฎหมายมีไว้กดขี่คนที่ไม่มีอำนาจ ส่วนคนที่มีอำนาจสามารถไม่ทำตามกฎหมายได้ อย่างทักษิณ ทั้งที่เป็นนายก ห้ามยุ่งธุรกิจส่วนตัว ก็ยังทำการเซ้งลี้ขายหุ้น เพราะกูใหญ่ ใครจะทำไม? คนในอุดมคติบอกว่า ถ้าเห็นมันเลวก็แก้ด้วยการเมืองสิ 555 พูดเป็นเด็กไร้เดียงสาไปได้ จะให้ประชาชนโวตออกหรือ? ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ทักษิณคุมเงินทุนซื้อเสียง คุมอำนาจรัฐ ไม่มีใครโวตออกได้หรอก หัดมองโลกความจริงบ้าง ผมก็ไม่คิดว่าทหารดีเด่นอะไรหรอก เลวพอๆ กัน ถ้าทักษิณไม่กำเริบเกินไป ประสานผลประโยชน์กับคนชั้นสูงได้ลงตัว มีหรือทหารจะปฏิวัติ? ถ้าคุณอยากอยู่ในโลกอุดมคติ ไปอยู่ต่างประเทศ เช่นใน Switzerland สิครับ นั่นมี The Rule of Law จริงๆ อยู่เมืองไทย ก็ต้องเข้าใจสังคมไทย ไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ ไปตามเรื่อง แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 52 00:05:21 จากคุณ : K.Senior - [ 26 มี.ค. 52 23:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แต่ผมกลับสงสัยว่า เขาทั้งสองเตียงหักเพราะอะไร ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย จากคุณ : ชาวบ้านข้างตลาด - [ 29 มี.ค. 52 14:08:49 A:124.122.143.232 X: TicketID:019847 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทุกอย่างมันไม่จีรัง ความเป็นจริงกับอุดมคติมันต้องแยกกันให้ออก ปวศ.แสดงให้เห็นมานานแล้วว่า อำนาจและเงินคือสิ่งที่คุมทุกสิ่งได้ แต่ก็มีระยะเวลาของมัน อำนาจที่ว่ายิ่งยงแค่ไหนก็ไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไปเช่นกัน จากคุณ : eagle1000 - [ 30 มี.ค. 52 18:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ลำปางหนาวมาก จากคุณ : ทุ่งหัวช้าง - [ 4 เม.ย. 52 04:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มาืทีหลัง เข้ามาเมื่อกระทู้เขาเกือบจะร้างไปแล้ว -*- แต่ก็อ่านครบทุกความเห็นนะคะ ^^! และที่มาโพสท์นี่ก็เพราะ... มาเพื่อแอบกรี๊ด คุณ Nexus โดยเฉพาะ ความเห็นทุกชิ้น ทุกอัน ถูกใจหมดเลย (เหมือนเข้ามานั่งกลางใจหนูเลยค่ะพี่ ^^) ขอคารวะสามจอก (เช่นเดียวกัน) จากคุณ : Gun_no_Bullet - [ 8 เม.ย. 52 22:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คนสมัยใหม่มักจะไม่เข้าใจว่าจะเข้าไปทำไมป่านะ สมัยนี้กับสมัยก่อนสภาพบ้านเมืองมันต่างกัน มากมายเหลือเกินถ้าให้เปรียบ สมัยนั้นไทยเราก็เกือบๆ จะเหมือนพม่าในสมัยนี้นั่นแหละ อันนี้อาจจะพูดให้เวอร์นิดหน่อยแต่ไม่มีอะไรจะเปรียบให้เห็นได้ง่ายกว่านี้แล้ว ที่บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ได้ก็เพราะขบวนการต่อสู้ของประชาชนนั่นแหละ คุณเสกสรรกับคุณจิรนันท์ แกเข้าป่าในสมัยนั้นก็เพราะแกมีอุดมการณ์communist แท้ ๆเลย แต่ในหมู่คนที่เข้าป่ามักจะพูดว่าแกเป็นคน ego สูง ส่วนคุณจิรนันท์เขาบอกว่าเดิมเป็นดาวจุฬานะ พอมาเป็นแฟนคุณเสกสรรนก้เลยซึมซับเอาอุดมการณ์มาจากแกด้วย เกือบทุกคนที่เข้าป่าไปแล้ว ออกมาด้วยน้ำตาทั้งนั้น เพราะในป่ามีสิ่งดีๆ ที่คนที่อยู่ข้างนอกไม่เข้าใจ โดยเฉพาะคนในปัจจุบัน(ผมยังไม่สามารถอธิบายให้ลูกฟังให้เข้าใจได้เลย) ขณะเดียวกันในป่าก็มีสิ่งไม่ดีที่ไม่ตรงกับที่เราเคยคิดไว้มาก่อนอยู่ด้วย คนที่ออกมาส่วนมากก็อยากจะจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ ดังเช่นพวกที่ออกมาตั้งกลุ่มเดือนตุลาเดี๋ยวนี้กลุ่มนี้คงไม่ active แล้ว เพราะแตกกัน 50-50 เรี่องแดงกับเหลือง บางพวกก็เฉย ๆ ไม่อยากกลับไปยุ่งอีก อยากจะรีบทำมาหากินให้คุ้มกับเวลาที่เสียไป บางพวกก็พูดแต่สิ่งที่ไม่ดี แต่ลึมที่จะพูดสิ่งที่ดี ดังนั้นพวกคนเข้าป่าพอมาดูหนังเรื่อง 14 ตุลาทีเป็นคุณเสกสรรมีส่วนสร้าง ก็คิดไม่เห็นด้วยในใจซะเป็นส่วนมาก จากคุณ : คนเคยเข้าป่า - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 16:08:19 A:124.122.183.118 X: TicketID:208963 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไปหาความสุขกันตามธรรมชาติ 5555555 จากคุณ : คนบ้านไร่ชายน้ำ - [ วันแรงงาน 12:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลานั้น  ผมโตพอที่จะจำความได้แล้ว  เพรากำลังเรียน ม.ศ. ๕  ก็ขอเล่าบรรยากาศในช่วงนั้นพอเป็นข้อมูล เหตุการณ์ ๑๔ ตุลานั้นเป็นผลืบเนื่องมาจากการปฏิวัติในประเทศจีน  เมื่อจีนเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์  และอิทธิพลคอมมิวนิสต์ได้แผ่เข้ามาในอินโดจีนในช่วงหลังสงครามอินโดจีน  จึงเกิดความเชื่อในทฤษฎีโดมิโน  ที่ว่าหากเวียตนาม  ลาว และเขมร เป็นคอมมิวนิสต์แล้ว  ประเทศไทยก็จะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปด้วย  จึงทำให้เกิดกระแสการปลุกปั่นให้เกรงกลัวคอมมิวนิสต์  ถึงขนาดพระภิกษุรูปหนึ่งเทศนาว่า ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป  เป็นเรื่องที่ฮือฮามากในยุดนั้น เมื่อมีการปลุกกระแสให้เกิดความกลัวภัยคอมมิวนิสต์ขึ้น  และสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายเลงเมื่อข้าราชการบางคนได้ใช้อำนาจข่มเหงราษฎรแล้วยัดข้อหาคอมมิวนิสต์  ผู้ที่กล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์บางคนก็หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย  เมื่อเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาฯ ขึ้นแล้ว  ขบวนการนิสิตนักศึกษามีพลังมากขึ้น  และนิสิตนักศึกษาได้เป็นแกนนำเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ราษฎรที่ได้รับการกดขี่  จึงทำให้ดูว่าสภาพบ้านเมืองวุ่นว่ยเพราะนักศึกษาเข้าไปปั่นป่วน  ประกอบกับมีนนักเรียน นิสิตนักศึกษาบางส่วนที่เห็นการกระทำของข้าราชการที่ประพฤติตนกดขี่ข่มเหงราษฎร  จึงพาลไม่พอใจระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย  และหันไปศึกษาระบอบปกครองแบบคอมมิวนิสต์  จนศรัทธาในระบอบดังกล่าว  แล้วนำแนวความคิดแบบมาร์กซิสต์มาเผยแพร่  ทำให้นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในทางนิยมชมชอบลัทธิมาร์กซิสต์  ใครไม่สนใจในลัทธินี้ดูจะเป็นคนที่เชยในสายตาของเพื่อนฝูงไปเสียอีก เมื่อกระแสนิยมลัทธิมาร์กซิสต์ขึ้นสูงในหมู่นิสิตนักศึกษา  ประกอบกับลาวและเขมรเปลี่ยนไปเป็นคอมมิวนิสต์ตามเวียตนาม  จึงทำให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนึกหวั่นเกรงว่า ทฤษฎีโดมิโนที่สหรัฐอ้มริกาเอามาปลุกปั่นไว้นั้นจะเป็นความจริงเข้าในวันหนึ่ง  จึงเกิดกระบงนการขวาพืฆาตซ้าย  อันเป็นที่มาของเหตุการณ์ ๖  ตุลาคม  ๑๙   เมื่อมีการล้อมปราบในวันที่  ๖  ตุลา ๑๙ นั้นเอง  นิสิตนักศึกษาที่มีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์มาร์กซิสต์จึงพากันหลบเข้าป่า  เพราะหวังว่าการเข้าร่วมอุดมการณ์กับ พคท. จะเป็นเป็นหนทางนำประเทศชาติให้ปลอดพ้นจากการกดขี่ข่มเหงของข้าราชการบางส่วน  แต่เมื่อเข้าป่ากันไปแล้ว  ความจริงที่ประสบไม่ตรงกับความหวังที่วาดไว้  ในที่สุดจึงทยอยออกจากป่า  และละทิ้งอุดมการณ์นั้นไปก็ไม่น้อย ส่วนเรื่องการเข้าป่าของคุณเสกสรร และคุณจีรนันท์ นั้น  ก็คงหนีไม่พ้นการตามล้างตามล่าของทางราชการ  เพราะในเวลานั้นคุณเสกสรรถูกมองว่าเป็นคนหัวรุนแรง จากคุณ : V_Mee - [ 3 พ.ค. 52 16:56:51 ]