^
^
วิธีการของคุณน่ะ ไม่ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้นะ ในสมัยรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายพวกเราน่ะ ส่วนใหญ่ก็ต้องเรียน grammar กับ reading comprehension ก่อนเรียน listening comprehension กับ conversation กันทั้งนั้น และคนพวกนี้ประสบความสำเร็จจนเก่งมากๆ ก็มีมายมายนับไม่ถ้วน แต่...แต่อะไร? ตอบ แต่พวกเขาส่วนใหญ่สำเร็จได้ก็เพราะว่า "กลืนยาขม" (คือกัดฟันเรียน หรือโดนบังคับให้เรียน) ในขณะที่คนซึ่งกลืนยาขมไม่ได้ ไม่มีใครเรียนสำเร็จเลย แม้แต่สักคนเดียว ถามว่า...ทำไมต้องสอนด้วยวิธีที่ฝืนธรรมชาติ (หัดอ่านก่อนฟังรู้เรื่อง)? ตอบ ก็เพราะไม่มีฝรั่งเจ้าของภาษามากพอที่จะมาเป็น "ต้นแบบ" ให้พวกเขาเรียนรู้ได้ นั่นเอง
แต่ตอนนี้นะ เทคโนโลยีก้าวไปไกลมากๆ เรามีสื่อแบบ multimedia เราสามารถใช้มันเพื่อการเรียนการสอนที่ "ถูกธรรมชาติ" ได้ นั่นก็คือ ฝึก ฟัง แล้วพูด ก่อนแล้วพอฟังได้ พูดได้บ้าง เล็กน้อย (ซึ่งช่วงเวลานั้นอาจเรียน grammar พื้นฐานไปโดยธรรมชาติได้บ้างแล้วในระดับหนึ่ง) จนทำให้ผู้เรียนรักภาษาอังกฤษไปแล้ว (ไม่ใช่เรียนแบบกลืนยาขม) จึงฝึกอ่านเขียนไปพร้อมๆกันกับทำแบบฝึกหัด grammar
เราเป็นหนึ่งในบรรดาพวกที่รับ "ยาขม" ไม่ไหว จนเราเกลียดภาษาอังกฤษมากๆเลยหละ แต่ "เผอิญ" ต้องใช้คำว่า "เผอิญ" เราไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของการฟังกับพูดอังกฤษในต่างแดนจนพูดได้คล่องก่อน แล้วเราจึงหัดอ่าน และหัดเขียน แล้วใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (ถึงระดับเป็นล่ามในศาลหรือในที่ประชุมได้) ไปตั้งหลายปีแล้ว เราจึงมาเปิดตำรา grammar เรียนเอาทีหลัง
วิธีการที่เราเรียนรู้นั้น เราไม่ได้แนะนำให้ผู้เรียนระดับพื้นฐานมาทำตามอย่างเรา แต่เราแนะนำว่า ควรพัฒนาทักษะทุกอย่างไปพร้อมๆกัน โดยอาศัยสื่อการเรียนการสอนยุคไฮเทค เพื่อทุ่นแรง มันจะทำให้ผู้เรียนไม่เครียด แล้วกลายเป็นเรียนรู้ไปได้อย่างสนุกสนาน
ลองเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปใช้เพื่อทุ่นแรงดูบ้างสิ เผื่อว่าคุณจะมองเห็นมิติใหม่ๆ และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ อันมหัสจรรย์...!!!
แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 52 00:25:00
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 52 23:50:34
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 52 23:49:46
แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 52 23:45:09