นอกจากนี้แล้วนะ ภาษาอังกฤษยังมี intonation ซึ่งคล้ายๆกับเสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทย ของไทยมี 5 ระดับ แต่ของอังกฤษมี 6 ระดับ แต่ยากกว่าของไทยหลายเท่า นั้นก็คือ "intonation ในภาษาอังกฤษ มีแต่เสียงสูงๆต่ำๆ แต่ไร้รูป" นั่นก็คือว่า "ไม่มีเครื่องหมายวรรณยุกต์ให้เห็น" แต่ถ้าผู้เรียนพูดผิดระดับเสียงสูงๆต่ำๆ ก็จะสื่อความหมายไม่ได้ตามที่ตั้งใจ
ยกตัวอย่างเช่น
Do you know John?
ถ้าคำตอบค่อ "Yes" แล้วทิ้งเสียงลงต่ำคือ \ มันสื่อความหมายว่า "รู้จัก แล้วไม่สนใจที่จะฟังเรื่อง John ต่อ"
แต่ถ้าคำตอบค่อ "Yes" แล้วเชิดเสียงชึ้นสูงคือ / มันสื่อความหมายว่า "รู้จัก and what about him? คือสนใจอยากฟังต่อ"
ในกรณีที่ประโยคมีคำว่า but เฃ่น
I like John, but I don't like his wife. เสียงมันจะเป็นลักษณะ \/ คือค่อยๆดิ่งลงแล้วก็เชิดขึ้นสูง
แต่มันก็มีกรณีที่เชิดขึ้นแล้วดิ่งลงด้วยเช่นกัน ดังเข่น เห็นเด็กเดินอยู่บนกำแพง เรากลัวเด็กตก เราพูดว่า
Be careful! เสียงมันจะ เชิดขึ้น แล้วดิ่งลง แบบนี่คือ /\
นี่เป็นแค่ samples 4 เสียงเองนะ ยังไม่ครบหมดเลย
นั่นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่เก่งการใช้คอมพิวเตอร์ และเก่งอินเตอร์เน็ตมากๆ จะรู้วิธีใช้ google หาข้อมูลเรื่องพวกนี้ (ใช้ keywords ให้ถูกต้องเวลาหา ไม่ใช่แต่จะรู้ keywords เท่านั้นนะ แต่ยังต้องรู้ syntax ลับๆของ googles อีกด้วย) ถ้าทำได้นะ จะหาเจอเวปเรียนอังกฤษของฟรี รวมทั้งหาเจอ textbooks ของฝรั่งที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับประถม ไปจนถึงปริญญาเอกเลยก็ได้...!!!
และเมื่อเราค้นข้อมูลพวกนี้ได้แล้วนะ เราก็อาศัยความร้อบรู้เรื่องทางหนีที่ไล่ของเรา
เพื่อ "สอนฝรั่งเจ้าของภาษา (ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการสอนอังกฤษเป็นภาษาที่สอง) ว่าจะสอนเราอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด"
ยกตัวอย่างเข่นในกรณีของ จขกท ที่ต้องการจะทำให้เงิน 40000 บาทมีค่าสูงสุด หากจ้างครูฝรั่งมาสอนตัวต่อตัว จขกท ก็จะต้อง "สอนฝรั่ง" ว่า
you พูดเร็วๆก่อนนะ แล้วถ้า I ฟังไม่รู้เรื่อง you ก็พูดช้าๆ แล้วเขียนบนกระดาษ หรือบน whiteboard หรือพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ว่า เสียงไหน มัน link กับเสียงไหน แล้วอันไหนเป็น assimilation อันไหนเป็น elision
แค่นี้ จขกท ก็จะทุ่นเงินไปได้บานเบอะแล้ว ...!!!
แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 52 16:24:55
แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 52 07:03:56
แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 52 06:41:41
แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 52 06:00:29
แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 52 05:56:02