ความคิดเห็นที่ 1 of the great news that I have won first prize in your travel competition. น่าจะ for the great news about winning ..... ที่เหลือ อ่าน แล้วปวดหัวมึนๆ นิดๆ ครับ รอคนอื่นมาช่วยดีก่า.... จากคุณ : Qolf - [ 30 มี.ค. 52 18:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งงจริงเหรอ แฮ่ๆๆๆ มาแปะโจทย์เพิ่มด้วยค่ะ ใครที่กำลังหัดเขียนจดหมาย ลองเอาโจทย์นี้ไปลองทำดูก็ได้นะคะ เมื่อเดือนก่อนลองทำแต่คนละโจทย์ ใช้เวลากว่า 3วัน (วันละ 2 ชั่วโมง) คราวนี้ วันเดียวเสร็จ แม้ไม่ถูกต้องนักก็ยังดีที่เสร็จเร็วขึ้น รู้สึกมันง่ายขึ้น กว่าเดิมหน่อย แบบนี้หัดเขียนสัก 10เที่ยว ต่างเนื้อเรื่อง เที่ยวที่ 11 คงจะ คล่องกว่าเดิมมาก เหนื่อยมาก...กับการเรียน (ตอนที่อายุจะ 40 ปีเนี่ย) แต่ก็สู้ค่ะ... จากคุณ : noyne - [ 30 มี.ค. 52 19:28:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถามเพิ่มหน่อยค่ะ ตรงนี้ If possible, I would like to arrange my trip in November. If possible, เปลี่ยนเป็น If you do not mind, ดีเปล่าคะ มีคำไหนที่จะแปลว่า "ถ้าไม่เป็นการรบกวน.." ได้บ้างคะ ขอบคุณค่ะ แก้พิมพิ์ผิด แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 19:36:07 จากคุณ : noyne - [ 30 มี.ค. 52 19:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 main interesting of me น่าจะ my interesting iuuses in Australia are .... จากคุณ : Qolf - [ 30 มี.ค. 52 20:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ Qolf ขอบคุณค่ะ iuuses มันแปลว่าอะไรคะ ทำไมในดิชฯ ไม่มีเลย คำใกล้เคียงก็ไม่มีเลยค่ะ จากคุณ : ลุ้นๆ...จะผิดเยอะไหมหนอ (noyne) - [ 30 มี.ค. 52 21:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าใน 1# เจ้าของกระทู้เขียนถูกแล้วหละครับ มันใช้ได้ทั้ง 2 แต่แบบเจ้าของกระทู้ใช้ก็ดูดีแล้ว ผมชอบแบบนั้นมากกว่า จากคุณ : .. - [ 31 มี.ค. 52 09:35:28 A:124.121.210.119 X: TicketID:192106 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆแล้วแทบจะไม่มีประโยคไหนเลยที่เขียนถูก แก้หมดคงไม่ไหว แต่จะลองทำให้ดูนิดหนึ่ง The main interesting of me are visiting Sydney Opera House for take some photograph of the famous building, ............. ให้สังเกตดูดีๆว่าคุณเขียนประโยคยาวเกินความสามารถของคุณ ถ้าซอยให้สั้นๆลงจะปวดหัวน้อยลง จะทำให้เขียนผิดน้อยลง  และพอคุณเรียนรู้จนชำนาญกว่านี้แล้ว จึงค่อยหัดเขียนประโยคยาวๆ หมายเหตุ นักเขียนฝรั่งเก่งๆ บางคนเขียนประโยคยาวๆเล่นๆ เพื่อทดสอบความสามารถของเขาสนุกๆ เขาเขียนได้ยาวมากๆแบบเหลือเชื่อจริงๆ ในประโยคเดียวมีคำศัพท์ตั้งหลายร้อยคำ บางคนเขียนได้นับเป็นพันคำ!... ก่อนอื่นคุณต้องรู้ว่า sentence structure แบบนี้คือ The main interesting of me are... มันไม่มีในภาษาอังกฤษ ลองแบบนี้ดู My main interest is visiting Sydney Opera House. I would like to take photos of famous buildings.  I also ...บล๊าบๆๆๆ.... แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 15:14:22 แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 05:08:44 จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 03:37:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทีนี้จะบอกใบ้อะไรให้คุณอย่างหนึ่ง อย่าเพิ่งตกใจจนหัวใจวายตายไปเสียก่อนล่ะ...! จะบอกเป็นข้อๆไป 1. หลักสูตร writing ที่สอนกันในโรงเรียนสอนภาษากัน เกือบ 100% จะไม่ได้ผล เพราะอะไร? ค่อยๆอ่านไปเดี๋ยวจะรู้เอง 2. ก่อนเรียน writing โรงเรียนที่รับคุณเข้าเรียนน่าจะลองให้คุณสนทนากับฝรั่งเจ้าของภาษาสัก 20 นาที ถ้าคุณเขียนแบบนี้ ภาษาพูดง่ายๆฝรั่งจับผิดคุณได้หลายสิบแห่งใน 20 นาทีแน่ๆ แบบนี้โรงเรียนต้องไม่รับคุณเข้าหลักสูตร writing แต่ต้องส่งคุณไปเรียนอีกหลักสูตรหนึ่ง เพื่อเตรียมพร้อมให้ดีกว่านี้ อาจต้องไปเรียน conversation ใหม่เพราะถ้าพูดไม่ได้ ก็เขีัยนไม่ได้ เนื่องจากเวลาเขียนต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษ...แต่โรงเรียนสอนภาษาส่วนใหญ่ไม่ใช้วิธีการที่ถูกต้องในการที่จะทดสอบผู้สมัครเรียน เนื่องจากกลัวว่าจะหานักเรียนเติมเข้าเรียนในหลักสูตรแต่ละอันได้ไม่พอจนเปิดหลักสูตรบางหลักสูตรไม่ได้นั่นเอง หรืออีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่ทดสอบนั่นก็คือ คนจัดหลักสูตรและ/หรือคนสอนมีความรู้ไม่มากพอที่จะตระหนักได้ว่า "สอนไปแบบที่เขาสอนน่ะ คนเรียน เรียนไปยังไง ก็ยังเขียนไม่ได้อยู่ดีหรอก"... 3. การสอน writing ในลักษณะที่ว่า ส่วนไหนของประโยค เช่น clauses ไหน ทำหน้าที่อะไร เวลาเอามาต่อกันต้องเชื่อมด้วย conjunctions แบบไหน และใช้ punctuation marks อันไหน และจะมีแนวคิดหรือหลักการอย่างไรในการเขียน...บล๊าบๆๆๆ...หลักการแบบนี้ ฝรั่งเจ้าของภาษาสอนฝรั่งเจ้าของภาษา ประสบความสำเร็จได้ แต่ฝรั่งหรือคนไทยสอนคนไทยที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง สอนไปแล้วพังพินาศ!  วิธีการสอนแบบนี้ คนไทยที่เรียนแล้วได้ผลคือคนไทยที่อยู่ต่างแดนมานาน หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมของการพูดภาษาอังกฤษมานาน จนพูดคล่องเกือบเท่าฝรั่งแล้ว (ไม่นับสำเนียงนะ นับแต่การสร้างประโยคให้ถูกธรรมชาติ)  หรือไม่ก็อย่างน้อยที่สุดต้องแม่น grammar มากกว่านี้อีกหลายเท่า ยังมีต่อ ใจเย็นๆค่อยๆอ่านไป แล้วคุณจะเข้าใจกระบวนการ และจะรู้ว่าอะไรเป็นไปได้ และอะไรเป็นไปไม่ได้... แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 14:05:09 แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 05:28:54 จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 03:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 9 4. ความลับอีกอย่างหนึ่งที่คุึณยังไม่รู้ นั่นก็คือว่า คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำ มันจะมี "พฤติกรรมเฉพาะตัวของมัน" นั่นก็หมายความว่าถ้าคุณไม่เคยได้ยินหรือไม่เคยเห็นเจ้าของภาษาพูดหรือเขียน โอกาสที่คุณจะใช้คำศัพท์แต่ละคำได้ถูกธรรมชาตินั้น "แทบจะเป็นเลขศูนย์" มันไม่ง่ายเหมือนฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือภาษาจีนแล้วเอาคำศัพท์ "เป็นคำโดดๆ" มาเรียงๆกันก็ออกมาเป็นภาษาไทยหรือภาษาจีนที่ใกล้เคียงความจริง แต่ในภาษาอังกฤษ ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะคำศํพท์ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ "มันจะแปลเป็นกลุ่มคำ ไม่ใช่แปลเป็นคำโดดๆ" ดังนั้น คุณจะเรียนเขียนได้ คุณต้องใช้ esl dictionaries ให้เป็น ม่ายงั้นคุณเรียนแบบนี้ต่อไปอีก 10 ปี คุณก็ยังเขียนผิดบานเบอะอยู่ดีนั่นแหละ...!!! ตอนนี้วิธีเยียวยาก็คือ "คุณจะต้องหยุดเรียน writing เป็นวิชาเดี่ยวๆ" แต่เปลี่ยนเป็นเรียน reading towards writing นั่นก็คือเรียน reading comprehension แล้วพยายาม learn to understand อ่านให้เข้าใจ แล้ว learn to compose นั่นก็คือ เอาคำศัพท์และรูปประโยคที่เจอในเรืองที่คุณอ่าน มาเขียนประโยคใหม่พลิกแพลงหลายๆรูปแบบ โดยอาศัยตัวอย่างประโยคจาก esl dictionaries และหัดแยกส่วน sentence structure เำพื่อดู grammar ว่าเข้า topics ไหนบ้าง ในเรื่องของ grammar แล้วเปิดตำรา grammar อ่านกฎของมันให้เข้าใจ เป็นเรื่องๆไป การเรียนในแนวนี่้ ถ้าเรียนด้วยตัวเองอาจยากหน่อยแต่ไม่ถึงกับ impossible แต่ถ้าคุณมีครูเก่งๆสอนให้ คุณน่าจะเขียนพอเป็นเรื่องเป็นราวได้ภายในเวลา 2-3 ปี แต่ปัญหามันก็คือว่า การสอน reading towards writing นั้น ผู้สอนต้องอธิบายคำศัพท์เป็นภาษาไทยได้ และตัวเขาเองต้องเขียนภาษาอังกฤษได้ดีพอๆกับฝรั่งเจ้าของภาษา นั่นก็หมายความว่า อาจต้องใช้ฝรั่งพูดไทยได้สอน หรือใช้คนไทยที่เคยอยู่ต่างแดนนานๆ เขียนอังกฤษเก่งมากๆ มันก็เลยทำให้ "หาครูยาก" จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 04:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 5. ในขณะที่คุณดำเนินการตามขั้นตอนใน คคห9 นั้น คุณจะต้องหาหนังสือ grammar ดีๆมาอ่าน ให้เข้าใจ แล้วทำแบบฝึกหัดเยอะๆ  แล้วเสริมทักษะด้านการฟังและการพูดอีกให้มากๆ เนื่องจากมันจะช่วยให้เรียน grammar ได้ไวยิ่งๆขึ้นและช่วยให้ "คิดเป็นภาษาอังกฤษได้ จนถึงขั้นฝันเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งจะทำให้พร้อมที่จะเรียนเขียน" (ในขณะที่ตอนแรกคุณหัดเขียนแค่ ประโยคสั้นๆ หรือ paragraph สั้นๆ) เมื่อคุณเยียวยาได้ถึงขั้นนี้แล้ว คุณจึงค่อยหัดเขียน essay ... ข้อพิสูจน์ว่าวิธีการเรียน writing ที่คุณกำลังเรียนอยู่ เรียนต่อไปอีก 10 ปีก็จะไม่ได้ผล เราจะคำนวณเคร่าๆให้ดู ภาษาอังกฤษที่เราบอกว่า "แปลเป็นกลุ่มคำ" กลุ่มคำแต่ละกลุ่มเรียกว่า collocation ถ้าคำศัพท์แต่ละคำ สมมุติว่ามี 20 collocations (บางคำศัพท์มีเยอะกว่านั้นมาก) ถ้าคุณจะเขียนในระดับ intermediate ใช้คำศัพท์ประมาณ 3000 คำ คุณจะต้องรู้ความพลิกแพลง ประมาณ 60,000 ความเป็นไปได้ ซึ่งจำนวน permutations อันนี้ ยังไม่รวมถึง ความน่าจะเป็นไปได้ของกฎเกณฑ์อันยุ่งยากของ grammar ที่จะเข้ามาพัวพันด้วย ซึ่งเป็นจุดที่ทั้งตัวคุณและอาจารย์คุึณจะต้องช่วยๆกันแก้ไข สมมุติว่าอาจารย์คุณสอนนักเรียน 20 คน แล้วทุกคนเขียนผิดมากขนาดคุณ และอาจารย์ต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงต่อ essay หนึ่งเรื่อง ในการ "แก้ทุกจุด" แล้วอธิบายทุกจุด "ว่าผิดเพราะอะไร" การตรวจ essays 20 เรื่อง จะใช้เวลา 60 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับ ประมาณ 8 วันทำงาน...!!! ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่อาจารย์คนไหนจะมานั่งตรวจการบ้านนานขนาดนั้น เพราะจะทำให้ "เตรียมการสอนไม่ทัน" ดังนั้นทางออกก็คือว่า อาจารย์จะต้องใช้เวลาแก้ essay เรื่องละ 10 นาทีเป็นอย่างมาก นั้นก็หมายความว่า "แก้ไม่ครบ" และถ้าเขายังสอนคุณต่อไปอีก 10 ปี ด้วยวิธีการนี้นะ เขาก็ยังแก้ไข non-native speaker's errors (ข้อผิดพลาดของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา) ให้คุณได้ไม่ครบ แต่ถ้าเขาสอนอย่างที่เราแนะนำไว้นะ คือ reading towards writing ภายในเวลา 1 ปี เขาอาจพูด และสาธิตความพลิกแพลงของรูปประโยค ที่คำศัพท์ 3000 คำจะเอาไปเขียนพลิกแพลงได้จนเกือบๆครบถ้วน (โดยให้คุณศึกษาเองในเวลาว่างด้วย) และแก้ไข grammar ในจุดอื่นๆของคุณด้วย ถ้าสอนแบบนี้นะ คุณจะเห็นรูปแบบประโยคที่พลิกแพลงมากยิ่งๆขึ้นจนเอาไปเลียนแบบ ดัดแปลเงเขียนเอง ให้ประสบความสำเร็จได้ โดยใช้เวลาน้อยกว่าหลายเท่า จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 04:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จริงๆแล้วทีแรกเราก็ไม่อยากจะเขียนเรื่องนี้หรอก เพราะมันเสียเวลาเรามากๆ เผลอๆเขียนไปแล้วคุณไม่เชื่ออีกด้วย แต่ไปเชื่อโรงเรียนสอนภาษาว่ามีหลักสูตร writing มหัสจรรย์เรียนแพล๊บเดียวก็เขียนได้ แล้วแถมยังด่าเราอีก (เราเคยโดนคนด่าหาว่า แส่ เขาจะเรียนแบบของเขา ใครจะทำไม เพราะเขาเชื่อมั่นในชื่อเสียงโรงเรียนสอนภาษา) แต่เผอิญเราเห็นคุณเขียนว่า "เหนื่อยมาก...กับการเรียน (ตอนที่อายุจะ 40 ปีเนี่ย) แต่ก็สู้ค่ะ... " อ่านแล้วมันสะเทือนใจ...!!  คือตัวเราตอนเด็กๆก็เรียนไม่เก่งหรอก (โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษนี่ห่วยสุดๆ)  ต้องมาเรียนตอนอายุมากเหมือนกัน...เราจึงเห็นใจอยากจะช่วยแนะนำให้ว่าคุณกำลังเรียน writing ผิดวิธี โดยการคำนวณตัวเลขให้คุณดู ลองตามไปอ่านกระทู้อัีนหนึ่งที่เราปั่นไว้ เราให้ links ไปเวปสอน listening  กับ speaking ตั้งแต่พื้นฐาน และมีบทเรียนที่ใช้เรียน listening comprehension กับ reading comprehension (มีแบบฝึกหัดให้ทำด้วย)  และถ้าคุณตาม links ทุกอันไป (รวมทั้งไปยังกระทู้เก่าในคลังกระทู้ด้วย)  คุณจะได้เห็นว่า esl dictionaries หน้าตาเป็นอย่างไร และคุณจะเห็นเราสาธิตเอาไว้ด้วยว่า "พฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์"  มันคืออะไร? และจะมี links ไป บทเรียน writing on line อีกด้วย ถ้าคุณใช้ข้อมูลที่เราให้ไว้ในการเรียนรู้ และไปหาหนังสือ grammar มาเรียนเพิ่ม คุณน่าจะ "ยกเครื่องภาษาอังกฤษใหม่ได้" กระทู้อยู่ที่นี่ ตามไปอ่านดู http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7664286/K7664286.html จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 04:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ คุณหมอดูที่น่ารักมากเลยค่ะ ที่สละเวลามาให้ความรู้ความเข้าใจ เขียนมาตั้งหลายความคิดเห็น มันมีค่ามากเลยค่ะ ดิฉันเชื่อที่คุณแนะนำค่ะ คุณไม่เสียเวลาเปล่าแน่ๆ จริงๆ แล้วเรียนอ.ที่ AUA.ราว 3เดือน น่าจะระดับ A1 แค่พื้นฐาน จากนั้นก็ ไม่ได้เรียนอีกเลย และมันก็ 10 ปีที่แล้ว มาอยู่ต่างประเทศ (เยอรมนี) ก็พูดอังกฤษผิดๆ ถูกๆกับสามี ซึ่งเราไม่พูด เยอรมันกันเพราะมีเหตุผลบางประการ แต่ออกนอกบ้านเราจะพูดเยอรมันค่ะ เราชอบภาษาอังกฤษมาก ตอนนี้ลูกโตก็เลยมีเวลาไปเรียนตอนเย็น ครูเป็นครูเยอรมัน แต่สำเนียงอังกฤษเนียนมากค่ะ เราเข้าเรียนคอร์สของ  http://www.cambridge.org/emea/default.asp ระดับ B2 ซึ่งสอบผ่านเลยได้เข้า จริงๆ ก็มั่วๆ ไปแหละค่ะ มันเป็นการกระโดดข้ามระดับถึง 3ระดับ พอเข้าไปเรียนแล้วยากมาก เป็นคนไทยคนเดียวและอ่อนเกือบที่สุด เวลาเรียนบางครั้งหาก "มิสเตอร์ นอร์แบรท์" ไม่มา เราจะกลายเป็นคน อ่อนที่สุดในชั้น บางวันก็นั่งฟังเขาเรียนกันเฉยๆ เพราะตอบไม่ได้ค่ะ แต่เราก็ถือคติประจำใจ ว่า "ด้านได้อายอด" ยังไงเราก็ต้องไปนั่งฟังการบ้านก็ทำไปส่งเหมือนคนอื่นๆ แม้จะยากแสนยาก แต่เวลาอาจารย์ตรวจ จะตรวจแต่โครงสร้าง ไวยกรณ์ แต่จะยังคงเนื้อหาเดิมๆ (นักเรียนมีอยู่ 7คน) จะว่าแก้ไม่หมด ก็ถูกต้อง ค่ะ พอเรียนได้ 1-2 ครั้ง เราก็รู้ว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อตามเพื่อนให้ทัน เราเลยไปลงเรียนภาษาอังกฤษ ระดับ A2 เรียนย้อนหลังตั้งต้นใหม่เลยค่ะ ตอนนี้ก็เรียนมา 6 เดือนแล้ว สำหรับคอร์ส A2 นี้ ง่ายมากๆ เลยคิดว่าจะ เรียนไปเรื่อยๆ เพื่อให้พื้นฐานอังกฤษของตนเองแน่นขึ้น อันนี้มันตรงกับ ที่คุณหมอดูแนะนำแป๊ะเลยค่ะ ส่วนคอร์สของแคมบริจด์ อีก2 เดือน ก็หมดคอร์ส โดยที่เราไม่สอบ เพราะรู้ ว่าไม่พร้อม และจงลงเรียนซ้ำอีก 1ปี ค่อยไปสอบสิ้นปีนี้ หรือกลางปีหน้าค่ะ ถึงอย่างไรก็ดี การเรียนคอร์สที่เกินตัว มันทำให้เราสู้กับความลำบาก มันท้าทายมาก ไม่ได้สอบก็ไม่เป็นไร เราก็แค่อยากพัฒนาภาษาอังกฤษ ของตนเอง ตอนนี้ซื้อหนังสือ ซีดี มาฟังเพียบเลยค่ะ เวลาทำกับข้าวก็เปิดฟังไปเรื่อยๆ หนังสือไวยกรณ์ก็มีแล้วค่ะ ตอนนี้นั่งอ่าน จดๆๆๆๆ ปริ้นท์ข้อสอบตามเว็บ มาลองทำดู แต่ยังจำได้ไม่เท่าไหร่ค่ะ ยังไม่จบนะคะ.. จากคุณ : noyne - [ 1 เม.ย. 52 14:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สมองที่เรียนตอนเริ่มมีอายุนี้ ต้องซ้ำๆ บ่อยๆ มากทีเดียวถึงจะจำได้ ตอนนี้ก็พยายามที่จะจำคำศัพท์ได้มากๆ ที่สุด เราก็แต่งกลอน โดยเอาศัพท์มาเรียงให้ได้สำผัส ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร เพิ่งแต่งได้ ร้อยคำเองค่ะ มีเวลาจะแต่งไปเรื่อยๆ ให้ได้เป็นพัน และจะท่องไปเขียน ไปด้วย จะได้จำ เอาตัวอย่างให้ดูค่ะ achieve ความสำเร็จ                    precious มีค่านัก สมบัติ possession                      เหมาะสมกัน suitable geographical ตามภูมิศาสตร์         ปริมาตร volume ห้อมล้อมรุม encircle                   เพื่อนเกลอ companion ผิดธรรมเนียม unconventional   บรรยายเล่า คือ narrate ยอด, เบ็ดเสร็จ  totally              destiny โชคชะตา พรรณนา  describe                  ยอมรับได้ acceptable article สิ่งวัตถุ                         ความบรรจุ  contain เฉียง, โอนเอน incline              ว่องไว swiftly Electricity กระแสไฟฟ้า             ปรากฏออกมา  emerge Injure อันตรายบาดเจ็บ            access การเข้าถึง ดื้อดึง stubborn                      ส่งกำลังเสริม reinforce accord เห็นพ้องต้องตาม         ทางเลือกอีกทาง alternative apprenticeship การฝึกหัด      ขม, หนาวจัด bitterly Celebrity คนมีชื่อเสียง            เล็กเป็นเสี่ยง  fragment บรรจุเต็ม stuff                     เกินจะนับ innumerable huddle ต้อน, รวบรวม              มากทั้งมวล masses นวนิยายเด็ด novel                   trouble คือ ปัญหา       แจ้งล่วงหน้า   notice                narrative  บรรยาย อาจเป็นไปได้ possibly             กะลาสี  sailor texture เนื้อผ้า                        บรรยากาศ, ทีท่า   atmosphere career อาชีพ, มุ่งทำ                 การอธิบายคำ explanation คนรุ่นเดียวกัน  contemporary     tiny    น้อย,จ้อย, นิด advantage ได้เปรียบ             ชิงชังเกลียด detest ...................... ตัวอย่างค่ะ ประมาณนี้ ส่วนใหญ่ที่เอามาเป็นศัทพ์ที่กำลังเรียนอยู่ หากแต่งได้เยอะๆ แล้วจะเอามาโพสท์ เผื่อมีใครอยากได้ไปท่องค่ะ เราเองก็พยายามขยันเต็มที่แล้ว ก็หวังว่า คำศํพท์และไวยกรณ์จะซึม เข้าสมองและทำให้เราพัฒนาตนเองมากขึ้นสักนิดก็ยังดีค่ะ จุดหมายของการเรียน จริงๆ ไม่มีใครบังคับให้เรียนเลยค่ะ ปีหน้าจะกลับไทยถาวร สามีเกษียณก่อนเวลา ก็อยากเรียนเพื่อเอาความรู้ ไปสอนเด็กๆ ลูกๆ หลานๆ และสอนตามโบสถ์ เพราะกลับไปอาจจะ ไม่มีงานทำ (เพราะขี้เกียจทำ) อยากทำอะไรที่มีประโยชน์ให้ กับสังคมบ้างค่ะ   จะพยายามท่องศัพท์และเรียนรู้ไวยกรณ์ให้มากขึ้นค่ะ ยังไงขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์คุณหมอดู อีกสักคนนะคะ ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับน้ำใจที่มาตอบเม้นท์ยาวๆ ให้นะคะ ว่าแล้วก็ไปเขียนจดหมายใหม่..ซะ จากคุณ : noyne - [ 1 เม.ย. 52 14:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องที่เราพูดเสียยาว (บาง คคห เรา updated ไปแล้ว) พอเห็นสถานการณ์ของคุณเราพอแนะนำสรุปได้คือ 1. สนทนาภาษาอังกฤษกับผู้คนให้มากๆ ในเยอรมันหาคนพูดอังกฤษได้มากมาย (เราเคยไปที่นั่น 2 ครั้ง) 2. อ่านหนังสือ grammar แล้วพยายามทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เอาไปเขียนได้ หรืออ่านบทเรียนบนเวปก็มี ใช้ google หาเอา 3. อ่านหนังสือภาษาอังกฤษมากๆ แล้วเปิด esl dictionaries ดูว่าคำศัพท์ที่นักเขียนเขาเขียนน่ะ เราจะเอามาเขียนพลิกแพลงได้กี่อย่างโดยการลองดูตัวอย่างประโยคจาก esl dictionaries ข้อคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ถ้าคุณจะใช้ภาษาทำงานในเมืองไทย นั่นก็คือ ความรู้ภาษาเยอรมันของคุณ ถ้ารู้ลึกมากๆ บางทีใช้ทำเงินได้มากกว่าภาษาอังกฤษ ยกตัวอย่างเ่ช่นแปลไทย-เยอรมัน แปลเยอรมัน-ไทย (ติดขัดตรงไหนให้สามีช่วยไ้ด้) "ค่าแปลภาษาเยอรมัน แพงกว่าค่าแปลภาษาอังกฤษ" นั่นก็เพราะว่าในเมืองไทยนะ คนรู้ภาษาเยอรมัน มีไม่มากเท่าคนรู้ภาษาอังกฤษ การใช้ภาษาอังกฤษทำงาน คุณต้องออกแรงเรียนรู้อังกฤษมากๆกว่าจะได้ค่าตัวแพงๆ เนื่องจากต้องไปแข่งขันกับผู้คนเป็นจำนวนมาก   นั่นก็หมายความว่า ถ้าภาษาเยอรมันคุณใกล้เคียงความจริงอยู่แล้วนะ ออกแรงเรียนอีกนิดเดียว บางทีจะหาเงินจากภาษาเยอรมันได้ง่ายกว่าหลายเท่าเลยหละ ก็เลยฝากข้อคิดไว้ให้พิจารณาเรื่องภาษาเยอรมัน แต่ไม่ได้หมายความว่าให้หยุดเรียนภาษาอังกฤษนะ โชคดี แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 15:34:17 จากคุณ : fortuneteller - [ 1 เม.ย. 52 15:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณค่ะ คุณพูดถูกต้องเลยค่ะ เราก็คิดว่า ภาษาเยอรมันน่าจะหากินง่ายกว่า เพราะ ไม่ค่อยมีใครพูดได้ ไม่แข่งกับใคร ราคาค่าชั่วโมงก็แพงกว่าภาษาอังกฤษด้วย พอดีเรามีสามีที่เก่งเยอรมันมาก  แถมลูกสาวเก่งเยอรมันอีกคน เราคิดว่า เยอรมันอยู่รอบๆ ตัวเรามาเป็นสิบปีแล้ว เลยเฉยๆ อยากเรียนอะไรที่สามี และลูกไม่ถนัดมากกว่า แต่อยากเรียนอังกฤษแค่ระดับกลางก็พอแล้ว และจะไปต่อยอดภาษาเยอรมัน ยังไงก็ไม่ทิ้งภาษาเยอรมันแน่นอนค่ะ เทห์ดีออก พูดได้หลายภาษา เห็นโปรเจคเปิดโรงเรียนสอนภาษาของคุณไอเดียกิ๊บเก๋มากค่ะ แต่เราเอง ก็ไม่มีทุนมากมายอะไร หากินไปวันๆ แฮะๆๆๆ หากถูกหวยรวยเบอร์เราจะรีบ ติดต่อคุณเลยค่ะ รึไม่ก็ขอแชร์ด้วยนะ อิ อิ พิมพิ์ผิดพิมพ์ถูก แก้อีกละ แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 17:58:29 แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 17:56:42 จากคุณ : noyne - [ 1 เม.ย. 52 17:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เขียนใหม่แล้วค่ะ ยังไงก็ต้องไปแก้ที่ร.ร กับครูอีกรอบ แฮะๆๆ หวังว่าจะผิดน้อยลงนะคะ Dear Mrs Ransford, Thank you very much for your informing of the great news that I have won first prize in your travel competition. I prefer to go to Australia because I have never been there before. My main interest is visiting Sydney Opera House. I would like to take photos of famous buildings. I also would like to have an exciting experience in Sydny Harbour Bridge or seeing sun set in the Blue Mountains. In Australia, there are so many places which are interesting for tourists. If I have got enough time I would like to see the caravan of penguin on Philip island or to see the beauty of wild life in Koala Park Sanctuary. Before go back home shouldn’t forget to visit the Museum of Contemporary and to shop at the Queen Victoria Building. According to your offer, the prize includes a video camera. I’m quite happy with it, but I’m not familiar with producing a video clips. So, the clips may not be good as your expectation. In September I have to go to New York for meeting and training for some weeks. So, it is not convenient to arrange the holiday in this month. If possible, I would like to arrange my trip in October. Yours sincerely ...... จากคุณ : noyne - [ 1 เม.ย. 52 18:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลองแก้ให้อีกทีอ่ะครับ แต่ไม่รุว่าใช้ได้แค่ไหน Dear Mrs Ransford, Thank you very much for informing me of the great news that I have won the first prize in your travel competition. I prefer to go to Australia because I have never been there before. My main interest is visiting Sydney Opera House. I would like to take some photos of those famous buildings. I also would like to have an exciting experience in Sydney Harbor Bridge and to see the sun set in the Blue Mountains. In Australia, there are so many tourist attraction sites. If I have got enough time I would like to see the caravan of penguin on Philip Island and see the beauty of wild life in Koala Park Sanctuary. Before going back home I mustn’t forget to visit the Museum of Contemporary and go shopping at The Queen Victoria Building.  (อันนี้ถ้ามันเป็นชื่อเฉพาะก้อคงเป็นแบบนี้แต่ถ้าเป็นความหมายว่าตึกของควีนวิคตอเรียต้องเปลี่ยนหน่อยนะเป็น Queen Victoria’s building....ผมไม่รู้ว่าคุณตั้งใจจะหมายความว่าไง) According to your offer, the prize includes a video camera. I’m quite happy with it, but I’m not familiar with taking video clips, the clips might not be good as you expect. In September I have to attend a meeting and training in New York for a few weeks.  It might not be so convenient to arrange the holidays in this month. If possible, I would like to arrange my trips in October. Yours sincerely ...... อาจารย์เค้าแก้มาไงก้อเอามาเฉลยด้วยนะครับ จากคุณ : computta (computta) - [ 3 เม.ย. 52 02:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่ได้เข้ามา 2 วัน ไม่เห็นคุณ computta เข้ามาเขียน มาดูอีกทีก้วันนี้ เลยมาเฉลยให้ละกันค่ะ Dear Mrs Ransford, Thank you very much for informing me of the great news that I have won the first prize in your travel competition. I prefer to go to Australia because I have never been there before. My main interest is visiting the Sydney Opera House. I would like to take photos of famous buildings. I also would like to have an exciting experience on the Sydny Harbour Bridge or seeing the sun set in the Blue Mountains. In Australia, there are many places tourists are interesting in. If I have got enough time I would like to see the caravan of penguins on Philip island or to see the beauty of wild lifes in Koala Park Sanctuary. Before going back home  I shouldn’t forget to visit the Museum of Contemporary Art and do some shoping in the Queen Victoria Building. According to your offer, the prize includes a video camera. I’m quite happy with it, but I’m not familiar with producing video clips. So, the clips may not be as good as your expectation are. In September I have to go to New York to do meeting and training during weeks. Therefor, it is not convenient   for me to arrange the holiday this month. If possible, I would like to arrange my trip in October. I look forward to hearing from you soon. (บรรทัดนี้ลืมเขียนไป) Yours sincerely ...... มีบางจุดไม่รู้จะถูกมั้ยเพราะอาจารย์จะเร็ว จดไม่ทัน บางทีจดทันแล้ว กลับมาบ้านอ่านลายมือตัวเองไม่ออก 55555 แค่แก้ไขให้ถูกมากกว่าเดิม แต่ยังคงความหมายเดิมเอาไว้ ไม่ได้ต้องการให้แก้แบบโปรเฟรชั่นเนล หนังสือที่ใช้เรียนอาจารย์ไม่เคยสอบเลย เอาแต่ข้อสอบมาให้ทำ หนังสือทั้งเล่มไม่ได้เรียน เหมือนอยู่ป.3 แล้วครูเอาข้อสอบ สอบไล่จบป.3 มาให้ทำ แต่ไม่ได้เรียนก่อนหน้านั้นเลยมันก็ยากๆๆๆๆๆ แต่จะว่าไปแล้วมันก็ผิดหลายจุดอยู่ แต่ก็คงไม่ขนาดอ่านไม่รู้เรื่องมั้ง แฮะๆๆๆ ขอบคุณ คุณcomputta มากค่ะ คุณแก้ไขให้ใกล้เคียงมากๆ เลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 52 01:06:57 จากคุณ : noyne - [ 5 เม.ย. 52 01:03:52 ]