ความคิดเห็นที่ 1 มะม่วงมีสีม่วงจริงๆ  เคยเห็นในทีวี อาจเป็นพันธุ์ดั้งเดิม จากคุณ : วสันดิลก - [ 1 เม.ย. 52 11:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เออ....จริงด้วย น่าจะเรียก มะเขียว พอสุกก็เรียก มะเหลือง มะเขียวทองดำ มะเขียวแรด มะเหลืองอกร่อง มะเหลืองน้ำดอกไม้ และ ข้าวเหนียวมะเหลือง แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 12:18:42 จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 52 12:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วถ้ามันเน่ามะไหร่ เราก็เรียก มะดำ 555+ จากคุณ : ooh maple - [ 1 เม.ย. 52 12:44:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฮาๆ ... ช่างคิดกันไป ข้าวเหนียวมะเหลืองอกร่อง ... ฮาๆๆ จากคุณ : jassb1 - [ 1 เม.ย. 52 12:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ๋ พึ่งเห็นท่านมหาบอกมะม่วง เคยมีสีม่วง ... กระเดี่ยวจะขอไปค้นข้อมูลนะครับ จากคุณ : jassb1 - [ 1 เม.ย. 52 12:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อิอิ มะม่วงจากฮาวาย มาดูกันสวยๆเล่นๆ น่ากินนะ มีสีม่วงสมดังว่า... ^^ จากคุณ : jassb1 - [ 1 เม.ย. 52 12:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 น่ากินมากกก.... จากคุณ : psbonn - [ 1 เม.ย. 52 13:09:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ....ถ่ายจากตอนใต้ของจีนค่ะ จากคุณ : ณ...ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ - [ 1 เม.ย. 52 13:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอโทษค่ะ ผิดกระทู้ จากคุณ : ณ...ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ - [ 1 เม.ย. 52 13:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มี น้ำ ดอก ไม้ ด้วย จากคุณ : behind the lines - [ 1 เม.ย. 52 13:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วตกลงนามนี้ มีที่มาอย่างไรครับ จากคุณ : Lamelez - [ 1 เม.ย. 52 14:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องนี้มีอยู่ ๓ สมมุติฐาน ๑. มะม่วงมาจากคำว่า หมากม่วง และคำว่าม่วงไม่ใช่คำไทยแต่เลียนมาจากภาษามลายูว่า manga ( มลายู manga ---> ทมิฬ mangai ---> โปรตุเกส manga ---> อังกฤษ mango) ซึ่งต้องออกเสียงว่า หมากมางกา แต่ออกเสียงยาก คนไทยจึงออกเสียงเป็น หมากม่วง ๒. คนโบราณเรียกมะม่วง เพราะใบอ่อนของมะม่วงป่ามีสีม่วง ดังกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกของเจ้าฟ้ากุ้งที่ว่า มะม่วงไพรใบอ่อนมี      คิดผ้าสีม่วงอ่อนแทน ขลิบอ่าตาตักแตน          หน้าทอทองกรองข่ายทรงฯ มะม่วงใบอ่อนเจ้า          เรียมแหงน ดูนา คิดมะม่วงอ่อนอรแทน    ผิดผ้า รึงขลิบตาตักแตน          ริมเรื่อง ถักทองกรองข่ายหน้า    ประหลาดหน้าเจ้าเคยทรงฯ ๓. มะม่วงมีถิ่นกำเนิดจากอินเดีย ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Mangifera Indica Linn อยู่ในวงศ์ ANACAR DIACEAE  (Mangi =  มะม่วง  fera = เกิด  Indica = อินเดีย) มะม่วงที่มาจากอินเดียต้นแรก ๆ ให้ผลสีม่วง คนไทยจึงเรียกว่า หมากม่วง อยากจะถามทุกท่านว่า เชื่อข้อไหนมากกว่ากัน แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 14:29:00 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 1 เม.ย. 52 14:27:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คนไทยเรียกต้นไม้และผลไม้นี้ว่าหมากม่วงมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัยนะครับ ต้นหมากม่วงที่ขึ้นในป่าก็มีทั่วทุกภาค คนอินเดียคงมิได้เอามาปลูกอย่างทั่วถึงปานนั้น หากเอามาก็คงจะเป็นพันธุ์ดีที่กลายมาเป็นมะม่วงสวน แต่ก็ไม่น่าที่คนไทยเรียกว่าหมากม่วงดังที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามนี้ตามสีม่วงของผลไม้ที่คนอินเดียนำเข้ามานะครับ "เมืองสุโขไทนี๋จึ่งชม สร๋างป่าหมากป่าพลูท่ววเมือ- งนี๋ทุกแห่ง ป่าพร๋าวก่หลายในเมืองนี๋ ป่าลาง ก่หลายในเมืองนี๋ หมากม่วงก่หลายในเมืองนี๋ หมากขามก่หลายในเมืองนี๋ ใครสร๋างได๋ไว๋แก่มนน" เอามาจากmangaของมลายูก็ไม่น่าจะใช่ ทำไมคนไทยเราจะสติปัญญาน้อยเสียจนคิดชื่อเรียกมะม่วงเองไม่ได้ จะเรียกตามใบอ่อนของต้นที่ว่านี่มีสีม่วงก็พอรับได้ครับ แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 52 17:11:19 จากคุณ : Navarat.C - [ 1 เม.ย. 52 17:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ามะม่วง  ต้อง อาศัยชื่อเรียกจาก โปรตุเกศ มลายู อังกฤษ ฯลฯ ผมว่าคนไทย  ประเทศไทย หรือ สยาม หรือสุโขทัย  หรืออยุธยา.... เป็นคนที่บ้องตื้นที่สุด... แถมค่อนข้างจะเถื่อน กว่า มลายู  ซะด้วยซ้ำ จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ - [ 1 เม.ย. 52 18:19:43 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นไปได้มั้ยที่มลายูเรียกตามคนไทย จากคุณ : ชาเขียว - [ 1 เม.ย. 52 19:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ (ชี้ไปที่ ๑๔) ถ้ามันเป็นพืชที่มาจากที่อื่นจริง มันก็ไม่แปลกหรอกครับที่ชื่อจะมีที่มาจากภาษาอื่น จากคุณ : ผู้ชายที่หลงรักตัวอักษร - [ 1 เม.ย. 52 20:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หลักฐานว่ามะม่วง เป็นไม้ท้องถิ่นของไทยและการที่ลูกมะม่วงเมื่อสุกมีสีเหลืองส้ม  แต่ถ้าสุกมากจะมีสีคล้ำ ที่เรียกว่าสีม่วงด้วยหรือเปล่า ....................................................................................................... มะม่วงป่า   Mangifera  griffithii  Hook.f. ชื่ออื่น : มะม่วงละว้า  มะม่วงละโว้  (ใต้) มะม่วงราวา  (นราธิวาส)  ราวอ  (มลายู-นราธิวาส)        ไม้ต้น  สูง  25-30  เมตร  เรือนยอดเป็นพุ่มทรงสูงถึงแผ่กว้าง  ลำต้นเปลาตรง  เปลือกสีน้ำตาลเทา  แตกเป็นสะเก็ด  เปลือกชั้นในสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง   แผ่นใบ    เรียวยาว  รูปขอบขนานแกมรูปรีถึงแกมรูปไข่กลับ  กว้าง  3-9  เซนติเมตร  ยาว 10-25 เซนติเมตร  ปลายใบเรียวแหลม  หรือทู่  โคนใบสอบเป็นรูปลิ่มบางครั้งทู่  ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน  เส้นแขนงใบ  8-10  เซนติเมตร  (-16) คู่  ก้านใบยาว  2-5  เซนติเมตร   ดอก    เล็กสีเหลืองอ่อน  หรือสีครีม  ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง  ผล   กลมรี  กว้าง  2.5-3 เซนติเมตร ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร  เมื่อแก่สุกสีเหลืองส้ม  แต่ถ้าสุกมากจะมีสีคล้ำเกือบดำ ระยะเวลาการเป็นดอก-ผล    ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์  ผลแก่ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม ลักษณะทางนิเวศและการกระจายพันธุ์   พบขึ้นตามที่ลุ่มต่ำ  ตามชายฝั่งแม่น้ำ  และในป่าพรุ  ทางภาคใต้ของประเทศไทย  ในต่างประเทศพบที่มาเลเซีย  และอินโดนีเซีย   ประโยชน์    ผล  ช่อดอก  และยอดอ่อน  ใช้รับประทานได้  เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง  ทำเครื่องเรือน  เครื่องเฟอร์นิเจอร์  และด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ ได้ดี จากคุณ : Navarat.C - [ 1 เม.ย. 52 21:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 #16 แล้วตกลงว่า เป็นของไทย  หรือว่ามาจากที่อื่นล่ะครับ...??? จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ - [ 1 เม.ย. 52 21:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณเพ็ญชมพู ครับ ข้อ ๓ น่าสน มะม่วงที่แสดงอยู่ใน คห ๖ ที่สีม่วงๆ นั้น น่าจะเนมะม่วงดั้งเดิม ตอนนี้ยังมีให้เห้นตามเกาะในแปซิฟิก เช่น ฟิจิ โบแกนวิลล์ และโซโลมอน เป็นต้น มะม่วงในบ้านเราก็เคยมีสีม่วงๆ คือ มะม่วงสามฤดู แต่กินไม่อร่อยและมีกลิ่นขี้ไต้ เลยโค่นทิ้งกันไปจนสูญพันธุ์แล้วกระมัง สรุปว่า หมากม่วง น่าจะมาจาก หมากสีม่วง จากคุณ : วูลูมูลู (วูลูมูลู) - [ 1 เม.ย. 52 21:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอ้า เอาอีกครับ เอาให้เชื่อให้ได้ว่า มะม่วงเป้นไม้พื้นเมืองดั้งเดิมของถิ่นนี้จริงๆ ไม่ได้นำเข้ามาจากประเทศไหนแล้วตั้งชื่อตามเจ้าของเค้า .................................................................................................................................. พันธุ์มะม่วง  ที่ค้นพบในเขตร้อนจะพบได้ในประเทศอินเดีย,พม่า,มลายู  และไทย  ซึ่งมีอยู่มากมายหลายชนิดโดยเฉพาะในประเทศอินเดียส่วนของประเทศไทยที่ปรากฎตามทำเนียบของกรมป่าไม้  คือมะม่วงบ้าน  มะม่วงสวน นอกจากนั้นยังมีชนิดอื่นที่มีในป่าของไทยคือ                  1.  mangifera  caloneura  kruz.  ชื่อทั่วไปคือ  มะม่วงกะล่อนหรือมะม่วงป่า  ที่จังหวัดราชบุรีเรียกว่า  มะม่วงเทพรส  ส่วนภาคใต้เรียกว่า  มะม่วงขี้ใต้, มะม่วงอะแฮม,ส้มม่วงคัน                2.  mangifra  camptosperma,  Pierre  ที่จังหวัดโคราชเรียกว่า  หมักมาง                3.  mangifra  duperreana,Pierre  var  siamensis  craib.  ที่จังหวัดเชียงใหม่เรียกว่ามะม่วงขี้ยา                4.  mangifera  longipes,  griff.  ทางภาคตะวันตกเรียกว่า  มะม่วงกะเล็ง                5.  mangifera  syivatica,  roxb.  ทางภาคตะวันตกเรียกว่า  มะม่วงช้างเหยียบ,มะม่วงลูกแป๊บจังหวัดลำปางเรียกว่า  มะม่วงแป๊บ  จังหวัดตราดเรียกว่า  มะม่วงขี้ใต้  และทางภาคใต้เรียกว่า  ส้มม่วงกล้วย จากคุณ : Navarat.C - [ 1 เม.ย. 52 21:54:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นี่ก็ข้อมูลของป่าไม้ไทยที่เรียกว่าป่าดิบชื้น คนอินเดียเอาพันธุ์มะม่วงมาเที่ยวปลูกในป่าเมืองไทย แล้วสอนให้ชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าหมากม่วงหรือครับ ....................................................................................................................................................................... ป่า  เป็นระบบนิเวศที่มีรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพ ในป่ามีสิ่งชีวิตที่สำคัญอยู่ 3กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่สำคัญที่สำ ได้แก่ พืช ต้นไม้ใหญ่น้อยและเถาวัลย์ ไม้เลื้อย    กลุ่มที่สอง   ได้แก่  จุลินทรีย์  ไส้เดือน แมลง  กลุ่มที่สาม  ได้แก่  สัตว์ป่า         ป่าดิบชื้น     ลักษณะเป็นป่าทึบเขียวชอุ่มอยู่ในเขตฝนตกชุกตลอดปี พบมากที่สุดทางภาคใต้ ชายฝั่งใต้ ชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ เช่น จันทบุรี ภาคเหนือมีตามลำห้วยหุบเขา และไหล่เขาที่ชุ่มชื้น พรรณไม้ในป่า ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน สยา ตาเสือ ตะแบก มะม่วงป่า จากคุณ : Navarat.C - [ 1 เม.ย. 52 22:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชื่อพื้นเมืองตามท้องถิ่นต่างๆครับ มะม่วงป่า (มะม่วงกะล่อน)   มั่วก้วย (จีน)   เปา (มาลายู)   อัมพวัน (ในวรรณคดี)    แป (ละว้า-เชียงใหม่)   ส่าเคาะส่า สะเคาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)   สะวาย (เขมร)  โตรัก (บน-นครราชสีมา)   เจาะช้อก ช้อก (ชอง-จันทบุรี)  ขุ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี)  โคกและ (ละว้า-กาญจนบุรี) จากคุณ : Navarat.C - [ 1 เม.ย. 52 22:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดังนั้น ผมจึงขอเสนอสมมุติฐานที่๔ ต่อจากคุณแสนอักษรว่า คนไทยตั้งชื่อให้มะม่วงโดยไม่ได้นึกถึงความหมายพิเศษ เช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ เป็นต้นว่า มะพร้าว มะขาม มะปราง มะขวิด มะยม มะนาว มะเดื่อ มะเขือ มะยง มะระ มะระกอ มะอึก มะรุม ฯลฯ จากคุณ : Navarat.C - [ 2 เม.ย. 52 05:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มะม่วงที่อินเดีย  อิสราเอล  และ ประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน มีเปลือกสีออกม่วง (มากกว่าออกเขียวหรือเหลืองค่ะ) จากคุณ : ต้นจั่น - [ 2 เม.ย. 52 05:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อีกหลาย ๆ ความเห็นต่อสมมุติฐาน # ๑๒ ที่เว็บเด็กดี http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1275875 ป.ล. คุณ Navarat.C #๒๓  อยากทราบจังคุณแสนอักษรเสนอสมมุติฐานเรื่องชื่อมะม่วงไว้อย่างไรหนอ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 2 เม.ย. 52 09:44:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบพระคุณทุกความรู้ครับ ถ้าเรียกมะเขียว  พันธุ์ "เขียวเสวย" ดูจะเห็นภาพที่สุดนะครับ มะเขียวเขียวเสวย อ่านเป็น มะ-เขียวเขียว-เสวย จากคุณ : กัมม์ - [ 2 เม.ย. 52 12:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นมีหลายท่านหงุดหงิดว่า ทำไมผลไม้ไทยแท้ ๆ จึงต้องเอาชื่อมาจากต่างประเทศด้วย จึงขอเล่านิทานเรื่องหนึ่ง (หลายท่านคงเคยได้ยินมาแล้ว) เกี่ยวกับชื่อผลไม้ที่ฝรั่งเอามาจากภาษาไทย มีทั้งกล้วย, มังคุด และมะละกอ เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีฝรั่งคนหนึ่งเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย ฝรั่งมาซื้อผลไม้ที่ตลาด ดูที่กล้วยก่อนอื่น แล้วถามแม่ค้าว่า "What is this ? " แม่ค้าไม่รู้ภาษาอังกฤษ จึงไม่ได้ตอบอะไร ฝรั่งเห็นดังนั้นจึงลองบีบกล้วยดู บังเอิญฝรั่งมือหนัก จึงบีบกล้วยเละ แม่ค้าเห็นจึงร้องโวยวายว่า " แบนแน่ ๆ" ฝรั่งได้ฟังจึงร้องอ๋อแล้ว ก็บอกว่า "Oh ! banana " ต่อจากนั้น ฝรั่งคนเดิมแลไปเห็นผลไม้ชนิดหนึ่งรูปร่างกลม ๆ เปลือกออกสีม่วง ๆ เหมือนกับมะม่วงสีม่วงที่เคยที่อินเดีย จึงถามว่า "Is this mango ? " แม่ค้าคนเดิมซึ่งกำลังโกรธเรื่องฝรั่งทำกล้วยเละ จึงกล่าวคำผรุสวาทออกไปว่า "แมงโกส้-ตี- น่ะสิ" ฝรั่งเข้าใจว่าคำว่า "ส้-ตี-" เป็นชื่อพันธุ์มะม่วงของไทย จึงร้องว่า "Oh ! mangosteen" แม่ค้าได้ด่าฝรั่งไปแล้ว ก็พอจะหายโกรธบ้าง แต่พอเหลือบไปเห็นฝรั่งเอามือที่เลอะกล้วยเละ ๆ มาจับมะละกอซะเลอะเทอะ จึงโกรธมาก พอดี๊พอดีที่ฝรั่งก็ถามขึ้นมาอีกว่า "What is this ? " แม่ค้าไม่สนใจแล้ว แม่ค้าทำท่าจะหยิบสากขึ้นมา ด้วยต้องการจะตีหัวฝรั่ง แต่มีคนตะโกนมาห้ามแม่ค้าว่า "ป้า ๆ อย่า.." ฝรั่งได้ยินดังนั้นจึงนึกว่ามีคนบอกชื่อมะละกอ จึงร้อง "Oh ! papaya" หลายท่านคงภูมิใจขึ้นมาบ้างว่า อย่างน้อยก็มีผลไม้ ๓ ชนิดที่ฝรั่งเอาชื่อมาจากเมืองไทย  banana,  papaya และ mangosteen จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 2 เม.ย. 52 13:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขำประวัติมังคุดคุณเพ็ญชมพู  ใครชอบต่อราคาแม่ค้าระวังจะเจอเหมือนฝรั่ง มะม่วงภาคอีสานเรียก บักม่วง (คงเพี้ยนมาจาก หมากม่วง) บาลีเรียก อัมพะ  อัมพรุกโข  ต้นมะม่วง (พระพุทธเจ้าทรงปลูกต้นมะม่วงก่อนแสดงยมกปาฎิหาริย์ปราบเดียรถีย์) อัมพวัน ป่ามะม่วง เป็นชื่อวัดที่หมอชีวกโกมารภัจจ์แพทย์ประจำพระองค์ พระพุทธเจ้าสร้างอุทิศถวาย  พระเจ้าอชาตศัตรูฆ่าพระราชบิดาแล้ว ภายหลังทรงสำนึกผิดหมอชีวกได้พาเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดนี้ (คนไทยนำมาตั้งชื่อวัดทั่วประเทศ) จากคุณ : วสันดิลก - [ 2 เม.ย. 52 13:55:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เิอิ๊กกกกกกกกกกๆ ๆ ๆ ๆ  ๆ จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ - [ 2 เม.ย. 52 22:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ : เพ็ญชมพู คุ้นๆ เหมือนเคยฟังในเดี่ยว7 จากคุณ : Lamelez - [ 2 เม.ย. 52 22:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แต่เราว่าเราเคยเจอตอนมะม่วงมันเป็นช้ำๆเหมือนสีม่วงนะคะ พอดีว่าเอามะม่วงมาบ่มไว้จะทำมะม่วงกวนกัน  โอยย ว่าแล้วก็คิดถึงมะม่วงอกร่อง ทำข้าวเหนียวมะม่วงกินนี่อร่อยนักแล เสียดายว่าตัดไปแล้วเพราะบริจาคที่เป็นสาธารณะประโยชน์  อดเลย หายากด้วยสิ เหลือแต่มะม่วงน้ำดอกไม้ จากคุณ : มิสพรหล้า - [ 3 เม.ย. 52 00:26:11 ]

ความคิดเห็นที่ 32 และอีกหลาย ๆ ความเห็นต่อสมมุติฐาน # ๑๒ ที่บล็อกของคุณเทราสเฟียร์ http://terasphere.exteen.com/20090402/entry บางความคิดเห็น # ๘ คุณ  zZz เคยเห็นมะม่วงป่าออกลูกสีม่วงนะ ใบอ่อนก็เป็นสีม่วง ๆ ด้วย ขอตอบข้อ 2+3 # ๙ คุณ YiUM ชีวิตจริงไม่เหมือนฝัน เอ.....เชื่ออะไรดี ถ้ารูปไม่รีทัช ก็น่าเชื่ออยู่นะ ข้อแรกก็ฟัง ๆ พอเป็นไปได้ง่ะนะ บทกลอนก็ดูน่าเชื่อถือ แต่ข้อ 2-3 ดูจะไปด้วยกันได้นิดหน่อย เอิ่ม....เชื่ออะไรดีอ่ะ ขอรอดูหลักฐานข้อพิสูจน์มากกว่านี้ล่ะกานคร้าบบ ข้อมูลน้อยไปที่จะปักใจเชื่อง่ะ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 3 เม.ย. 52 10:32:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หลักฐานเพิ่มเติมสำหรับคุณ YiUM ชีวิตจริงไม่เหมือนฝัน http://toptropicals.com/cgi-bin/garden_catalog/cat.cgi?uid=Mangifera_indica มะม่วงสีม่วงพันธุ์ Tommy Atkins http://en.wikipedia.org/wiki/Tommy_Atkins_(mango) แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 52 10:51:31 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 3 เม.ย. 52 10:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สีม่วงจริงๆด้วย เนื้อเป็นสีม่วงด้วยหรือเปล่า อยากกิน! จากคุณ : The Gargoyle - [ 3 เม.ย. 52 14:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มะม่วงเมดอินไทยแลนด์พันธุ์มหาชนกหรือสายรุ้ง ลองนับดูสิว่ามีครบเจ็ดสีหรือไม่ http://www.thaiceotokyo.jp/thai/index.php?option=com_content&task=view&id=433&Itemid=53 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 3 เม.ย. 52 14:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เปลือกนอกมีสีอะไรก็ตาม ยามสุกเนื้อในย่อมเป็นสีเหลือง (ฟังดูเหมือนปรัชญาชีวิตไหม  ) แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 52 14:29:56 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 3 เม.ย. 52 14:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เคยอ่านพบในหนังสือ กาเลหม่านไต ของ อ.บรรจบ พันธุเมธา อ.เคยเดินทางไปยังรัฐอัสสัม รัฐฉาน และบริเวณใกล้เคียงที่มีชนชาติไต-ไทอาศัยอยู่ เพื่อไปสืบค้นคำไทในบริเวณดังกล่าว มีอยู่ถิ่นหนึ่งเรียก มะม่วง (หมากม่วง) ว่า "หมากบ่วง" อ.อธิบายว่า แถบนั้นถ้าเป็นคำที่คนไทยกรุงเทพสะกดด้วยอักษร ม แถบนั้นจะสะกดด้วยอักษร บ จึงสันนิษฐานว่าแต่เดิมคนไต-ไท เรียก หมากม่วง ว่า หมากบ่วง และเหตุที่เรียก หมากบ่วง เพราะเป็นหมากที่มี ตัวบ่วง (แมลงชนิดหนึ่ง) มากัดกินเป็นประจำ จึงเรียกว่า หมากบ่วง (เรียบเรียงคำอธิบายไม่ค่อยเรียบร้อย หนังสือไม่ได้อยู่ใกล้ตัว ดึงข้อมูลจากความทรงจำ ขอโทษด้วยนะ ^_^) จากคุณ : ปรียทรรศิกา (ปรียทรรศิกา) - [ 3 เม.ย. 52 14:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผลไม้ที่ผมชอบที่สุด ว่าแต่พัธ์อะไรหวานหอมสุดครับ มีอะไรสุดยอดกว่าน้ำดอกไม้มั้ย กินทีไม่มีหยุด เอาไปทำน้ำมะม่วงปั่นก็ซดเพลิน ยิ่งริมหาดนี่ สุดยอด จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 3 เม.ย. 52 16:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ร้อยเรียงชื่อพันธุ์มะม่วงไทยไว้เป็นกาพย์ยานี ๑๑ ในหนังสือพรรณพฤกษา เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว        หมอนทองอกร่องรส        หวานปรากฎรสสวรรค์        แมวเซามีสองพันธุ์          แมวเชาขาวแมวเชาดำ        พรวนขออีกพรวนควาย    แก้วฤๅกลายมีประจำ        ควันเทียนและทองคำ      มลิอ่องทองปลายแขน        น้ำตาลปากกระบอก        ขานนามออกทุกดินแดน        มะม่วงนายขุนแผน         ปลูกเมื่อทัพกลับคืนมา ไม่ยักมีพันธุ์น้ำดอกไม้ที่คุณอากงชอบ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 3 เม.ย. 52 16:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จริง ๆ แล้วผมว่ามันก็คือ ผลไม้ที่มีสีม่วง อย่างที่คุณเพ็ญชมพู นำเสนอนั่นแหละครับ ถ้าหากเราจะย้อนหลังไปเมื่อครั้ง สุโขทัย อย่างที่คุณ Navarat.C แสดงไว้   ก็ใช่เลย เพราะผลไม้  คนไทยในยุคโน้น  จะเรียกว่า  หมาก เหมือนคำอิสาน ทุกวันนี้ ก็ยังเรียก  หมาก  เช่น หมากหุ่ง   = มะละกอ หมากสีดา = ฝรั่ง ฯลฯ แต่น่าเสียดาย ที่ หมาก เริ่มเพี้ยน  เป็น  บัก  ตามสำเนียงคนรุ่นใหม่ซะแล้ว เพราะฉะนั้น   หมากสีม่วง  หมากม่วง  จึงกลายเป็น  มะม่วง  ด้วยฉะนี้ จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ - [ 3 เม.ย. 52 19:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มะม่วงคงไม่ใช่ไม้ถิ่นของคนไต (จีนตอนใต้) แต่คงเป็นไม้ถิ่นที่อยู่แถบเอเชียอาคเนย์ ดังนั้น เมื่อคนไต ย้ายถิ่นลงมาที่นี่ เจอมะม่วง ก็เลยเรียกตามเจ้าถิ่น คือ เขมร (หรือ มอญ?) ครับ แต่ช้าก่อน .... ที่ผมว่ามาจากภาษาเขมรนี้ ไม่ใช่คำว่า "ม่วง" นะครับ แต่เป็นการแปลมาจากคำเขมรว่า "สวาย" "สวาย" ภาษาเขมรแปลได้ ๒ อย่างคือ "สีม่วง" หรือ "มะม่วง" ก็ได้ ผมคิดว่า มะม่วง ก็คือการเรียกตามเขมร แต่ว่า แปลคำเขมรเป็นภาษาไทยเรียบร้อยว่า "ม่วง" อย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยสุโขทัยครับ สรุปว่า ถ้าภาษาไทย แปลมาจากภาษาเขมร ก็มีอย่างน้อย ๓ ประเทศ คือ ไทย ลาว และเขมร ที่เรียก ชนิดผลไม้ชนิดนี้ตามสีเปลือกครับ จากคุณ : -_- (Hotacunus) - [ 4 เม.ย. 52 07:15:21 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าอย่างนั้นชื่อ "ปลาสวาย" ก็คงเรียกตามสีของมันคือ "ปลาม่วง" นั่นเอง จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 4 เม.ย. 52 08:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ด้วยความเคารพท่านกูรูทั้งหลาย 1) คำว่าม่วงที่หมายถึงสีนี่ เป็นคำของคนไตหรือครับ 2) คำที่คนยุคสุโขทัยในศิลาจารึก มีพื้นฐานมาจากภาษาไทที่พูดกันในยูนนานหรือครับ 3) คนเขมรเขาเรียกผลไม้นี้ว่า หมากสวาย หรือลูกสวาย อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ ปลานี่ก็แปลกนะครับ ตระกูลปลาหนังประเภทปลาเนื้ออ่อนนี่ เรามีทั้งปลาแดง ปลาน้ำเงิน พอปลาสีม่วง กลับไปเรียกปลาสวาย มะม่วงป่าในป่าบ้านเรา ออกลูกสีเขียวพอสุกเป็นเหลืองส่วนใหญ่ ที่ว่าเป็นสีม่วงก็ไม่เห็นมีตำราพฤกษศาสตร์ไหนรับรองไว้ ไหงถึงไปเรียกตามพันธ์หายากออกลูกเป็นสีม่วงของอินเดีย ผมปลงใจเชื่อยากจริงๆ ถ้าชื่อผลไม้จำเป็นต้องมีความหมายหมด ท่านกูรูที่เคารพกรุณาแปลมะทั้งหลายใน#23หน่อยเถิดครับ จะเป็นวิทยาทานแก่ชาวห้องสมุดมากล้น จากคุณ : Navarat.C - [ 4 เม.ย. 52 11:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ปลาสวาย สีตามธรรมชาติก็ประมาณนี้ ปลาในตู้ที่โดนสีโดนไฟก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ได้เป็นสีม่วงแจ๋นอย่างรูปข้างบน ปลาแดงกับปลาน้ำเงินก็เถอะครับ อยูในกระจาดเดียวกันผมก็ยังแยกแยะไม่ออกว่ามันแดงมันน้ำเงินกว่ากันตรงไหน จากคุณ : Navarat.C - [ 4 เม.ย. 52 11:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ปลาแดงกับปลาน้ำเงินก็มิได้แบ่งแยกเพราะสี ตามภาพข้างบนเป็นปลาแดง (ปลานาง ปลาเกด Micronema bleekeri) ข้างล่างเป็นปลาน้ำเงินปลา(นางเงิน Micronema apogon) ปลาแดงกับปลาน้ำเงิน คล้ายกันมาก สังเกตที่หนอกหลังตรงช่วงข้อต่อที่คอ ปลาน้ำเงินเมื่อขึ้นมาจากน้ำใหม่ๆจะมีสีสันมันวาว แต่ปลาแดงจะออกสีชมพูระเรื่อ และที่สำคัญขนาดตัวปลาน้ำเงินจะมีขนาดใหญ่กว่ามากครับ แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 11:29:18 จากคุณ : Navarat.C - [ 4 เม.ย. 52 11:24:52 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ทราบที่มาของศัพท์   กินเป็นอย่างเดียวค่ะ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง  ครอบครัวย้ายเข้ากรุงเทพ   ไปเช่าเรือนไม้ชั้นเดียวของท่านติ๊บดีกรมข้าวที่ถนนศรีอยุธยา บ้านท่านปลูกมะม่วงไว้เป็นแถวแนวยาวเหยียด มีมะม่วงแปลกๆหลายอย่าง   เช่นมะม่วงหัวช้าง  เป็นมะม่วงมันกินดิบ ลักษณะลูกใหญ่กว่ามะม่วงแรดไปสามเท่า   ส่วนหัวขรุขระคล้ายหัวช้าง และมะม่วงมันชื่อแปลกๆอีกหลายต้นที่อิฉันว่าไม่มัน  เลยไม่จำชื่อ มีมะม่วงลูกเล็ก  นำพันธุ์มาจากฟิลิบปีนส์  พอสุกสีเหลืองแดง  กลิ่นฉุน ตกเกลื่อนใต้ต้นเพราะไม่มีคนนิยม บ้านของเพื่อนบ้านเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ มีต้นมะม่วงแขนอ่อน   ลูกสีเขียวอ่อน  สีใสๆ  ยาวเกินศอกเด็กๆสิบขวบ น่าดูมากเพราะห้อยระย้าเต็มต้น   จัดว่าเป็นมะม่วงกินทั้งดิบและสุก มะม่วงสองชนิดนี้ไม่เคยเห็นอีกเลยค่ะ จากคุณ : แสนอักษร - [ 4 เม.ย. 52 11:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พูดแล้วอยากกินมะม่วงแผ่นที่หัวหินที่ขายอยู่ใกล้ร้านขายทอง อยากกินส้มลิ้มที่พิจิตร จากคุณ : แสนอักษร - [ 4 เม.ย. 52 11:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ  Navarat.C # ๔๓ ถ้าชื่อผลไม้จำเป็นต้องมีความหมายหมด ท่านกูรูที่เคารพกรุณาแปลมะทั้งหลายใน #23 หน่อยเถิดครับ มะ ใน # ๒๓ มีดังนี้ มะพร้าว มะขาม มะปราง มะขวิด มะยม มะนาว มะเดื่อ มะเขือ มะยง มะระ มะระกอ มะอึก มะรุม ฯลฯ มี "มะ" หนึ่งที่พอจะอธิบายที่มาได้คือ "มะละกอ" ดร.สุรีย์ ภูมิภมร แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายที่มาการเข้ามาของมะละกอในประเทศไทยไว้ในหนังสือ "พรรณพืช ในประวัติศาสตร์ไทย" พอสรุปได้ดังนี้ ตามเอกสารของกระทรวงต่างประเทศโปรตุเกส ได้ระบุชัดเจนว่ามะละกอมีถิ่นกำเนิดที่เทือกเขาแอนดีส แต่บางเอกสารบอกว่ามะละกอมาจากเม็กซิโก หรือหมู่เกาะอินเดียตะวันตก บ้างก็ว่ามะละกอมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง บริเวณประเทศเม็กซิโกตอนใต้และคอสตาริกา อีกเอกสารหนึ่งยืนยันว่าสเปนได้นำมะละกอมาจากฝั่งทะเลแคริบเบียนของปานามาและโคลัมเบีย เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๖๙ เอกสารของสเปนได้ให้รายละเอียดว่า ค็อนควีสทะดอร์ส หรือเหล่านักรบสเปนที่มีชัยเหนือเม็กซิโกและเปรู เป็นผู้นำ มะละกอจากสเปนไปปลูกที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเรียกว่า เมลอน ซาโปเต้ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๓๑๔ อันเป็นช่วงที่กรุงธนบุรี เป็นราชธานี ได้มีรายงานของ นายลินโซเตน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวดัตช์ว่า คนโปรตุเกสได้นำมะละกอมาปลูกที่มะละกา จากนั้นจึงนำไปปลูกที่อินเดีย ส่วนอีกทางหนึ่งได้ขยายไปปลูกที่อินโดนีเซีย มาเลเซียและไทย สำหรับประเทศไทยนั้นคาดกันว่ามะละกอจะเข้ามาหลายทาง อาจจะเข้ามาภาคใต้ หรือเข้ามาทางอ่าวไทย ซึ่งดูตามหลักฐานต่าง ๆ แล้ว น่าจะเชื่อได้ว่า มะละกอจะเข้ามาประเทศไทยในช่วงต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ ดร. สุรีย์ไม่ได้สรุปว่าชื่อมะละกอมาจากไหน แต่ดูตามประวัติศาสตร์แล้ว ชื่อมะละกอนี้ น่าจะมาจากชื่อเมืองที่ไทยเรานำพันธุ์พืชนี้เข้ามาคือ มะละกา นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 13:08:02 แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 52 13:07:12 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 4 เม.ย. 52 12:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ย้อนกลับมากเรื่อง "มะม่วง" ถ้าเชื่อว่า สีม่วง กับ มะม่วง มีความสัมพันธ์กัน เป็นไปได้ไหมว่า คนสมัยก่อนได้ชื่อสีม่วงนี้มาจากสีของมะม่วง เช่นเดียวกับ สีส้ม         สีของส้ม สีคราม      สีที่ได้จากต้นคราม สีโศก        สีใบอโศกอ่อน (เขียวอ่อน) สีสวาด      สีเมล็ดของต้นสวาด (เทาอมเขียว) สีน้ำตาล    สีน้ำของลูกตาลที่เคี่ยวไฟแก่ สีฟ้า         สีของท้องฟ้า จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 4 เม.ย. 52 12:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แอบแวะเข้ามากินปลาน้ำจืดทอดกระเทียมของท่านพี่Navarat.C และมะม่วงโบราณหวานมันจากคุณแสนอักษร ตบท้ายด้วยแกงลอกอ ของคุณเพ็ญชมพู อู้... หรอยจั่งฮู้ เสร็จแล้วก็จรลีไปพลัน ฮ่าๆ จากคุณ : jassb1 - [ 4 เม.ย. 52 14:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 .....สำหรับประเทศไทยนั้นคาดกันว่ามะละกอจะเข้ามาหลายทาง อาจจะเข้ามาภาคใต้ หรือเข้ามาทางอ่าวไทย ซึ่งดูตามหลักฐานต่าง ๆ แล้ว น่าจะเชื่อได้ว่า มะละกอจะเข้ามาประเทศไทยในช่วงต้นของกรุงรัตนโกสินทร์..... ****************** แล้วไหงคน อีสาน  ถึงได้รู้จัก เจ้าลูกนี้  ในนาม  หมากหุ่ง...หมากฮุ้ง... ทำไมไม่เรียก  หมาก กอ  หมาก มะลักกา หรือ  หมาก มะลึกกึ๊กกึ๊ย  ล่ะครับ..!! จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ - [ 4 เม.ย. 52 17:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมชอบตรงนี้ครับอาจารย์ สีส้ม         สีของส้ม สีคราม      สีที่ได้จากต้นคราม สีโศก        สีใบอโศกอ่อน (เขียวอ่อน) สีสวาด      สีเมล็ดของต้นสวาด (เทาอมเขียว) สีน้ำตาล    สีน้ำของลูกตาลที่เคี่ยวไฟแก่ สีฟ้า         สีของท้องฟ้า แต่สีม่วงนี้มาจากสีของมะม่วง ไม่ค่อย.....เลยครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 4 เม.ย. 52 17:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หวนห่วงม่วงหมอนทอง   อีกอกร่องรสโอชา คิดความยามนิทรา         อุราแนบแอบอกอร ........................................................................ ขอยกขบวนชมผลไม้มาด้วยสักสำรับ มะม่วงพันธุ์หมอนทองนี้ คงสีเหลืองสุกปลั่งดั่งทุเรียน ฤๅไฉน จากคุณ : jassb1 - [ 4 เม.ย. 52 17:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ทุเรียนหมอนทองนี่ มาที่หลัง เรื่มออกตลาดเมื่อสักสามสิบกว่าปีมานี่เอง ตอนออกใหม่ๆแพงโคตรๆ  ก่อนหน้านั้นทุเรียนเกรดAก็ก้านยาว กบตาขำแท้ๆสวนเมืองนนท์ และชะนี สมัยนี้กบหายไปหมดแล้ว ชาวสวนโค่นต้นไม้หันไปปลูกตึกแถวหรือทาวน์เฮ้าส์กันหมด สูญสิ้นทุเรียนนนทบุรี ทุเรียนนี่ ในป่าทางตอนบนไม่มีไม้ผลชนิดนี้ น่าจะมาทางด้ามขวานของแหลมทอง ยาวลงไปตลอดมาเลย์และอินโด ชื่อก็คงมาจากดูเรียนของเขานั่นแหละ แต่ทุเรียนทางใต้จะเละๆแบบปลาร้า ซึ่งเขาก็ชอบของเขาอย่างนั้น ตวนกูอาวุโสท่านหนึ่งเคยพาผมนั่งรถออกจากกัวลาลัมเปอร์ไปกัวลากังซ่าร์ ผ่านแผงขายทุเรียนข้างถนน ท่านรีบให้คนขับจอดรถแล้วชวนผมไปกินทุเรียนป่ากัน แทบทั้งหมดจะสุกคาต้นแล้วร่วงลงมา แกะตรงนั้นกินกันตรงนั้น ผมถามท่านว่าเคยทานทุเรียนของไทยหรือไม่ ท่านบอกว่าในมาเลเซียมีหมอนทองมาจากเมืองไทยเยอะแยะ คนจีนจะชอบ ส่วนคนมาเลย์จะชอบทุเรียนป่าเหมือนท่าน หมอนทองเนื้อแข็งไปหน่อย ว่าเข้านั่น ผมเคยคิดว่าคนไทยน่าจะเอากระดุมไปขายที่มาเลย์บ้าง เพราะเละๆเหมือนกัน คุณjassb1ได้ลองชิมทุเรียนแท้ของปักษ์ใต้หรือยังครับ รีบไปชิมแล้วมาเล่าสู่กันบ้าง ส่วนมะม่วงหมอนทองไม่รู้จัก ในมโนภาพน่าจะเหมือนน้ำดอกไม้ จากคุณ : Navarat.C - [ 4 เม.ย. 52 20:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตอบคุณ Navarat.C 1) คำว่าม่วงที่หมายถึงสีนี่ เป็นคำของคนไตหรือครับ ตอบ: เท่าที่ผมมีข้อมูล ทางลาวก็เรียกสีม่วงครับ (จากพจนานุกรม ฝรั่งเศส-ลาว ของ Mission Pavie, exploration de l'Indo-Chine, par M. Massie (1894) ... ตอนนี้ ผมคิดว่า คำว่า ม่วง "น่าจะ" เป็นคำไตครับ ถ้ามีเวลาคงค้นภาษาอื่นในตระกูลนี้ต่อครับ แต่ตอนนี้ ถูกจำกัดด้วยเวลา แหล่งข้อมูล และภาระงาน จึงทราบแต่เพียงภาษาไทย-ลาว ========================================= 2) คำที่คนยุคสุโขทัยในศิลาจารึก มีพื้นฐานมาจากภาษาไทที่พูดกันในยูนนานหรือครับ ตอบ: จะว่าเป็นพื้นฐานก็คงไม่ใช่ เพราะ "พื้นฐาน" แปลว่า แยกแยกมาจากภาษาตระกูลไทที่พูดในยูนาน แต่ ภาษาไทสุโขทัย "มีรากร่วมกัน" จะตรงกว่าครับ ดังนั้น ภาษากลุ่มไททั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องคุยกันรู้เรื่อง แต่ศัพท์พื้นฐานจะมีส่วนตรงกัน หรือคล้ายกันมาก =========================================== 3) คนเขมรเขาเรียกผลไม้นี้ว่า หมากสวาย หรือลูกสวาย อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ ตอบ: เท่าที่ทราบก็คือคำว่า สวาย ครับ ไม่ได้เติมคำว่า ลูก หรือ หมาก เพราะการเติม หมาก นำหน้าชื่อต้นไม้ เพื่อให้หมายถึง ผลไม้ (คือ ลูกของไม้) เป็นลักษณะเฉพาะของภาษาตระกูลไตครับ =========================================== 4) มะม่วงป่าในป่าบ้านเรา ออกลูกสีเขียวพอสุกเป็นเหลืองส่วนใหญ่ ที่ว่าเป็นสีม่วงก็ไม่เห็นมีตำราพฤกษศาสตร์ไหนรับรองไว้ ไหงถึงไปเรียกตามพันธ์หายากออกลูกเป็นสีม่วงของอินเดีย ผมปลงใจเชื่อยากจริงๆ ตอบ: ด้วยเหตุนี้ ผมเลยคงข้างสนใจว่า มะม่วง อาจแปลมาจาก คำเขมรว่า สวาย ครับ คือ เราไม่รู้ว่า เขมรเรียกสวาย มานานเท่าไหร่ และมะม่วงสมัยอาณาจักรเขมรสีอะไร แต่ มันมีประเด็นที่น่าสนใจว่า เขมรเรียก สีม่วง กับ มะม่วง ตรงกัน อีกประการหนึ่ง ภาษาไทยเราก็รับคำเขมรมาเยอะพอควร ก็เป็นความเป็นไปได้หนึ่งเหตุครับ =========================================== ๕) ภาพปลา ๔๔ - ๔๕ ตอบ การเรียกสีนั้น แต่ละคนมีมาตรฐานไม่เหมือนกันครับ ปัจจุบัน มีสื่อมากมายที่นำเสนอสีที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐาน (รวมทั้งการเรียนการสอนในโรงเรียน) ดังนั้น คนสมัยนี้ถ้าพูดถึงสีม่วง ก็จะนึกไปถึงสีม่วงแบบวันเสาร์ แต่ในสมัยโบราณ ผมคิดว่า สีม่วงนั้น คงไม่เหมือนกับม่วงแบบที่เราเข้าใจกัน คือ ม่วงอมแดงๆ ก็อาจเรียกแค่ม่วงก็ได้ หรือ ภาพปลา ก็ดูเป็นม่วงที่อ่อนมากๆ ก็มองว่าเป็นม่วง ปัญหาเรื่องการระบุสีนี้ มีกันทุกวงการครับ เช่น ในทางธรณีวิทยา การระบุสีของนักธรณีวิทยาแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน จึงต้องทำสมุดเทียบสีดิน โดยมีรหัสสีที่เป็นมาตรฐาน เช่น grayish brown 10YR 5/2 ดังนั้น คำว่า ม่วง ของคนโบราณ ก็อาจไม่ใช่ม่วงอย่างที่เราเข้าใจกันในปัจจุบันครับ สีบานเย็น สีช้ำเลือดช้ำหนอง คนโบราณก็อาจเรียกม่วงได้เช่นกัน =========================================== ๖) ถ้าชื่อผลไม้จำเป็นต้องมีความหมายหมด ท่านกูรูที่เคารพกรุณาแปลมะทั้งหลายใน #23 หน่อยเถิดครับ มะพร้าว มะขาม มะปราง มะขวิด มะยม มะนาว มะเดื่อ มะเขือ มะยง มะระ มะระกอ มะอึก มะรุม ตอบ: ผลไม้ ลูกไม้ เหล่านี้ เป็นชื่อต้นไม้ครับ โดยมีการเติม "หมาก" นำหน้า เพื่อบ่งว่าเป็น ลูกของไม้ชนิดนั้นๆ ตอบเท่าทราบนะครับ พร้าว - เคยอ่านงานของนักภาษาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสท่านหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ท่านว่า เป็นคำมอญโบราณครับ เขือ - เป็นคำไต ครับ มะระ - เป็นคำเขมร ครับ มะละกอ - ได้ยินมาตามที่คุณเพ็ญชมพูนำเสนอไว้ คือ จาก เมืองมะละกา ชื่ออื่นๆ ไม่ทราบครับ แต่คงเป็นชื่อต้นไม้เช่นกัน แต่จะเป็นภาษาอะไร ก็คงต้องสืบค้น แต่คิดว่าอยู่ในวงนี้แหละครับ คือ คำไต คำเขมรโบราณ คำมอญโบราณ เพิ่มเติมครับ สีน้ำตาล    สีน้ำของลูกตาลที่เคี่ยวไฟแก่ ตรงนี้ ผมคิดว่า คงเป็นสีของ "น้ำตาลสด" ครับ คือ น้ำหวานที่ได้จากต้นตาล ซึ่งจริงๆ มีสีน้ำตาลอ่อน แต่ปัจจุบัน สีน้ำตาลอ่อน กับ สีน้ำตาล นั้น คนละสีกันในความรับรู้ของคนปัจจุบัน จากคุณ : -_- (Hotacunus) - [ 4 เม.ย. 52 22:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 จีนกลางเรียกมะม่วง 2 แบบ - แบบแรกเรียกว่า หมางกว่อ คำว่า กว่อ นี่แปลว่าผลไม้ ดังนั้น หมางกว่อ ก็คือ ผลหมาง หรือ ลูกหมาง เห็นได้ชัดว่าเป็นคำเดียวกับ mangga ของทางมลายูและชวา - แบบที่สองเรียกว่า เซอ ฟังแล้วอาจจะงง แต่คำนี้มาจากภาษาพูดของจีนตระกูลหมิ่นหนานที่พูดกันอยู่แถบฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว ออกเสียงตามสำเนียงท้องถื่นว่า ส่วย (เสียงขึ้นจมูก) คำนี้เห็นได้ชัดว่ารับมาจากคำว่าสวายของเขมรแบบไม่ต้องเดาให้วุ่นวายเหมือนกัน ทีนี้ mangga ของทางมลายูมาจากไหน? ในรายการคำที่มีที่มาจากภาษาทมิฬใน wiki (http://en.wikipedia.org/wiki/Words_of_Tamil_origin) มีคำว่า mango อยู่ด้วย โดยบอกว่าโปรตุเกสรับมาจากภาษามาลายาลัมว่า manga ซึ่งมาจากคำว่า mangaai ในภาษาทมิฬอีกที น่าสังเกตว่าคำว่า gaai นี้แปลว่า ผลไม้ เรียกได้ว่า mangaai แปลได้ว่า ผลมาง หรือลูกมาง และก็คงไม่ผลกติกาใดที่จะเรียกว่าหมากมาง ตรงกับชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งในภาษาโคราชที่คุณ Navarat.C ว่าไว้ใน คคห.ที่ ๒๐ ครับ ภาษาทมิฬมาโผล่ในอุษาอาคเนย์นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก ภาษานี้พูดกันทางตอนใต้ของอินเดีย และมีการเดินเรือค้าขายกับทางอุษาคเนย์มานานเป็นพันๆปีแล้วครับ ผมตามไปดูที่ภาษาทมิฬ พบว่ามีคำที่เกี่ยวข้องกับคำนี้อยู่หลายคำ น่าสนใจว่ามีคำใกล้เคียงกันที่มีความหายเป็นชื่อสีอยู่คำหนึ่ง แปลว่าสีชมพูครับ ไม่รู้จะเกี่ยวกันไหม ? จากคุณ : CrazyHOrse - [ 4 เม.ย. 52 22:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ถึงตรงนี้ ถ้าจะต้องยอมรับซะแล้วว่า ตอนที่คนอินเดีย คนจีนเข้ามาในอุษาคเนย์นี่ คนท้องถิ่นยังเป็นคนป่าคนดงอยู่จริงๆ หลายร้อยปีกว่าจะรวมตัวเป็นชุมชนเมือง มีภาษากลาง และจนถึงมีอักษรให้จารึกลงในหินได้ หมากม่วงนั้น ก่อนหน้าอาจเรียกว่าหมากมะลึกกึ๊กกึ๊ยของคุณเฉิ่มศักดิ์ก็จริงอยู่ แต่โดนอิทธิพลของภาษาที่เหนือว่ามาเบียดจนตกขอบไป เหมือนหลายคำในสมัยนี้ที่โดนภาษามะกันมั่ง ญี่ปุ่นมั่ง จีนมั่ง เบียดจนแบนไปหลายคำแล้วเหมือนกัน ลอกเวปเขมรมาให้อ่าน Called “Svay” in Khmer, mangoes come in a variety of types with different flavors. The most famous kind of mango in Cambodia is called “Svay Keo Chen” whose price might reach up to 15 dollars for a dozen. When fully ripen, mango is sweet and undeniably tasty. It usually appears on the desert dishes on the special occasion. Mangoes are sometimes eaten unripe, which gives another distinct taste. จากคุณ : Navarat.C - [ 4 เม.ย. 52 23:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ไปค้นเจอมา พบว่ามะม่วงนั้น ภาษาไทใหญ่เรียกว่า หมากโมง  รัฐฉานภาคเหนือติดกับสิบสองปันนาของจีน ยังไม่เจอว่าคนไตที่นั่นเรียกอย่างไร ..................................................................................................................................................................... สระออเจยยะ เป็นชาวเมืองจอกแม รัฐฉานภาคเหนือ บิดาชื่อ นายโข่ เรียกอีกชื่อว่า หม่องมาน เป็นชาวทะนุ อยู่บ้านมะม่วงหวาน (หมากโมงเจ็ม) เมืองหนองเขียว มารดาชื่อ นางแสงไต เมืองจอกแม จากคุณ : Navarat.C - [ 5 เม.ย. 52 09:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ้าวเจอแล้ว ....................................................................................................................................................................................................... ไม่ได้อยู่ทำกิจกรรม "วันปี๋ใหม่" ที่บ้านเกิดหลายปี เนื่องจากเป็นคนสองวัฒนธรรม "วัฒนธรรมเรา (ไต)บวกกับวัฒนธรรมเขา(ล้านนา)" ......... ..............หน้านี้อยากกิน หมากโม่งโก้ (มะม่วงยำแบบไต) ก็อร่อยดีนะครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 5 เม.ย. 52 10:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ชื่อมะม่วงชุดนี้โบราณแน่ๆ ตำราแม่ครัวหัวป่าก์  ของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ พิมพ์ครั้งแรก ๒๔๕๑ พิมพ์ครั้งที่ ๖ สมาคมกิจวัฒนธรรม  ๒๕๔๕ เล่ม ๒     หน้่า ๑๑๐ อกร่องทุเรียนแก้ว หนังกลางวัน แมวเซา พิมเสน สัมปั้น พราหมณ์ขายเมีย ทศกรรฐ์ ai ฮวบ อินทรชิต เงาะ นกกระจิบ ไข่ hia แก้มแดง ทองปลายแขน หมอนทองพรวน กะล่อนทอง มะม่วงกะทิ น้ำตาลจีน น้ำตาลทราย เทพรศ แฟบ จากคุณ : แสนอักษร - [ 5 เม.ย. 52 10:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มะม่วงพันธุ์โบราณ ๒ พันธุ์ที่บันทึกไว้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์เห็นจะได้แก่ พิมเสน และ หมอนทอง ดังในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง พระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ทรงนิพนธ์เอา ไว้ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ประมาณ พ.ศ. ๒๒๘๐  คือ ประมาณ ๒๗๒ ปีมาแล้ว หมากม่วงพวงพรวนย้อย              พิมเสนห้อยสอยมากิน สุกห่ามตามใจถวิล                     เอาตะกร้อซอเกี่ยวลง ฯ หมากม่วงพวงห่ามย้อย                ยามเห็น พรวนพิมเสนเหลืองเป็น               ปากกร้อ หมอนทองม่วงมันเย็น                 เดิรสู่ สอยแส่พลางหัวหร้อ                   หล่นกลุ่มชิงกัน ฯ ทั้งยังบันทึกบรรยากาศของการร่วมวงรับประทานมะม่วงดิบกับกะปิน้ำปลา หมากม่วงดิบห่ามฝาน                ใส่ในจานพานตบะรอง นั่งล้อมห้อมเนืองนอง                จิ้มน้ำปลางาปิกิน ฯ หมากม่วงดิบห่ามให้                  ปอกฝาน งาบปิน้ำปลาจาน                      จุ่มจิ้ม นั่งล้อมห้อมกินกราน                  กินอยู่ เข็ดฟันผันหน้ายิ้ม                      อิ่มเอื้อน ราถอย ฯ อ่านแล้วพาน้ำลายสอ ต้องขอตัวไปหามะม่วงมารับประทานบ้าง จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 5 เม.ย. 52 11:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 62 กระทู้ดี มีประโยชน์ แสดงให้เห็นว่าความรู้และชื่อต่าง ๆ ไม่ได้ผุดขึ้นมาเองลอย ๆ ไม่ใช่นึกจะเรียกว่า มะม่วง ว่ามะม่วง ก็เรียกมะม่วง แต่เป็นการเรียกตามลักษณะ รูปแบบ และมีการถ่ายทอดชื่อนาม-ความรู้ไปมาระหว่างคนกลายกลุ่มหลายพันธุ์ ฉะนั้น ไม่ว่าชื่อมะม่วงจะมาจากไหน และไม่ว่าคนชาติพันธุ์ไทยจะคิดเองได้หรือไม่ มันก็แสดงว่า เราอยู่ร่วมโลกและแบ่งปันความรู้กับคนอีกหลายกลุ่มในโลกนี้ ขอบคุณทั้งคนถาม และคนตอบด้วยความรู้ครับ (อ่านแล้วประทับใจมาก ยกเว้นบางอันที่บอกว่าถ้าคนไทยคิดชื่อมะม่วงเองไม่ได้  แสดงว่าคนไทยบ้องตื้น) แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 52 15:11:25 จากคุณ : @power - [ 5 เม.ย. 52 16:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านทู้นี้ตอนหม่ำมะม่วงเขียวเสวยพอดี ได้อารมณ์ดีแท้ จากคุณ : AntiSpam (อันตราคนี) - [ 5 เม.ย. 52 21:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 กระผมยังทันกินมะม่วงน้ำตาลจีนอยู่นะครับ เมื่อก่อนหน้าปากกรอกเข้าบ้าน มีคนเขาปลูกไว้สองต้น ปากตะกร้อต้นหนึ่ง น้ำตาลจีนต้นหนึ่ง ยายจะไปด้อมๆมองๆ รอเอาลูกที่มันหล่นออกมานอกกำแพงบ้านเขา เลียบๆเคียงๆไปคุยกะเจ้าของบ้าน พอจะกลับก็บ่นพึมๆว่ามะม่วงเธอมันหล่น ฉันเก็บไปบ้างนะ แหม ... เจ้าของบ้านใจดี ไปสอยลูกใหม่ๆมาให้อีก ... กินเพลินเจริญใจมาถึงบัดเดี๋ยวนี้ ... กินมะม่วงชื่อโบราณ เราจะเป็นคนโบราณไหมนี่ จากคุณ : jassb1 - [ 5 เม.ย. 52 22:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 65 บ้านเดิมผมมีมะม่วงทวายอยู่ต้นหนึ่ง เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในบ้าน คุณยายของผมเป็นมอญ บิดาของท่านชื่อพญาแผลงผลาญศึก คุมครัวมอญนับพันอพยพมาจากเมืองทวายเข้าพึ่งพระบรมโพธิสัมภารพระมหากษัตริย์ไทย ผมเลยเข้าใจว่ามะม่วงทวายต้นนั้นน่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเมืองทวายเป็นแน่แท้ แต่ก็เด็กเกินไปที่จะถาม ทราบเพียงว่ามะม่วงที่บ้านเดิมออกลูกทั้งปี ฤดูร้อนอย่างนี้ก็เยอะหน่อย คุณยายของผมจะทานมะม่วงกับข้าวมูลเป็นอาหารโดยไม่ทานอย่างอื่นอยู่เป็นฤดูเหมือนกัน ข้าวมูลของคุณยายคือข้าวเจ้านึ่งกับหางกะทิ และพยายามโปรโมทให้ลูกหลานกินด้วย แต่ไม่สำเร็จ ไม่ค่อยมีใครติดใจข้าวมูลของคุณยาย ชอบข้าวเหนียวมะม่วงราดหัวกระทิมากกว่า ที่เล่ามาถึงตรงนี้คือจะบอกว่า ทวายต้นนั้นทำให้คุณยายได้กินข้าวมูลเสมอๆทั้งปีเหมือนกัน ผมกำลังจะออกจากบ้านไปทำบุญประจำปีให้บรรพบุรุษฝ่ายแม่ที่ล่วงลับที่วัดปรมัยปากเกร็ดร่วมกับญาติโยโหติกา คล้ายๆคนจีนไปเช็งเม้ง จึงนึกถึงคุณยายกับเรื่องที่เล่านี้ขึ้นมา ที่ปากเกล็ดเป็นหมู่บ้านมอญ เมื่อก่อนมะม่วงทวายมีเป็นสวน ต้นที่เล่าอยู่บ้านในเมืองที่ดินจำกัด จึงมีต้นเดียว ถูกตัดไปแล้ว น้าผมเอาพันธ์ไปปลูกไว้ตอนออกเรือน แล้วเพาะเม็ดไว้ ผมไปขอมาปลูกที่บ้านของผม รู้สึกว่ามันกลายพันธุ์ไปบ้าง ไม่ค่อยดีเหมือนต้นที่บ้านของคุณยาย มะม่วงทวายต้นนี้คล้ายมะม่วงแก้ว แต่ไม่ใช่ สมัยหลังๆนี่พอมีต้นอะไรก็ตามที่ออกลูกทั้งปีได้จะมีสร้อยต่อท้ายว่าทวายไปค้วย เช่นน้ำดอกไม้เบอร์๔ทวาย ทุเรียนทวาย ขนุนทวาย สะเดาทวาย แต่จริงๆแล้ว ต้องใช้สารบังคับร่วมด้วยจึงจะได้ผลทางการผลิตจริงจัง มะม่วงทวายของคุณยายไม่ต้องบังคับเลย จากคุณ : Navarat.C - [ วันจักรี 08:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คำว่า "ทะวาย" เดิมเรียกว่า "ต่อวาย" หมายถึง เมื่อหมดฤดูออกผล (วาย) แล้ว ก็มีดอกออกผลต่อได้อีก จึงเรียกพันธุ์ไม้เหล่านี้ว่า “ต่อวาย” ซึ่งนอกจากมะม่วงแล้ว ยังมีทุเรียน ขนุน เงาะ ฯลฯ หากออกดอกผลนอกฤดูก็เรียกว่า "ต่อวาย" หรือ "ทะวาย" ทั้งสิ้น คงไม่เกี่ยวกับเมืองทวายในพม่า จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ วันจักรี 12:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอออกทะเลเล็กน้อย พระยาแผลงผลาญศึก  น่าจะเป็นเจ้ากรมเขนทองซ้าย  หรือไม่ก็ ดาบสองมือกระมังคะ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 52 15:46:37 จากคุณ : แสนอักษร - [ วันจักรี 14:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบคุณแสนอักษรก่อนว่าไม่ทราบครับ ทราบเพียงว่าคุณยายเป็นลูกสาวคนสุดท้องประเภทลูกหลง พี่ผู้ชายมี สายสกุลนี้ได้รับพระราชทานนามสกุลจากล้นเกล้าฯร.6ว่า ไตลังคะ ส่วนคุณเพ็ญชมพู ที่ว่ามะม่วงทวายไม่เกี่ยวกับเมืองทวาย อันนี้พอรับได้เพราะผมก็ไม่มีหลักฐานอะไร เคยไปเมืองทวาย คุยกับคนแก่ที่นั่นรวมทั้งถามเรื่องมะม่วงที่ออกลูกทั้งปี เขาก็ทำหน้างงๆไม่รู้เรื่อง ทว่าผลไม้ทวายทั้งหลายเพี้ยนมาจากคำว่าต่อวายนั้น ขออนุญาตฟังไว้ก่อนนะครับ สำเนียงมันชอบกลอยู่ ความหมายก็ไม่หมดจด เอาเป็นว่า กระทู้นี้ได้คำมาให้ทำการบ้านเพิ่มอีกแล้ว คือคำว่าทวายที่หมายถึงว่ามีทั้งปี มีไม่ขาด ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ผมลองค้นดูมีข้อความปรากฏตามนี้ด้วย ชนเผ่าภูไทกะตะอพยพมาจากภูวานากะแด้ง เมืองมหาชัยกองแก้ว ประเทศลาว เมื่อปี พ.ศ.2370 อยู่ที่เมืองสกล ต่อมาในปี พ.ศ.2374 ได้อพยพออกไปอยู่ตามชนบท ซึ่งมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และมีบึงน้ำขนาดใหญ่มีน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี จึงใช้ชื่อตำบลว่า บึงทวาย จากมอญ ข้ามฟากไปลาวโน่นเลย จากคุณ : Navarat.C - [ วันจักรี 16:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ***ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณทั้งคนถาม และคนตอบด้วยความรู้ครับ (อ่านแล้วประทับใจมาก ยกเว้นบางอันที่บอกว่าถ้าคนไทยคิดชื่อมะม่วงเองไม่ได้  แสดงว่าคนไทยบ้องตื้น) **** ****************** ผมเองแหละครับ....ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ที่บอกว่า บ้องตื้น ก็ยังยืนยันว่า  ตื้น  จริงๆครับ ก็แค่ชื่อ  หมากม่วง  มะม่วง.............ชื่อก็เป็นไทยๆ อยู่แล้ว ยังจะไปวนเวียน  หาไอ้ที่มันไม่ใช่ภาษาไทย  มาเปรียบเทียบ ก็ถ้าจะมองว่า  ผลไม้ชนิดนี้ ต่างก็มีชื่อเรียกกันไป ตามภาษาแห่งตน ความแตกต่าง มันก็ย่อมต่างกันไปเหตุผลที่มีอยู่ในตัวของมันเอง แล้วทำไม มะม่วง จะไม่มีความเป็นไทยอยู่ในตัวบ้างเชียวหรือ...? อย่าลืมว่า พ่อขุนราม ไม่ได้เป็นคนคิด ภาษาไทย  อักษรไทย ของเดิมมันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า พ่อขุนรามท่าน ปฏิวัติ  ปฏิรูป ในการใช้ อักษรไทยในการจารึก เช่นเดียวกับ  พระปิยะมหาราชเจ้า รัชกาลที่ 5 ที่พระองค์ท่าน ปฏิวัติ ปฏิรูป ใช้อักษรไทย  จารึกพระไตรปิฎก แทนอักษรขอมนั่นแหละครับ แล้วแค่คำว่า  มะม่วง  หมากม่วง  คิดไม่เป็น ใช้ไม่เป็น จะไม่เป็นการดูถูกคนไทยสมัยโบราณ  ว่า  บ้องตื้น  ไปหน่อยหรือไร...? ......ผมเองยังเห็นพ้องว่าด้วยเรื่อง  สีม่วง   ขณะนั้น  ลูกใม้พันธุ์นี้ อาจมีสีม่วง จึงเรียกว่า หมากสีม่วง  หมากม่วง  แล้วกลายคำ เป็นมะม่วง เป็นไทยแท้ๆ เลยครับ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 52 21:06:13 จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ - [ วันจักรี 21:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ่านแล้ว ยังงง ในข้อสรุปต่างๆครับ ที่คุณ ~นายเฉิ่มศักดิ์~ คคห69  ว่าชื่อหมาก/ผลไม้นี้ มาจากสี แต่ที่คุณ เพ็ญชมพู คคห49 นำเสนอและคุณ Navarat.C คคห52 สนับสนุน คือ ความเห็นที่ว่า สี(ต่างหากหละ) ที่มาชื่อหมาก/ผลไม้/พันธุ์ไม้ หากตั้งข้อสมมุติฐานตาม คคห49 ถูกต้อง หัวข้อกระทู้และการพยายามอธิบายคำตอบเรื่อง สีของผลมะม่วง จะไม่ถูกต้องครับ เพราะคำว่าม่วงที่มาใช้เรียกชื่อ ต้น/หมาก มาก่อนที่จะกลายเป็นสี ดังนั้น ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ ว่าหัวข้อกระทู้และคำถามน่าจะกลายเป็น "ทำไมถึงเรียกสีนี้ว่าสีม่วง ทั้งๆที่มะม่วงมีผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีเหลือง ฯลฯ" ท่าน ผชช และกูรู มีความเห็นว่าอย่างไรครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 7 เม.ย. 52 16:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ความคิดเห็นที่ 52ของผม ลองอ่านดูใหม่นะครับ ตีความแล้ว ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าสีม่วง มาจากสีของลูกมะม่วง ต่างหาก ไหนๆว่ามาถึงตอนนี้ก็ดีแล้ว ขอต่ออีกนิด ผมลองไปค้นหาข้อมูลต่างๆตามรอยที่กูรูทั้งหลายเสนอไว้ ก็ไม่มีอะไรชัดเจนที่ว่า คำว่าม่วง มีความหมายเดียวกับโม่ง หรือโมงของชาวไตในจีน หรือไทใหญ่ในพม่า ลาว หรือไม่ โดยเฉพาะที่หมายถึงสี และผมก็เจออีกว่า ในศิลาจารึกหลักอื่นสมัยสุโขทัย ท่านเรียกมะม่วงว่าต้นม่วง ตรงนี้น่าวิเคราะห์ เพราะมะม่วงเป็นไม้ป่าประจำถิ่น แต่ลูกมะม่วงป่ากินไม่อร่อย คนโบราณได้เอาประโยชน์จากต้นไม้นี้ในการเลื่อยมาใช้งานก่อสร้าง มะม่วงป่าเป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง  สีน้ำตาลเข้มออกแดง ไอ้เจ้าสีนี่แหละครับที่คนโบราณอาจจะเรียกว่าสีม่วงก็เป็นได้ จึงเรียกว่าต้นม่วง ลูกของมันเลยพลอยเป็นหมากม่วงไปด้วย ครั้นเข้าสู่ยุคสุโขทัย น่าจะมีการนำเอามะม่วงพันธุ์ดีเข้ามาจากอินเดีย หรือลังกาแล้ว จะโดยตรง หรือผ่านเขมรก็ตาม ถึงขนาดมีสวนมะม่วง แต่พันธุ์นิยมคงไม่ใช่พันธุ์ที่ลูกมีสีม่วง มิฉนั้นคงจะสืบต่อตกมาถึงให้ลูกหลานไทยสมัยนี้ได้เห็นกันบ้าง มะม่วงสวนของสุโขทัยน่าจะดิบสีเขียว สุกสีเหลืองเหมือนทุกวันนี้นี่แหละ แต่ก็ยังเรียกว่าหมากม่วงเพราะเป็นตระกูลเดียวกับไม้ม่วง ที่ใช้ทำพื้นหรือฝากระดาน คุ้นเคยกันอยู่แล้วนั่นเอง จากคุณ : Navarat.C - [ 7 เม.ย. 52 18:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอประทานโทษ คุณอาNavarat.C ที่ผมพาดพิงครับ คือผมอ่านแล้วตีความ คคห 49 ของคุณ เพ็ญชมพู ว่า สีอื่นๆ หลายสี มีที่มาจาก หมาก/ผลไม้/พันธุ์ไม้ และดูเหมือน คคห 52 จะเห็นด้วยครับ แต่ผมไม่ได้หมายความว่า ท่านทั้งสอง เชื่อว่า สีม่วง มาจากผลมะม่วงครับ เพียงแต่ ยกตัวอย่างเช่น สีส้ม น่าจะมาจากผลส้ม ฯลฯ จริงๆ แล้วจากกระทู้ ผมเลยมีประเด็นให้คิดเทียบเคียงต่อ เช่น เรื่องผ้าม่วง ซึ่งก็มีทั้งสีแดง สีขาบ ฯลฯ ผมเชื่อว่า หลายๆท่านรู้คำตอบอยู่แล้วว่า คำว่าผ้าม่วง มาจากชื่อเมืองในประเทศจีน ซึ่งทางราชสำนักเรา นำเข้าผ้ามาจากเมืิองนี้ มาทำผ้านุ่ง จึงเรียกผ้านี้ว่า ผ้าม่วง คิดลามไปถึง ชื่อขนมไทย ที่มีคำว่าม่วงอยู่ คำบรรยายสีต่างๆ อันเป็นนิมิตรหมาย ในนิทาน ตำนาน ปรำปรา พยายามหาว่า มีสีม่วงนี้ ปรากฎอยู่หรือไม่ จะได้ไปหาต่อในคำภาษาบาลี/สันสกฤต แต่ขอแสดง คคห แย้งคุณอา Navarat.C คคห71 ครับ(ด้วยความเคารพ) การนำเข้าพันธุ์ไม้ ในสมัยโบราณ ไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายนะครับ จำตอนที่พระยารัษฎาฯ พยายามนำเข้าพันธุ์ไม้ยางพารามาจากชวา ต้องพยายามหลายๆต่อหลายครั้ง กว่าจำนำเข้ามาเพาะพันธุ์ได้สำเร็จ แตกต่างจาก เรื่องมะกะโท ซื้อเมล็ดพันธุ์ผักกาด ซึ่งเป็นไม้ล้มลุก และมะกะโท ก็ซื้อที่สุโขทัย ปลูกที่สุโขทัย หาได้นำมาจากเมาะตะมะไม่ เห็นว่าอย่างไรบ้างครับ แก้ไขเมื่อ 07 เม.ย. 52 21:16:58 จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 7 เม.ย. 52 21:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ผมเห็นด้วยว่ามันยากครับ แก็ไม่แพ้ความพยายามของมนุษย์ และมีเวลานับร้อยๆปีในช่วงดังกล่าวให้ทำสำเร็จได้ มะม่วงแพร่พันธุ์ง่ายในการเอาเมล็ดที่ผึ่งให้แห้งแล้ว สามารถเก็บไว้เป็นปีแล้วนำไปปลูก ก็ยังงอกได้อยู่แล้วด้วย จึงเป็นพืชสวนแรกๆที่ปรากฏในหลักฐานประวัติศาสตร์ของหลายชาติในแถบนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 8 เม.ย. 52 07:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คุณ : MA<O>MiYA  # ๗๒ ผมเชื่อว่า หลาย ๆ ท่านรู้คำตอบอยู่แล้วว่า คำว่าผ้าม่วง มาจากชื่อเมืองในประเทศจีนซึ่งทางราชสำนักเรา นำเข้าผ้ามาจากเมืิองนี้ มาทำผ้านุ่ง จึงเรียกผ้านี้ว่า ผ้าม่วง จากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่ม ๑๕ กล่าวถึงเรื่องผ้าม่วงไว้ดังนี้ http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK15/chapter5/t15-5-l2.htm ผ้าม่วงมีด้วยกันหลายสี แต่ทำไมเรียกว่าผ้าม่วง   ผ้าม่วงสีน้ำเงินแก่ ไม่ได้ทำในไทย แต่ให้ตัวอย่างสั่งทำมาแต่เมืองจีน ใช้ในไทยเท่านั้นจีนไม่ใช้นุ่งเลย ใช้เป็น ผ้าสำหรับเจ้านาย และข้าราชการนุ่งห่มเป็นยศแทนสมปักอย่างเดิม เวลาเข้าเฝ้า ณ พระที่นั่ง เวลาออกแขกเมืองใหญ่หรือมีการ ใหญ่ พระราชทานพระกฐิน เวลาแต่งเต็มยศอย่างใหญ่ก็ให้พระบรมราชวงศานุวงศ์แต่ง ผ้าม่วงที่สั่งจากประเทศจีนเข้ามาใช้นั้น เป็นชื่อเมืองที่ผลิต มิได้หมายถึงสีของผ้าแต่อย่างใด เพราะนอกจากสี น้ำเงินแล้วยังมีสีเหลือง สีแดงอีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี ผ้าสมปักก็มิได้เลิกไปเสียทีเดียว ยังมีใช้อยู่ต่อมาบ้า ง ส่วนผ้ายก ผ้าเยียรบับและผ้าเข้มขาบ คงใช้ตัดเสื้ออยู่ต่อมา แต่แบบของเสื้อก็โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงไปตามแบบยุโรปยิ่งขึ้น จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 8 เม.ย. 52 14:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านประวัติเรื่องผ้าม่วงแล้วลองมานึกถึงประวัติของมะม่วง และลองตั้งคำถามเล่น ๆ ว่า มะม่วงมีด้วยกันหลายสี แต่ทำไมเรียกว่ามะม่วง คำตอบเล่น ๆ จากข้อสันนิษฐานอาจเป็นทำนองเดียวกับเรื่องของผ้าม่วง มะม่วงป่าเป็นพืชพื้นเมืองของอินเดียและดินแดนอุษาคเนย์ แต่มะม่วงสวนอาจนำเข้ามาจากอินเดียตอนใต้ซึ่งมีภูมิอากาศเหมือนกับเมืองไทย เมื่อสองพันปีที่แล้วพระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระโสณะและพระอุตระเดินทางจากอินเดียใต้มาเผยแพร่พุทธศาสนายังสุวรรณภูมิ คณะของพระเถระทั้ง ๒ ท่านนี้อาจนำต้นมะม่วงซึ่งมีชื่อเป็นภาษาทมิฬอันเป็นภาษาของอินเดียใต้ว่า mangai (แปลว่าผลของต้นมาง) มาด้วย   มะม่วงอาจมีชื่อเดิมในภาษาพื้นเมืองอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมะม่วงนำเข้าจากอินเดียได้รับความนิยม จึงถูกเรียกในชื่อใหม่ ภาษามาเลย์ว่า manga ภาษาไทยว่า  หมากม่วง (ผลของต้นม่วง)  ภาษาไทยใหญ่ว่า หมากโมง (ผลของต้นโมง) มะม่วงจากอินเดียมีหลายสีเช่นเขียว, แดง, ม่วง แต่มีแพร่หลายในขณะนั้นน่าจะเป็นสีม่วง ใบอ่อนของมะม่วงก็มีสีม่วง คนสมัยเมื่อสองพันปีก่อนจึงเรียกชื่อสีของผลและใบอ่อนของต้นมะม่วงว่า สีม่วง กาลเวลาผ่านไปนับพันปีมะม่วงพันธุ์สีม่วงต้นเดิมจากอินเดียสูญสิ้นไป เหลือแต่พันธุ์ที่มีสีเขียวเมื่อยังดิบและสีเหลืองเมื่อสุกแล้ว แต่สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่เป็นอนุสรณ์แห่งอดีตคือชื่อมะม่วง และ สีม่วง นั่นเอง เรื่องเล่าข้างบนมีความเป็นไปได้มากน้อยเช่นใด ขอเชิญทุกท่านเข้ามาร่วมวิเคราะห์วิจารณ์ แก้ไขเมื่อ 08 เม.ย. 52 14:43:23 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 8 เม.ย. 52 14:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านจนตาลาย สุดท้าย ก็ไปทำน้ำปลาหวานมานั่งกินต่อ อิอิ จากคุณ : Nortel - [ 8 เม.ย. 52 19:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อยากรู้ว่ามะม่วงของฮาวายจะอร่อยเท่ามะม่วงบ้านเราไหม จากคุณ : yumibus - [ 8 เม.ย. 52 23:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 78 จาก คคห 71 ย่อหน้า 2 ครับ ลองไปหาคำเรียกในภาษาถิ่น ของ ผลมะม่วงครับ ได้ข้อมูลมาดังนี้ ขุ (กาญจนบุรี), โคกแล้ะ(ละว้า-กาญจนบุรี), เจาะช๊อก,ช้อก(ชอง-จันทบุรี), หมักโม่ง (เงี้ยว-ภาคเหนือ), โตร๊ก(นครราชสีมา) เปา (มาเลย์-ภาคใต้), แป (ละว้า-เชียงใหม่) ภาษาบาลี คือ อมฺพ (อัม-พะ), อมฺโพ (อัม-โพ), เสตมฺโพ (เส-ตัม-โพ) ส่วนคำว่าสีม่วงนั้น ผมกลับมีความเห็นไปอีกแบบหนึ่งครับ คือ ได้อ่านบทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ เรื่อง คำเรียกสีและมโนทัศน์เรื่องสีของคนไทยสมัยสุโขทัยและสมัยปัจจุบัน ของศุภมาส เอ่งฉ้วน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ระดับมหาบัณฑิต ปี 2543 ครับ ขอลอกบางช่วงบางตอนมาลงครับ ...จากการเปรียบเทียบขอบเขตสีที่ได้จากการทดลองทั้งสองแบบไม่พบว่ามีความแตกต่างกัน ความจริงข้อนี้ทำให้เชื่อได้ว่าขอบเขตสีที่อยู่ในความเปรียบในวรรณกรรมสมัยสุโขทัยถือได้ว่า เป็นขอบเขตสีที่ไม่ต่างจากการระบุสีต่างๆ ของคนไทยสมัยสุโขทัย จากการวิเคราะห์ใจกลางของสีพื้นฐาน พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงด้านความหมายของคำเรียกสีพื้นฐานจากสมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นได้ว่าคำเรียกสีบางคำ เช่น "เขียว" ในสมัยสุโขทัยมีความหมายกว้างกว่าในสมัยปัจจุบัน กล่าวคือ มีความหมายรวมถึงเนื้อสีที่เป็นม่วงและน้ำเงินด้วย ดังหลักฐานที่ใช้ความเปรียบ เช่น เขียวดังดอกอัญชัน เขียวดังดอกอินทนิล เขียวดังดอกผักตบ แต่ในปัจจุบันคำว่า เขียว มีความหมายไม่คลุมสีม่วงและสีน้ำเงิน เพราะในสมัยปัจจุบันมีคำเรียกสีม่วงและน้ำเงินโดยเฉพาะแล้ว ... อ้างอิงจาก http://www.tkc.go.th/thesis/abstract.asp?item_id=11738 ปล.ผมขีดเส้นเน้น และเว้นวรรคย่อหน้าเอาเองครับ เพื่อให้อ่านได้ง่ายในเวบบอร์ด จากข้อมูลข้างต้น ได้ัชักจูงให้ผมเริ่มเอนเอียงไปแล้วว่า คำว่าสีม่วง หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับมะม่วงเสียแล้วสิครับ แต่ยังไม่ได้อ่านวิทยานิพนธ์ฉบับเต็ม รบกวนท่านใดพอมีโอกาส ลองหามาอ่านดู แล้วแชร์ความเห็นหน่อยสิครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 9 เม.ย. 52 00:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 79 จาก คคห 78 ของผมเองแล้ว ดูเหมือนว่า ในสมัยสุโขทัย มีคำว่าหมากม่วง ใ้ช้เรียกชื่อผลไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งน่าจะ คือผลมะม่วง และ/หรือต้นมะม่วง ในปัจจุบัน แต่ในยุคเดียวกัน ก็เชื่อว่า น่าจะ ยังไม่มีคำว่า สีม่วง ใ้ช้กัน ขนาดดอกอัญชัน ยังเป็นสีเขียว ที่เรียกกันว่า สีเขียวดอกอัญชัน (ต่อจากนี้ เดาเอาล้วนๆ อาศัยจากความทรงจำ เพราะหาหนังสือไม่เจอและค้นดูหยาบๆในเวบ) ผมลองค้นประวัติ คำว่าสีม่วง หรือ Purple ก็มาจากคำว่า Porphyra (ชื่อโรงย้อมผ้ายุคโบราณที่สร้างสรร สีม่วงโบราณ ที่เรียกว่า Tyrian Purple สกัดมาจากเลือดของหอยชนิดหนึ่ง) เป็นที่นิยมใช้ของชาวโรมัน ราคาแพงมากๆ แล้วต่อมาก็พัฒนาเป็น  Royal Purple ที่มีสีน้ำเงินปนมามากกว่า จึงขอเดาว่า คำว่ามะม่วง (ของเราปัจจุบัน) ก็คงจะวิวัฒน์ มาจาก หมักโมง หมักมวง หมากมวง ฯลฯ แต่คำว่า สีม่วง อาจจะมาจากที่อื่นๆ เช่น สีผ้าม่วง ที่มาจากเมืองหม่วงในจีน ซึ่งแม้จะจะมีหลายสี เช่น น้ำเงิน แดง เหลือง และม่วง ซึ่ง 3 สีแรก เรามีคำเรียกชื่อสีอยู่แล้ว แต่สีสุดท้าย เรายังไม่มี เลยอาจจะเรียกว่า สีหม่วง แล้วต่อมา ตามวิสัยปากคนสยามหรือคนไทย จึงกลายเป็นสีม่วง ครับ พ้องกับชื่อพันธุ์ไม้และผลไม้พอดี เดาล้วนๆ อีกแล้ว เอาสนุกๆ อย่าเพิ่งเชื่อตามนะครับ ลองหาหลักฐานมาก่อน ปล. จีนก็มีการพัฒนาสีม่วงของจีนเองครับ ตั้งแต่สมัยก่อนราชวงศ์ฮันแล้ว หลักฐานคือ หุ่นดินเผาเมืองซีอาน มีการระบายสีม่วง ฝรั่งเรียกว่า  Han Purple สูตรการสังเคราะห์สีม่วงโบราณของจีนนี้ ยังวิเคราะห์กันอยู่ครับ ผมหาหนังสือที่พูดถึงเรื่องสีม่วงโบราณของจีนยังไม่เจอ หาที่บ้านมา2 วันแล้ว ถ้าพบจะเอาข้อมูลมาเพิ่มเติมครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 9 เม.ย. 52 02:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 80 มะม่วง ก็ มะ(ไม่) ม่วง ไงครับ 555+ ขอมาฮามั่ง จากคุณ : PinkSpiderZz - [ 9 เม.ย. 52 02:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ข้อมูลของคุณ MA<O>MiYA  # ๗๘ น่าสนใจมาก โดยเฉพาะบทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ เรื่อง คำเรียกสีและมโนทัศน์เรื่องสีของคนไทยสมัยสุโขทัยและสมัยปัจจุบันของศุภมาส เอ่งฉ้วน คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ระดับมหาบัณฑิต ปี ๒๕๔๓ ขออนุญาตลงบทคัดย่อทั้งหมด วิทยานิพนธ์ฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ระบบคำเรียกสีพื้นฐาน ขอบเขตและใจกลางของสีพื้นฐาน การเปลี่ยนแปลงของการจัดประเภทสีและมโนทัศน์เรื่องสี ตลอดจนระบบคำเรียกสีไม่พื้นฐาน ในภาษาไทยสมัยสุโขทัยและสมัยปัจจุบัน จากการวิเคราะห์คำเรียกสีพื้นฐาน พบว่า ภาษาไทยสมัยสุโขทัยและสมัยปัจจุบันมีจำนวนคำเรียกสีพื้นฐาน ๕ และ ๑๒ คำตามลำดับ ตามทฤษฎีวิวัฒนาการการเกิดคำเรียกสีพื้นฐานของเบอร์ลินและเคย์ (Berlin and Kay, 1969) อาจกล่าวได้ว่าคำเรียกสีในภาษาไทยในทั้งสองสมัยพัฒนาอยู่ในระยะที่ต่างกันในวิวัฒนาการของคำเรียกสีพื้นฐาน คือ อยู่ในระยะที่ ๔ และ ๗ ตามลำดับ ในเรื่องการปรากฏของคำเรียกสีพบว่า คำเรียกสีพื้นฐานในภาษาไทยสมัยสุโขทัย และสมัยปัจจุบันอาจปรากฏตามลำพังโดยมีหรือไม่มีคำว่าสีนำหน้า เช่น สีขาว สีแดง ขาว แดง หรือปรากฏในความเปรียบ ถ้าปรากฏอยู่ในความเปรียบ คำเรียกสีพื้นฐานในสมัยสุโขทัย ปรากฏตามแบบโครงสร้าง คำเรียกสีพื้นฐาน (คำขยาย) + ดัง + คำหรือวลีเรียกสิ่งเปรียบ ตัวอย่างเช่น ดำดังคอกา ขาวงามดังสังข์อันท่านฝนใหม่ ในขณะที่คำเรียกสีพื้นฐานสมัยปัจจุบัน ปรากฏตามแบบโครงสร้าง คำเรียกสีพื้นฐาน + (ของ) + คำหรือวลีเรียกสิ่งเปรียบ ตัวอย่างเช่น แดงดอกโป๊ยเซียน น้ำเงินของบัว เกี่ยวกับสิ่งที่ใช้เปรียบกับคำเรียกสีพื้นฐาน พบว่า สิ่งที่ใช้เปรียบส่วนใหญ่ในทั้งสองสมัยเป็นสรรพสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ได้แก่ ดอกไม้ พืชผัก สัตว์ และส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ และวัตถุ ในสมัยสุโขทัย อาจพบสิ่งที่ใช้เปรียบที่เป็นสิ่งของเรืองแสงและแร่ธาตุ ส่วนในสมัยปัจจุบันพบสิ่งที่ใช้เปรียบที่เป็นอาหารและผลไม้อีกด้วย ผู้วิจัยวิเคราะห์ขอบเขตของสีพื้นฐานเพื่อยืนยันว่าขอบเขตสีพื้นฐานที่ได้จากการจำแนกตามมโนทัศน์ที่ผ่านความเปรียบและที่ไม่ผ่านความเปรียบไม่มีความแตกต่างกันโดยทำการทดลอง ๒ แบบ คือ ๑) ให้ผู้บอกภาษาระบุสีของวัตถุที่ใช้เปรียบในวรรณกรรมและนำมากำหนดขอบเขตของสี ๒) ให้ผู้บอกภาษาระบุสีที่ปรากฏในแผ่นสีมาตรฐาน ๓๖๐ สี และนำมากำหนดขอบเขตสี จากการเปรียบเทียบขอบเขตสีที่ได้จารการทดลองทั้งสองแบบ ไม่พบว่ามีความแตกต่างกัน ความจริงข้อนี้ทำให้เชื่อได้ว่าขอบเขตสีที่อยู่ในความเปรียบในวรรณกรรมสมัยสุโขทัย ถือได้ว่าเป็นขอบเขตสีที่ไม่ต่างจากการระบุสีต่าง ๆ ของคนไทยสมัยสุโขทัย จากการวิเคราะห์ใจกลางของสีพื้นฐาน พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงด้านความหมายของคำเรียกสีพื้นฐานจากสมัยสุโขทัยถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นได้ว่า คำเรียกสีบางคำ เช่น "เขียว" ในสมัยสุโขทัยมีความหมายกว้างกว่าในสมัยปัจจุบัน กล่าวคือ มีความหมายรวมถึงเนื้อสีที่เป็นม่วงและน้ำเงินด้วย ดังหลักฐานที่ใช้ความเปรียบ เช่น เขียวดังดอกอัญชัน เขียวดังดอกอินทนิล เขียวดังดอกผักตบ แต่ในปัจจุบันคำว่า เขียว มีความหมายไม่คลุมสีม่วงและสีน้ำเงิน เพราะในสมัยปัจจุบันมีคำเรียกสีม่วงและน้ำเงินโดยเฉพาะแล้ว ในการวิเคราะห์ระบบคำเรียกสีไม่พื้นฐาน พบว่า ภาษาไทยทั้งสองสมัยมีกลวิธีที่ใช้ในการสร้างคำเรียกสีไม่พื้นฐาน ๔ กลวิธีที่คล้ายคลึงกัน ได้แก่ ๑) การประสมคำเรียกสีพื้นฐานกับคำเรียกสีพื้นฐาน ๒) การใช้คำเรียกสิ่งของเฉพาะเป็นคำเรียกสี ๓) การขยายคำเรียกสีพื้นฐาน และ ๔) การขยายคำเรียกสีไม่พื้นฐาน ในสมัยปัจจุบันมีกลวิธีย่อยเพิ่มอีกคือ การขยายคำเรียกสีพื้นฐานด้วยหน่วยขยายที่เป็นคำเรียกสิ่งของเฉพาะโดยมีหรือไม่มีคำเชื่อมคั่นกลางหรือเป็นคำเรียกสีพื้นฐานที่ปรากฏหลังคำเชื่อม และการใช้หน่วยขยายที่เป็นคำบอกระดับขยายเรียกสิ่งของเฉพาะ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 9 เม.ย. 52 09:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ข้อมูลดังกล่าวสั่นคลอนความเชื่อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง สีม่วง กับ มะม่วง ดังที่คุณ MA<O>MiYA  กล่าวจริง ๆ ข้อเสนอเรื่อง สีม่วง อาจจะมาจากที่อื่น ๆ เช่น สีผ้าม่วง ที่มาจากเมืองหม่วงในจีน ก็น่าสนใจ เรื่องเล่าใน # ๗๕ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง สีม่วง กับ มะม่วง ถูกสั่นคลอนไปแล้ว ยังคงอยู่แต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชื่อมะม่วงในภาษาทมิฬ (mangai) และชื่อมะม่วงในภาษาไทยเท่านั้น ที่รอทุกท่านมาวิเคราะห์วิจารณ์ ป.ล. เรื่อง Tyrian Purple ที่คุณ MA<O>MiYA ให้ขัอมูลไว้ใน # ๗๙ ว่าได้มาจากเลือดของหอยชนิดหนึ่งนั้น น่าจะคลาดเคลื่อน ที่ถูกต้อง Tyrian Purple ได้มาจากเมือกของหอย http://en.wikipedia.org/wiki/Tyrian_purple แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 09:33:33 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 9 เม.ย. 52 09:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณ คุณเพ็ญชมพู คคห82 ที่เข้ามาให้ข้อมูลเรื่อง Tyrian Purple ครับ คือผมจำได้คลับคล้ายคลับคลา และยังไม่มีเวลาไปหาหนังสืออ้างอิงครับ จำได้แค่ว่า ชาวฟีนีเชียนแห่งเมืองไทร์ (Tyre) นำเอาหอยสังข์หนาม มาตากแล้วคั้น หอย 1ตัว ได้น้ำสีม่วง 1-2 หยด แล้วต้องนำไปตากแล้วหมักอีก 2-3 สัปดาห์ ปริมาณของเหลวจะลดลงเหลือประมาณ 16 เท่า แต่จะได้เป็นน้ำสีม่วงเข้มมาก เพื่อนำมาย้อมผ้า ว่ากันว่า เพื่อย้อมผ้าหนัก 1 ปอนด์ จะใช้หอยประมาณ 60,000 ตัว ทำให้สีม่วง เพื่อย้อมผ้า ราคาแพงมากๆ นิยมใช้เฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้น และต่อมาสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะสมาชิกสภาซีเหนด โรมัน ต่อมา เมื่อโรมเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นจักรพรรดิ ก็สงวนสีม่วงให้ใช้กับราชวงศ์ จึงเป็นที่มาของ Royal Purple แต่เทคนิคการสร้างสีม่วง ยังต้องใช้วัตถุดิบเดิมราคาสูง จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 9 เม.ย. 52 12:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มีใครเคยทาน "มันม่วง" มั่งจ๊ะ ... ผมไม่รู้เขาเรียกกะไรมาก่อน แต่บ้านผมเรียก มันม่วง คู่กะ มันเทียน เห็นกระทู้นี้แล้วหิวเลย http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7663744/K7663744.html จากคุณ : jassb1 - [ 9 เม.ย. 52 12:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ NavaratC คคห 43 มะม่วงป่าในป่าบ้านเรา ออกลูกสีเขียวพอสุกเป็นเหลืองส่วนใหญ่ ที่ว่าเป็นสีม่วงก็ไม่เห็นมีตำราพฤกษศาสตร์ไหนรับรองไว้ ไหงถึงไปเรียกตามพันธ์หายากออกลูกเป็นสีม่วงของอินเดีย ผมปลงใจเชื่อยากจริงๆ มะม่วงที่ผิวออกสีม่วงไม่ได้เป็นพันธุ์หายากเลย มะม่วงบางพันธุ์โดยเฉพาะในฮาวายตาม chart ที่คุณเเจสบี เอามาลงนั้น หลายพันธุ์เป็นลูกสีเขียว เเต่ด้านที่รับแสงแดด จากลายเป็นสีม่วง ลูกมะม่วงไม่ได้เป็นสีม่วงทั้งหมด น่าเชื่อเจงๆว่า มะนี้ดั้งเดิม เป็นสีม่วง จากคุณ : กินนรเริงร่า - [ 9 เม.ย. 52 14:37:00 ]

ความคิดเห็นที่ 86 จากปัจฉิมลิขิตของคุณ MA<O>MiYA # ๗๙ จีนก็มีการพัฒนาสีม่วงของจีนเองครับ ตั้งแต่สมัยก่อนราชวงศ์ฮันแล้ว หลักฐานคือ หุ่นดินเผาเมืองซีอาน มีการระบายสีม่วง ฝรั่งเรียกว่า  Han Purple สูตรการสังเคราะห์สีม่วงโบราณของจีนนี้ ยังวิเคราะห์กันอยู่ครับ ผมหาหนังสือที่พูดถึงเรื่องสีม่วงโบราณของจีนยังไม่เจอ หาที่บ้านมา ๒ วันแล้ว ถ้าพบจะเอาข้อมูลมาเพิ่มเติมครับ มีข้อมูลเกี่ยวกับสีม่วงของจีน จากหนังสือต่วยตูนฉบับที่ ๔๐๐ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๑ มานำเสนอ ก่อนจะมีการสังเคราะห์สีขึ้นได้ในศตวรรษที่ ๑๙ นั้น สีม่วง มีราคาแพงมากเพราะหายากและมาจากธรรมชาติ สินแร่และอินทรีย์วัตถุทั้งนั้น เช่นสีม่วงไทเรียน ที่ได้จากเมือกของหอยชนิดหนึ่งชาวฟินิเซียนนำเมือกหอยนี้มาย้อมผ้าจนได้สีม่วงอันงดงาม แต่สีม่วงที่ได้จากการสังเคราะห์ที่ไม่ได้มาจากธรรมชาตินั้นมีอยู่เพียง ๓ สีคือ Egyptian Blue ของอียิปต์ , Maya Blue ของพวกมายา และ Chinese Purple ของจีนยุคราชวงศ์จิ๋น และราชวงศ์ฮั่น   สีม่วงของจีนซึ่งพบอยู่ที่เครื่องแต่งกายนักรบดินเผาในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ นั้น เอลิซาเบซ ฟิทซ์ฮิวจ์ นักเคมีแห่งฟรีเออร์แอนด์แซคเลอร์แกลลอรีของสถาบันสมิธโซเนียน สามารถแยกธาตุได้ว่าประกอบด้วยเกลือซิลิก้าของแบเรียมและทองแดง ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าการเกิดสีม่วงสังเคราะห์ของจีนนั้นพบโดยบังเอิญหรือเพราะความพยายามคิดค้นสีจริง ๆ แต่หลังจากสิ้นราชวงศ์ฮั่นสีม่วงนี้กลับหายสาบสูญ และไม่มีให้เห็นอีกเลยในยุคต่อ ๆ มา ไม่มีใครทราบว่าเพราะอะไร มีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยพยายามหาเหตุผลอ้างอิงทีี่มาและการสาบสูญของสีม่วงสังเคราะห์ของจีน ที่น่าเชื่อถือมี ๓ ข้อด้วยกัน ๑. ด้วยสารประกอบสีม่วงของจีนนั้นคล้ายกับสีม่วงของอียิปต์จึงคาดว่ามีการถ่ายทอดเทคนิคข้ามชาติจากอียิปต์สู่จีน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็นการถ่ายทอดวิทยาการข้ามชาติที่เก่าแก่ที่สุดของโลกเลยทีเดียว แต่ประเด็นนี้ต้องตัดไปเพราะเนื่องจากสารประกอบสีม่วงของอียิปต์นั้นใช้แคลเซียมแทนที่จะเป็นแบเรียม หากมีการถ่ายทอดกันจริงก็น่าจะพบสีที่ประกอบด้วยแคลเซียมบ้าง และแบเรียมนั้นต้องใช้อุณหภูมในการเผามากกว่าถึง ๑๐๐ องศาเซลเซียส และถ้าหากมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีกันจริงความสัมพันธ์ของจีนและอียิปต์น่าจะมีบันทึกมากกว่านี้ ๒. บ็อบ บริล นักวิทยาศาสตร์แห่งพิพิธภัณฑ์แก้วคอร์นนิง ให้ความเห็นว่าชาวจีนค้นพบการสังเคราะห์สีม่วงโดยบังเอิญจากการการพลิกแพลงทำเครื่องแก้วเพราะเห็นว่าเครื่องแก้วยุคฮั่นนั้นมีส่วนผสมของทองแดงและซิลิก้าเหมือนสีม่วงแต่บริลก็ไม่สามารถหาเหตุผลและหลักฐานมาอ้างอิงได้ ๓. ฉี หลิว นักวิจัยชาวจีนให้ความเห็นว่าสารสังเคราะห์ของสีม่วงนั้นคล้ายคลึงกันการผลิตแก้วเข้าแบเรียมในยุคเดียวกันจึงว่าสีนั้นเกิดขึ้นโดยนักบวชลัทธิเต๋าซึ่งพยายามคิดค้นสูตรทำหยกเทียมจึงทำให้ค้นพบสีม่วงโดยบังเอิญและหลังจากสิ้นราชวงศ์ฮั่นแล้วลัทธิเต๋าก็เสื่อมโทรมลงลัทธิขงจื้อมาแทน ทำให้สูตรการทำสาบสูญไปและผู้รู้วิธีการไม่ได้มีการบันทึกไว้ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 9 เม.ย. 52 15:06:24 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คุณกินนรเริงร่าครับ ที่ผมว่าไปอย่างนั้น ผมหมายถึงมะม่วงท้องถิ่นของไทยอันเป็นที่มาของชื่อหมากม่วง หรือไม้ม่วงที่คนสุโขทัยจารึกลงในหลักศิลาจารึกน่ะครับ ผมเชื่อว่าถ้าผลของมันมีสีม่วงจริง กินอร่อย มีหรือที่คนไทยที่เป็นเกษตรกรโดยสายเลือดและจิตวิญญาณจะไม่อนุรักษ์สายพันธุ์ไว้ ปล่อยให้สาปสูญไปแบบไร้ร่องรอยไม่ว่าในสวนหรือในป่าของประเทศนี้ ผมเชื่อครับที่ว่าผลมะม่วงเปลือกสีม่วงมีจริง(ในรูปที่แปะกันมาให้ดูก็เห็นอยู่แล้ว) ไม่ว่าจะพันธุ์อินเดีย หรือฮาวาย หรือที่ใดในโลกก็ตาม แต่ไม่เชื่อว่ามะม่วงเปลือกสีม่วงนี่คนสุโขทัยจะได้เห็นก่อนที่จะได้เห็นต้นมะม่วงป่าที่ยืนต้นเป็นพืชประจำถิ่นอยู่แล้วบนแผ่นดินของตน และออกลูกเป็นสีเขียว อย่างที่เราๆท่านๆเห็นอยู่นี่แหละ แต่ก็เป็นไปได้ว่า เจ้าผลไม้นี้ หรือต้นที่ว่านี้ จะถูกเรียกว่ามะลึกกึ๊กกึ๊ย หรือขุ หรือโคกแล้ะ หรือเจาะช๊อก หรือช้อก หรือหมักโม่ง หรือโตร๊ก หรือเปา หรือแป สุดแล้วแต่คนเผ่าพันธุ์เชื้อสายต่างๆที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้จะเรียกขาน จะเห็นชัดว่าคำเรียกดังกล่าวอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลย และไม่เกี่ยวกับสีม่วงที่เราเข้าใจกันในปัจจุบันแม้แต่น้อย และเขาก็อาจจะเรียกมานมนานกาเลพอๆกับชาวทมิฬจะเรียกแมนไกก็ได้ แต่พอเริ่มต้นบันทึกเป็นภาษาราชการ ก็เป็นหมากม่วง ดังที่มีหลักฐานนั่นแล ผมว่าภาษาราชการสมัยสุโขทัยนั้นก็หยิบมาจากภาษาพื้นเมืองที่ใกล้ตัวที่สุด ดูแล้วก็คงมาจากสำเนียงประมาณหมักโม่งที่เรียกกันทางเหนือไปจนไทยใหญ่ ไตลื้ออะไรนี่แหละ และก็ไม่เกี่ยวกับสีดังที่คุณMA<O>MiYAหาข้อมูลมาแสดงไว้ และคงไม่ใช่ว่ามาปิ๊งคำว่าหมากม่วงเพราะชื่อmangaiของชาวทมิฬด้วย ผมก็จบของผมแค่นี้ นอกจากจะมีนักภาษาศาสตร์เข้ามาบอกว่า โม่งแปลว่าสีม่วง ในภาษาโบราณภาษาใดภาษาหนึ่งที่เป็นรากเง่าบรรพบุรุษของชาวสุโขทัยนั่นแหละ ผมจึงจะยอมเชื่อว่า กาลครั้งหนึ่ง มะม่วงไทยแท้ เคยออกลูกป็นสีม่วงเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 09 เม.ย. 52 15:51:47 จากคุณ : Navarat.C - [ 9 เม.ย. 52 15:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอสันนิษฐานด้วยคนน่ะครับ เคยเห็นไม้ของต้นมะม่วงที่เขาโค่นเอามาไสแปรรูป เวลาไสแล้วเนื้อไม้มันจะออกม่วงอมชมพู คิดว่า "มะม่วง" น่าจะมาจากคำว่า "แม่ม่วง" คือ ที่เราเรียกกันว่า ลูกมะม่วง จริงๆ แล้วมันอาจจะเพี้ยนมาจาก "ลูกแม่ม่วง" นั่นคือต้วต้นไม้ ในอดีตอาจจะนิยมเรียกกันว่า ไม้ม่วง (เหมือนกับไม้แดง) พอมีลูกก็เลยเรียกว่า ลูกแม่ม่วง และเพี้ยนมาเป็น ลูกมะม่วง ก็เป็นได้ จากคุณ : นอนดูดาว (นอนดูดาว) - [ 9 เม.ย. 52 20:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ในความคิดเห็นที่ 71 ผมก็ได้แสดงความเห็นไว้เหมือนกันว่า ม่วงอาจจะมาจากสีเนื้อไม้ของมะม่วงป่า ที่คนสมัยก่อนแปรรูปมาใช้งานก็ได้ ที่ตั้งชื่อตามเนื้อไม้ก็เพราะลูกกินไม่อร่อยเหมือนมะม่วงสวน(ซึ่งตอนนั้นยังไม่มี) เช่นเดียวกับไม้แดงที่เรียกตามสีของเนื้อไม้เช่นเดียวกัน ไม้มะม่วง ตรงแก่น จะมีสีคล้ำตามภาพ คนโบราณคงทราบดีว่าถ้าจะเอาไม้มะม่วงมาใช้งานก่อสร้าง ก็ต้องใช้ในส่วนลำต้นที่มีแก่นใหญ่ เนื้อไม้จึงจะแข็งพอ ส่วนนี้จึงเรียกไม้ม่วง ส่วนกิ่งก้านสาขาหรือบริเวณที่ไม่มีแก่น เนื้อไม้ออกสีอ่อนๆและไม่ทนทาน จึงย้ำให้ใช้ส่วนที่เนื้อไม้มีสีม่วง จนเป็นที่มาของชื่อ (ม่วงในที่นี้ จะออกเสียงว่าโมง หรือโม่ง หรือหม่วงก็ว่ากันไป สำคัญอยู่ที่คำเหล่านั้นหมายถึงสีคล้ำๆนี้หรือเปล่า) ในภาพแสดงเปรียบเทียบไม้มะม่วงที่อยู่ตรงกลาง ขนาบด้วยไม้มะค่า และตะแบก จากคุณ : Navarat.C - [ 10 เม.ย. 52 10:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 90 โมงเดียวกันไหมเอ่ย ... จากรามเกียรติ์คำพากษ์ บทชมดงครับ                 เค้าโมงจับโมงมองเมียง        คู่เค้าโมงเคียง เคียงคู่อยู่ปลายไม้โมง         ลางลิงลิงเหนี่ยวลดาโยง        ค่อยยุดฉุดโชลง โลดไล่ในกลางลางลิง         ชิงชังนกชิงกันสิง                 รังใครใครชิง ชิงกันจับต้นชิงชัน         นกยูงจับพยูงยืนยัน              แผ่หางเหียนหัน หันเหยีบเลียบไต่ไม้พยูง จากคุณ : jassb1 - [ 10 เม.ย. 52 10:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สีเนื้อไม้มะม่วงของคุณ  Navarat.C สวยงามยิ่ง  มีภาพไม้มะม่วงสวย ๆ มาเพิ่มเติม จากบล็อกของคุณ patthanid http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=patthanid&month=09-2007&date=03&group=14&gblog=16 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 เม.ย. 52 10:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 92 หมากโม่งหรือหมากโมงเป็นชื่อเรียกมะม่วงในภาษาไทยใหญ่ เป็นคนละต้นกับต้นโมงในภาษาไทย ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ อธิบายเรื่องต้นโมงว่าเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งอยู่ตามป่า ใช้นํ้าเปลือกแช่ปูนขาวทําให้ปูนแข็ง ส่วนเค้าโมงก็คือนกเค้าโมงหรือนกเค้าแมวนั่นเอง มีภาพกำลังเกาะกิ่งไม้อยู่ ไม่ยืนยันว่าเป็นไม้โมงหรือไม่ ภาพจากบล็อกของคุณ มรกตนาคสวาท http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=ainne&month=03-2008&date=01&group=5&gblog=104 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 เม.ย. 52 10:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ทีนี้มาวิเคราะห์กันถึงเรื่องการมีอยู่ของคำเรียก "สีม่วง" ในสมัยสุโขทัย จากวิทยานิพนธ์ของคุณศุภมาส เอ่งฉ้วน # ๘๑ คำเรียกสีบางคำ เช่น "เขียว" ในสมัยสุโขทัยมีความหมายกว้างกว่าในสมัยปัจจุบัน กล่าวคือ มีความหมายรวมถึงเนื้อสีที่เป็นม่วงและน้ำเงินด้วย ดังหลักฐานที่ใช้ความเปรียบ เช่น เขียวดังดอกอัญชัน เขียวดังดอกอินทนิล เขียวดังดอกผักตบ แต่ในปัจจุบันคำว่า เขียว มีความหมายไม่คลุมสีม่วงและสีน้ำเงิน เพราะในสมัยปัจจุบันมีคำเรียกสีม่วงและน้ำเงินโดยเฉพาะแล้ว จากเตภูมิกถา หรือไตรภูมิกถา พระราชนิพนธ์ในพระมหาธรรมราชาที่  ๑ (พญาลิไท) ในสมัยสุโขทัย (อีกชื่อหนึ่งคือ "ไตรภูมิพระร่วง" โดย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) กล่าวถึง "ฉัพพรรณรังสี" คือสีทั้ง ๖ สีที่แผ่ออกจากพระวรกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้ ดังเมื่อพระพุทธเจ้ากระทำยมกปาฏิหาริย์ด้วยฤทธิ์อันชื่อว่าอิทธิวิธิฌาณด้วยใจอันชื่อโสมนัสสสหคตญาณสัม์ปยุต์ตอสํขาริกจิตตมหาฉพรรณรังษีพระรัศมีทั้ง ๖ สิ่ง แลว่าพระรัศมีฝูงนั้นมีพรรณดังฤๅบ้างสิ้น พระรัศมีอันหนึ่งแลมีพรรณเขียวงามดังดอกอัญชัน แลดังดอกนิลลุบลแลดอกผักตบดังแววนกยูงแลปีกแมลงภู่ แลว่าพระรัศมีอันหนึ่งมีพรรณอันเหลืองงามดังดอกกัณณิการ์แลหรดาลแลทองสุกอันชื่อว่าชมพูนุท แลว่าพระรัศมีอันหนึ่งมีพรรณแดงดังแสงน้ำครั่งแลชาติหิงคุ แลดอกชบาดังดอกถีทับทิมฯ แลพระรัศมีอันหนึ่งมีพรรณขาวแลงามดังดอกพุดแลสังข์ฯ แลพระรัศมีอันหนึ่งแดงอ่อนแลงามดังดอกอโนชา แลดอกชบาเทศแลดอกเทียนไทยแลดอกทองฟ้าอันออกแสงดังทองแดงอันท่านขัดฯ แลพระรัศมีอันหนึ่งมีพรรณอันใส แลเหลืองแลงามดังดาวประกายกรึกแลผลึกรัตนะแลแล้วจึงฉวัดเฉวียนเวียนให้รุ่งเรือง ทั้งดอกอัญชัน, นิลุบล (บัวขาบ), ดอกผักตบ, แววมยุรา และปีกแมลงภู่ ล้วนมีสีม่วง และเขียวออกน้ำเงิน ที่จริงแล้วในสมัยรัตนโกสินทร์ สีเขียวก็ยังมีความหมายรวมถึงสีม่วง, น้ำเงิน, คราม อยู่ คำจำกัดความของสีน้ำเงิน หนังสืออักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ พ.ศ. ๒๔๑๖ น้ำเงิน   คือศรีเขียวเหมือนศรีครามอ่อน ศรีเหมือนศรีเงินที่ละลายคว่างอยู่ในเบ้านั้น หนังสือ คำภีร์สรรพพจนานุโยคของแสมูเอ็ล เจ. สมิท  เล่ม ๑ ฺBlue   a. สีอย่างหนึ่งในเจ็ดสี  ซึ่งบังเกิดขึ้นเมื่อแยกแบ่งความสว่างด้วยแก้วสามเหลี่ยม  n.  สีเขียวอันได้จากมินเออร์แรลชนิดหนึ่ง  สีบลูนี้มีหลายชนิด  เขียวฟ้า  ปรุสเสียนบลู  เขียวคราม คำอธิบายสีของดอกผักตบ หนังสืออักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ พ.ศ. ๒๔๑๖  กล่าวถึงดอกผักตบเอาไว้ว่า "...ดอกมีสีเขียวเหมือนดอกอัญชัน งามนัก..." จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 เม.ย. 52 10:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ในสมัยสุโขทัยจะมีการเรียกสีม่วงหรือน้ำเงินหรือไม่ ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ในสมัย อยุธยามีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่ามีทั้งชื่อเรียกสีม่วงและสีน้ำเงิน กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์หรือเจ้าฟ้ากุ้ง ในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ กล่าวถึง "ผ้าสีม่วง" มะม่วงไพรใบอ่อนมี           คิดผ้าสีม่วงอ่อนแทน ขลิบอ่าตาตักแตน                หน้าทอทองกรองข่ายทรงฯ มะม่วงใบอ่อนเจ้า                เรียมแหงน ดูนา คิดมะม่วงอ่อนอรแทน          ผิดผ้า รึงขลิบตาตักแตน                ริมเรื่อง ถักทองกรองข่ายหน้า           ประหลาดหน้าเจ้าเคยทรงฯ กาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์หรือเจ้าฟ้ากุ้งอีกเช่นกัน กล่าวถึง "ปลาน้ำเงิน" พิศพรรณปลาว่ายเคล้า         คลึงกัน ถวิลสุดาดวงจันทร์               แจ่มหน้า มัตสยาย่อมพัวพัน               พิศวาส ควรฤพรากน้องช้า               ชวดเคล้าคลึงชม พิศพรรณปลาว่ายเคล้า        คิดถึงเจ้าเศร้าอารมณ์ มัตสยายังรู้ชม                   สมสาใจไม่พามา นวลจันทร์เป็นนวลจริง         เจ้างามพริ้งยิ่งนวลปลา คางเบือนเบือนหน้ามา         ไม่งามเท่าเจ้าเบือนชาย เพียนทองงามดั่งทอง         ไม่เหมือนน้องห่มตาดพราย กระแหแหห่างชาย              ดั่งสายสวาทคลาดจากสม แก้มช้ำช้ำใครต้อง              อันแก้มน้องช้ำเพราะชม ปลาทุกทุกข์อกกรม             เหมือนทุกข์พี่ที่จากนาง น้ำเงินคือเงินยวง            ขาวพรายช่วงสีสำอาง ไม่เทียบเปรียบโฉมนาง    งามเรืองเรื่อเนื้อสองสี ก็ในเมื่อในสมัยอยุธยามีคำเรียกสีม่วงและสีน้ำเงิน (ความหมายยังคงเป็นสีของโลหะเงิน -สีเงินยวง ) อยู่แล้ว เหตุไฉนในสมัยรัตนโกสินทร์ สีเขียวยังคงมีความหมายรวมถึงสีม่วง, น้ำเงิน, คราม อยู่เล่า ชวนให้คิดว่าในสมัยสุโขทัยไม่มีคำเรียกชื่อสีม่วงและสีน้ำเงิน จริงฤๅ จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 10 เม.ย. 52 11:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ต้นโมง และมะค่าโมง(ที่ทุกวันนี้กร่อนเป็นมะค่าเฉยๆ)เป็นคนละต้นกับหมากโมงของไทยใหญ่แน่นอนครับ แต่ประเด็นนี้อยู่ที่ว่า หมากโมงของไทยใหญ่ หรือไต จะมีอิทธิพลต่อภาษาไทยยุคพ่อขุนรามดังที่คุณHotacunusว่าไว้หรือเปล่า ส่วนคำว่าม่วง ถ้าไม่ได้มาจากเนื้อไม้ แต่มาจากใบอ่อน ผมยอมรับได้ตั้งแต่คคห.13แล้วครับ ไม่ปลงใจยอมรับก็เฉพาะที่ว่ามาจากผลสีม่วงที่ทมิฬสิงหลนำเข้ามาในอุษาคเนย์เท่านั้น ทำใจยากครับ มะม่วงผิวสีม่วงเป็น rare species ทำไมไม่เอาสีที่เป็นcommon species มาใช้ตั้งชื่อ แต่ถ้าเชื่อหลักฐานในไตรภูมิพระร่วงเรื่องสี ที่ว่าพรรณเขียวงามดังดอกอัญชัน แลดังดอกนิลลุบล แลดอกผักตบ ดังแววนกยูงแลปีกแมลงภู่ ก็จบกันเรื่องสีม่วง ต้องว่ากันใหม่ว่า ม่วง ที่ประกอบคำว่าหมากม่วง หรือไม้ม่วง ในศิลาจารึก หมายถึงสี หรือหมายถึงอะไร หรือไม่มีความหมาย ถ้าเป็นอย่างว่า ตอนที่แขกเอามะม่วงสีม่วงมาให้ดู คนไทยสมัยโน้นคงต้องอุทานว่า โอ้....หมากสีประหลาด ...เขียวแท้น้อ จากคุณ : Navarat.C - [ 10 เม.ย. 52 12:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อืม ได้ความรู้ดีมากมายครับ จากคุณ : cheychai - [ 10 เม.ย. 52 16:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ทำไมไม่คิดว่าคำว่าม่วงไม่ได้หมายถึงสีม่วงบ้างละค่ะ ทำไมไม่คิดว่า สีม่วง ต่างหากที่ถูกบัญญัติทีหลังเจ้าผลไม้ชนิดนี้ สีน้ำน้อยชอบคิดกลับด้าน เพราะว่าส้ม ที่เรียกกันนี่ ทางเหนือเรียกส้มเพราะรสชาติ ไม่ได้เรียกเพราะสีของมัน เพราะตอนเป็นเด็กเคยถามแม่ทำไมเรียกส้มเขียวหวาน แม่บอกว่า เขียวหวานมาจากภาคกลาง ทางเหนือเรียกส้มอย่างเดียว เพราะก่อนหน้านี้เราไม่รู้ว่ามันหวาน ส้มป่า รสชาติจิ๊ดมาก เกือบจะเท่ามะนาว ส่วนมะนาวนี่รู้จักกันหลังจากส้ม มันจึงมีชื่อของมันอยู่แล้ว ไม่ได้เรียกตามรสชาติ ผลไม้หลายอย่างไม่ได้เรียกเพราะมันมีเอกลักษณ์แบบนั้นจึงเรียก และถ้าคนสมัยก่อนตั้งชื่อสีทีหลังสิ่งที่มีอยู่ มันก็อาจจะเป็นได้หลายทฤษฎีว่า เจ้าผลไม้นี้มันเป็นเอกลักษณ์ของสีที่ตั้งมาทีหลังได้ยังไง มนุษย์เรามองเห็นก่อนจะหัดพูดนี่ค่ะ การตั้งชื่อสีน่าจะมาทีหลังพืชพันธุ์ ถ้าเกิดมาเราพูดได้ก่อนมองเห็นนั่นควรจะมาเถียงว่า ชื่อพืชพันธุ์ชนิดนี้มันเหมือนที่พูดตรงไหน พืชชนิดไหนที่มีเอกลักษณ์เด่นๆ คนจึงนำชื่อพืชชนิดนั่น มาตั้งเป็นชื่อสีมากกว่าที่จะตั้งชื่อพืชตามสี ดังนั้นเปลี่ยนโจทย์ใหม่เป็นถามว่า มะม่วงมีส่วนไหนม่วงจนเห็นได้ชัดมากกว่า ไม่ใช่มาถามว่าทำไมเรียกว่ามะม่วงเพราะผลไม่มีสีม่วง เพราะมะม่วงไม่น่าจะตั้งจากชื่อสี เจ้าตัวสีม่วงต่างหากที่ไปตามชื่อพืช พอคิดกลับกันแบบนี้ก็ต้องขอบอกว่าเชื่อเรื่องใบอ่อนมีสีม่วงมากที่สุด เพราะเห็นได้ชัด มะม่วงทุกพันธุ์ ใบจะมีสีม่วงไม่ช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนสี ที่เห็นได้ชัดว่าคนตั้งชื่อสีตามหลังพืชก็คือที่บ้านอิฉันมีคำว่าสีจุมออน เคยถามแม่ว่ามันจุมออนแบบไหน แปลว่าอะไร แม่บอกก็มันสีเดียวกับดอกออน เลยได้ข้อสรุปว่าชาวบ้านแถวนี้เขาเรียกสีตามลักษณะเด่นของพืชมากกว่าเรียกพืชตามสี อ่ะพอคิดแบบนี้เลยชักอยากรู้ว่า สีอื่นมันมาจากชื่อพืชอะไร เอื้อก มันจะวุ่นจิตคิดแปลกเกินไปไหมค่ะนี่ ไปดีกว่า ชวนคนอื่นเขาเพี้ยน อิอิอิ อ้อ มีสีจุมออนมาฝากให้ดูค่ะ ทางภาคกลางเรียกว่าสีอะไรค่ะแบบเจ้าดอกนี่ มาแก้บรรทัดข้อความค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 52 20:53:19 จากคุณ : สีน้ำน้อย (sugarhut) - [ 10 เม.ย. 52 20:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ภาคกลางเรียกพวงประดิษฐ์ครับ เป็นพี่น้องกับพวงคราม แต่พวงประดิษฐ์เป็นชมพูอมม่วงสวยจริงๆ เคยได้ยืนทางเหนือเรียกสีชมออน ออกเสียงเป็นจมออน ก็ฟังเหมือนจุมออนของคุณสีน้ำน้อยนะครับ อาจเป็นคำเดียวกันก็ได้ หูผมอาจเพี้ยนไปเอง   แต่ต้นมันเขาเรียกว่าเครือออนนะครับ ในป่าสูงตามข้างทางของเมืองเหนือจะพบเห็นได้ไม่ยาก แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 52 21:50:05 แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 52 21:46:20 จากคุณ : Navarat.C - [ 10 เม.ย. 52 21:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 99 รูปขยายครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 10 เม.ย. 52 21:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่มาของมะม่วงจะลึกขนาดนี้ครับ จากคุณ : Lamelez - [ 10 เม.ย. 52 22:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 101 และแล้ว กระทู้นี้ก็เดินทางมาถึง ความเห็นที่ร้อยเอ็ด จนได้ ขอขมวดปม ประเด็น ของกระทู้นิดนึงนะครับ ผิดถูกอย่างไร ช่วยแก้ไข้ด้วย ดูเหมือนเรากำลัง อภิปรายกัน ว่า คำว่า สีม่วง มีความสัมพันธ์ กับ คำว่ามะม่วง หรือไม่ อย่างใด จากหลายๆ ความเห็นของหลายๆท่าน ออกมาแนวทางดังนี้ ช่วงแรก (ของความเห็น) ออกแนวๆ ว่า ทั้ง 2 คำนี้ มีความสัมพันธ์กัน โดยพยายามหาเหตุผลและหลักฐานมาอธิบายว่า มีพันธุ์มะม่วงที่มีผลสีม่วงหรือ ใบอ่อน เป็นสีม่วง รวมไปถึงเนื้อไม้ เป็นสีม่วง ฯลฯ ช่วงถัดมา แนวทางของความเห็นต่างๆ ที่เอามาอภิปราย และถกกันออกไปในแนวที่ว่า เริ่มปรากฎหลักฐานว่า คำทั้ง 2 คำนี้ อาจจะไม่มีความสัมพันธ์กัน โดยหาหลักฐาน เช่น การเรียกสีม่วงในช่วงสุโขทัย ว่าเป็นสีเขียว แต่มีคำเรียกพันธุ์ไม้นี้ในศิลาจารึกว่าหมากม่วงแล้ว ฯลฯ แต่ พอพินิจพิเคราะห์ถึงแก่นของหัวข้อกระทู้ แค่ประโยคแรกก็ชัดเจนครับ ว่าคำถามคือ "..ทำไม ถึงเรียกว่ามะม่วง..." ดังนั้น ผมขอลองขมวดประเด็นอีกทีครับ ที่มาของคำว่า มะม่วง มาจากภาษาโบราณอะไร อย่างไร ส่วนตัวผมแล้ว เห็นว่า คงจะมาจากคำโบราณท้องถิ่น ในกลุ่มภาษาไท-ไต ครับ (หมักโมง / หมักมวง) ส่วนคำว่ามวง มาจากใหนคงต้องไปค้นหาคำตอบกันอีกที พืชพันธุ์ชื่อทำนองนี้ มีอีกหรือไม่ครับ คลับคล้ายคลับคลา ว่ามีคำศัพท์ช่้อม่วง (ชื่อเดียวกับขนม) ช่้อชะมวง(ฉายานักมวยไทย) ฯลฯ จะเกี่ยวข้องกับที่เราอภิปรายกันอยู่หรือไม่เนี่ย ส่วนคำว่ามันม่วง ตามความเห็นผม ค่อนข้างชัดว่า มาจากสีของมัน ครับ เห็นว่าอย่างใดกันบ้างครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 11 เม.ย. 52 00:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เอาภาพขนมช่้อม่วงมาให้ดูครับ รูปหาจากในเวบนี่แหละ เอามาโพสต์ไม่ได้ขออนุญาต ต้องกราบขออภัย เจ้าของรูปนะครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 11 เม.ย. 52 00:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เอารูป ชะมวง สมุนไพรไทย มาให้ดูด้วยครับ รูปก็หามาจากในเนท นี่แหละ ขออนุญาต นำมาแผยแพร่นะครับ แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 00:19:51 จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 11 เม.ย. 52 00:15:57 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ใบชะมวง เอามาต้มกิน มีชื่อภาษาถิ่นหลายชื่อ เช่น ส้มม่วง หวากโมก มวง กะมวง ตระมูง ส้มงวง ส้มโมง มวงส้ม กานิ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 11 เม.ย. 52 00:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ส่วนอีกภาพ เป็นดอกอัญชัน ที่เคยเป็นสีเขียวในสมัยก่อนครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 11 เม.ย. 52 00:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 106 มาจนถึง 100 กว่าๆแล้ว ยังไม่มีใครให้คำตอบได้เลยนะครับ ว่า ทำไม มะม่วง ถึงเรียก ว่า มะม่วง หลายๆความเห็น เป็นคำอธิบายแบบ นิรุกติศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่มีความเห็นใดที่อธิบายแบบภาษาศาสตร์ (Lisguistic) ลักษณะสำคัญ ประการหนึ่ง ของ "คำ" ในภาษา (ในทางภาษาศาสตร์) ก็คือ "ถูกสร้างขึ้นตามอำเภอใจ" เพื่อเป็นสัญญลักษณ์แทนสิ่งใดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในการการสื่อสารเป็นที่เข้าใจกันในกลุ่มชน ไม่จำเป็นต้องมีที่มาที่ไป มะม่วงเป็น หน่วยคำ (Morpheme) ที่มีความหมาย ด้วยตัวของมันเอง ที่ประกอบขึ้นด้วย หน่วยเสียง (Phoneme) และสามารถสื่อสารกัน เข้าใจว่า ผลไม้ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ คือ สิ่งที่เราเรียกมันว่า  มะม่วง ภาษาเป็นสัญญลักษณ์ ใช้แทนสิ่งที่มีอยู่ในในสังคมของมนุษย์ จขกท ใช้คำถามว่า ทำไมเราถึงเรียก มะม่วง ว่า มะม่วง คำตอบ จึงต้อง          ใช้ภาษาศาสตร์ (Liguistic) ถ้า     จขกท ถามว่า คำว่า มะม่วง มีความเป็นมาอย่างไร และเปลี่ยนแปลง         อย่างไร เราใช้ นิรุติศาสตร์ มาตอบว่า       -ในสมัยสุโขทัยมีการเรียกผลไม้ชนิดนี้ว่า         หมากม่วง ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ฯ               ถ้า     จขกท ถามว่า มะม่วง แปลว่า หรือหมายความว่าอย่างไร         เราใช้ Lexicology มาตอบว่า       - ผลไม้ชนิดหนึ่ง ใช้รับประทานได้ ทั้งผลดิบและผลสุก ฯ ถ้า     จขกท ถามว่า มะม่วง ในภาษาถิ่นต่างในประเทศไทยและประเทศ         เพื่อนบ้าน เรียกว่าอย่างไร         เราใช้ Dialectology มาตอบว่า -        ภาษาถิ่นโคราช เรียกผลไม้นี้ว่า บักม่วง, ภาษาถิ่นของคนไทย         บริเวณภาคกลางเรียกว่ามะม่วง        "บัก" จึงเป็น หน่วยคำ (Morpheme) ของภาษาถิ่นอิสาน           "มะ" จึงเป้นหน่วยคำในภาษาถิ่นภาคกลาง คำตอบ สำหรับ จขกท ทำไมถึงเรียกว่า มะม่วง คำตอบคือ ไม่มีคำตอบ ตามเหตุข้างบน อธิบายเพิ่มเติม ภาษา เป็น สัญญลักษณ์ (Sign) โดยการสร้างคำเพื่อใช้แทนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนเป็นที่รับรู้ทั่วกันของผู้ใช้ภาษานั้น คำว่า "ไก่" ทำไมจะต้องเรียกว่า ไก่ เราเรียกว่า กรู๊กกร๊าก ได้หรือไม่ (..ได้..เมื่อสัญญลักษณ์นี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป) สัญญลักษณ์ ไม้มลาย ก.ไก่ และไม้โท เอามารวมกัน ออกเสียงว่า (kaj)...ตัวนี้เป็น Phonetic Alphabet ออกเสียงว่า ไก่ คำว่า มะม่วง จึงเป็นหน่วยคำในภาษา ที่เป็นสัญญษณ์ เช่นเดียวกัน กับคำว่า ไก่ ตามตัวอย่างข้างต้น -------------------------------------------------------------------- คำว่า มะม่วง จะเรียกเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ ตอบว่า "ได้" ถ้า คำใหม่ ที่สังคมสร้างขึ้นเป็นที่ยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย ในทางภาษาศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของภาษาเป็นเรื่องปกติ เพราะภาษาเป้นหน่วยทางวัฒนธรรมของสังคมทีย่อมมี พลวัต (Dynamic) และเมื่อเปลี่ยนแล้ว ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ทว่า การเปลี่ยนแปลงภาษานั้น ไม่ง่าย เพราะต้อง เป็นที่ยอมรับในของสังคมโดยรวมทั้งหมดและอาจต้องใช้เวลานาน ขออภัยถ้าพิมพ์ผิด โดยเฉพาะ ไม้โท และ ไม่ไต่คู้ เพราะว่า ปุ่ม Shift มันกดไม่ค่อยลง แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 10:31:25 จากคุณ : q_cosmo - [ 11 เม.ย. 52 10:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ผมว่าเรื่องนี้เราคุยเล่นๆไปเรื่อยๆในระหว่างที่จำเป็นต้องทำใจให้ได้กับความเป็นไปในสังคมไทยตามกฏของพระไตรลักษณ์ เรื่องสีม่วงและมะม่วงยังไม่ต้องสรุปอะไรก็ได้ครับ อยากจะย้อนไปที่สีเขียวของยุคสุโขทัยที่ครอบคลุมไปถึงสีครามนี่ มานึกได้ในช่วงชีวิตผมเองก็ได้ยินบ่อย โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องไปคลุกคลีกับทะเลกระบี่และภูเก็ต จะได้ยินว่าทะเลสีเขียวบ่อย ลองดูนะครับว่าสีเขียวกับสีน้ำเงินและสีครามในธรรมชาตินั้น ชิดกันเพียงใด จากคุณ : Navarat.C - [ 11 เม.ย. 52 12:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สีเขียวน่าจะไปสุดเพียงสีคราม ดอกผักตบไทยจะมีสีเดียวกับดอกอัญชันอย่างนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 11 เม.ย. 52 12:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ส่วนดอกผักตบชวา จะออกเป็นสีม่วงๆครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 11 เม.ย. 52 12:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เขียวของนกยูงครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 11 เม.ย. 52 12:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อันเนื่องมาจาก # ๑๐๖ มะม่วงเป็นคำประสมประกอบด้วย ๒ หน่วยคำ (Morpheme) คือ มะ และ ม่วง ทั้งสองหน่วยคำต่างก็มีความหมาย  มีลักษณะเป็นหน่วยคำได้โดยเอกเทศ มะ มาจากคำว่า หมาก เป็นที่สรุปได้แน่นอนแล้วว่าแปลว่า ผลไม้ ส่วน ม่วง มี ๓ ความหมาย ๑. สีน้ำเงินปนแดง, ถ้าออกครามเรียก สีม่วงคราม, ถ้าออกแดงเรียก สีม่วงชาด, ถ้าเจือขาวเรียก สีม่วงอ่อน ๒. ชื่อผ้าไหมสําหรับผู้ชายนุ่งที่มีสีอย่างนั้นหรือสีอย่างอื่นว่า ผ้าม่วง ๓. ชื่อเรือขุดรูปคล้ายเรือมาด แต่ยาวกว่า รูปร่างเพรียว หัวงอน ท้ายสั้น เป็นเรือที่คหบดีนิยมใช้กันในสมัยก่อน ๔. ชื่อไม้ต้นในสกุล Mangifera วงศ์ Anacardiaceae มีหลายชนิดและหลายพันธุ์ เช่น อกร่อง พิมเสน ซึ่งเป็นชนิด M. indica L., กะล่อน หรือ ขี้ไต้ เป็นชนิด M. caloneura Kurz ใบอ่อนและผลใช้เป็นอาหาร ความหมายของคำว่า "ม่วง" ทั้ง ๔ ข้อนี้ บางข้อน่าจะมีที่มาที่ไป คงมิใช่ "ถูกสร้างขึ้นตามอำเภอใจ" เพื่อเป็นสัญญลักษณ์แทนสิ่งใดสิ่งใดสิ่งหนึ่งในการสื่อสารเป็นที่เข้าใจกันในกลุ่มชน เช่น ในข้อ ๒  ผ้าม่วง คำว่า ม่วง  มาจากชื่อเมืองในจีนซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานทอผ้าชนิดนี้ส่งเข้ามาในเมืองไทย ความหมายของ ม่วง ในข้อ ๒ อาจมีความสัมพันธ์กันในข้อ ๑, ความหมายในข้อ ๑ อาจมีความสัมพันธ์กับในข้อ ๔,  ความหมายในข้อ ๓ อาจมีความสัมพันธ์กับในข้อ ๑,  ความหมายทุกข้อมีความสัมพันธ์กัน หรือ ความหมายทุกข้อไม่สัมพันธ์กันเลย ข้อสันนิษฐานทุกข้ออาจเป็นไปได้ตราบที่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่นอน ถ้าหาก ม่วง เป็นหน่วยคำที่ "ถูกสร้างขึ้นตามอำเภอใจ" เพื่อเป็นสัญญลักษณ์แทนสิ่งใดสิ่งหนึ่งในการสื่อสารแล้ว สิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นคืออะไร น่าจะเป็นอะไรเอ่ย ? แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 13:16:47 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 11 เม.ย. 52 13:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เห็นพูดกันถึงเรื่องสีเขียวดอกอัญชัน และสีเขียวผักตบ ไพล่ไปถึงสีน้ำเงิน ทำให้คิดว่า การบัญญัติคำว่าสีน้ำเงินอาจจะมาทีหลังสีเขียว เพราะสมัยก่อนอาจจะมีการเรียกชื่อสีไม่ครบตามที่เรียกกันในทุกวันนี้ ก่อนนี้อาจจะเรียกสีน้ำเงินเข้ม ว่ากรมท่า ส่วนเฉดสีที่อ่อนลงใกล้เคียงกับสีเขียว ก็เรียกว่าสีเขียว หรืออาจจะเรียกสีน้ำเงินว่า คราม หมดก็ได้ คือเรียกเฉพาะสีหลัก ส่วนครามนี่มาจากชื่อของพืชชนิดหนึ่ง ทางภาคเหนือเรียกต้นฮ่อม เมื่อเรียกเฉพาะสีหลักก็ไม่แปลกที่จะไม่มีสีม่วงหรือสีน้ำเงินในสมัยแรกเริ่ม พอวิวัฒนาการทางภาษาเติบโตขึ้นมาคนคงจะบัญญัติคำจำกัดความของเฉดสีที่ไต่ระดับกันเสียใหม่ เพราะเคยได้ยินคำว่า สีเขียวหัวเป็ด (ทั้งที่หัวเป็ดบางตัวไม่เห็นเขียวเลย) เพียงแต่ว่ามีเป็ดบางพันธุ์มีหัวสีเขียวต่างจากพันธุ์อื่น คนจึงนำมาใช้เทียบเคียงกับเฉดสีที่ไล่ระดับใหม่ ซึ่งพอคิดใหม่แบบนี้ก็ทำให้ได้ข้อสันนิษฐานว่า สีม่วง บัญญัติหลังสีเขียว โดยอาจจะเทียบกับลักษณะเด่นเพียงแค่จุดใดจุดหนึ่งของมะม่วง หรืออาจจะเทียบมาจากมะม่วงสายพันธุ์เด่นๆ ที่เห็นกันในภาพข้างบน ส่วนสีน้ำเงินนี่มั่นใจว่ามาหลังสีครามแน่นอน ที่มาของชื่ออาจจะได้มาจาก สีของแร่เงินที่แช่ทิ้งไว้ในน้ำ เลยเรียกว่าน้ำเงิน เพราะเคยเห็นตัวแร่เงิน มีขี้เขียวๆ เกาะรอบเนื้อโลหะ พอเอาไปล้างน้ำจะมีสีจางๆ คล้ายคราม ข้อสงสัยมะม่วงทำให้ได้ข้อสันนิษฐานอีกเพียบเลยนะค่ะ จากคุณ : สีน้ำน้อย (sugarhut) - [ 11 เม.ย. 52 13:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ตอบคุณ เพ็ญชมพู ครับ จากคำถามว่า "ทำไม" ของ จขกท ครับ จึงได้คำตอบว่า เป็นการส้รางคำตามอำเภอใจ โดยอยู่บนพื้นฐานทฤษฎีทาง ภาษาศาสตร์ ส่วน คำตอบอื่นๆ อันเนื่องมาจากคำถามแบบอื่นๆ ๔ แบบนั้น ได้เขียนไว้ข้างต้นแล้ว ส่วนคำว่ามะม่วงประกอบด้วยสองหน่วยคำนั้นถูกต้องแล้วครับ แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องใช้คำว่า ม่วง คำตอบ ก็ยังคง เป็นเพราะ ตามอำเภอใจเช่นเดียวกัน แต่ถ้าถามว่า ม่วงมีความหมายอย่างไร ก็จะมีความหมาย ตามที่ เพ็ญชมพู  ใน ๑๑๑ นั่นเองครับ --------------------------------------------------------------------- เพิ่มเติมครับ เรามักพบความสับสนบ่อยๆระหว่างภาษาศาสตร์และนิรุกติศาสตร์ เรามักเข้าใจและใช้นิรุกติศาสตร์ ในบริบทของภาษาศาสตร์อยู่เสมอ นิรุกติศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยความเป็นของภาษาโดยนัยทางประวัติศาสตร์ พัฒนาการ และการเปลี่ยนแปลง ทั้งรูปแบบและความหมาย ขณะที่ คำถามว่า "ทำไม" ถ้าจะตอบกันจริงๆแล้ว ก็คือ ไม่มีคำตอบ ภาษาศาสตร์จึงสร้างทฤษฎีขึ้นมารองรับเรื่อง Sign and Symbol ขึ้นมา ส่วนคำอธิบาย ของ เพ็ญชมพู  นั้น ไม่ได้หมายความว่าผิดนะครับ แต่เป็นคำอธิบายในอีกบริบทหนึ่ง ซึ่งไกลออกไปจากคำว่า ทำไม เช่นเดียวกัน ครับ ถ้าเราเปลี่ยน จากมะม่วงเป็น มะนาว  มะพูด มะแว้ง มะขวิด มะอึก มะเขือ เราจะหาคำตอบให้กับคำว่า ทำไม ได้อย่างไร นาว เป็นคำยืมมาจากภาษาอังกฤษ Now แปลว่า ปัจจุบัน พูด  เป็นคำไทยการใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ขวิด เป็นอาการหนึ่งของวัว ใช้ป้องกันตัว เขือ  เป็นคำโบราณ สรรพนาม แปลว่า เรา ถ้าเป็นช่นนี้ การพยายามค้นหาคำอธิบายคำว่า ทำไม ของคำในภาษาไทย กว่าจะครบถ้วนก็คงใช้เวลาหลายร้อยปีเลยทีเดียว แต่ถ้า คำว่า มะม่วงอกร่อง ทำไมจึงใช้คำว่ามะม่วงอกร่อง คำตอบก็ไม่ยาก คำว่า มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย มำไมจึงใช้คำว่า พราหมณ์ขายเมีย       ก็พอจะหาคำตอบได้ เพราะว่ามีที่มาที่ไป คำว่า มะม่วง ถึงแม้ว่า จะประกอบด้วยสองหน่วยคำ แต่ ขณะเดียวกัน ผมคิดว่าน่าจะเป็นหน่วยคำเดียว เพราะมีความหมายเดียว หมายถึงผลไม้ ที่กินได้ทั้งดิบและสุก ฯ ------------------------------------------------------------------------ ผมยังยืนยันโดยพื้นฐานทางทฤษฎีทางภาษาศาสตร์ครับว่า ทำไมใช้คำว่างมะม่วง นั้นเป็นการสร้างคำตามอำเภอใจครับ แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 15:41:25 แก้ไขเมื่อ 11 เม.ย. 52 14:43:29 จากคุณ : q_cosmo - [ 11 เม.ย. 52 14:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 114 จากที่ึคุณ q_cosmo เข้ามาอธิบายและนำเสนอ คำว่ามะม่วง อาจจะเป็นการสร้างคำตามอำเภอใจ ผมว่า ก็เป็นไปได้ครับ แล้วลองคิดพินิจดู น่าจะเป็นชนเผ่าใหนสร้าง ก็น่าจะเป็นชนเผ่าไท-ไต อาจจะสร้าง คำว่า ม่วง แล้วตามสำเนียงของท้องที่ บางที่ออกเสียง อัวเป็นโอ คำนี้จึงมีบางที่เรียกโม่ง หมักโม่ง ฯลฯ จากศิลาจารึกหลักที่ 1 หน้าที่3 บรรทัดที่ 1-5 ครับ 1 (งแฏ่)ง เบื้องตีนนอน เมืองสุโขทัยนี้มีตลาด ป 2 สาน มีพระอจนะ มีปราสาท มีป่าหมากพร้าว ป่าหมาก 3 ลาง มีไร่ มีนา มีถิ่นถาน มีบ้านใหญ่ บ้านเล็ก เบื้ 4 องหัวนอน เมืองสุโขทัยนี้ มีกุฎี พิหาร ปู่ครู 5 อยู่ มีสรีดภงส มีป่าพร้าว ป่าลาง มีป่าม่วง ป่าขาม ดูจากบรรทัดที่ 5 จะเห็นว่า มีพันธ์ไม้ ขนาดเป็นสวน(ป่า) อยู่ 4 ชนิดครับ เอารูปถ่ายถอดตัวอักขระ มาให้ดู อาจจะช่วยจุดประกายอะไรได้อีกครับ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 11 เม.ย. 52 17:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 115 Get! จากคุณ : ~พุงนำนม~ - [ 11 เม.ย. 52 18:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ตอบคุณ MA<O>MiYA  ครับ ผมนำเสนอไปตามทฤษฎีทางภาษาศาสตร์เท่านั้นครับเท่านั้นครับ ต้องยกความดี (ถ้ามี) ให้แก่นักภาษาศาสตร์รุ่นก่อนๆครับ ที่ให้คำอธิบาย ลักษณะของ ภาษา เอาไว้ เมื่อร้อยกว่าปีก่อน และยังคงใช้การได้จนปัจจุบัน มีดังนี้ครับ   Arbitary Naturality Collective Systematic Regularity Conventional Dynamic Diversity Analogue --------------------------------------------------------------------------สาเหตุที่ คำถามของ จขกท ต้องมีคำอธิบาย เริ่มทีเดียว คำถามเหมือนจะเป็นคำถามธรรมดา แต่ถ้าลองสังเกต คำที่ใช้สร้างประโยคคำถามคือ "ทำไม" คำตอบสำหรับคำถามนี้ ต้องว่ากันด้วยเหตุผล ไม่ใช่เป็นคำตอบเชิงพรรณา ดังนั้นการหาคำตอบว่า ทำไม จึงต้อง ใช้ทฤษฎีทางภาษาศาสตร์มาอธิบาย คำตอบ คำอธิบาย ในความเห็นอื่นๆ ไม่ได้เป็นคำตอบที่ผิด แต่ถูกต้อง และชัดเจนมากทีเดียว แต่ทว่า ไม่ใช่เป็นคำตอบ สำหรับคำว่า "ทำไม" ของ จขกท ครับ เหตุผลต่อมา ก็คือ เมื่อคำตอบต่างๆหลายๆคำตอบยังไม่ได้ให้คำตอบที่ตรง กับคำถามแล้ว แต่ยังมีนัยของความเข้าใจผิดในวิชาการด้านภาษาอยู่ด้วย นั่นคือ เราไม่สามารถใช้นิรุกติศาสตร์มาอธิบายและตอบคำถาม "ทำไม" ได้เลย  แต่เราสามารถใช้ตอบคำถามว่า "อย่างไร" ได้ เช่น คำว่า มะม่วง มีความเป็นมา "อย่างไร" อีกประการหนึ่งก็คือ จขกท ตั้งคำถาม ในปัจจุบัน คำตอบแต่ละคำตอบ เป็นคำตอบที่ผู้ตอบ อยู่ในสังคมปัจจุบัน ใช้ภาษาที่มีความหมายในปัจจุบัน ในการศึกษาทางนิรุติศาสตร์ เราไม่สามารถใช้ความหมาย ในปัจจุบัน เพื่อตีความหรือให้ความหมายภาษาในอดีตได้ (โดยเฉพาะภาษาที่ ย้อนเวลาไปไกลถึงสุโขทัย) แต่เราสามารถใช้อธิบายความเปลี่ยนแปลง ของภาษาได้ ผมคิดว่า ชาวสุโขทัย ไม่เรียกสีม่วง (ปัจจุบัน) ว่า สีม่วง ครับ น่าจะเรียกเป็นอย่างอื่นคือ "พรรณเขียวงามดังดอกอัญชัน" ตัวอย่างจากคุณเพ็ญชมพู ในความความเห็นที่ ๙๓ เมื่อเป็นเช่นนี้ คำว่า ม่วง ในสมัยสุโขทัยย่อมไม่ได้หมายถึง "สี" แน่นอน โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบความเห็นของ คุณสีน้ำน้อย ที่ใช้การเปรียบเทียบ กับรสก่อนโดยยกตัวอย่างคำว่า ส้ม และลักษณะเด่นทางธรรมชาติ โดยยกตัวอย่าง สีจุมออน มาจากสีดอกออน เป็นการให้เหตุผลที่เข้าที -------------------------------------------------------------------------- บทวิเคราะห์ เรื่อง มะม่วง ผมแยกคำสองคำออกจากกัน โดย คำว่า มะ มาจากคำว่า หมาก ซึ่งหมายถึง ผลไม้ หรือ อาจจะหมายถึง สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีเป็นทรงกลม คำว่า "ม่วง" นั้น หมายถึงต้นไม้ ชนิดหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านปลูกเอาไว้กินผลใน "ป่า" ซึ่งหมายถึง "สวน"ในภาษาไทยปัจจุบัน การสร้างคำว่า ม่วง สำหรับเรียกต้นไม้ชนิดนี้ เป็นการสร้างคำตามอำเภอใจ เช่นเดียวกันกับคำว่า หมาก เป็นการสร้างคำตามอำเภอใจ เช่นกัน แต่คำว่า มะม่วง เป็นการสร้างคำด้วย Systematic คือ มีระบบ การนำ หน่วยคำสองหน่วยคำมารวมกันเพื่อสร้างเป็นคำใหม่ เพื่อให้มีความหมายว่า ผลของต้นม่วง ---------------------------------------------------------------------------- หมายเหตุ ด้วยเพราะว่าห้องนี้เป็นห้อง ภาษาไทย ครับ             ผมก็เลยต้องขอออกความเห็นบ้าง เพราะ คำถาม จะมีคำตอบที่             แตกต่างกันครับ ต้นเหตุอยู่ที่ จขกท ครับ เพราะใช้ คำว่า             "ทำไม" นั่นเอง (ล้อเล่นครับ) จากคุณ : q_cosmo - [ 11 เม.ย. 52 19:44:13 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ชอบข้อความนี้ # ๑๑๓ ของคุณ  q_cosmo   ถ้าเราเปลี่ยน จากมะม่วงเป็น มะนาว  มะพูด มะแว้ง มะขวิด มะอึก มะเขือ เราจะหาคำตอบให้กับคำว่า ทำไม ได้อย่างไร นาว เป็นคำยืมมาจากภาษาอังกฤษ Now แปลว่า ปัจจุบัน พูด  เป็นคำไทยการใช้มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ขวิด เป็นอาการหนึ่งของวัว ใช้ป้องกันตัว เขือ  เป็นคำโบราณ สรรพนาม แปลว่า เรา ถ้าอย่างนั้นมีผลไม้ให้ถามว่า "ทำไม" อยู่หลายชนิดเลย เพลง จ้ำจี้ผลไม้ จ้ำจี้ผลไม้ แตงไทย แตงกวา ขนุน น้อยหน่า พุทรา มังคุด ละมุด ลำไย มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟัก แฟง แตงโม ไชโย โห่ฮิ้ว คำตอบแนวข้างบนของคุณ q_cosmo  สำหรับผลไม้อื่นคงไม่เท่าไร เป็นห่วงแต่คำตอบสำหรับ ฟัก เท่านั้นแหละ และสุขสันต์วันสงกรานต์สำหรับเพื่อนร่วมกระทู้ทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 52 13:45:23 จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 12 เม.ย. 52 13:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ^ ^ lol ยิ่งฟัก แฟง ด้วยสิค่ะ ฮะๆๆๆๆ สวัสดีวันสงกรานต์ด้วยคนค่ะ จากคุณ : sugarhut - [ 12 เม.ย. 52 18:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 27 เม.ย. 52 23:08:38 ]