ความคิดเห็นที่ 1 จุดนี้หนอนฯ เคยผ่านมาแล้วค่ะ วิธีมีอย่างเดียวคืออ่านเยอะๆ อย่าหยุดอ่าน อย่าตั้งใจจำคำศัพท์จนเกินไป อ่านเอาสนุกดีกว่าค่ะ ถ้าพยายามเกินไปจะทำให้จำไม่ได้ หนอนฯ ใช้วิธีอ่านสองรอบ รอบแรกอ่านเอามันส์แล้วมาร์คคำที่ไม่สามารถเดาได้จริงๆ กับคำที่เดาความหมายได้แต่ไม่แน่ใจไว้ แต่เน้นว่ารอบแรกอ่านให้จบก่อนอย่าเพิ่งเปิดดิคฯ แล้วพอมาอ่านรอบสองค่อยเปิด (แต่จริงๆ หนอนฯ ใช้วิธีนี้สำหรับเล่มที่ยากจริงๆ ค่ะ ไม่ได้ทำทุกเล่ม) นอกจากฝึกอ่านแล้วก็ต้องฝึกทักษะอื่นด้วย ดูหนังฟังเพลงไปด้วย คุณจะได้ศัพท์เยอะขึ้น ยิ่งถ้าคุณอ่านนิยายคุณจะเจอภาษาพูดและศัพท์แสลงเยอะ การดูหนังฟังเพลงก็จะช่วยได้ค่ะ หวังว่าจะช่วยคุณได้บ้างนะคะ จากคุณ : หนอนหนังสือตัวเป้ง - [ 22 เม.ย. 52 12:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้อ่าน Hannibal อยู่ แฮะๆ อย่าเพิ่งท้อละกันนะครับ สู้ๆๆ จากคุณ : Dr. RebaccA (Mewchan) - [ 22 เม.ย. 52 12:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเคยเป็นแบบคุณเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว มี่ข้องแนะนำดังนี้ 1.จำประโยคประทับใจ ในเนื้อเรื่องตอนที่ประทับใจ อันนี้ไม่ต้องท่องจะ่จำได้เอง ถ้าให้ดีหัดเอามาใช้ทั้งพูดและเขียนจะเข้าคลังสมองได้ทั้งประโยค 2. อ่านแ่บบ browsing สลับกับการหาศัพท์ คือถ้าคุณชอบหาความหมายของศัพท์ก็หาไปแต่ถ้าเบื่อเมื่อไรก็ browse ไปเลยคืออ่านแบบลุยไปก่อนเดาความหมายไปแต่ถ้าเจอคำใหนที่ไม่รู้่บ่อยๆก็เปิดหาเสียที แล้วคำนั้นๆจะ่จำได้โดยไม่ต้องท่อง3. อ่านเรื่องของนักเขียนที่คุณชอบคนเดียวกันหลายๆเรื่อง เพราะศัพท์และสำนวนจะซ้ำแล้วเราจะได้สำนวนแบบนั้นมาไว้ใช้ด้วย 4. อ่านแต่เรื่องที่วางไม่ลงจริงๆ คือไม่ต้องเสียดายหนังสือ ถ้าเล่มในอ่านมาเกิน20หน้าแล้วยังไม่สามารถทำให้เราอยากรู้เหตุการณ์ต่อไปขอเรื่องจนวางไม่ลงละก็โยนทิ้งไปเลยไปหาเรื่องใหม่ที่วางไม่ลงจริงๆมาอ่านดีกว่า ส่วนมาก best seller ในแนวที่เราชอบมักจะไม่ทำให้ผิดหวัง คุณเริ่มต้นถูกทางแล้วพยายามต่อแล้วคุณจะได้มากกว่าแค่เรื่องนิยายที่อ่าน คือนอกจากภาษาอังกฤษแล้วคุณยังจะได้รู้ในเรื่องเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่มากกว่าการอ่านนิยายภาษาไทย จากคุณ : Cyber Sage - [ 22 เม.ย. 52 13:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 A moment to Remember มันเป็นนิยายเกาหลีไม่ใช่หรอคะ หรือมีแปลเป็นอังกฤษด้วย? ตอนนั้นที่เราอ่านทไวไลท์เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องศัพท์มากมาย คือคนเขียนจะใช้คำหลากหลายมากค่ะ อย่างคำว่าพูด(said)เค้าก็มีทั้ง murmured จำไม่ได้ว่ามีอะไรอีก แต่ว่ามีหลายคำค่ะ ตอนนั้นเราก็อ่านข้ามๆไป(ไม่ได้ดูหนังก่อนนะ อ่านก่อนเลย) ไม่ได้นั่งเปิดดิก เพราะมันทำให้เสียอรรถรสในการอ่านค่ะ แต่เราก็พอจะเดาได้จากบริบทต่างๆ อ่านจบแล้วเวลาพูดกับเพื่อนรู้สึกว่าพูดจาได้สละสลวยมากขึ้นอยู่พักนึงด้วยนะคะ 555 เราไม่รู้จะช่วยจขกท.ยังไงแต่อยากให้ลองอ่านต่อไป โดยไม่ต้องเปิดดิก ถ้าคำไหนมันขัดใจจริงๆก็จดไว้ก่อนแล้วค่อยมาหาคำแปลก้ได้ค่ะ แต่เราเชื่อว่าพออ่านจบแล้วคุณจะเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดเลย(โดยที่ไม่ต้องรู้ศัพท์ทุกตัว) ในกรณีที่คุณพอรู้ และจับใจความได้นะคะ แต่ถ้าไม่ออกเลยจับใจความไม่ได้เลยเราว่าควรจะไปฝึกภาษาอังกฤาเพิ่มเติมค่ะ จากคุณ : หนูฟั่นเฟือน - [ 22 เม.ย. 52 13:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณหนูฟั่นเฟือน แก้ชื่อหนังสือแล้วค่ะ เปน a walk to remember จำสบสันกับหนังเกาหลี อิอิ จากคุณ : dearohio - [ 22 เม.ย. 52 13:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราเคยหัดอ่านจาก "ยากไปหาง่าย" แทนที่จะอ่านจาก "ง่ายไปหายาก" แถมยังทำซ่า เอา dictionary อังกฤษ-ไทย ที่มีอยู่เล่มเดียวในชีวิต (ตอนนั้นอยู่ต่างแดน) ขว้างทิ้งถังขยะแมร่งไปเลย...แล้วซื้อ dictionary อังกฤษ-อังกฤษมาใช้ อ่านๆไปนะ ไม่รู้ a แปลว่าอะไร เปิดดู มันบอกแปลว่า b เราก็เปิด b แปลว่าอะไร มันบอกว่า แปลว่า c...เปิดวนมาแบบเนี้ยอยู่หลายปี จนใกล้บ้า....555+++...แต่ก็มีผลพลอยได้นะ เพราะนิยามที่มันให้ไว้น่ะ เราจำๆไปเรื่อยๆเลยพอทำให้เรียนการเขียนภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นมานิดหนึ่ง สมัยนั้นนะ มันยังไม่มี dictionary ที่เป็น software สมัยนี้ง่ายกว่าตั้งเยอะ คุณนั่งอ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง dictionaries ที่เป็น software ไว้หลายๆชุด หาศัพท์เร็วกว่าดิกที่เปิดเป็นเล่มๆหลายเท่าเลยหละ จะอ่านหนังสือธรรมดาแล้วหาศัพท์จากคอมพิวเตอร์ หรือจะอ่าน ebooks ไปเลยก็ยิ่งสะดวกกว่า แล้วลองหัดอ่านจากง่ายไปหายากก่อน ชีวิตจะง่ายขึ้น ลองไปอ่านของฟรีตามที่เราหามาให้ตามรายละเอียนข้างล่างนี้ดูก่อน .................................................................................................... I googled "easy english short stories" and found the following sites: http://www.rong-chang.com/qa2/ http://www.eastoftheweb.com/short-stories/Collections/ClasEngl.shtml http://www.soon.org.uk/content.htm http://www.world-english.org/stories.htm http://www.englishclub.com/reading/short-stories.htm This site has Hans Christian Andersen's Fairy Tales and Stories (translation from Danish into English) http://hca.gilead.org.il/ แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 52 14:47:31 จากคุณ : fortuneteller - [ 22 เม.ย. 52 14:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยิ่งอ่านเยอะ ยิ่งง่ายขึ้นเรื่อยๆค่ะ อิอิอิ ยิ่งหยุดอ่าน ... ยิ่งลืมค่ะ จากคุณ : ja*3* - [ 22 เม.ย. 52 15:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สู้นะๆจ้า เราเองก็ไม่ได้อ่านพวกนิยายนานแล้วแฮะ และส่วนตัวชอบอ่านแบบเป็นเลเวลมากกว่า แต่เห็นเพื่อนเราที่อ่านก็บอกว่า ต้องอาศัยอ่านเยอะๆ พออ่านเยอะ แล้วเราจะเริ่มมีประสบการณ์ไปเอง ดิกไม่ต้องเปิดมันทุกตำก็ได้ ไม่งั้นกว่าจะจบเล่มนึงพาลเบื่อไปซะก่อน จากคุณ : rerina (rerina) - [ 22 เม.ย. 52 23:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านแล้วต้องเปิดดิคทุกหน้า เห็นจะไม่ไหว แสดงว่ากัดคำโตเกินไป เคี้ยวไม่ลง กลืนไม่ได้ มันยากไปสำหรับคุณ วิธีที่ถูกต้องคือเริ่มอ่านแบบไต่บันได คุณต้องไปมองหาขั้นที่มันเหมาะกับคุณ แล้วเริ่มไต่ไปเรื่อยๆ เพิ่มความยากด้านโครงสร้าง ศัพท์ สำนวน ทีละน้อย วิธีที่ง่ายที่สุดคือการอ่านพวก simplified reader ที่เขาทำเอาไว้หลายๆเจ้า อ่านแล้วมันจะเพลิน ไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับให้อ่าน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 23 เม.ย. 52 11:24:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าไม่เกิดการท้อซะก่อน ก้ Ok นะ เเถมเป็นการฝึกด้วย เเต่อยากให้อ่านจากง่าย ๆ ไต่ไปเรื่อย ๆเช่นที่คุณแอ๊ด ปากเกร็ด ครับ เรื่องนี้ก้เคยเกิดกับผมเมื่อ 19 ปีก่อนครับ ผมต้องอ่านหนังสือนอกเวลา เล่มนั้นชื่อ To Kill a Mocking bird โดย Harper Lee อ่านเเละเปิดดิคเเละจด หน้าเดียว 2 ชั่วโมงครึ่งครับ เล่มก็เล็กกว่าซองจดหมายอากาศ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนอ่านหนังสือนะ ยังเกือบจะไม่รอด(มันไม่อ่านไม่ได้ เพราะต้องเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ซึ่งการกัดฟันอ่าน ได้สร้างความอึดเเละพื้นฐานการอ่านของผมนะครับ) เป็นกำลังใจให้ครับ จาก tonmelb- ผู้ชายมักง่าย เอ๊ย ผู้ชายง่าย ๆ จากคุณ : tonmelb - [ 23 เม.ย. 52 14:22:51 A:203.209.118.190 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมชอบอ่านนิยายควบกันสองเล่ม คือ 1.อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษและฉบับแปลภาษาไทย (เทียบกันบทต่อบท) ที่อ่านอย่างนี้เพราะรู้ตัวว่าเป็นคนไม่ชอบอ่านนิยายฝรั่งเอาซะเลย บอกตรงๆว่าไม่เก็ตคอนเซ็ปความคิดทัศนะทางวัฒนธรรมของเขา แต่ที่อ่านก็เพราะอยากเก็บศัพท์+ประโยคสวยๆ เรียนรู้วิธี ลีลา และสำนวนแปลของนักแปลคนไทย อันที่สองนี้ชอบมากเป็นพิเศษคือ 2. อ่านต้นฉบับที่เป็นนิยายไทยและฉบับแปลที่เป็นภาษาอังกฤษ (เทียบกันย่อหน้าต่อย่อหน้า) เพราะอ่านอย่างนี้แล้วจะได้ซึมซับอรรถรสทั้งเรื่องราว ความสวยงามของภาษาไทย ความรู้มากมายเรื่องการใช้ศัพท์ ประโยค กลวิธี ลีลาในการแปลจากไทยเป็นอังกฤษ เหมือนเล่นเกมบริหารสมองทดลองแปลด้วยตัวเองก่อนแล้วค่อยดูเฉลยอีกที (นักแปลต้องดูที่มือถึงด้วย) หลายครั้งที่คิดประดิษฐ์ประโยคแปลไปไกลแต่ คนแปลเขาแปลได้สวยมากโดยใช้ศัพท์ง่ายๆ อ่านสบายจนคาดไม่ถึง ฉะนั้นการอ่านนิยายเพื่อเรียนภาษา+จำคำศัพท์ของผมจึงเป็นในลักษณะเช่นนี้ แทบไม่ต้องเปิดพจานานุกม ไม่กดดัน อ่านสบายๆ และได้ผลน่าพึงพอใจมากระดับหนึ่งตามมาตราฐานการเรียนด้วยตัวเอง จากคุณ : โจโฉ (joechou) - [ 23 เม.ย. 52 20:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำนะคะ เราก็ยังคงอ่านต่อไปให้จบ มันก็ไม่ยากเท่าไหร่นะคะ แค่ต้องพยายามอีกหน่อย แฮ่ะๆ แล้วค่อยดูว่าจะอ่านเล่มสองต่อดีหรือเปล่า การอ่านแบบคุณโจโฉนี่ก็น่าสนใจดีค่ะ จากคุณ : dearohio - [ 24 เม.ย. 52 19:15:10 ]