ความคิดเห็นที่ 16
ก่อนจะอภิปรายต่อ ผมขอ มอบตำแหน่งประธาน ให้คุณ ขามเรียง ครับ เพราะต้นเรื่องจริงๆมาจากตรงโน้นครับ ^^ ตามข้อบังคับของสภาโจ๊ก ข้อที่ ๑ วรรคที่ ๑ ฮา ฮา ----------------------------------------------------------------------- ก่อนอื่น ต้องขออนุญาตย้อนกลับไปทำความเข้าใจ การสร้างทฤษฎี ทางสังคมของนักสังคมวิทยา (จริงๆแล้วเป็น นักอื่นๆครับ เช่น นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ ฯลฯ นักสังคมวิทยาและหรือนักมานุษยวิทยา เพิ่งจะมีมาในสมัยหลัง) หมายเหตุ สมัยหลังๆนี่ก็เป็นร้อยปีมาแล้วครับ
สมัยแรกเริ่มหลังจากการประกาศทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน นัก...(อะไรสักอย่าง)...ในสมัยนั้น ก็เกิดอาการตื่นเต้น และ พยายามนำ พื้นฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการ กันยกใหญ่ แล้วแต่ว่าใครจะเป็นนักอะไร
เช่น นักเศรษฐศาสตร์ ก็พยายามอธิบายสังคมโดยพื้นฐานแนวคิดวิวัฒนาการ อย่าง เองเกล, มาร์กซ ก็หนีไม่พ้น เพราะว่าเป็นคนร่วมสมัย หรือนักอื่นๆ ก็พยายามอธิบาย สังคม ตามแนว ของดาร์วินทั้งนั้น
นอกจากนั้นก็จะมีการการอธิบายสังคม และวัฒนธรรม ต่างๆทั่วโลก ด้วยทฤษฎีใหม่ๆ เช่น ทฤษฎีแพร่กระจายทางวัฒนธรรม จากแอ่งอารยธรรม ใหญ่ๆของโลกแล้วกระจายไปตามสังคมอื่นๆ แต่ก็ยังคงมีพื้นฐาน จากดาร์วินอยู่นั่นเอง เพราะ ยังมีการกล่าวถึง ลักษณะเด่นทางวัฒนธรรม และลักษณะด้อยทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมที่ด้อยกว่า จะถูกวัฒนธรรมที่ เด่นกว่า กลืนกลายไปในที่สุด
จากนั้น เมื่อมีความพยายามอธิบายสังคม ด้วยระบบกลไก และโครงสร้าง ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม โลกทัศน์ ของบรรดา นัก... ต่างๆเหล่านี้ ก็ได้สร้าง ทฤษฎีโครงสร้างนิยม ขึ้นมา พร้อมๆกันนั้นเอง ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม ก็เกิดขึ้น เพื่อ โต้แย้งและเสริมต่อ ทฤษฎีโครงสร้างหน้าที่นิยม นั่นเอง
ด้วยวิธีการแบบโครงสร้างหน้าที่นิยม นี้เอง ทีทำให้ นักสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา (ตอนนี้เริ่มมีชื่อเรียกเป็น นัก...ของตนเองแล้ว) ก็ต้องพยายามค้นหา "หน่วย"(Unit) ของ สังคมที่มีขนาดใหญ่มากๆเพื่อ ครอบคลุมพื้นที่การศึกษาให้มากที่สุด เพราะพวกเขาเหล่านั้นกำลังสร้าง ทฤษฎีขนาดใหญ่(Grand Theory) ที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ใบนี้ให้ได้อย่างครอบคลุม ทุกแง่ทุกมุม ซึ่ง ในทึ่สุดก็ได้ เอา การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็น องค์ประกอบในการอธิบายปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นบนโลกทั้งหมด และยังคงใช้มาจนปัจจุบันนี้
นักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยาในสมัยหลังๆ น่าจะเริ่มเข้าตาจน ในการสร้างทฤษฎีใหญ่ (เพราะรุ่นก่อนๆสร้างไว้หมดแล้ว) ก็เลย มีความพยายามสร้าง ทฤษฎีย่อยขึ้นมามากมาย (โดยที่โดยตัวเองแล้วนักสังคมวิทยาและนักมานุษยวิทยาไม่มีทฤษฎีของตัวเอง) โดยอาศัยทฤษฎีของ นักอื่นๆ เช่น Economical Sociology(Anthropology), Psychological Sociology(Anthropology) ทฤษฎีย่อยเหล่านี้มีมากมาย อาทิ ทฤษฎีทางสังคมวิทยาเกี่ยวกับสตรี, ทฤษฎีโครงสร้างนิยมยุคหลัง ทฤษฎีปฏิบัติการนิยมของพาร์สัน เป็นต้น
และแน่นอนว่า ทฤษฎีรื้อสร้าง ก็เป็นหนึ่ง ใน ทฤษฎีย่อยด้วย เช่นกัน แต่ระดับของทฤษฎีเหล่านี้ ดดยส่วนตัวแล้ว น่าจะอยู่ในระดับ ของ ลัทธิ หรือพวก อิสซึ่ม (ism) ต่างๆ ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ โดย การที่เราจะเปลี่ยนแปลง องค์ประกอบหลัก ในการพิจารณาสังคมแล้ว องค์ประกอบเดิม ที่มี การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ก็สามารถเปลี่ยนแปลง ได้โดยการนำเอา องค์ประกอบอื่น มาแทนที่หรือมาเพิ่มก็ได้ ตามแต่ กรอบการพิจารณาของเรา จะไปในทิศทางใด เช่น หากเราจะอธิบายพฤติกรรมของคนในสังคม เราเติม Behaviorialism จากวิชาจิตวิทยา เข้ามา โครงสร้างความสัมพันธ์ ก็"อาจจะ"กลายเป็น การเมือง เศรษฐกิจ สังคมและพฤติกรรม หรือ กลายเป็น การเมือง เศรษฐกิจ และพฤติกรรม ------------------------------------------------------------------------- ต่อมาขออภิปรายคำว่า สังคม ครับ
คำว่า สังคม เป็นคำที่ใหม่มากของคนไทย (น่าจะของโลกด้วย) ในสมัยโบราณเราไม่เรียกพื้นที่ เวลา และความสัมพันธ์ ที่เราอยู่ว่าสังคม แต่เราเรียกว่า "โลก" ครับ ซึ่งมีความหมายกว้างมาก ครอบคลุมทุกส่วน ทุกองค์ประกอบที่แวดล้อมตัวเราอยู่ และสัมพันธ์ไปกับจักรวาลด้วย
ในสังคมพุทธ(และผี)แบบไทยๆ โลกจึงหมายถึงสังคมที่เราอยู่ที่แวดล้อม ไปด้วยกลไกของจักรวาล (...ชื่อ ล๊อคอิน..ของผมเอง...ก็มาจากคำว่า Cosmology หรือ จักรวาลวิทยา) การอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก ก็อธิบาย แบบองค์รวม ตำแหน่งแห่งที่ของมนุย์, ของไพร่ฟ้าหน้าใส, เจ้าเมือง, พ่อขุน, พญาจักรพรรดิราช, จักรแก้ว, ม้าแก้ว, ขุนคลังแก้ว,นางแก้ว,ขุนพลแก้ว,โลกภูมิ, มนุษษภูมิ, กามภูมิ, สวรรค์, นรก ฯลฯ
แต่เมื่อเรารับวิทยาการและการทำความเข้าใจกับโลกที่เราอยู่เปลี่ยนแปลง ไปแบบที่เข้าใจกันว่าเป็น Westernization ทั้งที่จริงน่าจะเป็น (Localization) ...ขออภัย..ไม่ทราบว่าจะใช้ภาษาไทยว่าอย่างไรดี จะตั้งข้นมาใหม่ก็ไม่มีความรู้มากพอ...
โลกที่เราเคยรู้จักแบบเดิม จึงมีขนาดที่เล็กลง และแยกออกเป็นส่วนๆ จากเดิมที่เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เป็นส่วนหนึ่งของโลก แต่ปัจจุบัน โลกเล็กลงเหลือเพียงแค่ "สังคม" ขนาดเล็ก
นักวิชาการ น่าจะคงมีความพยายามที่จะหา คำ มาใช้เรียกระบบและกลไก ความสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ด้วยเหตุที่ว่า น่าจะหาไม่ได้ จึงใช้คำว่า สังคม ที่รับมาจากคำว่า Society
เขียนไปเขียนมาชักจะ งง
เอาเป็นว่า สังคม(ใหญ๋) มันใหญ่มากกกกกกกกก สมัยก่อนเรียกว่า โลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่เรียกว่า โลก แต่เรียกว่า สังคม
ขณะเดียวกัน สังคม ในส่วนประกอบ กับ การเมือง และเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้มีความหมายใหญ่เท่ากับโลก แต่ เป็นระบบ,กลไก และความสัมพันธ์ ขนาดเล็กกว่า(แต่ก็ยังใหญ่อยู่ดี) ----------------------------------------------------------------------------- ตามข้อเสนอ ของคุณ vincentlenon ที่ให้ตัด สังคมออกจากองค์ประกอบ สามประการนั้น ผมไม่เห็นด้วยครับ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็คือ คำว่า สังคม (ใหญ่) ให้เปลี่ยนเป็นคำอื่น ที่มีความหมาย ใหญ่กว่าสังคม แต่ผมไม่แน่ใจว่า จะเป็นไปได้ เพราะว่า ความหมายและการรับรู้เกี่ยวกับ "โลก" ได้เปลี่ยนไปและได้มีการให้ความหมายอื่นไปเสียแล้ว ------------------------------------------------------------ นอกเรื่องหน่อยนึงครับ เมื่อคืนดูสภาโจ๊ก ช่อง ๑๑ ฮา มากๆ ชอบคนที่แสดงเป็น อภิสิทธิ์มาก หน้าตาเหมือนจริงๆ แต่เสียดายแสดงยังไม่เก่ง ไม่งั้นคง ฮา มากกว่านี้
จากคุณ :
q_cosmo
- [
26 เม.ย. 52 14:56:19
]
|
|
|