ความคิดเห็นที่ 1 ในห้องเครื่องของพระราชวังนั้น  เจ้าหน้าที่ในห้องเครื่องของพระราชวังตั้งแต่หัวหน้าห้องเครื่อง จนกระทั่งผู้ช่วยตำแหน่งเล็กๆ รวมแล้วมากมายถึง 300 คนเศษ  รวมทั้งยังมีเหล่าขันทีที่รับผิดชอบเครื่องเสวยอีกหลายสิบคน  เขาเหล่านี้จะรับผิดชอบจัดสำรับตั้งแต่พระมหากษัตริย์พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนนางสนมต่างๆ   โดยจำนวนของสำรับเครื่องเสวยจะลดหลั่นกันไป สำหรับพระนางซูสีไทเฮานั้น แน่นอนว่าสำรับเครื่องเสวยจะเหมือนกับฮ่องเต้   มื้อเช้าเสวยประมาณ 6-7 น.   มื้อเที่ยง  12-14  น. มื้อค่ำประมาณ  18 น.   ส่วนอาหารว่างจะแล้วแต่เวลามีพระราชประสงค์   วัตถุดิบในแต่ละวันจะมีทั้งพืชผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ไก่ โดยเฉพาะเป็ดจะเป็นที่โปรดปรานของพระนางฯอย่างมาก เมื่อสำรับเครื่องเสวยนับร้อยชนิดถูกเชิญมาแล้ว  ขันทีจะต้องตรวจสอบความปลอดภัยด้วยแท่งเงิน  แล้วขันทีจะแจ้งกรายชื่อเมนูเครื่องเสวยในวันนั้น  ก่อนที่จะยกสำรับที่พระนางระบุมายังหน้าพระพักตร์ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับน้ำดื่มที่ทางพระราชสำนักใช้เพื่อการบริโภคนั้น  ทุกๆ วันก่อนฟ้าสาง  จะมีเจ้าหน้าที่ปีนขึ้นเขา"อวี้เชวียนซาน” (แปลว่า เขาธารหยก) ไปยังลำธาร "อวี้เชวียน”  (แปลว่า ธารหยก)  เพื่อตักน้ำใส่ภาชนะแล้วบรรทุกกลับมายังวังหลวง    ภูเขาแห่งนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตกของพระราชวังฤดูร้อน ปัจจุบันเป็นสถานที่พักตากอากาศสำหรับนายใหญ่ทั้งหลาย  ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าออก   เชื่อกันว่า ภูเขาแห่งนี้คือ หัวใจแห่งปักกิ่ง เป็นฮวงจุ้ยสำคัญ ****แก้พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 52 16:34:34 จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 น้ำจากธารหยกนั้นจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ  สำหรับชาตำรับพิเศษ    เพราะสำหรับเครื่องดื่มที่พระนางโปรดปรานคือ ชาดอกไม้สดสารพัดชนิด  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความละเมียดละไมของพระนางเป็นอย่างมาก   ดอกไม้สดเหล่านี้จะถูกเด็ดมาจากพระราชอุทยานในวังหลวงนั้นเอง เช่น ดอกมะลิ กุหลาบ และดอกจำปา   ผสมกับใบชา ใส่ลงไปในกาน้ำชา  ก่อนที่จะเทน้ำร้อนใส่ เมื่อหอมหวนได้ทีแล้ว   ขันทีจึงนำขึ้นถวาย  สำหรับดอกไม้ที่พระนางโปรดปรานมากคือ ดอกจำปา (อวี้หลาน)  แต่จะดอกใหญ่กว่าจำปาบ้านเรามาก จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:43:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พระนางยังมีรับสั่งให้น้ำดอกไม้นานาพันธุ์มาทำเป็นเครื่องปรุงรส เช่น นำกลีบดอกกุหลาบ หรือ กลีบบัว โดยเลือกเฉพาะกลีบที่สมบูรณ์ มาผสมกับน้ำตาล  เพื่อใช้สำหรับเครื่องเสวยหวาน พระนางซูสีไทเฮา  มีชื่อเล่นว่า อวี้หลาน  ซึ่งก็คือ ต้นไม้ชนิดนี้นี่เองที่ทรงชื่นชอบเป็นอันมาก  ทั้งสวยทั้งหอม จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:45:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความมีรสนิยมที่เลิศหรูของพระนาง  อีกทั้งพฤติกรรมที่คำนึงถึงแต่อำนาจและประโยชน์สุขส่วนพระองค์  ประกอบกับการรุกรานของฝรั่งผมแดง และการต่อต้านของชาวจีนที่ต้องการปลดแอก ทำให้อาณาจักรแห่งราชวงศ์ชิง  ถึงแก่กาลอวสานในที่สุด   แล้วเจ้าหน้าที่ในห้องเครื่องล่ะ  หายไปไหนกันหมด  สูตรอาหารจานเด็ดในพรราชวังก็สูญสิ้นตามไปด้วยหรือ ?   เชิญนั่งรถกอล์ฟตามผมมาซิครับ  เพราะว่าที่ห้องเครื่องเสวยนั้น  เขาต้องการบรรยากาศที่ปราศจากมลพิษ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตั้งแต่นี้ไป จะใช้สำนวนหวือหวาหน่อยนะครับ  เพราะเอาของเก่ามาฉายซ้ำ ด้วยเคยไปโพสต์ที่ห้องก้นครัวเกี่ยวกับเครื่องเสวยของพระนางฯ ในปักกิ่งมีภัตตาคารหะหรูหะหราวิจิตรบรรจงอยู่แห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อลือชาข้ามฟ้าข้ามน้ำไปอวดฝีมือถึงแดนฝรั่งตาน้ำข้าว  โดยมีเชฟที่หลุดรอดหลงเหลือจากราชวังสมัยชิงมาก่อตั้งร้านขายอาหารที่ราชอุทยานเป่ยไห่ใกล้พระราชวังกู้กง  อาหารในเมนูที่ที่ภัตตาคารแห่งนี้ มีประมาณ 800 อย่าง   เหออ...อยากรู้เหมือนกันว่า ใครจะบังอาจมาต่อกรด้วย นี่คือ Fang3 Shan4 Fan4 zhuang  ตามอักษรจีนที่ปรากฏตรงบานประตู แปลให้ไพเราะเพราะพริ้งว่า สวนอาหารในแบบห้องเครื่องเสวย จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ภัตตาคารแห่งนี้มีอายุอานามควรแก่การฉลองแซยิดแล้ว  เพราะใกล้ 84 ปีแล้ว  ก่อตั้งโดยเจ้าหน้าในห้องเครื่องราชวัง สกุลจ้าว  2 พ่อลูก ใน คศ. 1925  พร้อมกับเชิญพ่อครัวในห้องเครื่องอีกจำนวนหนึ่งมาร่วมงานด้วย  ปัจจุบันเป็นสมบัติของรัฐไปเรียบร้อยโรงอาหารจีนแล้ว อาหารที่บริการจะเป็นทั้งอาหารคาว  อาหารกับแกล้ม อาหารหวานและอาหารเฉพาะถิ่น หลายๆอย่างจะเป็นสูตรแบบเครื่องเสวยในพระราชวังแมนจู จัดเป็นร้านที่แพงมากกๆ  สำหรับชาวจีน  แบบอาหารเซ็ตกลางๆ ต่อหัวประมาณ 200 หยวน  จัดว่าก็ประมาณราคาอาหารฮ่องเต้ในภัตตาคาร 5 ดาวในบ้านเรา   แต่ขอบอกว่า   ออริจินอล  เอ๊ย..จีนแท้ๆ กว่าบ้านเรา  เพราะตั้งอยู่ในราชอุทยานเป่ยไห่จริง   ( ใครมีบัตรรูดปรื๊ดรูดปรื๊ด  เลือกไปเลย เซ็ตแมนจูฮั่นครบสูตร  แล้วคนที่ชื่อ ปรื๊ด จะต้องเปลี่ยนชื่อเพราะโดยรูดทรัพย์จนเข็ด) จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เขาจะมีการแสดงการรำมวยจีน  เอ๊ย..ร่ายรำแบบในราชวังให้เราชมด้วยนะ  ในเวลาค่ำๆ  เช็คเวลาดีๆ ตอนไป  ชมฟรีครับ  แต่ถ้าจะกิน  อาหารนะ..ไม่ใช่นางรำ  ก็จ่ายเงินด้วยล่ะ ดูบรรยากาศซะก่อนว่า  ชวนหลงใหลได้ปลื้มว่า  ข้าฯ ก็เป็นฮ่องเต้เหมียนๆกัน จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ว้า ตกรถซะแล้ว วิ่งตามรถก่อนนะค่ะ จากคุณ : เสาร์นี้ไม่ว่าง (เสาร์นี้เจอกัน) - [ 28 เม.ย. 52 00:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขันทียกสำรับมาแล้ว จานแรกเป็นของหวานไส้ถั่วทานเล่นๆ   การจัดวางก็ดูน่ารักน่าทาน สีเหลืองตัดกับสีม่วง จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อาหารเรียกน้ำย่อย มาพร้อมการจัดรูปแบบที่แค่เห็นก็อิ่มในความงามแล้ว มีหมูย่าง มีผักหมักดองเช่น ขึ้นฉ่าย แตงกวา ถั่วลันเตา ช่างรู้จักจัดวางสีสันสวย จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เชื่อไหมว่าเป็นปลา    ชื่อว่า ปลากระรอกทอดกรอบ   เป็นปลากุ้ยชนิดหนึ่งที่โดนมีดกรีดทั่วตัว แล้วทอดในน้ำมันจนพองตัวเนื้อกรอบ  แล้วราดด้วยซอสปรุงรสเฉพาะแบบ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 00:59:32 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปลิงทะเล ไข่นกกระทาทอด  ปลิงทะเลถือว่าเป็นอาหารบำรุงกำลังอย่างดี   ไฮเซ่อ  เอีย..ไฮโซอย่างเรา จะพลาดของสำคัญในเมนูจีน ได้อย่างไร จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 “กินมันติดเหงือก  กินเผือกติดฟัน  กินทั้งมันกินทั้งเผือก ติดทั้งเหงือกติดทั้งฟัน”   เพื่อความปลอดภับ เลือกกินเผือกกับแห้ว หมูสับทอด  ลีก่า  เอ๊ย..ดีกว่า จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขาหมู  คากิ  ทานจนเบื่อ ลองขาหมา  เอ๊ย..ไม่ใช่  ลองกินรายการเลื่องชื่อ กีบอูฐผัดต้นหอมดีกว่า  นุ่มๆ เหนียวๆ  มันๆ  มาสงสารอูฐ ก็ตอนทานหมดจาน  แล้วถามว่า เนื้ออะไรนี่แหละ    โถ...ผมผิดไปแล้วววว    แต่  เอ...มีเหลืออีกไหม  แหะๆๆ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:03:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นี่คืออาหารคาวที่คล้ายอาหารหวานเสียมากกว่า  มาพร้อมกัน 2 จาน จานหนึ่งมีหมูสับกับแห้วปรุงรส  อีกจานคือขนมเปียะโรยงา รสชาติไม่หวานจนเลียน  ไม่เค็มจนคอแห้ง  กลมกล่อมเหมือนกับทานอาหารหวาน เป็นอาหารจานเด็ดที่พระนางซูสีซึ่งบรรทมเพลิน แล้วสุบินว่า ได้ถูกเชิญโดยเทวดาไปสู่สรวงสวรรค์ร่วมเสวยอาหารกับองค์เง็กเซียน  ครั้นตกใจตื่น  ก็หาเรื่องจะเสวยให้ได้  พนักงานในห้องเครื่องซึ่งไม่ได้ถูกเชิญขึ้นสวรรค์ไปลิ้มลอง  แต่กลับจะต้องมาคิดค้นประดิษฐ์ประดิษฐ์ประดอยอาหาร   ซึ่งเป็นที่ถูกพระทัยพระนางมาก   พ่อครัวรอดตัวไป  เกือบโดนไปจับตอนเป็นขันทีซะเลี่ยว อาหารนี้ได้ชื่อว่า ขนนเปียะแห่งความสมหวังดังฝัน ท่านคิดว่า ทานอย่างไรครับ   ตักหมูสับช้อนหนึ่ง กินพร้อมกับฉีกขนมเปียะมชิ้นหนึ่ง ใช่ไหม ?  ให้เวลาคิด  ก่อนอ่านต่อไป จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วิธีทานให้ดูดีเป็นชาววังคือ ท่านจะต้องเอาบิขนมเปียะให้เปิดออก  แล้วบรรจงตักหมูสับผสมแห้วใส่เป็นไส้ใน  จากนั้นก็ค่อยๆเคี้ยวกำซาบความอร่อย   เฮ้ออ...อร่อยจนลืมโลกเลย จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อาหารจีนต้องมีซุป  ซุปดีๆ ต้องซุปกระเพาะปลา  ถ้วยนี้ดูเหมือนเขาจะใส่ไข่ปลาด้วย   แต่รสชาติกลมกล่อม ไม่มีคาวแม้แต่น้อยครับ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 555 จะบอกว่ากินแบบเเฮมเบอร์เกอร์รึเปล่า ผ่าครึ่ง+ใส่ไส้โลด ที่มาแฮมเบอร์เกอร์มาจากจีนนี่เอง จากคุณ : เสาร์นี้ไม่ว่าง (เสาร์นี้เจอกัน) - [ 28 เม.ย. 52 01:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตบท้ายด้วยขนมเปียะ รสหวานสารพัดแบบ  บางชิ้นก็ว่ากันว่า เป็นเครื่องเสวยยามว่างของพระนางฯ    ก่อนปิดท้ายโดยจะมีผลไม้รวมตามมา จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ใครอ่านแล้วทำน้ำลายไหลเปรอะเปื้อนห้องสมุด  ก็รีบๆเช็ดซะนะ  ที่แน่ๆ   เดี๋ยว...ผมขอไปลวกมาม่าก่อน   เฮ้อ...ชีวิตรันทดจริงๆของนักประพันธ์ไส้แห้ง  ไหนเลยจะเลิศเลอเฟ้อฟุ้งอย่างที่สาธ(น้ำ)ยาย  ในกระทู้นี้ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทายถูกซะด้วย ^^ จากคุณ : เสาร์นี้ไม่ว่าง (เสาร์นี้เจอกัน) - [ 28 เม.ย. 52 01:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ จินตนาการเป็นเลิศ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 01:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รออ่านมาตั้งแต่คห.แรก(เที่ยงคืน)จนถึงตอนนี้ ถ้าหน้าเหี่ยวย่นนี่ต้องโทษคุณFortunismเลย จากคุณ : YuBing - [ 28 เม.ย. 52 01:27:25 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นแล้วหิวเลยค่ะ... จากคุณ : ชบาข้างรั้ว - [ 28 เม.ย. 52 07:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่เคยทราบมาก่อนว่าพระนางโปรดอย่างไร แต่ ปลาทอดที่ว่านั้นเคยเห็นในสารคดี วิธีการทำโหดชะมัด จับปลาเป็นๆขึ้นมาปุ๊บ พ่อครัวใช้มีดบั้งซ้ายขวาปั๊บอย่างรวดเร็ว  แล้วก็จับปลาไปทอดบนกะทะที่น้ำมันที่เดือดพล่าน เอามือจับหัวปลาจุ่มตัวปลาข้างซ้ายทอดลงในน้ำมันแล้วพลิกมาทอดข้างขวาอย่างรวดเร็ว ทอดซ้ายขวาอย่างละทีเท่านั้น แล้วนำขึ้นวางบนจาน ปลาเหมือนจะกึ่งสุกกึ่งดิบนะ ราดด้วยน้ำซ็อส ปากยังพะงาบพะงาบอยู่เลย  พอยกเสิร์ฟบนโต๊ะ ก็จะเอาเหล้าใส่ช้อน กรอกเข้าไปในปากปลาที่พะงาบอยู่นั้น แล้วก็รับประทานได้  ใครเคยได้ลองบ้างเอ่ย จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 28 เม.ย. 52 08:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 27 น่ากินดีแต่ไม่รู้จะถูกปากเราหรือเปล่า จากคุณ : cybrarian - [ 28 เม.ย. 52 10:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไปกับทัวร์ไม่เห็นพาไปร้านนี้ ให้กินอะไรก็ม่ายรู้ บางมื้อหมดแล้วหมดเลย จากคุณ : ing_ab - [ 28 เม.ย. 52 11:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เคยกินหมูสับแห้วสอดใส่หมั่นโถวแบบนี้หนนึงค่ะ อร่อยดี (ว่าแล้วก็กลับไปกินบะหมี่ควิกคัพพลางถอนหายใจถึงอดีตอันแสนอร่อย) จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 28 เม.ย. 52 11:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 รวยก่อนนะ อิชั้นจะไปลอง โฮะๆๆ จากคุณ : เหม่งน้อยคอยรัก - [ 28 เม.ย. 52 12:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากๆครับผม พูดถึงแล้วอยากกินทั้งนั้นเลย จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 28 เม.ย. 52 14:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ YuBingครับ...........   ดีใจครับที่อุตส่าห์ให้กำลังใจกิฟตอนกำลังปั่นต้นฉบับ  ขอบคุณครับที่มาลงชื่อว่าอ่านจบแบบอุ่นจากเตาเลย  เรื่องหน้าจะเหี่ยวมากขึ้นจากเดิมที่ย่นอยู่นั้น  เอ๊ย..ไม่ใช่ คือคุณยังเป็นสาวน้อยๆอยู่เลย  หน้าก็เด้งอยู่แล้ว  อย่าห่วง ผมมี"บัวหิมะ" เดี๋ยวจะจัดส่งให้  (แต่ช่วยโอนเงินเข้า ธนาคาร จขกท ด้วยนะครับ) +++++ คุณน้องชบาข้างรั้วครับ.... ยังเช้ามากเลย  แสดงว่าท้องยังว่างอยู่ละซิ  เดี๋ยวจะส่งชาข้างรั้ว  เอ๊ย..ชาดอกชบาให้ชิมนะครับ  หมุนเรียก รถฉุกเฉินไว้ก่อนด้วยล่ะ +++++ คุณอ่างหยกครับ.... แหม...เข้าใจเลือกชื่ออินเทรนจริงนะ  แม่ดอกจำปูน  แล้วน้องๆ จำปา จำปี ไปไหนแล้ว    อิอิอิ +++++ คุณcybrarian ครับ กลัวไม่ถูกปากหรือครับ  เดี๋ยวจะเลือกช้อนและตะเกียบที่เหมาะสมกับปากอันจิ้มลิ้มให้นะครับ  อิอิ   เออ...ขันที ไปในครัวเอาน้ำพริก น้ำปลามาด้วยอย่างไวๆ +++++ คุณ ing_ab ครับ ในทัวร์ปกติเขาไม่รวมมื้อแพงๆอย่างไว้หรอกครับ  ลองควักกระเป๋าคนข้างๆดูก็ได้นะครับ  รับรองเจอ"ดี" +++++ คุณแพนด้ามหาภัยครับ.... ในที่สุดเราก็ค้นพบคนมีรสนิยมเดียวกัน  ตรงกลับใจมากินใบใผ่  เอ๊ย..เส้นบะหมี่แทน   เฮ้อ..ความรู้สึกที่ว่า "ถอนหายใจถึงอดีตอันแสนอร่อย"    ตอนทำกระทู้นี้ก็คิดอย่างนี้เลย +++++   คุณ  เหม่งน้อยคอยรัก ครับ..... ความมุ่งมั่นอยู่ที่ไหน  ความอร่อยอยู่ที่นั้น  สักวันหนึ่งเราจะชิม เราจะกิน  ส่วนตอนนี้ ข้าวราดแกงช่วยได้  อิอิ ++++ คุณ อุ้ย  นักปราบดิจิม่อนครับ.... แหม...อยากทานหรือครับ   ไม่ขัดข้อง  ข้ามปากมอม เอ๊ย..ปากหม่อมถนัดกินก่อนนะ จากคุณ : Fortunism - [ 28 เม.ย. 52 16:06:25 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จขกท.ใจร้ายจริง เอารูปมายั่ว >_< เห็นแล้วอยากกินจัง จากคุณ : โอฮาน่า - [ 28 เม.ย. 52 16:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โอยยยยย เห็นแล้วอยากกก จากคุณ : kurika - [ 28 เม.ย. 52 16:16:40 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ดูตังค์ในกระเป๋าแล้วได้แต่ถอนหายใจดังๆ..แค่ตอนนี้จะไปกินราเมนในห้างยังว่าแพงเลยค่ะ ฮือๆ (เมื่อไหร่เงินเดือนจะออก) ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังนะคะ ^___^ ป.ล. ปลากระรอกทอดกรอบน่าทานจังค่ะ จากคุณ : little smile - [ 28 เม.ย. 52 17:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาตอกบัตร เพิ่งเห็นโฉมพระนางซูสีไทเฮาวันนี้เอง ขอบคุณคุณ Fortunism มากค่ะ ที่นำภาพมีค่าหายากมาให้ชมกัน จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 28 เม.ย. 52 17:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ช่างบรรยายได้เห็นภาพ ประหนึ่งว่าคุณ Fortunism เคยได้เป็นขันทีอยู่ในวังพระนางซูสี เอ๊ะ.. หรือว่าจะเป็นขันทีที่หลุดออกมาตอนเค้าปลดแอกกัน 5 5 5 ล้อเล่น ขำๆ เขียนเรื่องสนุกดีนะคุณ คราวหลังอย่าลืมส่งไปให้อ่านอีกล่ะ จากคุณ : ณ วันหนึ่งเราจะมาพบกัน - [ 28 เม.ย. 52 19:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ภาพแสดงโรงครัว ไว้สำหรับปรุงอาหารให้องค์จักรพรรดิ์ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 28 เม.ย. 52 19:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 "....ปกติจะมีโต๊ะสองตัวที่วางอาหารหลัก ถ้าเป็นฤดูหนาวก็มีจะมีน้ำแกงร้อนๆ อีกหนึ่งโถ มีโต๊ะอีกสามตัวที่มีขนม ข้าว และข้าวต้ม มีโต๊ะตัวเล็กๆวางผักดองและถ้วยชามทั้งหมดเป็นเครื่องเคลือบอย่างดีสีเหลืองจักรพรรดิ์ มีลายมังกรและคำว่า "ขอให้อายุยืนหมื่นปี" ในฤดูหนาวข้าพเจ้าจะรับประทานจากเครื่องเงินที่ทำให้อุ่นอยู่ตลอดเวลาโดยการวางอยู่ในเครื่องเคลือบที่มีน้ำร้อน.... .....เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ข้าพเจ้าจะไปนั่งประจำที่ ขันทีอายุน้อยก็ตะโกนให้เปิดฝาภาชนะใส่เครื่องต้น ขันทีก็จะเปิดฝาออก เก็บใส่กล่องใหญ่ๆแบกกลับออกไป และถึงเวลาที่ข้าพเจ้าได้นั่งลงรับประทานอาหาร...แล้วอาหารอะไรเล่าจะถูกนำมาวางให้เต็มโต๊ะอาหาร กว้างสิบศอก ยาวสิบศอก พระราชชนนีหรงยึ มีอาหารที่รับประทานแตกต่างกันถึงหนึ่งร้อยจาน โดยใช้โต๊ะหกตัว ความหลากหลายของชนิดอาหารเป็นมรดกตกทอดจากสมัยพระนางซูสี..... จากจักรพรรดิ์สู่สามัญชน. ภาพการจัดโต๊ะเสวยองค์จักรพรรดิ์ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 28 เม.ย. 52 19:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เคยทานถั่วตัด อร่อยมากครับ รสชาติหวานเย็นๆเหมือนน้ำตาลไอซิ่ง ส่วนปลาทอดกรอบ ต้องบั้งให้ถี่ๆ และทอดให้กรอบ เนื่องจากต้องการตัดก้างที่มีเยอะ (เหมือนการตัดก้างปลาตะเพียน) น้ำซอสอร่อยดีครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ 28 เม.ย. 52 19:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอนำรูปมาแจมนะครับคุณ Fortunism พระนางตอนอยู่บนเกี้ยวคร๊าบ จากคุณ : น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ) - [ 28 เม.ย. 52 19:59:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ... จากคุณ : น้ำเต้าสีรุ้ง (เหนียวเนื้อ) - [ 28 เม.ย. 52 20:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มาตามคำเชิญค่ะ กระทู้นี้เยี่ยมมาก ๆ ค่ะ เห็นอาหารแล้ว อยากกิ๊น อยากกิน จากคุณ : Flowery - [ 28 เม.ย. 52 20:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมากค้าบบบ ลุง เอ้ย พี่ Fortunism... ที่ตามมาดูกระทู้ดีๆ ผมเคยไปเที่ยวปักกิ่ง ตอนเป็นเด็กวัยละอ่อน ป.3 จำอะไรไม่ได้เล้ยยยย จำได้แต่ว่า เค้าบอกว่า นางซูสีไทเฮานี่โหดได้ผิดมนุษย์มนาจริงๆ แต่อาหารก็ดูน่ากินดีนะครับ โดยเฉพาะปลาทอดราดซอสเปรี้ยวหวานนั่นน่ะ ขอสองเลย! ปล. แอบสงสัยตามคุณ ณ ฯ ว่า ตกลง พี่ฟอร์จูนเป็นขันทีรึเปล่า 555 ของอย่างนี้คงต้องพิสูจน์เนอะ จากคุณ : หน้าแว่น - [ 28 เม.ย. 52 21:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 45 น่ากินๆ สงสัยคืนนี้ต้องนอนฝันว่าได้กิน แล้วตอนเช้าึค่อยซัดมาม่าหมูแดง(จีนเหมือนกัน แต่ยากจนหน่อย555) จากคุณ : จโกระ&ลาชา - [ 29 เม.ย. 52 00:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมกินโต๊ะนะครับ ส่วน 2 คนที่มาจากห้องบลูนั้น   เออ...มาหาว่าเราเป็นขันที  ชิชะ..เรานั้นเป็นซังกุงสูงสุดต่างหากล่ะ ตัวเอง....  กร๊ากก.... ขอบคุณมท่านที่นำรูปมาร่วมแจมด้วยนะครับ จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 01:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 47 วันนี้มาเพิ่มเกร็ดสนุกๆ ถึงขนมหวาน 3 อย่างที่เป็นเครื่องเสวยหวาน  ที่แสดงรูปข้างต้นแล้ว เริ่มที่ ขนมถั่วชนิดนี้ชื่อว่า “วาน โต้ว หวง” ทำจากเมล็ดถั่วลันเตาชนิดหนึ่ง บดเป็นแป้ง ผสมน้ำตาล และดอกกุ้ย เนื้อละเอียดคล้ายวุ้น เรื่องเล่าสนุกๆสำหรับขนมชาวดินที่กลายเป็นของหวานชาวฟ้านั้นคือ วันหนึ่ง ขณะที่พระนางซูสีทรงพักผ่อนอิริยาบถที่พระราชอุทยานเป่ยไห่นั้น  ได้ยินเสียงตะโกนขายขนมโหวกเวกอยู่นอกกำแพง  ครั้นถามขันที  ขันทีก็ตอบว่าเป็นพ่อค้าหาบขนมถั่วขาย  พราะนางเกิดความสนพระทัย จึงเรียกให้นำตัวคนขายขนมนั้นเข้าเฝ้า   คนขายขนมจึงถวายขนมถั่วสีเหลืองนี้ “วาน โต้ว หวง”  พร้อมกับขนมสอดไส้ถั่วอีกชนิดหนึ่ง (ภาพถัดมา ด้านล่าง) “ยวิ๋น โต้ว เจี่ยน” ปรากฏว่าเป็นที่ชื่นชอบของพระนางมาก  จึงโปรดให้พ่อค้าคนนั้นได้ถวายงานอยู่ที่ห้องเครื่องหวาน ขนมถั่วชนิดนี้เป็นของว่างที่แพร่หลายมากในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงช่วงฤดูร้อน  สูตรชาวบ้านจะผสมพุทราด้วย จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 01:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สำหรับขนมสอดไส้ถั่วนี้ เรียกว่า “ยวิ๋น โต้ว เจี่ยน” ทำจาก ถั่วขาว (Kidney Bean) และส่วนที่เป็นไส้นั้นจะทำจากถั่วหลายชนิดผสมกับน้ำตาล ซึ่งขนมนี้ก็ได้ดิบได้ดีเป็นของหวานชาววัง  พร้อมกับขนมถั่วด้านบน จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 01:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขนมทรงกรวย  “เสี่ยว วอ โทว” ด้านในกลวง เพราะเวลาปั้นแป้งจะใช้นิ้วแหย่ให้เป็นช่องด้านก้น ทำจากแป้งข้าวโพด แป้งถั่วเหลือง และน้ำตาลทราย (แต่สูตรในวังหลวงจะผสมแป้งจากลูกเกาลัด จะมีกลิ่นหอม) เดิมทีก่อนจะได้ดิบได้ดีเป็นชาววัง ขนมทรงกรวยนี้พื้นเพก็เป็นเพียงชาวบ้าน เล่ากันว่า ตอนสงครามแปดทัพ ซึ่งฝรั่งมารุมกิน”โต๊ะจีน”นั้น  (ใครว่าฝรั่งกินเป็นแต่”บุฟเฟ่ท์” อย่าเชื่อ) พระนางซูสีจำเป็นต้องลี้ภัยไปกัมพูชา  เอ๊ย..เมืองเทียนจิน  เนื่องจากฉุกละหุกและกะทันหัน ไม่มีการตระเตรียมเครื่องเสวย ระหว่างทางพระนางจึงหิวมาก แต่ท่ามกลางเส้นทางเร้นแค้นไหนเลยจะมีอาหารเลิศรสไว้รอท่า  โชคดีว่ามีพลทหารคนหนึ่งมีขนมทรงกรวยชนิดนี้ติดตัวเป็นเสบียงกรัง  จึงขอถวายแด่พระนาง   คนเรายามหิว แม้น้ำเปล่าก็ว่าหวาน  นับประสาอะไรกับพระนาง ซึ่งไม่เคยตกระกำลำบากหนีศึกหัวซุกหัวซุนปานนี้  หิวจนพระพักตร์มืดพระเนตรลาย ขนมธรรมดานี้จึงกลายเป็นขนมทิพย์รส  (ไม่ใช่น้ำปลา) ในบันดล  เมื่อเจรจาสงบศึกกับฝรั่งผมแดงแล้ว พระนางจึงหวนกลับปักกิ่ง พลทหารต๊อกต๋อย(ไม่ใช่ชื่อนะจ๊ะ) ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นนายทหารคือ กวน ซื่อ หลี่ ผู้นำขบวนเสด็จ แล้ววันดีวันเกิด..อยากเสวย  พระนางจึงเรียกห้องเครื่องหวาน  ให้จัดเตรียมขนมทรงกรวยอีก  ฝ่ายซังกุง เอ๊ย..พ่อครัวซึ่งรู้อุปนิสัยพระนางในการเลือกเสวยของหรู  ถ้าหากทำขนมแบบเดิมตอนนี้  รับรองตายสถานเดียว  เพราะวัตถุดิบคุณภาพต่ำ แถมลูกใหญ่อันโตอีก  จึงได้ปรับปรุงขนาดให้เล็กลง  พร้อมเลือกวัตถุดิบคือแป้งอย่างดี ผสมแป้งจากลูกเกาลัด  ซึ่งมีราคาสูงมาก  ทำให้ “เสี่ยว วอ โทว” มีความนุ่มเนียน หอมหวล เป็นที่ถูกพระทัยพระนางยิ่งนัก  ทุกครั้งที่ถึงวันที่พระนางทานเจ  ขนมนี้จะถูกจัดเตรียมไว้ รัฐบาลจีนเคยเตรียมขนมนี้จัดเลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง เพื่อฉลองวันชาติจีน เมื่อ ค.ศ 1956   “เสี่ยว วอ โถว” จึงมีชื่อเลื่องกระฉ่อนตั้งแต่นั้นมา ****แก้พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 15:46:52 แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 01:25:17 จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 01:23:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ค่ะ จากคุณ : คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก - [ 29 เม.ย. 52 16:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 51 โหย ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆนะคะ เป็นกระทู้ที่ทรมานมาก ดูไปกลืนน้ำลายไป  เอื๊อก ในชีวิต ต้องมีสักวันล่ะว้าที่ได้กินแบบนี้บ้าง จากคุณ : ochita - [ 29 เม.ย. 52 17:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 52 หิวววววววววว . . . อยากเห็นรูปพระนางตอนสาวๆ มั่ง จากคุณ : Canossa - [ 29 เม.ย. 52 18:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ปาดดดดดดด น้ำลายไหลลล จากคุณ : a6mzero - [ 29 เม.ย. 52 20:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าผมไปอยู่ ผมคงกินจะอ้วนแน่ๆเลยT__T ปล.อย่างอื่นเฉยๆ มาตกใจ กีบเท้าอูฐ จากคุณ : thoorn - [ 29 เม.ย. 52 20:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตอนไปซัมเมอร์ที่โน่นสมัยก่อนเคยไปเดินเที่ยวเป่ยไห่ พลาดร้านนี้ไปได้ยังไง เนี่ยยยย เสียดาย จากคุณ : เหล่าฟาง - [ 29 เม.ย. 52 20:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อยากกินจังเลย หิว ๆๆ จากคุณ : biebie999 - [ 29 เม.ย. 52 21:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 57 น่ากินมากๆเลยค่ะ แต่ละจานตกแต่งได้สวยๆมาก อยากลอง จากคุณ : บางสิ่งบนโลกที่เรียกว่าความรัก - [ 29 เม.ย. 52 22:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สำหรับฮ่องเต้บางพระองค์ อาหารเช้าตอนตื่นบรรทม  และอาหารว่างก่อนบรรทม  มักจะเป็นรังนกนางแอ่นต้มน้ำตาล  ซึ่งรายการอาหารต่างๆ จะมีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ภาพแนบ เมนูอาหารเช้าของพระนางซูสีครับ  เป็นเล่มเลย จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 22:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ปกติพระนางซูสีไทเฮา  ฮ่องเต้จะไม่เสวยร่วมโต๊ะกันครับ  ต่างพระองค์ต่างมีครัวส่วนพระองค์  ด้วยความที่อาหารแต่ละมื้อมีมากมายเหลือเกิน  และฮ่องเต้จะมีกฏอย่างหนึ่งคือจะไม่เสวยอาหารชนิดเดียวซ้ำกันมากกว่า 3 คำ  ดังนั้น อาหารจึงหลงเหลือมากมาย  ซึ่งจะมีวิธีการจัดการคือ ทรงประทานให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีลำดับลดหลั่นไป  เจ้าหน้าที่ หรือ ขันทีผู้ใหญ่ก็อาจมีโอกาสได้รับอาหารจานเด็ดที่เลิศรสด้วย แม้แต่จักรพรรดิ์องค์สุดท้าย ฮ่องเต้ปูยี ก็เล่าว่า พระองค์ก็เคยได้รับพระกายาหารจากครัวของไทเฮาด้วย รูปแนบคือ รูปแบบของการจัดงานฉลองภายในวังหลวงที่พระราชนิกุลต่างก็มาร่วมเสวย เช่น ในโอกาสของการฉลองวันประสูติ  วันตรุษจีน เป็นต้น จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 22:54:31 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เอาล่ะ ที่นี้เราก็เปลี่ยนบรรยากาศไปปิกนิคกันบ้าง  อิอิอิ ความจริงคือ บางครั้งฮ่องเต้หรือไทเฮาก็อาจจะเปลี่ยนบรรยากาศไปเสวยที่ตำหนักอื่นบ้างในบางโอกาส  ดังนั้น ขันทีที่ดูแลสำรับ ก็ต้องเตรียมพร้อม"หาบ"พระกระยาหารไปจัดถวายถึงหน้าพระพักตร์ จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 23:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 61 จัดหาอุปกรณ์มาให้ท่านทั้งหลายได้ใช้เพื่อชิมอาหารรสเด็ดครับ 1. ถ้วยทอง (ไม่ใช่ยี่ห้อยาหม่องนะครับ) ตะเกียบ และ ช้อนตักน้ำแกง 2. ถ้วยสุราทองคำ สลักเสลาละเอียดละออ  (งานนี้ไม่เมาไม่เลิก) ****แก้พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 23:07:18 จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 23:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 62 โอ๊ยยยย น่ากินเหลือเกิน โดยเฉพาะขนมหวานน่ากินมากกกก จากคุณ : นางพญามารเมฆไฟ - [ 29 เม.ย. 52 23:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ท่านผู้อ่านรักชีวิตตนเองใช่ไหมครับ ? ฮ่องเต้นอกจากจะใช้เครื่องทองเพื่อแสดงราชอำนาจแล้ว  เครื่องเงินก็จัดเป็นเครื่องราชูปโภคที่สำคัญไม่แพ้กัน  เพราะสามารถตรวจสอบความปลอดภัยของอาหารว่ามียาพิษหรือไม่   (ถึงแม้จะมีขันทีคนหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่ชิมอาหารก่อนถวายก็เถอะ)  เช่น ถ้ามีสารหนูฤทธิ์รุนแรง เครื่องเงินก็จะดำคล้ำ     นี่แหละครับ ยิ่งสูงยิ่งหนาว ภาพแนบ.... 1. ถ้วยสุราเงินมีขาตั้ง สามารถอุ่นสุราให้ร้อนได้ 2. ถ้วยน้ำเป็นเงินลายวิจิตร  มีขอบคล้ายดอกเหมย(บ้วย)แสดงฝีมือช่างเงินที่เป็นเอก จากคุณ : Fortunism - [ 29 เม.ย. 52 23:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เอื้อก! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 29 เม.ย. 52 23:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 มาปาดกระทู้ พร้อมคารวะท่าน Fortunism หนึ่งจอกครับ ตามอ่านอีกตามเคย จากคุณ : เด็กท้ายวัง - [ 29 เม.ย. 52 23:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ทำไมมันอลังการงานสร้างเช่นนี้ อยากกินบ้างนะเนี่ยยยย ยิ่งมาอ่านตอนดึกๆด้วยแล้วยิ่งทรมาน ฮือออออ สงสารตัวเองต้องก้มหน้าหามาม่ามาต้มกินต่อไป จากคุณ : Patty Mc (Patty Mc) - [ 30 เม.ย. 52 00:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณมากค่ะ ขนมน่ากินมากๆ ^^ จากคุณ : 2am and the rain is falling - [ 30 เม.ย. 52 01:27:38 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มาขอบคุณค่ะ ชอบประวัติศาสตร์ที่ไม่ปรุงแต่ง จากคุณ : เฒ่าไม่เก่า - [ 30 เม.ย. 52 09:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เหยดูสารคดีของnational geogarphicเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีการแข่งทำอาหารทั่วประเทศจีน คนชนะเลิศก็เป็นหลานอดีตพ่อครัววังต้องห้ามด้วย ที่เอาสูตรอาหารจากวังมาทำ(แต่ไม่ใช่ร้านนี้แฮะ ร้านเล็กๆกว่าเยอะ) แต่ร้านนี้แพงอะ ขนาดยังไม่มีเป๋าฮื้อ หูฉลาม นะเนี่ย ทั้งหมดนี้จ่ายไปเท่าไหร่ ทานกี่คนเหรอครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน - [ 30 เม.ย. 52 10:14:58 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อาหารฮ่องเต้ที่คุณ จขกทได้ไปทานเป็นร้านอาหารฮ่องเต้ร้านจริง แต่บางทัวร์พาไปทานร้านปลอมครับ 555 อาหารฮ่องเต้นั่นหมายถึงการทำอาหารแบบ "หม่านฮั่นฉีเฉวียน" หม่านคือชาวหม่าน (ราชวงศ์ชิงเป็นชาวหม่าน ไม่ใช่ชาวฮั่น) ฮั่น ก็คือชาวจีนทั้งประเทศ อาหารจะต้องมีวิธีการทำที่พิศดาร รูปลักษณ์สวยงาม รสชาติต้องอร่อย อาหารแต่ละมื้อของพระนางนั้นมากมายนัก เพียงแต่ไม่ได้เสวยทุกชนิด จะเสวยชนิดที่ดูแล้วน่าสนใจครับ สำหรับปลาทอด โดยที่ปากยังพะงาบอยู่อย่างที่กล่าวมานั้น ก็จัดเป็นเมนูหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่รายการอาหารแบบนี้ต้องสั่งจองล่วงหน้าครับ เพราะต้องใช้พ่อครัวที่มีฝีมือจริงๆ ถึงจะทำได้ สำหรับที่คุณ จขกท ไปทานนั้น  ก็แค่เมนูเสี้ยวเดียวของชีวิตพระนางชูสีไทเฮาครับ  จึงไม่แปลกที่ไม่เห็นเมนูปลาทอดเช่นนั้น จากคุณ : เรารักเมืองไทยเหมือนกัน - [ 30 เม.ย. 52 11:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ได้ชิมสักคำก็คงจะเป็นบุญ น่ากินทุกอย่างเลยค่ะ ยกเว้นกีบอูฐ มันแปลกไปสำหรับเราอ่ะ จากคุณ : tato_jang - [ 30 เม.ย. 52 15:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณมากๆครับ อ่านเพลินเลย ปล. คห.51 อุ้ยเซียวป้อ จากคุณ : จ้องจนปวด - [ 30 เม.ย. 52 15:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 น่าสนใจมากๆๆ น่ากินจริงๆ แต่ถ้าให้ดีไม่เอากีบอูฐ กับ ปลิงทะเล จะลดราลงเหลือเท่าไรคะ จากคุณ : ning (ura_n) - [ 30 เม.ย. 52 23:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 74 จขกท มาปั่นกระทู้ครับ  555 อาหารที่เป็นแบบ แมนจูฮั่นครบสูตร(งานเลี้ยง)   ภาษาจีนเรียกว่า "หม่าน ฮั่น เชวี๋ยน ซวี่"    (ไม่ใช่ "หม่านฮั่นฉีเฉวียน") หม่าน หมายถึง ชาวแมนจูครับ ฮั่น         "       ชาวจีนเชื้อสายฮั่น ที่ส่วนใหญ่อยู่ตอนกลาง ปท จีน (ไม่ใช่ ชาวจีนทั่ว ปท   เพราะถ้าชาวจีนทั่ว ปท   จะต้องหมายรวมถึง ชนเผ่าน้อย ชาวธิเบต  ชาวซินเกียง เป็นต้น) เชวี๋ยน ซวี่   แปลว่า ครบ สูตร(งานเลี้ยง) ที่สวนอาหาร "ฝ่าง ซ่าน ฟ่าน จวง" แห่งนี้  เขาจะมีห้องหนึ่งที่โชว์ป้ายทองมลังเมลือง  ระบุคำว่า แมนจูฮั่นครบสูตร  ซึ่งถือเป็นเมนูเอกลักษณ์ของร้านเขา แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 52 22:37:17 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 08:34:07 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 01:37:19 จากคุณ : Fortunism - [ วันแรงงาน 00:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นผู้อ่านสนใจแต่จะ"กินอย่างเดียว  ผมก็ต้องเน้นหนักเรื่อง"กิน"เช่นกัน  ที่ผมแสดงภาพอาหารด้านบนๆนั้น ยังไม่ใช่อย่างวิเศษครับ  แบบนั้นแค่ระดับค่อนข้างถูก  200 หยวน ต่อ คน (ระดับถูกสุด  100 หยวน *  6 =  600 บาท)  ระดับแพง 500 หยวน/คน ก็มี   เขามีทั้งแบบเซ็ตเมนู  หรือ เลือกสั่งทำ ถ้าเลือกแบบระดับแพง  การบริการก็เยี่ยม เพราะจะมีพนักงานแต่งชุดสาวชาววังสมัยชิง มาฟ้อนรำต้อนรับและเสิร์ฟ ***แก้พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 52 08:36:52 จากคุณ : Fortunism - [ วันแรงงาน 00:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เขาก็ห้องหลากหลาย สำหรับงานเลี้ยงกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่  ตอนนั้นผมทานห้องใหญ่สุดครับ  หรูล่ะซิ   แหะ...ไม่ใช่หรอก  เป็นห้องรวมครับ ประเภทใครมาก่อนก็นั่งก่อน  มาหลังก็นั่งถัดไป   แหม..มีเสียงระเบ็งเซ็งแซ่ขับกล่อม  เสียงดนตรีหรือ ?   ไม่ใช่หรอก  เสียงคุยกันต่างหาก   เฮ้อ... จากคุณ : Fortunism - [ วันแรงงาน 01:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ถ้าเป็นระดับแพง  อาหารที่เขาบริการ  จะมีการจัดแต่งสวยงามจริงๆ ครับ  ไม่ว่าการเรียงผัก  จัดสีสัน จะมีรูปแบบสวยงาม เป็นมังกร เป็นหงส์ เป็นปลา ที่พูดนี้  เห็นด้วยตาจริงๆนะครับ   แต่ไม่ได้ทานครับ   แค่ส่ง วี.ไอ. พี นั่งโต๊ะ  ส่วนเราก็ระหกระเหินไปนั่งห้องใหญ่ชั้นล่าง     เฮ้อ..บุญมีครับ  แต่กรรมมันบัง จากคุณ : ราตรีสวัสดิ์ (Fortunism) - [ วันแรงงาน 01:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 78 แวะมาชิม เอ้ย  อยากชิมจังเลย  ขอบคุณเจ้าของทู้นะคะ หิว...เลยเรา จากคุณ : mon_m&m - [ วันแรงงาน 09:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอแก้ไขข้อมูลไปเป็น คห 81 ครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 52 11:50:03 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 52 11:48:57 จากคุณ : Fortunism - [ 2 พ.ค. 52 00:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ไอหยา ละลานตามากเลยฮะ แหม ถ้าครบ 108 อย่าง ดมๆ ดูๆ ก็น่าจะอิ่มแล้ว แหม ขอบคุณเจ้าของกระทู้มาก แบบว่าได้ยินชื่ออาหารจักรพรรดิมานานได้เห็นก็คราวนี้ จากคุณ : อาอู่ (alone beneath the moon) - [ 2 พ.ค. 52 02:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ภาพของพระนางซูสีไทเฮา สมัยยังเป็นสาวนั้น มีอยู่ค่อนข้างน้อย แต่มีภาพวาดหนึ่งซึ่งสวยงามและน่าสนใจมาก  ซึ่งปรากฏอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แถวซินเกียง และระบุชื่อภาพชัดเจนว่า  "พระมเหสีซูสีแห่งเหวินจงฮ่องเต้"    น่าจะเป็นภาพวาดของพระนางซูสีเมื่อยังดำรงตำแหน่งเป็นเพียงพระมเหสี  (ก่อนพระนางได้สถาปนาเป็นไทเฮาในรัชกาลต่อมา) จากคุณ : Fortunism - [ 2 พ.ค. 52 12:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 82 มาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวกลับมาอ่านอย่างละเอียด จากคุณ : la liga fan - [ 2 พ.ค. 52 19:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขนาดกลับมาอ่าน โดยทำยันต์กันน้ำลายสอด้วยอาหารเย็นหนึ่งมื้อใหญ่ในท้อง เพราะดู ตย. ตอนมาลงชื่อว่าถ้าอ่านขณะท้องว่าง..อันตรายมาก  ยังกลืนน้ำลายเอื๊อกๆๆ ขอบคุณที่ชวนมาอ่านกระทูดีๆ ค่ะ อาหารโอชะเลิศหรูน่าทานทั้งนั้นเลย แถมได้ความรู้อีกมากมาย จากคุณ : la liga fan - [ 2 พ.ค. 52 22:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ^ ^      อุ้ย...คุณla liga fan  มียันต์วิเศษด้วย     เม้นท์ได้ถูกใจ จขกท มาก  จึงให้ธิดาช้างน่ารักเอาไว้เตือนใจว่า จงกินอย่างบันยะบันยัง นะโยม... โอ๊ย...อย่าเตะค่อย  เอ๊ย..ข้อย     แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 00:21:41 จากคุณ : Fortunism - [ 3 พ.ค. 52 00:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 85 สุดยอด ชาตินี้จะมีโอกาสได้ไปกินบ้างมั๊ยหนอ จากคุณ : kolokol - [ 4 พ.ค. 52 02:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 86 หิวจริงๆๆ เรยค่ะ ขอบคุนมากน่าค่าที่พาปาเที่ยวว จากคุณ : ม้านั่งสีเทา - [ 4 พ.ค. 52 03:01:37 ]

ความคิดเห็นที่ 87 รูปวาดพระนางตอนสาวๆ ยังจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ถ้าเป็นรูปถ่ายจะเป็นไงน้อ... จากคุณ : Canossa - [ 4 พ.ค. 52 18:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อยากชิมขนมค่ะ จากคุณ : a pinky pig - [ วันฉัตรมงคล 19:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ไม่น่ามาตอนหิวข้าวเล้ย (- -*) ชะแวบขอไปกินก่อนนะขอรับ ^^ จากคุณ : กระบี่เก้าเดียวดาย - [ วันฉัตรมงคล 19:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 90 มาหม่ำอาหารต่ออีกรอบ อิๆ จากคุณ : หมวยดุสิต (Setakan) - [ วันฉัตรมงคล 21:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 91 มานับม้า   เอ๊ย..ไม่ใช่  จขกท มาอัพเดทเนื้อหานะครับ   อิอิ ถ้าจะสืบหาว่าใครคือนางแบบชาวจีนที่โกอินเตอร์เป็นคนแรก  เห็นทีจะต้องเป็นพระนางซูสีไทเฮา  เพราะว่า แม้แต่ นสพ.ดัง  Le Petit Journal ณ กรุง  Paris  นำพระนางมาขึ้นปกเลย  เมื่อ คศ 1900 แม้สีสันจะดูแปลก  แต่ก็วาดพระนางได้คมขำ  ใครจะหาซื้อไว้สะสม  เห็นทีต้องประมูลเอานะครับ จากคุณ : Fortunism - [ วันฉัตรมงคล 23:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 92 อย่างไรก็ตาม  ผมคิดว่า รูปที่ดูดีมีสง่าราศี  อีกทั้งเป็นภาพที่พระนางซูสียังเป็นสาวงามนั้น คือ ภาพวาดที่แสดงไว้ที่พระราชวังฤดูร้อน (อี้เหอหยวน) แสดงให้เห็นถึงความผุดผ่องของผิวพรรณ และแก้มแดงที่มีเสน่ห์ของพระนางได้เป็นอย่างดี จากคุณ : Fortunism - [ วันฉัตรมงคล 23:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 93 มาตามอ่านสาระ ขอบคุณ คุณFortunism สำหรับสาระดีๆคะ ชอบมากๆเลย ขอโหวตให้เลยนะคะ จากคุณ : sawkitty - [ 6 พ.ค. 52 09:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 94 แวะมาโหวต ให้คะ หลังจากงมอยู่เป็นงาน 555+ จากคุณ : หมวยดุสิต (Setakan) - [ 6 พ.ค. 52 10:09:38 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เราจะเอาภาพอาหารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 16:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เห็นปลิงแล้วหิวกันเลยทีเดียว ^^ จากคุณ : นังนู๋วา - [ 7 พ.ค. 52 07:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 97 จนท...หาคำติไม่ได้เลย ช่างสรรหามาให้เพื่อนๆอ่านนะ อาหารอ่องเต้ ดูแล้วน่ากิน... แต่อาจจะไม่ถูกปากคนไทยได้นะ เพราะเคยพากรุ๊ปทัวร์ชาวไต้หวันไปเที่ยวปักกิ่ง จัดให้รับประทาน 1 มื้อ พี่แกบ่นทั้งตระกูล (คือไปกัน 2ครอบครัว) ทำไมไม่เอาเป็นอาหารไทย...อร่อยกว่าเยอะ จากคุณ : Sweet Coffee - [ 7 พ.ค. 52 12:00:05 A:58.10.103.12 X: TicketID:166981 ]

ความคิดเห็นที่ 98 แวะมาโหวตอีกรอบ ลุ้นให้เป็นกระทู้แนะนำนะคะ จากคุณ : sawkitty - [ 7 พ.ค. 52 19:39:51 ]