Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ทุนนิยมแท้คือรัฐสวัสดิการที่ไม่มีภาษีก้าวหน้า

    ทุนนิยมแท้คือรัฐสวัสดิการที่ไม่มีภาษีก้าวหน้า
    (ไม่สงวนลิขสิทธิ์ เม.ย. 2552)

    ระบบรัฐสวัสดิการไม่มีความจำเป็นหรือความสมควรที่จะต้องใช้วิธีหารายได้เข้ารัฐจากภาษีเงินได้อัตราก้าวหน้าหรือภาษีมูลค่าเพิ่มที่รุนแรงแบบสวีเดนแต่อย่างใด ที่จริงก็คือไม่ต้องเก็บภาษีจากการลงแรงลงทุนเลยด้วยซ้ำ ภาษีที่รุนแรงแบบสวีเดนน่าจะทำให้พลเมืองออกไปต่างประเทศที่ภาษีมูลค่าเพิ่มไม่รุนแรงและถ้าอยู่ในประเทศสวีเดนเองไม่ถึงครึ่งปีในแต่ละปีก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ให้สวีเดนด้วย

    ก่อนอื่นผมอยากให้พวกเราเลิกความเชื่ออันเกิดจากความเคยชินกับระบบภาษีปัจจุบันหรือความคิดที่ว่าภาษีที่เก็บจากแหล่งที่มาหลาย ๆ อย่าง อย่างละเล็กละน้อยนั้น ปรับปรุงกันมาเรื่อย ๆ ย่อมยุติธรรมหรือดีอยู่แล้วเสีย

    แหล่งที่มาของภาษีมี 3 ทางเท่านั้นคือรายได้หรือทรัพย์สินอันเกิดจากปัจจัยการผลิตทั้ง 3 ปัจจัย ได้แก่ ที่ดิน แรงงาน และ ทุน
    (ส่วนที่บางคนถือว่ามีปัจจัยที่ 4 คือ การประกอบการ นั้น ที่จริงก็คือแรงงาน ซึ่งอาจจะเป็นแรงสมองมาก แรงกายน้อย)
    ไม่ว่าเราจะคิดเก็บภาษีจากขั้นตอนใดหรือจากแหล่งใด ผู้จ่ายก็มึเพียง 3 ประเภท
    คือ เจ้าของที่ดิน, ผู้ใช้แรงงานหรือเจ้าของแรงงาน, และเจ้าของทุนหรือนายทุน
    (เจ้าของปัจจัยการผลิตปัจจัยหนึ่งอาจเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตอื่นด้วยก็ได้ แต่ในการคิดหาเหตุผลเราต้องแยกความเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทั้ง 3 ปัจจัยออกจากกัน)

    ทีนี้เราก็มาตรองดูว่า ในบรรดาปัจจัยการผลิต 3 ปัจจัยนี้ เราควรเก็บภาษีจากปัจจัยไหน

    ตลอดเวลามานานแล้ว ระบบภาษีที่ไม่เป็นธรรมของแทบทุกรัฐในโลกกำลังเบียดเบียนผู้ลงแรงลงทุนทั้งหลาย
    ที่สาหัสคือคนจน
    ผู้ได้ประโยชน์คือเจ้าของที่ดิน และทำให้มีการเก็งกำไรสะสมที่ดิน ซึ่งซ้ำเติมให้การเบียดเบียนรุนแรงทับทวี
    ราคา-ค่าเช่าที่ดินแพงเกินจริง ทำให้ผลตอบแทนต่อแรงงานและทุนต่ำเกินจริง
    เมื่อรวมกับการสะสมที่ดินไว้โดยไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ ก็ทำให้แรงงานและทุนพลอยไม่ค่อยมีงานทำไปด้วย
    ผลผลิตและความเจริญของชาติต่ำกว่าที่ควร ค่าแรงยิ่งต่ำ
    อีกทั้งการเก็งกำไรที่ดินอย่างกว้างขวาง ผสมกับสาเหตุทางการเงิน ยังก่อวัฏจักรเศรษฐกิจที่เหวี่ยงตัวรุนแรง
    เกิดความเสียหายใหญ่หลวงดังเช่นปี 2552 นี้ในสหรัฐฯ และลามไปทั่วโลก

    ภาษีเงินได้และภาษีกำไรยิ่งไปลดรายได้
    ภาษีการผลิตการค้าทำให้ของแพง
    คนจนยิ่งเดือดร้อน อ่อนแอ กลายเป็นเหยื่อนายทุนผู้จ้าง นายทุนเงินกู้ และผู้หลอกลวงโดยง่าย

    ที่ดินคือทุกสิ่งนอกจากตัวมนุษย์และผลผลิตหรือทรัพย์ที่เขาลงทุนลงแรงผลิตและค้าขายแลกเปลี่ยน
    ที่จริง ที่ดินควรเป็นสิทธิของทุกคนเท่าเทียมกัน รวมทั้งเด็กแรกเกิด
    เพราะชีวิตมนุษย์จะคงอยู่ได้ ต้องมีที่ดินเป็นที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน
    ที่ดินนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดสร้าง จึงไม่มีใครจะอ้างได้ว่าเป็นของตน
    ที่ดินส่วนใหญ่ทีเดียวมีราคาสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะกิจกรรมของส่วนรวมและความเจริญของชุมชน
    การซื้อที่ดินมิใช่การลงแรงลงทุนผลิต แต่เป็นการสืบต่อสิทธิ์ถือครอง
    ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น ๆ เรียกกันว่า ส่วนเพิ่มที่มิได้ลงทุนลงแรง (unearned increment)

    แต่ที่ดินมีถูกแพงดีเลวตามแต่สิ่งที่อยู่ในที่ดินนั้น และที่สำคัญคือทำเล
    การจัดสรรให้ย่อมยากที่จะเป็นธรรม และยากที่จะให้เหมาะสมกับแต่ละคน
    และคนมีเกิดมีตาย จะจัดสรรใหม่ก็ยาก
    วิธีที่ให้ความเป็นธรรมได้ดีคือเก็บภาษีที่ดินให้สูงเท่าหรือเกือบเท่าค่าเช่าศักย์ ซึ่งจะทำให้ที่ดินราคาถูกลง
    แรงงานและทุนจะเข้าทำประโยชน์ในที่ดินได้ง่ายขึ้น การว่างงานลด ค่าแรงเพิ่ม
    ผลตอบแทนทุนก็เพิ่ม ผลผลิตและความเจริญของชาติจะสูงขึ้น
    (แต่ควรค่อยเป็นค่อยไป เพื่อมิให้เจ้าของที่ดินเดือดร้อนเกินไป
    อาจใช้เวลานาน 25-30 ปี เพิ่มภาษีปีละ 3-4 % ของค่าเช่าศักย์)

    ในสหรัฐฯ มีผู้เห็นว่าค่าเช่าที่ดิน (คือภาษีที่ดินที่เห็นควรให้รัฐเก็บจากเจ้าของที่ดินเท่าหรือเกือบเท่ากับค่าเช่าศักย์) นั้นเพียงพอสำหรับงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น ทั้งนี้หมายรวมถึง ค่านำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้สิ้นเปลืองไป และค่าก่อความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อม อีกส่วนหนึ่งก็คือค่าสัมปทานซึ่งให้สิทธิผูกขาดแก่ผู้ประกอบการเฉพาะบางรายเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเร็ว ๆ นี้คือ บทความ 112 หน้าของ ศ. Mason Gaffney เรื่อง The Hidden Taxable Capacity of Land: Enough and to Spare ที่ http://www.uvm.edu/~gflomenh/PA395-CMN-ASSTS/articles/gaffney/MASTER-Gaffney-rent.doc

    นั่นคือสวัสดิการขั้นที่ 1
    สวัสดิการขั้นที่ 2 คือ ค่อย ๆ ลดเลิกภาษีทั้งสิ้นที่เก็บจากแรงงานและทุน เพราะได้ภาษีจากที่ดินมาแทนแล้ว
    และเพราะเอกชนควรได้รับผลตอบแทนเต็มที่จากการลงแรงลงทุนของตน
    เพราะความร่วมมือในการผลิต โดยเฉพาะคือการแบ่งงานกันทำ (division of labor) แล้วค้าขายแลกเปลี่ยนกัน
    ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพสูงจากการเล่าเรียนฝึกฝนความรู้ทักษะเฉพาะทาง ทำให้ผู้เกี่ยวข้องได้ของดีราคาถูก
    ซึ่งเป็นไปด้วย *มือที่มองไม่เห็น* ของแอดัม สมิธ นับเป็นสวัสดิการชั้นดี แต่ที่ผ่านมาแทนที่รัฐจะให้รางวัล
    กลับลงโทษด้วยภาษีต่าง ๆ นานา รายได้ต่ำลงเพราะภาษี ของแพงขึ้นก็เพราะภาษี

    หลังจากผ่านสวัสดิการ 2 ขั้นแรกมาแล้ว สวัสดิการขั้นที่ 3 ส่วนที่ต้องช่วยเหลือเพิ่มเติม จะลดลงมาก
    เราก็สามารถจัดสวัสดิการได้อย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้น


    ลัทธิทุนนิยมแท้ ๆ ไม่ควรจะมีที่ดินนิยมหรือลัทธิเจ้าที่ดินมาร่วมอยู่ด้วย
    เพราะที่ดินนิยมจะเป็นกาฝากร้ายที่บ่อนเบียนลัทธิทุนนิยมเองให้เกิดผลร้ายแก่ผู้คนที่อยู่กับลัทธินี้
    ไม่มีการเก็งกำไรใดอื่นจะกว้างขวางและส่งผลเสียหายรุนแรงเท่าเทียมการเก็งกำไรที่ดิน
    (ขนาดที่ไปไหน ๆ ก็เจอแต่ที่ดินมีเจ้าของแล้ว)
    เพราะที่ดินมิใช่ผลผลิต แต่เป็นมารดาแห่งผลผลิตของมนุษย์ (โภคทรัพย์และทุน)
    การกักตุนที่ดินกันทั่วไปจึงเป็นการปิดกั้นแรงงานและทุนจากการสร้างผลผลิตหรือสินค้าอย่างมาก
    ส่วนการกักตุนสินค้า อาจมีสินค้าอื่นใช้แทนได้ และอาจมีผู้อื่นหันมาผลิตสินค้านั้นออกขายแทน
    การเก็งกำไรกักตุนสินค้าจึงไม่เกิดผลร้ายกว้างขวางรุนแรงเท่าการเก็งกำไรกักตุนที่ดิน

    ถ้าไม่มีการเก็งกำไรที่ดินอย่างกว้างขวาง ก็ไม่มีการกู้เงินอย่างกว้างขวาง
    ถ้าไม่มีการเก็งกำไรที่ดินอย่างกว้างขวาง ก็ไม่มีวัฏจักรธุรกิจที่ดินที่ราคาเหวี่ยงตัวรุนแรง
    วิกฤตการเงินที่รุนแรงลามไปทั่วโลกก็ไม่เกิด
    เก็งกำไรที่ดินมีในที่ดินนิยม ที่ดินนิยมไม่ได้หายไปไหนขณะที่มีความเชื่อกันผิด ๆ ว่าโลกเราเปลี่ยนเป็นทุนนิยมแล้ว
    และหลง (หรือเจตนา ? ) โทษว่าลัทธิทุนนิยมหรือระบบตลาดเสรีล้มเหลว


    เชิญอ่าน
    ผลดีและความเป็นธรรมของภาษีที่ดิน
    http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=242&c=1
    ผสมสองทฤษฎีสกัดเศรษฐกิจฟองสบู่
    http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=46&c=1
    นายทุนกับผู้ใช้แรงงานมีผลประโยชน์ร่วมกัน
    http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=96&c=1
    แก้ปัญหาที่ดินได้ปัญหานายทุนกดค่าแรงจะหมดไปด้วย
    http://bbznet.com/scripts2/view.php?user=tangnamo&board=1&id=4&c=1

    สุธน หิญ http://geocities.com/utopiathai

    จากคุณ : สุธน หิญ - [ 28 เม.ย. 52 08:15:45 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com