ความคิดเห็นที่ 1 อ่านหนังสือประกอบด้วยเยอะๆ ไม่ใช่ท่องจำตำราอย่างเดียว จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 29 เม.ย. 52 12:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยกับคุณอา แอ๊ด ปากเกร็ดครับ อ่านแกรมม่าร์เสร็จ ต้องอ่านข่่าว ดูหนังเยอะ ๆ ครับ เพื่อให้เห็น grammar ที่ถูกนำมาใช้จริง ๆ ถ้าจะให้ดีก็เขียนและพูดด้วยครับ แรก ๆ จะผิดแน่นอน เพราะว่าเราจะยังต้องคิดแกรมม่าร์สลับไปมา แต่ทำไปเรื่อย ๆ ครับ ดีขึ้นแน่นอน จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 29 เม.ย. 52 12:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องเรียนไวยกรณ์ผ่านสิ่งที่เห็น (เหตุการณ์จริง) ซ้ำๆหลายครั้ง (จากเรื่องที่ต่างกัน) จากคุณ : Thaumaturge - [ 29 เม.ย. 52 12:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ใช่เลยครับ ต้องได้นำไปใช้ด้วยครับ นำไปใช้ ไปคุยกับพวกคนต่างชาติเลยครับ แนะนำใช้ skype ครับ ดาวน์โหลดออกมา ได้เลยครับ www.skype.com จากคุณ : Eto - [ 29 เม.ย. 52 12:58:48 A:58.8.19.142 X: TicketID:165049 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขั้นแรกคือทำแบบฝึกหัด grammar ในตำราเรียนเยอะๆจนมั่นใจว่าไม่ผิดพลาดในเรื่องง่ายๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน พยายามหาโอกาสพูดกับฝรั่งเจ้าของภาษามากๆ แล้วขอให้เขาแก้ไขข้อผิดพลาดให้ (นี่เป็นวิธีเรียน grammar ระดับพื้นฐาน วิธีลัด) ขั้นต่อไปคือ ลงมืออ่านหนังสือภาษาอังกฤษ เวลาอ่านไปพยายามทำความเข้าใจเนื้อหา ในขณะที่พยายามคิดว่า สิ่งที่นักเขียนฝรั่งคนนี้ เขียนมา ที่เราอ่านเจอนั้น ในแต่ละประโยค มันเข้าข่าย topic ไหนในเรื่อง grammar ที่เราเรียนมา ถ้าทำแบบนี้มากไป กลัวสำลัก ก็ทำแบบกระโดดไป กระโดดมา ไม่ทำทุกประโยคก็ได้ คือเห็นประโยคไหนแปลกๆ ก็ให้คิดว่าเขาใช้ภาษาตาม rule ไหนของ grammar หรือเขาแหกคอกแบบ มี poetic license ขั้นต่อไปที่ยากสุด ก็คือจำวิธีการที่นักเขียนใช้คำศัพท์สร้างประโยค (รวมทั้งการใช้ punctuation) มา หัดเขียนเอง ที่ผู้คนเป็นจำนวนมาก เขียน essays มา แล้วให้แก้บน pantip มีผิดเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ที่ผิดจังๆแบบว่า เขียนมา 2-3 หน้า หาเขียนถูกสักประโยคแทบไม่มีเลยนั้น มันผิดแค่ grammar ม.1-ม.4 จริงๆเลย...!!!!! แล้วเป็นนักเรียนมหาลัยเอกอังกฤษเขียนด้วยดิ เหลือเชื่อจริงๆ แล้วพอผิดอีกก็เขียนอีก แล้วก็ผิดอีก...เรายังสงสัยตะหงิดๆว่าทำไมอาจารย์มหาลัยไม่ไล่ไปเรียน grammar ม.ต้นใหม่? แล้วจับเรียน reading comprehension ใหม่ แล้วสอนให้ใช้คำศัพท์สร้างประโยคเป็น(ไม่ใช่สอนแต่ให้เข้าใจว่าคำศัพท์มันแปลว่่าอะไร) แต่ดันให้เขียน essay ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็แก้กันอุตลุต... โดยไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ... เพราะถ้ามันผิดเยอะขนาดนี้ อาจารย์คนเดียวจะไปแก้ให้นักศึกษาตั้งหลายสิบคน แล้วแก้ให้ครบถ้วน มันเป็นไปไม่ได้อยู่้แล้วน่ะ มันต้องสอนให้นักศึกษาหาข้อผิดพลาดของตัวเองให้ได้ด้วยตัวเองต่างหาก...ส่วนใหญ่ความล้มเหลวในการเรียนการสอน โดยที่นักศึกษาไม่รู้วิธีหาข้อผิดพลาดด้วยตัวเอง เช่นนี้ มักจะเกิดแต่เฉพาะในสถาบันระดับรองๆที่รับนักศึกษาอ่อนๆเข้ามากันเป็นจำนวนมาก   คำตอบง่ายๆก็คือ มันไม่มี input ก็๋ไม่มี output คือถ้าไม่เคยอ่านหนังสือ และเสพย์สื่อเป็นภาษาอังกฤษอย่างอื่นเช่น ดูหนัง ฟังเพลงฝรั่งฯลฯ หัดพูดกับฝรั่ง (โดยสังเกตว่ามันเข้าข่าย grammar เรื่องไหนที่เราเรียนมา)  เมื่อไม่มี input แล้วจะเอา output มาจากไหนกัน.... คนไทยอยู่้ต่างประเทศจนพูดคล่องแล้ว และไปเรียน writing ในมหาลัยดีัๆ กับอาจารย์ฝรั่งเก่งๆ เขาก็เขียนเก่งได้  แต่คนไทยหลายคนอยู่ในเมืองไทยยังพูดอังกฤษไม่ค่อยจะคล่้อง หรือพูดคล่องแต่ผิด grammar ทุกประโยค  แล้วพอเจอหลักสูตร writing ตามโรงเรียนภาษา ว่าที่โน่นสอนดี ที่นี่สอนดี แล้วก็เฮละโลกันไปเรียน เรียนให้ตาย ชาติหน้าบ่ายๆ ก็เขียนไม่ได้หรอก เพราะเวลาเขียนมันต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษ แบบที่ถูกต้องเป็นธรรมชาิติ ไม่ใช่คิดเป็นภาษาไทยแล้วแปลมา แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 13:10:03 จากคุณ : fortuneteller - [ 29 เม.ย. 52 13:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า ให้จำหรือฝึกแต่งประโยคเอาไว้เป็นประโยคตัวอย่าง จะช่วยให้เราจำโครงสร้างไวยากรณ์แบบต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น make + someone + V1 จากคุณ : PiggyPiggy - [ 29 เม.ย. 52 13:20:47 A:124.122.138.199 X: TicketID:201641 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องอาศัยเคยเห็นผ่านตาบ่อยๆ จนเข้าใจได้ว่าในสถานการณ์แบบนี้จะต้องใช้ไวยากรณ์แบบไหน และอย่ายึดติดกับภาษาไทย ไม่งั้นจะผิดแบบ non-native อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นเน้นการอ่านเป็นหลัก ยิ่งอ่านมากยิ่งซึมซับมาก จะอ่านอะไรก็ได้ขอให้เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเราก็พอ จากคุณ : Azure_Mile - [ 29 เม.ย. 52 13:26:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้าว ข้อความหายไปไหนเนี่ย...พิมพ์ใหม่ก็ได้ :D make + someone + V1 = make me cry let + someone + V1 = let me go get + sth + V3 = get it done have + sth + V3 = have my hair cut จากคุณ : PiggyPiggy - [ 29 เม.ย. 52 13:28:01 A:124.122.138.199 X: TicketID:201641 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องที่ คคห 6 กับ 8 พยายามยกตัวอย่าง อ่านๆดูแล้วคล้ายๆกับ handout (วงการติวของไทยเรียกว่า sheet) ที่แจกโดยติวเตอร์ตอนติว grammar ที่แนะนำเคล็ดลับหรืออะไรทำนองนั้น แต่อย่าเพิ่งหลงดีใจนะ ว่า ท่องได้แค่นั้น แล้วจะเขียนอังกฤษไม่ผิด grammar ง่ายๆ สบายๆ หายห่วง นะ เพราะอะไร? เพราะว่า ความจริงที่น่าตกใจ จนเกือบจะทำให้ท้อใจ นั่นก็คือว่า ตัวอย่างที่ยกมา แค่ make, let, get และ have นั้น มันก็เป็นเพราะว่า เป็นคำศัพท์ที่เจอบ่อยมากๆนั่นเอง แต่ท่องพวกนี้ได้หมด ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้ grammar ที่ "คนไทยลืมเรียน" กันได้ทั้งหมด จริงๆแล้ว ศัพท์ภาษาอังกฤษเกือบทุกคำ มี "พฤติกรรมเฉพาะตัว" ของมัน มันทำให้ คนที่ไม่ใช่เจ้าของาภาษา ต้องจำอะไรตั้งมากมาย กว่าจะขจัด non-native speaker's errors (ข้อผิดพลาดของคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา) ให้สิ้นซากไปได้ แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 15:04:47 จากคุณ : fortuneteller - [ 29 เม.ย. 52 14:36:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรามาศึกษาจาก esl dictionary ที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่งกัน นั่นก็คือ Oxford Advanced Learner’s Dictionary ว่า คำว่า "suggest" เพียงแค่คำเดียวนี้ มีพฤติกรรมเฉพาะตัวอะไรบ้าง ที่ต้องจดจำกันมากมายพอสมควร หากต้องการเขียนภาษาอังกฤษให้ถูกต้องเหมือนเจ้าของภาษา พฤติกรรมอันแรกของศัพท์ตัวนี้คือ [VN] คือ verb + noun นั่นเอง และเขาก็ให้ตัวอย่างประโยคไว้คือ May I suggest a white wine with the dish, Sir? ซึ่งก็เป็น [VN] จริงๆ นั่นก็คือ suggest = V ส่วน wine = N นั่นเอง ซึ่งในประโยคนี้ suggest แปลว่า “แนะนำ” ตัวอย่างอีกประโยคหนึ่งคือ A solution immediately suggested itself to me (= I immediately thought of a solution. = ฉันคิดคำตอบขึ้นมาได้ทันที) อันนี้ ถ้าใครท่องศัพท์เป็นคำโดดๆว่า suggest แปลว่า “แนะนำ” หรือ “เสนอ” มาโดยตลอด ก็จะไม่มีทางเขียนประโยคให้คำว่า suggest มันมีความหมายอย่างในประโยคนี้ได้เลย “แล้วเวลาแปลหนังสือ ก็อาจพลาดท่าแปลผิดเอาได้ง่ายๆด้วย !!!” การที่คำศัพท์มีความหมายดิ้นไปดิ้นมาได้แบบนี้ เราเรียกว่า the subtle nuances of meaning of each word .!! คราวนี้เรามาดูพฤติกรรมของคำนี้ต่อไป นั่นก็คือ [V (that)] คือ verb (+ that) นั่นเอง เมื่อนำ “สูตร” นี้ไปใช้ ก็จะแต่งประโยคได้ ดังนี้ I suggest (that) we go out to eat. พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [V -ing] นั่นก็คือ suggest + verb-ing นั่นเอง เมื่อเขียนประโยคก็ได้แบบนี้ I suggested going in my car. พฤติกรรมต่อไปที่ต้องจำก็คือ [VN that] เมื่อเขียนประโยคก็ได้ประมาณนี้ It has been suggested that bright children take their exams early. หรือถ้าจะเขียน แบบคนอังกฤษ ก็จะเติม should เข้าไป It has been suggested that bright children should take their exams early. พฤติกรรมต่อไปคือ suggest somebody (for something) ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้ Who would you suggest for the job? คุณจะเสนอให้ใครทำงานนี้? พฤติกรรมต่อไปคือ suggest something (as something) ลองเขียนมาก็จะได้ประมาณนี้ She suggested Paris as a good place for the conference. เรามาดูพฤติกรรมแบบ [VN] กันใหม่ เช่น Can you suggest a good dictionary? คุณจะแนะนำพจนานุกรมดีๆสักเล่มได้ไหม? เขียนแบบนี้ถูก แต่ถ้าเขียนแบบนี้ คือ Can you suggest me a good dictionary? มันจะผิด grammar ทันที เนื่องจากว่า “พฤติกรรมเฉพาะตัว” ของคำว่า suggest (ตามที่อธิบายไว้ใน dictionary) นั่นก็คือว่า มันใช้ไม่ได้ในรูปแบบ ‘suggest somebody something’ นั่นเอง พฤติกรรมต่อไปก็คือ [V wh-] คือ verb + who, what, why, when เมื่อเขียนประโยคดู จะได้ประมาณนี้ Can you suggest how I might contact him? (หรือถ้าเปลี่ยน how เป็น when (ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูล wh- ก็น่าจะใช้ได้ แต่ถ้าใส่ what เข้าไปแทน ก็จะอ่านไม่รู้เรื่องไปเลย...!!!!) คราวนี้ พฤติกรรม [V (that)] All the evidence suggests (that) he stole the money. หลักฐานทั้งหมด “แสดงให้เห็นว่า เขาขโมยเงินไป" คราวนี้เรามาดูพฤติกรรม [V (that)] กลายเป็นความหมายพลิกแพลงไปได้อีก Are you suggesting (that) I’m lazy? คุณกำลัง "ส่อความว่า = “หาว่า” ฉันขี้เกียจหรือ? จากคุณ : fortuneteller - [ 29 เม.ย. 52 14:37:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรามาดูข้อพึงระวังเรื่อง non-native speaker’s errors กัน อีก ตัวอย่างหนึ่ง อันนี้คัดจาก esl dictionary อีกเล่มคือ Longman Dictionary of Contemporary English นั่นก็คือ เขียนสรุปมาสั้นๆ ก็คือ He suggested us to go for a drink. อย่างนี้ผิด grammar ทันที คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง แต่ที่ถูก ต้องเป็น He suggested that we go for a drink. หรือจะเขียนว่า He suggested we go for a drink. ก็ถูกต้องเหมือนกัน What do you suggest us to do? อย่างนี้ก็ผิด grammar อีก คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง แต่ที่ถูก ต้องเป็น What do you suggest we do? I suggest to wear something warm. อย่างนี้ผิด grammar คือคำศัพท์ตัวนี้ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้นั่นเอง ที่ถูก ต้องเป็น I suggest wearing something warm. จากคุณ : fortuneteller - [ 29 เม.ย. 52 14:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่อง grammar ที่คนไทย "ลืมเรียน" ตามที่พูดไว้ใน คคห 9, 10 และ 11 ถ้าเปิด esl dictionaries แบบสุ่มๆ เอา เล่นๆดูว่า ศัพท์ในภาษาอังกฤษ เอาแค่ 2000-3000 คำ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วๆไป มันจะมี "พฤติกรรมเฉพาะตัว" พลิกแพลงออกมาได้ "กี่ความน่าจะเป็นไปได้กัน" แล้วเราจะพบว่า คนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองนั้น มีอะไรต้องจำมากมาย  มากกว่าฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือเรียนภาษาจีนหลายเท่าเลยหละ ฝรั่งเรียนคำศัพท์ภาษาไทยหรือภาษาจีน เป็นคำโดดๆ แล้วเอาคำศัพท์ภาษาไทยหรือภาษาจีน เป็นคำโดดๆมาวางรวมกัน ผสมผสานกัน บางทีถึงมันจะแปลเป็นอย่างอื่นได้พลิกแพลง แต่มันก็ไม่ "ผัน กลับไป กลับมา เติมไอ้โน่น ต่อไอ้นี่ ให้ยุ่งยาก" ไม่น่าเวียนหัวเท่าภาษาอังกฤษ   นั่นก็หมายความว่า ถ้าฝรั่งเรียนภาษาไทยหรือจีน แล้วตะลุยท่องคำศัพท์ภาษาไทยหรือจีน 5 ปี จำศัพท์ได้ 5000 คำ นะ ฝรั่งยังเขียนภาษาไทยหรือจีน ให้คนไทยหรือจีนอ่านแล้วไม่ปวดหัว "คือเขียนใกล้เคียงความจริงได้" แต่ในทางกลับกัน คนไทยหรือคนจีน เรียนภาษาอังกฤษ ตะลุยท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤณ 5 ปี จำศัพท์อังกฤษได้ 5000 คำนะ แต่ถ้า "ลืมเรียนพฤติกรรมเฉพาะตัว ของคำศัพท์ทุกคำ โดยลืมจำสูตร และลืมจำตัวอย่างประโยค จาก esl dictionaries นะ" ....ฮ่าๆๆๆ....จะบอกให้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น.... แล้วละก้อ อยู่ดีๆ  เขียนบทความภาษาอังกฤษ หรือชะล่าใจเขียนหนังสือภาษาอังกฤษ เป็นเล่มๆ ออกมานะ  พอฝรั่งเจ้าของภาษาอ่าน แล้วละก็ รับรองได้เลยว่า  "มึนหัวแน่ๆ"  เพราะว่า ข้อความที่เขี่ยนออกมา มันจะมี non-native speaker's errors เพียบ จนอ่านแล้วหงุดหงิด...เลยหละ นี่คือคำตอบที่ว่า ทำไมคนไทยเรียนภาษาอังกฤษตั้ง 10 กว่าปี แต่เขียนภาษาอังกฤษมา 2-3 หน้า แล้วเขียน ให้ถูกธรรมชาติสักประโยคหนึ่ง หาแทบไม่มี....!!! มันเป็นเพราะอะไร? ตอบ มันเป็นเพราะเรียนมาผิดวิธี ยังไงล่ะ ดังนั้น เราน่าที่จะสรุปได้ว่า "ภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งในบรรดาภาษาที่เรียนยากมากที่สุดในโลก ก็เพราะไอ้พฤติกรรมเฉพาะตัวของคำศัพท์ แต่ละคำ ของมัน (ที่พวกเราลืมเรียน) นี่หละ" แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 52 14:57:05 จากคุณ : fortuneteller - [ 29 เม.ย. 52 14:50:41 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาปูเสื่อรอคุณหมอดู... จากคุณ : R a z i e x Q - [ 29 เม.ย. 52 14:59:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ซื้อแบบฝึกหัด ป4 ป5 ป6 ม1 ม2 ม3 มาลองฝึกทำครับ Grammar เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนและลองทำ ให้จำอย่างเดียวมันเป้นไปไม่ได้ครับ จากคุณ : Wisapoy - [ 29 เม.ย. 52 15:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 fortuneteller พูดซะเห็นภาพเลย จากคุณ : เตียวกงจื้อ - [ 29 เม.ย. 52 15:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบคุณ fortuneteller ค่ะ : เราไม่ได้เอามาจากติวเตอร์สถาบันไหนหรอกค่ะ แต่เป็นสมัยเรียน ป.ตรี ใช่ค่ะ ที่เรายกตัวอย่างเพียงแค่นั้น เพราะเราไม่ได้เก่งกาจรู้ทุกกฏ ไม่สามารถชี้แจงแถลงไขละเอียดยิบได้ค่ะ เราแค่อยากชี้จุดเริ่มต้นง่าย ๆ ในการค่อย ๆ สะสมความรู้ให้ จขกท. ลองฝึก + จำไวยากรณ์ด้วยวิธีการนี้ดู การเรียนภาษา มันต้องใช้เวลา ต้องค่อย ๆ สะสมความรู้ไปเรื่อย ๆ การเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ แบบนี้ หรือการใช้สูตรลัดจากสถาบันติวคงไม่เสียหายอะไรมั้งคะ ถ้าเราสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง จากคุณ : PiggyPiggy - [ 29 เม.ย. 52 16:55:56 A:124.122.135.149 X: TicketID:201641 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นอกจากอ่านหนังสือ gramar แล้ว ต้องฝีกทำแบบฝึกหัด และดูว่าเราผิดอย่างไร และไปอ่านทบทวนที่ผิด ว่างๆ ก็เอาข้อสอบระดับต่างๆ มาทำ และดูเฉลย ถ้ามีเฉลยระดับพิสดารยิ่งดี คือบอกว่า ข้อนี้ถูกเพราะอะไร ข้อนี้ผิดเพราะอะไรเป็นต้น อย่างในตัวอย่างการทำการบ้านในข้อสอบ 100 ข้อนี้ ไป load มาทำดูครับ ได้ประโยชน์มากๆ อันนี้เป็นโปรเเเกรมทดสอบ Grammar ระดับ intermediate ของ John Eastwood ถ้าทำผิดข้อไหน โปรเเกรมก็จะระบุมาว่าคุณ ต้องปรับปรุงด้านใด  ค่อนข้างดีครับ  ลองเล่นดู http://www.mediafire.com/?n5qiyiuzzzl ปล. ผมเรียนมาแบบนี้แหละครับ อ่าน + ทำแบบฝึกหัด + ทำข้อสอบ = ได้ที่ 1 ภาษาอังกฤษของโรงเรียนตอน มศ.4 เลยครับ รางวัลคือ Oxford Advanced Learner's Dictionary 2nd Edition. ปล 2 ผมก็อ่านหนังสือภาษาอังกฤษอื่นๆ ด้วย พวก Graded Reading ครับ นั้นก็ 40 ปีมาแล้ว จากคุณ : K.Senior - [ 29 เม.ย. 52 22:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนผมอยู่ ม.ต้น ผมชอบทำแบบฝึกหัดครับ ทำไปเยอะๆ มันก็จะรู้ว่า ไอ้นี้ใช่แบบนี้ แบบนั้น จากคุณ : ปูเทียมไก่ชุบ - [ วันแรงงาน 23:04:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จะขียนให้เก่ง ต้องเริ่มจากอ่านเก่ง ๆ ก่อนคับ แล้วรูประโยคจะติดตาเอาไปใช้ได้ จริง ๆ แล้วฝรั่งเขาก็ไม่ได้จำแกรมม่ากันได้นะครับ แต่มันคือความเคยชิน เขารู้ว่าพูดแบบนี้ถูก แบบนี้ผิด แต่บางทีเขาก็ไม่รู้หรอกว่า v อะไรตามด้วยอะไร คงเหมือนคนไทยที่ถ้าให้เอาประโยคที่พูดกันยาว ๆ มาแยกส่วนตอบว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง คงมีอึ้งกันไปบ้าง จากคุณ : sanow - [ 2 พ.ค. 52 09:42:03 ]