ความคิดเห็นที่ 1 ปัญหาของเอกชนที่เป็นที่ถกเถียงกันคือเรื่องมาตรฐานนี่แหละครับ การที่มหาวิทยาลัยปฏิเสธการรับเนื่องจาก ผู้ทรงคุณวุฒิไม่เพียงพอ เป็นเหตุผลที่ถูกต้องแล้วครับ  แต่ผมว่ามหาวิทยาลัยน่าจะระบุไปว่าปีนี้ไม่รับหรือรับเท่านี้ๆ  จะได้ไม่ต้องเสียเวลากันมาก ถ้าคิดจะไม่รับอยู่แล้วอะ พอดีของผมแผนวิทย์ เลยไม่ค่อยมีปัญหาด้านนี้หนะครับ เพราะแผนวิทย์บังคับทำวิทยานิพนธ์อยู่แล้วหงะ  >< จากคุณ : oakemon - [ 3 พ.ค. 52 11:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมสอบเข้า ม.รัฐ แห่งหนึ่ง ผมก็เลือกแผน ก. เพราะผมจบโท มาแล้วใบนึงแต่ทำ research แค่ 6หน่วย รู้สึกมันหลวมๆ ทางฝ่ายวิชาการ ของ ม.แห่งนั้น บอกว่า จะเลือกแผน ก. ก็ได้แต่มีข้อแม้ว่า 1. ต้องเรียน RESEARCH METHODOLOGY ให้ได้ A เท่านั้น 2. ผลการเรียนในเทอมแรกต้องได้ 3.5 ขึ้นไป ผมว่าเงื่่ื่อนไขก็ ok ดีนะ เพราะ ผมต้องการต่อเอกจึงเลือกแผน ก. ซึ่งจริงๆแผน ข. ก็ต่อเอกได้ ซึ่งเงื่อนไข 2ข้อที่ว่ามาก็แฟร์ดี ถ้าทุก ม. วางระเบียบแบบนี้มา ก็ ok เลย ความรู้สึกส่วนตัวนะ ถ้าให้ทำ6หน่วย ให้ทำ 3หน่วยไปเลยดีกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แบบ MBA ขอนแก่นอ่ะ เอาให้ชัดเจนไปเลย อยากทำวิทยานิพนธ์ ก้อเอาไปเลย 12 ไม่งั้นก้อสารพิพนธ์ 3ก้อพอ ถ้าอยากให้จบเร็วไม่ตกค้าง ปัญหาพิเศษมันก้อตกค้างอยู่ดีแหละผมว่า จากคุณ : jessicamilk - [ 3 พ.ค. 52 11:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 "ปีหน้าดิฉันจะเรียนของเอกชน เพราะทางเอกชนให้คำตอบว่า ไม่มีปัญหาแน่ค่ะ เพราะให้ดิฉันหาที่ปรึกษาได้เองค่ะ แล้วก็หลักสูตรของทางเอกชน ทันสมัย และตรงกับตลาดแรงงาน มากกว่าทางม.รัฐบาลค่ะ" เรื่องหลักสูตรไม่มีความรู้เพียงพอที่จะแสดงความเห็นได้ แต่เรื่องที่ "ทางเอกชนให้คำตอบว่า ไม่มีปัญหาแน่ค่ะ เพราะให้ดิฉันหาที่ปรึกษาได้เองค่ะ" อยากจะบอก จขกท ว่านี่คือปัญหาของนักศึกษาปริญญาโทที่เรียนหลักสูตรพิเศษ หลักสูตรที่รับนักศึกษาเยอะๆ แล้วเชิญอาจารย์พิเศษมาสอน เพราะเมื่อถึงเวลาที่นักศึกษาต้องทำวิทยานิพนธ์ปรากฏว่าอาจารย์ประจำมีไม่พอ ทางภาควิชาก็ "ให้ดิฉันหาที่ปรึกษาได้เองค่ะ" แต่การหาอาจารย์ที่ปรึกษาเองไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดนะคะ ดิฉันไม่เคยมีปัญหาหรือประสบการณ์โดยตรง แต่เป็นผู้ดูปัญหานี้มาหลายปี ฟังจากคนรู้จักที่เรียนป.โทแบบรับเยอะๆ แล้วนักศึกษาต้องวิ่งหาที่ปรึกษาเอง บางคนหาไม่ได้ บางคนที่ปรึกษาก็รับงานเยอะ บางคนที่ปรึกษาก็ไม่ใช่อาจารย์ประจำ ติดต่อยาก สารพัดปัญหา ดิฉันขอแนะนำว่าคุณลองไปพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เรียนในระบบที่ "หาอาจารย์ที่ปรึกษาเอง" ดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเรียนนะคะ เพราะดิฉันเกรงว่าปีหน้าหรือสองปีข้างหน้าคุณอาจมาตั้งกระทู้ว่า "ทำไงดีคะจะทำวิทยานิพนธ์แต่หาอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้ เพราะอาจารย์ประจำมีไม่พอ อาจารย์พิเศษก็ติดต่อยาก หรือไม่รับ ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่รับผิดชอบเพราะเคยบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าให้นักศึกษาหาอาจารย์ที่ปรึกษาเอง" จากคุณ : light blue - [ 3 พ.ค. 52 11:37:50 A:202.156.10.237 X: TicketID:141280 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ เก่งนะคะที่คิดแทนคนอื่นได้ด้วยน่ะค่ะ ดิฉันเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย และที่ปรึกษาของดิฉันก็แนะนำ เพราะที่ปรึกษาทราบผลอันล้มเหลวจากภาคปกติ และภาคพิเศษของม.รัฐบาลค่ะ (ดิฉันหมายถึงเฉพาะสาขาสื่อสารมวลชน นิเทศศาสตร์ และการสื่อสารค่ะ) ม.รัฐบาลพวกที่มีคุณสมบัติในการตรวจวิทยานิพนธ์ก็ไม่ค่อยทำหน้าที่ อาจจะเพราะหลายสาเหตุนะคะ เช่น การรับเป็นที่ปรึกษาให้ม.อื่นๆ ค่าดูแลก็แพง คุ้มกว่าที่เหนื่อย หรือไม่ก็อาจจะต้องทำวิจัยเพื่อรักษาสถานภาพทางวิชาการของตัวเองให้คงอยู่นะคะ เห็นว่ารศ. 1 ปี ต้องทำวิจัย และทำตำราเยอะนี่คะ คงไม่มีเวลามาตรวจให้กับนศ.ตัวเล็กๆที่ไม่มีบารมีอะไรหรอกค่ะ อย่าว่าแต่ป.โทเลยค่ะ ป.เอกในประเทศก็ปัญหาเยอะแยะมาก จบคอร์สเวิร์คแล้วก็ต้องต่อคิวท่านๆทั้งหลายอีก คิวละ 5 ปี จนนศ.ป.เอกหลายๆคนต้องแอพพลายไปเมืองนอกกันทั้งสิ้น เพราะระบบการผูกขาดที่ปรึกษาของเมืองไทยนี่แหละค่ะ ขอให้ผูกขาดไว้ได้นานๆนะคะ ก่อนที่ความจริงจากการผูกขาดจะถูกเปิดเผยออกมาในอนาคตอันสั้นนี้ค่ะ เพราะผลกระทำจากการดองวิทยานิพนธ์ของม.รัฐนั้น ชักจะแดงออกมามากแล้วนะคะ บางกรณีก็ถูกฟ้องร้องเป็นข่าวครึกโครม และปิดข่าวกันคึกคักไปด้วยน่ะค่ะ ปล.ถ้ามีใครช่วยอธิบายให้ดิฉันเข้าใจหน่อยก็ดีนะคะ ม.รัฐบาล ที่เขาว่า หรือที่พวกเขาอุปาทานว่าได้คุณภาพนั้น ตอนนี้ลบคำว่า หลอกคนเข้าไปเรียนได้รึยังคะ (ขออ้างเฉพาะสาขาสื่อสารมวลชน นิเทศศาสตร์ และการสื่อสารค่ะ เพราะสาขาทางนี้ปัญหาเยอะ) และถ้ามีคุณภาพจริงๆ ทำไมที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ไม่พอคะ แล้วความหลากหลายของวิทยานิพนธ์ก็น้อย ซ้ำกันไป รีไซเคิลกันมาน่ะค่ะ อันไหนคือคุณภาพตามข้อกล่าวอ้างคะ ขอบคุณมากๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 12:02:28 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 12:00:59 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 11:57:32 จากคุณ : boy_mc_carey - [ 3 พ.ค. 52 11:55:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้ว งง ปัญหาอยู่ตรงไหนครับ ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า คุณเจ้าของกระทู้ ไปสมัครเรียนป.โท แล้วทางคณะไม่รับ เพราะว่าจำนวนอาจารย์ไม่พอกับนักศึกษา หรือเปล่า ถ้าใช่ มันก็ถูกแล้ว เพราะถ้าจำนวนอาจารย์ไม่พอกับนักศึกษา ทางคณะก็ไม่ควรรับ ถามว่าทำไมคณะแห่งนี้มีอาจารย์หลายท่าน แล้วทำไมทางคณะจึงบอกว่าจำนวนอาจารย์ไม่พอ ก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดครับ อาจารย์บางท่านต้องพยายามให้เด็กป.โท ที่เรียนอยู่จบให้หมดก่อนถึงจะรับเด็กใหม่ได้ บางท่านอาจจะไม่สะดวกรับนักศึกษาในปีการศึกษานี้ (ไม่รู้ด้วยเหตุผลรับงานนอก หรือเหตุผลส่วนตัวใด ๆ ก็แล้วแต่) ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าโกรธกัน จากคุณ : nameless - [ 3 พ.ค. 52 16:09:45 A:118.173.62.24 X: TicketID:125428 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าคุณ จขกท เขาพกความโกรธมาตั้งแต่ตั้งกระทู้แล้วนะ ปากบอกว่าอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่ง คห. 3 ก็เข้ามาแลกเปลี่ยนดีๆด้วยแล้วแต่ไหงการตอบใน คห.4 มันกลายเป็นการเสียดสี+จู่โจมให้ร้ายม.รัฐไปซะงั้น (ท่าจะองุ่นเปรี้ยวอีกแล้วงานนี้) เอาเป็นว่าขอให้มีความสุขกับการเรียนม.เอกชนละกันนะครับ เวรระงับด้วยการไม่จองเวร ปัญหาใดที่เกิดจากปมในใจย่อมต้องแก้ไขที่ใจเราเป็นสำคัญ ก่อนที่จะไปโทษ+ให้ร้ายคนอื่นนะครับ หุหุ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 17:06:46 จากคุณ : โจโฉ (joechou) - [ 3 พ.ค. 52 17:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในฐานะที่เคยเป็นเลขานุการหลักสูตร ป.โท มหาวิทยาลัยเอกชน และปัจจุบันเรียน ป.เอก อยู่ที่ มธ. ผมขอแสดงความเห็นดังนี้นะครับ ประเด็นแรก "ทางมธ. สาขาสื่อสารมวลชน ภาคปกตินั้นอาจารย์ผู้ดูแลวิทยานิพนธ์ไม่เพียงพอค่ะ ถ้าดิฉันเลือกแผน ข. ก็สามารถเข้าเรียนได้ แต่ดิฉันได้ปฏิเสธไปในวันนั้นค่ะ ซึ่งดิฉันตกใจอย่างมากว่า ทำไมม.ระดับสูงถึงไม่เพียงพอ ทั้งๆที่ในสาขามีดร. และรศ.ตั้งหลายคน ซึ่งก็น่าจะครบได้นะคะ" ตอบ: สกอ.มีกฎว่า อาจารย์ 1 ท่าน เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ให้นักศึกษาได้ไม่เกิน 5 คนในเวลาเดียวกัน (ไม่ใช่ 5 คนต่อนักศึกษา 1 รุ่น) ดังนั้นอาจารย์หลายๆท่านก็รับ thesis ไว้เต็มอัตราแล้วครับ (แต่ผมก็แปลกใจว่าถ้าทางวารสารฯเขาไม่มีอาจารย์จริงๆ ทำไมไม่บอกไปเลยว่าปีนี้ไม่รับแผน ก.) ประเด็นที่สอง "ปีหน้าดิฉันจะเรียนของเอกชน เพราะทางเอกชนให้คำตอบว่า ไม่มีปัญหาแน่ค่ะ เพราะให้ดิฉันหาที่ปรึกษาได้เองค่ะ แล้วก็หลักสูตรของทางเอกชน ทันสมัย และตรงกับตลาดแรงงาน มากกว่าทางม.รัฐบาลค่ะ" ตอบ: ไม่ว่าจะ ม.รัฐหรือเอกชน ก็อยู่ภายใต้กฎเดียวกันของ สกอ. ม.เอกชนนี่จะมี รศ. และ ดร. น้อยกว่า ม.รัฐนะครับ ระวังว่าเข้าไปจริงๆแล้วก็หาอาจารย์ไม่ได้อีก อีกอย่างบัณฑิตวิทยาลัยของหลายๆที่จะมีกฎชัดเจนว่า คนที่จะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา (หลัก) จะต้องเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยที่คุณเรียนอยู่เท่านั้น ส่วนที่ปรึกษา (ร่วม) เอาอาจารย์ข้างนอกมาได้ สมมติว่าเรียนที่ มธ. อาจารย์ที่ปรึกษา (หลัก) ต้องเป็นอาจารย์ประจำ มธ. เท่านั้น จะไปเอาอาจารย์จุฬาฯมาเป็นที่ปรึกษา (หลัก) ไม่ได้ ม.เอกชนที่ผมเคยทำงานก็มีระเบียบแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นที่คุณบอกว่า "ม.เอกชนหาที่ปรึกษาเองได้" ก็ต้องระวังครับ ลองตรวจสอบระเบียบก่อนดีกว่า ม.เอกชนเขามักจะบอกว่า "ได้" อยู่เสมอ (ตรงนี้ต้องยอมรับว่าเขาเป็นเชิงธุรกิจมากกว่า ม.รัฐ) แต่พอเอาเข้าจริงๆเจอ สกอ.สวนมา ม.เอกชนก็จ๋อยไปเหมือนกัน ได้ข่าวมาว่า สกอ. กำลังจะเช็คบิลย้อนหลังคนที่จบ ป.โทและเอก ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ เรื่องนี้ต้องระวังนะครับ การรับปากจากเจ้าหน้าที่หลักสูตรนั้นไม่อาจเป็นหลักประกันอะไรได้ ยิ่งเป็น ม.เอกชนยิ่งไม่มี power จะไปต่อรองกับ สกอ. ได้มากนักหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 17:32:25 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 52 17:31:01 จากคุณ : ชาวจีนศึกษา ณ TU - [ 3 พ.ค. 52 17:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อยากให้คุณ จขท ใจเย็นๆ ลงสักนิด ตอนนี้อาจจะรู้สึกผิดหวังกับระบบฯ หรือเข้าใจผิด หรือด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ที่สำคัญคือคุณเสียโอกาสไปอย่างมากมาย (ในความคิดเห็นของผมนะ) จากการตอบใน คห ที่ 4 เนื่องจาก คุณ คห ที่ 3 ได้เข้ามาช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญมากทีเดียว และใช้ภาษาได้สุภาพมาก แต่คุณกลับตอบกลับโดยใช้ภาษาที่เสียดสี และกระทบกระทั่ง (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่า ขอโทษทีครับ) ไปถึงสถาบันอื่นๆ เหมือนฟาดหัวฟาดหางไปหมด แต่ผมก็เข้าใจนะครับว่า ถ้าหากเป็นผมเอง ก็อาจจะเผลอทำอะไรแบบนั้นไปบ้าง เพราะผมเองก็เป็นบ่อย แต่เนื่องจากคุณเองเรียนมาทางด้านนิเทศ ด้านการสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะมีประสบการณ์ทางด้านประชาสัมพันธ์ คุณน่าจะมีการยั้งคิดมากกว่านี้สักนิด ไม่ใช่เฉพาะการส่งสารออกไป แต่ผมว่าคุณมีปัญหาตั้งแต่การรับสาร และการตีความ(จากการอ่าน เช่นใน คห 3) ถ้าคุณไม่ปรับปรุงทักษะด้านการใช้ภาษา และการควบคุมอารมณ์ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นได้เมื่อคุณเข้าไปเรียนต่อหรือทำงาน ซึ่งจะมีการถกเถียง แสดงความคิดเห็นกันมากกว่านี้นะครับ ไม่ได้เข้ามาตำหนินะครับ แต่อยากให้ค่อยๆลองปรับทัศนคติ เพราะว่าผมเองก็มีปัญหานี้เช่นกัน ก็กำลังพยายามปรับเปลี่ยนการใช้คำพูดหรือการแสดงออกของตัวเองให้มันเหมาะสมมากขึ้นเช่นกันครับ หวังว่าคงไม่โกรธนะครับ ที่อาจจะพูดตรงไปนิด แต่อยากให้คุณได้มีโอกาสดีๆทั้งในการศึกษา การทำงาน และได้พบเพื่อนที่ดีๆครับ และขอโทษด้วยที่ไม่ได้ให้คำแนะนำเรื่องที่คุณสงสัย เพราะไม่มีความรู้ครับ ส่วนเรื่องการเรียนต่อ ถ้าหากไม่รีบร้อนอะไร ก็รอดูปีหน้าอีกสักครั้งก็ได้ครับ ค่อยๆเลือกที่เรียนที่เราอยากเรียนจริงๆ และคิดว่าได้ความรู้ในด้านที่ต้องการจริงๆ อย่าตัดสินใจเลือกเพราะความอคติจากเรื่องบางเรื่อง เพราะการเรียน ป.โท เป็นการลงทุนทั้งด้านการเงิน เวลา กำลังกาย กำลังสมอง กำลังใจ ฯลฯ ดังนั้น ลองทำใจให้สงบก่อน ค่อยๆคิด พิจารณาไปทีละข้อถึงข้อดีข้อเสียต่างๆ โดยเฉพาะถ้าคุณเรียน ป.ตรี เอกชนมาแล้ว ลองเรียน ป โท ของรัฐบาลบ้าง จะดีหรือเปล่า ผมไม่ได้บอกว่าเรียนของรัฐบาลจะดีกว่าการเรียนเอกชนนะครับ เพี่ยงแต่ความคิดเห็นส่วนตัวคือ ถ้าเราได้เรียนต่างสถาบันหรือระบบที่ต่างกันในแต่ละระดับชั้น มันน่าจะทำให้เราได้เห็นมุมมองอะไรใหม่ๆ ทั้งดีและไม่ดีของแต่ละที่ แต่ละระบบการศึกษา ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับการเอาไปประยุกต์ใช้ในงานของเราในอนาคตได้ครับ จากคุณ : JP - [ 3 พ.ค. 52 21:32:18 A:212.9.104.91 X: TicketID:144076 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กว่าผมจะได้ที่ปรึกษา 1 ปีเต็มครับ  เรียนคอร์สเวิค เกือบจะหมดแล้วด้วยซ้ำ ผมว่า ก็ไม่แปลกนะครับ ถ้าเขาเห็นว่า ไม่เวิค ที่รับ แผน ก จากคุณ : BIZZARE - [ 3 พ.ค. 52 22:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ระบบหา อ.ที่ปรึกษาเองไม่แปลกหรอกครับ ยังมีมหาวิทยาลัยรัฐ หลายแห่งใช้ระบบนี้ จบ คอร์สเวิร์คแล้วเคว้งครับ... ไม่รู้จะปรึกษาใคร อาจารย์แต่ละท่านก็ปัด  ๆ ไม่รับ เลือกที่เรียนให้ดีนะครับ ไม่งั้นจะเหมือนผม หนึ่งปีเต็มหลังคอร์สเวิร์คจบ พึ่งจะได้หัวข้อ ที่สิส และอาจารย์ที่ปรึกษาที่สีส ถือว่าโชคดีมากแล้วครับ ปล. แผนก. ละเอียด ยาก ลึกซึ้ง  และกว่านิสิต หนึ่งคนจะจบใช้เวลาหลายปีชื่อจะค้างอยู่ที่อ.ที่ปรึกษาจนกว่านิสิตจะจบ จึงส่งผลให้การรับนิสิตทำที่สีสมีปัญหา เพราะเท่าที่ทราบ บางมหาวิทยาลัยจะจำกัดอาจารย์บัณฑิตศึกษาหนึ่งท่านรับลูกศิษย์ ได้ไม่เกินเท่านั่นเท่านี้......... จากคุณ : peeradol33189 - [ 3 พ.ค. 52 23:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอแชร์นิดนะครับ thesis เนี่ยถ้า อ.คนไหนรับเป็นที่ปรึกษาก็ต้องควบคุมคุณภาพ เพราะเหมือนเป็นยี่ห้อของ อ.คนนั้น ๆ ด้วย ถ้าไม่ดูรายละเอียดมากพอ ก็จะส่งผลถึงตัว อ.ด้วย การที่สาขาปฏิเสธไม่รับเพราะทรัพยากรของคณะไม่พอ ดีกว่าการที่รับไปแล้วดูแลกันไม่เต็มที่ครับ อีกอย่าง อ.ที่ มธ. ท่านก็ไม่ได้ทำงานแค่ตรวจ thesis อย่างเดียว สอน ป.ตรี ป.โท วิ่งไปสอนรังสิตด้วย งานวิจัยส่วนตัว งานนอกต่าง ๆ อีก อ.ไม่ต้องการลดคุณภาพถึงได้ควบคุมปริมาณงานของตน เพราะหมายถึงชื่อเสียงของ อ.เองด้วย อีกอย่างแผน ก ต้องทำ thesis ลึกมาก คุณจะทำหัวข้อไหน อ.คนนั้นต้องรู้มากกว่าคุณ ถึงจะให้คำปรึกษาคุณเรื่อง thesis ได้ ไม่แปลกที่สาขาจะบอกว่า อ.ผู้เชี่ยวชาญมีน้อย คุณอาจคิดว่า ม.เอกชน แฟร์กว่า รับแผน ก ไม่มีปัญหา อาจด้วยปริมาณงานที่น้อยกว่ารึเปล่าผมก็ไม่ทราบ แต่ผมว่า อ.มหาลัยรัฐ ถ้าเป็นคุณขอให้ท่านเป็นที่ปรึกษา thesis ยากจริง แต่ถ้าได้เป็น advisor คุณต่อเอกสบายครับ ยิ่งเป็น อ.ที่มีชื่อเสียง ยิ่งสบายเลยครับ ผมเรียนที่ มธ. เหมือนกันครับ แต่ไม่ใช่วารสารฯ เลยมาแชร์เพื่อแก้ไขความเข้าใจไม่ตรงจุดของ จขกท. จากคุณ : Sentiment - [ 4 พ.ค. 52 11:43:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรียน จขกท ที่เข้ามาตอบใน คห ที่ 4 นะคะ ดิฉันเป็นผู้ตอบ คห ที่ 3 ที่พอวันนี้เข้ามาดูอีกครั้งก็อึ้งที่เห็นคุณเขียนกระทบดิฉันใน คห ที่ 4 ทั้งๆ ที่ดิฉันก็แสดงความเห็นที่อยากให้คุณมองรอบด้าน และลองถามผู้มีประสบการณ์ก่อน แต่ดิฉันก็ไม่โกรธอะไรคุณหรอกค่ะ เข้าใจและเห็นใจผู้ที่ต้องการเรียน แต่ด้วยปัญหาที่เหนือการควบคุมทำให้คุณไม่ได้เรียน ดิฉันเองก็เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ทำงานสอนมาหกปี ก่อนลาศึกษาต่อ มาสามปีแล้ว ดิฉันมีตำแหน่งทางวิชาการ เคยสอนป.โท เคยเป็นกรรมการและเลขานุการหลักสูตรปริญญาโทของภาควิชาสองหลักสูตรอยู่สี่ปี ดิฉันทำหน้าที่ที่ติดต่อกับนิสิตป.โทและผู้สมัครป.โท รวมทั้งบัณฑิตวิทยาลัยมานานสี่ปี (ขออภัยไม่อยากเอ่ยอ้าง แต่อยากให้เห็นเพียงว่าดิฉันมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องป.โท) ปัญหาเกี่ยวกับนิสิตป.โทที่ดิฉันรับรู้ด้วยตัวเองเรื่องที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์มีมากมาย เพราะที่ภาคดิฉันกำลังประสบปัญหาว่าอาจารย์เกษียณปีละสองคนติดกันตั้งแต่ปี 44 จากอาจารย์เกือบยี่สิบคนตอนนี้เหลือไม่ถึงสิบ ลาศึกษาต่ออีกสอง ผู้ไม่มีตำแหน่งวิชาการคุม thesis ไม่ได้อีกสอง ดิฉันเคยแม้กระทั่งโน้มน้าวให้ผู้สมัครย้ายวิชาเอก เพราะอีกเอกหนึ่งไม่มีอาจารย์พอ ซึ่งดิฉันรู้สึกแย่ เพราะผู้สมัครเขาตั้งใจมาเรียนเอกนี้ ดิฉันเคยแม้กระทั่งขอให้ภาคปิดวิชาเอกหนึ่งของ ป.โท เพราะอาจารย์ผู้สอนไม่มี เปิดรับนิสิตมาก็ไม่มีคนสอน ไม่มีคนคุม thesis แต่ปัญหานี้ยังมีอยู่ ดิฉันบอกคุณ จขกท เรื่องปัญหาของการหาอาจารย์ที่ปรึกษาด้วยตัวเอง เพราะลูกศิษย์ดิฉันที่ไปเรียนต่อโทที่อื่นหรือเพื่อนดิฉันที่เรียนต่อโทภาคพิเศษทั้งม.รัฐและเอกชนหลายคนมีปัญหาเรื่องที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ดิฉันเพียงแต่นำสิ่งที่ดิฉันมีประสบการณ์และที่รับรู้มาโดยตรงมาบอกเล่า เพื่อให้คุณได้มีมุมมองที่กว้างออกไป แต่ถ้าคุณไม่พอใจ ตำหนิว่าดิฉันคิดแทนคุณ ดิฉันก็บอกได้เพียงว่าขอให้คุณโชคดีค่ะ ดิฉันคงไม่พูดอะไรมากกว่านี้เพราะใน pantip บัตรผ่านมักไม่ได้รับการยอมรับ ตอนนี้สมัครขอ log in ไปแล้ว หวังว่า จขกท จะไม่รำคาญความเห็นจากบัตรผ่านนะคะ จากคุณ : light blue - [ 4 พ.ค. 52 14:35:57 A:202.156.10.237 X: TicketID:141280 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมจะโดนคุณ เจ้าของกระทู้เข้าใจผิดไหมครับว่า ถ้าผมบอกว่าคุณกำลังมองโลกไม่รอบด้านเกินไป เฉพาะสิ่งที่คุณเล่ามานั้น ในสาขาวิชาการสื่อสาร และนิเทศศาสตร์ ไม่ใช่ทุกสถาบัน โดยเฉพาะของรัฐที่เป็นแบบนั้นนะครับ ทำไมต้องไปเรียนเอกชนละครับ เพียงแต่คุณยังไม่เรียนรู้ หรือ ประเมินแบบสามร้อยหกสิบองศา ให้กว้างกว่านั้น ไม่ใช่เอกชน คุณก็สามารถเรียนได้ หาที่ปรึกษาที่ดีได้ ทำไมคุณเจ้าของกระทู้ไม่ลองเลือกมาเรียนที่จุฬา บ้างละครับ ที่นั้น รศ. และ ดร. ที่มีคุณภาพคับแก้ว จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจบสถาบันดังๆ ตั้งแต่ของ อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เทียบการเขียนหนังสือวิชาการ ก็น่าจะพอทราบนะครับ ถ้าเรียนสายสื่อสารมวลชนมา ใครเจ๋งกว่าใคร ขนาดหนังสือพิมพ์ออนไลน์บางแห่งยังเอา ชื่อเสียงอาจารย์ที่จุฬาไปสร้างการโฆษณาชวนเชื่อเลย ไม่อยากจะบอกว่าของจุฬาดีกว่าหรอกครับ ถ้าคุณ เจ้าของกระทู้ไปดูโปรไฟล์อาจารย์ผู้สอน ของ มธ เทียบกับจุฬา ถ้าอยากเก่ง อยากเจอคนหัวกะทิ จริงๆ แล้วจะรู้ว่า ควรจะเลือกเรียนที่ใด ผมเป็นเด็กทั้งสองสถาบันครับ ไม่ได้ต้องการอวดอ้างอะไรนะครับ แต่อยากจะบอกให้ลองมองโลกกว้างงอีกนิด เพราะผมสามารถเรียนจบทำวิทยานิพนธ์ ภาคนอกเวลา ภายในปีครั้ง จีพีเอ 4.00 ครับ สำหรับสถาบันนั้น ตอนนี้วงในกำลังมีปัญหาครับ อาจจะเป็นเพราะชื่อที่ว่า ธรรมศาสตร์ และ "การเมือง"   หุหุหุ มีแวมไพร์ มาด้วย จะโดนไหมละเนี้ย เล่นของสูงเลยนะ มีอะไรหรือต้องการปรึกษาอะไร หลังไมค์มาได้นะครับ จะพยายามช่วยให้หมด ผมเชื่อว่า สามารถแนะนำอะไรดีๆ ให้ได้ อย่ามาโพสแบบนี้เพื่อต้องการระบายอารมณ์เลย ใจร่มๆ ดีกว่า เพราะอย่างไร เราก็จะได้เข้าสู่การเป็นเจ้าคนนายคน จากมหาบัณฑิตแล้ว ต้องทำตัวเองให้ดีกว่า มีคุณค่าที่น่าชื่นชม กว่าคนทั่วไปครับ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 4 พ.ค. 52 23:34:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอรบกวนถาม คุณวุ้นกะทิ เริ่มแรกที่เราจะศึกษาวิทยานิพนธ์ของคนอื่น เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการทำวิทยานิพนธ์ของตัวเอง เราจะศึกษาอย่างไร จำเป็นต้องอ่านให้ครบ ทั้ง 5 บท ก่อนหรือไม่ หรือเลือกอ่านเฉพาะบทที่เราสนใจจะศึกษา หรือจะเริ่มต้นอย่างไร รบกวนตอบด้วยนะคะ จากคุณ : จันทร์เจ้าขา - [ 6 พ.ค. 52 22:39:12 A:202.29.51.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตามวิธีการของผมนะครับ คุณจันทร์เจ้าขา ผมจะเลือกอ่านเฉพาะบทคัดย่อก่อน เพราะว่า บทคัดย่อ จะสรุปงานวิทยานิพนธ์ทั้งหมดของคนนั้น จากนั้นถ้าพอมีเวลาผมจะอ่านบทสรุปและอภิปรายครับ เพราะเราจะทราบถึงรายละเอียดของงานวิจัยนั้นลึกลงไปในอีกชั้น และเราจะได้ข้อแนะนำว่าเราจะทำวิทยานิพนธ์ของเราเพิ่มต่อจากเขา หรือจะทำในรูปแบบใหม่ สิ่งใดที่เขาขาดไปบ้าง ต่อมาถ้ายังสงสัย หรือต้องการข้อมูลเพิ่ม เราค่อยอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละบท เช่นไม่เข้าใจทฤษฎีที่เขานำมาใช้ ก็ไปอ่านบทที่สอง สงสัยวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล และกระบวนการสถิติก็อ่านบทที่สี่ ทั้งนี้วิทยานิพนธ์แต่ละเล่มก็อาจไม่มีแค่ห้าบทนะครับ ฉะนั้น ก็ต้องดูรายละเอียดของชื่อแต่ละบทต่อไป คือ บทสรุปและอภิปรายอาจอยู่ในบทที่เจ็ด ก็ได้ ถ้าบทที่สี่เขาวิเคราะห์ไว้เยอะ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 7 พ.ค. 52 22:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณมากนะคะ คุณวุ้น..กะทิ ถ้าเป็นไปได้มีปัญหาอะไร อยากจะรบกวนให้คุณวุ้นกะทิช่วยตอบให้ด้วยนะคะ จากคุณ : จันทร์เจ้าขา - [ 9 พ.ค. 52 22:48:15 A:202.29.51.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 อะเจ้ยย โดยอาจารย์อะไรสัมภาษณ์บ้างครับ อิอิ .. จากคุณ : เด็กชายหัวหอม - [ 13 พ.ค. 52 23:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเรียน ป.โท คณะวารสารฯ มธ. นั่นล่ะครับ (ผมรหัส 50) ตอนผมยื่น Study Plan เข้าเรีน ผมเองก็เลือก แผน ก. ซึ่งในขณะที่สัมภาษณ์ อาจารย์ก็ถามด้วยว่า ตั้งใจจะเรียน แผนอะไร แล้วสนใจอยากทำศึกษาเรื่องอะไร .. ซึ่งผมก็ตอบไปตามที่เขียน แล้วก็ได้เข้ามาเรียนล่ะ แต่พอได้เข้ามาเรียนจริงๆ ก็พบว่า .. ทางคณะกำลังมีปัญหากับการดูแลนักศึกษาที่จะเข้าเรียน แผน ก. จริงๆ ล่ะครับ .. สุดท้ายเลยเปลี่ยนมาเลือกแผน ข ซึ่ง แผน ข เองก็ทำให้กระผมปวดประสาทไม่แพ้กัน .. ง่า อ่านแล้วตกใจ มีการกล่าวอ้างถึง "แวมไพร์" ด้วย แฮะๆ ไปดีกว่า กลัวโดนดูดเลือด !! .. จากคุณ : เด็กชายหัวหอม - [ 14 พ.ค. 52 00:13:00 ]