ความคิดเห็นที่ 1 ความคิดในการจัดสร้างระบบประปาในกรุงเทพฯ เริ่มขึ้นในระหว่างที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ใน พ.ศ. ๒๔๕๐  เวลานั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช (รัชกาลที่ ๖) ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร   มีความในพระราชบันทึกส่วนพระองค์รัชกาลที่ ๖ ว่า  ในการทำประปานี้ก็เพื่อป้องกันโรคอหิวาตกโรค  ซึ่งมักจะระบาดหนักในช่วงฤดูแล้งของทุกปี  จึงมีพระราชดำริให้ขุดคลองส่งน้ำแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่เชียงรากซึ่งน้ำเค็มขึ้นไปไม่ถึง  แล้วตั้งโรงกรองน้ำขึ้นที่สามเสน  เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เสด็จฯ กลับจากยุโรปแล้ว  จึงโปรดให้เริ่มดำเนินการโดยการขุดคลองส่งน้ำจากเชียงรากเข้ามาถึงโรงกรองน้ำสามเสน  พร้อมไปกับการฝังท่อประปาไปตามถนนในกรุงเทพฯ  การดำเนินงานมาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๕๗  ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จฯ ทรงเปิดการประปากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๔  พฤศจิกายน  พ.ศ. ๒๔๕๗ ผลพลอยได้จากการเปิดประปากรุงเทพฯ นั้นทำให้การระบาดของโรคอหิวาตกโรคที่เคยระบาดหนักในช่วงฤดูร้อนลดลงเป็นจำนวนมาก  และหายไปจากเมืองไทยเมื่อมีการประปาขึ้นในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ  จากนั้นมาการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันอหิวาตกโรคก็หายไจกเมืองไทยด้วย  เชื่อว่าท่านที่อายุเกิน ๔๐ ปีไปแล้ว  คงยังจำกันได้ถึงฤทธิ์การฉีดวัคซีนเมื่อวัยเด็ก จากคุณ : V_Mee - [ วันฉัตรมงคล 07:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอย้อนลึกลงไปในสมัยอยุธยาสักเล็กน้อยว่า ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการวางระบบประปาในเมืองลพบุรี โดยอาศัยความรู้จากสังฆราชชาวอิตาเลียน ชื่อ ดาโกลี และวิศวกรชาวฝรั่งเศส เป็นผู้วางระบบประปา รวมถึงระบบน้ำพุ ซึ่งมีบันทึกคราวงานเลี้ยงรับราชทูตได้บันทึกไว้ นอกจากที่พระราชวังที่ลพบุรีแล้ว พระราชวังโบราณ กรุงเก่าก็ยังขุดพบร่องรอยการวางท่อน้ำประปาเกิดขึ้น ส่วนระบบบำบัดน้ำเสีย มีสองแบบ บำบัดน้ำเสียเพื่อกระบวนการผลิตน้ำประปา ก็มีตั้งแต่เริ่มการประปา และโรงกรองน้ำบางเขน ซึ่งสร้างในปี 2517-2518 และบำบัดน้ำเสียเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งธรรมชาติ ได้เริ่มงานโดยกรุงเทพมหานคร แต่มีขนาดเล็ก เพิ่งจะมีโรงงานบำบัดน้ำเสียขนาดใหญ่ แล้วเสร็จในปี 2546 บริเวณถนนมิตรไมตรีมานี้เอง แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 52 08:20:21 จากคุณ : หนุ่มรัตนะ - [ วันฉัตรมงคล 08:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : timtam_yummy - [ วันฉัตรมงคล 09:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตามมาเก็บความรู้จากอาจารย์วีต่อ  ขอบคุณมากครับ จากคุณ : NetStar - [ วันฉัตรมงคล 13:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนการบำบัดน้ำเสียนั้น ได้เริ่มกระทำเป็นสาธารณูปการอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในพ.ศ. 2520 นี้เอง โดยมีสำนักการระบายน้ำ ได้รับการจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ และกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการกรุงเทพมหานคร ฉบับลงวันที่ 19 พฤษภาคม 2520 โดยแยกหน่วยงานที่เกี่ยวกับการระบายน้ำออกจากสำนักรักษาความสะอาด และให้รับผิดชอบเกี่ยวกับการระบายน้ำฝน การป้องกันน้ำท่วม และการบำบัดน้ำเสีย อย่างชัดเจน จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 10:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวอย่าง โรงงานบำบัดน้ำเสียของกทม. ที่ดินแดง จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 10:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : timtam_yummy - [ 6 พ.ค. 52 15:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตามรูป ใน คคห 6 ที่คุณอา Navarat.C นำมาให้ชมครับ ผมเคยเห็นรถ บรรทุกน้ำ กทม มารับน้ำที่นี่ เพื่อเอาไปรถน้ำต้นไม้เกาะกลางถนนครับ แปลว่า โรงนี้ บำบัดน้ำได้ดีจริงๆ ปล.ขอเรียนตามตรง เวลาเจอรถ กทม รดน้ำต้นไม้ ผมจะหลีกให้ห่างเลยครับ เพราะยังฝังใจว่า เอาน้ำเสียที่บำบัดแล้วมาใช้ กลัวกระเด็นเข้าตาเข้าปาก   ผมระแวงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย มลพิษ กทม เยอะกว่าน้ำพวกนี้ตั้งเยอะ จากคุณ : MA<O>MiYA - [ 7 พ.ค. 52 00:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว (โปรดสังเกตุ ใช้คำว่าบำบัดนะครับ ไม่ใช่กำจัด บำบัดเป็นการทำให้ดีขึ้น จน(เกือบจะ)เหมือนเดิม) สามารถนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ได้ เพราะมีไนโตรเจน ซึ่งเป็นอาหารของพืชอยู่มาก แต่เป็นพิษต่อคนหรือสัตว์ ต้องผ่านขบวนการแยกสารเคมีตัวนี้ออกไปก่อน จึงจะปลอดภัยที่จะบริโภค แต่เขาไม่ทำกัน เพราะไม่จำเป็น เรามีแหล่งน้ำจืดเยอะอยู่แล้ว หากอยู่ในยานอวกาศก็ว่าไปอย่าง อย่างไรก็ตามนะครับ น้ำจากระบบบำบัดอาจมีแบคทีเรียอยู่มาก โดยเฉพาะพวก E-Coliซึ่งชอบปะปนกับอุจจาระ บางตัวถือเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่งที่อย่างเบาะๆก็ทำให้ท้องร่วง ฉะนั้นกฏหมายจึงบังคับให้น้ำที่บำบัดแล้ว ก่อนระบายออกต้องฆ่าเชื้อโรคนี่ก่อน วิธีที่ทำกันก็คือ เติมคลอรีนลงไปเช่นเดียวกับน้ำประปา แต่อย่างว่าแหละครับ ใครจะรู้ว่ากทม.จะตั้งอกตั้งใจเติมของแพงนี้ให้ตรงเป๊ะตามมาตรฐานหรือเปล่า ดังนั้นเวลาเจอรถกทม.รดน้ำต้นไม้แล้วหลีกให้ห่างไว้ก่อนน่ะ ฉลาดแล้ว กระเด็นเข้าตาเข้าปากไป ถึงเชื้อโรคจะตายหมด ก็ไม่เป็นมงคลหรอกครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 7 พ.ค. 52 22:59:37 ]