ความคิดเห็นที่ 1 เรือชะล่า  หรือชล่า        เป็นเรือขุดชนิดหนึ่งที่ขุดจากไม้ซุงทั้งต้น ทำให้เป็นรูปเรือโดยไม่ต้องเบิกปากเรือให้กว้าง  ท้องเรือแบน ความกว้างของเรือเท่ากันเกือบตลอดลำ ลักษณะของหัวและหางเรือแบนโต และนิยมตัดตรง โดยปกติเรือชะล่า จะขุดจากซุงไม้สัก        อย่างไรก็ตามยังมีเรือชะล่าอีกชนิดหนึ่งเรียกว่าเรือชะล่าผ่า เป็นเรือที่หาซุงไม้สักต้นใหม่มาขุดไม่ได้  จึงใช้ไม้ท่อนเล็กฟันเป็นแผ่นแบนรวม 3 แผ่น  แล้วประกอบเป็นเรือ          การทำให้เรือชะล่าเคลื่อนที่ไปได้นั้น โดยปกตินิยมใช้ถ่อ เขตที่นิยมใช้เรือชะล่ากันมากนั้น คือลำน้ำปิงตั้งแต่เหนือจังหวัดนครสวรรค์ขึ้นไป แต่ก็พบว่ามีใช้กันอยู่บ้างประปรายในพื้นที่ตอนล่างลงมา เช่น จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดชัยนาท  จังหวัดลพบุรี และ จังหวัดสิงห์บุรี เป็นต้น จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 18:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านมาว่า  ในปีที่ ๙ ในรัชกาลที่ ๓ ณ วันจันทร  เดือนสี่ แรม สิบสี่ค่ำ  ปีมะเมียฉอศก จุลศักราช ๑๑๙๖ นางตรุศ ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลบ้านบางพรม ใกล้กับวัดประดู่ บางระมาท  แขวงกรุงเทพ ได้คลอดบุตรที่โรงนาเพราะได้ไปควบคุมบ่าวไพร่ให้ทำนา   แล้วพาทารกกลับไปบ้านของตน เป็นธรรมดาของชาวนาต้องใช้เรือชะล่าท้องแบน เพราะเป็นที่น้ำตื้น แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 18:36:46 จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 18:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตามกลิ่นธูปที่จุดเรียกมา   ขอประเดิมด้วยรูปเรือผีหลอก (ชื่อแปลกน่ากลัวดีเหมาะกับเรา อิอิ) ให้ข้อมูลนิดหนึ่ง เรือผีหลอกเป็นเรือหาปลาในเวลากลางคืน กราบเรือด้านซ้ายจะขึงตาข่ายจากขอบเรือ สูงประมาณ 70-80 เซนติเมตร กราบเรือขวาจะมีกระดานทาสีขาวติดหลักปรับได้ กลางคืนเวลาพายเรือน้ำจะกระเพื่อมกระทบกระดานสีขาว ปลาจะตกใจกระโจนขี้นเหนือน้ำถูกตาข่ายแล้วตกลงที่ท้องเรือ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 11:49:01 จากคุณ : วสันดิลก - [ 6 พ.ค. 52 18:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แบบจำลองเรือชะล่าครับ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 18:39:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรือชะล่า อีกสักรูปครับ ... หารูปจริงๆ ณ ปัจจุบันไม่ได้เลยหนอ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 18:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แหมเรือแคบจัง   มิน่าแร้งมาเกาะได้ และนางตรุศที่อยู่ท้ายเรือ  มีบ่าวไพร่พายหัวและท้าย  ได้อยู่ไฟมาพลาง ๆ นี่คือประวัติของนักเลงหนังสือที่ยิ่งยงที่สุดของรัตนโกสินทร์ ก.ศ.ร  กุหลาบ ถ้ามารดาห่อด้วยผ้าขาวม้าแดง   ป่านนี้เมืองไทยคงไม่รู้จักหนังสืออีกเยอะ จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 18:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แหม ... ข้อมูลคุณแสนอักษรน่าสนใจ และนับว่าเข้ากันพอดีกับเรือชะล่า ... กระผมเลยรีๆรอๆ ไม่รู้จะเอาเรืออะไรลงน้ำต่อดี ฮ่าๆๆ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 18:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นท่านมหาฯ นำเรือผีหลอกมาแล้วก็จะได้ว่าต่อไปถึงเรือผีหลอก เรือนี้ชื่อแปลก จะว่าน่ากลัวก็ใช่ ตลกก้ไม่เชิงครับ ผมนึกไปถึงผีประเภทแลบลิ้นปลิ้นตาทุกที อิอิ เรือผีหลอก          จะเป็นเรือต่อหรือขุดก็ได้ มีลักษณะท้องเรือค่อนข้างแบน และกราบเรือเมื่อลอยอยู่ในน้ำจะสูงจากระดับน้ำไม่มากนัก กราบเรือด้านหนึ่งติดแผ่นกระดานทาสีขาวและวางให้เอียงลาดลงน้ำ อีกด้านหนึ่งของกราบเรือนั้นขึงตาข่ายเป็นแนวยาว  ตลอดลำเรือและให้ขอบบนสูงจากกราบเรือประมาณ 1 เมตร ใช้เป็นเรือประมงน้ำจืดตามแม่น้ำลำคลอง           วิธีใช้เรือชนิดนี้หาปลา  คือ พายเรือออกหาปลาในเวลากลางคืน เมื่อปลาเห็นแผ่นกระดานสีขาวท่ามกลางความมืด ปลาจะตกใจกระโดดข้าม แต่ก็ไม่พ้นเพราะถูกตาข่ายกั้นไว้ ปลาจะตกลงไปในท้องเรือ นับเป็นวิธีหาปลาง่ายๆ วิธีหนึ่ง และที่เรียกว่าเรือผีหลอกนั้น  เป็นเพราะส่วนหนึ่งของเรือทาสีขาวโพลน แล่นในเวลากลางคืน และสามารถหลอกปลาให้ตกใจกระโดดลงไปในเรือได้ พื้นที่ที่ยังเห็นชาวประมงน้ำจืดใช้เรือผีหลอกหาปลานั้นคือที่ อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี  อำเภอตาคลี  จังหวัดนครสวรรค์ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 18:56:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรือผีหลอก ... จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 18:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรือผีหลอก ... หรือเรือคนหลอกผี ใครเคยลงเรือ จับปลาแบบนี้บ้างครับ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 19:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สยามประเภทเล่มสอง(ตอนที่ ๑  - ๑๒) พระวิชิตสงคราม ถามเรื่องเรือน้ำจืดในกรุงสยามมีกี่อย่าง เรือสำปั้นขึ้นกระดานกราบข้างสองแผ่น เลียนทำตามแบบอย่างเรือสำปั้นไม้ฉำฉา สมัยก่อนชาวสยามต่อเรือสำปั้นเอาอย่างจีนเป็นเรือรูปป่องกว้างมาก ไม่เพรียวลมเหมือนสมัยนี้(สมัย ท่าน ก.ศ.ร. กุหลาบ) ครั้นกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าข้าศึกแล้ว   กรุงสยามย้ายมาตั้งที่ตำบลบางกอก ชาวกรุงเทพยังต่อเรือสำปั้นขึ้นกระดานกรอบสองแผ่นต่อมา มาถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย   พระยามนตรีสุริยวงศ์จางวางมหาดเล็ก(ดิษ)(รักษาตัวสะกดเดิม)คิดทำเรือสำปั้นขึ้นกระดานกราบข้างละสามแผ่น เป็นเรือมีกระทงห้ากระทงพอกับคนพายได้หกคนบ้างแปดคนบ้าง พายได้ว่องไวรวดเร็ว ต่อมาได้ต่อให้ยาวถึงเจ็ดวาแปดวาจนถึงสิบวา ใช้ได้ดีดุจเรือมาด   พายแล่นเดินเร็วทั้งเบากว่าและไม่โคลงด้วย จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 19:06:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กระทู้นี้วิ่งเร็วจี๋เลยแฮะ ต้องรวบรวมความคิด ช่างชาวสยามได้ต่อใช้ยาวถึง ๑๕ วาจน ๒๐ วา เป็นเรือแข่งกัน เรียกว่า เรือสำปั้นยาว  เรือยาว  เรือแข่ง  ใช้เก๋งบ้าง  ประทุนบ้าง  เป็นเรือโถง จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 19:11:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรือผีหลอก ไว้ล่องในคลองผีหลอกหรือเปล่าคะเนี่ย จากคุณ : คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก - [ 6 พ.ค. 52 19:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรือสำปั้นสวนครับคุณแสนฯ ... สำปั้นนี้มีหลายประเภทจริงๆ กระผมขอลงรูปให้ ล้อกับเรื่องเล่าคุณแสนฯไปพลางนะครับ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 19:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรือญวนแจว สมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพยหริรักษ์ หลังจากกลับจากราชการสงครามกับญวนทรงดำริจะต่อเรือญวนมีเก๋ง  แต่ไม่ทันได้ทำเพราะสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าน้องยา เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรานุรักษ์ ทรงต่อเรือญวณมีเก๋งแล้วตั้งหลักแจวด้วย เรียกกันว่า เรือศีรษะผสมหรือเรือหัวผสมบ้าง เป็นที่นิยมกันมาก  เรียกว่าเรือญวนเก๋ง  คำว่าเก๋งภั้งก็สูญตามน้ำๆไป (รักษาตัวสะกดเดิม) จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 19:20:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หากกระทู้ไหลเร็ว แสดงว่ากำลังกินร่องน้ำเชี่ยว เรือลงแล้วแล่นฉิวววว วอนคุณแสนฯอย่าได้บ่นขึ้งน้อยใจ อิอิ สวัสดีครับคุณคนมีแผลฯ เรือผีหลอก ปัจจุบันยังหาชมได้ตามห้วยหนองคลองบึงที่ปลาชุมครับ ส่วนเรื่องคลองผีหลอกน่าสนใจ ... ผมจะพยายามค้นมาให้อ่านกันนะครับ อันนี้เรือสำปั้นจ้าง เจ้าค่ะ คุณแสนฯ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 19:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เรือแหวด ต่อมามีการต่อเรือแหวว  รููปพรรณคล้ายเรือญวนเก๋งภั้งแต่โบราณ  แต่หัวเรือแหววเล็กหลิมท้ายงอน กลางป่องมีเก๋งต่ำเตี้ยมาก ต่อมามีผู้ต่อเรือแหวด  เลียนแบบเรือแหวว แก้ให้หัวและท้ายหายงอน จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 19:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแจวเรือไปหาข้าวปลารับประทานก่อนครับ กระเด๋วจะเก็บตก ตามล่าหารูปประกอบให้คุณแสนฯ แลท่านอื่นๆ ต่อไป จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 19:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอแทรกถามเกี่ยวกับเรือนี้ด้วยนะคะ เก็บตกภาพมาจากอัมพวาค่ะ จากคุณ : คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก - [ 6 พ.ค. 52 19:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรือบดแจว ชาวยุโรปและอเมริกันได้เข้ามาสู่สยาม  นำเรือบดมาจากต่างประเทศ ต่อด้วยไม้ฉำฉา ไม้สักบ้าง หัวเสี้ยมท้ายตัด กลางป่อง  มีผ้าบังแดดตลอดลำ นายนั่งข้างท้ายถือหางเสือ ลูกจ้างนั่งข้างหัวตีกรรเชียงสองบ้างสี่บ้างหกบ้าง  จนถึงสิบสองกรรเชียง มีใช้ในพวกกงศุลแลนายห้างใหญ่ ๆโต ๆ ตอนนั้น บรัดเลมาอยู่ริมป้อมวิชัยประสิทธิ์ ปากคลองบางกอกใหญ่  ได้คิดทำหลักแจวเช่นเรือธรรมดา  จึงทำหลักแจวมาติดที่หัวกับท้าย ที่มิชชั่นนารีคิดออกเพราะค่าจ้างคนตีกรรเชียงแพงถึงเดือนละ ๑๕ บาท จ้างชาวสยามก็ได้เพราะชำนาญในการแจวเรือทุกคน  ค่าจ้างเดือนละแปดบาท ตอนที่บรัดเลใช้เรือบดสองแจว  คนหัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากว่าอุตริ ตอนนั้น ยอร์ช เอ. ดันน์ เข้ามาตั้งห้างโรงสีกลไฟที่ตำลบางน้ำชล  แขวงกรุงเทพ ฯ สีข้าวเปลือกเป็นข้าวกล้องบันทุกเรือกำปั่นออกไปขายเมืองจีน หมอเฮ้าซ์ มิชชันนารีหัวแหลม  ดัดแปลงท้ายเรือบด  ให้แหลมเหมือนหัว  ทั้งนี้ได้ปรึกษากับไมเคิล เคอวีร์เอนเยเนียของโรงสีไฟ   พ่อไมเคิลเป็นช่างไม้ด้วย  เลยช่วยคิดปรับปรุง  ตั้งเก๋งเตี้ยกลางลำ  ใช้สี่แจว   ฝรั่งและจีนใช้กันเกร่อ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 00:48:16 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 20:01:29 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 19:46:01 จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 19:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ้าว...ตอนนี้พระวิสุทธิ์โยธามาตย์(โหมด)เป็นอธิบดีโรงกสาปน์สิทธิการ ผู้เป็นชาวสยามที่ก้าวหน้า   ได้ต่อเรือบดกระสวยเช่นเรือบดแขกที่เมืองสิงคโปร์   หัวและท้ายเสี้ยมแหลมยาวมาก  มีสี่แจวมีเก๋ง ต่อเสร็จลงน้ำเมื่อ วันที่ ๑๙ เดือนเมษายน ร.ศ.ศก ๗๙ ก.ศ.ร. กุหลาบ เล่าว่าเรื่องนี้ไม่ได้ตัดตอนจากท่านผู้ใด  เป็นความอุตสาหได้จดเป็นจดหมายรายวันไว้ จบความจาก สยามประเภท แค่นี้ คิดว่ายังมีเล่มอื่นอีกสองสามเล่มที่คุยกันได้สนุก ๆ ไม่สนุกจะคุยกันไปทำไมนะคะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 19:57:34 จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 19:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 22 น่าสนใจครับ ขอบคุณที่นำภาพและเรื่องราวมาลงให้ชมกัน ชอบภาพแรกนะ ดูแล้วได้อารมณ์ดี.. ไม่มีเรือกอและบ้างหรอครับ ผมว่ามีสีสันดีนะ จากคุณ : พลายแป้ง - [ 6 พ.ค. 52 20:03:03 A:128.178.250.62 X: TicketID:120371 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมยังรอดูเรื่องเรือหูช้างอยู่ครับ มีพูดถึงในพงศาวดารเมืองสงขลาครับ คคห ๒๒ คุณพลายแป้ง นี่น่าจะเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกับผม ถึงสนใจเรือกอและ จากคุณ : CVTบ้านโป่ง - [ 6 พ.ค. 52 20:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คห.19  ภาพไกล  เข้าใจว่าคือเรือสำปั้นธรรมดา บางวัดพระจะพายเรือเข็มออกบิณฑบาต  เรือเข็มเป็นเรือขนาดเล็ก พายทรงตัวยาก ชาวบ้านไม่คุ้นเคยไปพายอาจล่มได้ง่ายๆ ภาพเรือเข็ม แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 23:47:40 จากคุณ : วสันดิลก - [ 6 พ.ค. 52 20:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาแล้วครับ มาช่วยงานย้ายทัพช้าง มาทัพเรือของน้องjassb1เค้า ผมว่าเรือไม้ของไทยน่าสนใจ หลายชนิดเราไม่รู้จักเสียแล้ว เรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์ได้เต็มปากเต็มคำ เหมาะกับห้องเสวนานี้มาก ก่อนจะช่วยกันค้นหาเรืออะไร รูปร่างอย่างไร ผมขอเชิญชวนให้ท่านดูรูปโบราณชุดหนึ่ง ส่วนใหญ่ถ่ายในสมัยรัชกาลที่๖ เพราะผมเอามาจากหนังสือ Twentieth Century Impression of Siam เป็นภาพแม่น้ำลำคลอง และเรือ พาหนะสำคัญสมัยโน้น ดูภาพแรกแล้วรู้สึกถึงความสงบไหมครับ บ้านเมืองเราสมัยโน้น น่าอยู่มาก เรือที่เห็นเป็นเป็นเรืออะไร ผมไม่แน่ใจ เดี๋ยวค่อยกลับมาหาคำตอบกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:00:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตรงนี้ ถือว่าพลุกพล่านหน่อย จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรือใบ วิ่งในแม่น้ำครับ ผมทันเห็นเรือใบที่ชาวประมงหัวหินใช้จับปลาเต็มท้องทะเล ก่อนจะกลายมาเป็นเรือตังเกหมด จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ... ขอหลบฉาก กระบวนภาพของท่านพี่ก่อน อิอิ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 21:06:35 จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 21:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตลาดน้ำอยุธยาครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตรงนี้ภาพอธิบายว่าเป็นตลาดคลองขุดใหม่ ผมดูคล้ายๆกับปากคลองรังสิตนะครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 31 นี่คลองดาวคะนอง ใครอยู่แถวนี้ช่วยบอกทีว่าช่วงไหน จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรือกุแหละ พระยากสาปนกิจโกศล(โหมด) เล่าเรื่องเรือกุแหละไว้ว่า บิดากับมารดามีบ่าวทั้งหมด ๑๔ คน คุณแม่ค้าขายเลี้ยงลูกเลี้ยงบ่าว โดยทำข้าวหมาก  ขนมเทียน ข้าวเกรียบว่าว ลูกบัวคั่ว ถั่วลิสงคั่ว  อ้อยควั่น ให้ยายทิมนางคล้ายใส่เรือกุแหละไปเร่ขาย ยายทิมโดนตีตายที่หน้าวัดเสาวโคน(รักษาตัวสะกดเดิม)บางยี่ขัน   คุณแม่รู้เข้าก็ลงเรือสำปั้นสิบพายไปงมเอาผีที่หน้าวัดนั้น  ตอนนั้นเจ้าคุณพ่อไม่อยู่ไปสักเลข แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 21:14:47 จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 21:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คลองคูเมืองกรุงเทพครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เอ้านี่ เรือข้าวครับท่านมหา รู้สึกว่าจะเล็กกว่าเรือเอี้ยมจุ้นสมัยหลังๆนี่หรือเปล่า จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 น่าจะเล็กกว่า เพราะคงถ่อคงแจวมา ใหญ่นักก็ไม่ไหว สมัยมีเรือยนต์ลากแล้วก็ต้องให้ใหญ่เต็มพิกัด จะได้ได้กำไรมากๆ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เรือหางแมงป่อง ของทางเหนือเขาครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรือของคนคุมแพซุงไม้สักที่ล่องมาทางแม่น้ำน่าน จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรือของราษฎรที่มาอออยู่ที่ตลาด แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 52 21:25:20 จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เรือของคนใต้ คุ้นๆว่าจะเป็นกระบี่นะครับ เห็นบังที่ยืนๆนั่งๆแถวหัวเรือแล้วน่าจะใช่ ป่าโกงกางก็ใช่เลย แต่เรือไม่ยักกะเป็นเรือหัวโทงแฮะ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:30:25 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จบยกก่อนครับ ท่านเข้ามาชมกันแล้วบอกได้ไหม ภาพทั้งหมด มีเรืออะไรบ้าง ใครตอบถูก ให้รางวัลอะไรดีล่ะ คุณjassb1จขกท. จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:33:23 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เอ้าขอโทษครับ เรือหางแมงป่องหล่นอยู่ลำนึง จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 21:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ฟิ้ววว ... รูปชุดนี้ทำผมหายใจไม่ทั่วท้อง ชาตินี้ไม่เคยพบเจอ ขอบพระคุณมากๆๆๆ ครับ ที่ได้นำมาลงให้เป็นการประเทืองความรู้ พูดถึงเรื่องของรางวัล ... ผมเป็นเจ้าภาพให้ดีไหมครับ ใครตอบถูก ตอบตรง มีหลักฐานว่าเรือที่เห็นในกระบวนภาพเก่าทั้งหมดเป็นเรือชนิดอะไร กระเด๋วมอบ เรือกอและจำลอง จากปักษ์ใต้เป็นกำนัลให้เข้ากับกระทู้ (อิอิ ยุเรามา เราเอาจริงนะ ฮ่าๆๆ) จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 21:40:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ ตามเข้ามาชมครับ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) - [ 6 พ.ค. 52 21:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เอารูปเรือทะเลมาแจมค่ะ ไม่มีความรู้เรื่องเรือเลย แต่ชอบถ่ายรูปเรือค่ะ เรือหาปลาชายฝั่งจากแถวปราณบุรี จากคุณ : Vitamin_C - [ 6 พ.ค. 52 21:57:59 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 32 ผมหารูปเรือกุแหละ มาประกอบไม่ได้ครับ ในพจนานุกรมท่านว่า เรือกุแหละ น.ชื่อเรือขุดชนิดหนึ่ง เสริมข้างกระดาน รูปร่างเพรียว หัวและท้ายเรือแหลม มี ๒ แจว ใช้ตามชายฝั่งทะเลหรือแถบปากน้ำ สำหรับบรรทุก หอย ปู ปลา เป็นต้น. น่าประหลาดใจ ที่ยายทิมนางคล้าย ขนขนมมีชื่อ ใส่เรือชนิดนี้ไปขายยิ่ง ... คุณพลายแป้ง กอและ ที่คุณพี่ได้กล่าวถึงด้วยจิตระลึกนั้น คงเป็นเรือมาจากทางใต้ ประดับสีสวยงามซีนะครับ ชนิดนี้ล่ะหาไม่ยาก ... อิอิ กระเด๋วพายออกทะเลหรือปากแม่น้ำเมื่อไร จะหามาให้ชมกันเยอะๆเลยครับ มิพักจะต้องห่วง จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 22:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เรือเกยตื้น ลำใหญ่ๆ จากคุณ : Vitamin_C - [ 6 พ.ค. 52 22:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พอเข้ามาในหมู่บ้านชาวเล แถวปากแม่น้ำ ก็จะเจอะลำใหญ่ขึ้นมาอีกนิดนึง จากคุณ : Vitamin_C - [ 6 พ.ค. 52 22:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ชีวิตชาวเล ดูแล้วน่าสงสาร แต่เท่าที่ดู  หน้าตากระเดียดไปทางประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า จากคุณ : Vitamin_C - [ 6 พ.ค. 52 22:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เหล่านี้เขาว่าลำละ 10 ล้าน....o_O (เขาที่ว่านี้คือคนที่ขับเรือพาไปดูค่ะ) จากคุณ : Vitamin_C - [ 6 พ.ค. 52 22:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เรือหูช้าง "เมื่อปีมเสง สัปตศก ศักราช ๑๑๔๗ โปรดเกล้า ฯ ให้ข้าหลวงเปนแม่กองออกไปสักเลขเมืองสงขลา สักแขนขวาได้เลข ๗๖๗๒ คน เมื่อปีมเสง สัปตศก มีตราโปรดเกล้า ฯ ออกมาเมืองสงขลา ให้ต่อเรือหูช้าง ๓๐ ลำ ปากกว้างแปดศอกยาวเก้าวาสำหรับรักษาพระนครหลวงสุวรรณคิรีสมบัติ (บุญหุ้ย) เกณฑ์ไพร่ตัดไม้ต่อเรือยังไม่เสร็จ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงจักรเจษฎาเสด็จออกมาเร่งให้ต่อเรือ ตั้งพลับพลาประทับอยู่ณบ้านบ่อเตยประทับแรมอยู่เดือนหนึ่ง เรือที่ต่อยังไม่สำเร็จ เสด็จกลับเข้าไปกรุงเทพฯ" สันนิฐาน เรือนี้ยาว๑๘เมตร กว้าง๔เมตร  ถือว่าเป็นเรือเดินทะเลขนาดเล็ก น่าจะแล่นด้วยใบ หลวงสุวรรณคิรีสมบัติ เป็นคนจีน อพยพมาทางทะเล น่าจะเก่งเรื่องเรือแบบจีนด้วย เรือใบแบบจีนนี้เมื่อสักสิบ-ยี่สิบปีก่อนยังใช้กันอยู่ทางใต้ ฝั่งอันดามันใช้เป็นเรือสินค้าบรรทุกของพื้นเมืองไปขายปีนัง หลังๆมีคนเอาทรากเรือไปซ่อมใช้หากินกับนักท่องเที่ยวฝรั่งได้อีก เรือในรูปน่าจะเป็นเรือหูช้างได้ไหมครับคุณCVTบ้านโป่ง จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 22:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สัพะ พะจะนะ พาสาไทย  หน้า ๖๘๒ ปุและ      An oval boat of merchants. เรือพายม้า   A small country-boat. จากคุณ : แสนอักษร - [ 6 พ.ค. 52 22:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่อยากจะคิดต่อเลยว่า แล้วลำใหญ่ๆข้างหลังมันราคาเท่าไหร่ จากคุณ : Vitamin_C - [ 6 พ.ค. 52 22:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ถึงปากอ่าว และออกทะเลกันแย้ววววววว รูปคุณวิตามินซี สีสวยมากๆครับ มาช่วยสร้างบรรยากาศให้กระะทู้นี้ สดชื่น คึกคัก เยี่ยมไปเลยครับ เรืออวนเหล่านี้ ราคาแพงครับ อีกทั้งค่าน้ำมัน ค่าคนงาน ทุกวันนี้ ทะเลเราก็ไม่ค่อยมีทรัพยากรให้ทำมาค้าขาย ต้องออกไปไกลๆ ... หมดเปลืองไปอีก ........................ โอว เรือหูช้าง ... ท่านพี่ ... ใหญ่โตโอฬารริก จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 22:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณมากค่ะ  อยากเห็นมานานแล้ว เรือผีหลอก เนี่ย โหวตให้ค่ะ จากคุณ : Nymphadora - [ 6 พ.ค. 52 22:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มีอีกชุดนึงครับ จากปฏิทินปี 2548 ของบริษัทเชลล์ในประเทศไทย ชุด เล่าเรื่องเรือไทย เรือสามเกล้า ในอดีต เรือสามเกล้า เป็นเรือที่ใช้โดยสารสำหรับเจ้านาย มีพื้นที่ตลอดลำเรือ ด้านข้างเก๋งเป็นเฟี้ยมช่องหน้าต่าง ท้องเรือกลมกว้าง หัวและท้ายเรือยาวขึ้นพอสวยงาม มีแจวหัวและท้าย ส่วนละสามแจว จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 22:59:16 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เรือมาดประทุน ย่านฝั่งธนคราวงานทอดกฐิน ชาวบ้านนำเรือเข้าร่วมขบวนแห่หลายลำ หลายแบบ มาสะดุดตาตรงเรือมาดขุดลำย่อม หลังคาประทุนตกแต่งริ้วธงสีสวยสด เสียงครึกครื้นสนุกสนานดังตามลอยลำน้ำมา จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:00:08 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เรือหางแมงป่อง เรือหางแมงป่อง รูปร่างแปลกค่อนข้างใหญ่ หัวเรือยาวยื่นเชิดขึ้น มีประทุนค่อนไปทางท้าย โขนท้ายงอนคล้ายหางแมงป่อง ใช้แล่นบรรทุกสินค้าจากภาคเหนือ ขึ้นล่องมาค้าขายแถบภาคกลางสลับอย่างนี้ไปมา จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรือผีหลอก ยามข้างแรม ชาวบ้านจะค่อยๆ แจวเรือเลาะเลียบตามชายตลิ่ง อาศัยแสงไฟจากตะเกียงโป๊ะสะท้อนรับกับไม้กระดานสีขาวที่ลาดลงน้ำ แล่นกระทบ ทำให้ปลาที่นอนอยู่ตกใจ ว่ายไปติดตาข่ายตกอยู่ในลำเรือ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เรือข้างกระดาน คราวที่ได้อาศัยเรือข้างกระดานขึ้นไปทางเหนือ ในเรือเต็มไปด้วยเครื่องครัว ของใช้ ผ้าผ่อนท่อนสไบ ลุงเจ้าของเรือชวยคุยไป มือขวาพายมือซ้ายคัดท้าย ชีวิตแกขึ้นล่อง ค่ำที่ไหนก็อาศัยนอนในเรือที่นั่ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เรือกระแซง เรือกระแซงบรรทุกข้าวเปลือกจากอยุธยา หลายลำดูแปลกตา ท้องเรือกลมป้อมคล้ายแตงโม บ้างก็ใช้แจว บ้างก็ปล่อยให้เรือยนต์ลากจูง พากันขนข้าวเปลือกมายังโรงสีริมฝั่งเจ้าพระยาตรงปากคลองดาวคะนอง จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เรือฉลอม ชายฝั่งทะเลแถบสมุทรปราการ และย่านมหาชัยในอดีต จะเห็นเรือฉลอมกางใบแล่นลมมาตามลำน้ำ บ้างก็ใช้แจวช่วยบรรทุกของทะเลขึ้นมาค้าขายแถบภาคกลาง พ่อค้าแม่ขายก็อาศัยหลังคาประทุนไม้ไผ่ขัดแตะ หลบแดดฝนและหลับนอนยามค่ำคืน จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เรือเข็ม แสงเรื่อเรืองท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าสงบเงียบ พระภิกษุหลายรูป พายเรือเข็มลำเพรียวออกบิณฑบาต ข้างมีลูกศิกษ์ช่วยพาย คุณยายที่ท่าน้ำประนมมือนิมนต์ให้พระท่านมารับบาตร ลูกศิษย์ก็เบนหัวเรือเข้าเทียบท่าอย่างกุลีกุจอ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เรือแท็กซี่ ป๊อก ป๊อก ป๊อก ... เสียงเครื่องจากเรือแท็กซี่ค่อนข้างใหญ่ มีนายท้าย ขับอยู่ในเก๋งหน้าเรือกำลังแล่นช้าๆ ลากจูงเรือขนทรายไปตามลำน้ำเจ้าพระยา เด็กๆ ว่ายน้ำเกาะโยงเชือกจูงปล่อยตัวไปตามน้ำ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สุดท้ายของชุดนี้ครับ เรือโดยสาร เรือโดยสารเข้าเทียบท่ารับผู้โดยสารแล้วค่อยๆ ตีวงโค้งออก เสียงเครื่องดังแหวกกระแสน้ำแล่นจากท่าเตียนผ่านวัดอรุณไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ย้อนนึกถึงแต่ก่อนนั้น ที่นอนเล่นตรงชั้นสองของเรือ คราวไปชัยนาท จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ... ซาบซึ้งใจที่สุด ... รูปสวย ความบรรยายก็น่ารัก ... ผม หมด มุข จะลงเลย ... ฮ่าๆๆๆๆ (ล้อเล่นครับ) กระทู้นี้มีประเด็นต้องช่วยกันเก็บตกเยอะ เรือบางชนิด หาดูแบบ ของจริง ยังมีอยู่ไหม หรือเสื่อมหายไปกับสายน้ำตามกาลเวลาเสียแล้วหนอ จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 23:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ติดใจเรือเข็ม ขอลงข้อมูลที่ไปแกะมาได้เพิ่มเติมครับ เรือเข็มหรือเรือโอ่        เป็นเรือต่อยาวราว 3 - 4 วา นิยมต่อด้วยไม้บาง โดยใช้ไม้จำพวกไม้มะยมหอม  ไม้สัก  ลักษณะของเรือชนิดนี้คือ หัวและท้ายเรือเรียวเชิด กราบเรือสูงพ้นน้ำเพียงเล็กน้อย  มีพนักพิงกลางเรือ นั่งพายเพียงคนเดียว โดยเหยียดขาไปข้างหน้า ใช้พาย 2 ใบ เรือแบบนี้สามารถพายได้เร็ว ใช้สำหรับไปธุระ  ไปเที่ยว บางโอกาสใช้สำหรับพายแข่งขัน         การพายเรือเข็มหรือเรือโอ่คงจะเป็นสิ่งที่น่าชม กล่าวคือ เมื่อ พ.ศ. 2472 เมื่อเจ้าชายเฮนรี่ แห่งปรัสเซีย เสด็จเยือนกรุงเทพฯ ทางราชการได้จัดรายการที่น่าสนใจถวายเพื่อทอดพระเนตร คือ วัดสำคัญๆ  สถานที่ราชการ  กีฬาไทย  ดนตรีไทย รวมทั้งการพายเรือโอ่ด้วย แหม ... ผมนึกถึงเรือคนู ของฝรั่งเลยแฮะ ปล. มีข้อมูลไม่ตรงกัน ระหว่างจำนวนนั่งได้ของเรือเข็ม ระหว่างหนึ่งถึงสองคน ยังไงรบกวนผู้รู้มาอธิบายนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 00:32:52 จากคุณ : jassb1 - [ 6 พ.ค. 52 23:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอ้า มีโฟนอินเข้ามาบอกว่าผมลงรูปไม่หมด ครับ ขอโทษๆ จัดเพิ่มให้ครับ เรือตังเก กลิ่นไอเค็มลอยมาพร้อมเรือตังเกใหญ่ ปล่อยเครื่องไหลเรื่อยไปตามน้ำ เตรียมแล่นเข้าเทียบสะพานปลาข้างหน้า มีเรือตังเกหลายสิบลำจอดเทียบท่าอยู่ ลูกเรือช่วยกันขนเข่งกุ้ง หอย ปู ปลา อย่างคึกคักยามเช้า จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เรือกอและ เรือกอและลำสวย ลอยอวดลวดลายริมเวิ้งหาดทรายขาว สะดุดตาด้วยสีฉูดฉาดตลอดทั้งลำ เป็นเอกลักษณ์ของเรือในหมู่ชาวประมงชายฝั่งท้องถิ่นภาคใต้ตอนล่าง ใครๆ ที่มาเยือนจะต้องมาชมให้ได้สักครั้ง ขอบคุณคุณ yokima จาก yimsiam.com ด้วยครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 6 พ.ค. 52 23:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้ามีรูปสำเภาฟูเจี้ยนกับเรือรบน้ำจืดที่ใช้โจมตีพม่าก็ขอสักหน่อยนะขอรับ ตะลึงทุกรูปเลยครับเป็นบุญตาที่ได้เห็น จากคุณ : หมื่นแสง - [ 7 พ.ค. 52 00:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อิอิ มาเพิ่มอีกสองลำ ตัดหน้าเรือเข็มไปเลย มีเรือเข็มอีกชนิดหนึ่งครับ เป็นเรือหาปลาแถบอิสาน ใช้ว่าเรือเข็ม แต่มีฝีพายมากสุดได้ถึงแปดฝีพาย ปัจจุบันใช้เป็นเรือแข่ง ลองดูภาพครับ จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 00:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรือเข็มนั่งได้คนเดียว  เพราะที่นั่งจำกัดและเรืออาจล่มได้ถ้าน้ำหนักเกิน อีกอย่างต้องอาศัยการทรงตัวจึงเหมาะนั่งแค่คนเดียว แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 01:12:49 จากคุณ : วสันดิลก - [ 7 พ.ค. 52 01:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คคห ๕๐ เรือหูช้าง เป็นบุญตามากครับ สงสัยมานานแล้ว คคห ๔๑ เรือหางแมงป่องลำนี้ ชื่อ เรือสุวรรณวิจิก รอคุณใบนท กับคุณจดหมายลับมาต่อ จากคุณ : CVTบ้านโป่ง - [ 7 พ.ค. 52 09:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 73 นอกจากเรือกอและ แล้วยังมีเรือที่คล้ายกันคือ...เรือยอกอง... เรือกอและหัวแหลม ท้ายแหลม ส่วนเรือยอกอง หัวแหลม ท้ายป้าน ทั้ง ๒ แบบ มีการวาดลวดลายตามสไตล์ช่างมุสลิมปัตตานี และนราธิวาส จากคุณ : CVTบ้านโป่ง - [ 7 พ.ค. 52 09:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ติดตามชมครับ เพลิน มีข้อมูลเรื่องเรือใบในบ้านเราไหมครับ จากคุณ : กุมารสยาม - [ 7 พ.ค. 52 11:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ช่วงหนึ่ง แถวปักษ์ใต้ เรือแบบนี้เป็นที่นิยมกันมาก ........ ...... .....เรือกับขอนไม้ จากคุณ : กุมารสยาม - [ 7 พ.ค. 52 11:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 76 รีบพายเรือกลับเข้าหาฝั่งก่อนจะออกทะเลหลวง ดูเรือราษฏร์แล้วหันมาดูเรือหลวงกันบ้าง ประกอบโคลงและกาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ากุ้ง ...ปางเสด็จประเวศด้าว   ชลาไลย ทรงรัตนพิมานไชย   กิ่งแก้ว พรั่งพร้อมพวกพลไกร   แหนแห่ เรือกระบวนต้นแพร้ว   เพลิศพริ้งพายทอง ...พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย   พายอ่อนหยับจับงามงอน ...นาวาแน่นเป็นขนัด   ล้วนรูปสัตว์แสนยากร เรือลิ่วปลิวธงสลอน   สาครสั่นครั้นครื้นฟอง จากคุณ : วสันดิลก - [ 7 พ.ค. 52 12:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ...เรือครุฑยุดนาคหิ้ว     ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง   ร้องโห่เห่โอ้เห่มา จากคุณ : วสันดิลก - [ 7 พ.ค. 52 12:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ...สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย     งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์   ลินลาศเลือนเตือนตาชม จากคุณ : วสันดิลก - [ 7 พ.ค. 52 12:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ...เรือไชยไวว่องวิ่ง              รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม                 ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 12:43:59 จากคุณ : วสันดิลก - [ 7 พ.ค. 52 12:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เห็นแล้วนึกถึงเห่เรือครั้งล่าสุดไปยืนดูถ่ายรูปที่วัดระฆัง คนเยอะมาก พักให้ข้าวให้น้ำตัวเองก่อน รอจขกท.มาเสริม จากคุณ : วสันดิลก - [ 7 พ.ค. 52 12:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แอบมาชมเรืออีกแล้วนะคะ จากคุณ : คนมีแผลพ่อแม่ไม่รัก - [ 7 พ.ค. 52 13:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอตามเสด็จกระบวนเรือพระราชพิธี ด้วยเรือสามเกล้า หรือเรือสามก้าว นะครับ เรือสามเกล้าหรือเรือสามก้าว ลักษณะคล้ายเรือมาดปูพื้นตลอดลำตอนกลางมีเก๋ง ด้านข้างเก๋งเป็นฝาเฟี้ยมมีช่องหน้าต่าง หัวเรือปาดแหลม แต่ท้ายมนหรือตัดยื่นออกไปทั้งสองด้านคล้ายกับเรือแม่ปะแต่ไม่งอนมาก มีแจวหัวและท้ายส่วนละสามแจว สำหรับคนแจวเดินสามก้าว จึงเรียกว่า เรือสามก้าว เป็นเรือรูปงามอีกชนิดหนึ่งที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเคยทรงใช้ในการประพาสต้นเยี่ยมเยือนพสกนิกร จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 14:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 83 นึกถึงบรรยากาสเรื่อง สี่แผ่นดิน ดูภาพเรือสามเกล้า จำลองอักสักสองรูปครับ จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 14:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ภาพเรือสามเกล้าอีก ... ... เรือจำลองพวกนี้ ราคาไม่ใช่เล่นๆ ถ้าท่านใดมีรูปถ่ายจริงๆของเรือชนิดนี้ จะเป็นที่ตื่นเต้นมาก จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 14:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ภาพนี้เป้นจินตนาการของผู้สร้างสุริโยไท ตอน ศรีสุดาจันทร์แอบลักลอบไปหาพันบุตรศรีเทพ ในยามราตรี ไม่ทราบว่ามีเรือแบบนี้ ของฝ่ายในจริงไหมๆ แต่ดูยังไงก็ไม่มิชิดแฮะ จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 14:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 86 คคห ๘๔ สัปดาห์ที่แล้ว เห็นมีนิทรรศการเรือจำลองที่เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เป็นของ Ananchai Thai Boat คุณอนันต์ชัย มานั่งคุมเอง นั่งทำเรือจำลองให้ดูด้วย จากคุณ : CVTบ้านโป่ง - [ 7 พ.ค. 52 14:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เพิ่งเข้ามาที่นี่  ไม่แน่ใจว่าเป็นครั้งแรกหรือเปล่า  แต่ได้ข้อมูลที่เยอะจัด จากคุณ : t.tays - [ 7 พ.ค. 52 16:08:40 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ภาพเอามาจากกระทู้ที่แล้ว เรือลำนี้ หัวเรือดูแหลมๆกว่าเรือมาด น่าจะเป็นเรือสามก้าวนะครับ  ที่เรียกสามก้าวก็เพราะแจวหัวและท้าย ที่เวลาแจว คนแจวจะต้องเดินสามก้าว จึงเรียกว่าเรือสามก้าว ขอไม่เรียกทั้งสามเกล้าก็แล้วกัน ความหมายมันไม่น่าจะใช่ยังงั้น แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 19:41:57 แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 19:33:16 จากคุณ : Navarat.C - [ 7 พ.ค. 52 19:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ครับ ... เรือสามก้าว คือที่มาตามท่านพี่ว่ามิผิด แต่มาเปลี่ยนให้เป็นคำสวยหรูแต่หนใด ก็หาทราบไม่ เช่นนี้แล้ว ... เรือสามก้าว จะเป็นส่วนหนึ่ง (ซับ-เซต) ของเรือพระประเทียบ หรือไม่ ... หรือแยกกันครับ ...หมายเหตุทางเรือ... วันนี้นั่งตำน้ำพริกรอคุณแสนฯทั้งวัน มิเห็นพายเรือมาขายขนม อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 20:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ดูเรือเก๋งพวกนี้แล้ว จะเห็นว่าลำเล็กนิดเดียวนะครับ เรือในแม่น้ำเจ้าพระยาขนาดไม่ใหญ่โตมาก เพราะไม่ต้องสู้คลื่น ดูฝรั่งตัวโตๆลงไปนั่งแล้วเสียวแทน ด้านขวาบนของภาพ มีเรือเก๋งสี่แจวอีกลำหนึ่งกำลังวิ่งตัดน้ำไปน่าดูมาก เรือเก๋งคือเรือมีประทุนไม้เช่นนี้ แม้ในภาพจะเป็นเรือสามก้าว แต่ก็มีหลักฐานว่าเป็นเรือมาดด้วย เพราะเรือมาดขนาดจะใหญ่กว่า เรือพระประเทียบตอนเสด็จประพาสต้น จะเป็นเรือมาดทั้งนั้น แต่น่าเสียดายในบันทึกเรื่องพระนางเรือล่ม มิได้กล่าวถึงว่าเรือพระประเทียบเป็นเรือประเภทอะไร ผมเดาว่าเป็นเรือมาด เพราะเดินทางไกล และต้องพ่วงเรือกลไฟไป เรือเล็กๆเช่นเรือสามก้าวจะเอาหัวแหลมๆมุดน้ำเสียตั้งแต่เรือลากจูงกระชากนะครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 20:55:32 จากคุณ : Navarat.C - [ 7 พ.ค. 52 20:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 91 วรรณคดีที่เกี่ยวกับเรือ เพลงมอญล่องเรือเถา ฟังมาติดหู  ไม่ทราบว่าชื่อเพลง  รู้เรื่องว่า อิเหนาอุ้มน้องสาวเที่ยวทางเรือ     ลมดีพระก็ใช้ใบไป             ภูวไนยอุ้มองค์ขนิษฐา ขึ้นนั่งยังท้ายเภตรา                 ชมหมู่มัจฉาในสาชล เพลงชื่อเดียวกันแต่เป็นเสภาขุนช้างขุนแผนตอนเสร็จสงครามเชียงใหม่ นาวามาทอดจอดคับคั่ง               กรมการพร้อมพรั่งอยู่ที่นั่น กำลังลงแพกันแจจัน                 จ้าละหวั่นหวุ่นไปในลานวัด ส่วนเรือพระประเทียบสองลำ          พระท้ายน้ำกำกงลงไปจัด ขาดเหลือเรียกระเบ็งเร่งรัด          เป็นขนัดได้ส่วนกระบวนราย ต่อมาเป็นกระบวนส่วนแม่ทัพ           เรือกัญญามารับก็เฉิดฉาย พ่อลูกลงประจำลำละนาย             คนพายล้วนทหารชาญชัย แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 21:54:16 จากคุณ : แสนอักษร - [ 7 พ.ค. 52 21:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อขุนแผนเสร็จศึกเชียงใหม่ครั้งแรก ตัวอ้่ายพลายให้ตั้งเป็นขุนแผน           อยู่รักษาเขตแดนที่ปลายด่าน คุมไพร่ห้าร้อยคอยเหตุการณ์            แล้วประทานเรือยาวเก้าวา ขุนแผนกลับบ้าน  หิ้วลาวทองมาด้วย พาเจ้าลาวทองสองพี่เลี้ยง             นั่งเรียงมาในเรือที่นอนนั่น ออกเรือจากท่ามาด้วยกัน              โยนยาวฉาวลั่นสนั่นมา ...โยนยาวเป็นการส่งเสียงของคนเรือ  เคยได้ยินมาว่า  ร้องตอบกันสั้นๆแล้ว ทั้งหมดร้อง  โย้น ๆ พายเรือมาทั้งคืน   คงร้องกันแก้เหนื่อย  เพราะคึกคักเสร็จสงคราม แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 52 21:53:04 จากคุณ : แสนอักษร - [ 7 พ.ค. 52 21:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 93 "โยนยาวฉาวลั่นสนั่นมา" ... ... จากเชียงใหม่ ถึง อยุธยา ปากคอมิโป่งกันเทียวหรือนี่ ... อยากรู้ว่าเรือในวรรณคดี หน้าตาจะเป็นเช่นไร แล้วจะมีเก๋ง มีประทุน ให้ขุนแผนกะนางลาวทอง กุ๊กกิ๊กกันไหมนี่   (ขอหลบไม้พายคุณแสนไปโดยพลันนน อิอิ) จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 21:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 94 รูปคุณนวรัตนงามมาก เคยเห็นภาพเก่า ที่ชาวบ้านพายเรือ พลุกพล่าน มีพระปรางค์งามเด่นอยู่ริมภาพ ... บรรยายว่าเป็นภาพของจังหวัดกรุงเก่า ผมหาไม่เจอเสียแล้ว ... เวนิช ตะวันออกโดยแท้ จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 22:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อ่า..แค่กๆ อยุธยาถึงสุพรรณจ้า  พายทั้งคืน  ในเรือมีพี่เลี้ยงนางเวียงนางวันมาด้วย ขบวนจากเชียงใหม่มีพระเจ้าเชียงใหม่  มเหสี  สร้อยฟ้าและสร้อยทองพระธิดาพระเจ้าล้านช้าง มาด้วย  คงต้องรักษาธรรมเนียม สำหรับนางเวียงนางวันนั้น  ขุนแผนรับไว้คนหนึ่ง จำไม่ได้แล้วว่าใคร จากคุณ : แสนอักษร - [ 7 พ.ค. 52 22:10:53 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ... เป็น การอ่านพลาดของผมอย่างฉกรรจ์ ... ขออภัยครับ อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 7 พ.ค. 52 22:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ดูรูปเก่าๆแล้วเสียดายเวนิสตะวันออกเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : waphoo - [ 7 พ.ค. 52 22:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ตัวละครอิเหนาของกรมหลวงรักษ์รณเรศร์นั้น  นายขุนทองอิเหนาเป็นตัวโปรดเอกอุ นายแย้มบุษบาเป็นตัวโปรดอย่างโท พวกละครเวลานั้น อยู่เรือนฝากระดานมุงกระเบื้อง หมู่หนึ่งก็ ๕-๖-๗ หลัง   บ้านเรียงรายเป็นแถวไปหลังวัง(ที่พระราชอุทยานสราญรมย์) พวกละครจะไปไหนก็นั่งเรือเก๋งทอง  มีพลพายไม่ต่ำกว่า ๒๕ คน  มีบุญยิ่งกว่าพระยา (สยามประเภท  เล่ม ๔) จากคุณ : แสนอักษร - [ 7 พ.ค. 52 22:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอโทษนะครับ รอละครนอกฉากต่อไปจะออกโรงไม่ไหว สงสัยขุนแผนจะชวนอิเหนาไปเวียนเทียนแล้วเลยเที่ยวงานวัดต่อ ขอสลับฉากกลับมาเรื่อง เรือไทย ... สายน้ำและความทรงจำ....... . . . . เรือกระแซงหรือเรือท้องเรือกลม ที่มองคล้ายแตงโมผ่าครึ่งแล้วเอาไปลอยน้ำ สมัยก่อนใช้บรรทุกข้าวเปลือก ลากจูงจากอยุธยามาโรงสีแถวดาวคะนอง แล้วลากกลับ อย่างที่ท่านวสันดิลกว่า ถ้าเรือพระประเทียบเป็นเรือกระแซง ก็คงไม่มีพระนางเรือล่มในประวัติศาสตร์ เรือใหญ่โตขนาดนี้ คลื่นที่ไหนในเจ้าพระยาจะมาสาดซัดให้คว่ำได้ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:08:31 จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 100 เรือกระแซงมุมนี้ เป็นมุมโปรดของนักถ่ายภาพที่มาเยือนกรุงเก่าทางแม่น้ำ จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อกลับถึงบ้าน ชาวเรือจะมีเวลาว่างเล็กน้อยระหว่างรอคิวลงข้าวอีกครั้ง จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 102 โดยแท้จริงแล้ว เรือก็คือบ้านนั่นเอง จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เสวนาประสาเพื่อนบ้านร่วมอาชีพ จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เรือลงข้าวเพียบถึงกราบแล้ว รอเรือร่วมขบวนลำอื่นก่อนออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไอ้หนูพวกนี้ สนุกได้ทั้งวัน จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เรือเอี้ยมจุ้น เป็นเรือบรรทุกที่ต่อโดยคนจีน คล้ายเรือกระแซงมาก แต่ไม่อ้วนกลมเป็นแตงโมเท่านั้น เรือเอี้ยมจุ้นเป็นเรือเกลือ เจ้าของสำนวนอืดเป็นเรือเกลือนั่นแล แถงสมุทรปราการ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร จะพบเห็นเรือเอี้ยมจุ้น ส่วนทางอยุธยา สุพรรณบุรี นครสวรรค์ เป็นเรือกระแซง จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 107 แต่เดี๋ยวนี้ ชะตากรรมของเรือทั้งสองคล้ายกัน ข้าวเปลือกก็ไม่จำเป็นต้องขนลงเรือมาสีที่กรุงเทพอีกต่อไป สิบล้อและถนนอำนวยความสะดวกรวดเร็วเหนือการขนส่งทางน้ำมาก นอกจากวัสดุก่อสร้างเช่นทรายเท่านั้นที่การขนส่งทางเรือยังได้เปรียบอยู่ แต่ปรากฎการณ์ใหม่ได้เกิดขึ้นเหนือท้องน้ำ คือเรือเหล็กที่เป็นเรือBarge สามารถต่อได้ขนาดระวางความจุมากกว่า ประหยัดกว่าในทุกด้าน โอกาสและความสามารถในการแข่งขันที่เรือกระแซงหรือเรือเอี้ยมจุ้นจะดำรงอยู่ได้ในเจ้าพระยาเริ่มหรี่ลงๆใกล้ดับสูญ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:03:11 จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:39:35 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ทุกวันนี้ บนแม่น้ำสายเดิม เจ้านทีได้เปลี่ยนไปเป็นสิ่งนี้ เรือกระแซงจึงสมควรถูกเก็บในห้องประวัติศาสตร์ จากคุณ : Navarat.C - [ วันวิสาขบูชา 19:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ... ขอบพระคุณครับท่านพี่ กระทู้นี้เงียบเหงาดั่งท้องน้ำขาดเรือ ... ไม่รู้คนแหนแห่ไปทางไหนกันหมด ฮึ ... ไม่เป็นไร วันนี้วันพระใหญ่ ขอนำเรือไฟมาล่องเป็นพุทธปูชา เทอญ จากคุณ : jassb1 - [ วันวิสาขบูชา 20:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ความยาวของเรือโบราณ รายงานการรับช้างเผือกเอกอุในรัชกาลที่ ๒ เรือพระที่นั่งกราบ(ที่กรมหมื่นเจษฎาบดินทรทรง)  ยาว ๑๓ วา หนึ่งศอก เรือกรรเชียงกองรามัญนำหน้า ๑ คู่ เรือปลากระโห้พายนำหน้า ๑ คู่ เรือกราบเป็นเรือประตู  ๑ คู่ เรือกันยาพายตามเสด็จ ๖ ลำ เรือสำปั้นเก๋งภัง เรือสำปั้นประทุน   พายตาม ๒๓ ลำ   ลำหนึ่งมีพลพาย ๒๐, ๓๐ ๕๐ คน เรือพระที่นั่ง มณีนพรัตน์ยาว ๑๖ วา ๓ ศอกคืบ เรือพระที่นั่งรอง  จักรพรรดินิยม   ยาว ๑๕ วาถ้วน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 21:49:17 จากคุณ : แสนอักษร - [ วันวิสาขบูชา 21:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ขอบคุณสำหรับความรู้และภาพสวยๆค่ะ หนมจีนรู้จักและเคยเห็นวิ่งอยู่ไม่กี่ลำ อย่างเรือเกลือ เรือตังเก เรือแจว เรือหูช้างนี่ได้เห็นตอนดำดูปะการัง พอลำนี้แล่นมา เล่นเอาตัดสินใจไม่ถูกว่าจะดูปะการังดี หรือดูเรือดี เมื่อสักสิบปีก่อน หนมจีนยังเห็นเรือเกลือวิ่งอยู่แถวมหาชัย เห็นแล้วก็เหนื่อยใจ... อืดเป็นเรือเกลือจริงๆ ตอนนี้ ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว จากคุณ : หนมจีน - [ 9 พ.ค. 52 09:19:12 A:58.37.218.33 X: TicketID:063710 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เรือสำปั้นประทุนของคุณแสนอักษร จะเหมือนอย่างนี้หรือไม่ เรือนี้ชื่อเรือแตงโม นับพลพายได้ ๒๔ คน จากคุณ : Navarat.C - [ 9 พ.ค. 52 12:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 113 แวะมานั่งเรือเที่ยว  เฮ้อ...น่านั่งทุกลำเลย  รักพี่เสียดายน้องจริงๆ จากคุณ : Fortunism - [ 9 พ.ค. 52 15:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เรือบางลำไม่เคยเห็นเลย ขอบคุณ จขกท.มากน่ะค่ะที่รวบรวมมาให้ดู ส่วนเรือที่เห็นอยู่ประจำ คือ เรือกอและ อิอิอิ ดูทีไรคิดถึงบ้านทุกที T_T จากคุณ : คาเบล - [ 9 พ.ค. 52 23:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เรือกอและเป็นงานวิจิตรศิลป์จริงๆครับ งามทั้งรูปทรง งามทั้งลวดลายที่บรรจงวาดลงไป เป็นเรือทะเลที่ออกแบบให้โต้คลื่นขนาดใหญ่ได้ดี เพราะที่ปัตตานีเป็นทะเลเปิด ไม่เหมือนบริเวณอ่าวไทยตอนใน จากคุณ : Navarat.C - [ 11 พ.ค. 52 08:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ท้องเรือส่วนหัวและท้ายจะงอนขึ้น เพื่อให้สู้คลื่นได้ดีขึ้น ในขณะที่ปากเรือจะผายออกเพื่อเพิ่มระวางบรรทุก เป็นความลงตัวของเส้นโค้งทั้งหมดที่ต้องใช้ไม้ตะเคียนทองมาค่อยๆดัดให้เป็นไปตามรูปทรงนั้น จากคุณ : Navarat.C - [ 11 พ.ค. 52 08:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ส่วนเรือประมงในอ่าวไทยตอนเหนือขึ้นมาไม่ต้องสู้กับคลื่นที่รุนแรงเหมือนบริเวณใต้สุด เรือจะถูกออกแบบให้เรียบๆลง สีสันก็พื้นๆตรงไปตรงมา จากคุณ : Navarat.C - [ 11 พ.ค. 52 09:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เรือที่มีเอกลักษณ์เด่นอีกชนิดหนึ่งคือเรือหัวโทงของทะเลกระบี่ ซึ่งต้องโต้คลื่นในทะเลอันดามัน หัวเรือจำเป็นต้องยกสูงเช่นกัน จากคุณ : Navarat.C - [ 11 พ.ค. 52 09:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ในช่วงน้ำมันแพงสาหัสที่ผ่านมา มูลนืธิชัยพัฒนาได้ทำโครงการร่วมกับกรมประมง ออกแบบและวิจัยใบเรือที่เหมาะสมในการติดตั้งร่วมกับเรือหัวโทงเครื่องหางยาว เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานธรรมชาติมาลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ได้ต้นแบบมาให้ชาวประมงทดลองใช้กำลังจะไปได้ดีอยู่แล้ว น้ำมันก็กลับถูกลงมาอีก ชาวประมงก็เลยหันกลับมานิยมซิ่งกันตามเดิม จากคุณ : Navarat.C - [ 11 พ.ค. 52 09:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอแจมด้วยภาพเรือตังค์เกย์ เอ้ย ตังเก จากคุณ : กุมารสยาม - [ 11 พ.ค. 52 14:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ไอ้หนุ่มตังเกร่อนเร่หาปลา ล่องลอยนาวา มีน้ำกับฟ้าเป็นเพื่อน จากคุณ : กุมารสยาม - [ 11 พ.ค. 52 14:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กระทู้นี้ฝ่าแรงคลื่นกระทู้ "Hot" สัญชาติอื่นไม่ไหว ... คงตกไปเป็นอนิจจังของโลกะวิสัย ...มองไปที่ "เรือไทย" ยิ่งน่าห่วงนะครับ นับวันกำลังจะเสื่อมถอยไป มีเรือชนิดหยั่งฝรั่งทำ มาใช้ ... แหม โก้เสียเต็มประดา จากคุณ : jassb1 - [ 11 พ.ค. 52 14:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เห็นเพลง หนุ่มตังเก แล้วให้ครึ้มใจ ตังเก  - พงษ์เทพ ฉันเกิดอยู่แดนอีสาน ถิ่นกันดารที่เขาดูหมิ่นดูแคลน จากไกลไปหากินต่างแดน ก็อาลัยแสนเมื่อจำต้องพรากบ้านมา ร่อนเร่พเนจรไป เหมือนนกไพรไร้พงพนา ไม่ได้จับไถเลยไปจับปลา ไม่ได้ทำนาเลยมากับเรือตังเก แรกแรกก็กลัวหลายหลาย ต้องเมามายคลื่นโอละเห่ คิดถึงแม่ที่เคยไกวเปล โอ้เปลน้อยคือเรือตังเก มีแม่ทะเลกล่อมนอนแรงแรง แม่โมโหใครมา หรือเป็นตำราให้ลูกแข็งแกร่ง ลูกขอปูขอปลา มากมากเถิดหนาพอเป็นค่าแรง ทะเลมันถมไม่เต็ม เหมือนคนใจเค็มที่คอยยื้อแย่ง คนจนก็ถมไม่เต็ม แต่ใจไม่เค็มทำงานเข้มแข็ง อยากมีเรือสักลำจะพาคนงามที่คิดจะแต่ง ลอยล่องลำนาวา ให้ปลาอิจฉาเวลาคลื่นแรง จากคุณ : jassb1 - [ 11 พ.ค. 52 14:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 124 และขอนำเรือ "ใบ" มาฝากคุณกุมารสยาม ท่านพี่นวรัตน คุณแสนอักษร ท่านมหาฯ คุณบ้านโป่ง คุณคนมีแผลฯ และท่านอื่นๆที่เข้ามาร่วมกันสร้างความครื้นเครง ลงเรือล่องไปด้วยกันนะครับ ^____________________^ จากคุณ : jassb1 - [ 11 พ.ค. 52 15:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 125 พอดีเพิ่งจะเจอเรือมาดประทุน๖แจวครับ มีคนถ่อด้านหัวเรือ๑ คนคัดท้ายเรืออีก๑ จึงขอนำมารวมไว้ด้วยครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นเรือพระประเทียบหรือเรือของขุนนางผู้ใหญ่สมัยก่อน จากคุณ : Navarat.C - [ 12 พ.ค. 52 19:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ...โอ้ ... รูปด้านบนท่านได้แต่ใดมา ข้าพเจ้าหาจนตาแฉะ อย่างไรก้ไม่เจอ ^___________________________^ จากคุณ : jassb1 - [ 12 พ.ค. 52 20:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เป็นรูปที่เก็บไว้จากforward mailที่เพื่อนส่งมาให้ผมครับ จำได้ว่ามีในหนังสือเหมือนกัน แต่เล่มไหนจำไม่ได้เสียแล้ว จากคุณ : Navarat.C - [ 12 พ.ค. 52 21:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ท่านจขกท.จะเข้ามาเยี่ยมชมอีกหรือเปล่าไม่รู้ แต่ขอเอาเรือกระแซงแต่งตัวสวยสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวมารวมไว้ด้วย นับเป็นบทบาทสุดท้ายของเรือประเภทนี้ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 พ.ค. 52 22:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ลำนี้ย่อมลงมาหน่อย มีหน้าที่ใหม่คล้ายกันครับ จากคุณ : Navarat.C - [ 14 พ.ค. 52 22:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ได้ความรู้มากมายจริงๆ  ขอบคุณค่ะ อยากขออนุญาต นำข้อมูลไปเขียนนิยายชาวเรือ เพื่อจะได้เอาเรื่องเหล่านี้ไปเผยแพร่ค่ะ จากคุณ : ต้นจั่น - [ 27 พ.ค. 52 16:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 131 แอบเข้ามาดูกระทู้ตัวเอง ... อิอิ จากคุณ : jassb1 - [ 2 ก.ค. 52 01:12:59 ]