ความคิดเห็นที่ 1 ตอนที่ 1 ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราเริ่มเรียนรามสาขาภาษาอังกฤษ โทภาษาญี่ปุ่นเมื่อปี 48 จบปี 51 ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งค่ะ สามปีพอดีที่เรียนที่นี่ เรามาสมัครรามหลังจากจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ตอนใกล้จบ คิดหนักมากๆ ค่ะว่าจะเรียนต่อหรือทำงานดี แม่บอกให้เราเรียนโทรัฐศาสตร์ต่อ เราก็ยี้เลยล่ะ เรียนตั้งสี่ปีก็เบื่อจะแย่ แถมสาขาวิชานี้ก็ไม่ใช่วิชาชีพด้วย เรียนไปก็ไม่รู้จะทำงานอะไร จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทางเลือกที่เหลือคือไปทำงาน ก็เลยหางาน หาไปเรื่อยๆ ขอนอกเรื่องนิด ตอนสมัครงานสนุกมากๆ (ถ้าไม่นับช่วงที่รอบริษัทติดต่อมานะ) ที่แรกสมัครเป็นพนักงานพิสูจน์อักษร ตอนสัมภาษณ์ เขาก็ให้เราตรวจคำผิดด้วย เราก็ชอบน่ะ ชอบจับผิดชาวบ้าน โอ๊ะ ไม่ใช่ ที่มาสมัครตำแหน่งนี้ เพราะหงุดหงิดที่หนังสือบางเล่มพิมพ์ผิดเยอะมาก เลยคิดว่าถ้าฉันพิสูจน์อักษรเอง จะไม่ให้ผิดแม้แต่ที่เดียว ผลออกมาปรากฏว่าได้แต่ก็ไม่ทำ เพราะสำนักพิมพ์ไกลบ้านมากๆ กลัวเงินเดือนไม่เหลือ เลยปฏิเสธไป จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ที่สองเป็นสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่แห่งนึง ไปสมัครพร้อมเพื่อนค่ะ ตำแหน่งคัดสรรสิ่งพิมพ์ แต่เนื้องานก็คล้ายๆ การตลาดล่ะนะ ตอนสัมภาษณ์เราก็บอกไปเลยว่าเราอยากอยู่กองบรรณาธิการง่ะ ไม่อยากทำการตลาด ตอนนั้นเราเด็กมากๆ คิดว่าการตลาดเป็นเรื่องของการทำยังไงก็ได้ให้คนมาซื้อสินค้าของตัวเอง เลยค่อนข้างรังเกียจสายนี้ (แต่ตอนนี้ไม่คิดอย่างนั้นแล้วน้า) แน่นอนเราเลยปิ๋ว ส่วนเพื่อนเราก็ได้งานนี้ไป ปัจจุบันยังทำอยู่เลย จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทีนี้ ไม่มีใครติดต่อมาพักใหญ่ จนกระทั่งอดีตรูมเมทช่วยหางานให้เป็นผู้ช่วยวิจัย เราก็เอาก็เอาวะ ก็เลยทำมาเรื่อยๆ อาจารย์ที่เราทำวิจัยด้วยใจดีมาก แล้วก็อย่างที่รู้กันนะ ผู้ช่วยวิจัยเวลาค่อนข้างยืดหยุ่นมากๆ เราเลยโดดไปสอบรามสบายแฮ สองเทอมแรกที่เรียนรามมีแต่วิชาพื้นฐาน ก็ไม่ต้องเข้าห้องเรียน เราไปสอบอย่างเดียว ได้ G บ้าง P บ้างสลับกันไป อ่านชี้ทหน้ารามบ้าง ซื้อหนังสือมาอ่านเองบ้าง จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:13:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เวลาผ่านไปจนครบ 1 ปีที่เรียนราม วิชาพื้นฐานเก็บเกือบหมดแล้ว ช่วงนั้นเราเกิดทะเลาะกับเจ้านาย ด้วยความเป็นเด็กอีกนั่นแหละ ถึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำลงไปมันแย่แค่ไหน สุดท้ายเราเลยขอลาออก พลางคิดว่าก็ดีเหมือนกันจะได้มีเวลาไปเรียนที่รามมากขึ้น จะได้จบเร็วๆ ขอบอกว่าตอนนั้นคิดผิดจริงๆ เพราะตัวเบื้องต้นบางตัวของภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น ไม่ต้องเข้าห้องเรียนก็ผ่านแบบได้ G ด้วยแล้วจะบอกเล่าในตอนต่อไป จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้เราจบรามแล้ว งานการก็ยังไม่ได้ทำเป็นชิ้นเป็นอัน ก็อาศัยทำพาร์ทไทม์กับเจ้านายเก่าบ้างช่วงที่กินแกลบ โถ ชีวิตฉัน แต่ก็ไม่ท้อแท้หรอกนะ ปี 51 เข้าเรียนโทในสาขาที่ใฝ่ฝันสาขาหนึ่ง แต่เรียนไปเรียนมาเราตอบคำถามตัวเองไม่ได้ว่าเรียนไปทำไม เลยทำเรื่องพักการเรียนไว้ดื้อๆ ดื้อจริงๆ แบบไม่บอกที่บ้านเลย จนแม่สงสัยเลยมาถามว่าทำไมไม่ไปเรียน จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:15:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปี 52 ตั้งใจจะสอบโทภาษาเพื่ออาชีพที่ธรรมศาสตร์ อยู่ๆ ก็เปลี่ยนมาเรียน MIS ที่เอแบคแทน (อ้าว) เพราะแฟนแนะนำมา กำลังจะเรียนเทอมที่สองละ ว่าจะหางานทำไปด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังเตรียมตัวสมัครทุนไปเรียนต่อญี่ปุ่นอีก อ่านมาถึงบรรทัดนี้ ผู้อ่าน (จะมีใครหลงมาอ่านมั้ยนี่) คงคิดว่าเราป็นมนุษย์จับฉ่ายล่ะสิ ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่กลับไปเรียนปริญญาตรีอีกใบที่ราม และทิ้งอนาคตการทำงานมา แต่ทุกอย่างผ่านพ้นมาแล้ว เราไปแก้ไขอดีตไม่ได้อีก นอกจากนี้ เราก็มีความสุขนะทุกวันนี้กับสิ่งที่ทำอยู่ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนที่ 2 เหตุผลที่มาเรียนราม ทัศนคติ และวินัย มีหลายเหตุผลที่คนมาเรียนราม อย่างเราก็เพราะว่าเราอยากเรียนต่อต่างประเทศด้านวรรณคดี ก็เลยมาเรียนเอกอังกฤษกับโทญี่ปุ่น แล้วเราก็คิดว่าอย่างน้อยที่สุด ถ้าอยากทำอะไรก็จงทำซะตอนนี้ ตอนนี้เรา 20 กว่าๆ เราก็ยังมีแรงและพลังที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าแก่กว่านี้ มีภาระรับผิดชอบมากกว่านี้ เราอาจไม่มีเวลาทำสิ่งที่รักก็ได้ ถ้าเราเกิดได้หนเดียว เราก็อยากทำทุกอย่างที่เราอยากทำน่ะค่ะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 18:15:00 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่เชื่อไหมคะว่าตลอดสามปีทีเรียนราม ทั้งที่เราสนุกกับวิชาที่เราเรียนมาก เราก็ทุกข์ไปด้วย เราคิดว่าเด็กที่มาเรียนรามเป็นคนด้อยโอกาสทางสังคม ต้องทำงานเลี้ยงตัวเองไปด้วย แล้วก็ไม่มีเงินพอจ่ายค่าเทอมที่อื่น นอกจากนี้ก็ไม่ค่อยเก่ง ดูจากเพื่อนในห้องเรียนของเราเองค่ะ เราเองใช่ว่าภาษาอังกฤษจะดี แต่พอเห็นเรียงความของคนอื่น เราตกใจเลยค่ะ ไวยากรณ์แย่จริงๆ บางครั้งเก็บมาคิดว่าจบไปเราจะต่อโทวรรณคดีไหวเหรอ เราจะสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยได้เหรอ คิดวนเวียนอยู่อย่างนั้น แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆนอกจากเรียนราม จะเข้ามหาวิทยาลัยปิดอีกรอบก็จะกินเวลามากกว่านี้ เฮ้อ แต่ตอนนี้เรากลับคิดว่า แทนที่จะคิดฟุ้งซ่านอย่างนั้น เอาเวลามาทบทวนบทเรียนดีกว่า จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เพื่อนๆ ที่เรียนรามที่อ่านมาถึงตรงนี้คงไม่พอใจนะคะ ต้องขอโทษด้วย แต่ตอนนั้นเราคิดอย่างนั้นจริงๆ เราอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับน้องสาวเราซึ่งกำลังเรียนปริญญาโทนิติศาสตร์อยู่ รู้สึกว่าด้อยค่ากว่ายังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพิ่งหายไปไม่นานมานี้เองค่ะ ตอนที่ได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนคนอื่นๆ ขอเล่าให้ฟังนะคะ เผื่อว่ากำลังใจจะเพิ่มมากขึ้น จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องของคุณ Candy Wrapper จากกระทู้ใน pantip ชื่นชมมากเลยค่ะ คุณ Candy Wrapper ตอน ม.ปลาย เรียนสายศิลป์ จบปริญญาตรีด้านการสอนภาษาอังกฤษ ทำงานเป็นล่าม วันหนึ่งเกิดแรงบันดาลใจอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงตัดสินใจลาออกจากงาน มาเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ที่ราม ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากคนรอบข้าง สุดท้ายตอนนี้เรียนปริญญาเอกที่สหรัฐอเมริกา อยากทำได้อย่างคุณคนนี้จัง ข้ามสายอย่างแรงเลยอะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเด็กที่มาเรียนสายศิลป์ส่วนหนึ่งเพราะหนีเลขหนีวิทยาศาสตร์ เราก็ด้วยนะ ทำได้ขนาดนี้ยอดเลย จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องของคุณสิริวรรณ แซ่โง้ว จากข่าวรามคำแหง คุณสิริวรรณเรียนจบ ม.3 มาช่วยพ่อขายข้าวต้มเป็ด จนกระทั่ง 8 ปีผ่านไป จึงเข้าเรียน กศน. และเรียนรามเอกจีนศึกษา ขณะที่เรียนก็ต้องช่วยพ่อทำงานจนดึกดื่นทุกวัน เพราะทำงานไปด้วย จึงต้องเลือกลงวิชาที่ช่วงเวลาเรียนติดกัน ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน วันไหนมีเรียน 7.30 ต้องออกจากบ้าน 4.30 (อุแม่เจ้า ตื่นตี 4 เรายังทำไม่ได้เลย) ช่วงทวนบทเรียนคือระหว่างนั่งรถเมล์กับ ช่วงที่ไม่มีลูกค้า ตัวจีนตัวหนึ่งคัดสัก 40-50 แผ่น (เราคัดคันจิตัวละ 1 หน้าก็เบื่อแล้ว) แข่งขันภาษาจีนชนะระดับประเทศ ตอนนี้ได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทที่จีน ยอดมากเลยใช่ไหมล่ะ อย่างเราถ้าต้องช่วยที่บ้านทำงาน จนไม่มีเวลาไปเรียน คงโทษชะตาฟ้าดินไปเรื่อยๆ แต่เราว่าคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้นอกจากมีทัศนคติเชิงบวกว่าฉันทำได้ ไม่หวั่นต่อคำปรามาสของผู้คนแล้ว ยังมีความอุตสาหะวิริยะอีกด้วยค่ะ ขนาดเราชอบคันจิมาก ยังไม่เคยคัดตัวละหนึ่งหน้าเลย จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:21:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นอกจากคนเก่งๆ ที่เรากล่าวถึงไปข้างต้น ก็ยังมีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่ช่วยเปลี่ยนความคิดเราค่ะ ว่าเด็กรามไม่ใช่เด็กด้อยโอกาส รามต่างหากเป็นที่หยิบยื่นโอกาสให้ผู้คนเหล่านี้ มีหลายคนที่กำลังเรียนปริญญาโทหรือเอกที่จุฬาก็ยังมาเรียนปริญญาตรีที่นี่อีกใบเพื่อหาความรู้ด้านอื่น หลายคนที่ภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยดีแต่มีความเพียรและใฝ่รู้เป็นเลิศ เห็นได้ชัดเลยว่าพอเวลาผ่านไป ภาษาดีขึ้นมาก แถมได้ทุนไปทัศนศึกษาที่ญี่ปุ่นด้วย บางคนมีพื้นฐานภาษาไม่ดีพอแถมยังต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวไปด้วย ถึงจะถูกอาจารย์ตำหนิในห้อง และถึงจะสอบไม่ผ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่ท้อถอย ยังตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป เราว่าพวกเขาเหล่านี้น่าชื่นชมมากๆ เลยค่ะ คิดดูสิถ้าเป็นในมหาวิทยาลัยปิด เราจะเจอเรื่องราวเหล่านี้มั้ย พอคิดได้อย่างนี้ ใจเราเป็นสุขมากเลยค่ะ ลืมความน้อยเนื้อต่ำใจไปหมดเลย จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:23:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพื่อนๆ คะ ก่อนจะเข้ามาเป็นลูกพ่อขุน ตอบตัวเองให้ได้นะคะว่าเหตุผลที่มาเรียนที่นี่คืออะไร ข้อดีของการเรียนที่นี่มีมากมายค่ะ ค่าเล่าเรียนถูก ทำงานไปด้วยได้ ได้ฝึกความอดทน สามารถจบได้เร็ว เปิดโอกาสเสมอสำหรับทุกคน ฯลฯจากนั้นก็ก้าวไปอย่างมุ่งมั่น เชื่อในตัวเองว่าเราทำได้ และสุดท้ายคือมีวินัยในการเรียนค่ะ เท่านี้ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อมค่ะ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอพักก่อน เดี๋ยวมาเล่าเรื่องการวางแผนการเรียนของเราเองค่ะ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 13:26:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาบอกว่า ติดตามนะครับ >_< จากคุณ : Me (Mewchan) - [ วันวิสาขบูชา 13:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มารออ่านต่อค่ะ ชอบตรงนี้ค่ะ ตอนนี้เรา 20 กว่าๆ เราก็ยังมีแรงและพลังที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าแก่กว่านี้ มีภาระรับผิดชอบมากกว่านี้ เราอาจไม่มีเวลาทำสิ่งที่รักก็ได้ ถ้าเราเกิดได้หนเดียว เราก็อยากทำทุกอย่างที่เราอยากทำน่ะค่ะ อิอิ เห็นชื่อคุณไอชิเตรุ เราก็รีบคลิกเข้ามาอ่านแล้วค่ะ ยังจำกระทู้เดิมได้เลย ที่คุณไอชิเตรุแนะนำหลักสูตรปริญญาโททางด้านภาษาอังกฤษให้อ่านกัน จากคุณ : Flowery - [ วันวิสาขบูชา 14:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีเพื่อนคนนึง (ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อตั้งนานแล้ว) จบ ม. 6 สายวิทย์ ด้วยความไม่ชอบวิทยาศาสตร์อย่างแรง จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย (ตอนนั้นสอบหนเดียว ติด-ไม่ติดก็ รู้กันไปเลย) โดยเปลี่ยนสาย ก็ไม่มีความรู้พอจะสอบ เลยเรียนราม เปลี่ยนเป็นสายภาษา ตอนหลังได้งานสอนภาษา ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ต่อมาสอบทุนรัฐบาล(ฝรั่ง) จบเอกไปแล้ว ถ้าคิดจะเรียนราม ขอบอกก่อนว่า คนที่ไม่มีวินัย คุมตัวเองไม่ได้ อย่าเรียน เพราะรามไม่เหมือนมหาวิทยาลัยปิด(บางแห่ง) ที่มีอาจารย์ ที่ปรึกษาคอยตะครุบไล่ตามตัวเด็กเวลาเด็กไม่มาเรียน เวลาเกรดติดโปร ต้องมาแนะแนวการลงทะเบียน ให้หลุดโปร จะได้เรียนจบรับปริญญา (อ่านดูแล้ว ยังกะไม่ใช่การเรียนในระดับอุดมศึกษาเลย ลูกแหง่ชะมัด) สิ่งนี้ มหาวิทยาลัยเปิดไม่มี คนเรียนต้องรับผิดชอบตัวเอง สิ่งที่มหาวิทยาลัยเปิด ให้ทุกๆ คนที่เข้ามาเหมือนกันคือ ให้โอกาส แล้วจะไขว่คว้า ขวนขวายโอกาส ได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ตัวคนเรียน จากคุณ : Canossa - [ วันวิสาขบูชา 15:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาต่อค่ะ ดีใจจังมีคนตามอ่านด้วย ถึงคุณ Me (Mewchan) ขอบคุณค่ะ แต่คิดไปคิดมา ชักขี้เกียจเขียนแล้ว เดี๋ยวยาวเกิน ถึงคุณ Flowery เราก็เป็นแฟนบล็อกของคุณด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกขยันขึ้น ถึงคุณ Canossa เห็นด้วยทุกอย่างที่คุณเขียนค่ะ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนที่ 3 การวางแผนการเรียนเอกอังกฤษ โทญี่ปุ่น ตามทฤษฎี เราสามารถเรียนจบสาขานี้ภายใน 2 ปีครึ่ง (ในกรณีที่ไม่ได้เทียบโอนนะคะ ถ้าเทียบโอนจะเร็วกว่านี้อีก) นั่นคือ ทุกเทอมลง 24 หน่วยกิต summer ก็ต้องลงให้ครบ 12 หน่วยกิต และทุกวิชาต้องผ่านในครั้งเดียว หรือถ้าสอบตก ก็ต้องซ่อมให้เสร็จในเทอมนั้น สมมติว่าเริ่มเรียนเทอมแรก 1/52 1/52 24 หน่วยกิต 2/52 24 หน่วยกิต Summer 12 หน่วยกิต ปีแรกเก็บได้ 60 หน่วยกิต 1/53 24 หน่วยกิต 2/53 24 หน่วยกิต Summer 12 หน่วยกิต 1/54 24 หน่วยกิต ครบ 144 หน่วยกิตพอดี แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 17:16:19 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาไปเรียน ตลอด 2 ปีครึ่งของการเรียน อย่างน้อยควรมีเวลาไปเรียน 2 เทอม แต่มันก็ขึ้นกับสาขาที่เราไปเรียนและพื้นความรู้เดิมของตนเองด้วยนะ เอาเราเป็นกรณีตัวอย่างละกัน ภาษาอังกฤษพอใช้ ภาษาญี่ปุ่นสอบระดับ 3 ผ่านแล้ว เพราะเรียนที่ สสท. มาประมาณ 2-3 ปี ดังนั้นการเรียนด้วยตนเองบางวิชาเลยไม่เป็นปัญหาเท่าไร อย่างภาษาญี่ปุ่นต้องเรียน 10 ตัว เราเข้าห้องเรียนแค่ 4 วิชา (JA 301, 302, 321, 322) อีก 6 ตัวอ่านเอง จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เราเรียนเน้นสายวรรณคดี ดังนั้นต้องลงวรรณคดีอย่างน้อย 7 ตัว ที่เหลือลงอะไรก็ได้ วรรณคดีที่เราลงมีดังนี้ EN250 DESCRIPTIVE & NARRATIVE PROSE EN291 MYTH EN342 VICTORIA LIT EN355 SHORT STORIES EN364 KEATS EN381 REALISM & NATURALISM EN392 SHORT STORIES EN463 SHAKESPEARE แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 18:18:08 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนอื่นๆ ที่เราลงก็มี EN322 TRANSLATION EN422 CREATIVE WRITING EN424 NEWS TRNSLATION EN426 MOVIE TRANSLATION FL474 FOLKTALES JA384 JAPANESE LITERATURE จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทีนี้ขอแนะนำวิชาภาษาอังกฤษที่ไม่ต้องเข้าเรียนเองก็ได้ จริงๆ แล้ว วิชาบังคับภาษาอังกฤษทุกตัวไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้นะ มีรายนามดังต่อไปนี้ EN101 EN102 EN201 READING EN202 READING EN203 PRONUNCIATION EN204 CONVERSATION EN205 PARAGRAPHS EN206 PARAGRAPH WRITING OF DIFFERENT FORMS EN230 INTRO LITERATURE EN305 ARGUMENTATIVE WRITING EN306 CRITICAL READING EN405 WRITING มหาโหด LI100 INTRO TO LANGUAGE จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:44:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มารออ่านด้วยคนครับ จากคุณ : ไซโคลน - [ วันวิสาขบูชา 16:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะที่เยี่ยมชม blog เรา นี่แหละที่หามานาน เราเคยคิดจะลงเรียนปริญญาตรี เอกอังกฤษ ที่รามคำแหงเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นหาข้อมูลแล้วก็ไม่มีที่ไหนให้ข้อมูลละเอียดและเห็นภาพอย่างคุณไอชิเตรุนำมาโพสต์เลยค่ะ จากคุณ : Flowery - [ วันวิสาขบูชา 16:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แต่ถ้าไม่เข้าห้องเรียน ต้องแน่ใจนะคะว่าเพื่อนๆ เข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้ หนึ่ง พื้นฐานภาษาอังกฤษดีพอที่จะเรียนด้วยตนเองได้ โดยเฉพาะวิชา Writing ถ้าไม่มั่นใจก็หาเวลาไปพบอาจารย์ ให้อาจารย์ช่วยตรวจเรียงความ จะได้รู้ข้อบกพร่องของตนเอง สอง ควรฟังบรรยายทางอินเตอร์เนต ที่เว็บรามมีอัดเก็บไว้ค่ะ ลองใช้ดูนะ จะได้รู้แนวว่าอาจารย์ต้องการอย่างไร ทุกวิชาที่ว่ามาข้างต้นมีเทปการบรรยายทั้งหมดค่ะ และอาจารย์จะบอกแนวข้อสอบด้วย บอกว่าถ้าเขียนอย่างนี้โดนหักคะแนน ฯลฯ ส่วนการติวจะช่วยได้หรือไม่นั้น เราไม่รู้ค่ะ เพราะไม่เคยติว จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 16:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาตามอ่านด้วยคนครับ เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก ค่าของคนอยู่ที่ความขยันหมั่นเพียรโดยแท้ จากคุณ : โจโฉ (joechou) - [ วันวิสาขบูชา 17:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอแนะนำการเรียนแต่ละวิชานะคะ EN101 EN102 ง่ายมากค่ะ ถ้าพื้นฐานภาษาอังกฤษพอใช้ ก็แค่ซื้อชี้ทข้อสอบหน้ารามมาอ่าน ก็พอแล้วค่ะ วิชานี้เรามีหนังสือนะคะ แต่ไม่เคยอ่านเลยซักจิ๊ด อ่านแล้วเบื่อน่ะค่ะ เพราะเริ่มสอนตั้งแต่ article ตัวอย่างข้อสอบ (เรามั่วเองค่ะ แต่ลักษณะข้อสอบก็แบบนี้แหละ) When I _____ young, I _____ a car accident. a. were/had b. were/have c. was/had d. was/have เป็นวิชาที่ได้ G ง่ายค่ะ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 17:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 EN201 EN202 วิชา READING คาบแรก อ.จะระบุว่าออก passage ไหนบ้างในแต่ละเทอม ก็แค่เปิดฟังบรรยายทางอินเตอร์เนตแล้วจดไว้ก็ได้ค่ะ แต่ละเทอมจะออก passage แตกต่างกันไป วิชานี้เราอ่านเองค่ะ EN201 ยังไม่ยากเท่าไร ส่วน EN202 บทความยากมากๆๆๆ ทั้งโครงสร้างประโยคก็ย้าวยาว เนื้อเรื่องก็ซับซ้อน แต่ข้อสอบไม่ยากสักนิดเดียวค่ะ เป็นกากบาท 100 ข้อทั้งคู่ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 17:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 31 EN203 PRONUNCIATION วิชานี้มีซีดีด้วยค่ะ ไปหาซื้อมานะคะ หรือถ้ามีซึดีสอนออกเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ ส่วนหนังสือเล่มหนาน่ากลัวมาก ดังนั้นถ้ามีเวลาก็ฟังคำบรรยายของอาจารย์ด้วยนะคะ เพราะอาจารย์จะอธิบายง่ายๆ สั้นๆ   ส่วนการสอบมีทั้งสอบปฏิบัติและกากบาท 100 ข้อ ดังนั้นต้องมาสอบ 2 วันนะคะ ติดตามประกาศการสอบปฏิบัติให้ดี สอบปฏิบัติไม่ยากนะคะ แค่ออกเสียงคำประมาณ 10 กว่าคำให้อาจารย์ฟัง แล้วก็ประโยคสัก 2-3 ประโยค ส่วนสอบข้อเขียน เล่นเอาเราปวดหัวเลย มีทั้งเอาสัญลักษณ์สัทศาสตร์มาให้ดู แล้วถามว่าตรงกับศัพท์ตัวไหน หรือไม่ก็ยกศัพท์มาตัวนึง เช่น quay แล้วถามว่าตรงกับสัญลักษณ์สัทศาสตร์ตัวไหน อ้อ ถามด้วยว่าออกเสียง th ลักษณะริมฝีปากเป็นยังไง ตอนสอบเราก็ต้องขยับปากไปด้วยจะได้นึกออก จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 17:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 32 EN204 CONVERSATION วิชานี้การเรียนในห้องเรียนน่าเบื่อมาก เพราะไม่ได้สนทนากันจริงๆ แต่อาจารย์จะเป็นคนพูดฝ่ายเดียว เช่น วิธีพูดขอบคุณมีอยู่หลายวิธีนะ อาทิ Thank you very much, thanks a lot, etc.   ฟังอย่างเดียวมันน่าเบื่อ ดังนั้นเราขอแนะนำวิธีการเรียนที่สนุกและได้ผลกว่า ก็คือไปดูหนังฝรั่งแล้วหัดพูดตามดีกว่า แล้วก็ฟังอาจารย์บรรยายพอให้รู้ว่าอาจารย์จะออกสอบแนวไหน สอบข้อเขียนมี 3 ส่วน หนึ่ง ไวยากรณ์ กากบาท 20 ข้อ 20 คะแนน สอง dialogue completion มีบทสนทนา 4 บท บทละ 5 ประโยค สาม เขียนประโยคให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำหนด จริงๆ เรามีตัวอย่างข้อสอบด้วยล่ะ พออกจากห้องสอบปุ๊บ เรารีบจดๆๆๆ ทุกสิ่งที่จำได้ แต่ขี้เกียจพิมพ์ค่ะ ไว้ก่อนละกัน แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 17:38:10 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 17:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 33 EN205 วิชาเขียนตัวแรกค่ะ วิชานี้เราเรียนทุกคาบ แต่มันไม่จำเป็นขนาดนั้นหรอกนะคะ ฟังบรรยายทางเนทก็ได้ เราเรียนกับอาจารย์กัลยาณีค่ะ ชอบอาจารย์มาก อาจารย์สอนดีแล้วก็ตรวจการบ้านละเอียดจริงๆ เราชอบอาจารย์มากเสียจนตามไปเรียนวิชา European Short Stories ที่อาจารย์สอน เนื้อหาวิชานี้ก็เริ่มต้นจากการเขียนประโยค ลักษณะประโยคสามแบบ simple sentence, compound sentence, complex sentence Gerund Participle จบที่การเขียนย่อหน้า ลักษณะข้อสอบ หนึ่ง รวมประโยค สอง เติมข้อความ สาม participle สี่ gerund / infinitive ห้า เขียน paragraph ประมาณ 7-8 ประโยค จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 18:00:18 ]

ความคิดเห็นที่ 34 น่าสนใจมากเลยครับ ถ้าเรียนไปพร้อมกับปริญญาตรีที่กำลังเรียนอยู่ตอนนี้ มันจะหนักมากเลยใช่ไหมครับ เพราะผมคิดว่าคงไม่มีเวลาไปเข้าฟังบรรยาย ศึกษาเอง อะไรเอง สามปีพอจะไหวไหมครับ ถ้าเรียนตรีภาษาที่นี่พร้อมตรีที่ผมกำลังศึกษาอยู่(วิศวกรรม) จากคุณ : RaziexQ - [ วันวิสาขบูชา 18:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เจ๋งมาก ๆ เลยค่ะ ละเอียดมาก สมแล้วที่ได้ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งค่ะ จากคุณ : Flowery - [ วันวิสาขบูชา 20:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สนใจเหมือนกันค่ะ ชอบเรียนภาษามาก  อยากเป็นนักแปล คิดๆไว้เหมือนกันว่าอยากเรียนมนุษย์ Eng ราม แต่ว่ายังหาเวลาเรียนไม่ได้ เพราะว่าที่เรียนอยู่ตอนนี้  ก็หนักมากกกกก กำลังทำใจกับ Anatomy I , II , Physio , neuro บลาๆๆ ที่กำลังจะเจอในเทอมที่กำลังจะมาถึงนี้ กลัวผีก็กลัว T^T หนูอยู่ต่างจังหวัดด้วย  บ้านอยู่ จ.สกลนคร แต่เรียนอยู่ที่ ม.ขอนแก่น ถ้าอยากเรียน  ต้องเรียนที่วิทยาเขตอย่างเดียวหรือเปล่าคะ เพราะใกล้ๆบ้านที่เห็นก็มีที่ จ.นครพนม  ที่ขอนแก่นมีหรือเปล่า และเดี๋ยวนี้เขายังมีเรียนทางไปรษณีย์อยู่หรือเปล่าคะ  หรือว่าเรียนออนไลน์ ถ้าศึกษาด้วยตัวเอง  คิดว่าต้องเกิน 4 ปีแน่นอน ไหนจะฝึกงาน  อ่านหนังสือสอบใบประกอบวิชาชีพอีก ทำยังไงจะได้เรียนน้อ... จากคุณ : *~ดอกเดซี่สีชมพู~* - [ วันวิสาขบูชา 20:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตอบคุณ RaziexQ หนักมากค่ะ แต่ก็มีคนทำได้นะคะ เพื่อนเราคนหนึ่ง ลงเอกอังกฤษ โทประวัติศาสตร์ ควบคู่ไปกับเรียนมหาวิทยาลัยปิด พอจบปริญญาตรีใบแรก ก็เรียนรามต่ออีก 1 ปี ถึงจบราม แต่ที่เด็ดกว่านั้น มีน้อง ม.ปลายคนหนึ่ง เรียน pre degree นิติศาสตร์ จบรามพร้อมจบ ม.6 จากนั้นสอบเนติได้ภายใน 1 ปี พออายุ 19 บินไปเรียนโทกฎหมายที่สหรัฐ เอ่อ น้องคะจะรีบเรียนไปไหนอ่า สรุป ขึ้นอยู่กับความมีวินัยและการจัดสรรเวลาให้ลงตัวค่ะ อย่างเพื่อนเราคนหนึ่งเป็นเด็กกิจกรรม เลยไม่มีเวลาไปสอบราม เพราะวันสอบรามชนกับวันไปค่าย ฉะนั้น ถ้าเรียนรามไปด้วย ก็ทำใจเลยว่าเวลาสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนจะน้อยลงไปมากๆ สอบรามทีนึง สอบเป็นเดือนเลยนะคะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 20:34:27 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 20:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ... แวะมาอ่านครับผม ... จากคุณ : เคมีรามคำแหง - [ วันวิสาขบูชา 20:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบ คุณ*~ดอกเดซี่สีชมพู~* ถ้าเราเข้าใจไม่ผิดนะคะ วิทยาเขตจะเปิดสอนบางสาขาเท่านั้น อย่างสาขาฮิตๆ เช่น รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ แต่มนุษยศาสตร์สาขาภาษาอังกฤษไม่เปิดสอนค่ะ ขอยกตัวอย่าง คนที่เรารู้จักละกัน เขาเรียน ม.บูรพาค่ะ พอปิดเทอมทีนึงก็มาเช่าหอใกล้รามเื่พื่อมาเรียนและมาสอบ เรียนเอกเดียวกับเรานี่แหละ เราฟังแล้วอึ้งค่ะ เอ่อ เป็นเรา เราไม่ลงทุนขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าคุณ *~ดอกเดซี่สีชมพู~* อึดพอ และพ่อแม่อนุญาต ก็ลองดูค่ะ อีกวิธีคือรอให้จบใบแรกก่อน จากนั้นถ้าได้งานที่กรุงเทพ ก็โอนหน่วยกิตมาให้หมด ก็จะย่นเวลาลงไปอีก เรียนสายวิทย์อาจจะโอนได้สัก 30 หน่วยกิต เหลือประมาณ 100 กว่าหน่วยกิต จากนั้นอาจจะเลือกโทที่เรียนไม่หนักมาก ก็จะช่วยให้จบเร็วขึ้น จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 21:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ปกติ เราไม่ชอบโพสต์เลยค่ะ เพราะพิมพ์ช้า เลยรู้สึกว่าเสียเวลา (เอ๊ะ) แต่วันนี้คึกเป็นพิเศษ เลยอยากเขียนค่ะ ตอนเรียนราม เราหาข้อมูลทั้งเนตเลย แต่ไม่ค่อยมีใครเขียนถึง จำได้ว่าหน้าห้องสอบภาษาญี่ปุ่น มีน้องคนหนึ่งถามเราว่า พี่คะ หนังสือวิชานี้ซื้อที่ไหน เราฟังแล้วสงสารอะ เขาคงไม่เคยรู้ว่าชี้ทวิชานี้มีขายที่ชั้น 1 ตึกมนุษยศาสตร์ เลยคิดว่าถ้าพร้อมแล้ว อาจจะสแกนชี้ทที่เรามีไว้บนเนทค่ะ สำหรับคนทำงาน หรือคนที่เรียนควบ 2 ใบซึ่งไม่มีเวลามาซื้อชี้ทที่ราม แต่ตอนนี้เริ่มจากโพสต์เล่าก่อนละกันว่า ถึงเพื่อนๆ จะมีงานรัดตัวหรือมีเรียน อีกที่หนึ่งจนปลีกตัวมาฟังบรรยายไม่ได้ แต่ก็ยังมีหนทางที่จะเรียนรามจนจบได้นะ เพราะ "เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง" แก่ทุกท่านเสมอ ถึงคุณไซโคลน & โจโฉ (joechou) ขอบคุณค่ะที่ติดตามอ่าน ถึงคุณเคมีรามคำแหง เราจำได้ค่ะว่าเคยได้รับไฟล์หนังสือจากคุณ ขอบคุณมากนะคะ ถึงคุณ Flowery เขิลค่ะ ถึงได้เกียรตินิยม เราก็ยังไมเก่งเท่าไรเลยค่ะ ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ ป.ล. จริงๆ ยังเขียนไม่จบนะคะ แต่ว่ามันย้าวยาวมาก จะอุตสาหะพิมพ์ต่อไปค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 52 21:29:13 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ วันวิสาขบูชา 21:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 41 วิทยาเขต  มีแต่มนุษย์สื่อสาร จากคุณ : Viengวิไล - [ วันวิสาขบูชา 21:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณไอชิเตะรุ ช่วยเล่ารายละเอียดคร่าวๆของวิชาโทญี่ปุนด้วยจิคับ ว่าเรียนกี่ตัว ตัวไหนบ้าง และแต่ละตัวระดับเรียนยากแค่ไหนคับ ภาษาญี่ปุ่นที่รามฯ เขาสอนยังไงคับ อ.สอนดี สอนเข้าใจไหมครับ ตอนนี้เพิ่งจบ ป.ตรี หมาดๆ สนใจอยากเรียนมนุษย์ อิ้ง รามฯมากๆๆๆ แต่จะเป็นไรไหมคับ พอดีจบมาก็คณะมนุษย์ ซึ่งวุฒิก็ ศศบ. ยังจะมาเรียนมนุษย์ ถ้าจบก็วุฒิ ศศบ. อีก ไม่รู้จะยึดติดทำไมเนอะ เหอๆๆ เอาความรู้ดีกว่า แห่ะๆๆ ขอบคุณคุณไอชิเตะรู้มากนะคับ ที่ใจดีมาแบ่งปันข้อมูลที่ผมก็เสิร์ชทางเน็ตไม่เคยเจอ จะรอติดตามไปตลอดคับ ตอนนี้เซฟไว้ Favorites แล้วคับ แห้ะๆๆ จากคุณ : RiKiKuN_KraB - [ 9 พ.ค. 52 05:43:48 A:125.24.98.54 X: TicketID:207633 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ ไอชิเตรุ เขียนได้ละเอียดมากเลยค่ะ หาข้อมูลประมาณนี้มานานแล้ว คือหนู กำลังจะลงเรียน มนุษศาสตร์ เอกอังกฤษ พอดีค่ะ เรียนแบบ pre-degree ค่ะ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ ม.4 ว่าจะไปสมัครวันอังคารนี้ค่ะ แต่ก็กลัว ๆ อยู่เหมือนกันว่าจะเรียนไม่ไหว เพราะพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ชอบค่ะ อยากจะพูดได้ อ่านได้ เขียนได้ กำลังสับสนกับตัวเองอยู่ กลัวว่าจะเรียนไม่ไหวค่ะ แล้วก็มีหลายเรื่องเลยที่ยังสงสัยอยู่ จะติดตามอ่านนะค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะที่เขียนเรื่องดี ๆ มาให้อ่าน จากคุณ : กุ๊กกิ๊ก - [ 9 พ.ค. 52 13:30:45 A:222.123.12.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ได้ความรู้ดีจัง กำลังสนใจ จะลงพอดี น่ารักมากกกกกกกก ^3^ จากคุณ : akiko (akikomoji) - [ 10 พ.ค. 52 15:15:05 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ว่างๆมาให้ความรู้อีกนะคะ ขอบคุณมากค่ะ^^ จากคุณ : anita-lollipop - [ 11 พ.ค. 52 09:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมก็เรียนมนุษที่รามอยุ่ ด้วยตนเองเหมือนกัน ไปเฉพาะเวลาสอบ เพราะทำงานอยุ่ที่เชียงใหม่ แต่เราเรียน เอก ภาษาเยอรมัน ยอมรับเลย ว่าไวยกรณ์ยากมาก จะถามว่า ถ้ามีตัวที่สอบ สนทนา จะเหมือนกับภาษาอังกฤษรึเปล่า จากคุณ : neinz - [ 11 พ.ค. 52 20:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอโทษนะคะถ้าตอบงงๆ ไปนิด ตาจะปิดอยู่แล้วค่ะ ตอบคุณ RiKiKuN_KraB ja101,102 อ.ประนอม   อ.สอนช้าๆค่ะ เข้าใจง่าย มีเทปคำบรรยายที่เว็บรามเสร็จสรรพ แต่พอดีเราเคยเรียนมาบ้างแล้ว เลยค่อนข้างเบื่ออะค่ะ นอกจากคาบเรียนปกติชั่วโมงครึ่ง ยังมีแล็บด้วยค่ะ แต่ไม่ใช่ว่ามีห้องแล็บให้เข้านะคะ คล้ายๆ กับว่าเป็นชั่วโมงทบทวนบทเรียนเก่าๆ เราไม่เคยเข้าค่ะ เพราะมันเช้ามากๆๆๆๆ ตั้ง 7.30 แน่ะ ทั้งสองวิชามีหนังสือเรียนขายที่รามเลยค่ะ มีแบบฝึกหัดในเล่ม แต่ไม่มีเฉลย เราก็เลยเฉลยเองซะเลย ไม่รู้ถูกหรือเปล่า สำหรับผู้ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่น เราว่าน่าจะไปเรียนข้างนอกด้วยค่ะ เพราะถ้าเรียนที่รามอย่างเดียว พื้นฐานไม่แน่นแน่ๆ เพราะชั่วโมงเรียนน้อยเกินไป และไม่มีสอบย่อยเป็นระยะๆ ถ้าเทียบกับเด็ก ม.ปิดแล้ว เด็ก ม.ปิดเรียนภาษาญี่ปุ่นตัวนึงประมาณ 3-6 ชม.ต่อหนึ่งสัปดาห์เชียวนะคะ สอบย่อยแทบจะสัปดาห์เว้นสัปดาห์ ในขณะที่รามเรียนวิชานึงแค่ 1.30 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สอบก็แค่ปลายภาคหนเดียว การบ้านก็ไม่บังคับส่ง แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 23:24:46 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 11 พ.ค. 52 23:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ้อ อีกอย่าง เราว่าสำหรับคนเริ่มต้นเรียน ตำรา ja101,102 ของรามไม่น่าเรียนอย่างแรงค่ะ (แง ขอโทษนะคะอาจารย์ แต่หนูรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ) เล่มก็ขาวดำทั้งเล่ม ไม่มีรูปการ์ตูนประกอบด้วย คือว่าเราเริ่มเรียนจากมินนะโนะนิฮงโกะค่ะ ถึงเล่มจะขาวดำ แต่ตัวการ์ตูนเยอะดีเลยชอบ นอกจากนี้ ตำราสองเล่มนี้อาจจะทำให้นักศึกษางงเอาก็ได้ เพราะ ja101 สอนแต่ฮิรากานะ พอ ja102 ถึงเริ่มสอนคาตากานะ (ส่วนคันจิเริ่มสอนในวิชา ja201) ทีนี้ใน ja101 คำทับศัพท์เลยเขียนด้วยฮิรากานะ ทั้งๆที่ควรเขียนด้วยคาตากานะมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เทเลบิ ที่แปลว่าโทรทัศน์ ในตำราจะเขียนด้วยฮิรากานะ เล่นเอาเราสับสนเลย ตอนไปสอบเราเลยต้องแปลงศัพท์ที่เขียนด้วยคาตากานะ เป็นฮิรากานะให้หมด กลัวตกน่ะค่ะ กลัวอาจารย์จะหาว่าฉันยังไม่ได้สอนเธอเลย อ้อ นอกจากนั้น เราว่าที่รามสอนคันจิช้าไปค่ะ ก็เลยทำให้นักศึกษาไม่ค่อยคล่องคันจินะเราว่า แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 23:37:29 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 11 พ.ค. 52 23:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ข้อเสียอีกอย่างคือ ไม่มีเทปประกอบค่ะ เราว่าการเรียนภาษาควรจะได้ฟังได้พูดบ้าง โดยเฉพาะได้ฟังสำเนียงของเจ้าของภาษาค่ะ สรุป สำหรับผู้ที่มาเริ่มต้นที่ราม เราว่าลงทุนไปเรียนข้างนอกเสริมด้วยจะดีกว่าค่ะ แล้วก็หาตำราที่มีเทปประกอบมาใช้ด้วยก็จะดีมาก สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานมาก่อน สองตัวนี้ไม่ต้องเข้าห้องก็ได้ค่ะ แต่ควรฟังเทปคำบรรยายของ อ.ประนอมด้วย จะได้รู้คร่าวๆ ว่า อ.อยากให้ตอบข้อสอบแบบไหน แล้วก็สามารถเข้าสอบสองตัวภายในเทอมเดียวได้ค่ะ เพราะว่าลักษณะข้อสอบเหมือนกันเปี๊ยบ แต่จำไว้อย่างค่ะ ja101 อย่าเผลอเขียนคาตากานะ ส่วนja102 คำไหนใช้คาตากานะ ก็เขียนคาตากานะ ข้อสอบถ้าจำไม่ผิด ให้เขียนหมด มีทั้งแปลเป็นไทย แปลเป็นญี่ปุ่น แล้วก็ตอบคำถามค่ะ ไม่ยาก โอกาสได้ G มีสูงโดยไม่ต้องไปติว แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 52 23:48:00 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 11 พ.ค. 52 23:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบกระทู้อย่างเมามันเลย พรุ่งนี้จะตื่นเช้าได้มั้ยเนี่ย ขอพักเรื่องโทภาษาญี่ปุ่นไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวมาต่อ ตอบคุณ กุ๊กกิ๊ก อืม จริงๆแล้ว ถ้าอยากเก่งอังกฤษ ไม่ต้องลงพรีดีกรีรามก็ได้นะคะ แต่น่าจะหาโอกาสใช้มากกว่า โดยเฉพาะการพูดการฟัง คนไทยไม่ค่อยกล้าสื่อสารกับคนต่างชาติเลยค่ะ เราก็เป็นนะ เจอเพื่อนต่างชาติแล้วอยากหลบ เพื่อนเราเคยชวนไปโครงการ au pair ค่ะ ที่ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สหรัฐ เราก็ไม่เอาอะ ตอนนั้นบ้าปริญญาค่ะ แต่ถ้าย้อนเวลาไปได้ คงจะไปออแพร์แล้ว เพื่อนเรากลับมา ภาษาอังกฤษคล่องเลยค่ะ ตอนนี้เป็นแต่งงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่โน่นแล้ว คาดว่าภาษาอังกฤษคงคล่องกว่าเดิม เพราะมีครูฝึกส่วนตัว  ^_^ ตอบคุณ akiko (akikomoji) และคุณ anita-lollipop ขอบคุณค่ะที่ติดตาม เราก็อยากเขียนให้ละเอียดที่สุดค่ะ แต่บางทีเวลาไม่เอื้อ นึกอะไรออกก็พิมพ์ไปก่อนค่ะ ตอบคุณ neinz Guten Abend ค่ะ เรื่องของภาคเยอรมันเราไม่รู้เลยค่ะ แต่มีวันนึงเหลือบเห็นอาจารย์เยอรมัน หล่อมากกกก จนอยากเปลี่ยนจากโทญี่ปุ่นเป็นโทเยอรมันซะเดี๋ยวนั้น เอาล่ะ จะตอบเป็นจริงเป็นจังแล้วนะคะ อย่างสาขาญี่ปุ่น ก็มีวิชาสนทนาภาษาญี่ปุ่นอยู่ 2 ตัว คือ ja211,212 ไม่มีสอบฟังพูดนะ มีแต่สอบข้อเขียนตอนปลายภาคอย่างเดียว แต่ว่าในห้องเรียนคงมีฝึกพูดอยู่บ้างล่ะมั้ง พอดีเราไม่เคยเข้าเรียนสองวิชานี้เลยไม่มีข้อมูลค่ะ ส่วนเยอรมันอาจเป็นกรณีเดียวกันก็ได้ ยังไงต้องลองถามคนที่เรียนน่ะค่ะ แหะๆๆเหมือนไม่ได้ช่วยเลย แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 01:03:19 จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 12 พ.ค. 52 00:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขออนุญาตลงเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาวรรณคดีอังกฤษสักหน่อยนะคะ พอดีไปตอบกระทู้นี้มา แล้วเราก็เห็นว่าเป็นหัวข้อที่เราอยากเขียนพอดี เอามาซะเลย จะได้ไม่ต้องเขียนใหม่ เนื้้อหาไม่ต่อเนื่อง หวังว่าทุกท่านคงให้อภัยนะคะ ไว้ว่างๆ แล้วจะจัดเรียงให้เป็นระบบกว่านี้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7836695/K7836695.html จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 12 พ.ค. 52 00:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณมะลิ: สนใจวรรณคดีอังกฤษ อยากให้คุณไอชิเตรุแนะนำหน่อยได้ไหมคะ กำลังคิดอยู่ว่าจะลงเล่มไหนดี ในเทอม 1 นี้ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ en339 วรรณคดี ศ.18  อ.รมณี ไม่เคยเรียนค่ะ เราเคยเรียนแต่วิชาวรรณคดีวิคตอเรียน ได้ p มา แอบเศร้านะเนี่ย เราว่า อ.รมณีสอนวรรณคดีได้สนุกมากค่ะ อ.จะให้ความสำคัญกับทุกคำของบทกวี ถ้าอยากเรียนวรรณคดีให้ลึกซึ้งและเข้าถึงเจตจำนงของผู้แต่ง ก็มาเรียนกับอาจารย์ได้เลยค่ะ อ้อ โฆษณาสักหน่อย อ.สอนวิชา en230 วรรณคดีเบื้องต้น และ en291 เทพนิยายอันเป็นพื้นฐานวรรณคดีด้วย เป็นวิชาบังคับทั้งคู่เลยค่ะ  สองวิชานี้ใครไม่มีเวลาเรียนก็ฟังเทปคำบรรยายได้ค่ะ ไม่ต้องเป็นนักศึกษาเอกอังกฤษก็ฟังได้ สนุกมากๆ en230 กากบาท 100 ข้อ ในนี้มีบทตัดตอนจากหนังสือด้วยค่ะ ต้องคอยติดตามนะคะว่า อ.จะออกบทไหน จะได้ตามอ่านถูก en291 กากบาท 100 ข้อเช่นกัน ไม่ออกบทตำนานของอินเดียนะคะ ป.ล.อ.เคยเปรยว่าอยากจะออกสอบแบบข้อเขียนบ้าง ไม่แน่นะคะในอนาคตข้างหน้า 2 วิชานี้อาจเป็นข้อเขียนก็ได้ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 12 พ.ค. 52 00:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 53 en355 เรื่องสั้น อ.ชูทิพย์ วิชานี้ไม่แน่ใจว่ามีเทปหรือเปล่า แต่เราไม่เคยเข้าห้องเรียนเลยค่ะ แล้วก็อ่านก่อนสอบไม่กี่วัน ได้ g ด้วยค่ะ แต่ไม่ค่อยน่าภูมิใจหรอก น่าจะขยันอ่านมากกว่านี้นะเนี่ย ข้อสอบ เป็นข้อเขียนทั้งหมด ถ้าจำไม่ผิด ต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วย ข้อสอบก็ประมาณว่า ให้อธิบายลักษณะของตัวละครตัวนี้ & ถ้าท่านเป็นตัวละครตัวนี้ ท่านจะทำอย่างนี้ไหม วิชานี้เป็นวิชาวรรณคดียอดนิยม ยอดนิยมจริงๆนะ ลงกันเยอะมาก ไม่รู้ว่าทำไม อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีใครตกมั้ง จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 12 พ.ค. 52 00:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 54 en362 บทกวีของเวิร์ดสเวิร์ธ                        อ.พรสุข วิ ลเลียม เวิร์ดสเวิร์ธเป็นกวีในยุคโรแมนติกค่ะ บทกวีของท่านไม่ค่อยมีศัพท์กวี ถ้อยคำก็เป็นคำพูดธรรมดาแบบที่เราๆ ท่านๆ พูดกัน แต่ขอบอกว่าอ่านไม่ง่ายเลย ประโยคยาวมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บางประโยคตั้งห้าบรรทัดแน่ะ แถมเนื้อหาของบทกวีก็ลึกซึ้งเข้าใจยาก เวิร์ดสเวิร์ธศรัทธาในคริสตศาสนามาก บางทีเราซึ่งไม่คุ้นกับแนวคิดของศาสนานี้ก็ไม่เข้าใจค่ะ ต้องรอให้ อ.อธิบายถึงจะเข้าใจว่า อ่อ ลึกซึ้งขนาดนี้เชียว ฉะนั้น ผู้ใดที่ไม่สามารถเข้าห้องเรียนได้หรือไม่แน่ใจว่าสามารถเข้าเรียนได้ครบทุก ครั้ง แนะนำว่าอย่าลงเด็ดขาด เพราะจะไม่รู้เรื่อง อ่านเองไม่มีทางรู้เรื่องแน่นอน เพราะหนังสือเรียนไม่ละเอียด วิชานี้เราลงทะเบียนแต่ไม่ไปสอบค่ะ  ตอนอาจารย์สอน เราก็เหมือนเข้าใจนะ แต่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้น่ะ จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 12 พ.ค. 52 00:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 55 en364 บทกวีของจอห์น คีทส์                         อ.ธัญพงศ์ เราไม่เข้าใจค่ะว่าทำไมไม่ค่อยมีคนลงวิชานี้  (มีเราไปนั่งเรียนคนเดียวนะเนี่ย) ทั้ง ที่หนังสือเรียนวิชานี้ก็อธิบายละเอียดดีมากขนาดที่ว่าถึงไม่เข้าเรียนก็พอ จะอ่านรู้เรื่อง (แต่เป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม) ละเอียดดีมากจริงๆ แปลกันบทต่อบท ส่วนข้อสอบ อาจารย์ก็ใบ้สุดๆ เราเป็นพวกนักจดน่ะค่ะ เลยสบายแฮ ก่อนสอบก็มาดูว่าตรงนี้อาจารย์เน้น ก็อ่านตรงนั้นไป ได้ G มาง่ายจะตาย แนะนำคีทส์หน่อยนะคะ คีทส์ก็เป็นกวียุคโรแมนติกเหมือนกับเวิร์ดสเวิร์ธ คีทส์เป็นเด็กกำพร้าน่ะค่ะ แถมโตมาก็ไม่สมหวังในความรักเสียอีก ช่วงแรกที่เขียนบทกวีก็โดนวิจารณ์ซะเละตุ้มเป๊ะ ร่างกายก็เจ็บออดๆแอดๆ ถ้าจำไม่ผิด เสียชีวิตอนอายุ 26 แต่ว่าช่วงที่มีชีวิตอยู่ เขียนบทกวีซะเยอะเชียว ดังนั้นถึงอายุจะสั้น แต่ชีวิตของคีทส์มีคุณค่ามากเลยค่ะ เพราะว่าคีทส์ตายในวัยหนุ่ม บทกวีของคีทส์ก็เลยหนีไม่พ้นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของเขา เช่น เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ความทุกข์ตรม ธรรมชาติ ฯลฯ (ส่วนเวิร์ดสเวิร์ธอายุยืนตั้ง 80 ปี พอแก่ขึ้น ก็แต่งบทกวีเกี่ยวกับปรัชญาเยอะขึ้นจนเราอ่านไม่รู้เรื่องอะ) ดังนั้นหนุ่มๆ สาวๆ อย่างพวกเราเหล่านักศึกษาราม เวลาอ่านบทกวีของคีทส์ก็จะซาบซึ้งได้ง่ายค่ะ สรุป สำหรับท่านที่สนใจลงวรรณคดี แนะนำตัวนี้ค่ะ เพราะหนังสือละเอียดดี ข้อสอบก็ไม่ยาก แต่อาจต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์สองต่อสองนะคะ เราเจอมาแล้ว เพราะมีเราเรียนอยู่คนเดียว จากคุณ : ไอชิเตรุ - [ 12 พ.ค. 52 00:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คุณไอชิเตรุ ครับ คือผมตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกเรียนมนุษย์ อิ้ง ที่นี่.. แต่ผมจะเทียบโอนหน่วยกิตเอา ก็เลยอยากจะถามว่า... 1. ผมจะสามารถโอนได้กี่หน่วยครับ ผมจบคณะมนุษย์ฯ เอกญี่ป่นมาครับอยากเรียนเจาะลึกภาษาอังกษจริงๆ 2. ถ้าผมไม่ไปเรียนเลย แต่จะอ่านหนังสือเอาเองก่อนสอบ หรือดูทางเน็ตมีโอการจบไหมครับ 3. ผมจะไปสมัครวันเสาร์นี้แล้ว ตอนสมัครเราต้องลงเทียนเลยด้วยหรือเปล่า 4. แล้วถ้าลงทะเบียนเรียนเลย ผมควรจะลงวิชาอะไรบ้าง ขอไม่หนักเกิน และขอไปตามสเต็ปง่ายไปยาก หรือตามคำแนะนำคุณไอชิเตรุก็ได้ครับ ขอบคุณมากๆนะครับ สำหรับข้อมูลที่เล่าสู่กันฟัง จากคุณ : RiKiKuN_KraB - [ 14 พ.ค. 52 01:38:52 A:125.24.160.49 X: TicketID:207633 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ ไอชิเตรุ ใช่ คุณ วีรยา หรือปล่าวคะ คุณเขียน blog ได้ละเอียดและ เป็นประโยชน์มากๆเลย สนใจอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็น ใบที่สอง คะ แต่กลัวว่าความรู้จะไม่กว้างเหมือนกับเรียนด้านบริหารหรือ รัฐศาสตร์ศาสตร์ ตอนนี้เห็นที่รามยังรับนศใหม่อยู่ก็เลยยังตัดสินใจไม่ได้ จากคุณ : tomato - [ 31 พ.ค. 52 06:27:56 A:124.122.147.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 อยากได้ตัวอย่างข้อสอบ วิชาEN362 บทกวีของเวิร์ดสเวิร์ธ ช่วยบอกแนวข้อสอบให้หน่อยนะครับ ส่งทางเมลล์ก็ได้ครับ kcbkk@hotmail.com สอบเทอม 1/2552 จากคุณ : kai - [ 22 มิ.ย. 52 10:34:28 A:10.3.5.239 X:202.28.169.166 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คือ เพิ่งจบตรี เอกอังกฤษมา ตอนนี้ยากเรียนนิติ รามฯ ค่ะ ใครพอมีคำแนะนำ ในการสมัคร ลงทะเบียน เตรียมตัวยังไงบ้างมั้ยคะ อีกเรื่องคือ การโอนหน่วยกิต ลองเช็คดูหลายๆตัว คิด(เองเออเอง) ว่า น่าจะโอนได้ทั้ง หมวดวิชาศึกษาทั่วไป และเลือกเสรี อาจจะไม่เกี่ยวกับกระทู้ที่ตั้งขึ้นมา แต่อยากได้คำแนะนำค่ะ ตอนนี้มะรุเค้าปิดรับสมัครแล้วรึยัง เง้อออออออออออ จากคุณ : A_ki - [ 10 ก.ค. 52 23:12:11 A:114.128.221.187 X: TicketID:223394 ]

ความคิดเห็นที่ 60 กำลังถอดใจไม่อยากเรียนมนุษย์ eng แล้ว เพราะว่าสอบผ่านไม่กี่วิชา วิชาโท กับวิชาเลือกสอบผ่านหมดแล้ว อยากจะบอกว่ามันน้อยมากๆๆ ที่ผ่านก็มี EN101,102, 201,202 ท้อใจจนอยากเปลี่ยนคณะ หรือสาขาอื่นแทน ตอนแรกที่เรียนก็คิดว่าจะได้ใช้ในการทำงาน แต่พอทำไปทำมา ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเท่าไหร่ จริงๆเป็นคนที่ชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และพอมีพื้นฐานอยู่บ้าง แต่ไม่ได้อ่านหนังสือเลย สอบบ้างไม่สอบบ้าง บางเทอมก็ไม่ได้ลงทะเบียนเลย พอลงอีกทีนึง ต้องเสียค่ารักษาสถานภาพนักศึกษา อีก 300 บาท ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ว่าควรจะเรียนต่ออีกหรือไม่ หรือว่าย้ายคณะดีค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : kanya_pura - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 14:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตอนนี้ก็เรียน มนุษย์ฯ Eng ที่รามเหมือนกันค่ะ เหลือแค่วิชามหาโหด EN405 ตัวเดียว ลงมาหลายรอบแล้ว ตอนนี้เครียดมาก จะสอบวันที่ 20 ส.ค. นี้แล้วค่ะ ครั้งที่แล้วไปดูผลสอบมาก็ไม่ผ่าน เลยต้องสอบซ่อม อยากให้พี่ช่วยแนะนำได้มั้ยค่ะ เหลือตัวเดียวแล้ว ตอนนี้ต้องทบทวนไวยกรณ์ใหม่ เพราะเขียนไม่รู้เรื่องเลย อยากให้พี่ช่วยดูได้มั้ยค่ะ ขอเมลพี่ไว้ก็ได้ค่ะ เผื่อว่าจะเขียนไปให้พี่ช่วยตรวจ อยากจบมากๆ ตอนนี้ถูกคนรอบข้างกดดัน ไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะ มีคนให้เปลี่ยนเอก เพราะมันจบช้า แต่ส่วนตัวแล้วไม่อยากเปลี่ยน เพราะมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องก้าวผ่านตรงนี้ไปให้ได้ จากคุณ : ไม้ยืนต้น - [ 6 ส.ค. 52 11:31:39 A:124.122.143.108 X: ]