ความคิดเห็นที่ 1 ---------------------มาว่ากันต่อถึงเรื่องของผม ผมเป็นผู้ปกครองของเด็กที่สอบไม่ติดในโรงเรียนชื่อดังกลางกรุงแห่งหนึ่ง  อันดับของเด็กผมก็เรียกได้ว่าถ้าตามความถูกต้อง เด็กของผมต้องติดสำรอง ผมเสนอเงินไปจำนวน 2 แสน แต่โรงเรียนก็ไม่เรียก ถึงตอนนี้ผมก็ไม่ติดใจอะไรยกเว้นอยู่เรื่องเดียว คำถามของผม ไม่ได้อยู่ที่ตัวเด็กหรือผู้ปกครองว่าใครเส้นไม่เส้น เพราะผมเชื่อว่าผู้ปกครองก็ต้องการให้เด็กเข้าโรงเรียนที่ดีเสียเงินเท่าไหร่ก็ยอม แน่นอนรวมทั้งผมด้วย หรือไม่ก็เด็กมีความตั้งใจต้องการเข้าโรงเรียน หรือจะเป็นเพราะเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตอะไรทำนองนี้ สิ่งที่ผิดคือระบบต่างหาก จากคุณ : Everlasting - [ 12 พ.ค. 52 03:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ระบบที่ทางโรงเรียนทำอยู่ ถือเป็นการคอรัปชั่นวิธีหนึ่ง เงินนอกระบบไหลเข้ามาสู้โรงเรียนเป็นจำนวนมากๆ ผมไม่ทราบว่าปีอื่นๆทางโรงเรียนใช้วิธีการแบบนี้ด้วยหรือไม่ แต่ผมก็เสียความรู้สึกมากกับระบบแบบนี้ ระบบที่ตัดโอกาสคนที่มีความสามารถ จริงอยู่ คุณๆอาจจะบอกว่าเงินที่ได้มาจากระบบนี้ ก็นำมาพัฒนาโรงเรียนไงล่ะ   งั้นผมขอถามกลับว่า เงินที่นำมาพัฒนาโรงเรียนที่ว่ากันเนี่ย ถึง 180 ล้านมั้ย ถึงตรงนี้อาจจะมีคำถาม ถามกลับผมว่า เดี๋ยวนี้รัฐบาลมีนโยบายเรียนฟรี เงินที่รัฐบาลสนับสนุนโรงเรียนมีไม่พอกับค่าใช้จ่าย จึงนำมาซึ่งการเรียกเงินหนักๆ ผมขอถามกลับว่า ถ้าอย่างนั้นสู้เก็บเงินค่าเทอมเหมือนเดิม แต่ช่วยให้เด็กที่มีความสามารถแต่ไร้โอกาส ไร้สตางค์ ไร้เส้นสาย เข้าไปได้หรือไม่ คำถามสุดท้ายของผม คือเงินประมาณ 180 ล้านที่ว่านั่น ส่วนที่เหลือจากการพัฒนาโรงเรียน ไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใคร สมาคม ผู้อำนวยการ หรือว่าใคร ? จากคุณ : Everlasting - [ 12 พ.ค. 52 03:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนจากกัน ผมผ่านชีวิตมาจนถึงวัยกลางคน พบว่าตลอดชีวิตผมเจอการคอรัปชั่นมาทั้งชีวิต ทั้งในการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน จนตอนนี้เรื่องโรงเรียนของลูกของผมทำให้ผมรู้สึกชินชา ถึงตอนนี้ผมคงไม่อาจจะทำอะไรได้ แต่ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอ่าน ลองกลับไปคิดว่ายังอยากให้มีระบบอย่างนี้อยู่คู่กับประเทศเราอีกหรือไม่ ผมไม่ได้ตั้งกระทู้นี้เพื่อจะดิสเครดิตใคร เพราะผมเชื่อว่าทุกโรงเรียนต้องมีระบบแป๊ะเจี๊ยะที่เป็นเงินสนับสนุนตัวโรงเรียนเอง แต่ระบบที่ว่านี้มันตัดอนาคตคนบางคนและทำให้คนบางคนเสื่อมศรัทธาในโรงเรียนนั้นด้วย ปล. ถ้าลูกผมถูกเรียกตัว ผมอาจจะมีอีกมุมมองก็ได้ แต่ ณ จุดนี้ ครอบครัวผมเป็นผู้เสียเปรียบจากระบบนี้ ด้วยความเคารพทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ จากคุณ : Everlasting - [ 12 พ.ค. 52 03:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มันเป็นมานานแล้วครับ ก็ยังไม่เห็นมีใครคิดจะแก้ไขเรื่องนี้ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 12 พ.ค. 52 05:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ระบบอุปถัมภ์ไงครับ ไอ้180ล้านที่ จขกท.ว่ามาอ่ะ เอามาพัฒนาบ้าน ผอ. หรือไม่ก็ไว้ส่งลูกผอ.เรียนนอกไงครับ เหอๆ จากคุณ : ปีหนึ่ง...เพื่อนกัน - [ 12 พ.ค. 52 09:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อืมม พอจะเข้าใจแล้วว่า... ทำไม ผอ บางโรงเรียนทั้งที่ก็ไม่ได้มีกิจการอะไรส่วนตัว แต่ - มีเบนซ์และวอลโว่ทะเบียนเลขสวย ไว้สลับขับมาทำงาน - ไป "ดูงาน" เมืองนอกได้ทุกเดือน (ราวกับมีอาชีพทำทัวร์มากกว่าดูแล รร เล่นๆ) - แต่งแบรนด์ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้า - คุณนาย ผอ ไม่ทำงานอะไรก็เลี้ยงดูให้หิ้วหลุยส์ได้ ฯลฯ /สงบนิ่ง ไว้อาลัยการศึกษาสองนาที แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 52 10:19:31 จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 12 พ.ค. 52 10:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านแล้วเศร้าใจ แต่ก็ยังนึกไม่ออกนะว่าจะทำอย่างไรดี จากคุณ : je_ten_prie - [ 12 พ.ค. 52 10:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ่อ ครูรร.นั้นขับbenz S class ป้ายแดงได้สบายๆอ่ะครับ จากคุณ : Shineokung - [ 12 พ.ค. 52 10:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เงินไม่เข้าครูหรอกครับ ผอ.เขาเอาไปตีกอล์ฟ(โรงเรียนผมก็เป็น) จากคุณ : TimeTimeFruit - [ 12 พ.ค. 52 12:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่ม.ปลายของม.ต้นก็พอก้น จากคุณ : nors407 - [ 12 พ.ค. 52 12:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเห็นด้วยว่าสิ่งที่ผิดคือระบบ แต่เอาจริงๆ การเก็บค่าเทอมก็ไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้นหรอกครับ ถ้าเพดานค่าเทอมยังบีบอยู่ เงินมันก็จะยังไม่พออยู่นั่นเอง ทางที่ผมคิดว่าพอเป็นไปได้คือ ห้ามเก็บแป๊ะเจี๊ยในทุกกรณี แล้วลอยเพดานค่าเล่าเรียน การสนับสนุนให้อยู่ในรูป ให้ผู้ปกครอง เอาใบเสร็จไปเบิกเงินคืนแทน แล้วให้ โรงเรียนต้องเสียภาษี(ยืมมือ สรรพากร คุมการรั่วไหล) จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 12 พ.ค. 52 17:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอโหวต ประจานการศึกษาไทย จากคุณ : เด็กท้ายรถ - [ 12 พ.ค. 52 17:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ร่วมโหวต เรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวว่างๆ จะกลับมาเล่าให้ฟัง ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้พอสมควรทีเดียว จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 12 พ.ค. 52 17:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณผู้ปกครองเอาตังค์ค่าแปะเจี๊ยะไปเป็นค่าเทอมโรงเรียนอินเตอร์ให้ลูกยังดีซะกว่า อย่างน้อยก็ได้ภาษาแน่นอน จบมัธยมแล้วส่งเรียนปริญญาตรีต่อนอกเลย จบมาสมัครทำงานดีกรีดีกว่าจบมหาลัยเมืองไทยอีก ไม่ต้องมาเซ็งกับระบบการศึกษาแบบไทยที่เรียนก็หนัก เอนทรานซ์ไม่ติดก็เสียใจ อับอาย เข้ามหาลัยไม่ดัง บางบริษัทก็ไม่สน จากคุณ : tormay - [ 12 พ.ค. 52 19:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เราเห็นด้วยกะ คห.14 มีลูกมีเต้าเราจะให้เรียน รร.นานาชาติ จะกี่ภาษาก็ว่าไป ดีกว่าจะเสียเงินแล้วก็ใช่ว่าจะได้คุณภาพอะไรดีเด่ ยกเว้นแต่ชื่อเสียง ซึ่งก็เท่านั้น จากคุณ : cybrarian - [ 12 พ.ค. 52 19:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หนูเรียนเทอมละ 3000 บาท มาตั้งแต่ ม.1-ม.6 รร รัฐบาลค่ะ ช่วงนั้นรัฐบาลสนับสนุนให้นักเรียนเรียนใกล้บ้าน นับว่าเป็นความพอเพียงในชีวิตของหนูเองที่ไม่อยากทะเยอทยานเรียนโรงเรียนแพงๆ และไกลบ้าน ยอมรับว่าสภาพโรงเรียนไม่ได้จัดว่าดี สวสดิการก็เฉยๆ แต่ความจำกัด ทำให้เราต้องใช้ความพยายามและต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองไปโดยปริยาย และหนูก็เอนท์ติดเรียนจบ ทุกวันนี้ยังอวดเพื่อนๆที่เรียนรุ่นเดียวกัน ม เอกชน เทอมละสามหมื่นห้าหมื่นยังเดินเตะฝุ่นกันเป็นส่วนมาก หนูเรียนมหาวิทยาลัย เทอมละ 9000 แต่หางานทำได้เงินเดือนสตาร์ทหมื่นหกในช่วงภาวะเศรษฐกินแย่ๆ ภูมิใจที่เสียเงินน้อยไปซะงั้น รู้สึกว่ามันไม่เป็นภาระกับผู้ปกครองมาก อยากให้คุณผู้ปกครองลองคิดดูดีๆว่า ในความเป็นจริง สภาพแวดล้อมในโรงเรียนมีปัจจัยน้อยมากๆ เด็กจะดีจะเลวอยู่ ขึ้นอยู่กับตัวเด็ก และครอบครัวจะให้ความสนับสนุนในการให้เรารักการอ่าน/ สนุกกับการเรียน/ ชอบหาความรู้ใหม่ๆเสมอๆ รึเปล่า / กิจกรรมในครอบครัวเอื้อให้เด็กพัฒนาสมอง/อบอุ่น รักพ่อแม่พี่น้อง/เติบโตเป็นคนดี ก็น่าจะเพียงพอแล้วนะคะ จากคุณ : ซ้อสิบ - [ 12 พ.ค. 52 20:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ก็แค่คำพูดสวยหรูครับ ที่ว่าห้ามรับเงินห้ามฝากเด็ก ไอ้พวกที่พูดมาแต่ละคนนั่นละครับตัวฝากอย่างดีเลย ไม่ว่า ร.ม.ต ร.ม.ช. หรือ ส.ส. พวกตำแหน่งใหญ่โตทั้งหลาย แม้แต่เคยมีตำแหน่งก็ยังเอาอดีตตำแหน่งมาต่อรอง พวกนี้เงินไม่ให้แต่เด็กที่ฝากไปต้องเข้าเรียนได้ เด็กที่ฝากลูกหลานก็ไม่ใช่รับปากเขามาอีกที ฝากแล้วระดับ ผ.อ. ไม่รับก็ไปบีบในระดับที่สูงกว่า ผ.อ. ให้มาบีบ ผ.อ. ให้รับอีกที ก็หัวมันยังส่ายซะขนาดนี้ แล้วลำตัวกับหางมันจะเหลือรึครับ จากคุณ : [[Joachim]] - [ 12 พ.ค. 52 20:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มันเปนมานานแล้ว และยังไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงทุกวันนี้อ่ะค่ะ น้องเพื่อนสนิทเราก็สอบติดได้ที่ 800 นิดๆเอง ติดสำรอง แต่ไม่ยอมเสียตังค์อ่ะค่ะ คือโรงเรียนดังนะ แต่ที่จริงข้างในอ่ะ ไม่ได้มีแต่เด็กเก่งๆอย่างเดียวหรอก คือส่วนมากๆเก่ง แต่ส่วนน้อยๆมันก็ต้องมีบ้าง เราก็เคยสอบนะ ติด1000กว่า 555 จากคุณ : Leola - [ 12 พ.ค. 52 21:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมจบมัยม จากบ้านนอก ชิวิตไม่ดิ้นรนเหมือนคนในเมือง ค่าเทอม ตอน ม4. จำได้ ประมาณ 6-700 ต่อเทอม ประมาณปี38-39 เห็นค่าเทอมเด้กสมัยนี้ ชักไม่อยากมีลุกแล้ว จากคุณ : เปิ้ลฮักตั๋วเน้อ - [ 12 พ.ค. 52 22:21:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอนอกเรื่องนิดๆ(แต่ยังอยู่ในเหตุคล้ายๆกัน) 7 ปีก่อน ลูกคนโตผมไปสอบ เข้า ม.1 โรงเรียนดังใกล้ปากคลอง ปีนั้นคนสุดท้ายคะแนน 93 จาก 100 ลูกผม ได้แค่ 92ลูกผมเลยไม่ได้เรียนที่นั่น  ผมก็ต้องให้ลูกไปเรียนวัด แล้วผมก็เก็บเงินที่จะต้องไปเสียมาเป็นค่าเรียนพิเศษ  ถามว่าลูกผมเสียใจไหม ตอบว่าไม่ครับ เพราะเขาเห็นเพื่อนในโรงเรียนเก่าหลายคนที่สอบได้คะแนนชุดเดียวกันน้อยกว่า เขา บางคน 86 บางคน 74 แต่หลายคนก็ได้เข้าไปเรียนที่นั่น ผ่านไป 7 ปี วันนี้ลูกผมไป งาน CU First date ด้วยความภาคภูมิใจ เขาได้คณะบัญชีจุฬา และได้เรียน บัญชี ในขณะที่ เพื่อนเก่าหลายคน ไม่ได้ที่นี่ หรือได้ก็ได้แค่ บัญชีบริหาร ผมเองไม่ได้คิดเรื่องภูมิใจไม่ภูมิใจหร็อก แต่ผม มาคิดว่า คุ้มที่ผมนำเงินที่จะเสียแปะเจี๊ยะ มาเป็นค่าเรียนพิเศษ ลูกผมได้ความรู้ ได้สร้างผลงานด้วยสมองตอนเอง และจากหลักการเดียวกัน ลูกคนเล็กผม ผมก็ใช้เงินไปกับการเรียนพิเศษ เขาก็เข้า ม.4 โรงเรียนที่ จขกท. เอ่ยถึงละครับ แต่เขาเข้าไปตั้งแต่ปีที่แล้ว แม้ลำดับ สอบ จะ 300 กว่า แต่ เขาก็ภูมิใจเขาเอง และผมก็สอนลูกว่า อย่างไรก็ยังมีคนเก่งกว่าเราอีกมาก แต่เราจงเป็นคนดี และอย่าประมาท แล้วผมก็ยกตัวอย่าง ผมจบม.เอกชน แต่ทุกวันนี้ผมประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ดีกว่า เพื่อนๆหลายๆคนที่จบ ม.รัฐดังๆ เสียอีก ในวัย 50 ปีของพวกเราด้วยกัน เพราะฉนั้น อย่าประมาท จากคุณ : ลุงเชย - [ 12 พ.ค. 52 22:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณทุกความเห็นครับ ขอบคุณทุกความเห็นที่มองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมไปตั้งกระทู้เนื้อหาแบบเดียวกันในเวบบอร์ดโรงเรียนนั้น คำตอบที่ผมได้รับกลับมา ทำให้ผมรู้สึกหน้าชาไปเลย บางความเห็นในนั้นมองว่าเป็นเรื่องปกติ เงินเป็นสิ่งจำเป็นต่อสถาบันของพวกเค้า ซึ่งผมรู้สึกผิดหวังมาก เพียงแค่หวังว่าในอนาคตพวกเค้าเหล่านั้นจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามพิมพ์ออกมาเป็นตัวหนังสือนี้ ขอบคุณอีกครั้ง เพียงแค่ทุกคนที่เข้ามาอ่านรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกต้อง แม้ว่าผมหรือคนอื่นจะไม่สามารถทำอะไรระบบนี้ได้ แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันพยายามลดการคอร์รัปชั่นที่เจอให้ชีวิตประจำวันลงไม่มากก็น้อย ผมเชื่อว่าซักวันมันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จากคุณ : Everlasting - [ 12 พ.ค. 52 23:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อย่าว่าแต่เอกชนเลยค่ะ โรงเรียนรัฐบาลที่บอกว่าเรียนฟรีๆ ก็ไม่เห็นจะฟรี สุดท้ายตอนไปมอบตัวก็ให้จ่ายค่านั่น ค่านี่ไม่ใช่น้อยๆ เลย จนเรายังงงว่ามันฟรีตรงไหน ก็ยังมีเสียเป็น 1000+ อยู่ดี ที่ว่าฟรีแค่ค่าเทอมอย่างเดียว ไม่ใช่ค่าบำรุงโรงเรียน ค่าวิชาพิเศษใช่มั๊ย? (แล้วไอ้ที่ว่านี่ก็ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ) แต่ตอนเราเรียนก็นะ ม.ต้น - ม.ปลาย ... ยังไม่มีโครงการเรียนฟรี เทอมละ 1500-2000  รวมแล้ว โรงเรียนรัฐบาลจ้า (เค้าเรียกว่าโรงเรียนวัดง่ะ) แย่เนอะระบบแบบนี้ ขนาดโรงเรียนเอกชนในโซนบ้านเรา ยังเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะอย่างต่ำห้าหมื่นเลย แล้วที่สำคัญ ได้เสียทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เซ็ง = = นี่หรือระบบสถานศึกษาของไทย จากคุณ : Divaon - [ 12 พ.ค. 52 23:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่โรงเรียนของลูกเค้าเรียกว่า ระดมทรัพยากร ค่ะ ลูกสอบไม่ติด แต่โชคดีที่จับฉลากได้ ตอนมอบตัวก็จะมีการตั้งโต๊ะให้เราเดินไปทำรายการไปเรื่อยๆ แต่ก่อนที่จะถึงโต๊ะจ่ายค่าเทอม... มันมีโต๊ะที่ให้เราเขียนว่าเราจะร่วมระดมทรัพยากรให้โรงเรียนเท่าไหร่ ดิชั้นคิดในใจ...ถ้าเราไม่ให้ ลูกเราจะได้เรียนที่นี่ไหม แต่ก็ให้ไปนิดหน่อยนะคะ เพราะเตรียมเงินไปเท่าที่ใบแจ้งค่าใช้จ่ายเค้าให้มา ที่เหลือติดตัวก็เขียนให้เขาไป... ในความรู้สึกเรานี่มัน...แหม..น่าเกลียดจัง ระดมทุนก่อน ค่าเทอมทีหลัง พ่อแม่ก็กลัวว่าลูกจะไม่ได้เข้าเรียนที่นี่ก็ทุ่มกันเข้าไป เห็นคนก่อนหน้าเค้าให้ 5 หมื่น ไม่รู้ว่าลูกสอบได้หรือจับฉลากได้ แต่ดิชั้นไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเสียเงินมากๆ ทั้งที่ลูกเราจับฉลากเข้าเรียนได้ เลยไม่เตรียมเงินไป แล้วเราก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังจะให้เขา ถ้าพลาดจากที่นี่ ก็กะให้ลูกเข้าเอกชนไปเลย ไม่มาควักเงินแสนให้หรอก เก็บไว้ให้ลูกไปเรียนเสริมพิเศษข้างนอกดีกว่า โรงเรียนที่ลูกเรียนเนี่ยก็ถือว่าชื่อดีพอสมควร แต่พอเรียนๆไปแล้ว...ครูที่นี่สอนก็งั้นๆ สอนมั่งประชุมมั่ง เลยรู้สึกดีใจที่เราไม่ได้บ้าควักเงินหมื่นเงินแสน ไปร่วมระดมทรัพยากรกับเขา นี่ถ้าโรงเรียนที่พูดถึงเป็นโรงเรียนดังย่านปทุมวันล่ะก็ ดิชั้นก็คงต้องบอกลูกว่าให้ทำใจ เพราะแม่ไม่มีเงิน 5 แสนให้เค้าหรอก จากคุณ : p_or (p_or) - [ 13 พ.ค. 52 00:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอมาคุยด้วยคนนะครับ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ผมเองก็เคย ฝากฝังหลานให้ได้เรียน โรงเรียน แถวๆบ้าน พอดีว่ารู้จักกับ นัการเมืองท้องถิ่นซึ่งเป็นลูกผู้บริจาคที่ดินให้ โรงเรียน เลยฝากๆไป คือ ทางผม อาจเสียเงินน้อยหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ว่ารู้จักกับ ผู้อุปถัมภ์โรงเรียนแล้วจะไม่เสีย "เงิน" เพียงแต่เสียน้อยหน่อย โรงเรียนดังกล่าว อยู่ ลาดกระบัง ไม่ได้ดังอะไรมากมาย เพียงได้ชื่อ โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่แห่งนึงมาเป็นชื่อ สถานศึกษาตั้งแต่แรก ก่อตั้งสถาปนา โรงเรียน ก็คิดเอาเถิดว่าโรงเรียนที่ไม่ได้ดังมีชื่อเสียงถึงขั้น โรงเรียนเก่าแก่ ที่มีศิษย์จบมาเป็นบุคคลสำคัญของชาติ ยังคงต้องเสีย "เงิน" เพื่อแลกกับการ เข้า ศึกษา ใน สถานศึกษาที่ที่ควรเปิดรับเด็กเพื่อให้มีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน  แล้วจะให้ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงไม่มีขบวนการ รับสินบาทคาดสินบน ได้อย่างไร ผมเอง ก็จนด้วยเกล้า เพราะ ระบบนี้ มันยืนยง มาคู่กับสังคมบ้านเรามานมนาน จะว่าไปผมเองก็ ไม่ดีมีมีสติระลึกคิดได้ทันในตอนนั้นไม่ได้ตรอง เลยยังทำตามกระแส ที่เน่าฟอนเฟะ นี้อยู่ แต่พอผมได้อ่าน ข้อความ ของ จขกท และอ่านในหลายๆ ความคิดเห็น ในนี้แล้ว ทำให้ผม ทราบขึ้นมา ว่า เออ เรามันโง่ ที่ดันเดินทางผิดไป ต่อไปนี้จะเก็บเอาข้อคิดที่ดีๆในนี้ ไปไว้เป็น ข้อคิดเตือนใจให้แก่ตนเองและคนรอบข้าง ขอบพระคุณครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 03:30:26 จากคุณ : คนเคยหลงผิด (อ.ม.ภักดิราช) - [ 13 พ.ค. 52 00:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดิชั้นเป็นคนที่ไปรับลูกด้วยตัวเองทุกวัน ระหว่างที่รอลูกก็เดินอ่านบอร์ดประกาศของโรงเรียนไปเรื่อย สิ่งที่สังเกตเห็นจากบอร์ดได้เลยก็คือ เวลามีการระดมทุนหรือขอรับบริจาคเนี่ย ยอดเงินสูงสุดก็เป็นของเด็ก EP ซึ่งพ่อแม่ก็คงจะมีสตางค์มากอยู่แล้ว กับเด็ก ม.1 ค่ะ...เหมือนกับพ่อแม่ผู้ปกครองกำลังเห่อ ตื่นเต้นดีใจที่ลูกเข้าโรงเรียนนี้ได้ ก็เลยจ่ายกันหนักหน่อย.. แต่ลองไปดูยอดระดมจากเด็ก ม.2 - ม.3 สิ สะท้อนความพอใจของเด็กที่มีกับโรงเรียนมากเลย เด็ก ม.1 ห้องหนึ่งได้เป็นแสน เด็กม.2 ม.3 บางห้องได้แค่พันกว่าบาท หลักหมื่นนี่ก็ดูหรูมากเลย ดิชั้นเข้าใจนะ ว่าถ้าเป็นตัวเราเอง ถ้ามีสะตุ้งสตางค์มาก ก็คงจะช่วยได้มาก อยากให้ลูกได้เรียนห้องเย็นๆ บรรยากาศดีๆ สะอาดสอ้าน จะได้อารมณ์ดีเวลาเรียน เผื่อจะฉลาดขึ้นกว่าเดิมบ้าง เห็นพวกผู้บริหารบ่นกันจังเลย ค่าไฟแพง ไม่มีเงินจ่าย เงินอุดหนุนจากรัฐไม่พอ กลัวว่าเค้าจะปิดแอร์ปิดพัดลมตอนลูกเรียนก็จ่ายกันไป มีสารพัด แรลลี่ โยนโบว์ลิ่งหาเงินจากผู้ปกครอง ดิชั้นเห็นใจโรงเรียนที่ต้องบริหารเงินน้อยนิดที่ได้จากรัฐมาพัฒนาโรงเรียน แต่ถ้าจะมาเรียกเงินหมื่นเงินแสนจากผู้ปกครองเนี่ย ดิชั้นไม่เห็นด้วยจริงๆ จากคุณ : p_or (p_or) - [ 13 พ.ค. 52 01:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหวต!!! จากคุณ : potja - [ 13 พ.ค. 52 02:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ดอกรำเพย สวยจัง จากคุณ : อ.ม.ภักดิราช - [ 13 พ.ค. 52 03:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อัดอั้นตันใจ ไม่รู้จะทำยังไงเลยต้องไปตีกลองหน้า ศาลไคฟง  เรียกร้องความเป็นธรรม แอบมาเอาฮา อย่าเพิ่งว่ากันนะ คลายเครียด อิอิ จากคุณ : อ.ม.ภักดิราช - [ 13 พ.ค. 52 04:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เพื่อนเราจ่ายไปสี่แสนให้โรงเรียนแถวสาทร ด้วยเหตุผลว่าวิชาการแข็ง แต่ป่านนี้ลูกก็ยังเรียนง่อยอยู่เลย แถมกลัวครูหงอเพราะครูดุ อ้อ สิ่งที่ได้มาคือคำหยาบตามประสาเด็กผู้ชาย และติดหรูเพราะเพื่อนมีแต่ลูกเศรษฐี ต้องพยายามแข่งกันน่าดู จากคุณ : Guga - [ 13 พ.ค. 52 04:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อาเรามีเงิน จ่ายให้ลูกคนโตเรียนแถวบางรัก สองแสน คนที่สองแสนเดียวเพราะมีพี่เรียนอยู่แล้ว ลูกคนที่สามเรียนแถวสาทรจ่ายไป สามแสน นี่คือเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว และทั้งสามคนก็เก่งนะคะ สอบเข้าจุฬาได้หมด ทั้งวิศวะ บัญชี สถาปัตย์ แต่เรียนพิเศษกันตั้งแต่ม.1เลย ส่วนบ้านเราคนละชั้นเลย เรียนโรงเรียนรัฐบาล พ่อแม่ไม่มีเงินให้เรียนพิเศษ แต่ลูกๆก็ไม่แพ้เขา เพราะเงินเดือนตอนนี้มากกว่าลูกเขาคนโต ที่อุตส่าห์ส่งไปเรียนอเมริกาอีก ของอย่างนี้สิ่งแวดล้อมก็มีส่วน แต่ที่สำคัญคือตัวเด็กเอง ว่าจะรักดีหรือไม่รักดี และบางครั้งโชควาสนาก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย จากคุณ : a pinky pig - [ 13 พ.ค. 52 08:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 31 บอกก่อนว่าผมไม่ได้มาคุยโม้โอ้อวดนะครับ แต่เพียงเพื่อเป็นตัวอย่างว่าการเลือกเรียนในโรงเรียนดังๆ ทั้งหลายนั่นน่ะ โดยตัวของมันเองไม่ค่อยมีผลอะไรหรอก อาจมีบ้างในแง่ความพร้อมแต่ไม่ถึงกับมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเรียนของเด็ก ผมเป็นคนบ้านนอก ลูกผมก็เรียนโรงเรียนบ้านนอก แต่เรียนเก่งมาก จบชั้นสูงสุดของโรงเรียนแล้วก็ไปสอบเข้าที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ไม่ได้ตั้งใจจะเรียนที่นั่นจริงๆ หรอก แต่สอบเพื่อซ้อมมือและหาประสบการณ์ ปรากฏว่าสอบได้ที่ 1 วันมอบตัวไม่ได้ไปเพราะไม่ได้ตั้งใจจะเรียนที่นั่นดังได้กล่าวแล้ว ต่อมาไม่นานทางโรงเรียนมีจดหมายมาตาม ขอให้ไปเรียน เขาคงอยากได้เด็กเก่งไปสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมั้ง ไปสอบที่โรงเรียนเซ็นต์กาเบรียล สามเสน ด้วย ติด 1 ใน 10 อันดับแรก ได้สิทธิ์ไม่ต้องเสียค่าแป๊ะเจี๊ยะ แต่ลูกผมก็ไม่เอาอีก เขาไม่ชอบสังคมที่ออกจะหรูหราฟุ้งเฟ้อของที่นั่น อีกประการหนึ่งคืออยากไปสายวิศวะเพียวๆ เลยมากกว่า เลยไปสอบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ หรือที่เรียกว่า เตรียมวิศวะ นั่นแหละ จบแล้ว ทีนี้จะไปต่อที่ไหนดีล่ะ เขาชอบ ม.เกษตร บางเขน เพราะบรรยากาศร่มรื่นดี หมาเยอะด้วย (เขาเป็นคนรักหมา ไปบ้านใครมีหมาดุแค่ไหนไม่เคยกลัว เข้าไปเล่นกับมันเฉยเลย คงมี sense อะไรบางอย่าง) ก็ไปเข้าคณะวิศวะที่ ม.เกษตร นี่ ระหว่างเรียนก็ร่วมทีมกับเพื่อนส่งผลงานการออกแบบเชิงวิศวกรรมไปประกวดที่อเมริกา ได้รางวัลชนะเลิศประเภทสถานศึกษา และเป็นทีมเดียวในเอเซียที่ได้รางวัลจากการประกวดในปีนั้น ลองดูเส้นทางเดินสิครับ ไม่เห็นจะต้องผ่านโรงเรียนดังๆ เลย ไม่จำเป็นเลยครับ อ้อ.. ผมไม่เคยให้ลูกไปเรียนพิเศษหรือกวดวิชาด้วย ผมสอนลูกให้ตั้งใจเรียนในชั้นเรียนอย่างเต็มที่ ทำการบ้านให้ครบถ้วน และทบทวนสิ่งที่ได้เรียนมาในแต่ละวันให้เข้าใจ เวลาที่เหลืออยากจะทำอะไรก็ตามใจ วิธีการนี้ผมไม่ได้คิดเองหรอกครับ ผมลอกเขามาอีกที จำมาจากเคล็ดลับของเด็กที่สอบได้ที่หนึ่งของประเทศไทยเขาให้สัมภาษณ์ ที่จริงก็ไม่ใช่เคล็ดลับอะไรหรอกครับ ธรรมดาสามัญที่สุด เขาบอกอีกว่าเวลาเรียนปกติกับช่วงก่อนสอบก็ทำเหมือนกันทุกวัน ไม่เคยไปโหมดูหนังสือช่วงก่อนสอบ ซึ่งการโหมดูหนังสือแบบนั้นมันไม่ค่อยได้อะไร พาลจะเป็นผลเสียด้วยซ้ำเพราะสมองจะไม่โปร่งเวลาสอบเนื่องจากอดหลับอดนอนดูหนังสือมาหลายวัน จริงอยู่ครับ โดยธรรมชาติแล้วมีทั้งเด็กเก่งและไม่เก่งปะปนกันไป แต่... ถ้าทำตามที่เด็กคนที่สอบได้ที่หนึ่งของประเทศแนะนำไว้ ก็หมายความว่าเขารู้และเข้าใจทุกอย่างที่ครู/อาจารย์ สอน แค่นี้เหลือเฟือไหมครับ สอบเข้าที่ไหนก็ติดนะ ผมว่า ประเด็นเงินแป๊ะเจี๊ยะไปไหน? ที่อื่นผมไม่รู้ แต่ถ้าเป็นโรงเรียนในเครือเซ็นต์กาเบรียลละก็ เป็นยังงี้ครับ เงินส่วนที่เหลือจากที่โรงเรียนต้องใช้ จะถูกส่งเข้าส่วนกลางเพื่อนำไปช่วยโรงเรียนในเครือที่ยากจนและขาดแคลน ไม่ได้เข้ากระเป๋าเจ้าของเพราะเจ้าของคือมูลนิธิครับ มูลนิธิเซ็นต์กาเบรียลแห่งประเทศไทย แต่กระนั้นก็ตาม ผมก็ยังไม่เห็นด้วยกับแป๊ะเจี๊ยะอยู่ดี เพราะเป็นการตัดโอกาสเด็กคนอื่นที่พ่อแม่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ยังมีวิธีอื่นนี่นา เช่น ตั้งโต๊ะรับบริจาคโดยสมัครใจ จะให้หรือไม่ก็ได้ ให้มากให้น้อยก็ไม่ว่า บอกไปตรงๆ เลยว่าเงินที่ท่านบริจาคจะนำไปช่วยโรงเรียนยากจนในชนบทที่ห่างไกล การทำบุญเพื่อการศึกษานี่คงไม่มีใครใจจืดใจดำมั้ง ที่พัทยามีแห่งนึงนะ เป็นโรงเรียนเพื่อเด็กพิการ วันหนึ่งผู้บริหารโรงเรียนไปเจอฝรั่งคนหนึ่งมาเที่ยวพัทยาแล้วนอนเป็นลมอยู่ มีแต่ไทยมุงแต่ไม่มีใครช่วย ผู้บริหารโรงเรียนคนนี้จึงเอาตัวขึ้นรถนำส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่าเป็นเศรษฐีฝรั่งครับ แล้วสิ่งที่เขาให้เป็นการตอบแทน (คงคิดทำบุญด้วยมั้ง) คือตึกใหม่ทั้งตึกเลยครับ แล้วยังให้รถบัสสำหรับเด็กพิการเป็นของแถม เฉพาะรถบัสคันนึงก็หลายล้านแล้วครับ เพราะต้องทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเด็กพิการขึ้นลงได้ อีกตัวอย่างนึงก็เศรษฐีไทยนี่แหละ เป็นภรรยาของเจ้าของบริษัทผมเองครับ เอาตึกห้องสมุดแยกต่างหากไปเลย พร้อมหนังสือเต็มอัตรา ตึกห้องสมุดสำหรับโรงเรียนก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักหนา สำหรับเศรษฐีใหญ่ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เงินทำบุญนี่อย่าได้ดูถูกเชียวนา วิธีนี้ แฮ็ปปี้ด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งผู้ให้และผู้รับ ใครที่คิดจะเอาการศึกษาของเด็กๆ มาทำเป็นธุรกิจ สร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง ขอร้องอย่าเข้ามาเลยครับ มันมีค่าเท่ากับคุณจับเอาอนาคตของลูกหลานเขาเป็นตัวประกัน พ่อแม่เขายังไงก็ต้องยอม คุณหนีกฎแห่งกรรมไปไม่พ้นหรอก ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว เป็นสัจธรรมที่ยืนยงมานับพันปีแล้ว จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 13 พ.ค. 52 09:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ลำดับที่ได้เท่าไหร่คะ??ไกลจาก 750 เยอะมากรึเปล่า 200,000 ยังไม่รับเนี่ย ถามเป็นข้อมูลค่ะ จากคุณ : ภารนัย - [ 13 พ.ค. 52 09:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านกระทู้นี้ แล้ว หดหู่ ค่ะ จากคุณ : โตมิโต กูโชว์ดะ - [ 13 พ.ค. 52 10:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โห 4 แสนเลยหรอคะ มันเกินไปหรือเปล่าคะนี่ คุณค่าเคยได้ยินบางคนพูดให้ฟัง บางโรงเรียนเรียก 2-3 พัน คุณค่ายังรุ้สึกไม่ดีกับ โรงเรียนั้น แล้วรู้สึกว่าเงินจำนวน 2 พันก็มากแล้ว ที่ต้องไปจ่ายให้อะไรบ้าๆบอๆแบบนั้นนะค่ะ จากคุณ : มันเกินไป (คุณค่าที่คุณคู่ควร) - [ 13 พ.ค. 52 11:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ใครที่คิดจะเอาการศึกษาของเด็กๆ มาทำเป็นธุรกิจ สร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง ขอร้องอย่าเข้ามาเลยครับ มันมีค่าเท่ากับคุณจับเอาอนาคตของลูกหลานเขาเป็นตัวประกัน พ่อแม่เขายังไงก็ต้องยอม คุณหนีกฎแห่งกรรมไปไม่พ้นหรอก ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว เป็นสัจธรรมที่ยืนยงมานับพันปีแล้ว อ่านแล้วซึ้งจนน้ำตาร่วงเลยครับ จากคุณ : โกฏิดารา (เทราสเฟียร์) - [ 13 พ.ค. 52 12:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สี่แสนจริงค่ะ เมื่อสามปีที่แล้ว อันที่จริง สอง-สามแสนอาจจะได้เข้า แต่เพื่อนเรากลัวลูกไม่ได้ เลยใส่ไปสี่แสนเลย จากคุณ : Guga - [ 13 พ.ค. 52 13:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ครูบ้านนอก ขอแจมหน่อยนะครับ ระบบจ่ายเงิน จ่ายทอง นั้น ผมว่า มันน่าจะเป็นโรงเรียนดัง ๆ ของตัวจังหวัด หรือ เมืองใหญ่ เท่านั้น ครับ โรงเรียนบ้านนอก ที่ผมอยู่ สอบเข้าทั้ง ในเขต นอกเขต สอบไม่ติด ไปแจ้งที่เขตพื้นที่ เขาก็บังคับให้โรงเรียนรับหมด ที่ผมอยู่ ชั้นละ 8 ห้อง ฯละ 45 คน จะไม่เต็ม ก็เป็นห้อง พิเศษหัว มหากะทิ มี 30 กว่าคนนิดหน่อย ที่เหลือ 45 คนเป๊ะ อยู่เมืองใหญ่ การแก่งแย่ง แข่งขัน มีสูง ครับ คงต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ จากคุณ : หัวอกพี่หนาน*.. - [ 13 พ.ค. 52 13:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมเข้าใจครับว่า คนเป็นผู้ปกครอง ต้องการให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ เข้าใจครับ ว่าถ้าคุณไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่ดี แต่ผมว่า "มันคนละเรื่องกัน" การอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ กับการ ไปยอมทำตามระบบที่คุณรู้อยู่แล้วว่ามันคือการคอร์รัปชัน ผมว่า "มันก็คนละเรื่องกัน" เริ่มที่ตัวเราดีไหมครับ แต่ยังไงๆ ผมก็คิดไม่ออกอยู่ดีครับ ว่าโรงเรียนที่เรียกเก็บผู้ปกครองขนาดนี้ โรงเรียนที่มีการคอร์รัปชัน ขนาดนี้ มันจะไปเป็นโรงเรียนที่ดีได้ยังไง ?? แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 13:34:21 จากคุณ : torprc - [ 13 พ.ค. 52 13:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เนื้อเพลง: ขาหมู อัลบั้ม: ชุดที่ 8 จงเพราะ ศิลปิน: แทททู คัลเลอร์ เกลียดละคร แต่ก็ดูมันทุกตอน เกลียดคนใจร้อน แต่ก็ชอบมวย เกลียดคนรวยนัก ชอบดูถูกฉัน แต่เมื่อคืนพึ่งฝันว่าถูกหวย เกลียดใครจะได้เจอมันทุกวัน เกลียดคนผิดนัด แต่ฉันก็เคย เกลียดจังตอน hang ปวดหัวตอนเช้า ตกเย็นกินเกล้าไม่หยุดเลย ชีวิตคนสับสนวุ่ยวาย เพราะหัวใจมันคล้ายมีบางอย่าง ถึงฉันเกลียดแต่ฉันก็ต้องการ ไม่ว่าใครๆ เกลียดความรักที่ทำให้เราต้องเสียใจ แต่ยังค้น ยังคอยจะหามันเรื่อยไป เจ็บไม่จำ ทั้งๆ ที่รู้ สุดท้ายที่รออยู่คืออะไร โอ โว้ โอว เกลียดความรักที่ทำให้เราต้องร้องไห้ แต่ยามเหงาถ้าไม่มีเขาก็ไม่ได้ อยู่คนเดียวมันยังไม่พอ ต้องขอใครสักคน เข้ามาทำให้ใจเจ็บช้ำ ไม่เข้าใจ เกลียดการพนันแต่ก็เคยเป็นเจ้ามือ รำคาญมือถือ แต่ฉันก็มี เกลียดจังความอ้วน ใครๆก็รู้ แต่ยังสั่งขาหมูกินอยู่ดี เกลียดการมองคนที่หน้าตา แต่พอเจอดาราขอลายเซ็น เกลียดคนยั้วเยี้ย อึดอัดทุกครั้ง แต่พออยู่ในผับฉันก็ต้องเต้น ชีวิตคนสับสนวุ่ยวาย เพราะหัวใจมันคล้ายมีบางอย่าง ถึงฉันเกลียดแต่ฉันก็ต้องการ ไม่ว่าใครๆ จากคุณ : หนมจีน - [ 13 พ.ค. 52 14:25:26 A:58.34.78.108 X: TicketID:063710 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมมีความคิดว่าเงินสองแสน สี่แสน ถ้าหารต่อเดือนแล้วก็ไม่มากเลยสำหรับการซื้อคุณภาพชีวิต ซื้อการศึกษาให้ลูก แต่มองในอีกมุม ถ้าปลายทางเด็กไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผ่านทางสายนี้แล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยตัวเค้าเอง ผมว่าเก็บเงินจำนวนนี้ไปทุ่มกับการส่งไปเรียนภาษา เรียนต่างประเทศ หรือ เรียนโรงเรียนนานาชาติที่แข็งก็เป็นเรื่องที่ดีกว่านะครับ จากคุณ : นายเบียร์ - [ 13 พ.ค. 52 14:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จริงๆเงินแปะ๊เจี๊ย เนี่ยปัญหาคือมันเป็นเงินที่ดำมืด ไม่มีการตรวจสอบ แล้วเราจะมั่นใจได้ไงว่าเงินที่ได้ไปทุ่มให้กับโรงเรียนจริงๆ ไม่ใช่เข้ากระเป๋าผอ. ไม่ต่างจากการให้สินบน? ผมว่าเราคงต้องลอยตัวค่าเล่าเรียน และให้โอกาสโรงเรียนบางโรงเรียนได้ออกนอกระบบ คือค่าเทอมแพง แต่เห็นผลว่าเอาค่าเทอมไปทำอะไร อาจจะให้ทุนการศึกษากับคนเรียนเก่งบางส่วนได้จ่ายน้อยๆ ก็น่าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากกว่า แต่ก็ต้องจำกัดการออกนอกระบบ ให้อย่างน้อยในพื้่นที่หนึ่งๆยังมีโรงเรียนที่อยู่ในระบบที่จ่ายค่าเล่าเรียนราคาถูกได้อยู่ เพื่อไม่ให้ผู้รายได้น้อยเสียโอกาสเข้าเรียน ผมว่าแบบนี้จะลดเรื่องสินบนไปได้ครับ(ขอเรียกเงินเรียกเก็บเพื่อเข้าเรียนว่าสินบนมากกว่า เพราะตรวจสอบไม่ได้) ใครๆก็อยากให้ลูกได้เข้าเรียนโรงเรียนดีๆ แต่ปัญหาคือเงินนั้นมันทำให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนดีๆจริงหรือเปล่า หรือแค่เกาะใบบุญชื่อเสียงเก่าๆเท่านั้น? จากคุณ : ....4จุด - [ 13 พ.ค. 52 15:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 42 พี่ที่ออฟฟิศมาเล่าให้ฟัง ว่าลูกสาวสอบติดสำรองโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ วันสัมภาษณ์พ่อแม่ มีให้กรอกที่หัวกระดาษว่าจะจ่ายสมทบให้โรงเรียนเท่าไหร่ด้วยล่ะ แต่พี่เค้าก็ไม่ได้กรอกไปนะ สุดท้ายลูกสาวก็ได้เรียน ไม่รู้ทำบุญมาด้วยอะไร จากคุณ : endimian - [ 13 พ.ค. 52 15:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จขกท เข้าใจผิดครับ เงินนั้นไม่ได้นอกระบบ แต่เป็นเงินที่ รร นำไปใช้จ่าย เพราะ รร ยิ่งดัง งบจะถูกจะสรรให้น้อยครับ เงินจึงไม่พอ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องคอร์รัปชั่น ลูกผมเรียนห้องที่คิดแพงกว่าชาวบ้าน เทอมละ สองหมื่นกว่า แต่แทบไม่ได้อะไรที่แตกต่าง ก็ยังต้องยอมเลย อย่างน้อยก็ซื้อสังคม กับซื้อโลโก้ให้ลูกก็คุ้มแล้ว ที่เหลือก็ทำบุญไป #42 ลูกเพื่อนคุณโชคดีมาก พราะปัจจุบันระบบสำรองแทบไม่มีแล้ว ใต้เส้นหมดสิทธิ์ทันที ที่เหลือวัดกันที่เงิน ความเหมาะสม และคะแนนสอบ ถัวกันไป แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 16:24:38 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 16:20:44 จากคุณ : โต - [ 13 พ.ค. 52 15:47:40 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เปะเจียะ200,000-400,000 เสียครั้งเดียว เรียนได้ตลอด ถ้าเรียนอินเตอร์ต้องเสีย 200,000-400,000ทุกปีนะคะ มันต่างกันมากๆๆๆๆ จากคุณ : คนบ้านใกล้ - [ 13 พ.ค. 52 16:02:31 A:124.120.247.139 X: TicketID:189413 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตรงกับที่เราเพิ่งฟังมาจากลูกของคนรู้จักห่างๆ ของแม่เลย เค้าสอบรร.ชื่อดังแห่งหนึ่งไม่ติด (ได้ที่ประมาณ 900) แต่สุดท้ายแม่เค้าก็จ่าย 5 แสนถ้วนๆ เงินสด ตอนนี้มีชื่อเรียนแล้ว เพื่อนของเพื่อนเราคนหนึ่งก็เคยจะจ่ายเพื่อเข้ารร.นี้ แต่เค้ายินดีจ่ายแค่ 2 แสน รร.นั้นเลยไม่รับค่ะ จากคุณ : = Un Insomnia = - [ 13 พ.ค. 52 17:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กาสูญเสียความน่าเชื่อถือเเละเสื่อมศรัทธา ต่อระบบการศึกษาของไทยครับ จากคุณ : okb - [ 13 พ.ค. 52 18:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ถามหน่อยครับ เงินแป๊ะเจี้ย พวกนี้ นำไปลดหย่อนภาษี ได้ไม๊ครับ จากคุณ : ตู้ต้า (ตู้ต้า) - [ 13 พ.ค. 52 18:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นช่วงหนึ่ง DSI บอกว่าจะปราบให้เด็ดขาด แล้วทำไมเงียบไปละครับ จากคุณ : เสธแก่ - [ 13 พ.ค. 52 18:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จขกท เข้าใจผิดครับ เงินนั้นไม่ได้นอกระบบ แต่เป็นเงินที่ รร นำไปใช้จ่าย เพราะ รร ยิ่งดัง งบจะถูกจะสรรให้น้อยครับ เงินจึงไม่พอ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องคอร์รัปชั่น จากคุณ : โต -------------- มันไม่ใช่ยังงั้นน่ะสิครับ คุณโต มันแสดงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่ต่ำทรามของผู้บริหารโรงเรียน นี่เราเห็นด้วยกับการสอนให้เด็กรู้จักรีดไถตั้งแต่เยาว์วัยกันแล้วหรือนี่? จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 13 พ.ค. 52 18:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมไม่แน่ใจนักครับ ว่าทำไมมีคนห็นด้วยกับการจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ ที่สำคัญไม่ใช่แค่เห็นด้วย แต่ยอมทำตามระบบนี้ ประการสำคัญที่ทำให้ผมไม่เข้าใจ น่าจะเป็นเพราะ ผมไม่มีลูก...  ขออนุญาตใช้ไทม์แมชชีนไปอนาคตซัก 20 ปี ผมมีลูกชายวัยกำลังโต  เพิ่งจบ ม.ต้น หมาดๆ ผมอยากให้เขาได้เข้าเรียกโรงเรียนชื่อดังแห่งนี้ อยากให้เขามีตราโรงเรียนนี้ปักอยู่บนหน้าอก..   ผมยอมจ่ายเงินห้าแสนบาทเพราะบ้านผมร่ำรวยพอตัว จากการทำมาหากิน และแล้วเป็นดั่งใจหวังครับ ลูกชายผมสุดที่รัก ได้รับการเข้าเรียกโรงเรียนชื่อดัง    ต่อไปลูกผมจะเป็นอย่างไรหนอ ผมเฝ้ารอด้วยความภูมิใจ 1.หลังจากที่ลูกผมรู้ว่าได้เข้ามาเรียนเพราะเงิน ก็เลยรู้ว่าที่จริงแล้ว เงินซื้อได้ทุกอย่าง แม้แต่การเข้าเรียนรึนี่ สุดยอดไปเลย จอร์จ !! 2. หลังจากนั้นลูกผมติด 0 และจะเรียนไม่จบเพราะไม่ค่อยจะขยันนัก แต่ไม่เป็นไรครับลูกผมรู้วิธีว่าจะทำอย่างไรต่อไป  เค้าเดินเข้าไปในห้อง ผอ. ยื่นซองขาวๆให้หนึ่งซอง  ผอ รับมาเปิดดู โอ้โห...กระดาษสีเทาเพียบเลย ผอ.ไปดูใบคะแนน คุณจบตามปกตินี่ ลูกผมฉลาดไหมครับ 3.แล้วลูกชายผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจบออกมา จะไปเข้าทำงานเข้าบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง แหม่..ซองขาวคงจะช่วยได้ทุกอย่าง 4.ลูกผมสมัครเป็นนัการเมืองครับ..... ขอโทษครับ ที่ผมไม่อยากจินตนาการต่อ เพราะผมรุ้สึกผิดเกินไปแล้ว ผมเกรงว่าถ้าผมจินตนาการต่อไป ไม่ทันถึงข้อ 10 ดี ประเทศไทยที่ผมรักก็จะถึง กาลอวสานเสียแล้ว.. จากคุณ : torprc - [ 13 พ.ค. 52 19:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 51 จากประสบการณ์อันน้อยนิด นโยบายรับเงิน เข้าใจว่าขึ้นกับผอ.โรงเรียน ถ้าผอ.สั่งว่า "ไม่" ก็คือ "ไม่" น่ะค่ะ แต่เดาว่าคงน้อยมั้งคะ ที่จะ "ไม่" เด็ดขาดขนาดนั้น คุ้นๆว่าซักสิบกว่าปีก่อน โรงเรียนดังกลางเมืองหลวงหลายโรงประกาศรับแบบ "โควต้าผู้มีอุปการคุณ" ระบุตัวเลขจำนวนคนชัดๆเลย โควต้าสมาคมผู้ปกครองกี่คน โควต้าสมาคมศิษย์เก่ากี่คน ทำนองนั้นน่ะค่ะ น่าจะเรียกเป็นแป๊ะเจี๊ยะได้เหมือนกัน แต่เหมือนจะอยู่บนดิน ถ้าโรงเรียนต้องการเงินจริงๆ ประกาศชัดๆไปเลย ไม่เล่นใต้ดิน จะดูดีกว่านะคะ คณะดังๆในมหาลัยเป็นเด็กโรงเรียนดังเยอะ แต่ไม่ได้แปลว่า ถ้าได้เข้าโรงเรียนดังแล้วจะเข้าคณะดังๆได้เสมอไปสักหน่อย โรงเรียนดังๆเอง คนที่พลาดหวังก็ใช่จะไม่มีนะคะ จะว่าไป เดี๋ยวนี้กวดวิชามีทุกเมือง อาจารย์คนเดียวเปิดสาขาทั่วประเทศ "กวดวิชา" เนี่ย น่าจะทำให้โอกาสของเด็กโรงเรียนดัง กับโรงเรียนไม่ดัง เท่ากันได้มากที่สุดแล้ว แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 23:29:23 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 23:28:36 จากคุณ : dittaya - [ 13 พ.ค. 52 22:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 หลาน ผอ. โรงเรียนเก่าผมก็ฝากเข้า รร. ที่ จขกท. กล่าวครับ ไม่รู้เสียกี่แสนแต่คงได้เครดิทที่เป็น ผอ. แต่ขนาดเป็น ผอ. ยังบริหาร รร.ได้ห่วยจนต้องพาหลานไปยัดเข้าที่อื่น ทั้งๆที่สอบไม่ติด พอไปเรียน ได้ 2.9 ทั้งๆที่อยู่ที่เดิมได้ 3.8 ส่วนผมอยู่ที่เดิมและเอนท์ติด ม.รัฐ ชื่อดัง ไม่เสียซักบาท จากคุณ : themaixx - [ 13 พ.ค. 52 22:48:01 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณแม่คุณพ่อผมไม่เคย ต้องไปเสียเงินให้กับระบบแบบนี้ ถ้าผมมีลูกผมก็คงไม่เสียด้วย ถ้าเราเสียเงิน เราก็ยอมรับสิ่งนี้ในสังคม เงินหลายแสนเท่านี้ ส่งลูกไปเรียนต่อยุโรป บางประเทศที่เขาให้เรียนฟรี เติมอีกนิด ไปเรียนเมืองนอกเลย ดีกว่า ผมเรียนโรงเรียนวัดมาตลอด เดินไปกลับบ้านได้ ไม่เครียด เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีก และก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างจากโรงเรียนดังๆ เลยครับ ตอนเย็นคุณพ่อผมก็ให้ไปเรียนภาษาเพิ่มเติมกับสถาบันสอนภาษาชื่อดัง ผมรู้สึกว่า ตัวผมมีความสุขในการเรียนมากกว่าเพื่อนที่มาจากโรงเรียนดังที่วันๆ ต้องแข่งขันเรียนกันแบบไม่มีความสุข ดูเขาเหนื่อยมากๆ เครียดว่าจะไม่ได้ที่หนึ่งในชั้น แต่ผมเฉยๆ เรียนแบบสนุก ข้อสอบที่ทำสอบก็ไม่แตกต่างจากโรงเรียนดังมากนัก ได้คะแนนท๊อปหลายวิชา ตัวเองมีความสุข พ่อแม่ก็มีความสุข เพราะไม่มีการแข่งขันกันมาก เสาร์ก็ไปทำกิจกรรม เล่นกีฬา หรือ เรียนสิ่งๆต่างๆ ที่อยากเรียน พวกดนตรีหรือศิลปะ วันอาทิตย์ก็ไปเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เจอเพื่อน เจอคนอีกกลุ่ม เพิ่งมาเริ่มเข้าใจสังคมที่ให้คุณค่าแก่พวกจบโรงเรียนชั้นนำ ที่จะมีพรรคพวก ตอนมาอยู่ มหาวิทยาลัย ซึ่ง ข้อดีที่ผมพบคือ ผมเข้าได้กับพวกไฮโซ และพวกปานกลางลงมา ไม่ถือตัว ไม่รังเกียจคน เหมือนคนบางกลุ่มที่เขาจบโรงเรียนดัง ผมก็ไม่รู้สึกขาดแคลน หรือด้อยค่าอะไร และก็ไม่ได้อวดอะไรว่าตนเองเก่ง ทั้งที่เล่ามา ตลอดเวลาที่เรียน จนถึงทำงาน เพราะผมเห็นว่า ชีวิตผมธรรมดามากๆ ตอนนี้ผมเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยเกียรตินิยมตอนป ตรี และ ป.โท ก็ได้เกรดเฉลี่ยเต็มที่ที่เขาจะให้ผมได้ ก็เลยยังไม่ทราบว่า ถ้าได้เรียนโรงเรียนดี สิ่งแวดล้อมมันจะดี วิชาการมันจะเด่นจริงหรือเปล่า ถ้าตัวเรา หรือลูกเราไม่รักดีเสียเอง ลองกลับไปดูประวัติคนมีชื่อเสียงของไทย ส่วนใหญ่ จบโรงเรียนวัด และแทบจะไม่มีข้าวกินกันทั้งนั้น แล้วเรียนโรงเรียนดังมันจะตอบสนองอะไรให้กับชีวิตกันแน่ เหนื่อยเดินทาง เครียดเรียนแข่งกันแทบตาย เพื่อนที่คบก็ไม่สนิทใจ เพราะเข้ามาส่วนใหญ่ด้วยอำนาจเงิน แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ใครจะเลือกแบบไหนครับ ขอไว้อาลัยให้การศึกษาไทย ตั้งแต่อนุบาล จนถึงระดับอุดมศึกษาหนึ่งนาที และต้องการเหลือเกินว่า สักวันหนึ่งถ้ามีโอกาส ผมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากคุณ : นายวุ้นกะทิ - [ 13 พ.ค. 52 23:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผอ.คนนี้เอาเงินไปเยอะมากค่ะ คนเก่าไม่เป็นถึงขนาดนี้ยังมีเรียกตัวสำรองนะคะ ที่รู้ปีนี้สายศิลป์ยัด1แสนก็เข้าได้ แต่เค้าก็ดูลำดับที่นะ แล้วปีนี้เด็กม.4ห้องละ50คน ปีก่อนๆ40คนเท่านั้น รับเพิ่มมาห้องละ10คนแล้วกี่ห้องล่ะแล้วคนละกี่แสนล่ะ ป.ล.หนูเซ็งกว่าที่พี่รหัสไม่พอกับน้องรหัส เหอๆๆๆๆๆ จากคุณ : เหอๆๆ (BlueSeasons) - [ 13 พ.ค. 52 23:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 #49 คนละประเด็นเลยครับ รร ต้องใช้เงิน นักเรียนที่สอบไม่ได้ แต่อยากเข้าเรียนก็ต้องจ่ายเงิน เป็นเรื่องธรรมดามาก และไม่ได้ผิดศีลธรรมอะไรเลย มันไม่ต่างจากการไปเรียน รร เอกชนเลย ถูกกว่าด้วยซ้ำไป ประเด็นคือ เค้าไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัว แต่เอาไปจ่ายค่าใช้จ่าย ของสถานศึกษานั่นแหละ ซึ่งมันจำเป็นเพราะงบไม่มี มันเกี่ยวอะไรกับรีดไถครับ? ถ้าคุณไม่พอใจ ก็ไม่ต้องจ่าย เลือกได้นี่ครับ บางครั้งคนเราชอบพูดเรื่องความเป็นธรรม มันดูดี แต่เราต้องมองข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่เอะอะ ก็โจมตีเค้าโดยไม่มองข้อเท็จจริง อ้อ เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่อง คุณสอบตกแล้วเอาเงินไปแลกให้คุณสอบได้นะ มันเป็นเรื่องการสอบเข้าสถานศึกษา บังอิญมันใช้การสอบมาวัดก่อน แน่นอนว่า ทุกคนได้รับความเป็นธรรมในระดับนึง ซึ่งคนทั่วไปรับได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าจับสลาก เมื่อคุณสอบไม่ได้ ก็ต้องฝากครับ ซึ่งก็มีกฎกติกาอีกอย่างเท่านั้น มันไม่แปลว่า พอคุณจ่ายเงิน มันจะเเปลว่า สอบได้ การสอบได้ ไม่ได้มันจบไปแล้วครับ อีกอย่างเด็กสอบไม่ได้เนี่ย อย่าเอาเทียบกับคนที่ได้เกรด 0 เชียวนะครับ เด็กหลายคนที่สอบไม่ได้เก่งมากๆครับ เพียงแต่ยังเก่งไม่พอที่จะเอาชนะคนที่ สอบได้เท่านั้น ที่มันมีจำกัดครับ คุณจะเอาเค้าไปเปรียบกับคนที่เรียนล้มเหลวได้ 0 แล้วขอเกรด มันใจร้ายเกินไปครับ แต่ แน่ล่ะคุณฝากเข้ามา ย่อมได้ห้องที่ไม่ค่อยดีนัก นั่นก็บ่งบอกแล้วว่า คุณเข้ามาด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งก็ถือว่าด้อยกว่าเด็กสอบเข้า อีกนั่นแหลละหากคุณปรับตัวได้ มุ่งมั่นจริง ก็ดีได้ด้วยเส้นทางนี้ได้เหมือนกัน นั่นก็มาจากเงินทีพ่อเเม่จ่ายซื้อโอกาสมาให้ ซึ่งแน่นอนว่า ทางการศึกษาผู้มีเงินมาก ย่อมมีโอกาสมากกว่าอยู่บ้าง แต่ก็ต้องบอกว่าโอกาสนั้นเทียบกับเด็กที่สอบได้แล้วยังน้อยกว่ามากๆ ดังนั้น ควรดูแลลูกให้เรียนเก่งๆไว้ดีกว่าครับ แต่ ลูกสอบไม่ได้อย่าโอดครวญว่าเค้ามาเรียกเงินเท่านั้น เท่านี้ ถ้าไม่อยากจ่าย ก็เอาลูกไปเรียนที่ๆดีที่สุดที่ไม่ต้องจ่ายตังค์เข้า ตั้งใจเรียนอย่างดี โอกาสทางการศึกษามีอยู่เสมอครับ บางคนกิดมาจนแต่เรียนที่ดังๆ ตลอดมีอยู่มากครับ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 00:58:11 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 00:57:27 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 00:51:18 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 00:43:28 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 52 00:26:24 จากคุณ : โต - [ 14 พ.ค. 52 00:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คอรัปชั่นตั้งแต่ครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอนจริงๆ ออกลูกก็ต้องเสียค่าพิเศษหมอ เข้าโรงเรียนก็เก๋าเจี้ย ทำงานก็ต้องฝาก ราชการอยากได้สองขั้นก็ต้องส่งส่วย ตายแล้วยังมีอีกมั้ย จากคุณ : anchan (anchan42) - [ 14 พ.ค. 52 00:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ที่แถวบ้าน (ไม่ใช่กรุงเทพ) ผู้ใหญ่บอกกันตรงๆ ได้เลยว่า ต้องการเท่าไหร่ ที่จะ 'ช่วย' ให้เด็กคนนั้นคนนี้เข้า รร. จ่ายมา  ถือกันว่า ฤดูนีั้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวจากความเป็นใหญ่เป็นโตได้เลย จากคุณ : AccordingTo - [ 14 พ.ค. 52 00:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ได้เข้าโรงเรียนดัง ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าทุกคนที่เรียนที่นั่นจะเข้ามหาลัยดังๆ ได้หมด รร.เอกชนอย่างดีก็ได้ภาษาอังกฤษ เพราะสื่อการเรียนการสอนดีกว่า รร.รัฐบาล อ้อ แล้วก็ได้ไว้คุยกับเพื่อนๆ ตอนสอบเข้ามหาลัยใหม่ๆ ได้ว่า เรียนจบมัธยมมาจาก รร.อะไรแค่นั้น แต่พอเรียนจบมหาลัย คนไม่ค่อยสนใจหรอกว่าคุณจบมัธยมที่ไหน เพราะฉะนั้นอยากให้ลูกเก่งภาษาก็ไปเรียนพิเศษเอาเอง ถูกกว่าอีก เรียนให้ครบคอร์ส ฟัง พูด อ่านเขียนไปเลย สังคม รร.เอกชนดีกว่าเหรอ เราว่าโอ้อวดใช้ของแบรนด์เนมกันจะตาย ตั้งแต่ยังเรียน รร.นั่นล่ะ เพื่อนในกลุ่มใช้ของแบรนด์อะไร ก็ต้องมีตามบ้าง ไม่งั้นเด๋วเชย เพื่อนไม่คบ มันต่อยอดมาถึงตอนเข้ามหาลัย ใช้แบรนด์เนมต่อไป ทั้งๆ ที่ยังหาเงินเองไม่ได้เลย จากคุณ : tormay - [ 14 พ.ค. 52 09:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ที่น่าห่วงคือ  "เด็กเส้น" สมัยนี้กลายเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ ได้ยินเด็กคุยกัน กูเส้นเข้าว่ะพ่อกูจ่ายไปเท่านั้นเท่านี้ .........แบบหน้าตาเฉย น้ำเสียงออกภูมิใจด้วยซ้ำที่มีเงินทำอะไรก็ได้ สมัยผมนี่ เรียนโรงเรียนดังเหมือนกันใครเส้นเข้าฝากเข้ามาจะไม่พูดหรอก...อาย.. ผมได้ยินแล้วรู้สึกกังวลมาก ถ้าเด็กโดนปลูกฝังแบบนี้ เห็นเป็นเรื่องปกติเห็นเป็นเรื่องน่าภูมิใจนี่น่ากลัวมาก จากคุณ : waphoo - [ 14 พ.ค. 52 10:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เราเรียนที่ไหนก็มีค่าเท่ากันค่ะ ทุกอย่างขึ้นกับการกระทำของตัวเราล้วนๆ เลย ตอนเราสอบเข้าม.1 โรงเรียนหญิงล้วนแถวๆ สะพานพุทธ เราขาดไปอีก 3 คะแนน แล้วมีครูของโรงเรียนนี้ยืนอยู่แถวนั้น แม่เราเลยถามว่าจะมีโอกาสรับเพิ่มมั๊ย ประมาณล่ะมั้ง เค้าก็บอกว่า คะแนนละ 1 หมื่น เอามั๊ยล่ะ ถ้าของเรา ก็ 3 คะแนน 3 หมื่น แม่เราเลยบอกว่างั้นไม่เอาอ่ะ เองเงิน 3 หมื่นี้มาให้เราเรียนในโรงเรียนแถวบ้านได้ตั้งหลายปีแน่ะ จากคุณ : H&J - [ 14 พ.ค. 52 12:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มันเป็นเรื่องของดีมานด์กับซัพพลายค่ะ จากคุณ : bolton fanclub - [ 14 พ.ค. 52 12:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เท่าที่ทราบ ผมเห็นมีแต่มหิดลวิทยานุสรณ์นี่แหละที่ฝากไม่ได้ เด็กเข้าไปถ้าไม่เก่งจริงคงเครียดซะเปล่าๆ แต่ถ้าเรียนไหวน่าจะสนุกนะครับ จากคุณ : กุ้งบก - [ 14 พ.ค. 52 14:26:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 จริงๆ เหตุเกิดเพราะทั้งโรงเรียนและผู้ปกครองบางกลุ่ม โรงเรียนพร้อมจะรับ ผู้ปกครองก็พร้อมจะจ่ายหน่ะครับ ถ้าจะตัดตอนก็ต้องตัดตอนทั้งโรงเรียนและผู้ปกครองไปพร้อมๆกันเลย ห้ามรับ ห้ามจ่าย ส่วนตัวผมคิดว่า ผิดทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้ปกครองและฝ่ายโรงเรียน การเรียนและการสอบควรจะแข่งกันกันอย่างยุติํธรรม สอบได้ก็ติด สอบไม่ได้ก็สามารถหาโรงเรียนอื่นๆเรียนได้ อีกจุดหนึ่งที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ก็คือ ค่านิยมที่ว่า โรงเรียน ก เป็นโรงเรียนดัง มีชื่อระดับประเทศ วงสังคมดี การศึกษาเด่น กิจกรรมเป็นเลิศ ฯลฯ การแก้ไขก็คือ ต้องกระจายโอกาสด้านการศึกษาสู่ชนบทและสังคมอย่างทั่วถึงครับ แน่นอนว่า คงจะหลีกหนีไม่พ้นที่จะต้องมีโรงเรียนที่โดดเด่นที่สุดในจังหวัดหรือประเทศเกิดขึ้น แต่เราจะทำอย่างไรให้ผู้ปกครองทุกคนเชื่อมั่นว่า โรงเรียนอื่นๆที่แม้จะไม่มีชื่อลือปฐพี ก็สามารถผลิตบุคคลากรคุณภาพดี มีจริยธรรม ได้เช่นกัน อันนี้เป็นมุมมองของพวกเรียนมาน้อยแบบผมหน่ะนะ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 14 พ.ค. 52 14:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยเลยครับ ในมุมมองของเยาวชน ไม่ใข่ผู้ปกครอง ในมุมมองของเยาวชนแบบผม ต้องการจะให้ไอ้ระบบแป๊ะเจี๊ยะนี่หายไป เพราะผมยังเชื่อว่ามันก็คือการคอร์รัปชันดีๆนี่เอง  ถ้าไม่ใช่คอร์รัปชัน ฟ้องร้องกระทรวงศึกษาฯ  บอกสื่อมวลชน ได้ไหมครับ ถ้ากระทรวงศึกษาบอกว่าไม่ผิด ผมจะยอมรับผิดและขอโทษจากใจจริง ที่มองว่านี่คือการคอรฺ์รัปชัน อะไรก็ตาม ที่ทำการนอกระบบ นอกกฎเกณฑ์ ผมว่ามันคือ คอร์รัปชัน ถ้ากระทรวงศึกษามีกฎแบบนี้ บอกผมด้วยนะครับ   ที่เยาวชนแบบผมเป็นห่วงคือ ตัวอย่างตะหากครับ ผมว่ามันคือการปลูกฝัง เรื่องการจ่ายเงินซืออะไรก็ตาม เหมือนที่เราเคยได้ยินข่าวนักการเมืองซื้อกระดาษปริญญาตรี เราถึงได้มีคนที่ปากอาราธนาศีลแต่มือถือสาก เดินไปเดินมาอยู่เต็มสภา   ในความคิดผม "การอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนที่มีเชื่อเสียง" กับการที่ "ยอมทำอะไรนอกระบบ"   มันคนละเรื่องกัน ไม่น่าจะมาอ้างกันได้ "ได้เรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง" กับ "เด็กจะออกมาอย่างมีคุณภาพ" มันก็คนละเรื่องกัน ผมใช้คำว่าโรงเรียนมีชื่อเสีงนะครับ ไม่ได้ใช้ว่า โรงเรียนที่ดี เพราะผมไม่แน่ใจนักว่าสังคมนี้ เขาใช้อะไรวัดความดีกัน.. จากคุณ : torprc - [ 14 พ.ค. 52 15:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คอร์รัปชั่นมันมีมานานแล้วครับ.... ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียน วงการอื่นๆก็เยอะมาก... ไม่รู้ว่าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ทำไม... ถ้ารัฐบาลและนักการเมืองไม่โกง...ทุกอย่างมันก็น่าจะค่อยๆหมดไป จากคุณ : yut - [ 14 พ.ค. 52 15:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ่านแล้วนึกถึงสมัยที่เรียนอยู่ โรงเรียนมีการเรียกเก็บเงิน"ทำบุญ"ทุกอาทิตย์เลย ตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่มาวันนี้ชักสงสัยแล้วว่าเงินนี่ไปทำบุญจริงๆมั้ย และทำบุญกับใคร แต่คิดในแง่ดี เงินคงเข้าศาสนจักรมั้ง จากคุณ : pervpanda - [ 14 พ.ค. 52 17:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณโต พูดทำนองว่าเมื่อสอบไม่ได้ก็ต้องเสียเงิน จึงจะเข้าได้ แล้วคุณก็ยอมรับด้วยว่านั่นถูกต้องแล้ว ผมถามว่าใครเป็นคนกำหนดกฎเกณฑ์นี้ครับ? เอาเรื่องเงินไปผูกกับการศึกษาของชาติ แล้วสังคมโดยทั่วไปเห็นด้วยหรือเปล่า หรือว่าจะถือเอาแต่อำนาจบาตรใหญ่ของ ผอ.โรงเรียน? แล้วจะต้องเสียเท่าไหร่จึงจะสมควร ใครเป็นคนกำหนดหรือครับ? หรือว่าให้ขึ้นอยู่กับอำเภอใจของ ผอ.โรงเรียน อย่างนั้นหรือครับ? พึงทราบว่า ความเป็นครู/อาจารย์ เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ก่อนนั้นใช่ ครู/อาจารย์ คือพ่อแม่คนที่สอง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เสมอไป ต้องดูเป็นคนๆ ไป บางคนใช่ กราบลงกับตักได้อย่างสนิทใจเหมือนเดิม แต่บางคนไม่ใช่ ลื้อก็แค่ทาสน้ำเงินของพ่ออั๊ว มาให้ตบกบาลซะดีๆ แล้วทีหลังอย่าซ่าอีกนะ อ้ายหนู! จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 14 พ.ค. 52 21:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มันเป็นเรื่องที่ยินยอมกันระหว่าง รร กับ ผปค ครับ แน่นอนว่า มันมีบ้างที่ไม่เห็นด้วยอย่าง จขกท เป็นต้น ความจริงผมว่า ผมอธิบายไปค่อนข้างชัดเจนนะครับ ว่า รร ดัง นั้นไม่มีเงิน ทำไมไม่มีเงิน ก็เพราะกระทรวงจัดสรรเงินให้กับ รร ที่ไม่มีชื่อเสียง ซึ่งก็เป็นเรื่องถูก เพราะงบมีจำกัด คนขาดก็ได้ไป คนมีศักยภาพก็ช่วยตัวเอง แล้วผมไม่เข้าใจคำว่า เอาเงินไปผูกกับศึกษาของชาติครับ มันฟังสวยหรูมากเลย แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ประเทศไหนครับ ที่ทำรื่องการศึกษาแล้วไม่ใช้เงิน ไม่มีเงิน รร จะอยู่ได้อย่างไรครับ? การบริการจัดการอย่างพอดี และไม่คดโกงต่างหากที่เราต้องคิด เนื่องจากเงินเป็นสิ่งที่ รร ต้องการ เน้นครับ รร ไม่ใช่ ผอ รร สิ่งนี้มันก็เป็นตัวกำหนดโดยตัวมันเอง คุณหนุ่มไทยไร้นาม คิดว่า มันจะมีกฎเกณฑ์อื่นได้อีกหรือ? เมื่อเงินคือสิ่งที่ทำให้ รร อยู่รอด อย่างไรก็ตาม แม้ รร จะต้องการเงิน แต่สิ่งที่ รร ดังๆ มองเป็นอันดับเเรก คือ เด็กที่ผ่านการคัดเลือกด้วยวิธีสอบ ซึ่งรับต็มจำนวน และเทียบแล้ว มากกว่าเด็กฝากหลายเท่า อย่างนี้คุณจะไปกล่าวหาเค้า ใช้อำนาจบาตรใหญ่ อะไรอีกครับ เลยไปว่าถึงครูบาอาจารย์ เพียงเพราะ รร จำเป็นต้องมีเด็กฝาก แค่นี้เองเหรอครับ? ถึงขนาดจะไหว้กันไม่ได้ ขนาดนั้นเลยหรือ? รร ดังๆ เค้าไม่อยากรับเด็กฝากหรอกครับ เท่าที่รับจากการสอบมันก็เต็มแล้วครับ อย่างบางท่านว่า มหิดลฯ ไม่มีก็เพราะ งบเค้าพอเพียง แถมจ่ายเงินเดือนนักเรียนได้อีก เค้าก็ไม่มีเด็กฝาก เด็กฝากไม่ได้วิเศษชนิดมองครูป็นทาสเงินอะไรทำนองนั้น ศักดิ์ศรีทียบ กับเด็กสอบเข้าไม่ได้เลย รร ไม่อยากรับเด็กฝากเพราะเด็กจะด้อยเรื่องวิชาการกว่าเด็กสอบ และมันเกินโควต้า แต่ รร ก็จำต้องรับเพราะต้องการเงิน ในขณะที่คุณภาพโดยรวม ไม่ได้ตกลลงไปมากมาย ครูบาอาจารย์ก็เหนื่อยขึ้นบ้าง แต่ผมจะบอกว่า เด็กฝาก รร ดังๆไม่ใช่ว่าเป็นเด็กไม่ดีนะครับ ตรงข้ามด้วยซ้ำไป เด็กๆเค้าไม่ได้หยิ่งผยองว่า พ่อเเม่รวยใช้เงินฝากเข้า รร มาได้ เด็กหลายคน พ่อเเม่สียเงินหลายแสนบาท เค้ายังสำนึกบุญคุณที่ รร ยอมรับเค้า ทั้งที่สอบเข้าไม่ได้ เด็กเหล่านี้หลายคนรัก รร ซื่อสัตย์ ต่อ รร ครูอาจารย์ มากกว่าเด็กสอบเสียอีก แน่ล่ะ เด็กไม่ดีก็มีแต่ไม่มากนักครับ ต้องให้ความเป็นธรรมครับ ไม่ใช่ว่าจ่าเงิน แปลว่า เลว รับงินแปลว่า เลว แค่นั้นไม่พอครับ ต้องดูว่า รับอย่างไร แบบไหน ทำไม เพื่ออะไร เรื่องการศึกษาพูดกันแบบละเอียดครับ อย่าใช้ข้อสรุปสั้นๆ ผมว่าคุณอ่านข้อความของผมดีๆ ค่อยๆคิดตามเหตุผลที่ผมให้มันคือข้อเท็จจริง ที่เป็นเหตุผลในตัวมันเอง แล้วคุณจะไม่ต้องมาถามว่า ใครตั้งกฎ สังคมยอมรับไหม? ผมคงเเวะมาคุยแค่นี้แหละครับ จะเชื่อไม่เชื่อ  เก็บไว้เป็นข้อมูลแล้วกัน จริงๆเรื่อการศึกษานี่ชอบ ข้อมูลก็มีมากพอควร แต่เวลาไม่ค่อยมีครับ ขออภัยพิมพ์เละมากคีย์บอร์ดไม่ค่อยดีครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 01:44:38 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 01:24:25 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 01:21:46 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 01:17:05 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 01:08:45 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 00:59:25 จากคุณ : โต - [ 15 พ.ค. 52 00:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หลายปีก่อน ตอนที่ทำงานย่านเมืองทองฯ มีความจำเป็นต้องหาทางให้ลูกได้เรียนโรงเรียนในนั้น พอบอกว่าจะจ่ายสองแสน ก็ได้เข้าไปนั่งคุยในห้องมาเซ่อร์ ท่านต้อนรับดี๊ดีค่ะ วันปฐมนิเทศ นัดพบผู้ปกครองในห้องสมุด มาเซ่อร์บอกว่า เราไม่มีการเก็บยุบยับนะคะ จ่ายทีเดียวไม่มีเรี่ยไรอีก แต่เดี๋ยวเปิดเทอมผู้ปกครองเตรียมซื้อโต๊ะจีนหาทุนครั้งที่หนึ่งนะคะ ( อ้าว ! ) พอเตรียมจ่ายเงิน ผู้ปกครองคนอื่นๆหันมาถามกัน ว่าใครจ่ายเท่าไร ? บางคนบอกว่าของเขาสี่หมื่น สองหมื่นกัน ..คุณกรอกเข้าไปได้ไง ตั้งสองแสน แพงไปแล้วละ !! เลยลองบอกมาเซ่อร์ว่าขอจ่ายครึ่งหนึ่งวันนี้ ที่เหลือเดือนหน้า .. นะคะ มาเซ่อตวัดหางตา พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า " ฮึ! พูดงี้ทั้งนั้นแหละ พอได้เรียนก็ไม่จ่ายร้อก ! " ก็เลยจูงลูกออกทันที   ลูกบอกว่าไม่อยากเรียนที่นี่เลย ห้องสมุดเก็บหนังสือใส่ตู้ล็อคกุญแจ   แถมมีหนังสือน้อยกว่าบ้านเราอีก รักลูกมากเลยค่ะ .. กลับมาเรียนโรงเรียนเล็กๆข้างบ้าน รับ-ส่งสะดวกพอกัน หลายปีต่อมา ลูกสาวสอบเข้าโรงเรียนมัธยมรัฐบาลได้ด้วยโควต้าความสามารถพิเศษดนตรีไทย ลูกเรียนดีค่ะ แต่ดนตรีช่วยให้แม่เครียดน้อยลง   ปีนั้น ผอ.บอกว่าต้องอยู่รับ ( เงิน ) ผู้ปกครองจำนวนมากจนเที่ยงคืน มีที่เรียนว่างสำหรับลูกหลานผู้ปกครองที่จำเป็น ( และจ่ายไหว )ค่ะ ดิฉันว่า บางทีเด็กสอบเข้าไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่เก่ง แต่มีเงื่อนไขมากมาย เช่นเด็กในพื้นที่มีโควต้ามาก และการแบ่งเขตพื้นที่การศึกษา ไม่ได้แบ่งตามความสะดวกในการเดินทาง ฯลฯ เห็นเหมือนกันค่ะ ว่าเงินที่ผู้ปกครองท่านอื่นๆจ่ายไว้จำนวนมหาศาลนั้น แปรมาเป็นพื้นกระเบื้อง ( ลื่นๆยามเปียก ) มีคอมพิวเตอร์มากมายทั่วทั้งโรงเรียนให้เข้าเน็ตได้ ( ไม่กี่วันก็ค่อยๆพัง ) และมีการก่อสร้างตลอดเวลา ลดพื้นที่สีเขียวและสนามกีฬาลง แต่ก็มีการแจงตัวเลข มีสมาคมครู ผู้ปกครองดูแลนะคะ เสียแต่ว่า ผอ.แต่ละท่านมา ก็ปฐมนิเทศภาษาเดียวกัน ว่าเราทำอะไรกับเงินของผู้ปกครองบ้าง .. ประชุมผู้ปกครองมีแต่เรื่องเหล่านี้ .. น่าเบื่อ การสอนก็เป็นไปตามธรรมชาติของโรงเรียนมัธยมฯ คือเด็กต้องไปหาที่ติวเอง เพื่อฝึกวิธีเดาใจกรรมการออกข้อสอบแอดมิชชั่น ( ปีนี้ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ รอดไปแล้ว.. ) อ่านปัญหาของผู้ปกครองท่านอื่นๆแล้วขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ เพราะบทสรุปเรื่องโรงเรียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะค่ะ สุดท้าย .."สถาบันกวดวิชา" คือคำตอบสุดท้าย ก่อนแอดมิชชั่นค่ะ ไม่ได้แปลว่าโรงเรียนสอนไม่ดี เพียงแต่ "ติวเตอร์" เขามีข้อแนะนำที่ทันการณ์มากกว่าค่ะ ( ขอเพิ่มย่อหน้าท้ายค่ะ ) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 02:06:53 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 02:04:53 จากคุณ : katt1963 - [ 15 พ.ค. 52 01:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เดาคอมเม้นแล้ว คุณโต โดนยับแหง๋ๆ นอกจากเราจะโทษ ระบบโรงเรียนแย่ๆ สังคมห่วยๆ ผมขอฝากไรหน่อย เคยโทษตัวเองกันบ้างมั้ย สักนิดก็ยังดี ? ทำไม ต้องเข็นลูกหลานไป รร.ที่คิดว่าดี โดยรู้ว่าต้องแลก เพราะมีผู้ปกครองที่ยอมจ่ายอย่างพวกคุณหรือป่าว ระบบมันยังคงอยู่ ? ทำไม ไม่เรียกร้องการกระจายคุณภาพการศึกษา กระจายโอกาสด้านการศึกษาสู่ชนบทและสังคม ให้ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ? หรืออย่างน้อยในตัวเมือง ให้คุณภาพมันใกล้กัน ไม่หนีกันมาก ระบบคุณธรรมเป็นเรื่องดี แต่การเรียกร้องนั้นแทบจะไร้ผล ถ้ายังอยู่ในโครงสร้างเดิมๆ ถ้าระบบการศึกษาของเราเป็นแบบนี้ คุณจะหนีโครงสร้างนี้อย่างไร หัวอกของพ่อแม่ที่ต้องการ ให้ลูกหลานไปอยู่ในที่ที่ตนคิดว่ามีคุณภาพสูงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่แปลกที่เขาพร้อมจะทำทุกอย่าง แต่การมาบ่นทีหลังนี่มันไม่ใช่เรื่องเลย (ในเมื่อเลือกยอมรับวิถีนี้ เลือกเป็นผู้เล่นในเกมส์นี้แล้ว) ตราบใดที่คุณภาพมันยังต่างกันเกินในส่วนต่างๆ ยากครับ ที่จะหลุดพ้นวิถีนี้ แน่นอน ส่วนสำคัญอยู่ที่เด็ก แต่...ค่านิยมของครอบครัว พ่อแม่ +เด็ก ปลูกฝังมาอย่างไรนี่ก็สำคัญ บางคนไ่ม่จำเป็นต้องเรียนอะไรที่เลิศหรู แต่ไขว่คว้า พยายามก็เก่งได้  บางประเภทที่อยู่ที่ไหนก็เก่งหมดก็มี บางประเภทจริงๆเก่งแต่อยากเรียนที่ดีๆให้ได้ก็มี (เรื่องธรรมดานะ แต่จะไม่ธรรมดาตรง จ่ายทรัพย์นี่แหละ) ต้องให้การศึกษามีคุณภาพไม่ต่างกันมากในระดับทั่วๆไปนั่นแหละ (และเพียงพอ) ถึงจะเยียวยาปัญหาได้บ้าง (รวมถึงค่านิยมของครอบครัวนั้นก็ด้วยว่าปลูกฝังอย่างไร ต้องเรียน รร.ที่ดีที่สุด ม.ที่ดีที่สุด ตามความคิดตนรึป่าว) ยังไม่รวม พวกเอาลูกเข้าไป เพื่อสร้างคอนเนคชั่นอีกนะ พวกนี้ พร้อมจ่ายอยู่ละ จากคุณ : Loss of Divinity - [ 15 พ.ค. 52 02:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อีกเรื่อง เห็นในนี้ หลายคนบอกว่า เสนอว่า ให้/จะให้ ลูกไปเ้รียนติว กวดวิชา  (ไม่นับพวกเรียนภาษา ดนตรี) ตอนนี้ กวดวิชา เป็นคุณค่าที่ยอมรับได้แล้วหรือครับ จำได้นะ แต่ก่อนสังคมก็มาไล่เบี้ยกับพวกกวดวิชาอยู่พักนึง นัยนึง นี่คือภาพสะท้อน ความล้มเหลวของระบบการศึกษาภาคปกติใช่ไหม ? จากคุณ : Loss of Divinity - [ 15 พ.ค. 52 02:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผมว่าพูดเถอะครับ คุณโต ดูจากภาษาและความรู้ ผมว่าคุณโตคงรู้เรื่อง เบื้องลึก เบื้องหลังวงการศึกษาบ้านเราอยู่มากโข ที่คุณโตว่ามา ผมก็ยอมรับว่าความเป็นจริงเป็นเช่นนั้นครับ โรงเรียนจำเป็นต้องใช้เงินจริง คนจ่ายเงิน คนรับเงิน ก็ไม่ได้แปลว่าเลวครับ อันนี้ก็ยอมรับครับ  เพียงแต่วิธีการ....ผมมองอย่างไรมันก็ไม่เหมาะสม ผมคงไม่ต้องอธิบายว่าผมมองมันว่าไม่เหมาะสมอย่างไร มันคล้ายๆเป็นการคอร์รัปชัน กลายๆ ผมมองแบบนั้นจริงๆ เพราะนี่คือความเป็น นอกระบบ และไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ที่ กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งไว้ มันเป็นการสร้างค่านิยมแบบแปร่งๆในสังคม ที่ว่าสามารถทำอะไรนอกกฎเกณฑ์ได้ เส้นสาย เรื่องแบบนี้ก็จะไม่หายไปจากสังคมไทยเสียที ผมว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวว่าเอาเงินไปทำอะไร เพราะโรงเรียนเองก็ไม่น่าจะรับเด็กเกินความสามารถของโรงเรียน และไม่น่าจะรับเงินกันตั้งแต่แรก   อ่านมาถึงตรงนี้ คุณโตคงมองภาพออกว่าผมหมายถึงอะไร ผมไม่ได้ว่าเด็ก ไม่ได้ว่าผู้ปกครอง ไม่ได้ว่า ผอ ไม่ได้ว่าโรงเรียน ท่านใดท่านหนึ่งแบบเฉพาะเจาะจง หากจับแยกแล้วละก็ ทุกคนดีหมดเลยครับ โรงเรียนก็ดี ผู้ปกครองก้รักลูก เด็กก็ตั้งใจที่อยากจะเรียนหนังสือ แต่พอผมนำมารวมกัน เด็กอยากเรียนโรงเรียนดัง ผู้ปกครองก็อยากให้เด็กเรียนโรงเรียนดัง โรงเรียนต้องการเงิน ผู้ปกครองพร้อมจ่าย      พอเอาสิ่งที่ผมว่าไปรวมอยู่ด้วยกันในระบบเดียวกัน ผมมองว่านี่เป็นการ "ฮั้ว"  ระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองครับ ผู้ปกครองจ่ายเงินเพื่อให้ลูกได้เรียนแบบไม่ผ่านการสอบ ผู้รับเหมาจ่ายเงินให้ อบต. เพื่อให้ได้รับงานแบบไม่ผ่านการประมูล ผมมองอย่างไรๆ มันก็เหมือนกัน...   คุยกันนะครับ เพื่ออนาคตการศึกษาของประเทศไทย แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 03:56:23 จากคุณ : torprc - [ 15 พ.ค. 52 03:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 73 อ่านแล้วก็เศร้า จากคุณ : timtam_yummy - [ 15 พ.ค. 52 08:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 74 # 68 ปัญหานี้ก็เท่ากับเรายอมรับว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้คือความชอบธรรมกระนั้นหรือ ? แน่นอนถ้าจะบอกว่าลูกคุณไม่เก่งก็ไม่ต้องเข้าเรียนตามปกติก็ได้  แต่สิ่งหนึ่ง ที่ผู้บริหารต้องทราบว่าโรงเรียนคือสมบัติของประชาชน  เงินเดือนครูก็คือภาษี คุณจะนำสิ่งของประชาชนไปบริหารเพื่อแสวงหารายได้อันมิชอบหรือ? ถ้าคุณจะทำแบบนั้น  ทำไมผู้บริหารที่มีแนวคิดแบบนั้นไปลงทุนสร้างโรงเรียน เสียเอง  ไม่ใช่เอาภาษีของประชาชนเอาทรัพย์สินของประชาชนมาเพื่อแสวง หาผลประโยชน์จากคนอีกกลุ่มหนึ่ง  ซึ่งการกระทำเช่นนี้เราก็ยอมรับระบบส่วย สินบนตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานใช่หรือไม่  มันคือสิ่งที่ประชาชนต้อง ยอมรับว่าถูกต้องใช่หรือไม่  ถ้าจะดำรงความยุติธรรมจริงคุณต้องรับทั้งหมด ไม่ใช่เหลือที่ไว้สำหรับผู้มีเงินทองหรือทรัพย์มากเพียงพอที่จะจ่ายเพื่อชื่อเสียง ได้   ที่บอกว่าเงินจ่ายให้โรงเรียนไม่ดังมากกว่า  โรงเรียนดังน้อยกว่า  ผมถามหน่อย โรงเรียนที่ว่าดังๆมีชื่อเสียงต้องการเงินขนาดนั้นเพื่อไปพัฒนามาตราฐานการ ศึกษาหรือครับ  140 ล้าน คุณสามารถจ้างอาจารย์คุณวุฒิระดับด๊อกเตอร์ได้     ปีละกี่คน  ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วก็ใช้เงินรัฐจ้างเหมือนเดิมอยู่ดี จริงไหมครับ กี่คน  อาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญได้อีกกี่ตำแหน่ง จากคุณ : กบินทร์บุรี - [ 15 พ.ค. 52 11:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ผมยอมรับได้ว่า คนอื่นอาจไม่ต้องเชื่อเราเสมอไป เมื่อผมชี้แจงเหตุผลไปแล้วตามประสบการณ์ที่เจอมา ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อ ผมถือว่าเป็นเรื่องของคนอื่นไปแล้ว ไม่ว่ากันครับ ความคิดเป็นของคุณ ทีนี้ถ้าเราเชื่อว่า รร เองก็อยากรักษาชื่อเสียง การรับเด็กก็พิจารณาที่สอบก่อน ที่เหลือส่วนเกินค่อยพิจารณาเรื่องเงิน คุณจะพอเข้าใจว่า 140ล้าน ตามข่าวนั้น มันเกินความจริงไปมาก ทีนี้มันจะขึ้นอยู่ว่า จะเชื่อตามเหตุตามผลตามความเป็นไปได้ หรือว่า จะเชื่อตามข่าว รร ม4 ชื่อจะดังได้นี่ อย่างน้อยต้องสอบมหาลัยได้ 80% ขึ้นไปนะครับ เป็นไปได้หรือ? ที่ รร นั้นจะรับเด็ก 750 คน แล้วฝาก 450 คน ด้วยเงินคนละ 4-5 แสน ทำไปทำมา รร ม4 ชื่อดังที่รับเด็กขนาดนี้ มีอยู่แค่ รร เดียว แล้วปีนี้ รร นั้นสอบเข้ามหาลัยได้ 86-89% คำถามคือรับเด็กฝากเกือบ ครึ่ง จะรักษาระดับคุณภาพขนาดนี้ได้หรือ? เรื่องกวดวิชา นี่ผมบอกตรงๆว่า แทบจะยอมรับไม่ได้ แต่มันเป็นสิ่งจำเป็น เรื่องนี้ถ้าจะคุย คุยยาวมาก แต่บทสรุปคือ การกวดวิชาเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน ยกเว้น 1 ลูกคุณเป็นเด็กอัจฉริยะ (พ่อแม่หลายคนชอบคิดเช่นนั้น ภายหลังจึงรู้ว่าคิดผิด) 2 ลูกคุณไม่ได้มีเป้าหมาย ด้านการศึกษา คือ ทำอย่างอื่นได้ดีกว่า แต่ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้หรอก เอาเป็นว่า ใครใคร่เรียนก็เรียน ไม่อยากเรียน ก็ไม่ต้องเรียน ชีวิตมีทางเลือก ส่วนเรื่อง การใช้เงินจ่ายเพื่อเข้าไปเรียน รร ดัง มันเหมือนกับการจ่าย เพื่อได้งานประมูล สำหรับผมมันต่างกัน เพราะอย่างที่บอก สิ่งที่ รร ต้องการเป็นอันดับแรกคือ เด็กที่สอบเข้าได้ ผมมองเรื่องเด็กฝาก เป็นเรื่อง การลงทุนเพื่อลูก ไม่ต่างจากเอาลูกไปเรียน รร เอกชน หรือ เรียนอินเตอร์ ที่สำคัญเป็นการลงทุน ที่ไม่รู้ว่า จะคุ้มหรือไม่ เพียงเชื่อว่า มันจะคุ้มเท่านั้น เป็นการลงทุนที่ไม่ได้เอาเปรียบสังคม แต่จ่ายให้สังคมโดยอ้อมด้วยซ้ำ เพราะมันจะไปมีผลเรื่องการกระจายการศึกษา ที่หลายคนอยากให้เป็นไงครับ อ้อ อีกนิด ถ้าคุณคิดว่าเด็กที่พ่อแม่ใช้เงินให้เข้าเรียน แล้วโตขึ้นเด็กจะไปทำเรื่อง ประเภทโกงประมูล จะเป็นคนประเภทใช้เงินทำเรื่องเอาเปรียบสังคมล่ะก็ จากที่ผมเห็นมา มันไม่เป็นเช่นนั้นครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 15:33:46 จากคุณ : โต - [ 15 พ.ค. 52 15:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ท่านใดมีระเบียบการจ่ายเงินอุดหนุนของกระทรวงศึกษาธิการไหมครับ ว่าเขาจ่ายตามหลักเกณฑ์ใด โรงเรียนไหนจะได้มากได้น้อยขึ้นอยู่กับอะไร ตามจำนวนนักเรียน? ตามจำนวนห้องเรียน? หรืออย่างใด? ผมไม่อยากจะเชื่อว่าโรงเรียนดังได้เงินอุดหนุนน้อย เพราะความดังมันเป็น subjective จะเอาอะไรมาวัด จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 15 พ.ค. 52 15:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เราจะมีประชากรที่มีคุณภาพได้ยังไง ในเมื่อระบบการคัดเลือกคนมีความสามารถมันบิดเบี้ยวและใช้สองมาตรฐาน คนนึงมีความสามารถพยายามแทบตาย อีกคนใช้เส้นสายหรือกำลังเงินเพื่อมาอยู่ในจุดเดียวกัน ในเมื่อการเมืองเราเห็นว่าสองมาตรฐานนั้นทำให้บ้านเมืองเราเป็นขนาดไหน ครั้นจะมาหวังเพิ่งกับเยาวชนรุ่นใหม่ ก็เจอระบบสองมาตรฐานนี้จัดการตั้งแต่เริ่มเรียน ที่สำคัญคนในประเทศส่วนใหญ่ก้มหน้าและยอมรับกับระบบนี้ มือซ้ายเราชี้หน้าด่านักการเมือง แต่มือขวาเราจ่ายแป๊ะเจี้ยะ จากคุณ : ปวยพ้ง - [ 15 พ.ค. 52 15:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอต่ออีกหน่อยจะจบแล้ว ตามความเห็นผม ปัญหาหลายอย่างจะจบได้ด้วย การกระจายการศึกษา อย่างเท่าเทียม แต่กระจายการศึกษาจะทำอย่างไร ผมไม่ทราบ รู้อยู่แค่ว่าอย่าทำ อย่างที่ เคยทำๆมาคือ 1 ขจัด รร ดัง 2 ขจัด สถาบันกวดวิชา 3 บิดเบือนระบบการสอบเข้ามหาลัย ทางนี้เป็นทางที่ผิด รร ดัง จะไม่หมดไป แต่จะมีมากขึ้นๆ จนคนไม่เท ไปที่ใดที่หนึ่งมากเกินไป สถาบันกวดวิชา จะไม่หมดไปแต่จะสำคัญน้อยลง ถ้าเรากระจายการศึกษาอย่างทั่วถึง แต่หากใครคิดว่า ทำสามข้อนั้นแล้วมันกระจายการศึกษาได้ ผมว่าคิดผิด จากคุณ : โต - [ 15 พ.ค. 52 16:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ต้องขอบคุณ คุณโตด้วยนะ ที่กล้าพูดในประเด็นที่แตกต่าง มาเล่าเรื่องเก่าๆต่อ จำได้ว่าช่วงนึง หนีระบบกวดวิชาด้วยการให้ทำกิจกรรมใน รร เยอะๆ เอาเกรดใน รร ให้มากๆ สอบเข้ามหาลัยจะได้ไม่ต้องเครียด แต่หลังจากนั้น ดันออกกฏแอดมิชชั่นที่ว่า เอาคะแนนสอบครั้งแรกครั้งเดียวยื่นเท่านั้น เด้กเครียดหนักกว่าเดิมอีก โอกาสครั้งเดียวในขีวิต ไม่อยากพลาด กลายเป้นว่า ได้กวดวิชากันถ้วนทั่ว กลัวคะแนนจะไม่งาม จากคุณ : Loss of Divinity - [ 15 พ.ค. 52 17:12:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 http://www.kroobannok.com/view.php?article_id=482 ปัจจุบันรัฐจัดสรรเงินอุดหนุนในแต่ละระดับ ดังนี้ ระดับปฐมวัย 1,149 บาท ประถมศึกษา 1,499 บาท มัธยมศึกษาตอนต้น 2,649 บาท และมัธยมศึกษาตอนปลาย 3,249 บาท ซึ่งไม่เพียงพอ ทำให้สถานศึกษาจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาเพิ่มเติม http://blog.spu.ac.th/SPUcounsel/2009/03/05/entry-1 สำหรับอัตราเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนในโรงเรียนเอกชนต่อคนต่อปีของนักเรียนในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาและประเภทอาชีวศึกษาดังนี้ ก่อนประถมศึกษา 3,874 บาท ประถมศึกษา 3,404 บาท ม.ต้น 2,635 บาท ม.ปลาย สายสามัญ 2,605 บาท และสายอาชีพระดับ ปวช. สาขาช่างอุตสาหกรรมหรืออุตสาหกรรม 5,791 บาท พณิชยการหรือบริหารธุรกิจ 4,142 บาท ศิลปหัตถกรรมหรือศิลปกรรม 2,923 บาท เกษตรกรรมหรือเกษตรศาสตร์ 4,051 บาท คหกรรมหรือคหกรรมศาสตร์ 1,148 บาท ประมง 4,051 บาท อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 4,142 บาท และอุตสาหกรรมสิ่งทอ 5,791 บาท จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 15 พ.ค. 52 17:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 81 #76  จริงๆไม่ใช่โรงเรียนดังๆครับ แต่จ่ายให้เอกชน 70% ของที่จ่ายให้ โรงเรียนรัฐ จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 15 พ.ค. 52 17:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อยากถามเจ้าของกระทู้ว่า ถ้าสมมติ เงินที่คุณเสนอ ไป 2 แสน เนี่ย แล้วทำให้ลูกคุณได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนั้น คุณจะมาตั้งกระทู้แบบนี้มั้ยคะ อ่านแล้วต่อให้คุณบอกว่าคุณชินชา ชินชาแล้วทำไมพูดเหมือนว่า เนี่ยให้ไป 2 แสนยังไม่ได้เข้าเลย ต้อง 4 แสนน่ะ ถึงจะได้ แล้วก็เลยมาว่าระบบเขาคอรัปชั่น ถ้าสมมติว่า คุณไม่ได้เสนออะไรให้เขาเลย และเพียงแค่ไปทราบว่า ต้องเสียเท่านั้นเท่านี้ถึงได้เข้าเรียน แล้วก็มาตั้งกระทู้ถามกันแชร์กัน มันจะดูดีกว่าไหมคะ ระบบคอร์รัปชั่นมันไม่หมดไปหรอกคะ ถ้ายังมีคนเสนอเงินแบบเจ้าของกระทู้เนี่ยแหละ  ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกใช่ไหม  ถ้าคุณเสนอแล้วเขาไม่สนอง มันก็ไม่ได้ หรือ เขาเสนอแต่คุณไม่เสนอ มันก็ไม่ได้อีก เพราะฉะนั้น แก้ที่ตัวคุณก่อนนะคะ เลิกให้เงินใต้โต๊ะคนอื่นก่อน แล้วถ้าทำได้กันทุกคน เมื่อไม่มีใครให้เงินใต้โต๊ะ คนรับเงินมันก็จะลดไปเองนั่นแหละค่ะ จากคุณ : พิซซ่ากับอาเจ - [ 15 พ.ค. 52 20:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คห.82 พูดตรงดี จขกท.เงินน้อยมีแค่ 2 แสนก็เลยมาว่าระบบ สมมติลดลงเหลือ 2แสนจริงคงไม่มานั่งบ่นละมั้ง ทำไมต้องยึดติดขนาดนี้ ถ้าสอบไม่ได้คือไม่ได้ พวกนั้นคือสำรองคือรู้ๆว่าต้องจ่ายเงิน ลูกจขกท.ความสามารถไม่ถึง ก็ต้องจ่ายเงินแทน แล้วจะบ่นทำไมละครับ ถ้าสอบได้แล้วเรียกเงินอีก พอไม่ให้ เขาไม่ให้ลูกเรียน แบบนี้ละไปฟ้องและผมจะช่วยด่ามันให้เต็มที่เลย การศ฿กษาไทยมันพิการตั้งแต่ไปนั่งเอาใจครูแบบแปลกๆ ตัวเองไม่พอเพียง ไปซื้อรถ อะไรๆต่างๆ มีหนี้ก็ให้รัฐฯช่วย ระบบมันถึงมีแต่พวกครูเห็นแก่เงิน วัตถุนิยมไงละ ไม่เหมือนครูสมัยก่อน ที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูของจริง ไอ้เรื่องครูขาดแคลนนะมันไม่จริง วันก่อนรับสมัครที่แม่ฮ่องสอนรับไม่ถึงพัน คนสมัครหลายหมื่น ....ที่มันขาดจริงคือพื้นที่ธุรกันดารกับเสี่ยงภัย ไม่มีใครยอมย้ายไปมีแต่ย้ายออก ซึ่งน้อยมากๆ ข้อสำคัญ การศ฿กษา อย่าใช้ความเห็นใจ ต้องใช้ความเข้มแข็ง ระบบจึงสร้างคนเก่ง วิชาการเก่งให้สังคมได้ (เรื่องความดีเลวของคนไม่พูดถึง) ไม่ใช่ว่าคนสอบเข้าไม่ได้ ก็มีแต่คนปลอบใจว่าไม่เป็นไร เรียน ม.เอกชนหรือวิทยาลัยครูที่เปลี่ยนชื่อให้หรูขึ้น มีศักดิ์ศรีเท่ากัน เก่งเท่ากัน มันหลอกเด็กได้ แต่ความจริงในสังคมมันหลอกไม่ได้ ในใจคนพูดมันก็รู้ แต่แสร้งเป็นคนดี ... แบบนี้เด็กรุ่นหลังมันถึงเห็นความสำคัญของการศึกษาน้อยลงเพราะคิดว่าสิ่งที่ไอ้คนนั้นมันพูดเป็นเรื่องจริง การแข่งขันต่ำ คนที่สอบได้คุณภาพก็ลดลง เหมือนกับที่หลายมหาลัยออกมาบอกข้อมูลว่า เด็กวิศวฯปี 1 สอบตกวิชาพื้นฐาน เกือบครึ่ง เป็นภาระของมหาลัยต้องมาสอนเสริมให้เด็กอ่อนพวกนี้อีก จากคุณ : แข่งขันไม่ใช่เห็นใจ - [ 15 พ.ค. 52 20:51:35 A:125.25.101.65 X: TicketID:192091 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ผมสอบเข้าโรงเรียนดังโรงเรียนหนึ่งได้ แม่ผมบริจาคให้โรงเรียน ๒๐ บาท กับกล้วยน้ำว้าสองเครือ เพื่อนๆหลายคนเป็นเด็กฝากเด็กเส้น เข้ามาเรียน แต่มันสอบได้ เลขตัวเดียวตลอดเลย สมัยก่อนไม่ได้เรียนแบบหน่วยกิต เพื่อนๆที่เป็นเด็กเส้น มันจะอายมาก และตั้งใจเรียนมากเป็นพิเศษ พวกที่สอบได้ปกติเสียอีก เรียนไปเรียนมาทำท่าจะไม่รอด จากคุณ : q_cosmo - [ 15 พ.ค. 52 21:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 85 นั่นไง! จากข้อมูลที่คุณ house (panote_saechiew) คห. 80 และ 81 ให้มา (ขอบคุณครับ) มันไม่เกี่ยวกับความดังหรือไม่ดัง แต่เกี่ยวกับว่าเป็นโรงเรียนของรัฐหรือเอกชน กล่าวถึงโรงเรียนเอกชน ถึงแม้จะได้รับเงินอุดหนุนเพียง 70% ทำไมเขาอยู่ได้ แม้จะเป็นโรงเรียนที่ไม่ดัง ไม่มีแป๊ะเจี๊ยะ เพื่อนผมเป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ไม่ใช่โรงเรียนดังหรอกครับ แป๊ะเจี๊ยะไม่มี แต่มันขับเบ็นซ์คันนึง วอลโว่อีกคัน แล้วยังมีปิ๊กอัพอีก พี่ชายผม ลูกของป้า เป็นเจ้าของโรงเรียนแห่งหนึ่งแถวเมืองนนท์ ก็แบบเดียวกันเลย ทำไมเขาอยู่ได้ รวยด้วย โดยที่ไม่ต้องมีแป๊ะเจี๊ยะเลย โรงเรียนที่ผมเรียนสมัยมัธยมต้น เครือเซ็นต์กาเบรียล ปัจจุบันผมเป็นกรรมการสมาคมศิษย์เก่าอยู่ด้วย จึงได้เห็นงบการเงินของโรงเรียน ปกติแล้วอยู่ได้ครับ หมายถึงว่า day-to-day operation นะ แต่บางปีไม่พอ ต้องขอการสนับสนุนจากส่วนกลางแล้วค่อยทะยอยส่งคืนทีหลัง แต่นั่นเป็นเพราะโรงเรียนต้องการขยาย ซื้อที่ดินเพิ่ม สร้างตึกใหม่พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอน แต่ใครมันจะทำอย่างนี้ทุกปีล่ะครับ 10 ปี 20 ปี ค่อยว่ากันที คุณต้องแยกให้ออกว่าอะไรคือ profit & loss  อะไรคือ cashflow ท่านใดที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ ช่วยอธิบายต่อทีครับ ผมขี้เกียจจะพูดแล้ว ธุรกิจโรงเรียน ขอให้มีจำนวนนักเรียนมากพอ เก็บค่าเทอมตามปกติ แค่นี้ก็รวยแล้วครับ เทียบได้กับธุรกิจอื่น เช่น โรงงานอุตสาหกรรม มีออเดอร์เยอะ เครื่องจักร run 70-80% ของ full capacity แค่นี้ก็นับเงินไม่หวาดไหวแล้ว ขนาดไม่มีแป๊ะเจี๊ยะ โรงเรียนยังอยู่ได้สบายมาก แล้วถ้ามีแป๊ะเจี๊ยะ เงินแป๊ะเจี๊ยะนั้น ........ ไปไหน? ที่ว่าเฉพาะค่าเทอมไม่พอ บวกกับเงินอุดหนุนแล้วก็ยังไม่พอ จำเป็นต้องเก็บแป๊ะเจี๊ยะ ........ มั่วนิ่มครับ จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 15 พ.ค. 52 22:09:53 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เห็นคนในนี้บอกให้เอาโรงเรียนดังๆออกนอกระบบ ดิฉันไม่เห็นด้วยนะคะ แก้ปัญหาไม่ตรงจุดค่ะ ต่อไปคนจนจะเข้าเรียนไม่ได้เลย จะเด้กสอบหรือเด็กฝากก้อต้องรวยไว้ก่อน สอบติดจ่ายน้อยหน่อย สอบไม่ติดจ่ายมากหน่อย ถ้าคุณยังไม่เห็นภาพ ลองดูมหาลัยดังๆที่ทยอยออกนอกระบบกันสิคะ สมัยกิฟท์เรียน ค่าเทอม 10,000 บาทก่อนออกนอกระบบ ตอนนี้พอออกแล้ว ค่าเทอมขึ้นเท่าตัว ตรงนี้คนจนจะเอาที่ไหนมาจ่ายคะ จากคุณ : invisible_cat - [ 15 พ.ค. 52 22:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ผม จขกท. ครับ ผมหายไปหลายวัน หาโรงเรียนลูกอยู่ เพิ่งหาได้เมื่อวานเลยวุ่นๆ ------------------- ตอบคุณความเห้น 58 ผมบอกไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า ถ้าลูกผมได้เข้าเรียนจากการฝากเงิน ผมอาจจะมีอีกแนวคิดนึงก็ได้ ซึ่ง กระทู้นี้ก็คงไม่ได้เกิดขึ้น ผมไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะมีคนแบบผมอยู่ ระบบมันถึงได้ยังคงอยู่ ผมยอมรับผิดเลย แต่ 1 ในเหตุผล ที่ผมต้องทำคือ วันที่สอบในโรงเรียนดังกล่าว มันคือวันมอบตัวของลูกของผมที่โรงเรียนเดิม กล่าวคือ ถ้าลูกผมไปสอบ ก็ต้องออกจากโรงเรียนเดิมโดยปริยาย คราวนี้ถ้าลูกผมไม่ติด ลูกผมก็ไม่มีที่เรียน กลับไปที่โรงเรียนเดิมไม่ได้ อันนี้คือ 1ในเหตุผลซึ่งฟังดูเหมือนข้อแก้ตัว แต่ผมก็ยอมรับผิด แล้วถ้าถามผมว่าทำไมถึงอยากให้ลูกเรียนโรงเรียนที่มีชื่อ ตามความเห็นของผมคือ อาจารย์บางคนสอน นร.ในห้องเรียน โดยจะกั่กความรู้เอาไว้ เพื่อที่จะให้ นร. ไปเรียนพิเศษกับเค้า ซึ่งผมว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ควร ถ้าอ่านตั้งแต่ต้น จะเห็นว่าผมไม่ได้ว่าผู้ปกครอง นร. ผอ. หรือใครเลย ผมต่อว่าเพียงแค่ระบบเท่านั้น ผมถามจริงๆว่า ถ้าโรงเรียนมีนโยบายที่จะรับนร.โดยสอบเข้าแล้ว หรืออาจจะรวมถึงโควต้าผู้มีอุปการะคุณหรือความสามารถพิเศษที่แน่นอน ถ้ามีนร.ที่สอบได้สละสิทธิ์ อันดับถัดไปจะถูกแทนที่ เป็นจำนวนที่แน่นอนหรือโปร่งใส ผมก็คงไม่หน้าด้านไปยื่นเงินหรอก ------------------ มาถึงตรงนี้อาจจะมองว่าผมกำลังแก้ตัวอยู่ มาถึงตรงนี้ผมยอมรับว่าผมผิด ผมเป็นคนนึงก็ส่งเสริมระบบนี้ ทุกคนจะมาต่อว่าผมก็ได้ แต่ขอให้ทุกคนลองกลับไปอ่านความเห็นต่างๆ แล้วลองคิดตาม ว่าสิ่งไหนควรจะมีหรือควรจะหายไป ซึ่งคำตอบอาจจะเป็น คนอย่างผมควรจะหายไป......... ขอบคุณครับ จากคุณ : Everlasting - [ 16 พ.ค. 52 00:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อ่านแล้วก็เข้าใจคุณ จขกท ค่ะ ลูกดิฉันตอนเล็กๆ สอบเข้า ป.1 เราก็ตัดสินใจบริจาค 2 แสนบาทให้โรงเรียนเอกชนค่ะเพื่อความแน่นของวิชาการ และซื้อสังคมให้ลูก และเราก็คิดว่าคุ้มเพราะลูกต้องเรียนถึง 12 ปี แล้วเราก็ไม่มีเงินพอจะให้ลูกเรียน EP หรือ Inter ค่ะ ซี่งลูกก็ไม่ทำให้ที่บ้านผิดหวังค่ะ และเขาก็รักโรงเรียนเขาค่ะ ลูกมาตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนที่ศาลายาเพราะม.ปลายหากอยู่โรงเรียนเดิมก็ต้องเริ่มเรียนกวดวิชาซึ่งลูกไม่ชอบค่ะ เมื่อสอบได้เขาก็ไม่ยอมไปสอบที่โรงเรียนดังอีกที่เพราะเขาทราบข่าวจากคุณครูที่โรงเรียนเดิมว่าหากสอบได้แล้วสละสิทธิ เพื่อนๆที่ติดสำรองจะต้องบริจาคเพือจะได้ถูกเรียกตัว จำนวนก็ประมาณที่คุณ จขกท บอกล่ะค่ะ ส่วนตัวดิฉันแล้ว การบริจาคเป็นความสมัครใจค่ะ ถ้าเราคิดว่ามากเกินไปก็ต้องหาโรงเรียนใหม่ที่เหมาะกับลูกค่ะ อนาคตของลูกไม่ได้ขึ้นกับโรงเรียนเพียงที่เดียว ความมุ่งมั่นของลูกต่างหากค่ะที่สำคัญ จากคุณ : คนเป็นแม่ - [ 16 พ.ค. 52 01:16:35 A:58.64.112.98 X: TicketID:128181 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เห็นด้วยกับคุณโตค่ะ จากประสบการณ์ตรงที่ดิฉันได้พบมา และจากเพื่อนค่ะ ดิฉันเองก็เป็นเด็กที่เรียนเอกชนมาตั้งแต่เด็กๆ และเคยอยู่รร.ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง จากตอนแรกที่จะเข้ารร.นี้ ดิฉันก็ได้ทราบมาว่ารร.นี้มีแต่เด็กเส้น จะเข้ายังไงก็เสียเป็นเเสน ถ้าไม่เสียเงินเป็นแสนยังไงก็เข้าไม่ได้ค่ะ แล้วดิฉันก็เลยลองไปสอบดู ปรากฎว่าสอบติดค่ะ เงินบริจาค รร.ดิฉันก็อยู่ในหลักหมื่นต้น จากที่คนอื่นว่ากันเป็นแสน ดิฉันก็เข้าได้โดยที่ไม่เสียเงินเพิ่มเลยนอกจากเงินหมื่นต้นๆนั้น ดิฉันรู้สึกภูมิใจ เพราะคิดว่าเราเสียน้อย จากที่คนอื่นๆเค้าเสียกันเป็นเเสน แต่พอได้เข้าเรียนจริงๆที่รรนั้น ก็ได้ทราบมาว่า เพื่อนๆบางคนไม่เสียเงินซักบาท ที่เสียแพงๆ มีแต่คนที่สอบไม่ติด และคนที่ติดสำรอง ซึ่งจากที่ได้ทราบมา มันไม่ตรงกับข่าวที่ได้ยินต่อๆกันมาเลย ที่ว่ารร.นี้จะเข้ายังไงก็ต้องเสียเป็นเเสน มันไม่จริงเลยค่ะ ทำให้ดิฉันได้ข้อคิดว่า อย่าเชื่อข่าวก่อนที่จะได้ลองด้วยตัวเองจริงๆค่ะ จริงค่ะ ที่เงินก็มีส่วนช่วยในการเข้าเรียน แต่ยังไงเค้าก็เลือกเด็กที่มีคะเเนนสอบสูงผ่านเกณฑ์มาก่อนอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าถ้ารับเเต่เด็กเส้นแล้วถ้าเด็กไม่มีคุณภาพ สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด รร.ก็คงไม่มีชือเสียงจนคนอยากเข้ามากถึงขนาดยอมเสียเงินเป็นแสนๆกันหรอกนะคะ จากมุมมองของดิฉันเอง ดิฉันคิดว่าก่อนที่เราจะไปโทษรร. หรือการคอรัปชั่นต่างๆที่มันก็แก้ไขค่อนข้างยากหรืออาจแก้ไม่ได้ เราควรดูแลให้เด็กขยันเรียน มีความรู้เพียงพอที่จะสอบติดก่อนดีกว่าค่ะ เพราะว่าถ้าเด็กสอบติด ยังไงก็ไม่เสียเงินเยอะขนาดนี้แน่นอนค่ะ ถ้าลูกคุณไม่สามารถสอบติดด้วยตนเอง ดิฉันก็มีเพื่อนที่เรียนรร.ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงหลายคนนะคะ เลยได้รู้หลายๆอย่างเกี่ยวการรับเด็กเข้าเรียน เช่น รรของเพื่อนดิฉัน ไม่รับเข้าเรียนทั้งๆที่เค้าเป็นคนเรียนเก่ง คิดว่าน่าจะสอบติดแน่นอน และให้เงินพอสมควร แต่เพราะเค้าซอยผมจนผิดกฎของรร.เลยเข้ารรนั้นไม่ได้ค่ะ ทำให้รู้ว่า รร.ให้ความสำคัญกับกฎมากเลยทีเดียว ถ้าให้เลือก รรก็เลือกนร.ที่ทั้งไม่ผิดกฎและเรียนดีค่ะ แล้วเรื่องที่เด็กสอบไม่ติดแล้วเสียเงินเข้า จะได้แต่คิดว่าทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงินนั้น มันเป็นเรื่องของจิตสำนึกของคนค่ะ เพื่อนของดิฉันที่สอบติดสำรอง แล้วเสียเงินเข้านั้น พอได้เข้าเรียนก็เรียนดีกว่าเด็กสอบติดบางคนอีกค่ะ เพราะเค้ารู้ว่าเค้าสอบไม่ติด ไม่ผ่านเกณฑ์ เค้าก็พยามยามและตั้งใจเรียนค่ะ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าเรียนจบจากจากรร.ดีๆจะได้ดีเสมอไปนะคะ มันอยู่ที่จิตสำนึกของคน ถ้าเรามีความพยายามจริงๆ ถึงอยู่รร.ที่ไม่มีชื่อเสียง ยังไงก็ได้ดีค่ะ เพียงแต่ดิฉันคิดว่าการที่ได้อยู่รร.ดีๆนั้นสังคมดีกว่า แล้วก็อุปกรณ์การเรียนการสอน ครบครันกว่าค่ะ จากคุณ : ความเห็นส่วนตัวนะคะ - [ 16 พ.ค. 52 21:58:40 A:125.24.82.117 X: ]

ความคิดเห็นที่ 90 จากเม้นของ จขกท. ที่ 58 ไอที่ว่าห้ามกลับเข้า รร.เดิมอะครับ จริงๆแล้ว มันก้มีกฏหมายนะครับ ที่เกี่ยวกับการศึกษา ถ้าผมจำไม่ผิดนะ รร.จะห้ามมอบตัวในวันที่มีรร.อื่นสอบซึ่งเราสามารถจะไปประท้วงได้ แต่ที่แย่ก้คือลูกจะไม่สามารถสู้หน้าเพื่อนได้ จากคุณ : ไม่ระบุ - [ 17 พ.ค. 52 22:04:04 A:58.8.24.110 X: ]