พึ่งมีโอกาสไปสอบโทอิคมาวันจันทร์ที่แล้ว เลยมาแชร์ประสบการณ์และเทคนิคในการสอบกับเพื่อนๆครับ
การจองสอบใช้วิธีโทรศัพท์จอง หากต้องการเลื่อนหรือยกเลิกวันที่จอง
ต้องโทรไปแจ้งล่วงหน้า 1 วันนะครับ ไม่งั้นเจอค่าปรับ 500 บาท
วันสอบจริงต้องไปถึงล่วงหน้าสักเล็กน้อยเพื่อเอาบัตรเข้าสอบ โดยต้องเตรียมบัตร ปชช. ไปด้วย
เมื่อเข้าห้องสอบ ผู้คุมสอบจะบอกขั้นตอนการกรอกชื่อและรายละเอียดอื่นๆลงในกระดาษคำตอบ
หลังจากนั้นจะแจกข้อสอบและบอกให้เปิดข้อสอบได้จึงเริ่มเปิดเทปการฟัง
ในช่วงนี้เทปจะพูดถึงวิธีการทำสอบในส่วนที่1 และตัวอย่าง ซึ่งเราสามารถเอาเวลานี้ไปอ่านข้อสอบคร่าวๆก่อนได้
ข้อสอบการฟังจะมี 100 ข้อ แบ่งเป็น 4 part นั่นคือ
1. รูป 20 ข้อ - จะมีเสียงอ่านประโยคสั้นๆ และเลือกรูปที่ตรงกับคำบรรยายนั้น ในส่วนนี้จะค่อนข้างง่ายและตรงไปตรงมา
แต่ระวังอย่าฟังได้แค่คำเดียวแล้วนำมาตอบ เพราะโจทย์จะหลอก
2. ถาม-ตอบ 30 ข้อ - เสียงจะอ่านคำถาม และ คำตอบที่เป็นไปได้ 3 ข้อ ให้เลือกคำตอบที่ตรงกับคำถาม
ส่วนนี้หากฟังไม่ออก ให้เน้นฟังคำแรกของคำถาม เช่น When, What, Why, How many?
เพราะบางครั้งเราสามารถเดาคำตอบได้จากคำแรกของคำถาม
3. ฟังบทสนทนา 30 ข้อ - ให้เราฟังบทสนทนาและอ่านคำถามในกระดาษคำถาม เลือกคำตอบที่สอดคล้องกับบทสนทนา
ส่วนนี้ให้เราอ่านโจทย์ก่อนที่เสียงอ่านจะเริ่ม เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าตรงไหนคือสิ่งที่ต้องฟังเพื่อนำมาตอบ
4. ฟังบทสนทนายาว 20 ข้อ - เหมือนกับส่วนที่ 3 แต่ว่าคราวนี้ 1 บทสนทนา จะใช้ตอบคำถาม 2-3 ข้อ แทนที่จะเป็น 1 ข้อแบบส่วนที่สาม
เทคนิคคือให้อ่านโจทย์คร่าวๆก่อนที่เสียงจะเริ่มเช่นกัน
ถ้าอ่านไม่ทันเสียงเริ่มจะทำอย่างไร? ข้อแนะนำคือ อย่าพึ่งฝนคำตอบครับ ให้เราติ้กขีดเอาไว้ จะได้ไม่เสียเวลาฝน
ค่อยฝนทีหลังตอนทำส่วนของการอ่านก็ได้
ข้อแนะนำในเรื่องของการฟังคือ อย่าลน ถ้าข้อไหนฟังไม่ทันก็ข้ามไปเลย อย่าให้เสียข้ออื่นไปด้วย
ในส่วนของการฟังนี้ โจทย์จะอนุญาตให้ผิดได้ 10 ข้อ ก่อนที่จะเริ่มหักคะแนน นั่นคือต่อให้ได้ 90/100 ก็ยังถือว่าได้คะแนนเต็ม 495 อยู่
ซึ่งใครที่สามารถฟังได้ดีอยู่แล้ว การจะเอาเต็มในส่วนนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่ยากเลยครับ
อยากฟังให้เก่งทำอย่างไร? ฟังข่าวภาษาอังกฤษเป็นทางเริ่มที่ดี ดูหนังฟังเพลงก็สามารถช่วยได้
หรือไม่ก็ไป meeting ห้องภาษาอังกฤษโลด ได้ทั้งพูดทั้งฟัง :D
การฝึกฟังนี้หักโหมไปก็ใช่มีประโยชน์ สำคัญคือทำวันละนิดวันละหน่อย แต่ทำอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นการฝึกฝนที่ดีที่สุด
ต่อมาจะเข้าสู่ส่วนของการอ่าน 100 ข้อ 75 นาที แบ่งเป็น 3 part
1. เติมประโยค 40 ข้อ - โจทย์จะให้ประโยคและเว้นช่องให้เติมคำ ซึ่งส่วนนี้จะทดสอบความสามารถในด้านไวยากรณ์และคำศัพท์
การเลือกใช้คำสันธานที่ถูกต้อง
ในส่วนของไวยากรณ์นี้ก็ให้เตรียมตัวอ่านมาให้ดี ส่วนคำศัพท์นั้นต้องอาศัยประสบการณ์ในการอ่านและเลือกใช้คำ
ขยันเปิดดิค และควรเป็นดิค Eng-Eng แต่สำหรับหลักสูตรเร่งรัดก็ให้ไปหาพวก essential words for TOEIC มานั่งท่องดูคงจะพอช่วยได้บ้าง
2. เช็คคำผิด 20 ข้อ - โจทย์จะให้ประโยคผิดๆมาและขีดเส้นใต้บางส่วน ให้เราเลือกตอบส่วนที่ต้องมีการแก้ไขเพื่อทำให้ประโยคถูกต้อง
ส่วนนี้เน้นไวยากรณ์ ให้ดูดีๆพวก verb,pronounที่ผิดรูป nounที่เติม-ไม่เติมs คำสันธานต่างๆ
3. อ่านบทความ 40 ข้อ - อ่านบทความและตอบคำถาม ในส่วนนี้ให้ดูเวลาๆดี หลายคนทำไม่ทันเพราะมัวแต่นั่งอ่าน
แนะนำให้อ่านโจทย์คร่าวๆก่อน แล้วค่อยมาอ่านบทความ ในส่วนนี้เราต้องอ่านได้เร็วพอสมควร
ในบางบทความจะเน้นอ่านเอารายละเอียด ในขณะที่บางบทความจะเน้นอ่านเอาใจความสำคัญ
ในส่วนของการอ่านจะสามารถผิดได้ 3 ข้อ ก่อนที่จะเริ่มหักคะแนน ซึ่งใครที่อยากได้เต็มส่วนนี้ก็ต้องละเอียดพอสมควร
บางทีทำเร็วเกินไป อ่านข้ามไปบางส่วนทำให้ผิดเอาได้ง่ายๆ
เทคนิคในการทำส่วนการอ่านของผมคือ ทำด้วยปากกาในกระดาษคำถามก่อน แล้วค่อยมาฝนคำตอบทีหลัง
เพราะโดยส่วนตัวรู้สึกว่าทำแล้วมันลื่นกว่า ไม่ต้องเสียเวลาก้มๆเงยๆ แต่อย่าลืมเผื่อเวลาฝนในตอนสุดท้ายไว้ด้วยนะครับ
ปัญหาของคนส่วนมากใน part นี้คือ ทำไม่ทัน ซึ่งเป็นเพราะ อ่านช้า ถ้าเรารู้ตัวว่าอ่านช้า ทางแก้ควรทำอย่างไร? มีสองทางเลือก
1. อ่านให้เร็วขึ้น - พูดง่ายแต่ทำยาก อ่านอย่างไรจึงอ่านเร็ว? คำตอบคืออ่านให้มาก เมื่ออ่านมาก ความเร็วก็ยิ่งมากไปด้วย
ทางแก้นี้ดีแต่ใช้เวลาฝึกฝน ดังนั้นสำหรับคนที่อยากได้แบบเร่งรัดโปรดดูข้อ2
2. อ่านให้น้อยลง - ในเมื่อเราอ่านช้า เวลาทำข้อสอบยังจะอ่านเยอะอีกมันจะไปทันได้อย่างไร
ดังนั้นอ่านให้น้อยลง อ่านเฉพาะส่วนที่ต้องอ่าน ไม่ต้องอ่านทั้งบทความ
ในหลายบทความของโทอิค คำถามมักจะถามรายละเอียดเล็กๆ เช่น รถไฟที่ไปเมือง A จะออกเมื่อไหร่? การประชุมจะมีวันไหน?
ซึ่งเราอ่านแค่ส่วนที่ต้องนำมาตอบก็เพียงพอ การอ่านแบบนี้เรียกว่า skimming
เรื่องของเวลาในการทำสอบเป็นเรื่องซีเรียสนะครับ หมดเวลาปุ๊บ จนท.คุมสอบจะสั่งให้ท่านวางดินสอทันที ไม่มีสิทธิ์ฝนเพิ่มใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นบริหารเวลาให้ดี หากมีเวลาเหลือก็ลองนั่งตรวจทานดูสักรอบ เผื่อจะมีหลงสะเพร่า
เมื่อสอบเสร็จก็กลับบ้านไปนอนรอลุ้นผลคะแนน ซึ่งจะออกในวัดถัดไป วิธีการรับผลคะแนนเลือกได้ 2 วิธี คือ
1. รับด้วยตนเอง - ต้องเอาบัตรสอบ และบัตร ปชช. ไปรับด้วย ถ้าใครรีบใช้ผลก็แนะนำวิธีนี้
2. ไปรษณีย์ - เสียค่าใช้จ่าย 50 บาท นอนรอที่บ้านสบาย แต่จะมาถึงช้ากว่าไปรับเอง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดและเป็นวิธีที่ดีในการทำสอบให้ได้คะแนนดี ไม่ใช่ทริค เทคนิค หรือการเตรียมตัวสอบเป็นพิเศษใดๆ
แต่คือการฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นความสามารถทางภาษาขึ้นมาจริงๆ ที่ไม่เลือนหายไป
ขอให้ทุกท่านที่กำลังจะสอบมีกำลังใจในการพัฒนาทักษะทางภาษาของตนเอง และโชคดีในการสอบครับ
แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 16:49:54
จากคุณ :
Azure_Mile
- [
13 พ.ค. 52 16:47:45
]